แม้ว่าเครื่องซักผ้าในปัจจุบันถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายขึ้นและสะดวกเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าฝาบน, เครื่องซักผ้าฝาหน้า, เครื่องซักผ้ามินิ หรือ เครื่องซักผ้าฝาบนแบบ 2 ถัง จากแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Electrolux, Samsung หรือ LG ซึ่งนอกจากการซักทำความสะอาดเสื้อผ้าแล้ว เครื่องซักผ้ายังสามารถช่วยปั่นผ้าให้แห้งแบบหมาด ๆ ได้อีกด้วย แน่นอนค่ะว่ามันช่วยประหยัดเวลาในการแตกแดดไปได้เยอะเลย และยังช่วยทุ่นแรงในการบิดผ้าไปได้เป็นอย่างมากเช่นกัน แต่มันแห้งไม่สนิทใช่มั้ยคะ!? เพราะคุณยังคงจะต้องอาศัยแสงแดดในการตากผ้าให้แห้งเช่นเดิม อย่างน้อยในช่วงฤดูร้อนราวตากผ้าอาจเป็นสิ่งที่คุณต้องมีเพื่อให้เสื้อผ้าของคุณหอมสดชื่นหลังซัก และในวันที่แดดแรงมาก ๆ คุณอาจจะใช้เวลาไปประมาณ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งในบางครั้งสภาพอากาศก็ไม่ได้เป็นใจให้คุณเสมอไป
อย่างในช่วงฤดูฝนที่นอกจากมีปัญหาในการเดินทางแล้ว การตากผ้าให้แห้งสนิทก็ดูเหมือนจะสร้างปัญหาให้ใครหลาย ๆ คน เพราะเมื่อเสื้อผ้าไม่แห้งนอกจากมันจะส่งผลในเรื่องของกลิ่นอับแล้ว มันยังทำให้เสื้อผ้าของคุณเป็นแหล่งรวมเชื้อราอีกด้วยนะคะ ลองนึกภาพในวันที่ในตกหนักติดต่อกันหลายๆ วัน เราจะซักผ้าแล้วตากผ้าให้แห้ง ไร้กลิ่น ไร้ฝุ่นเกาะ ได้อย่างไร? หรือในคืนที่เรานึกขึ้นได้ว่าเราต้องใส่ชุดตัวโปรดที่ยังไม่ได้ซัก เราจะทำอย่างไรดี? ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหากเรามี “เครื่องอบผ้าแห้ง (Tumble Dryer)”
เครื่องอบผ้าแห้งส่วนใหญ่มีการใช้งานที่ง่ายดาย แค่เพียงเรานำเสื้อผ้าที่ซักทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วใส่ลงไปในเครื่องอบผ้าแห้ง แล้วเลือกโหมดหรือกำหนดเวลาที่ให้เครื่องทำงาน จากนั้นรอเวลาไม่เกิน 1 ชม (แล้วแต่จำนวนของเสื้อผ้า) เสื้อผ้าของเราก็จะแห้งพร้อมใส่ ปราศจากรอยยับและกลิ่นอับ ช่วยลดเวลาและแก้ปัญหาเสื้อผ้าไม่แห้งได้อย่างง่ายดายไปเลยค่ะ
เครื่องอบผ้าแบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด
- เครื่องอบผ้าแบบลมร้อน: Haier เครื่องอบผ้า ความจุ 7 กก. รุ่น HDV70E1
- เครื่องอบผ้า 10 กิโลกรัม: LG เครื่องอบผ้าฝาหน้า ระบบ Condenser รุ่น RC9066A3F ขนาด 10.5 ก.ก
- เครื่องอบผ้า Electrolux: Electrolux เเครื่องอบผ้า ฝาหน้า UltimateCare™ 500 รุ่น EDV705HQWA ความจุ 7.0 กก.
- เครื่องอบผ้าแบบควบแน่น: Beko เครื่องอบผ้า อบผ้าแห้ง ความจุ 8 กก. รุ่น DA8112PX0W
- เครื่องอบผ้าแบบลมร้อน: เครื่องอบผ้า ELECTROLUX ขนาด 8.5 kg รุ่น EDS854J3WB
วิธีเลือกซื้อ เครื่องอบผ้าแห้ง ที่ดีที่สุด
การเลือกซื้อเครื่องอบผ้าแห้งสักเครื่องมีข้อให้พิจารณามากมาย เพราะมันเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่และมีราคาที่สูง ดังนั้นคุณจะต้องแน่ใจแล้วว่าเครื่องอบผ้าของคุณที่ซื้อมานั้น จะต้องเป็นเครื่องอบผ้าที่ดีที่สุดแล้วตรงตามความต้องการของคุณจริง ๆ และคุณจะต้องพิจารณาคุณสมบัติและแบรนด์ทั้งหมดก่อนตัดสินใจซื้อ เราหวังว่ารีวิวในวันนี้จะช่วยให้คุณเลือกเครื่องอบผ้าได้อย่างถูกต้องนะคะ
1. ต้องใช้เครื่องอบผ้าขนาดใด ถึงจะเหมาะที่สุด
เครื่องอบผ้ามีขนาดถังตั้งแต่เล็กขนาด 4 กิโลกรัม ไปจนถึงถังใหญ่ขนาด 10 กิโลกรัม โดยทั่วไปรุ่นที่มีขนาด 4-6 กิโลกรัม เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานปรมาณ 2 คน สำหรับขนาด 7-8 กิโลกรัม เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง และขนาด 9-10 กิโลกรัม เหมาะสำหรับครัวขนาดใหญ่
7 กิโลกรัม | เสื้อยืด 35 ตัว / ผ้านวม | เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก |
8 กิโลกรัม | เสื้อยืด40 ตัว / ผ้านวมควีนไซส์ | เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง |
9 กิโลกรัม | เสื้อยืด 45 ตัว / ผ้านวมคิงไซส์ | เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ |
10 กิโลกรัม | เสื้อยืด 50 ตัว / ผ้านวมคิงไซส์ | เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ |
2. เทคโนโลยีเซนเซอร์
เครื่องอบผ้าถูกมองว่าเป็นเครื่องใช้ที่ใช้พลังงานมาก ซึ่งแบรนด์ต่าง ๆ ก็ได้พยายามแก้ปัญหานี้ โดยการให้เครื่องอบผ้าประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม ผ่านการนำเซ็นเซอร์เข้ามาช่วย ซึ่งเซ็นเซอร์เหล่านี้จะตรวจสอบความชื้นในถังตลอดเวลาที่ทำงาน และจะหยุดเครื่องอบผ้าทันทีที่ผ้าของคุณแห้ง มันจึงช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายไปได้มาก จึงไม่แปลกใจที่เครื่องอบผ้าที่มีเซ็นเซอร์จะมีราคาแพงกว่าปกติ แต่มันก็คุ้มค่าเมื่อเทียบกับการประหยัดเงินค่าไฟในระยะยาว
3. ฟังก์ชันของเครื่องอบผ้าควรมีอะไรบ้าง
เครื่องอบผ้านั้นใช้งานง่ายมาก ๆ ด้วยส่วนใหญ่เครื่องอบผ้ามี 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ แบบแมนนวลและแบบอัตโนมัติ ในส่วนของเครื่องอบผ้าแบบแมนนวลนั้น จะต้องมีการตั้งค่าอย่างน้อย 2-3 การตั้งค่า สำหรับใช้งานในผ้าฝ้าย, ผ้าใยสังเคราะห์ และผ้าที่ละเอียดอ่อน โดยปกติแล้วเครื่องอบผ้าแบบอัตโนมัติจะมีโปรแกรมที่ช่วยคุณมากกว่า ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผ้าของคุณ
ฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ควรรู้
- ฟังก์ชัน Iron dry : วิธีนี้จะทำให้ผ้าของคุณมีความชื้นเล็กน้อยเพื่อให้รีดง่ายขึ้น แต่คุณจะต้องรีดผ้าทันทีที่เครื่องอบผ้าเสร็จ
- ฟังก์ชัน Cupboard dry : วิธีนี้ทำให้แน่ใจว่าผ้าของคุณแห้งพอที่จะนำออกไปใส่ตู้เสื้อผ้าหรือตะกร้าผ้าได้ทันที เมื่ออบเสร็จ
- ฟังก์ชัน Extra dry : วิธีนี้ดีที่สุดสำหรับผ้าที่มีขนาดใหญ่ เช่นผ้านวมหรือหมอน เนื่องจากทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างแห้งสนิทค่ะ
การตั้งค่าอื่น ๆ ที่ต้องระวัง
- ผ้าขนสัตว์ : ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องได้มีการรับการรับรองการอบผ้าขนสัตว์ โดยส่วนใหญ่จะระบุในคู่มือหรืออาจจะมีสัญลักษณ์ขนแกะเล็ก ๆ ตามการตั้งค่าบนเครื่องอบผ้าค่ะ
ประเภทของเครื่องอบผ้าแห้ง
1. เครื่องอบผ้าที่ใช้ระบบ Vented หรือ แบบท่อลมร้อน
เครื่องอบผ้าแห้งแบบระบายอากาศหรือ Vented มักมีราคาถูกกว่า มีการทำงานคือเป่าลมร้อนภายในเครื่อง เพื่อทำให้ผ้าแห้งสนิท แล้วปล่อยความร้อน/ไอน้ำออกจากเครื่อง ซึ่งระบบนี้ต้องใช้ที่ระบายลมออกจากเครื่องสู่อากาศภายนอก
ข้อดี คือ มีราคาถูกกว่า
ข้อเสีย คือ ควรจะต่อท่อสายลมร้อนออกนอกบ้าน กรณีที่วางไว้ในบ้าน ดังนั้นอาจต้องมีการติดตั้งแบบมืออาชีพในการเจาะผนัง ซึ่งคุณจะต้องวางเครื่องไว้ข้างผนังหรือหน้าต่างค่ะ
2. เครื่องอบผ้าที่ใช้ระบบ Condenser หรือ แบบควบแน่น
เครื่องเป่าคอนเดนเซอร์เป็นที่นิยมมากที่สุดและติดตั้งง่ายที่สุด มันทำงานด้วยลมร้อนเช่นกัน แต่จะโดยการควบแน่นเอาความชื้นไปเก็บรวบรวมในอีกที่ในระหว่างกระบวนการอบผ้าแห้งด้วยลมร้อน จากนั้นก็จะเทออกมาเป็นน้ำไปยังภาชนะที่ถอดออกได้ ซึ่งต้องมีการเททิ้งเป็นประจำโดย (ปกติหลังจากเสร็จสิ้นการอบแห้งแต่ละรอบ) ส่วนลมร้อนจะถูกลดความร้อนผ่านครีบโลหะ เพื่อลดความร้อนก่อนปล่อยออกจากเครื่อง เครื่องอบผ้าที่ใช้ระบบ Condenser นี้จึงเหมาะกับสถานที่ ๆ ไม่สะดวกในการต่อท่อระบายลมร้อนออก
ข้อดี คือ ติดตั้งง่าย เพียงแค่มีปลั๊กไฟที่อยู่ใกล้ ๆ ก็สามารถติดตั้งเครื่องอบผ้าได้แล้วค่ะ
ข้อเสีย คือ ผ้าที่ได้จะไม่แห้งสนิท จะมีความชื่นเหลืออยู่บ้าง และราคาเครื่องจะแพงกว่าระบบ Vented อีกทั้งเครื่องอบผ้าแห้งแบบคอนเดนเซอร์บางเครื่องอาจมีความร้อนบ้างเล็กน้อย ดังนั้นจึงขอแนะนำให้เปิดหน้าต่างไว้ในขณะที่เครื่องทำงาน
เครื่องอบผ้าแห้ง รุ่นไหนน่าซื้อ ในปี 2022
เพื่อช่วยให้คุณเลือกได้ง่ายขึ้นเราทำการได้เลือกเครื่องอบผ้าแห้ง รุ่นและยี่ห้อ ที่ดีที่สุดในปี 2020 มาให้คุณพิจารณากันแล้วค่ะ จะมีรุ่นไหนที่ตรงใจคุณบ้างมาดูกันเลยค่ะ
Haier เครื่องอบผ้า ความจุ 7 กก. รุ่น HDV70E1

ราคา 8,290 บาท*
จุดเด่น
- สามารถติดตั้งกลับหัวได้
- ราคาไม่แพง
ระบบ | Vented ต้องต่อท่อ |
---|---|
ความจุ | 7 กิโลกรัม |
ตั้งเวลาสูงสุดได้ | 180 นาที |
ขนาดเครื่อง (กxสxล) | 83 x 58.5 x 60 เซนติเมตร |
น้ำหนักเครื่อง | 30 กิโลกรัม |
รับประกัน | ตัวเครื่อง 1 ปี + มอเตอร์ 5 ปี |
Electrolux เเครื่องอบผ้า ฝาหน้า UltimateCare™ 500 รุ่น EDV705HQWA ความจุ 7.0 กก.

ราคา 10,780 บาท*
จุดเด่น
- ถนอมสีผ้าได้ดี
- สามารถติดตั้งกลับหัวได้
- ตั้งเวลา Delay stat ได้สูงสุด 20 ชั่วโมง
- ประหยัดพลังงานถึง 6% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม
ระบบ | Vented ต้องต่อท่อ |
---|---|
ความจุ | 7 กิโลกรัม |
ตั้งเวลาสูงสุดได้ | 90 นาที |
ขนาดเครื่อง (กxสxล) | 60 x 85 x 60 เซนติเมตร |
น้ำหนักเครื่อง | 30.5 กิโลกรัม |
รับประกัน | ตัวเครื่อง 2 ปี + มอเตอร์ 2 ปี |
เครื่องอบผ้า ELECTROLUX ขนาด 8.5 kg รุ่น EDS854J3WB

ราคา 11,590 บาท*
Electrolux รุ่น EDS854J3WB จะมาพร้อมกับโปรแกรมลดรอยยับและฆ่าเชื้อโรคภายในผ้า ดังนั้นหลังจากทำการอบแล้ว เสื้อผ้าของเราจะไม่ยับจนเกินไปและมีความสะอาดเป็นพิเศษ ทำให้การรีดง่ายขึ้นกว่าเดิม ในขณะเดียวกันเทคโลโนโลยีของเครื่องจะเป็นแบบ Venting หรืออบลมร้อน ซึ่งใช้กำลังไฟในช่วง 2,250 วัตต์ แน่นอนว่าผ้าของคุณจะแห้งสนิทไม่หลงเหลือความชื้นทิ้งไว้จนเกิดความอับของผ้า นอกจากนี้ยังมีระบบ Sensor Dry เพื่อตรวจเช็กว่าผ้าของเราแห้งกำลังพอดี ไม่แห้งกรอบจนเกินไป ส่วนขนาดของถังในช่วง 8.5 กิโลกรัมก็ถือว่าใหญ่ สามารถใช้ในครอบครัวเล็กไ้ด้สบาย ๆ
จุดเด่น
- มี Sensor Dry คอยตรวจความชื้น ไม่ให้ผ้าของเราแห้งกรอบจนเกินไป
- มีระบบฆ่าเชื้อโรค ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ในช่วงนี้มาก ๆ
- เทคโนโนโลยี Venting ทำให้ผ้าแห้งสนิทและประหยัดพลังงานไฟฟ้า
- ไม่ทำให้ผ้ายับจนเกินไป
ระบบ | Vented ต้องต่อท่อ |
---|---|
ความจุ | 8.5 กิโลกรัม |
ตั้งเวลาสูงสุดได้ | ไม่ระบุ |
ขนาดเครื่อง | 85 x 59.60 x 62.50 เซนติเมตร |
น้ำหนักเครื่อง | 30.5 กิโลกรัม |
รับประกัน | ตัวเครื่อง 2 ปี + มอเตอร์ 10 ปี |
Beko เครื่องอบผ้า อบผ้าแห้ง ความจุ 8 กก. รุ่น DA8112PX0W

ราคา 12,990 บาท*
จุดเด่น
- มีโปรแกรมซักผ้ายีนส์โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับสาวกกางเกงยีนส์มากค่ะ
- มีการออกแบบตัวถังเพื่อลดการสั่นสะเทือน จึงทำงานได้เงียบขึ้น
ข้อควรพิจารณา
- ฝาหน้าเป็นพลาสติกทรงกลม ที่ทึบแสง ทำให้คุณมองไม่เห็นภายใน
ระบบ | Vented ต้องต่อท่อ |
---|---|
ความจุ | 8 กิโลกรัม |
ตั้งเวลาสูงสุดได้ | ไม่ระบุ |
ขนาดเครื่อง (กxสxล) | 59.7 x 85.6 x 58.4 |
น้ำหนักเครื่อง | 30 กิโลกรัม |
รับประกัน | อะไหล่ 2 ปี + มอเตอร์ 5 ปี |
LG เครื่องอบผ้าฝาหน้า ระบบ Condenser รุ่น RC9066A3F ขนาด 10.5 ก.ก

ราคา 25,990 บาท*
จุดเด่น
- ติดตั้งง่ายดายไม่ต้องต่อท่อระบายน้ำ
- เชื่อมต่อการทำงานผ่านสมาร์ทโฟนได้
- ไฟส่องสว่างภายในถัง ขณะทำงานทำให้คุณมองเห็นภายในได้อย่างชัดเจน
- มีตะแกรงพิเศษสำหรับอบผ้าชนิดอื่น ๆ โดยที่ไม่ต้องปั่น อย่างเช่น ผ้าไหม, ผ้าขนสัตว์, ชุดชั้นใน รวมถึงรองเท้า
ระบบ | Condenser ไม่ต้องมีท่อ |
---|---|
ความจุ | 10.5 กิโลกรัม |
ตั้งเวลาสูงสุดได้ | ไม่ระบุ |
ขนาดเครื่อง (กxสxล) | 60 x 85 x 64 เซนติเมตร |
น้ำหนักเครื่อง | 45 กิโลกรัม |
รับประกัน | ตัวเครื่อง 1 ปี + มอเตอร์ 5 ปี |
BOSCH เครื่องอบผ้าฝาหน้า (9 KG) รุ่น WTR85T00TH

ราคา 28,800 บาท*
จุดเด่นของทาง BOSCH รุ่น WTR85T00TH คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของการประหยัดพลังงานไฟฟ้า เพราะตัวทำความร้อนหรือ Heat Pump จะใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงแค่ 1,000 วัตต์เท่านั้น ช่วยให้เราประหยัดค่าไฟไปได้ถึง 50% เลยทีเดียว อีกทั้งเทคโนโลยีและนวัฒกรรมของมันก็ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี Auto Dry ซึ่งจะทำหน้าที่ในการคำนวณเวลาอบผ้า ทำให้ผ้าแห้งได้อย่างพอดี หรือจะเป็น DUO-Tronic ที่คอยตรวจเช็กระดับความชื้น
เมื่อผ้าของเราระบายความชื้นออกไปหมดแล้ว ระบบตัวนี้จะสั่งการหยุดทำงานทันที เพื่อเป็นการเซฟค่าไฟฟ้าและป้องกันไม่ให้ผ้าของเรากรอบจนเกินไป แต่ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือมอเตอร์ EcoSilence Drive เพราะมันทำงานเงียบมาก มีเสียงรบกวนเพียงแค่ 65 เดซิเบลเท่านั้น ยิ่งถ้าใครตั้งไว้บริเวณนอกบ้านหรือหลังบ้าน บอกได้เลยว่าแทบจะไม่ได้ยินเสียงการทำงานของเครื่อง รับรองว่าไม่รบกวนการพักผ่อนของคนภายในบ้านอย่างแน่นอน
จุดเด่น
- มอเตอร์ EcoSilence Drive ทำงานเงียบมาก ไม่รบกวนการพักผ่อนของคนในบ้าน
- ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากถึง 50%
- มี Auto Dry และ DUO-Tronic ช่วยให้ผ้าแห้งในระดับที่พอดี ไม่แห้งกรอบจนเกินไป
ระบบ | Condenser ไม่ต้องมีท่อ |
---|---|
ความจุ | 9 กิโลกรัม |
ตั้งเวลาสูงสุดได้ | ไม่ระบุ |
ขนาดเครื่อง | 59.8 x 84.2 x 59.9 เซนติเมตร |
น้ำหนักเครื่อง | 49 กิโลกรัม |
รับประกัน | ตัวเครื่อง 2 ปี + มอเตอร์ 10 ปี |
Whirlpool เครื่องอบผ้าฝาหน้า รุ่น 3LWED4705FW ความจุ 10.5 กก.

ราคา 35,899 บาท*
จุดเด่น
- มีระบบระบายความร้อนมากถึง 3 ช่องทาง
- สามารถปรับระดับการอบได้ 4 ระดับ (สูง, กลาง, ต่ำ และ เป่าลม)
- เวลาสูงสุดในการอบอยู่ที่ 15 นาที
- ฟิวเตอร์กรอง ออกแบบมาให้ไม่ต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ
ระบบ | Vented ต้องต่อท่อ |
---|---|
ความจุ | 10.5 กิโลกรัม |
ตั้งเวลาสูงสุดได้ | ไม่ระบุ |
ขนาดเครื่อง (กxสxล) | 69 x 110 x 75 เซนติเมตร |
น้ำหนักเครื่อง | 49.5 กิโลกรัม |
รับประกัน | ตัวเครื่อง 1 ปี + มอเตอร์ 5 ปี |
Others เครื่องอบผ้าฝาหน้า (10.5 kg) รุ่น 3LWED4815FW

ราคา 39,900 บาท*
Other รุ่น 3LWED4815FW มีราคาที่แรงก็จริง แต่ถ้ามองถึงสเปคของเครื่องแล้วก็ไม่แปลกใจสักเท่าไหร่นัก เพราะฟังก์ชันของมันครบถ้วน สามารถอบผ้าได้ทุกชนิดที่เราต้องการ โดยโปรแกรมของมันจะมีให้เลือกอยู่ทั้งหมด 14 โปรแกรมใหญ่ ๆ อีกทั้งยังปรับระบบระดับการอบได้อีกด้วย ดังนั้นปัญหาผ้าไม่แห้งจะไม่เกิดขึ้นกับ เครื่องอบผ้าของ Oters อย่างแน่นอน
ส่วนฟังก์ชันอื่น ๆ ที่น่าสนใจก็จะมี AIR VENTED AUTO DRY ซึ่งเป็นระบบเดียวกับทาง ‘BOSCH รุ่น WTR85T00TH’ คือมันจะคอยควบคุมการทำงานของเครื่องและตรวจเช็กความชื้นของผ้าแบบอัตโนมัติ เมื่อผ้าแห้งสนิทเมื่อไหร่เครื่องก็จะหยุดทำงานโดยทันที นั่นหมายความว่ามันจะช่วยประหยัดไฟฟ้าไปด้วยในตัว ส่วนความจุของถังในขนาด 10.5 กิโลกรัม ก็ใช้งานได้ตั้งแต่ภายในบ้าน หรือสถานที่ใหญ่ ๆ อย่างโรมแรมและร้านอาหารได้เลยครับ
จุดเด่น
- ขนาดถังใช้ได้กับครอบครัวใหญ่และกิจการร้านค้าต่าง ๆ
- มีโปรแกรมให้เลือกอบถึง 14 โปรแกรม อบผ้าได้ทุกชนิด
- มีระบบคอยตรวจเช็กความชื้น เมื่อผ้าแห้งเครื่องจะหยุดทำงานทันที
ระบบ | Vented ต้องต่อท่อ |
---|---|
ความจุ | 10.5 กิโลกรัม |
ตั้งเวลาสูงสุดได้ | ไม่ระบุ |
ขนาดเครื่อง | 69 x 110 x 75 เซนติเมตร |
น้ำหนักเครื่อง | ไม่ระบุ |
รับประกัน | ตัวเครื่อง 1 ปี + มอเตอร์ 5 ปี |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ รีวิว เครื่องอบผ้า อบผ้าให้แห้งโดยไม่ต้องตาก ยี่ห้อไหนดี ปี 2022 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
Electrolux เเครื่องอบผ้า ฝาหน้า UltimateCare™ 500 รุ่น EDV705HQWA ความจุ 7.0 กก. |
| |||
| ||||
| ||||
LG เครื่องอบผ้าฝาหน้า ระบบ Condenser รุ่น RC9066A3F ขนาด 10.5 ก.ก |
| |||
| ||||
Whirlpool เครื่องอบผ้าฝาหน้า รุ่น 3LWED4705FW ความจุ 10.5 กก. |
| |||
|
ทำไมต้องซื้อเครื่องอบผ้า
1. คุณมีพื้นที่ในการตากผ้าจำกัด
แน่นอนค่ะว่าหลาย ๆ คนส่วนมากจะเป็นการพักในคอนโด อพาร์ทเม้นท์ หรือหอพักมากกว่า ซึ่งต้องยอมรับนะคะว่าที่พักเหล่านี้มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดอยู่เสียหน่อย การจะซักผ้าตากผ้าแต่ละครั้งจึงสร้างความลำบากไม่ใช่น้อย อีกทั้งการซักทำความสะอาดผ้าขนาดใหญ่อย่างผ้าปูที่นอนหรือผ้านวมจะต้องใช้พื้นที่ในการตาก หากคุณมีเครื่องอบผ้าไว้ครอบครอง ปัญหาเรื่องพื้นที่ในการตากก็จะหมดไป

คำแนะนำ : ในกรณีที่คุณตั้งใจซื้อเครื่องซักผ้าใหม่ หรือคุณอาจจะไม่มีเครื่องซักมาก่อน การซื้อเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าในตัวเดียวกัน หรือที่เรียก 2 in 1 นั้นอาจจะเป็นการช่วยคุณประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าไปได้เยอะ ทั้งยังเป็นการช่วยคุณประหยัดเงินไปอีกเท่าตัวเลยนะคะ แต่หากคุณต้องการประสิทธิภาพที่ดีที่สุด เครื่องอบผ้าแบบเฉพาะจะทำงานได้ดีกว่า
2. สภาพอากาศที่คาดการณ์ไม่ได้
ในช่วงหน้าฝนเป็นที่ทราบกันดีว่าการทำให้ผ้าแห้งสนิทเป็นปัญหาที่แก้ยากมาก และด้วยสภาพอากาศที่ไม่สามารถคาดเดาได้ของประเทศไทยในปัจจุบันนี้ ทำให้เครื่องอบผ้าอาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่คุณต้องการ เพื่อให้แน่ใจว่าการซักผ้าจำนวนมากของคุณจะแห้งได้อย่างรวดเร็วและทันใช้ในวันถัดไป
3. ประหยัดเวลาในการตาก
แน่นอนค่ะว่านี่คือจุดประสงค์หลักของเครื่องอบผ้า เพราะคุณสามารถนำผ้าที่ซักแล้วโยนลงเครื่องอบผ้าได้ทันที และรอเวลาอบประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นคุณก็เก็บเสื้อผ้าใส่ตู้หรือตะกร้าผ้าของคุณได้เลยค่ะ
4. รีดง่ายกว่าเดิม
คุณอาจจะกำลังสงสัยว่ามันจะช่วยคุณรีดง่ายเดิมได้อย่างไร? อันที่จริงแล้วเครื่องอบผ้าบางรุ่นก็จะปล่อยประจุออกมา ทำให้เสื้อของคุณเรียบกว่าการตากแบบปกติ หรือช่วยลดรอยยับบนเสื้อผ้าของคุณได้เป็นอย่างดี ตัวเครื่องอบผ้าบางตัวก็มีการตั้งค่าที่สามารถอบผ้าไปด้วยและรักษาความชื้นในเนื้อผ้าไปด้วย (Iron dry) เพื่อให้คุณแม่บ้านรีดผ้าได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
คำแนะนำ : ปริมาณในการอบผ้าแต่ละครั้งรวมถึงชนิดของผ้า ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อรอยยับของเสื้อผ้าได้ค่ะ อีกทั้งหากคุณรีบหยิบเสื้อผ้าออกมาหลังจากอบเสร็จทันทีและใส่ไม้แขวนเลย ก็ลดโอกาสที่ทำให้ผ้ายับไปได้เยอะเลยค่ะ
บทสรุป
หากถามว่าเครื่องอบผ้าที่เรารีวิวมาตัวไหนดีสุด คงจะตอบยากเสียหน่อย เพราะทุกเครื่องนั้นมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน หากคุณอยากได้ความประหยัดพลังงาน เพื่อที่จะไม่ต้องจ่ายค่าไฟแพง ๆ ทุกเดือน เราแนะนำให้เลือกเครื่องอบผ้าที่มีระบบตรวจวัดความชื้น หรือให้ดูที่ค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานว่าอยู่ในระดับใด โดยค่าที่ดีที่สุดคือค่า A+++ นั่นหมายถึงประหยัดพลังงานได้ดีที่สุดนั่นเองค่ะ อย่างเครื่องอบผ้า Samsung รุ่น DV90H8000HW มีค่าค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานระดับ A++ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
หรือหากคุณอยากได้รุ่นที่ทำงานอบผ้าได้เร็วที่สุดก็อาจจะเป็น Electrolux รุ่น EDV705HQWA (ใช้เวลา 40 นาที), Beko รุ่น DA8112PX0W (ใช้เวลา 35 นาที) และ Whirlpool รุ่น 3LWED4705FW (ใช้เวลา 15 นาที)
หากคุณอยากที่คุณสมบัติที่ปรับระดับการอบได้ก็ต้องเลือกรุ่นที่ระบุมาว่ามีกี่ระดับ แต่ส่วนใหญ่จะมี 3 ระดับค่ะ ได้แก่ BEKO รุ่น DV7120 และ Samsung รุ่น DV90H8000HW ส่วน Whirlpool รุ่น 3LWED4705FW จะมี 4 ระดับ
หากอยากได้ความเงียบในการทำงานก็ต้องเลือกรุ่นที่ออกแบบมาพิเศษที่ลดการสั่นสะเทือนได้ดี อย่าง Beko รุ่น DA8112PX0W หรือ BOSCH รุ่น WTB86202TH ทีมีระดับเสียงขณะเครื่องทำงานเพียงแค่ 65 เดซิเบล
นอกจากนี้อย่าลืมดูขนาดของตัวเครื่องว่าเพียงพอต่อพื้นที่ที่เราจะติดตั้งหรือไม่ และความจุของถังว่าเหมาะสมต่อการใช้งานของเราหรือเปล่าด้วยนะคะ ขนาดถังที่ใหญ่เกินไปก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีที่สุด เพราะมันจะทำให้ใช้พลังงานในการปั่นมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ