เมื่อไหร่ที่เราทำงานหนักมากเกินไปจนไม่มีเวลาพักผ่อนจะทำให้เรารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ร่างกายก็จะดูไม่มีชีวิตชีวา ไอเดียดี ๆ ก็จะไม่บรรเจิด ถ้าคุณกำลังมีความรู้สึกแบบนี้เราแนะนำให้คุณหาเวลาว่างเพื่อที่จะปลดปล่อยเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และเยียวยาหัวใจให้กลับมามีพลังต่อสู้กับงานที่ทำอีกครั้ง และก็คงจะไม่มีอะไรเหมาะสมมากไปว่า “การออกไปเที่ยว” นั่นเอง
การได้ออกไปดูสิ่งที่เป็นธรรมชาติสรรสร้างขึ้นมาสามารถเยียวยาหัวใจได้ดีที่สุด ธรรมชาติจะทำให้เรารู้สึกเงียบสงบ ผ่อนคลาย และช่วยดึงสติเรากลับมาได้เสมอ แล้วที่ไหนล่ะ ที่จะทำให้เราอยากไปสัมผัสความรู้สึกนั้น วันนี้เราอยากแนะนำจังหวัดที่โอบล้อมไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ ที่สามารถทำให้ผ่อนคลายและได้สัมผัสกับธรรมชาติที่แสนจะสดชื่น ไม่ว่าจะเป็นสายลมที่พัดผ่านผิวกาย, ความงดงามของท้องทะเล, หาดทรายขาวเนียนละเอียด, ภูเขาสวยเขียวชะอุ่ม, จุดชมวิว และคาเฟ่สวย ๆ รวมไปถึงวัดวาอารามที่สร้างขึ้นด้วยความปราณีตอ่อนช้อย ดูเหมือนว่าแทบจะทุกที่จะมีสถานที่เหล่านี้ให้คุณได้เช็คอินชื่นชมกับบรรยากาศ และหลาย ๆ คนอาจจะมีจังหวัดอยู่ในใจกันบ้างแล้ว แต่วันนี้เราจะขอแนะนำอีกหนึ่งจังหวัดในภาคใต้ให้คุณได้เลือกพักผ่อน นั่นก็คือ จังหวัดกระบี่ เพราะกระบี่เปรียบเสมือนสวรรค์ของการพักผ่อนจริง ๆ เหมือนคำกล่าวที่ว่า “กระบี่ มาครั้งเดียวไม่เคยพอ” ไปดูกันเลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบยกมาป้ายยาเพื่อน ๆ จะสวยงามและน่าสนใจแค่ไหน
1. เกาะห้อง

ที่ตั้ง | ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี |
การเดินทาง | มีให้บริการไปยังเกาะทั้งเรือหางยาวและเรือสปีดโบ๊ท |
“เกาะห้อง” เป็นเกาะที่รอบล้อมไปด้วยเกาะน้อยใหญ่มากมาย และอยู่ในเขตความคุ้มครองของอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จึงไม่แปลกใจเลยที่เกาะห้องจะเป็นอีกจุดมุ่งหมายของเหล่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ต่างก็อยากมาเยือนสักครั้งในชีวิต เกาะห้อง หรือ “เกาะเหลาบิเละ” มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยหาดทรายสีขาวเว้าโค้งครึ่งวงกลม น้ำทะเลใสแจ๋วแล้วยังโอบล้อมไปด้วยเขาหินปูนอันสวยงาม นี่จึงเป็นเสน่ห์อีกอย่างของเกาะห้องที่ธรรมชาติได้สร้างขึ้นมาให้เราได้ชื่นชมสัมผัสกัน นอกจากนี้หากใครสนใจกิจกรรมดำน้ำดูปะการังที่นี่ก็มีบริการให้อย่างครบครันไม่ว่าจะเป็นน้ำตื้นหรือน้ำลึก คุณจะได้สัมผัสถึงธรรมชาติใต้ท้องทะเลอันแสนสวยสดงดงามของท้องทะเลอันดามันกันเลย คุณสามารถนอนอาบแดดชิล ๆ หรือพายเรือคายัคชมรอบเกาะได้อีกด้วย ถือเป็นการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบ เป็นสวรรค์ของคนรักทะเลเลยทีเดียว
สำหรับเกาะห้องสามารถเที่ยวได้ทั้งปีค่ะ แต่ช่วงที่เหมาะสมแก่การเที่ยวเกาะห้องมากที่สุดคือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนพฤษภาคม เพราะถ้าเป็นช่วงเดือนอื่น ๆ จะเป็นช่วงของลมมรสุมทำให้ทะเลไม่สวยเท่าที่ควร
2. เกาะเหลาลาดิง หรือ เกาะหลาลิง

ที่ตั้ง | ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี |
การเดินทาง | มีให้บริการไปยังเกาะทั้งเรือหางยาวและเรือสปีดโบ๊ท |
เกาะเหลาลาดิงเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเกาะห้องมากนัก ที่นี่เป็นเกาะสัมปทานเก็บรังนก จึงค่อนข้างที่จะเงียบสงบ ไม่ค่อยจะมีผู้คนพลุกพล่าน ทั้งยังมีหาดทรายที่ขาวเนียนละเอียด ที่ลักษณะโค้งยาวไม่มากนัก ตัวเกาะโอบล้อมด้วยภูเขาหินปูน เหมาะสำหรับคนที่อยากจะนอนรับลมริมทะเลและต้องการความเป็นธรรมชาติจริง ๆ น้ำทะเลที่นี่ใส มีสีเขียวมรกต พร้อมกันนั้นยังมีแนวปะการังน้ำตื้นและปลาหลากสีสัน ให้เราได้ดำน้ำชมกัน เกาะเหลาลาดิงได้รับสมญานามว่าเป็น “เกาะพาราไดซ์” และบนเกาะจะเป็นถ้ำที่นกนางแอ่นใช้ทำรังเป็นจำนวนมาก หากใครชอบบรรยากาศแบบเงียบสงบเป็นส่วนตัว เราขอแนะนำเลยว่าไม่ควรพลาดที่นี่ค่ะ
3. อ่าวไร่เลย์

ที่ตั้ง | ตั้งอยู่ระหว่างตัวเมืองกระบี่และอ่าวนาง |
การเดินทาง | มีให้บริการทั้งเรือหางยาวและเรือสปีดโบ๊ท สามารถขึ้นได้ที่ท่าเรืออ่าวนางและท่าเรืออ่าวน้ำเมา |
หาดไร่เลย์ เป็นหาดทรายสีขาวละเอียด หาดไร่เลย์จะเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ชอบกิจกรรมปีนหน้าผา หลาย ๆ คนเข้าใจผิดว่าหาดไร่เลย์เป็นเกาะ แต่จริง ๆ แล้วแต่หาดไร่เลย์ถูกโอบล้อมด้วยภูเขารอบด้าน จึงต้องทำให้การเดินทางมาที่นี่นั้นต้องนั่งเรือเพียงอย่างเดียว ไร่เลย์แบ่งเป็น 2 ฝั่งคือ ฝั่งไร่เลย์ตะวันตก กับ ไร่เลย์ตะวันออก ซึ่งมีน้ำทะเลที่สวยใสแล้ว หาดไร่เลย์ยังได้ชื่อว่ามี “พระอาทิตย์ตก” ที่สวยงามบาดตาอีกด้วย นอกจากนี้หาดไร่เลย์ยังมีจุดเด่นในด้านกิจกรรมปีนผา เพราะที่หาดนี้จะมีเขาหินปูนมากมายและกิจกรรมปีนผาสามารถทำได้ทั้งปีและเป็นกิจกรรมที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวสายลุยแอดเวนเจอร์เป็นอย่างมาก

บนตัวหาดไร่เลย์ยังมีถ้ำพระนางที่เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในระแวกนั้น ภายในถ้ำจะเห็นได้ว่ามีผู้คนมากราบไหว้ขอพรกันมากมาย หากพรที่ขอไปสมปรารถนาก็จะนำปลัดขิกมาแก้บนจึงไม่แปลกที่ภายใจถ้ำจะมีปลัดขิกเต็มไปหมด
4. ดินแดงดอย

เวลาเปิดให้บริการ | 06.00 – 10.00 น.(ร้านอาหาร) จุดชมวิว เปิดทั้งวัน |
ค่าเข้าชม | 20 บาท เด็ก 10 บาท |
ที่ตั้ง | หมู่ที่ 6 บ้านดินแดงน้อย ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ |
ดินแดงดอยเป็นจุดชมวิวที่อันซีนกระบี่สุด ๆ เพราะบรรยากาศและวิวทิวทัศน์ของที่นี่จะให้ความรู้สึกคล้าย ๆ กับภาคเหนือ คุณสามารถชมวิวแบบ panorama แบบ 360 องศากันเลยทีเดียว ที่จอดรถก็ไม่ห่างจากจุดชมวิวมากนัก แต่ขอบอกก่อนเลยว่าการไปท่องเที่ยวที่ดินแดงดอยนี้แนะนำให้ปช่วงเช้าก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นสักหน่อยเพื่อจะได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นจากด้านหลังภูเขา มันเป็นอะไรที่สวยงามจนบรรยายออกมาไม่ได้เลยค่ะ และถ้าวันไหนมีอากาศเย็นสักหน่อยจะมีทะเลหมอกเบา ๆ ให้เราได้ดูอีกด้วย หรือหากใครไม่สะดวกในช่วงเช้าก็สามารถไปดูพระอาทิตย์ตกตอนเย็นก็ได้นะคะ รับรองบรรยากาศโรแมนติคสุด ๆ ด้านบนจุดชมวิวจะมีอาหารและเครื่องดื่มไว้จำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวที่ดูดวงอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า หรือใครสนใจนอนค้างคืนก็มีห้องพักไว้บริการกันด้วยค่ะ สำหรับร้านอาหารจะเปิดเวลา 06.00 – 10.00 น. ส่วนจุดชมวิวเปิดทั้งวัน คนไหนที่ไม่ได้เข้าพักก็จะมีค่าบริการผู้ใหญ่ท่านละ 20 บาท เด็กท่านละ 10 บาท หรือบริการรถส่ง 20 บาท/คน เนื่องจากเป็นสถานที่ส่วนบุคคล
5. คลองสระแก้ว

เวลาเปิดให้บริการ | เปิดทุกวัน |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาท |
ที่ตั้ง | หมู่ที่ 1 บ้านในสระ ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ |
คลองสระแก้วเป็นคลองน้ำจืดที่สะอาดและน้ำใสมาก คลองจะตั้งอยู่บริเวณต้นน้ำ ทำให้น้ำมีสีเขียวอมฟ้า บรรยากาศโดยรอบจะเป็นธรรมชาติที่มีความร่มรื่น อากาศเย็นสบาย โดยคลองต้นน้ำจะไหลผ่านป่าพรุลงไปสู่ทะเลอันดามัน เป็นระยะทางประมาณ 2 -3 กิโลเมตร ที่คลองสระแก้วนี้จะมีกิจกรรมทางน้ำให้ทำมากมายเลยค่ะ หรือถ้าเพื่อน ๆ จะลงเล่นน้ำก็จะมีห่วงยางไว้ให้บริการ ในการเล่นน้ำก็จะมีจุดกำหนดไว้ให้เล่นหลายจุด หรือจะเลือกทำกิจกรรมพายคายัคก็มีให้บริการกำหนดตามเส้นทางให้เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร หรือจะเลือกเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติก็มีให้เดินชม ขอแนะนำว่าถ้าเป็นช่วงหน้าร้อนจะมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะหน่อย เพราะน้ำที่นี่จะค่อนข้างเย็นสบาย หลาย ๆ คนจะมาเล่นน้ำเพื่อคลายร้อนกันมาก บริเวณด้านหน้าที่จอดรถก็จะมีร้านอาหาร เครื่องดื่มไว้บริการ จะมีค่าธรรมเนียมในการเข้าเล่นน้ำคือผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
6. ท่าปอมคลองสองน้ำ

เวลาเปิดให้บริการ | 08.00 – 17.00 น. |
ค่าเข้าชม | คนไทย: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ต่างชาติ: ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท |
ที่ตั้ง | หมู่ที่ 2 บ้านหนองจิก ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ |
ท่าปอม เป็นชื่อคลองสายสั้น ๆ ยาวประมาณ 5 กิโลเมตร มีต้นน้ำเป็นบ่อผุดบนเขาช่องพระแก้ว ปลายทางของคลองสายนี้จะไหลออกสู่ทะเลอันดามัน ดังนั้นตอนที่น้ำทะเลลง น้ำจืดจะไหลลงสู่ทะเล จะทำให้น้ำในคลองกลายเป็นน้ำจืด น้ำจะใส มีสีเขียวอมฟ้า เป็นสายน้ำที่สวยงามมาก เมื่อถึงเวลาน้ำทะเลขึ้น น้ำทะเลจะไหลเข้ามาในคลองทำให้เป็นน้ำเค็มหรือน้ำกร่อย น้ำก็จะมีสีขุ่น ๆ เพราะสาเหตุนี้เองจึงทำให้คลองท่าปอมได้ชื่อว่า “ท่าปอมคลองสองน้ำ” ด้วยความที่ต้นน้ำแห่งเป็นบ่อผุดจึงทำให้เป็นแหล่งระบบนิเวศน์แบบป่าพรุ ป่าดิบชื้น และมีป่าชายเลน เมื่อป่าทั้ง 3 อย่างนี้มาอยู่ด้วยกันก็ทำให้มีความหลากหลายทางธรรมชาติมากมาย และเป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศน์วิทยาได้เป็นอย่างดี ท่าปอมคลองสองน้ำจะมีสะพานยาวประมาณ 700 เมตรให้เราได้เดินชมความสวยงามของคลองแห่งนี้ เพราะสองข้างทางจะเป็นป่าพรุ ป่าดิบ และป่าชายเลน เป็นเส้นทางให้เดินชมเป็นวงกลม จะเห็นน้ำที่ใส มีสีเขียวอมฟ้า ถึงแม้ว่าน้ำที่นี่จะใสมากแต่ไม่สามารถนำมาดื่มกินได้นะคะ เนื่องจากต้นเป็นบ่อน้ำผุดที่เกินจากภูเขาหินปูนจึงปริมาณสารหินปูนอยู่เป็นจำนวนมากนั่นเอง หากเดินชมไปเรื่อย ๆ เราจะเห็นว่าต้นไม้ที่นี่จะมีรากแตกกิ่งก้านสาขาออกมามากมายเพื่อใช้ยึดลำต้นไม่ให้ถูกน้ำเซาะไปได้ง่าย ๆ ท่าปอมแห่งนี้ไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำ เพราะจะมีผลกระทบกับทางระบบนิเวศได้ และไม่อนุญาตให้นำอาหาร เครื่องดื่ม ทุกชนิดเข้าไปด้านในบริเวณนะคะ สำหรับการมาท่องเที่ยวที่ท่าปอมนั้นคุณสามารถมาได้ตลอดทั้งปีเลยค่ะ
7. สระมรกต – น้ำตกร้อน

เวลาเปิดให้บริการ สระมรกต | 08.30 – 17.00 น |
ค่าเข้าชม สระมรกต | คนไทย: 20 บาท เด็ก: 10 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่: 200 บาท เด็ก: 100 บาท |
เวลาเปิดให้บริการ น้ำตกร้อน | 08.00 – 18.00 น. |
ค่าเข้าชม น้ำตกร้อน | คนไทย: 20 บาท ต่างชาติ: 160 บาท |
ที่ตั้ง | บ้านบางคราม – บางเตียว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ |
เมื่อพูดถึงจังหวัดกระบี่ แน่นอนหลาย ๆ คนต้องนึกถึง สระมรกต – น้ำตกร้อน เป็นอันดับต้น ๆ เพราะที่นี่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติ สระมรกต ถือเป็นอันซีนอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่ ซึ่งสถานที่ทั้ง 2 แห่งนี้ อยู่ในเส้นทางเดียวกันและอยู่ไม่ไกลกันมากนัก สระมรกตตั้งอยู่ในผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ – บางคราม เป็นสระน้ำที่เป็นธรรมชาติสวยงามเพราะมีน้ำใสสีเขียวมรกตตั้งอยู่ใจกลางป่า สระมรกตกำเนิดมาจากธารน้ำอุ่น เป็นน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติประกอบด้วยสระ 3 สระ ได้แก่ สระแก้ว สระน้ำผุด และสระมรกต ซึ่งทั้ง 3 สระนี้ สระมรกตจะเป็นสระเดียวที่สามารถลงเล่นน้ำได้ สีของน้ำจะเปลี่ยนไปตามวันเวลาและสภาพแสง เส้นทางเดินที่จะไปถึงสระมรกต มีอยู่ 2 เส้นทาง คือเส้นทางสะพานที่เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติทุ่งเตียว หรือเส้นทางเดินหลักระยะทางน้อยกว่า แต่ทั้ง 2 เส้นทางจะมาบรรจบกับที่สระมรกตเหมือนกัน สามารถไปเที่ยวได้ทั้งปี แต่เวลาที่เหมาะสมสุดคือเดือนธันวาคม – มีนาคม
ในส่วนของน้ำตกร้อนจะมีลักษณะเป็นน้ำตกที่เกิดจากการซึมของน้ำจากผิวดินที่ไหลรวมตัวกันเป็นธารน้ำแล้วไหลลงคลองที่อยู่ด้านล่าง น้ำที่เกิดขึ้นจะมีความร้อนแต่ไม่ถึงกับร้อนมาก แต่ที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือ คลองที่น้ำตกไหลลงไปนั้นกลับเป็นน้ำเย็นปกติ บริเวณ น้ำตกร้อน จะมีแอ่งน้ำให้ได้ลงไปนั่งแช่น้ำร้อนเพื่อคลายกล้ามเนื้อและลดความตึงเครียดประมาณ 3 – 4 แอ่ง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะลงไปแช่เพื่อสุขภาพ (แต่ไม่แนะนำให้แช่เป็นเวลานานนะคะ) และเนื่องจากตั้งอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกมากนักจะมีจุดให้ได้นักท่องเที่ยวได้แช่เท้ากันด้วย โดยน้ำตกร้อนแห่งนี้สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีเลยค่ะ
8. บ้านไร่ตะวันหวาน

เวลาเปิดให้บริการ | เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง |
ที่ตั้ง | ต.ดินแดง อ.ลำทับ จ.กระบี่ |
บ้านไร่ตะวันหวานจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบผสมผสาน เป็นจุดเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงที่มีพื้นที่กว้างขวาง สามารถเที่ยวได้ทั้งครอบครัว ที่นี่ไม่เพียงเป็นศูยน์ให้ความรู้เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีจุดชมวิว มุมถ่ายรูป คาเฟ่ ร้านอาหาร และที่พักให้ได้ใช้บริการ บรรยากาศจะเป็นแบบรับหมอกยามเช้ากลางหุบเขา นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมปั่นจักรยาน นั่งรถชมไร่ ขับ ATV และอีกหลายอย่างไว้ให้เลือกทำ ซี่งในไร่แบ่งไว้หลายโซนมาก สำหรับใครอยากสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ไม่ควรพลาด
9. วัดถ้ำเสือ

เวลาเปิดให้บริการ | 08.00 – 17.00 น.เปิดทุกวัน |
ที่ตั้ง | บ้านถ้ำเสือ ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ |
วัดถ้ำเสือเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเป็นอันดับต้น ๆ อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่ ลักษณะทั่วไปของวัดจะเป็นสวนป่า มีโพรงถ้ำ เพิงผา เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมภูเขาและมีเจดีย์อยู่บนยอดเขา จุดมุ่งหมายสำคัญที่ทำให้หลายคนนิยมไปเที่ยววัดถ้ำเสือคือการพิชิตเดินขึ้นบันไดเป็นพันขั้น เพื่อไปชมวิวทิวทัศน์แบบ 360 องศาบนยอดเขา คุณสามารถมองเห็นจังหวัดกระบี่ได้ทั้งเมืองกันเลยทีเดียว แต่การเดินขึ้นบันไดไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไปค่ะ อันดับแรกต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมอย่าลืมเตรียมน้ำดื่มกันด้วย และอีกอย่างบันไดค่อนข้างจะมีความชันในบางช่วง บางครั้งก็จะมีสัตว์รบกวนได้เช่น ลิงออกมาขออาหาร ควรเก็บน้ำดื่มหรือขนมที่นำไปให้มิดชิด ระหว่างทางขึ้นก็มีจุดให้ได้พักพร้อมกับจะได้เห็นวิวสวย ๆ ของเมืองกระบี่ หากคุณได้ขึ้นไปถึงด้านบนของวัดแล้วคุณจะบอกว่า คุ้มค่ากับการเดินขึ้นบันไดอย่างแน่นอนค่ะ
10. วัดบางโทง

เวลาเปิดให้บริการ | 08.00 – 16.00 น เปิดทุกวัน |
ที่ตั้ง | บ้านบางโทง ต.นาเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ |
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ขณะดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร และเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 ได้พระราชทานนามวัดบางโทงใหม่เป็น “วัดมหาธาตุวชิรมงคล” ปัจจุบันวัดมหาธาตุวชิรมงคลถือเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของกระบี่ก็ว่าได้ จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ พระมหาธาตุเจดีย์ จะมีองค์สีทองอร่าม ตั้งตระหง่านสูงโดดเด่นอยู่กลางวัด บริเวณโดยรอบองค์พระมหาธาตุเจดีย์ จะมีทางเดินล้อมรอบองค์เจดีย์ทั้ง 4 ด้าน และมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่เป็นจำนวนมาก
โดยพระมหาธาตุเจดีย์จะได้รับอิทธิพลมาจากมหาเจดีย์พุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย บริเวณด้านในองค์พระมหาธาตุเจดีย์จะมีพระพุทธรูปเป็นพระประทานองค์ใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่า เราจะได้สัมผัสถึงความงดงามของภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่สร้างสรรค์ออกมาได้แบบวิจิตรบรรจง เป็นการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติได้ย่างปราณีตงดงาม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำบุญการถวายสังฆทานอีกด้วย เมื่อเดินออกมาข้างนอกบริเวณวัดอีกหน่อยก็จะมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายจุดไว้ให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้ขอพรกัน เช่น รูปหลาวปู่ทวดองค์ใหญ่ พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา เป็นต้น
และนีคือจุดเช็คอิน ที่เที่ยว จ.กระบี่ ที่รับรองว่าหากใครมาเที่ยวแล้วต้องติดใจอยากกลับมาเที่ยวอีกครั้งแน่นอนตามคำกล่าวที่ว่า กระบี่ มาครั้งเดียวไม่เคยพอ เนื่องจากจากมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อ่าวนาง, เกาะลันตา, เกาะพีพี เป็นต้นและกระบี่ไม่ได้มีดีแค่ทะเลเท่านั้น สำหรับใครที่จะออกไปสัมผัสกับความเป็นธรรมชาตินั้นไม่ยากเลย เพราะธรรมชาติอยู่รอบ ๆ ตัวเราเสมอ ขอเพียงแค่เราพร้อมที่จะเดินทางค้นหามันค่ะ และท้องทะเลฝั่งอันดามันก็ไม่ได้มีแค่จังหวัดกระบี่เท่านั้นนะคะ แต่ยังมีอีกหลายจังหวัดที่รอเราไปสัมผัสกับความเป็นธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น พังงา, ภูเก็ต, พัทลุง, น่าน, สระบุรี หรือนครศรีธรรมราชซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีความสวยงามแตกต่างกันไปค่ะ ลองออกมาพิสูจน์ความสวยงามของประเทศไทยดูนะคะ