คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.1 เต็ม 10
|
|
หากคุณกำลังหาซื้อ กล้องวงจรปิด ที่ดี ๆ สักตัวนึง ที่ติดตั้งง่าย ๆ ใช้งานไม่ยาก แถมมีฟีเจอร์ให้ครบครัน สามารถนำไปติดตั้งที่บ้าน หรือออฟฟิศได้ง่าย ๆ ด้วยตนเอง เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้กับชีวิตและทรัพย์สินของทุกคนที่อยู่ที่นั่น หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไม่ว่าจะกับใครก็ตาม อย่างน้อยคุณจะมีภาพจากกล้องที่สามารถช่วยยืนยันได้ว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ? และเหตุการณ์เป็นมาอย่างไร ? ซึ่งแน่นอนครับ การมีกล้องวงจรปิดมาช่วยเป็นหูเป็นตาให้เรานับเป็นสิ่งสำคัญในยุคนี้ วันนี้เราจึงเลือกซื้อกล้องวงจรปิดมาตัวหนึ่ง โดยเป็นกล้องรุ่นใหม่จากแบรนด์ชั้นนำอย่าง TP-Link ที่เรามองว่าน่าสนใจที่สุด ณ ตอนนี้ กับรุ่น TP-Link VIGI C540 Series
เมื่อเราพูดถึง TP-Link หลาย ๆ คนคงมั่นใจในคุณภาพของแบรนด์นี้กันอยู่แล้ว เพราะนี่คือ หนึ่งในแบรนด์ชั้นนำของโลก โดยเป็นผู้นำทางด้านอุปกรณ์เครือข่ายมายาวนานนับสิบ ๆ ปี และด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของทุกวันนี้ TP Link จึงได้มีการขยายตลาดไปยังอุปกรณ์อื่นที่เกี่ยวพันกับระบบเครื่องข่ายด้วย อย่าง Smart Home ทาง TP-Link ก็ได้พัฒนาอุปกรณ์อัจฉริยะออกมาหลายตัวนะครับ ไม่ว่าจะเป็น ปลั๊กไฟ, หลอดไฟ, กริ่งประตู แต่อุปกรณ์ที่โดดเด่น และเราได้เลือกซื้อมารีวิวในวันนี้ ก็คือ กล้องวงจรปิด (IP Camera) ครับ ในรุ่น TP-Link VIGI C540-W กล้องวงจรปิดเครือข่ายรุ่นใหม่ ที่บันทึกภาพได้คมชัดถึงระดับ 2K เก็บภาพสีได้ 24 ชั่วโมง พร้อมการตรวจจับด้วยระบบ AI ที่แม่นยำ แถมมีแอป VIGI ที่ใส่ฟีเจอร์แบบจัดเต็ม เดี๋ยวเรามาดูกันครับว่า กล้องรุ่นนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ? ใช้งานติดตั้งอย่างไร ? และภาพที่ได้จะคมชัดแค่ไหน ?
คลิปวิดีโอ รีวิวกล้องวงจรปิด TP-Link VIGI C540-W รุ่นใหม่ เก็บภาพสีได้ 24 ชั่วโมง
คุณสมบัติเด่นของ TP-Link VIGI C540 Series

กล้องวงจรปิด TP-Link VIGI C540 Series เป็นกล้องรุ่นใหม่ของ TP-Link ครับ ที่มาในราคาประมาณ 3 พันบาท บวกลบ ครับ สำหรับบางคนอาจจะมองว่า มันแพงไปหน่อย ซึ่งก็จริงครับ แต่เราอยากให้มองในรายละเอียด รวมถึงคุณสมบัติต่าง ๆ ด้วยว่า มันทำได้จริงรึเปล่า ? มีความแม่นยำมั๊ย ? รวมถึงแอปฯ และการรับประกัน ทำได้ดีแค่ไหน ? ซึ่งใช่ครับ ในเรื่องประสิทธิภาพ เราก็ต้องมาทดสอบกันดู แต่ด้านแอปฯ และการรับประกัน TP-Link มันดีกว่าแน่ ๆ ดังนั้นส่วนตัวเรามองว่า การเลือกซื้อกล้องแพง ๆ ไปเลย มันคุ้มค่ากว่ามากครับ และนี่คือคุณสมบัติที่เด่น ๆ บางส่วนของ TP-Link VIGI C540-W ครับ
- เซ็นเซอร์รับภาพความไวสูง ความละเอียดถึง 4MP
- ให้ภาพความละเอียดสูงสุด 2K
- บันทึกภาพสีได้ 24 ชั่วโมง ทั้ง เวลากลางวัน และกลางคืน
- เทคโนโลยี SmartVid-Smart Video Enhancement ช่วยให้ภาพเวลากลางคืนคมชัด และเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น
- กล้องเป็นแบบ Powerful Pan Tilt ปรับทิศทางได้
- ตั้งเวลาในการแพนกล้องไปยังทิศทางที่ต้องการได้
- มีเทคโนโลยี Auto Tracking ที่นำระบบ AI เข้ามาช่วยในการตรวจจับ และติดตาม
- มีเทคโนโลยี Smart Detection พร้อมการแจ้งเตือนต่าง ๆ
ข้อมูลจำเพาะของ TP Link VIGI C540-W
![]() |
|
ความแตกต่างระหว่าง VIGI C540 กับ VIGI C540-W
|
|
สำหรับ TP-Link VIGI C540 Series จะมีให้เลือก 2 รุ่น ครับ ซึ่งทั้งคู่จะมีสเปก ควมคมชัด และฟีเจอร์ที่เหมือนกันทุกอย่างเลย แต่จะต่างกันเพียงอย่างเดียวนั่นคือ วิธีการเชื่อมต่อกับเครือข่าย โดย VIGI C540 รุ่นธรรมดา จะมีการติดตั้งทำวิธีเดียวคือ ต้องเดินสาย LAN จากเราเตอร์ (Router) มาที่ตัวกล้องเท่านั้น ซึ่งรุ่นนี้จะมีรองรับ PoE ด้วย ทำให้เราเตอร์สามารถส่งมาทั้ง ไฟเลี้ยง และสัญญาณเครือข่ายได้ มันจึงไม่จำเป็นต้องต่อไฟเลี้ยงเพิ่มอีก แต่ VIGI C540-W รุ่นไร้สายจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายได้ 2 วิธี คือ ใช้ Wi-Fi หรือสาย LAN ก็ได้ แต่จะไม่รองรับ PoE ทำให้ไม่สามารถรับไฟเลี้ยงจากสาย LAN ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเชื่อมต่อวิธีไหน มันจำเป็นจะต้องต่อไปเลี้ยงเพิ่มเสมอครับ
แกะกล่อง ดูดีไซน์การออกแบบตัวกล้อง

เรามาดูที่ดีไซน์การออกแบบตัวกล้องกันก่อนครับ โดยในภาพรวมทั้งคู่จะเหมือนกันทั้งหมดครับ ต่างกันแค่ VIGI C540 จะไม่มีเสาอากาศ ส่วนรุ่น VIGI C540-W จะมีเสาอากาศให้ 2 เสา สำหรับรับสัญญาณ Wi-Fi โดยทั้งคู่มีดีไซน์ตัวกล้องมาในแบบโดมครับ แบ่งเป็น 2 ส่วน ก็คือ โดมด้านบนที่จะช่วยกันน้ำระดับ IP66 ทำให้สามารถติดตั้งได้ ทั้ง ภายใน และภายนอกครับ ส่วนด้านล่างเป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ และเลนส์กล้องที่ดีไซน์มาให้สามารถปรับมุมกล้องได้แบบ Powerful Pan Tilt

โดย VIGI C540-W สามารถแพนไปทางซ้าย-ขวาได้ 350 องศา หรือเกือบรอบทิศทาง และแพนขึ้น-ลงได้ 120 องศา ครับ ซึ่งสามารถปรับลงได้จนสุดเลย ดังนั้นไม่ว่าใครจะมาหลบอยู่ใต้ตัวกล้องเราก็แพนกล้องลงไปดูได้ครับ แถมยังมีรูปแบบในการแพนกล้องให้ถึง 4 รูปแบบ ทั้ง การแพนด้วยตัวเอง กำหนดมุมกล้องล่วงหน้า การลาดตระเวน และการแพนกล้องตามการเคลื่อนไหว ครับ เมื่อเราปรับมุมกล้องลงเราจะเจอช่อง Micro SD Card และปุ่มรีเซ็ตครับ ซึ่งจะปิดล็อคด้วยน็อตถึง 2 ตัว ทำให้การเอาการ์ดออกไป หรือรีเซ็ตตัวกล้องต้องใช้เวลา ส่วนด้านหลังก็จะมีลำโพงให้ 1 ตัว ไมค์จะติดตั้งอยู่ใต้เลนส์ ช่วยให้เราสามารถพูดคุยกับคนที่อยู่หน้ากล้องได้โดยตรงครับ เวลามีคนมาส่งของ หรือส่งอาหารที่หน้าบ้าน เราก็บอกกับเขาได้ทันทีว่า จะให้วางตรงไหน ?

ซึ่งด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย ตัวกล้องจึงมีขนาดใหญ่สักนิดนึง แต่ยังคงติดตั้งได้ง่าย ๆ ครับ โดยมาพร้อมด้วยตัวฐานที่เป็นชิ้นเดียวกับตัวกล้องเลย ทำให้ยากต่อการทุบทำลาย โดยฐานถูกออกแบบมาให้ติดตั้งได้ 2 แบบ ก็คือ ที่ฝาผนัง และบนฝ้าเพดาน ซึ่งจุดนี้ถือว่าออกแบบมาดีมาก ๆ ครับ เพราะในบางมุม หรือบางตำแหน่ง มันก็อาจจะติดตั้งแบบใดแบบนึงไม่ได้ การติดตั้งได้ 2 แบบก็จะช่วยเพิ่มทางเลือก ทำให้ติดตั้งได้ง่ายขึ้น

ในส่วนหน้าเลนส์ นอกจากจะมีเลนส์กล้องแล้ว รอบ ๆ ก็จะมีไฟ LED ติดตั้งมาให้ด้วย เพื่อเพิ่มแสงสว่าง ซึ่งเราก็สามารถเลือกได้ครับว่า เราจะใช้อินฟราเรด IR เก็บเฉพาะภาพขาว-ดำ หรือเปิดไฟ LED ทิ้งไว้ เพื่อเก็บภาพสี หรือใช้แบบไฮบริจด์ ที่จะเปิดไฟอัตโนมัติ เมื่อพบการเคลื่อนไหว ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อ จะมี 2 ช่องครับ ได้แก่ ช่องต่อสายไฟเลี้ยง และช่องต่อสาย LAN (RJ-45) เหมือนกันทั้ง 2 รุ่นครับ
เพียงแต่รุ่น VIGI C540 พอร์ต LAN จะรองรับ PoE ด้วย ทำให้มีการจ่ายไฟเลี้ยง มาทางสาย LAN ได้เลย เราจึงไม่ต้องต่อสายไฟเลี้ยงเพิ่ม แต่รุ่น VIGI C540-W ถึงแม้จะมีพอร์ต LAN เหมือนกัน แต่รุ่นนี้จะไม่รองรับ PoE ทำให้ต้องเราต่อไฟเลี้ยงเสมอ ไม่ว่าจะใช้งาน Wi-Fi หรือสาย LAN
ความเห็นส่วนตัว ด้านดีไซน์การออกแบบ : ทั้ง VIGI C540 และ VIGI C540-W ถือว่ามีการออกแบบมาดีมาก ๆ ครับ ทั้ง หน้าตาของตัวกล้อง มุมมองภาพที่ปรับได้เกือบรอบทิศทาง ตำแหน่งของส่วนประกอบต่าง ๆ รวมไปถึงการออกแบบขากล้อง ที่ช่วยให้ติดตั้งได้ง่าย แต่มันอาจจะมีขนาดใหญ่สะดุดตาไปหน่อยครับ
ลองใช้จริงดูความละเอียดของภาพ

สำหรับความละเอียดของภาพ TP-Link VIGI C540 Series มาพร้อมเซ็นเซอร์ภาพ 1/3” Progressive Scan CMOS ความละเอียด 4MP ช่วยให้บันทึกภาพได้สูงสุดถึงระดับ 2K (2,560 x 1,440px ที่ 25-30fps) เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับกล้องวงจรปิด ถือว่าคมชัดมากครับ โดยด้านการบันทึกภาพจะใช้ มาตรฐานโคเด็กซ์ H.265+ ที่มีการบีบอัดวิดีโอสูง ทำให้คุณยังคงได้วิดีโอที่คมชัดอยู่ แต่มาในขนาดไฟล์ที่เล็กลง ซึ่งจะช่วยให้ใช้พื้นที่ในการบันทึกภาพได้อย่างคุ้มค่าขึ้นด้วย

โดยที่หน้ากล่องของกล้องรุ่นนี้จะมีการระบุว่า Full-Color นั่นหมายถึง มันสามารถบันทึกภาพสีได้ตลอด 24 ชั่วโมง ครับ ทั้ง ในเวลากลางวัน และกลางคืนเลย เนื่องจากรุ่นนี้ใช้เซ็นเซอร์ความไวแสงสูง และใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงขนาดกว้าง F1.6 ทำให้การรับภาพและแสงในเวลากลางคืนทำได้ดียิ่งขึ้นครับ จากภาพตัวอย่างเป็นการแคปภาพจากคลิปวิดีโอที่กล้องได้บันทึกไว้ จะเห็นได้ว่า แม้มีแค่ไฟถนน มันก็สามารถบันทึกภาพสีได้อย่างคมชัด มองเห็นใบหน้า และสามารถซูมไปอ่านป้ายทะเบียนรถได้
ซึ่งการบันทึกภาพของกล้องวงจรปิดรุ่นนี้ นอกจากจะมีเซ็นเซอร์และเลนส์ที่ดีแล้ว มันยังเสริมด้วยเทคโนโลยี SmartVid-Smart Video Enhancement ที่ช่วยให้ภาพมีความคมชัดมากขึ้น โดยจะประกอบด้วย 3 ส่วน ดังนี้ครับ
|
Smart IR : ช่วยปรับภาพในส่วนที่สว่าง โดยการควบคุมการทำงานของอินฟาเรดอัตโนมัติ ซึ่งอินฟาเรดจะเพิ่มแสงให้วัตถุที่อยู่ไกลจากกล้อง เพื่อให้เห็นรายละเอียดมากขึ้น แต่เมื่อวัตถุเข้ามาใกล้กับกล้อง ระบบจะช่วยลดแสงลง เพื่อให้ภาพไม่สว่างจ้าจนเกินไป |
|
Wide Dynamic Range : ช่วยปรับภาพในส่วนที่มืด โดยการปรับคอนทราสต์ของภาพ ในส่วนที่มืดสนิท พร้อมกับลดเอฟเฟกต์เงา ทำให้เราเห็นภาพที่มีรายละเอียดในจุดที่มืดมากยิ่งขึ้น |
|
3D DNR : ช่วยลดนอยซ์ในภาพ ทำให้ภาพในตอนกลางคืนคมชัดมากยิ่งขึ้น |
ความเห็นส่วนตัว ด้านความละเอียดของภาพ : แน่นอนครับ ด้วยราคาในงบ ประมาณ 3 พันบาท ของ VIGI C540-W หลายคนอาจจะคาดหวังความคมชัด ซึ่งหากเทียบกับแบรนด์ดังเหมือนกัน ส่วนตัวรู้สึกเฉย ๆ ครับ ไม่ได้ให้ภาพที่คมชัดจนถึงขนาดต้องร้องว้าว แต่ถ้าเทียบกับแบรนด์ที่เราไม่รู้จัก มันจัดว่าชัดกว่ามาก ซึ่งรุ่นนี้จะเด่นไปที่ฟังก์ชันที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งให้มาครบครันมากกว่าครับ ดังนั้นถ้าเน้นฟังก์ชันรุ่นนี้เหมาะมาก ๆ
การติดตั้งแอปฯ และโปรแกรม – ลองใช้จริง
แอปฯ TP-Link VIGI สำหรับมือถือ และโปรแกรม VIGI Security Manager สำหรับคอมพิวเตอร์TP-Link ได้มีการออกแบบ และพัฒนาแอปพลิเคชัน TP-Link VIGI สําหรับใช้จัดการ และปรับเปลี่ยนการตั้งค่าต่าง ๆ ในกล้องวงจรปิดทุกรุ่นของ VIGI จากระยะไกล ซึ่งสามารถทำได้ทั้ง การเพิ่ม หรือลบกล้อง กําหนดค่าการตรวจจับต่าง ๆ ปรับเปลี่ยนการแจ้งเตือนต่าง ๆ ควบคุมมุมมองกล้อง รวมทั้งยัง ดูภาพย้อนหลัง และเรียลไทม์ได้อย่างง่ายดาย จากทุกที่ ทุกเวลาครับ เพียงแค่คุณดาวน์โหลดและติดตั้งแอปฯ TP-Link VIGI ซึ่งรองรับได้ทั้ง iOS, Andriod รวมถึง Windows ด้วย โดยทั้งหมดนี้จะใช้บัญชีเดียวกัน มีข้อมูลซิงค์ถึงกัน ทำให้คุณควบคุมกล้องได้จากทั้ง มือถือ และคอมพิวเตอร์เลย ถือว่าสะดวกมาก ๆ ครับ
การติดตั้งแอปฯ TP-Link VIGI บนสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์ต่าง ๆ
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน TP-Link VIGIคุณสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน TP-Link VIGI ได้ง่าย ๆ เพียงคลิกที่ลิงค์ด้านบน หรือเข้าไปที่ Play Store (อุปกรณ์ Android) และ App Store (iPhone หรือ iPad) จากนั้นค้นหาแอป TP-Link VIGI |
การติดตั้งโปรแกรม VIGI Security Manager บนคอมพิวเตอร์
|
ดาวน์โหลดโปรแแกรม VIGI Security Manager
โปรแกรม VIGI Security Manager ถูกพัฒนามาสำหรับติดตั้ง และใช้งาน บนคอมพิวเตอร์ และแล็ปท๊อป ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows โดยเฉพาะครับ ซึ่งจะใช้บัญชีเดียวกัน ทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ในแอป TP-Link VIGI มาอยู่ที่โปรแกรม VIGI Security Manager นี้ด้วย ในส่วนวิธีการติดตั้งสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้ครับ |

- เมื่อได้โปรแกรมมาแล้ว ให้ดับเบิลคลิกเปิดโปรแกรมติดตั้งขึ้นมา พร้อมเลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการติดตั้ง (หากต้องการ) จากนั้นคลิก ติดตั้ง
- รอจนกว่าการติดตั้งจะสมบูรณ์ 100% จากนั้นคลิก เสร็จสิ้น ก็เป็นอันเรียบร้อยครับ
- โดยทั้ง แอปฯ TP-Link VIGI และโปรแกรม VIGI Security Manager เมื่อเปิดขึ้นมา มันจะบังคับให้เราลงชื่อเข้าใช้ก่อนครับ ให้คลิก เข้าสู่ระบบ
- ถ้าคุณมีบัญชี Tp-Link อยู่แล้ว ก็สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้เลย
- แต่ถ้าหากคุณยังไม่มีบัญชีผู้ใช้ ให้ทำการสมัครบัญชีผู้ใช้ก่อน
- จากนั้นกรอกข้อมูลเพื่อสมัครบัญชีให้เรียบร้อย (ได้แก่ E-mail, กำหนด Password และยอมรับข้อตกลง) จากนั้นคลิก ลงชื่อ
ความเห็นส่วนตัว ด้านแอปพลิเคชั่น : อย่างที่บอกไปครับว่า TP-Link เป็นแบรนด์ชั้นนำ ดังนั้นในการพัฒนาแอปฯ และโปรแกรมทำได้ดีมากอยู่แล้ว ซึ่งหากใครเคยใช้กล้องถูก ๆ มาก่อน คุณจะรู้เลยว่าแอปฯ ของกล้องเหล่านั้นเป็นอย่างไร ถ้าเทียบกันแอปฯ TP-Link VIGI จะมีความเสถียรกว่าหลายเท่าครับ ส่วนหน้าตา UI มีการออกแบบมาให้ดูเข้าใจง่ายมาก ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน แถมเมนูภาษาไทยก็ไม่มีตรงไหนที่ผิดเพี้ยนเลย ดังนั้นเราขอรับรองเลยครับว่า ทุกคนใช้เป็นอย่างแน่นอน
ทดสอบการเชื่อมต่อ VIGI C540-W เข้ากับแอปฯ TP-Link VIGI

ก่อนจะทำการเพิ่มกล้อง VIGI C540-W เข้าไปในแอปพลิเคชัน ขั้นแรกคุณต้องทำการเปิดตัวกล้องก่อนครับ โดยการเสียบสายไฟเลี้ยง หรืออแดปเตอร์ที่ให้มาในกล่อง จากนั้นก็รอสักครู่ครับ ให้คุณสังเกตุไฟสถานะที่หน้ากล้องครับ เมื่อไหร่ที่มีไฟกระพริบระหว่าง สีแดง กับ สีเขียว สลับกัน มันหมายถึง ตัวกล้องพร้อมแล้วสำหรับการเชื่อมต่อ
แต่ถ้าคุณเคยเพิ่มกล้องตัวนี้ลงบนแอปฯ แล้วใช้งานไม่ได้ ไฟสถานะจะติดเป็น สีแดง เพียงอย่างเดียวครับ ซึ่งจะหมายถึง กล้องไม่สามารถเข้าถึง Wi-Fi ได้ ขอแนะนำให้เพิ่มกล้องใหม่ โดยเริ่มจากขันน็อต 2 ตัวเปิดช่อง SD Card ออกมา จากนั้นให้นำเหล็กเล็ก ๆ ไปจิ้มที่ปุ่ม Reset ค้างไว้ ประมาณ 5 วินาที แล้วรอสักครู่ ให้ไฟสถานะกระพริบเป็น สีแดง กับ สีเขียว สลับกัน

เมื่อตัวกล้องพร้อมแล้ว ให้เราเปิดแอปฯ ขึ้นมา ซึ่งหน้าแรกก็จะโล่ง ๆ แบบในภาพแรกครับ ซึ่งวิธีการเพิ่มกล้อง ให้เราแตะที่ + (บวก) มุมขวาบนของหน้าจอ แล้วนำมือถือมา สแกน QR Code ที่ขาของกล้องวงจรปิด ซึ่งจะมี QR Code เล็ก ๆ อยู่ จากนั้นแอปฯ จะให้เราเลือกวิธีการเชื่อมต่อครับ โดยในที่นี้เราจะเลือกแบบไร้สายนะครับ

ขั้นตอนต่อมารอให้แอปฯ ทำการค้นหากล้องวงจรปิดของเรา เมื่อเจอแล้วแตะที่เชื่อมต่อครับ จากนั้นแอปฯ จะพาเรามายังหน้าที่ใช้ตั้งค่ารหัสผ่าน เพื่อเปิดใช้งานกล้องวงจรปิด รวมไปถึงกำหนดอีเมล เอาไว้ใช้ในการกู้คืนข้อมูล เมื่อเสร็จแล้ว ให้คุณแตะที่ปุ่ม บันทึก เพื่อบันทึกข้อมูลให้เรียบร้อยครับ

ขั้นตอนต่อมารอให้แอปฯ ทำการค้นหากล้องวงจรปิดของเรา เมื่อเจอแล้วแตะที่เชื่อมต่อครับ จากนั้นแอปฯ จะพาเรามายังหน้าที่ใช้ตั้งค่ารหัสผ่าน เพื่อเปิดใช้งานกล้องวงจรปิด และอีเมล สำหรับใช้ในการกู้คืนข้อมูล เมื่อเสร็จแล้วให้คุณแตะที่ปุ่ม บันทึก เพื่อบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ให้เรียบร้อยครับ

จากนั้นตัวแอปฯ TP-Link VIGI จะทำการค้นหาเครือข่าย Wi-Fi ที่สามารถใช้งานได้มาให้ คุณก็เลือกเครือข่ายที่ต้องการ จากนั้นก็ใส่รหัส Wi-Fi ให้เรียบร้อย รอให้มันทำการเชื่อมต่อกัน

เมื่อคุณทำการจับคู่ ตั้งชื่อ กำหนดระหัสผ่าน รวมถึงเลือกเครือข่าย Wi-Fi ที่ต้องการใช้งานเรียบร้อยแล้ว การเพิ่มกล้องวงจรปิดบนแอปฯ TP-Link VIGI ก็เป็นอันเสร็จสิ้นครับ ซึ่งก่อนจะเริ่มใช้งาน ตัวแอปฯ จะให้คุณทำการลบข้อมูล หรือฟอร์แมต การ์ด SD ก่อน ซึ่งเราแนะนำให้ฟอร์แมตไปเลย
การใช้งานกล้องการแพนกล้อง (Pan) หรือปรับมุมมองภาพ

อย่างที่บอกไปครับ TP-Link VIGI C540 และ C540-W สามารถแพนกล้องไปทางซ้าย-ขวา ได้สูงสุด 350 องศา และสามารถแพนกล้องขึ้น-ลง ได้สูงสุด 120 องศา โดยคุณสามารถแพนกล้องได้ทั้งหมด 4 รูปแบบ ดังนี้ครับ
- Pan &Tilt : การแพนกล้อง หรือควบคุมมุมกล้องด้วยตัวเอง พร้อมการบันทึกมุมกล้อง
- ตั้งล่วงหน้า : เป็นการเลือกมุมกล้องที่เราต้องการ จากมุมกล้องที่เราบันทึกไว้ในข้อแรก
- การลาดตระเวน : เป็นการกำหนดมุมกล้องที่เราต้องการให้กล้องแพนไปอัตโนมัติ โดยเลือกจากมุมกล้องที่เราบันทึกไว้ในข้อแรก โดยเราสามารถกำหนดระยะเวลาที่กล้องจะจับภาพอยู่ในมุมนั้น ๆ ได้ตั้งแต่ 1-60 นาที เช่น ตั้งเวลาไว้ 10 นาที เมื่อครบ 10 นาที กล้องจะเปลี่ยนจากมุมกล้อง A ไป B วนไปเรื่อย ๆ
- การติดตาม : กล้องจะแพนตามการเคลื่อนไหวที่มันตรวจจับได้ โดยเราเลือกได้ว่า จะตามการเคลื่อนย้ายวัตถุ อย่างเช่น รถ หรือจะตามเฉพาะบุคคลเท่านั้น
ความเห็นส่วนตัว ด้านการเชื่อมต่อกล้องวงจรปิด : แน่นอนครับ ด้วยการออกแบบแอปฯ ที่ดีมาก ๆ มันช่วยให้เราเชื่อมต่อกล้องได้ง่ายมาก ๆ สามารถทำตามขั้นตอนได้ง่าย ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย
ลองทดสอบใช้งานกล้องวงจรปิด TP-Link VIGI C540-W

หลังจากที่เราได้นำ กล้อง TP-Link VIGI C540-W ไปติดตั้ง พร้อมเชื่อมต่อเข้ากับตัวแอปฯ เรียบร้อยแล้ว เราก็ได้ทดสอบการใช้งานในด้านต่าง ๆ ทั้งในแอปพลิเคชัน TP-Link VIGI บนมือถือ และในโปรแกรม VIGI Security Manager บนคอมพิวเตอร์ เราก็ต้องขอบอกเลยว่า น่าประทับใจมากครับ มันสามารถตอบโจทย์ได้ดี ทั้ง คนที่ต้องการใช้งานเป็นระบบ และคนที่ต้องการติดกล้องไว้หน้าบ้านสักตัวสองตัว

เนื่องจากรุ่นนี้มีฟังก์ชันพื้นฐานให้มาครบครันครับ สามารถทำได้ทั้ง บันทึกภาพ ดูเรียลไทม์ ดูย้อนหลัง ควบคุมกล้อง กดพูดคุย กดเแจ้งเตือน และยังมีฟังก์ชันการตรวจจับความเคลื่อนไหวระบบ AI ช่วยให้มีความแม่นยำที่ค่อนข้างสูงครับ ทั้งหมดนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ บนแอปฯ และโปรแกรม ที่ถูกออกแบบหน้าตา UI มาเป็นอย่างดี ซึ่งดูสบายตา และเข้าใจง่ายมาก ๆ ครับ เมื่อบวกกับคุณภาพของวิดีโอที่มีความคมชัด มันยิ่งทำให้คุณอุ่นใจมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถใช้ประโชยน์ได้จริง ๆ โดยตอนกลางวันไม่ต้องห่วงเลยครับ มันทำได้ดีมาก ๆ อยู่แล้ว แต่ในตอนกลางคืนที่หลาย ๆ รุ่นมักจะมีปัญหา รุ่นนี้กลับไม่มีเลย จากตัวอย่างภาพเป็นเวลาเกือบ ๆ 1 ทุ่มแล้ว แต่เราก็ยังคงเห็นได้ชัดเจนไม่ต่างจากตอนกลางวันเลย

ส่วนเวลามืดค่ำรุ่นนี้ก็ทำได้ดีครับ ด้วยเซ็นเซอร์ที่มีความไวแสงสูง มีช่วงโทนสีที่กว้าง บวกกับฟังก์ชัน SmartVid-Smart Video Enhancement มันช่วยให้ภาพที่ได้ มีความคมชัดมากขึ้น จากตัวอย่างภาพเรายังไม่ได้มีการเปิดไฟ LED ช่วยเลย อาศัยแค่ไฟที่ถนน แต่ภาพที่ได้ก็ยังคงคมชัด สามารถมองเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ได้อยู่ ส่วนนอยซ์ในภาพก็ยังคงมีบ้างครับ เวลากดหยุดภาพจากวิดีโอที่มันบันทึก
ความเห็นส่วนตัว ด้านการใช้งาน ความคมชัด : กล้องวงจรปิด TP-Link VIGI C540-W บันทึกภาพต่าง ๆ ด้วยเซ็นเซอร์ และเลนส์คุณภาพสูง ซึ่งถ้านำไปเทียบกับกล้องวงจรปิดราคาถูก ๆ จากแบรนด์ที่เราไม่รู้จัก ที่ได้เขียนสเปกมาดีกว่าเจ้ารุ่นนี้ ภาพที่ได้จากกล้องรุ่นนี้ จะดีกว่าแน่นอนครับ ส่วนตัวเรามองว่า ถ้าคิดที่จะติดกล้องวงจรปิด แนะนำให้ติดของดี ๆ ไปเลยครับ แพงกว่าหน่อย แต่คุ้มค่าแน่นอนครับ ดีกว่าติดกล้องถูก ๆ ที่จับภาพได้ลาง ๆ เพราะถ้าเกิดเหตุจริง ๆ ภาพที่ไม่ชัดมันช่วยอะไรไม่ได้เลย
เทคโนโลยี Smart Detection พร้อมการแจ้งเตือนต่าง ๆ

อย่างที่ได้บอกไว้ในสเปกครับว่า กล้องวงจรปิด TP-Link VIGI C540-W มีคุณสมบัติการตรวจจับความเคลื่อนไหวอัจฉริยะ ที่มีความแม่นยำสูง อย่าง Smart Detection ที่ทำงานด้วยเทคโนโลยี AI ช่วยให้มันสามารถจะตรวจจับ และติดตามการเคลื่อนไหว พร้อมการแจ้งเตือนผ่านทั้ง หน้ากล้อง และบนแอปพลิเคชัน โดยมีระบบป้องกันมากถึงถึง 5 รูปแบบ เลยทีเดียว ครับ ซึ่งมีดังนี้

อย่างแรกคือ Motion Detection ซึ่งจะมีการแจ้งเตือนทันที เมื่อตัวกล้องระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวในพื้นที่ที่คุณกำหนดไว้ได้ โดยจะมีแยกเป็น 2 เมนูครับ คือ การตรวจพบบุคคล และการตรวจจับการเคลื่อนไหว ซึ่งการตรวจพบบุคคลจะให้เรากำหนดโซนหรือพื้นที่ที่เราคิดว่า ถ้ามีคนจะเข้ามา ก็น่าจะเข้ามาทางนี้ ส่วนการตรวจจับการเคลื่อนไหว จะมีให้เราเลือกโซนได้สูงสุด 4 โซน เช่นกันครับ แต่มันจะให้เรากำหนดเป็นสี่เหลี่ยมเท่านั้น ซึ่งจะเหมาะสำหรับตรวจจับที่หน้าประตู หน้าต่าง หรือช่องทางเข้า เวลามีคนพยายามจะงัดแงะประตู
ซึ่งการกำหนดโซนแบบนี้ถือว่าดีมาก ๆ ครับ เพราะถ้าเป็นรุ่นที่กำหนดโซนไม่ได้ มันจะแจ้งเตือนบ่อยจนน่ารำคาญเลย แถมบางรุ่นแค่ใบไม้ขยับ หรือพวกแมลง นกบินผ่าน มันก็แจ้งแล้ว แต่ระบบนี้ช่วยได้เยอะครับ เพราะเราสามารถเลือกโซนที่ไม่มีใบไม้ได้

Camera Tampering เป็นระบบที่ช่วยปกป้องตัวกล้อง โดยจะมีการเตือนที่หน้ากล้อง พร้อมแจ้งเตือนไปที่แอปฯ ทันที ถ้าหากตรวจพบวัตถุบางมาบดบังที่หน้ากล้อง ส่วน Line-Crossing เป็นระบบที่ให้เราสามารถกำหนดเส้นไลน์ได้สูงสุด 4 เส้น สำหรับตรวจจับการข้ามเส้น พร้อมมีการแจ้งเตือนในทันทีเมื่อตรวจพบการข้ามเส้นนี้เข้ามา เหมาะมาก ๆ สำหรับใช้ในการตรวจจับการปีนกำแพงเข้ามาในบ้านของเรา
Area Intrusion ระบบกำหนดพื้นที่ที่ต้องการจะเน้นให้กล้องจับตาดูเป็นพิเศษครับArea Intrusion เป็นเมนูที่ให้เราสามารถกำหนดพื้นที่ที่เราต้องการจะเน้ให้กล้องจับตาดูแลเป็นพิเศษครับ ซึ่งเมื่อกล้องตรวจพบ มันก็จะรับแจ้งเตือนไปหาคุณทันที ซึ่งระบบนี้เหมือนกับเป็นการรวมการตรวจจับทั้งหมด ทั้ง การตรวจพบบุคคล การตรวจจับการเคลื่อนไหว การตรวจจับการข้ามเส้น ดังนั้นหากคุณต้องการตรวจจับ ประตู หน้าต่าง และทางเข้าต่าง ๆ เป็นพิเศษ แนะนำให้เปิดระบบนี้เพียงระบบเดียวก็พอครับ
ความเห็นส่วนตัว ด้านฟังก์ชันต่าง ๆ : ต้องยอมรับเลยครับว่า ฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ให้มานั้น เยอะจริง ๆ มีครบทุกอย่างเลย และทุกฟังก์ชันก็มีคุณภาพ และประสิทธิภาพ แต่หากมองหลาย ๆ อย่างก็แทบจะเหมือนกันเลย ต่างกันแค่นิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งในการใช้งานจริง ๆ มันไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมดก็ได้ครับ
คะแนนความพึงพอใจต่อ TP Link VIGI C540-W
![]() |
![]() |
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.1 เต็ม 10
ความคิดเห็นของเราต่อ TP Link รุ่น VIGI C540-W
ซื้อเลย ถ้าหาก :
- ซื้อเลยหากคุณต้องการกล้องที่ติดตั้งใช้งานได้ง่าย ๆ ขอแค่มีปลั๊ก ไม่ต้องเดินสายให้ยุ่งยาก : สำหรับรุ่น VIGI C540-W จะเป็นกล้องวงจรปิดแบบ Wi-Fi หมายความว่า คุณสามารถติดตั้งได้โดยไม่ต้องเดินสาย LAN ยุ่งยากเลย ซึ่งคุณสามารถนำกล้องไปติดตั้งบริเวณไหนของบ้านก็ได้ ขอแค่ให้อยู่ในระยะของสัญญาณ Wi-Fi และมีปลั๊กไฟก็พอครับ
- ซื้อเลยหากคุณต้องการภาพที่คมชัด และเก็บเป็นภาพสี 24 ชั่วโมง : จากการทดสอบคุณจะเห็นเลยว่า เจ้า VIGI C540-W มีเซ็นเซอร์ความไวแสงสูงมาก แถมรูรับแสงก็กว้างทำให้สามารถบันทึกภาพตอนกลางคืนได้อย่างคมชัดครับ ขอแค่มีไฟถนนนิดหน่อยก็สามารถบันทึกภาพสีได้แล้ว
- ซื้อเลยหากคุณวางแพลนจะทำระบบบันทึกภาพกล้องวงจรปิด NVR ในอนาคต : แบรนด์ TP Link ได้มีการแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ VIGI Network Camera เป็นกล้องวงจรปิดเครือข่าย, VIGI Network Video Recorder (NVR) เป็นเครื่องบันทึกภาพ โดยจะรับภาพจากกล้องทุกตัวมาบันทึกรวมกันในฮาร์ดดิสก์ (HDD) ซึ่งสามารถเก็บภาพได้นานหลายวัน ต่างจาก microSD Card และกลุ่มสุดท้าย VIGI Security Manager เป็นอุปกรณ์ที่ใช้จัดการกับระบบกล้อง ดังนั้นถ้าคุณคิดที่จะติดกล้องวงจรปิดรอบบ้าน แต่ยังมีเงินไม่พอ คุณก็สามารถซื้อมาติดตั้งทีละตัว ๆ ได้ แล้วค่อยหาซื้อกล่อง VIGI NVR มาใช้งานทีหลังก็ได้ครับ
อย่าซื้อ ถ้าหาก :
- อย่าซื้อถ้าหากคุณต้องการกล้องวงจรปิดไปติดตั้งภายในบ้าน : กล้องวงจรปิด TP Link มีอยู่หลายรุ่นมาก ๆ ครับ ซึ่งแต่ละรุ่นก็ถูกออกแบบมาโดยมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน อย่างรุ่น VIGI C540-W ที่เรานำมารีวิวก็ถูกออกแบบมาให้ติดตั้งภายนอกได้ ดังนั้นวัสดุต่าง ๆ จึงจะต้องมีคุณภาพสูงกว่าปกติ เพื่อให้ทนแดด ทนฝนได้ ราคาก็ต้องสูงตามไปด้วย ดังนั้นถ้าคุณจะติดตั้งในบ้านแนะนำเป็นรุ่นอื่นที่มีราคาถูกกว่านี้ดีกว่าครับ
- อย่าซื้อถ้าหากคุณมีงบฯ ที่จำกัด : ถ้าไปดูตัวเลือกต่าง ๆ ในตลาดกล้องวงจรปิดปัจจุบัน คุณสามารถหารุ่นที่มีสเปกใกล้เคียงกับเจ้า VIGI C540-W ในราคาที่ถูกกว่าได้ครับ ซึ่งแน่นอนครับ แม้ว่าฟีเจอร์ และความแม่นยำของระบบตรวจจับต่าง ๆ อาจจะสู้รุ่นนี้ไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้จำเป็นมากขนาดนั้นครับ
ก็จบกันไปแล้วครับกับ การรีวิว TP-Link VIGI C540-W กล้องวงจรปิด IP Camera ที่สามารถเก็บภาพสีได้คมชัดตลอด 24 ชม. ด้วยความละเอียดสูงสุดถึง 2K พร้อมมีการเสริมประสิทธิภาพด้วยระบบ Smart Detection ที่ตรวจจับและติดตามการเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติ ด้วย AI ที่มีความแม่นยำ พร้อมแจ้งเตือนให้คุณรับทราบผ่านแอปพลิเคชันได้ทันที และคุณสามารถใช้แอปฯ VIGI App นี้เพื่อดูภาพย้อนหลัง และเรียลไทม์ พร้อมควบคุมทิศทางของมุมกล้อง จากระยะไกลได้ง่าย ๆ ทุกที่ ทุกเวลาครับ ทั้งหมดนี้คือ สิ่งที่คุณจะได้รับจากกล้องตัวนี้ ซึ่งอย่างที่บอกครับทั้ง 2 รุ่นนี้ต่างกันแค่การติดตั้งแบบไร้สายไม่ได้ ฉะนั้นคุณลองพิจารณาดูครับว่า คุ้มมั๊ยกับการเพิ่มเงินอีกไม่กี่ร้อยบาท ?