สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับบทความรีวิวหนังและซีรีส์สนุก ๆ อีกแล้ววว ก่อนหน้านี้เรามีบทความแนะนำหนังและซีรีส์ไปหลากหลายรสชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแนวสยองขวัญ, แนวซอมบี้เลือดสาด หรือจะเป็นแนวแฟนตาซีเหนือธรรมชาติ แต่บทความนี้เราอยากจะหยิบเอาซีรีส์อีกหนึ่งประเภทที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวมาแนะนำ นั่นก็คือ “ซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวน” นั่นเองค่ะ

บอกเลยว่านี่เป็นอีกหนึ่งประเภทที่ท้าทายมันสมองมาก เพราะระหว่างดูเราต้องคอยคิดตามไปด้วยว่าใครคือคนร้าย? สุดท้ายแล้วข้อสัณนิษฐานของเราถูกต้องหรือเปล่า? เอาง่าย ๆ เลยก็คือตัวหนังกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเราได้ดีสุด ๆ ค่ะ

ซีรีส์สืบสวนสอบสวนจะเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปริศนา มักจะมีเงื่อนไขอย่างเวลาเข้ามาเป็นตัวกดดันและเพิ่มความลุ้นระทึก มักจะทำให้เรารู้สึกวิตกกังวลและกระหายที่จะรู้คำตอบและบทสรุป ถ้าใครดูหนังประเภทนี้บ่อย ๆ จะสังเกตได้เลยว่าเราจะรู้สึกเอ๊ะ รู้สึกสงสัยอยู่ตลอดเวลา ทุกตัวละครล้วนแล้วแต่น่าสงสัยและมีปริศนา แต่นั่นก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่หลอกล่อให้คนดูอย่างเราจดจ่อกับเนื้อเรื่องมากขึ้นนั่นเองค่ะ

เอาล่ะค่ะ เกริ่นมาเยอะแล้วเรามาดูกันเลยดีกว่าว่าซีรีส์ที่เราหยิบมาแนะนำจะมีเรื่องโปรดของเพื่อน ๆ บ้างหรือเปล่า?​ แต่ขอบอกเอาไว้ก่อนเลยว่าซีรีส์ที่เราแนะนำในบทความนี้จะมาจากฝั่งตะวันตกล้วน ๆ เลยนะคะ

10 ซีรีส์ฝรั่งแนวสืบสวนสอบสวน

1. Lupin : จอมโจรลูแปง

อัสซาน จ๊อบ ชายหนุ่มที่ต้องอยู่กับความแค้นนานกว่า 25 ปี เนื่องจากพ่อของเขากลายเป็นแพะรับบาปให้กับตระกูลใหญ่จนฆ่าตัวตายในคุก ทำให้เขาต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าทันที ขณะที่ฉากหน้าเขาคือพนักงานทำความสะอาดธรรมดา ๆ แต่ใครจะรู้ว่าในหัวของเขาเต็มไปด้วยแผนการยิ่งใหญ่ เขากำลังวางแผนจารกรรมเครื่องประดับล้ำค่าในพิพิธภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยแน่นหนามากที่สุดในโลก รวมไปถึงเปิดโปงความลับดำมืดของตระกูลร้ายกาจที่ทำให้ชีวิตของเขาตกต่ำถึงขีดสุด แต่การเล่นกับตระกูลที่มีอิทธิพลเหนือกฏหมายไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ขณะเดียวกันก็ต้องสืบหาความจริงเกี่ยวกับพ่อที่น่าสงสารและอดีตขะมุกขมัวที่คอยตามหลอกหลอน

เรื่องนี้ให้ฟีลนักสืบ + อาชญากร + นักมายากล ฉากหลังคือเมืองปารีสและพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ตัวหนังดำเนินเรื่องผ่านมุมมองของอาชญากร ทำให้เราได้เห็นด้านใหม่ ๆ เห็นมุมมองและความคิดของอาชญากร นอกจากนี้ตัวหนังยังมีการแฟลชแบ็คไปยังอดีตของอัสซานเป็นช่วง ๆ ทำให้เห็นว่าทุกอย่างล้วนแต่มีเหตุและผล จุดพีคและความสนุกของเรื่องนี้จะอยู่ที่ทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของอัสซานที่สามารถเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้งแม้ว่าจะจวนตัวแล้วก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีจุดที่ขัดใจอยู่บ้างอย่างความโง่ของเจ้าหน้าที่หรือการแก้ปัญหาบางอย่างที่ง่ายเกินความเป็นจริง ส่วนเนื้อหาก็ค่อนข้างครบรสเลยค่ะ มีทั้งดราม่าและฉากแอ๊คชั่นแบบอัจฉริยะ

2. Riverdale : ริเวอร์เดล

ริเวอร์เดลเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่สวยงามและเต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่แล้วภาพลักษณ์ของเมืองก็เปลี่ยนไปเมื่อมีวัยรุ่นคนหนึ่งโดนฆาตกรรม กลุ่มเพื่อนที่ไม่เชื่อผลชันสูตรจึงรวมตัวกันสืบหาความจริงด้วยตัวเอง จากวัยรุ่นกลุ่มเล็ก ๆ ก็เริ่มมีตัวละครเข้ามาพัวพันมากขึ้น ยิ่งค้นเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งพบกับความลับดำมืดและความสัมพันธ์ลับ ๆ ที่โยงทุกคนเข้าด้วยกันราวกับใยแมงมุม ไหนจะรอยร้าวภายในครอบครัวที่ต้องหาวิธีแก้ไขไปพร้อม ๆ กัน เรียกว่าเป็นภารกิจที่ยากเกินกว่าวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งจะรับมือได้

เรื่องนี้ค่อนข้างจะตรงเทสวัยรุ่น เพราะในเรื่องเต็มไปด้วยนักแสดงวัยรุ่นหน้าตาดี นอกจากความสัมพันธ์ฉาบฉวยแล้วยังมีเรื่องราวของการฆาตกรรม การเอาตัวรอด ชิงไหวชิงพริบ ส่วนตัวเรามองว่าเนื้อหาแอบยืดยาดและน่าขัดใจไปหน่อย บางซีนมีการแก้ปัญหาแบบง่าย ๆ บางตัวละครกลับโง่อย่างไม่น่าเชื่อ แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากตัวหนังเล่าผ่านมุมมองของวัยรุ่นเลยไม่แปลกที่บางอย่างมันอาจจะไม่สมเหตุสมผลค่ะ แนะนำให้ดูตั้งแต่ซีซั่นแรก ๆ เพราะเนื้อหาค่อนข้างจะต่อกันและจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดง่ายขึ้น

3. Criminal Minds : ทีมแกร่งเด็ดขั้วอาชญากรรม

BAU (หน่วยวิเคราะห์พฤติกรรม) เป็นหน่วยงานที่อยู่ในสังกัด FBI สหรัฐอเมริกา ประกอบไปด้วย เจ้าหน้าที่ฮอทช์เนอร์ หัวหน้าหน่วย เจนิเฟอร์ จาโร เจ้าหน้าที่ประสานงาน เพเนโลเป้ กาเซียร์ นักวิเคราะห์เทคนิค เดเร็ค มอร์แกน และ ดร. สเปนเซอร์ รี้ด เจ้าหน้าที่พิเศษ พวกเขามีหน้าที่วิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรในเหตุฆาตกรรมและส่งโปรไฟล์ให้ตำรวจติดตามผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน โดยผู้ต้องสงสัย (Unsub) แต่ละคนจะมีภูมิหลัง, ปมด้อย และแรงจูงใจในการก่อเหตุแตกต่างกันออกไป สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือการเจาะเข้าไปในความคิดและจิตใจเพื่อดึงเอาข้อมูลมาใช้ประโยชน์และวิเคราะห์จากสภาพพื้นที่และสภาพเหยื่อเพื่อสาวไปถึงตัวคนร้าย

Criminal Minds เป็นซีรีส์สืบสวนที่เน้นจิตวิทยาเป็นหลัก แต่ละตอนจะมีเรื่องราวแตกต่างกัน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องดูต่อเนื่องก็สามารถเข้าใจได้ บางตอนมีการดัดแปลงมาจากเรื่องจริง บางตอนก็มีการหยิบเอาอ้างอิงจากเรื่องจริงมาเป็นแนวทางในการสร้างโปรไฟล์คนร้าย ซึ่งอาชญากรแต่ละคนคือมีทั้งอาการทางจิต, มีปมในใจ และมีความลึกลับซับซ้อนมากกก ทุกอย่างมีเหตุมีผล มีคำตอบทางวิทยาศาตร์ เนื้อเรื่องกระชับไม่ออกทะเล นอกจากจะสนุกแล้วยังได้ความรู้อีกเยอะเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโรคแปลก ๆ ที่มีอยู่จริง การฝึกวิเคราะห์พฤติกรรมทั้งภาษากาย การพูด การแสดงออก รวมไปถึงวิทยาศาสตร์และชีววิทยาจากสภาพของเหยื่อค่ะ

4. NCIS : หน่วยสืบสวนแห่งนาวิกโยธิน

เรื่องราวของหน่วยสืบสวนที่จะต้องไขคดีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในกองทัพเรือ ไม่ว่าจะเป็นคดีฆาตกรรม, การยักยอก, การจารกรรม รวมไปถึงทุกคดีที่เกี่ยวกับทหารเรือ ถึง scope ของงานจะดูเล็กแต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เพราะบางภารกิจอาจจะต้องออกแรงงัดข้อกับผู้มีอิทธิพลและเหล่านายพลต่าง ๆ ที่มองเห็นประโยชน์ส่วนตัวเป็นเรื่องใหญ่ โดยทีมนี้มี เจ้าหน้าที่กิปส์ เป็นหัวหน้าหน่วยและเจ้าหน้าที่พิเศษฝีมือดีช่วยกันไขคดีที่เต็มไปด้วยความยุ่งยากและซับซ้อน

NCIS เป็นซีรีส์สืบสวนสืบสวนที่เหมาะกับสายบู๊หรือคนชอบหนังแอ็คชั่น เนื่องจากเจ้าหน้าที่กิ๊ปส์จะออกงานภาคสามเป็นหลัก และหน้าที่ของพวกเขาไม่ได้มีแค่ไขคดีฆาตกรรมแต่รวมไปถึงการคุ้มครองตัวประกันอีกด้วยค่ะ แต่ละตอนจะจบในตัวจึงไม่จำเป็นต้องดูแบบต่อเนื่อง เนื้อหาค่อนข้างเข้าใจง่ายและสมเหตุสมผล มีทั้งการเอาตัวรอด,​ การใช้อาวุธ​ การรู้จักสังเกตุสภาพแวดล้อม เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตได้จริง ๆ ค่ะ

5. Lucifer : ลูซิเฟอร์ ยมทูตล้างนรก

ลูซิเฟอร์ มอร์นิ่งสตาร์ สละราชบัลลังก์จากนรกเพื่อมาพักผ่อนยังโลกมนุษย์ แต่หลังจากคนใกล้ตัวโดนสังหารเขาเลยตัดสินใจสืบหาความจริงด้วยพลังวิเศษที่ติดตัวมา และนั่นก็ทำให้ได้พบกับ โคลอี้ นักสืบสาวเจ้าของคดีนี้ หลังจากต้องมาเจอหน้ากันนับครั้งไม่ถ้วนลูซิเฟอร์ก็พบว่าโคลอี้เป็นเป็นคนเดียวที่สามารถต้านทานพลังวิเศษของเขาได้ ทั้งคู่เลยตกลงปลงใจร่วมไขคดีไปด้วยกัน แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะทั้งคู่ต้องคอยแก้ไขคดีที่ซับซ้อนและฟาดฟันกับเทพที่ลงมาตามตัวลูซิเฟอร์กลับสู่นรก ขณะเดียวกันลูซิเฟอร์เองก็ต้องสานสัมพันธ์กับโคลอี้ให้แน่นแฟ้นมากขึ้นไปด้วย

ซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นการสืบสวนแนวแฟนตาซี เพราะเนื้อเรื่องจะเล่าผ่านตัวละครหลักอย่างลูซิเฟอร์ซึ่งเป็นเทพในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนั่นเองค่ะ เนื้อหาคล้าย ๆ กันกับซีรีส์สืบสวนสอบสวนทั่ว ๆ ไปคือแต่ละตอนจะมีคดีให้แก้ไขและจบในตอน แต่เราแนะนำให้ดูแบบต่อเนื่องจะได้เห็นการพัฒนาการด้านความสัมพันธ์ของตัวละครค่ะ ส่วนตัวแอบคิดว่าเนื้อเรื่องน่าเบื่อไปหน่อยเพราะวนลูปอยู่ที่การแก้ไขคดี, ปัญหาระหว่างเทพ และความสัมพันธ์ ไม่ค่อยมีอะไรใหม่ แต่รวม ๆ แล้วถือว่าให้ข้อคิดเกี่ยวกับนรก – สวรรค์ได้ดีและตอนจบสามารถคลายทุกปมได้อย่างสวยงามค่ะ

6. How to Get Away with Murder : ก๊วนแสบอำพรางศพ

แอนนาลีส คีทติ้ง เป็นอาจารย์และทนายความสาวฝีมือดี เนื้อหาหลัก ๆ ในคลาสของเธอจะว่าด้วยการทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกความมีความผิดน้อยที่สุดรวมไปถึงวิธีการสืบหาพยานหลักฐานต่าง ๆ ด้วยความโด่งดังในอาชีพทำให้ใคร ๆ ก็อยากเป็นนักเรียนของเธอ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะแต่ละปีเธอจะคัดเลือกหัวกะทิ 5 คนหรือ K5 มาเป็นผู้ช่วยในทีมและได้ลงมือปฏิบัติจริงเหมือนทนายความทุกอย่าง เรื่องราวเริ่มยุ่งเหยิงหลังจาก K5 รุ่นใหม่เริ่มแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น จากที่จับมือกันช่วยสืบหาและอำพรางหลักฐานก็เริ่มหันมาแทงกันเอง ยิ่งนานวันความลับดำมืดก็ยิ่งถูกเปิดเผยออกมา ร้อนถึงแอนนาลีสต้องคอยตามแก้ปมที่เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

เปลี่ยนจากตำรวจมาเป็นฝั่งทนายกันบ้าง แต่แอนนาลีสเป็นทนายที่เราไม่อยากจะแนะนำสักเท่าไหร่เพราะเธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกความชนะคดีโดยใช้ช่องโหว่ของกฏหมายและหัวสมองอันชาญฉลาด แต่อีกแง่หนึ่งเราก็ได้รับรู้เบื้องหลังของวงการทนายที่อาจจะไม่ได้อยู่บนบรรทัดฐานของสังคมหรืออยู่ใต้กฏหมายอย่างที่คิดค่ะ ส่วนความสัมพันธ์ของตัวละครนี่ค่อนข้างยุ่งเหยิงสำหรับเรา เพราะนอกจากตัวละครหลักจะเยอะแล้วแต่ละภาคแต่ละตอนยังมีตัวละครเสริมเพิ่มเข้ามาอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วตอนจบของซีรีส์ก็สามารถคลายปมได้อย่างสมบูรณ์

7. Sherlock : สุภาพบุรุษยอดนักสืบ

นวนิยายในตำนานที่ถูกนำมาสร้างเป็นทีวีซีรีส์ชื่อดัง เชอร์ล็อค โฮล์ม เป็นอัจฉริยะที่มีไหวพริบดีเด่นและมีความจำดีมาก ๆ งานอดิเรกของเขาคือการไขความลับคดีอาชญากรรมและการก่อการร้าย แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็เจอคู่หูและรูมเมทคนใหม่อย่าง หมอวัตสัน อดีตหมอทหารฝีมือดี ขณะนั้นมีคดีใหญ่ที่ยังไม่สามารถปิดได้และเขาก็กลายมาเป็นที่ปรึกษาคดี หลังจากนั้นทั้งคู่จึงร่วมกันไขอีกหลายคดียาก ๆ แถมยังต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงอีกหลายต่อหลายครั้ง

เรียกว่าเป็นซีรีส์สำหรับอัจฉริยะโดยเฉพาะเลยก็ว่าได้ค่ะ เชอร์ล็อค โฮล์มนี่ฉลาดสุด ๆ สามารถเฉลยทุกอย่างได้เพียงแค่แว๊บเดียวที่เห็น และความลับของเขาก็คือทักษะการอนุมาณหรือเดาสุ่ม แต่การคาดเดาของเขามักจะอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่ผ่านกระบวนการคิดที่รวดเร็วและหลักแหลม ดูจบแล้วรับรองได้เลยว่าคุณจะต้องมีสติและรอบคอบมากขึ้นแน่นอนค่ะ นอกจากนี้ยังได้ความรู้ทั้งในเรื่องของวิทยาศาสตร์, ชีววิทยา และจิตวิทยาค่ะ

8. The Mentalist : เจาะจิตผ่าปริศนา

แพทริค เจน เป็นนักจิตวิทยาชื่อดังที่สร้างรายได้จากการต้มตุ๋นออกทีวี แต่หลังจากเผลอพูดชื่อของฆาตกรต่อเนื่องอย่าง เร้ด จอห์น ออกอากาศก็พบว่าครอบครัวของเขาถูกฆาตกรรม และเขาเองก็เชื่อว่าจะต้องเป็นฝีมือของเร้ด จอห์นแน่นอน เจนเลยตัดสินใจร่วมมือกับทีมของ เทเรซ่า ลิสบอน เจ้าหน้าที่จาก CBI ที่รับผิดชอบคดีของเร้ด จอห์น แต่ดูเหมือนว่าความรั้นของทั้งคู่จะทำให้ความสัมพันธ์ไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามฝีมือการแก้ไขคดีของทั้งคู่เป็นอะไรที่ตามจับได้ยาก ถึงซีซั่นแรก ๆ ทุกอย่างจะดูทุลักทุเลไปหน่อยแต่รับรองว่าซีซั่นหลัง ๆ มีอะไรให้ชื่นใจแน่นอนค่ะ

ซีรีส์เรื่องนี้จะเน้นไปที่จิตวิทยาเป็นหลักคล้าย ๆ กับ Criminal Minds แต่เนื้อเรื่องจะเบาสมองมากกว่าค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ซีเรียสมากนัก เพราะลักษณะนิสัยของเจนเป็นอะไรที่น่าทุบมาก ๆ เพราะเขาทั้งรั้นและหมกมุ่นกับการตามจับฆาตกรซะเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามความฉลาดและจิตวิทยาของเจนก็ถือว่าอยู่ในระดับที่หาตัวได้ยาก และการแก้คดีแบบกวน ๆ ก็เป็นอะไรที่เพลินดีค่ะ แนะนำให้ดูแบบต่อเนื่องจะเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของตัวละครได้ง่ายกว่า

9. Bones : พลิกซากปมมรณะ

ดร.โบนส์ เป็นนักนิติมานุษยวิทยาที่มีความสามารถเก่งกาจชนิดหาตัวจับได้ยาก เพียงแค่เห็นโครงกระดูกเธอก็สามารถระบุเพศและช่วงอายุได้แทบจะทันทีโดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสด้วยซ้ำ และด้วยความเก่งทำให้เธอมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับ บูธ เจ้าหน้าที่หน่วย FBI ถึงจะต้องปะทะริมฝีปากกันแทบจะทุกครั้งที่เจอหน้าเพราะศรัทธาของแต่ละคนต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ร่วมกันไขคดียาก ๆ อีกมากมาย ถึงแม้ว่าบางคดีจะมีเพียงแค่กระดูกนิ้วเดียวให้ตรวจสอบก็ตามคะ

เรื่องนี้อาจจะไม่เหมาะกับการดูระหว่างทานข้าวสักเท่าไหร่ เพราะโครงกระดูกและอุปกรณ์ประกอบฉากคือทำออกมาได้สมจริงมาก ๆ ในส่วนของเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับการวิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ จากโครงกระดูกและหลักฐานจากสถานที่เกิดเหตุ บอกเลยว่าบางเคสนี่มีแค่ชิ้นเนื้อหรือกระดูกแค่ชิ้นเดียวเองค่ะ แต่ก็สามารถไขคดีใหญ่ ๆ ได้ในที่สุด จริง ๆ แล้วข้อมูลนิติวิทยาศาสตร์ในเนื้อเรื่องค่อนข้างแน่นนะคะ แต่น่าเสียดายที่ตัวหนังเน้นความสัมพันธ์ของพระ-นางเยอะไปหน่อย ถึงข้อมูลในเรื่องนี้อาจจะไม่ได้เอามาใช้ในชีวิตจริงแต่ก็ถือว่าเป็นความรู้รอบตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ ส่วนเนื้อเรื่องก็ค่อนข้างจะสนุก มีสอดแทรกมุขตลกบ้างทำให้ไม่น่าเบื่อหรือตึงเครียดจนเกินไปค่ะ

10. CSI : ทีมปฏิบัติการล่าความจริง

CSI เป็นหน่วยสืบสวนคดีฆาตกรรม หน้าที่ของพวกเขาคือการสืบสวนสาเหตุการตายและสาวไปยังคนที่น่าจะเกี่ยวข้อง โดยมี ดร.กิล นักกีฏวิทยาฝีมือดีรับหน้าที่เป็นหัวหน้าหน่วย การทำงานของพวกเขาจะต้องใช้ทักษะทางนิติวิทยาศาสตร์ขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมหลักฐาน สร้างทฤษฏีจากข้อเท็จจริง รวมไปถึงชันสูตรหลักฐานที่มี ไม่เคยมีอะไรรอดพ้นสายตาทีมสืบสวนของเขาได้แม้จะเป็นแค่เศษด้ายหรือคราบน้ำในที่เกิดเหตุ แต่ละคดีที่พวกเขาได้รับมักจะเต็มไปด้วยความซับซ้อนที่ต้องใช้ทั้งเทคโนโลยีและความสามารถในการวิเคราะห์ขั้นสูงค่ะ

ซีรีส์สืบสวนอันดับหนึ่งในอเมริกา สำหรับ CSI จะเน้นไปที่การสืบสวนสถานที่และหลักฐานที่ได้มาจากที่เกิดเหตุ บอกเลยว่าความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์, ชีววิทยา และเทคโนโลยีมาเต็มเลยค่ะ อีกหนึ่งจุดเด่นคือมุมกล้องและวิธีการนำเสนอที่มีความน่าสนใจและน่าติดตาม รายละเอียดแต่ละจุดจะถูกนำมาเชื่อมโยงและไขคดีในท้ายที่สุด ดังนั้นแม้แต่ 1 นาทีที่พลาดไปก็อาจจะทำให้เราพลาดอะไรหลาย ๆ อย่างเลยค่ะ ส่วนความฮิตนี่ไม่ต้องพูดถึงเพราะมีภาคแยกเสริมอีกหลายเมือง ไม่ว่าจะเป็น CSI: Miami, CSI: NY, CSI: Cyber และ CSI: Vegas ค่ะ แต่ละเมืองจะมีเนื้อเรื่องและความโดดเด่นแตกต่างกันออกไป

จบไปแล้วกับการรีวิว 10 ซีรีส์ฝรั่งแนวสืบสวนสอบสวนที่เรานำมาฝาก เอาจริง ๆ แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นความชื่นชอบส่วนตัวของเราเองค่ะ เพราะส่วนตัวแล้วเราชื่นชอบโปรดักชั่นฝั่งตะวันตกมากกว่า ทั้งฉากและการแสดงก็ค่อนข้างจะสมจริง กระดูกเป็นกระดูก เน่าเป็นเน่า แผลเป็นแผล ดูแล้วอินสุด ๆ แต่นอกจากความสนุกที่ได้จากการดูซีรีส์แนวนี้แล้ว อีกหนึ่งเหตุผลที่เราชอบก็คือความรู้ทั้งจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงเนื้อเรื่องจะตั้งอยู่บนหลักความเป็นจริง ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มีสาเหตุและสามารถอธิบายได้เสมอ ดูจบแล้วเราจะรู้สึกระวังตัวและสังเกตุสิ่งรอบตัวมากกว่าที่เคย