คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.2 เต็ม 10
![]() |
|
หูฟังแบบ In-ear (อินเอียร์) เป็นหูฟังที่นิยมมากในปัจจุบันนี้เนื่องจากมันช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดี เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว มาพร้อมจุกยางหลายขนาด จึงรองรับกลุ่มผู้ใช้งานที่หลากหลายมากกกว่าหูฟังประเภทอื่น ๆ
หากคุณติดตามเว็บไซต์ของเรามานาน คุณจะทราบดีว่าเรามีการรีวิวหูฟังแบบทดสอบใช้งานจริงเยอะม๊ากกกก โดยจะมีตั้งแต่แบรนด์ใหญ่ ๆ รุ่นใหม่ ๆ ไปจนถึงรุ่นยอดนิยม อาทิเช่น หูฟัง Baseus, หูฟัง SoundPeats, หูฟัง Lenovo, หูฟัง Aukey หรือ หูฟัง Anker แต่ทว่ายังมีอีกหนึ่งแบรนด์ที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนี้ และเว็บไซต์ของเราก็ยังไม่เคยนำมารีวิวแบบจริง ๆ เลยสักครั้ง ซึ่งก็คือ “หูฟังแบรนด์ Acefast”

สำหรับหูฟังจากแบรนด์นี้ค่อนข้างน่าสนใจมากเลยทีเดียวค่ะ เนื่องจากการดีไซน์ที่สวยงามมีความเก๋ไก๋และดูทันสมัย เหมาะสำหรับใช้เล่นเกม, ฟังเพลง, ดูหนัง, หรือดูซีรีส์ แน่นอนว่าวันนี้เราไม่ได้มามือเปล่า แต่จะมาแนะนำหูฟังไร้สาย รุ่น Crystal T6 ให้เพื่อน ๆ ได้พิจารณากันค่ะ มาดูกันว่าหูฟังตัวนี้จะคุ่มค่าและน่าลงทุนมากน้อยแค่กัน ??? !!!!
คำตัดสินหูฟัง Acefast T6 โดยรวม
คุณภาพเสียงกลาง ๆ ไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่ได้ดีมากที่สุด เรียกว่าเป็นคุณภาพที่สมกับราคา ดีไซน์สวยเก๋ แอบมีความรู้สึกเป็นโลกแห่งอนาคตหน่อย ๆ มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่เหมาะสม ระยะห่างบลูทูธทำงานได้ค่อนข้างไกล การควบคุมด้วยระบบสัมผัสอาจทำให้คุณรู้สึกว่าสั่งการยากในช่วงแรก ๆ แต่เมื่อชินมือก็จะจับจังหวะการใช้งานได้ ในส่วนของการลดเสียงรบกวนของไมค์ขณะที่คุยโทรศัพท์นั้นยังไม่ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ในส่วนนี้
ผู้เขียนได้ทดลองใช้หูฟัง Acefast T6 ทุกวันเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนที่จะเขียนรีวิวบทความนี้ ที่จริงรุ่นนี้ซื้อมานานแล้วนะคะ แต่ยังไม่มีเวลาว่างรีวิวจริงจังสักที อย่างไรก็ตาม…หลังใช้แล้วเรารู้สึกประทับใจมาก เพราะหูฟังของ Acefast นอกจากมีคุณภาพดีและดีไซน์สวยแล้ว ราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิดเลยค่ะ
หากเพื่อน ๆ ซื้อในช่วงโปรโมชั่นจะมีราคาไม่เกิน 1,000 บาท โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาทค่ะ ส่วนตัวผู้เขียนชอบสีเขียวมากกว่านะคะเป็นเฉดสีที่สวยสดใส แถมไม่ต้องกลัวว่าจะทำหายเพราะสีสดหาง่ายมาก ๆ (เชียร์ให้ซื้อสีเขียวจริง ๆ น้อนสีสวยมากกกกก) แต่เนื่องจากผู้เขียนอยากให้สีหูฟังแมตกับสีโทรศัพท์ที่ใช้อยู่ก็เลยสั่งมาเป็นสีน้ำเงินเข้มแทนค่ะ
ก่อนจะเข้าไปอ่านบทความกันต้องบอกเลยว่าเราไม่ใช่สายดนตรี ดังนั้นบทความในวันนี้อาจใช้คำไม่สวย ไม่ใช่ศัพท์เฉพาะทางนะคะ 🙂
อุปกรณ์ภายในกล่อง Acefast Crystal T6
![]() |
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สเปกทั่วไป
|
รีวิว ACEFAST รุ่น Crystal T6 หูฟังไร้สายดีไซน์สวย (ลองใช้งานจริง)
แกะกล่องหูฟังไร้สาย Acefast รุ่น Crystal T6
แพคเกจจิ้งที่หรูหรา

สิ่งแรกที่ต้องขอชมจากใจจริงคือการดีไซน์ที่หรูหราตั้งแต่แพคเกจจิ้งยันตัวโปรดักส์เลยค่ะ กล่องที่ใช้บรรจุชุดหูฟังมีขนาดใหญ่มาก ไม่ใช่กล่องใส่ของไก่กาอาราเล่นะจ๊ะ เป็นกล่องกระดาษที่แข็งแรง ใช้วิธีเปิด-ปิดกล่องด้วยแถบแม่เหล็กที่ติดอยู่ด้านข้าง ภายในกล่องจะมีฝาใส ๆ ปิดอีกชั้นเพื่อป้องกันความเสียหาย
เอาจริง ๆ ผู้เขียนคิดว่าถ้าซื้อหูฟังรุ่นนี้ให้เป็นของขวัญวันเกิดก็ไม่ติดเลยค่ะ เพราะว่าแพคเกจจิ้งดูแพงมากกกก ดูน่าใช้งานสุด ๆ มอบให้เพื่อน คนรัก หรือใครก็ไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะถูกใจหรือไม่ รับประกันว่าร้อยทั้งร้อยชอบแน่นอน เพียงแต่คุณจะต้องเลือกสีที่พวกเขาเหล่านั้นชอบด้วยนะคะ ซึ่งก็มีให้เลือกถึง 5 สี คือ ฟ้าพาสเทล, ชมพูพาสเทล, สีขาว, สีน้ำเงินเข้ม และสีเขียวอ่อน
ดีไซน์การออกแบบสวยงามทันสมัย

คราวนี้มาดูถึงดีไซน์ของตัวผลิตภัณฑ์กันต่อค่ะ โดยรุ่นนี้จะเป็นหูฟังไร้สายที่เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth มาพร้อมเคสชาร์จแบตเตอรี่ในตัว แน่นอนว่าความเก๋ก็คือเคสชาร์จไม่ได้ทำเป็นกล่องแบบเปิด-ปิดฝาธรรมดา ๆ แต่ทางแบรนด์ออกแบบตัวหูฟังและเคสชาร์จให้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน โดยจะมีแม่เหล็กที่คอยดูดเข้าหากัน ทำให้หูฟังไม่หลุดออกมานอกกล่องจะหยิบออกมาใช้หรือใส่กลับเข้าที่เดิมก็สะดวกสุด ๆ

การดีไซน์แบบนี้จะทำให้เมื่อใส่หูฟังลงไปในหลุมเคสชาร์จก็เป็นเหมือนการปิดฝาไปในตัว ดังนั้นรุ่นนี้จึงไม่จำเป็นต้องมีฝาปิดเคสมาให้นะคะ ในส่วนของสีที่เรารีวิวเห็นน้องเป็นสีดำแบบนี้แต่บอกก่อนเลยว่าจริง ๆ น้องเป็น สี Sapphire Blue จ้าา และไม่ใช่สีดำสนิทแต่เป็นสีน้ำเงินไพลินมีความโปร่งใสหน่อย ๆ

แถมเคสซิลิโคน
ส่วนใครที่เป็นคนใช้ของหยาบ ๆ ไม่ค่อยระมัดระวังสักเท่าไหร่ ก็ไม่ต้องกังวลหรือรีบไปหาซื้อเคสเสริมใด ๆ มาก่อนเลยค่ะ เพราะว่าในราคานี้ทางแบรนด์มีซิลิโคนเคสมาให้ด้วย เนื้อสัมผัสของซิลิโคนนุ่มและยืดหยุ่นทำให้ใช้งานง่ายมาก ไม่ต้องคอยแกะหรือถอดเคสเข้าออกให้เสียเวลา แถมยังมีช่องสำหรับให้เสียบชาร์จแบตในตัว โดยรวมแล้วดีไซน์ของน้องเริ่ดนะว่าไม่ได้ ทั้งสวยและออกแบบมาให้การใช้งานง่ายด้วย !!!
ขนาดเล็ก พกพาสะดวก
Crystal T6 มาให้ขนาดเล็กพกพาสะดวก น้ำหนักเบามาก หูฟังแต่ละข้างมีน้ำหนักประมาณ 3.5 g เท่านั้น เมื่อรวมเคสแล้วน้ำหนักอยู่ที่ 39.5 g เองค่ะ เราชอบที่ทางแบรนด์ออกแบบเคสชาร์จมาให้มีมุมที่โค้งมนเป็นพิเศษ เพราะว่าโดยปกติเราก็ไม่ชอบพกกระเป๋าอยู่แล้วค่ะ จะใส่โทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงเท่านั้นและเช่นเดียวกันกับเคสหูฟัง การใส่ลงในกระเป๋ากางเกงนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ยิ่งเป็นกางเกงยีนส์รัดรูปนี่บอกเลยว่าใส่สบายมาก เพราะไม่มีมุมเหลี่ยม ๆ คอยแทงให้เจ็บขาสักนิด
คำแนะนำก่อนเริ่มใช้หูฟัง Acefast Crystal T6
การเปิด-ปิด และ เชื่อมต่อ Bluetooth
ขั้นตอนที่ 1 หยิบหูฟังแต่ละข้างออกจากเคสเพื่อเป็นการเปิดทำงานแบบอัตโนมัติ โดยให้คุณรอประมาณ 3 วินาที เครื่องจะส่งสัญญาณเสียงพร้อมเริ่มทำงานให้ได้ยิน อย่างไรก็ตาม เราแนะนำว่าให้คุณพยายามถอดหูฟังออกจากเคสพร้อมกันทั้งฝั่งซ้ายและขวาเพื่อให้มันเปิดใช้งานพร้อม ๆ กันนะคะ
ขั้นตอนที่ 2 เปิดหาบลูทูธในอุปกรณ์ที่เราต้องการเชื่อมต่อ อาทิเช่น ในสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต และหาบลูทูธที่ชื่อว่า ACEFAST Crystal T6 จากนั้นก็กดเชื่อมต่อทันที หลังจากเชื่อมต่อเสร็จแล้ว คุณจะได้ยินเสียงการจับคู่สำเร็จ ทั้งนี้คุณจะมีเวลาเพียง 5 นาทีในการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ หากไม่มีการจับคู่กับอุปกรณ์ใด ๆ ตัวหูฟังจะปิดการใช้งานอัตโนมัติเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ให้ค่ะ

ขั้นตอนที่ 3 ในกรณีที่ไม่ต้องการใช้งานแล้วให้คุณใส่หูฟังกลับเข้าไปในเคส จากนั้นหูฟังจะปิดการทำงานให้เองทันที
ขั้นตอนที่ 4 หากคุณต้องการเข้าสู่โหมดจับคู่เลือก Bluetooth ใหม่อีกครั้ง โดยคุณอาจต้องการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่จับคู่เป็นอย่างอื่นหรือเครื่องอื่น ให้ใส่หูฟังกลับเข้าไปในเคส และอย่าลืมกดยกเลิกการเชื่อมต่อกับเครื่องเก่าก่อนนะคะ
โหมดการโทรศัพท์
- รับสายที่โทรเข้ามา กดสองครั้ง (กดที่หูฟังซ้าย/ขวา ก็ได้)
- วางสายเมื่อคุยธุระเสร็จแล้ว กดสองครั้ง (กดที่หูฟังซ้าย/ขวา ก็ได้)
- ไม่ต้องการรับสายที่โทรเข้ามา กดค้าง 2 วินาที (กดที่หูฟังซ้าย/ขวา ก็ได้)
โหมดการเล่นเพลง
วิธีกด | ข้างที่กดหูฟัง | ความหมาย |
กด 2 ครั้ง | ซ้าย/ขวา ก็ได้ | เล่นเพลง |
กด 2 ครั้ง | ซ้าย/ขวา ก็ได้ | หยุดชั่วคราว |
กด 3 ครั้ง | หูฟังด้านขวา | เพลงถัดไป |
กด 3 ครั้ง | หูฟังด้านซ้าย | เพลงย้อนกลับ |
กด 1 ครั้ง | หูฟังด้านขวา | เพิ่มเสียง |
กด 1 ครั้ง | หูฟังด้านซ้าย | เบาเสียง |
โหมดเรียกผู้ช่วยอัจฉริยะ
การเรียกว่าผู้ช่วยอัจฉริยะจะขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่เราใช้ซึ่งอาจเป็น Google Assistant, Alexa หรือ Siri ก็ได้ค่ะ หากคุณต้องการเรียกใช้งานให้แตะซ้ายขวาพร้อมกันและกดค้าง 2 วิ
รีวิว การใช้งานหูฟังไร้สาย Acefast T6 [ฉบับทดสอบจริง]
จอแสดงผล LED อ่านค่าง่าย มองเห็นชัดเจน
|
เริ่มต้นด้วยจุดขายหลักของหูฟังรุ่นนี้ที่ไม่เหมือนใคร ก็คือจอแสดงผล LED ซึ่งไม่เพียงแสดงเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ของเคสชาร์จเท่านั้น แต่ยังแสดงสถานะของแบตเตอรี่หูฟังจริงด้วยแต่ละข้างอีกด้วย โดยจะบอกเป็นรูปแบบสัญลักษณ์จำนวนขีดตามนี้ค่ะ
ผู้เขียนค่อนข้างชอบคุณสมบัตินี้มาก เพราะมันหมายความว่าก่อนที่เราจะออกไปข้างนอก เราสามารถดูว่าหูฟังของเราเหลืออายุการใช้งานเท่าไหร่โดยที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์เพื่อเช็กสถานะให้ยุ่งยากเลยค่ะ |
ต้องยอมรับว่าเดิมทีผู้เขียนเองก็สนใจด้านเทคโนโลยีอยู่แล้ว ยิ่งหูฟัง Acefast T6 ดีไซน์แบบโปร่งใส ก็ยิ่งทำให้มันดูล้ำยุคล้ำสมัยมากขึ้น โดยรวมมีสไลต์ความเท่หน่อย ๆ บวกกับจอแสดงผลที่เป็นไฟ LED ยิ่งเข้ากันมากกกก ในส่วนนี้ไม่มีอะไรจะให้ติเลยค่ะ เป็นความชอบส่วนตัวล้วน ๆ
ความยาก/ง่าย ในการควบคุมระบบสัมผัส
หากจะให้รีวิวแบบเรียล ๆ ไม่อ้อมค้อมเลย ก็ต้องบอกว่า Acefast T6 ในช่วงแรก ๆ ผู้เขียนเองก็มีอาการงง ๆ มึน ๆ เหมือนกันค่ะ 😂 😂 😂 เพราะว่าอย่างแรกเลยก็คือคู่มือที่ให้มานั้นน้องมีทุกภาษายกเว้นภาษาไทย ข้อนี้น้อยใจแล้วหนึ่ง !!! ต่อมาคือระบบสัมผัสรุ่นนี้มีคำสั่งเยอะมาก (จากที่บอกไปแล้วในช่วงคำแนะนำก่อนเริ่มใช้งาน) ปกติที่ผู้เขียนเคยใช้หูฟังอินเอียร์แบบไร้สายมาก็จะมีแค่กดเล่นเพลงหรือกดหยุดเท่านั้น รุ่นไหนที่มีราคาและคุณภาพดีขึ้นมาหน่อย ก็อาจมีฟังก์ชันเล่นเพลงถัดไปและเล่นเพลงก่อนหน้านี้ได้ด้วย แต่สำหรับ Acefast T6 นั้มมีให้เลือกเยอะมาก
แต่ทว่า…เมื่อลองใช้งานไปได้สักระยะจนเราเริ่มชินมือแล้วก็รู้สึกว่า Acefast T6 ใช้งานง่าย ไม่ได้ยุ่งยากอะไรขนาดนั้น อันที่จริงยิ่งฟังก์ชันเยอะก็ยิ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่เรา และลอจิกของคำสั่งเองก็ไม่ได้จำยากเลยด้วย ให้คุณจำง่าย ๆ ว่า “ซ้าย คือ ลบ/ลด/ย้อนกลับ” ส่วน “ขวา คือ บวก/เพิ่ม/ไปข้างหน้า” ในช่วงแรกคุณอาจจะจับจังหวะไม่ถูก เพราะว่าพอเราเว้นช่วงกดนานไปในกรณีที่ต้องกดคำสั่ง 3 ครั้ง เครื่องอาจเข้าใจว่าเราต้องเพิ่มลดระบบเสียงแทน หรืออาจเปลี่ยนไปสู่โหมด play / pause ซะงั้น นอกจากนี้หากกดค้างนานไปก็กลายเป็นว่าเราเผลอไปเรียกผู้ช่วยอัจฉริยะเสียดื้อ ๆ อีกค่ะ

จริง ๆ เคล็ดลับในการใช้ง่ายนิดเดียวคือคุณต้องเล่นฟังก์ชันคำสั่งเหล่านี้บ่อย ๆ เพื่อจับจังหวะให้ได้ค่ะ แนะนำว่าอย่ากดเร็วแบบถี่ ๆ เกินไป และไม่ควรใช้นิ้วแตะเบา ๆ เพราะเซ็นเซอร์มันไม่ได้ฉลาดและไวต่อการตอบสนองขนาดนั้นค่ะ นอกจากนี้ก็ไม่ควรกดย้ำแรง ๆ หรือกดค้าง รวมถึงกดเว้นช่วงนานไปด้วยค่ะ สำหรับตำแหน่งที่ต้องกดก็ควรจะอยู่ในจุดที่ทางแบรนด์ระบุมาให้ หากคุณเป็นผู้ชายอาจจะใช้งานง่ายหน่อยเพราะข้อแรกผมของคุณสั้นไม่เกะกะในขณะที่กดหูฟัง ข้อที่สองเล็บของคุณควรจะสั้นจึงกดได้ง่าย ในส่วนของสาว ๆ ที่ต่อเล็บยาวหน่อยก็ต้องหาจุดที่นิ้วของคุณสามารถออกคำสั่งบนหูฟังให้ได้ เมื่อคุณเริ่มจับจังหวะได้แล้ว หลังจากนี้ก็ไม่มีปัญหาต่อการใช้งานอีกแล้วค่ะ 🙂
ปัญหา “กดย้อนกลับกลายเป็นเริ่มเล่นเพลงใหม่ ไม่ได้ย้อนกลับไปเพลงก่อนหน้าจริง ๆ”
อย่างไรก็ตาม…จากที่ผู้เขียนได้ทดลองเล่นมาทุกแอปสตรีมเพลง พบว่าบางแอปก็มีปัญหาใน “ฟังก์ชันการกดเล่นเพลงกดหน้า” เพราะว่ามันกดไม่ได้ หลายคนอาจไม่เข้าใจ งั้นผู้เขียนขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ดังนี้นะคะ
ตอนแรกเราฟังเพลง A อยู่ เมื่อเล่นจบแล้วเครื่องก็มาเล่นที่เพลง B ต่อ พอฟังไปได้สักพัก (ยังไม่จบเพลง B) ก็อยากกลับไปฟังเพลง A อีกครั้ง เมื่อกดหูฟังด้านซ้าย 3 ครั้ง พบว่ามันกลับเป็นการเริ่มเพลง B ใหม่ ซึ่งตามหลักแล้วฟังก์ชันนี้ควรจะเปลี่ยนไปเพลง A ใช่มั้ยคะ ? แต่เพื่อน ๆ ไม่ต้องตกใจคิดเป็นตุเป็นตะไปก่อนว่าหูฟังเขาไม่ดีไม่มีคุณภาพน๊าาาา เพราะจริง ๆ แล้วผู้เขียนเจอเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ในระหว่างใช้งานมาค่ะ แน่นอนว่าเราได้ทดสอบมาหลายครั้งและก็ได้ผลลัพธ์ตามเดิมเป๊ะ ๆ หากคุณเจอเหตุการณ์ตามที่บอกข้างต้นให้ทำตามนี้นะคะ
หลังกดหูฟังด้านซ้าย 3 ครั้งหากมันเริ่มเล่นเพลงเดิมใหม่ ให้คุณกดหูฟังด้านซ้าย 3 ครั้งทันทีภายในช่วง 1-2 วินาทีแรกของเพลงห้ามช้าไปกว่านี้ เพลงก็จะกลับไปเล่นก่อนหน้าจริง ๆ ค่ะ สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากรู้ว่าแอปอะไรบ้างที่มีปัญหาและไม่มีปัญหาในส่วนนี้ เรามีสรุปแอปสตรีมเพลงยอดนิยมมาฝากกันด้วยค่ะ
- JOOX Music, YouTube app เปลี่ยนเป็นเพลงก่อนให้เลย
- Youtube Music, Spotify, Apple Music, soundcloud จะขึ้นเพลงเดิมใหม่ ต้องกดย้อนกลับอีกครั้งต่อภายในช่วง 1-2 วินาทีแรกเท่านั้น เพลงจึงย้อนกลับให้
คุณภาพเสียงในการฟังเพลง & ดูหนัง
โอ้วววว… เรื่องนี้เป็นหัวข้อที่ผู้เขียนหนักใจมาก ๆ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วตอนต้นบทความ ว่าผู้เขียนไม่ได้มีความชำนาญด้านดนตรีเลยค่ะ ดังนั้นจึงอาจเขียนอธิบายให้เพื่อน ๆ เข้าใจได้ไม่ดีพอ 🥲 ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
สำหรับคุณภาพเสียงของ Acefast T6 นั้นค่อนข้างทรงพลังมากเลยทีเดียวค่ะ มีเสียงบางและคมชัด เป็นเสียงที่แหลมแต่ไม่ได้แหลมแบบบาดหูนะคะ และก็ไม่ใช่เสียงทุ้มไปเลยเสียทีเดียว เสียงของ Acefast T6 ไม่ได้เน้นความนุ่มนวลจึงไม่ค่อยเหมาะกับการฟังเพลงแนวสบาย ๆ ชิล ๆ มากนัก คือฟังได้แต่เหมือนซื้อน้องมาผิดจุดประสงค์มากกว่าค่ะ ในทางกลับกัน Acefast T6 จะเหมาะสำหรับใช้ฟังเพลงที่มีดนตรีจังหวะหนัก ๆ เพราะรุ่นนี้จะให้เสียงเบสในระดับที่เหมาะสมกำลังดี ดังนั้นการใช้หูฟัง Acefast T6 ไปกับแนวเพลงแบบนี้จะช่วยให้คุณได้อรรถรสในขณะที่ฟังเพลงมากกว่าค่ะ

ส่วนตัวผู้เขียนเคยเจอหูฟังแบบที่เสียงนวลนุ่มมาก ๆ ซึ่งผลลัพธ์คือทั้งเสียงนักร้องและดนตรีให้พลังเสียงเท่ากันหมด มันฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลายและสบายหูก็จริงค่ะ แต่ก็ค่อนข้างแยกเสียงยากในระดับหนึ่ง แต่ทว่าในกรณีที่คุณต้องการดื่มด่ำไปกับเพลงแนวพังค์แนวร็อค ซึ่งจะมีลักษณะดนตรีที่รุนแรงหูฟัง Acefast T6 รุ่นนี้จะแยกเสียงได้อย่างชัดเจน ทำให้เรารู้ว่าควรโยกสะบัดหัวให้มันสุดเหวี่ยงตรงท่วงทำนองไหน 🤣🤣🤣
จากที่ผู้เขียนได้ทดลองฟังเพลง Happier Than Ever – Billie Eilish บอกเลยว่ารู้สึกอินไปกับเพลงมากกว่าหูฟังทั่วไป คือทำนองในเพลงนี้ของเขาค่อนข้างหนักในช่วงหลัง ๆ แต่สำหรับช่วงแรกจะเป็นแนวเพลงสบาย ๆ ฟังชิล ๆ แน่นอนว่า Acefast T6 ก็ให้คุณภาพในส่วนนี้ได้ดี แต่พอเริ่มเข้าจังหวะหนัก ๆ คือมันรู้สึกเต็มที่สุด ๆ มากกว่า ไม่มีอ่อนโยนไม่มีซอฟใด ๆ แน่นอนค่ะ !!!! ในส่วนการรับชมหนังหรือซีรีส์ Acefast T6 ก็ทำได้ดีเช่นกัน เพราะว่ามีเสียงพูดชัดเจนไม่ใช่เสียงอู้อี้ ๆ ซาวด์ดนตรีประกอบก็มีคุณภาพเสียงที่ดี
คุณภาพเสียงในการโทรศัพท์
สำหรับไมค์ที่ทางแบรนด์ใส่ให้มานั้น จริง ๆ แล้วหากคุณอยู่ในห้องทำงาน อยู่ภายในอาคาร หรือเดินเล่นข้างนอกในวันที่อากาศแจ่มใสสบาย ๆ ก็ถือว่าหูฟัง Acefast T6 ให้เสียงที่คมชัดมาก ๆ ปลายสายจะได้ยินเราของเราชัดเจนทุกคำพูด และเราเองก็ได้ยินเสียงปลายสายชัดเช่นกัน

แต่ทว่า…ในกรณีที่คุณอยู่ในพื้นที่ที่มีเสียงรบกวนเยอะมาก ๆ อาทิเช่น เดินเล่นตามชายทะเล หรือหากคุณกำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์อยู่และคุยโทรศัพท์ไปด้วย (เป็นเหตุการณ์ที่ผู้เขียนทดสอบเองแล้วพบว่าคุณภาพของไมโครโฟนไม่เวิร์คเลยค่ะ) ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้จะต้องมีเสียงลมแทรกเข้ามาเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้น Acefast T6 จึงไม่ได้ช่วยลดเสียงรบกวนเหล่านี้ไปเลยสักนิด กลับกันเสียงรบกวนกลับกลบเสียงพูดของคุณได้อย่างดีเลยทีเดียวค่ะ 🤣🤣🤣🤣 แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทดสอบอยู่นั้นเราพบว่าหูฟังรุ่นนี้ตัดเสียงรบกวนข้างนอกได้ดีเลยมาก ๆ ซึ่งเราจะเขียนในหัวข้อถัดไปค่ะ
การตัดเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ
สำหรับหัวข้อนี้ก็คือการรักษาคุณภาพเสียงของหูฟัง เนื่องจากจุดประสงค์หลักของการสร้างหูฟังขึ้นมาเพื่อต้องการความเป็นส่วนตัว และเราก็ต้องการได้ยินเฉพาะสิ่งที่เราอยากได้ยินเท่านั้น ดังนั้นเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมจึงเป็นจุดสำคัญที่ผู้ผลิตหูฟังทุก ๆ แบรนด์จะต้องใส่ใจในฟังก์ชันนี้
แน่นอนว่า Acefast T6 ไม่ทำให้คุณผิดหวัง เพราะว่าในขณะที่สวมหูฟัง Acefast T6 คุณจะไม่ได้ยินรอบ ๆ ข้างของตัวเองเลยค่ะ คุณแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนพยายามเรียกคุณอยู่ ซึ่งในข้อดีก็คือมันสามารถให้ความสนุกในการรับความบันเทิงแก่คุณได้อย่างเต็มที่ แต่ในข้อควรพิจารณาคือในกรณีที่คุณไม่ได้อยู่ในที่พักอาศัย อาทิเช่น ออกเดินเล่นข้างนอก หรือออกไปปั่นจักรยานริมถนนก็อาจเกิดอันตรายได้ง่าย ๆ เพราะว่าคุณจะไม่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนอะไรเลยค่ะ ดังนั้นซื้อหูฟังมาใช้ก็ควรเลือกประเภทที่ออกแบบมาให้ตรงกับการใช้งานด้วยนะคะ 🙂
การชาร์จและอายุแบตเตอรี่
สิ่งที่น่าประหลาดใจที่ทำให้หูฟัง Acefast T6 แตกต่างจากหูฟังไร้สายแบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาดก็คือความจริงที่ว่าทางแบรนด์เลือกจะใช้พอร์ตชาร์จชนิด USB-C ขออนุญาตร้องกริ้ดดัง ๆ เลยค่ะ 😱😱😱😱 นี่ไม่ได้จะบูลลี่พอร์ตชาร์จประเภทอื่นนะคะ แต่ว่าพอร์ต USB-C เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบันนี้ค่ะ

คุณจะใช้เวลาในการชาร์จเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีในการชาร์จให้เต็มเท่านั้น และเมื่อชาร์จเต็มตัวเคสชาร์จจะแสดงข้อความว่า OK บนหน้าจอ สายชาร์จที่ทางแบรนด์ให้มาค่อนข้างนิ่มและยืดหยุ่นมากค่ะ แม้ว่ามันจะไม่ได้ยาวแต่ก็ม้วนเก็บได้ง่าย ส่วนตัวเราค่อนข้างชอบสายชาร์จแบบนี้มากกว่า
สำหรับอายุการใช้งาน หูฟังแต่ละข้างจะเล่นได้ประมาณ 4 ชั่วโมง เมื่อแบตหูฟังใกล้หมดให้คุณเสียบกลับเข้าไปในเคส มันจะทำการชาร์จแบตให้อย่างรวดเร็วเลยค่ะ สำหรับตัวเคสนั้นสามารถใช้งานได้นานถึง 20 ชั่วโมง เรียกว่าพกไปนอกสถานที่ในแต่ละวันได้สบาย ๆ
ความคุ้มค่าในการซื้อ หูฟัง Acefast T6
![]() |
![]() |
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.2 เต็ม 10
สรุปข้อดี – ข้อควรพิจารณา หูฟัง Acefast T6
ข้อดี
- ราคาสมเหตุสมผล
- ควบคุมด้วยระบบสัมผัส
- มีแถมเคสซิลิโคนตามเฉดสีที่เลือก
- มอบการสวมใส่ที่สบายหู สามารถใส่ได้นาน ๆ
- จอแสดงผล LED แสดงเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่
- การชาร์จในรูปแบบ USB-C
- ดีไซน์สวยดูมีสไตล์ มีให้เลือกถึง 5 สี
- เสียงและเบสที่ทรงพลัง
- Bluetooth 5.0 รองรับการเชื่อมต่อสูงสุดถึง 200 เมตร
ข้อที่ควรพิจารณา
- เนื่องจากเมื่อเราดึงตัวหูฟังออก เคสจะไม่มีฝาปิด ทำให้ฝุ่นเข้าไปได้
- ต้องใช้เวลาจับจังหวะและเรียนรู้ระบบสัมผัส อาทิเช่น การออกแรงกด หรือ การเว้นช่วงจังหวะในการกด
- การตัดเสียงรบกวนที่ไมค์ไม่ค่อยดี
ซื้อเลย – ถ้าหาก
- ซื้อเลยถ้าหาก…คุณอยากได้หูฟังไร้สายในราคาที่ไม่แพงเกินไป แต่มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย มอบคุณภาพเสียงที่ดี ให้ระดับเสียงเบสที่ทรงพลัง มาพร้อมกับดีไซน์สวยทันสมัย
- ซื้อเลยถ้าหาก…คุณอยากได้หูฟังไร้สายที่มีหน้าจอ LED บอกเปอร์เซ็นต์แบตสถานะของเคสชาร์จและหูฟังแต่ละข้าง
- ซื้อเลยถ้าหาก…คุณอยากเคสหูฟังไร้สายที่มีพอร์ตชาร์จ USB-C ที่ทันสมัยและรวดเร็ว
- ซื้อเลยถ้าหาก…คุณอยากได้หูฟังไร้สายที่รองรับ Bluetooth 5.0
อย่าซื้อ – ถ้าหาก
- อย่าซื้อถ้าหาก…คุณต้องการหูฟังที่เน้นฟังเพลงชิล ๆ สบาย ๆ เพราะรุ่นนี้ไม่เน้นความนุ่มนวลค่ะ
- อย่าซื้อถ้าหาก…คุณต้องการหูฟังที่ใช้งานง่ายเป็นปุ่มกดกายภาพ เพราะรุ่นนี้จะเป็นแบบระบบสัมผัส ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ช่วงแรก ๆ
- อย่าซื้อถ้าหาก…คุณต้องการหูฟังไร้สายสำหรับใช้ในสถานการณ์ขี่มอเตอร์ไซค์ เนื่องจากไมค์รุ่นนี้ไม่ได้ช่วยลดเสียงรบกวน
สรุป หูฟังไร้สาย Acefast T6 คุ้มไหมที่จะซื้อ ?
โดยรวมแล้วผู้เขียนคิดว่านี่เป็นหูฟังไร้สายที่ดีจริง ๆ แม้ว่าผู้เขียนจะพยายามหาข้อบกพร่องของ Acefast T6 มาให้เพื่อน ๆ ได้พิจารณามากที่สุด แต่เอาจริง ๆ นะคะ รุ่นนี้จะมีปัญหาที่ไมค์ไม่ยอมลดเสียงรบกวนให้ ไม่สามารถใช้หูฟังนี้โทรนอกสถานที่ทีมีเสียงรบกวนดัง ๆ ได้เลยค่ะ แต่โดยปกติหากเราใช้คุยโทรศัพท์ทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีเสียงรบกวนมาก ๆ Acefast T6 ก็ถือว่าให้คุณภาพเสียงของไมค์ได้ดีเลยค่ะ
ในฐานะผู้เขียนทำหน้าที่รีวิวสินค้า นอกจากจะพยายามป้ายยาให้เพื่อน ๆ ซื้อตามกันแล้ว 😜 ผู้เขียนก็ยังมีจรรยาบรรณของนักรีวิวที่ดีนะคะ อันไหนที่ว่าดีเราก็ต้องชม! อันไหนที่เราไม่โอเคก็ต้องบอกไปตามตรง! ในแง่ของการออกแบบนั้นบอกเลยว่าสวย!! หน้าจอ LED แสดงระดับแบตเตอรี่ของเคสชาร์จและหูฟัง ทำให้เราใช้ชีวิตง่ายขึ้นมาก

ส่วนฝาปิดของเคสที่ไม่มีมาให้นั้น คุณไม่ต้องกลัวว่าหูฟังหลุดหรือหลนระหว่างทาง แต่การที่ไม่มีฝามันอาจทำให้ฝุ่นเข้าไปเกาะภายในเคสชาร์จได้ง่ายเดิม แต่ทว่าคุณสามารถแก้ปัญหานี้ด้วยการกลับด้านของเคสชาร์จแทน (ตามรูป) ในระหว่างที่ใช้หูฟังอยู่ เพียงเท่านี้ปัญหาฝุ่นก็หมดไปแล้วค่ะ