ผมเปียกตอนเช้า…และจะแห้งอีกทีในตอนบ่ายแบบนี้ก็คงจะไม่ไหวกันใช่มั้ยคะ? ในยุคที่ทุกอย่างต้องเร่งรีบ เวลาเปรียบเสมือนทองคำ ทุกคนต่างก็มีชั่วโมงเร่งด่วนด้วยกันทั้งนั้น ในตอนเช้าของวันทำงานคุณอาจต้องการตัวช่วยในการทำผมให้แห้งเร็วขึ้น เพื่อที่คุณจะได้ประหยัดเวลาไปทำอะไรได้อีกมากมาย ดังนั้น “ไดร์เป่าผม” จึงเป็นทางออกสำหรับปัญหาเวลาที่เร่งรีบเช่นนี้ เพราะมันจะช่วยให้คุณสวยได้เสร็จทันเวลา เนื่องจากมันมีคุณสมบัติที่ช่วยให้ผมแห้งเร็วและยังเป็นไอเทมจัดแต่งทรงผมยอดนิยมที่สามารถทำทรงผมหลากหลายรูปแบบ
แม้ปัจจุบันนี้จะมีอุปกรณ์จัดแต่งผมมากมายอย่าง เครื่องหนีบผมตรง, เครื่องม้วนลอนผม หรือหวีไฟฟ้า แต่ไดร์เป่าผมยังเป็นอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมคู่ใจของสาว ๆ ในทุกยุคทุกสมัย เพราะไดร์เป่าผมจะมาช่วยเปลี่ยนลุคทรงผมสุดธรรมดา ๆ ของคุณให้เป็นสาวผมตรงสวยมีวอลลุ่มทั้งยังเสริมสร้างเสน่ห์ตามสไตล์คุณได้ง่าย ๆ แต่ไดร์เป่าผมแต่ละรุ่นก็ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของสาว ๆ ที่ต่างกัน ดังนั้นก่อนที่จะไปเลือกซื้อไดร์เป่าผม เราต้องรู้วิธีเลือกไดร์เป่าผมที่เหมาะกับตัวเองก่อนค่ะ
ทำไมไดร์เป่าผมบางตัวถึงมีราคาแพง ?
แม้เราจะรู้อยู่เต็มอกว่าความร้อนกับเส้นผมเป็นสิ่งที่ไม่ควรใช้คู่กันแต่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อยู่ดี เนื่องจากผลลัพธ์ของมันจะช่วยทำให้ผมของเราเป็นทรงที่สวยงาม ซึ่งการเลือกไดร์เป่าผมก็ไม่ควรดูแต่เพียงเปลือกนอกเท่านั้นเพราะคุณจะต้องดูด้วยว่ามันช่วยป้องกันหรือดูแลเส้นผมจากความร้อนควบคู่ไปด้วยกันหรือไม่ ?

หลายคนอาจะสังสัยว่าทำไมเราจะต้องซื้อไดร์เป่าผมราคาที่แพงด้วยในเมื่อมันให้ความร้อน ช่วยทำให้ผมแห้ง และจัดแต่งทรงผมได้เหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วไดร์เป่าผมที่บางยี่ห้อตั้งราคาสูง ๆ นั้น เพราะมันมีคุณสมบัติพิเศษในการดูแลรักษาเส้นผมของคุณให้คงสภาพนุ่มลื่น เงางาม และไม่แห้งเสียไปกว่าเดิมจากการโดนความร้อนบ่อย ๆ ซึ่งมันก็เป็นคุณสมบัติที่ไดร์ราคาประหยัดไม่สามารถมอบให้แก่คุณได้ หากคุณเป็นคนที่ไม่ได้ใช้ไดร์เป่าผมบ่อย ๆ คุณอาจจะไม่สนใจในเรื่องพวกนี้ หากคุณเป็นคนต้องใช้ไดร์เป่าผมทุกวัน คุณจำเป็นต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่เส้นผมของตัวเองก่อนที่จะสายเกินไป

ดังนั้นการลงทุนกับไดร์เป่าผมไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องเสียดายเงินเลยค่ะ เพราะไดร์เป่าผมที่ดีจะให้ผลลัพธ์เกี่ยวกับสุขภาพของเส้นผมที่ดีขึ้นเช่นกัน ถึงแม้ว่าคุณจะใช้ความร้อนกับเส้นผมเป็นประจำทุกวันแต่มันก็ไม่ทำให้ผมแห้งเสียอย่างแน่นอน
ซึ่งในวันนี้เราก็ไม่ได้มารีวิวไดร์เป่าผมธรรมดา ๆ ทั่วไปที่เน้นเพียงแค่ลมแรงแห้งไว แต่เราจะมารีวิว “ไดร์เป่าผมที่ไม่ทำให้เส้นผมแห้งเสีย” ที่จะช่วยถนอมดูแลและบำรุงเส้นผมของคุณไปในตัว ซึ่งจะมีไดร์เป่าผมยี่ห้อไหนน่าสนใจบ้างมาดูกันค่ะ
ซื้อไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี ?
รายการต่อไปนี้ก็คือไดร์เป่าผมที่ดีที่สุดในเรื่องของการถนอมดูแลเส้นผม แต่จะมีคุณสมบัติพิเศษในด้านต่าง ๆ ที่โดดเด่นเฉพาะตัวให้คุณได้พิจราณาง่ายขึ้นดังนี้
- ดีที่สุด ออกแบบให้เหมาะกับทุกสภาพเส้นผม ให้การใช้งานครอบคลุม: Dyson รุ่น HD08 ไดร์เป่าผม 1600W
- บอกลาหนังศีรษะและผิวแห้ง ๆ แค่เป่าก็เท่ากับบำรุง: Panasonic รุ่น EH-NA98-KL ไดร์เป่าผม 1800W
- มอเตอร์แบบใหม่ ประหยัดไฟกว่า ลมเย็นกว่า ทนทานกว่า: [ใหม่] Lesasha รุ่น LS1628 ไดร์เป่าผม 1600W LS Airmax BLDC Jet
- ผมแห้งไว นุ่มลื่น โดยไม่สูญเสียความชุ่มชื้น ขนาดกะทัดรัด: Lesasha รุ่น LS1371 ไดร์เป่าผม 1200W Luxe Ion Plus Bio-Ceramic
- ราคาประหยัด ลมแรง แห้งไว: Philips รุ่น BHD350/10 ไดร์เป่าผม 2100W
- ราคาประหยัด พับเก็บได้ ขนาดกะทัดรัด: Panasonic รุ่น EH-NE20 ไดร์เป่าผม 1800W
- ราคาประหยัด ดีไซน์สวย ขนาดกะทัดรัด: Xiaomi Mijia Mi Water Ion Electric Hair Dryer ไดร์เป่าผม 1800W
โปรดจำไว้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาลเพื่อให้ได้ไดร์เป่าผมที่ดีที่สุด แต่คุณควรลงทุนไปกับไดร์เป่าผมที่เหมาะสมสำหรับคุณมากกว่า 🙂
![]() Dyson รุ่น HD08 ไดร์เป่าผม 1600W | ![]() Panasonic รุ่น EH-NA98-KL ไดร์เป่าผม 1800W | ![]() [ใหม่] Lesasha รุ่น LS1628 ไดร์เป่าผม 1600W LS Airmax BLDC Jet | ![]() Lesasha รุ่น LS1371 ไดร์เป่าผม 1200W Luxe Ion Plus Bio-Ceramic | ![]() Philips รุ่น BHD350/10 ไดร์เป่าผม 2100W | ![]() Panasonic รุ่น EH-NE20 ไดร์เป่าผม 1800W | ![]() Xiaomi Mijia Mi Water Ion Electric Hair Dryer ไดร์เป่าผม 1800W |
|
หากไม่ใช้ไดร์เป่าผมจะส่งผลกระทบต่อหนังศีรษะอย่างไรในเวลาที่คุณสระผมเส้นผมของคุณจะอ่อนแอมาก เพราะน้ำจะซึมเข้าสู่รูขุมขนแต่ละเส้นของผมคุณ รากผมที่อ่อนแอก็จะเปิดโอกาสให้เชื้อโรคเข้าสู่รากผมได้ง่ายยิ่งขึ้น นั้นเป็นเห็นผลให้เกิดเชื้อราบนหนังศีรษะส่งผลทำให้ผมของคุณร่วง ดังนั้นเมื่อคุณอาบน้ำเสร็จคุณควรใช้ไดร์เป่าผมให้แห้งทันทีเพื่อให้หนังศีรษะของคุณแห้งเร็วที่สุด |
ข้อควรพิจารณาเมื่อจะซื้อไดร์เป่าผม
1. กำลังไฟที่เหมาะสม
อย่างที่บอกไปแล้วว่ากำลังไฟไม่ใช่ทุกอย่างที่จะบอกว่าไดร๋เป่าผมตัวนี้ดีที่สุด แต่เพื่อให้คุณได้สามารถนำข้อมูลในส่วนนี้ไปเป็นไกด์ไลน์ตัดสินใจได้ เราแนะนำให้เลือกตามนี้ค่ะ
- ไดร์เป่าผมกำลังไฟ 1,200 วัตต์ เพียงพอแล้วสำหรับผมเส้นเล็ก-เส้นบาง
- ไดร์เป่าผมกำลังไฟ 1,300 – 1,800 วัตต์ เพียงพอแล้วสำหรับสภาพเส้นผมของคนส่วนใหญ่
- ไดร์เป่าผมกำลังไฟสูงกว่า 1,800 วัตต์ จะสำหรับผมหนาหรือหยิกมากเท่านั้น
2. ประเภทเทคโนโลยีที่ใช้
เพราะประเภทเทคโนโลยีของไดร์ผมจะถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับเส้นที่มีลักษณะต่างกัน อาทิเช่น
- ไดร์เป่าผมไอออนิก เหมาะกับคนที่ผมหนา หยิก และชี้ฟู โดยไม่ทำให้ผมแห้งเสีย
- ไดร์เป่าผมเซรามิก เหมาะกับคนที่ผมลีบแบน ผมบาง ผมค่อนข้างตรงอยู่แล้ว โดยไม่ทำให้ผมแห้งเสีย
- ไดร์เป่าผมทัวร์มาลีน เพิ่มประสิทธิภาพผมแห้งเร็วขึ้นและเส้นผมมีสุขภาพดีขึ้น
- ไดร์เป่าผมไทเทเนียม เป็นไดร์เป่าผมที่เร็วและแรงที่สุด ซึ่งจะมีน้ำหนักที่เบามาก แต่ด้วยความร้อนที่สูงนั้นทำให้มันเป็นประเภทไดร์ที่ต้องใช้เทคโนโลยีอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วยในการบำรุงดูแลเส้นผม
ทั้งนี้คุณสามารถอ่านในห้อข้อถัดไปได้เกี่ยวกับรายละเอียดของ “ประเภทของไดร์เป่าผม” และ “การเลือกไดร์เป่าผมที่เหมาะสภาพเส้นผมของคุณ” แต่โดยส่วนใหญ่แล้วไดร์เป่าผมไอออนิก vs ไดร์เป่าผมเซรามิกจะเป็นพื้นฐานในการผลิตไดร์เป่าผมทั่วไปดังนั้นคุณจะพบไดร์สองประเภทนี้ได้บ่อยที่สุด และสำหรับทัวร์มาลีน-ไทเทเนียมนั้นมักมาในรูปแบบคุณสมบัติเสริมมากกว่า
3. ต้องเป็นไดร์ที่สามารถปรับอุณหภูมิได้
คุณจะต้องเลือกไดร์เป่าผมที่สามารถเปลี่ยนอุณหภูมิได้ เพราะไม่ใช่ทุกวันที่คุณจะต้องเป่าผมด้วยลมร้อนเสมอไป ในบางครั้งคุณอาจจะเพียงแค่ต้องการลมเย็น ๆ ที่จะเป่าให้ผมแห้งได้อย่างตรงจุด เพราะหากคุณจะใช้เพียงแต่ลมร้อนในการทำผมทุก ๆ วันคุณเตรียมตัวบอกลาเส้นผมสุขภาพดีไปได้เลย การสลับการใช้ลมร้อนและลมเย็นในแต่ละวันจะทำให้ผมของคุณไม่แห้งเสียมากกว่าเดิม ดังนั้นในไดร์เป่าที่ดีควรมีทั้งลมร้อน, ลมปานกลาง และลมเย็นที่ปรับระดับได้ให้เหมาะสมกับการใช้งานโอกาสต่าง ๆ
4. มีปุ่ม Cool Shot สำหรับให้ลมเย็น
ปุ่ม Cool Shot จะช่วยปิดหนังกำพร้าด้านนอกของเส้นผมให้มันเก็บความชุ่มชื้นมีน้ำหนักไม่แห้งเสีย, เพิ่มความเงางาม, ทำให้ผมของคุณนุ่มสลวย และล็อกลอนผมให้อยู่ทรงนานโดยป้องกันการชี้ฟูเมื่อคุณเป่าแห้งเสร็จ ยิ่งหากคุณมีเส้นผมที่แห้งและหยาบกร้านปุ่ม Cool Shot จะเหมาะอย่างยิ่งในการช่วยขจัดความหยาบกระด้างเหล่านั้นออกไปจากเส้นผมของคุณ
5. อุปกรณ์เสริม
อีกสิ่งที่ควรพิจารณาคืออุปกรณ์เสริม อาทิเช่น หัวเป่าที่แตกต่างกัน บางรุ่นมาพร้อมกับหัวเป่าที่ออกแบบมาเพื่อให้ง่ายต่อการไหลเวียนของอากาศ หรืออาจจะเป็นหัวเป่าสำหรับจัดแต่งทรง, หัวเป่าแบบกระจายลม และหัวเป่าแบบลมอ่อน เป็นต้น นี่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผลลัพธ์ในการจัดทรงผมที่ดีที่สุดของสาว ๆ ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อไดร์ที่มีอุปกรณ์เสริมสามารถเปลี่ยนหัวได้เพื่อทรงผมที่หลากหลายของคุณ
6. ต้องเป็นไดร์ที่ค่อนข้างเก็บเสียง
ขึ้นชื่อว่าไดร์เป่าผมก็ต้องมาพร้อมเสียงอันทรงพลัง คุณคงไม่อยากให้รูมเมทของคุณหรือคนข้างบ้านตื่นมาด้วยสีหน้าอันบูดเบี้ยวหรอกจริงมั้ยคะ? แน่นอนว่าปัจจุบันนี้มีไดร์หลายยี่ห้อที่ออกแบบมาให้มีเสียงที่เบาลงได้เล็กน้อย ดังนั้นจงอย่าลังเลที่จะเลือกไดร์ที่มี Option เหล่านี้เลยค่ะ
7. ขนาด-น้ำหนัก ของไดร์เป่าผม
หากสถานที่ที่คุณจะไปเที่ยวและทางที่พักไม่มีไดร์เป่าผมมาให้คุณต้องจะเสียเวลารอให้ผมแห้งกี่ชั่วโมง? หากเราสามารถพกพาไดร์เป่าผมไปได้ทุกที่ก็คงจะเป็นเรื่องดีกว่า ดังนั้นสำหรับใครที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวบ่อย ๆ ไดร์เป่าผมที่มีขนาดเล็กสามารถพับจัดเก็บได้ก็จะเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้ามไป อีกทั้งตรวจสอบด้วยว่าไดร์ของคุณสามารถรองรับการใช้งานร่วมกับปลั๊กไฟในต่างประเทศได้หรือไม่? นอกจากนี้คนที่ต้องใช้ไดร์เป่าผมทุกวันหรือคนที่มีผมหนา-ผมเยอะมาก ๆ ต้องระวังเรื่องน้ำหนักของไดร์เป่าผมด้วยนะคะ เพราะเมื่อคุณถือไดร์เป่าผมไปสักพักมันจะทำให้คุณเข็ดข้อมือได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ ทางที่ดีคือไม่ควรเลือกไดร์เป่าผมที่เกิน 1 กิโลกรัม

8. ความยาวของสายไฟ
มันเป็นหนึ่งในข้อควรพิจารณาที่ง่ายที่สุดที่หลาย ๆ คนมักมองข้ามไป เพราะความยาวของสายไฟนั้นมีความจำเป็นต่อการใช้ไดร์ในชีวิตประจำวันมาก ๆ เนื่องจากมันต้องมีการเปลี่ยนทิศทางของเครื่องไปมาทั้งซ้ายขวา-บนล่าง หากคุณได้ไดร์เป่าผมรุ่นที่สายไฟสั้นมันจะลำบากตอนเป่าผมเพราะคุณแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ แต่หากคุณยอมจ่ายเงินในราคาที่สูงขึ้นมาหน่อยเพื่อให้ได้สายไฟที่ยาวกว่าเดิมหรือเลือกเป็นไดร์เป่าผมแบบไร้สายไปเลยมันจะทำให้คุณใช้ไดร์ได้อย่างอิสระและสะดวกมากยิ่งขึ้น
ความสำคัญของกำลังไฟ (วัตต์)ในไดร์เป่าผม
สิ่งหนึ่งที่คุณเห็นเป็นประจำในการมองหาคุณสมบัติของไดร์เป่าผม นั้นคือตัวเลขของวัตต์ที่แต่ละยี่ห้อระบุมาให้ ซึ่งตัวเลขที่สูงกว่าบ่งชี้ว่าไดร์เป่าผมมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้นจริงไม่? วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณได้หายสงสัยกันค่ะ โดยปกติเครื่องเป่าผมที่มีคุณภาพจะให้กำลังไฟระหว่าง 1200 วัตต์ขึ้นไป ซึ่งไดร์เป่าผมที่มีกำลังไฟหรือวัตต์สูง ๆ จะสามารถให้ระดับแรงลมที่แรงมากตามตัวเลขที่มากขึ้น “ยิ่งมีกำลังไฟที่สูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ผมของคุณแห้งเร็วมากขึ้นเท่านั้น”
ดังนั้นคนที่มีเส้นผมหนามากจึงต้องใช้ไดร์เป่าผมวัตต์สูง ๆ เพื่อความรวดเร็วในการทำให้ผมแห้ง แต่ปัญหาคือมันมักมาพร้อมกับความร้อนที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน รวมถึงขนาดที่ใหญ่กว่าและเสียงดังที่รบกวนมากกว่า ซึ่งปัจจุบันนี้ไดร์เป่าผมที่ราคาถูก ๆ ก็สามารถผลิตไดร์ออกมาให้มีกำลังวัตต์สูง ๆ ได้เช่นกัน แต่น้อยนักที่จะมุ้งเน้นในเรื่องคุณภาพของเส้นผมควบคู่ไปด้วย

ดังนั้นวิธีเดียวที่จะแน่ใจได้ว่าคุณจะมีไดร์เป่าผมที่ดีที่สุดคือการพยายามหาจุดดีจุดเด่นและเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมอื่น ๆ ที่ใส่มาในไดร์เป่าผมด้วยนะคะ ไม่ใช่แค่เลือกจากกำลังไฟสูง ๆ ไว้ก่อน เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะยิ่งกำลังไฟสูงมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งเสียมากขึ้น-เสียงดังมากขึ้น-เปลืองไฟมากขึ้น แต่หากคุณมีเส้นผมที่หนาเป็นพิเศษก็จะต้องใช้กำลังวัตต์ในการตัดสินควบคู่ไปด้วยนะคะ 🙂
Xiaomi Mijia Mi Water Ion Electric Hair Dryer ไดร์เป่าผม 1800W

ราคา 935 บาท*
ไดร์เป่าผมจาก Mijia (ของ Xiaomi) รุ่น 1800W ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ขายดีและได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะด้วยราคาและฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสม อย่างแรกที่เราชอบมากคือดีไซน์ของไดร์เป่าผมที่ดูสวยแบบเรียบ ๆ มาพร้อมกับหัวไดร์แม่เหล็กที่ถอดเปลี่ยนได้ง่ายมาก ทั้งยังหมุ่นช่องลมได้อย่างอิสระถึง 360° ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องพลิกข้อมือให้ลำบากอีกต่อไป ตัวเครื่องจะมีเซ็นเซอร์ที่คอยปรับลมอัตโนมัติให้ถึง 3 รูปแบบ คือลมร้อน, ลมเย็น และลมร้อนสลับเย็นกัน ทั้งยังมีการปล่อย Water Ion ระหว่างใช้งานเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้เส้นผม ช่วยป้องกันผมแห้งเสีย ชี้ฟู และยังรุ่นนี้ยังได้มีการออกแบบใบพัดที่พิเศษขึ้นกว่าเดิม เพราะนอกจากจะให้ลมที่แรงแล้วก็ยังลดเสียงลงได้

ข้อดี
- ราคาไม่แพง
- มีขนาดมอเตอร์กำลังดี 1800 วัตต์ เหมาะสำหรับเส้นผมทั่วไป
- มีเทคโนโลยี Water Ion ที่ช่วยดูแลเส้นผม นุ่มลื่น เงางาม และไม่แห้งกร้าน
- มีโหมดควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ ป้องกันผมเสียหาย
- น้ำหนักเบามาก ใช้เป่าผมนาน ๆ ก็ไม่เมื่อยแขน
ข้อควรพิจารณา
- แม้ว่าทางแบรนด์จะบอกว่ามีโหมดลมเย็นมาด้วย แต่ลมที่ออกมาก็ยังคงเป็นลมเย็นที่อุ่นนิด ๆ อยู่ดี ต่างจากลมเย็นของไดร์เป่าผมตัวอื่น ๆ ดังนั้นใครที่ต้องการฟังก์ชันลมเย็นแบบจริงจังควรมองหารุ่นอื่นดีกว่าค่ะ
- ไม่สามารถพับเก็บได้
เทคโนโยลีที่ใช้ | Water Ion, เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ |
---|---|
กำลังไฟ | 1800 วัตต์ |
ปรับแรงลมได้ | 2 ระดับ |
สายไฟยาว | 1.7 เมตร |
Panasonic รุ่น EH-NE20 ไดร์เป่าผม 1800W

ราคา 978 บาท*
สำหรับไดร์เป่าผมของ Panasonic รุ่นนี้ถือว่ามีราคาที่ไม่แพงเลยค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้ไดร์ฟังก์ชันพื้นฐานทั่วไป แต่มีคุณสมบัติดูแลเส้นผมได้ด้วย เพราะทางแบรนด์ได้ใช้ไอออนปรับสภาพเส้นผมระหว่างที่โดนลมร้อน ทำให้เส้นผมของคุณไม่แห้งเสียหรือชี้ฟูหลังเป่าเสร็จ ทั้งยังมีคุณสมบัติเด่น ๆ อีกอย่างที่น่าสนใจมากนั่นก็คือเรื่องของขนาด เพราะเป็นมอเตอร์ขนาด 1800 วัตต์ ที่ถือว่าให้ความแรงได้ดีเลยแต่มาในขนาดเล็กที่จับถือถนัดมือ เหมาะสำหรับพกพาในการเดินทางอย่างยิ่ง

หากให้เปรียบเทียบไดร์เป่าผมในราคาที่ใกล้เคียงกันระหว่างของ Xiaomi Mijia Mi 1800W กับรุ่นนี้ ถือว่ามีข้อดีกันคนละแบบ อย่างของเสียวหมี่เขาจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับความร้อนอัจฉริยะมาให้ จึงสามารถปรับอุณหภูมิของลมได้อัตโนมัติ แต่จะไม่สามารถพับเก็บได้ ส่วนของ Panasonic จะมีเพียงฟังก์ชันลมอุ่น ๆ สำหรับป้องกันผมแห้งเสียที่เราต้องกดปุ่มเอง แม้ว่าจะไม่สะดวกด้านการใช้งาน แต่ทว่าก็ยังมีอีกหนึ่งข้อดีคือช่องปล่อยไอออนของ Panasonic จะอยู่สูงกว่าช่องปล่อยลมร้อน ดังนั้นไอออนที่ออกมาจะไม่สัมผัสกับความร้อนตรง ๆ ทำให้แห้งสลายไปได้ยากกว่าค่ะ
ข้อดี
- ราคาไม่แพง
- มีขนาดมอเตอร์กำลังดี 1800 วัตต์ เหมาะสำหรับเส้นผมทั่วไป
- มีเทคโนโลยี Ionity ที่ช่วยดูแลเส้นผม นุ่มลื่น เงางาม และไม่แห้งกร้าน
- มีโหมดป้องกันความร้อน ด้วยการปล่อยลมที่มีอุณหภูมิในระดับพอเหมาะเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับเส้นผมและหนังศีรษะได้
- น้ำหนักเบา สามารถพับเก็บได้
ข้อควรพิจารณา
- ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีเส้นผมหนานะคะ เพราะด้วยขนาดมอเตอร์บวกกับมีระดับอุณหภูมิและความแรงลมที่มีให้เลือกนั้นไม่ได้เยอะมากนัก จึงใช้จัดแต่งทรงผมให้คนกลุ่มนี้ค่อนข้างลำบากทีเดียวค่ะ
- ไม่มีโหมดควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ
เทคโนโยลีที่ใช้ | Ionity |
---|---|
กำลังไฟ | 1800 วัตต์ |
ปรับแรงลมได้ | 2 ระดับ |
สายไฟยาว | 1.2 เมตร |
Panasonic รุ่น EH-NA98-KL ไดร์เป่าผม 1800W

ราคา 5,090 บาท*
แน่นอนว่าไดร์เป่าผมรุ่นนี้ค่อนน่าสนใจมากเพราะว่าเป็นตัวท็อปสุดของแบรนด์ Panasonic แม้ว่าราคาอาจจะสูงกว่าไดร์เป่าผมทั่วไปสักหน่อย แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาจะช่วยทำให้เส้นผม, หนังศีรษะ และผิวของคุณ มีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ เนื่องจากเทคโนโลยี nanoe™ และ Double Mineral จะเข้าไปทำให้ผิวและเส้นผมชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น โดยการเปลี่ยนอนุภาคของน้ำที่ลอยอยู่ในอากาศให้กลายเป็นละอองขนาดเล็ก สามารถแทรกซึมเข้าสู่แกนเส้นผมภายในทำให้เส้นผมนุ่มลื่นจัดทรงง่าย ในส่วนของหนังศีรษะนั้นก็จะช่วยลดความมันส่วนเกินได้ ทั้งยังช่วยกักเก็บน้ำไว้หล่อเลี้ยงบนหนังศีรษะทำให้หนังศีรษะไม่แห้งเกินไป ส่วนสุดท้ายคือละอองน้ำเหล่านี้จะทำหน้าที่เคลือบผิวหนังชั้นบนสุดทำให้ผิวหน้าของคุณเนียนนุ่มชุ่มชื้นตลอดเวลา

ข้อดี
- เป็นไดร์เป่าผมอเนกประสงค์ สามารถดูแลได้ทั้งเส้นผม หนังศีรษะ และผิว
- เทคโนโลยี nanoe™ มีประสิทธิภาพมากกว่า ไดร์เป่าผมที่ใช้เทคโนโลยีไอออนลบทั่วไป
- มีโหมดควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ ที่คอยปรับลมร้อนและลมเย็นสลับกันไป ช่วยป้องกันไม่ให้เส้นผมเสียหาย
- สามารถปกป้องเส้นผมจากรังสี UV ได้ด้วย ส่งผลให้ผมไม่แห้งเสียหรือหยาบกร้านกว่าเดิม
- แรงลมดีมาก ช่วยประหยัดเวลาในการเป่าผม สามารถเป่าผมที่ยาวถึงหลังให้แห้งเสร็จภายใน 5 นาที โดยที่ไม่ทำให้เส้นผมชี้ฟู คุณจะรู้สึกได้เลยว่าผมนุ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
- พับเก็บได้ สะดวกต่อการพกพา
ข้อควรพิจารณา
- ราคาสูง
เทคโนโยลีที่ใช้ | nanoe™, Double Mineral, เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ |
---|---|
กำลังไฟ | 1800 วัตต์ |
ปรับแรงลมได้ | 3 ระดับ |
สายไฟยาว | 1.7 เมตร |
Panasonic รุ่น EH-NA65-KL ไดร์เป่าผม 2000W

ราคา 3,290 บาท*
สำหรับรุ่นนี้จะมีเทคโนโลยี nanoe™ เหมือนกับรุ่นตัวบน EH-NA98-KL ที่เราที่รีวิวไว้เลยค่ะ ดังนั้นมันจึงเป็นไดร์เป่าผมที่สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผมนุ่มลื่น เงางาม และเป็นประกายได้ด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้างตรงที่รุ่นนี้ไม่มีการปล่อยไอออน Double Mineral ซึ่งเป็นตัวเกาะติดกับเกล็ดผม ที่จะช่วยลดการแห้งเสียเมื่อต้องเจอกับความร้อน และไม่สามารถพับเก็บได้อีกด้วย

ข้อดี
- เหมาะกับคนที่อยากได้เทคโนโลยี nanoe™ ดูแลผมให้นุ่มลื่นไม่ชี้ฟู ในราคาที่ถูกกว่ารุ่น EH-NA98-KL
- ขนาดวัตต์กำลังดี เป่าแปบเดียวก็แห้งแล้วค่ะ ทำให้ประหยัดเวลามากขึ้น
- มีหัวเป่ากระจายลม (Diffuser) สำหรับเป่าผมหยิกหรือผมลอนให้แห้งโดยไม่ทำให้ผมเสียวอลลุ่ม
- ปรับอุณหภูมิได้ 4 โหมด โดยในนั้นจะมีฟังก์ชันป้องกันผมแห้งเสียด้วยการใช้ลมที่อุณหภูมิ 50° ในการเป่าผม
- มีปุ่ม Cool Shot สำหรับล็อกทรงผม
- น้ำหนักเบา เมื่อเทียบกับไดร์ขนาด 2000 วัตต์ ที่เคยใช้
- สายไฟยาวมากถึง 2.7 เมตร
ข้อควรพิจารณา
- ไม่สามารถพับเก็บได้
- ไม่มีโหมดควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ
- ด้วยมอเตอร์ขนาดใหญ่ทำให้มีเสียงดังพอสมควร
- ใช้เทคโนโลยี nanoe™ แต่ไม่มีโหมดดูแลหนังศีรษะและผิว
ประเภท | nanoe™ |
---|---|
กำลังไฟ | 2000 วัตต์ |
ปรับแรงลมได้ | 3 ระดับ |
สายไฟยาว | 2.7 เมตร |
Lesasha รุ่น LS1187 ไดร์เป่าผม Airmax Hurricane 2700W

ราคา 2,190 บาท*

จุดเด่น
- ใช้เทคโนโลยี Tourmaline & Ionic ไม่ทำให้ผมเสีย และช่วยให้ผมเรียบไม่ชี้ฟู
- มีปุ่ม Cool Shot สำหรับล็อกทรงผมและดูแลหนังศีรษะ
- เป็นมอเตอร์แบบ AC จึงสามารถใช้งานได้ยาวนานติดต่อกันนานหลายชั่วโมง
- สายไฟยาว 2.5 เมตร
- แรงลมดีมาก ช่วยประหยัดเวลาในการเป่าผม
ข้อควรพิจารณา
- ไม่สามารถพับเก็บได้
- ไม่มีโหมดควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ
- ไม่มีฟังก์ชันปล่อยลมในอุณหภูมิที่พอเหมาะเพื่อป้องกันเส้นผมเสียหาย
- ด้วยมอเตอร์ขนาดใหญ่ทำให้มีเสียงดังพอสมควร
เทคโนโยลีที่ใช้ | Nano Tourmaline |
---|---|
กำลังไฟ | 2700 วัตต์ |
ปรับแรงลมได้ | 2 ระดับ |
สายไฟยาว | 2.5 เมตร |
Lesasha รุ่น LS1265 ไดร์เป่าผม 1200W Bio-Ceramic

ราคา 1,650 บาท*

จุดเด่น
- เหมาะสำหรับสร้างวอลลุ่ม
- เทคโนโลยี Bio-Ceramic เปลี่ยนความร้อนเป็นคลื่นอินฟราเรด ไม่ร้อนเกินไป ผมแห้งไวไม่เสีย
- เทคโนโลยี Ionic ช่วยให้ผมเรียบสวย ไม่ชี้ฟู
- ช่วยประหยัดค่าไฟ ด้วยเครื่องขนาด 1200 วัตต์ แต่ทำงานได้ดีเท่าขนาด 1800 วัตต์
- ดีไซน์สวยหรู ขนาดเล็ก น้ำหนักเบามาก สามารถพับเก็บได้
ข้อควรพิจารณา
- ไม่มีโหมดควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ
- ไม่มีฟังก์ชันปล่อยลมในอุณหภูมิที่พอเหมาะเพื่อป้องกันเส้นผมเสียหาย
เทคโนโยลีที่ใช้ | Bio-Ceramic, Ionic |
---|---|
กำลังไฟ | 1200 วัตต์ |
ปรับแรงลมได้ | 2 ระดับ |
สายไฟยาว | 1.8 เมตร |
Lesasha รุ่น LS1371 ไดร์เป่าผม 1200W Luxe Ion Plus Bio-Ceramic

ราคา 2,790 บาท*
อัปเกรดจากรุ่น LS1265 มาเป็นรุ่น LS1371 ที่แม้ว่าจะใช้เทคโนโลยี Bio-Ceramic สำหรับปลี่ยนความร้อนเป็นคลื่นอินฟราเรดเหมือนกัน ทั้งยังมีขนาดมอเตอร์ 1200 วัตต์เท่ากันเป๊ะ ๆ แต่รุ่นนี้เพิ่มประสิทธิภาพให้ในการถนอมเส้นผมและช่วยทำให้ผมออกมานุ่มสลวยเงางามยิ่งขึ้น ด้วยการใช้เทคโนโลยีไอออนิค "แบบคู่" ที่ช่วยลดไฟฟ้าสถิตและลดการชี้ฟูของเส้นผมได้ดีกว่าเดิม 2 เท่า เสริมด้วยฟังก์ชันพิเศษอย่างโหมด "ลมอุ่น" ที่มีอุณหภูมิพอเหมาะไม่ทำร้ายเส้นผมของคุณ มาพร้อมกับหัวเป่ากระจายลม (หัวไดร์ Diffuser) ที่ให้คุณสามารถใช้งานกับผมลอนได้ไม่มีปัญหา และอย่างสุดท้ายคือการใช้งานแบบปุ่ม One Touch จบครบในปุ่มเดียว

จุดเด่น
- มีเทคโนโลยี Bio-Ceramic ทำให้ผมแห้งเร็วขึ้นโดยไม่ต้องใช้ความร้อนสูง
- ใช้เทคโนโลยี Ionic แบบ Double ในการปล่อยประจุไฟฟ้า ทำให้ผมนุ่มสลวย มีน้ำหนักไม่ชี้ฟู
- ตัวนี้มีฟังก์ชัน Heat Protection หรือลมอุ่น ๆ สำหรับป้องกันผมแห้งเสีย
- เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั้งผมตรงและผมดัดลอน เพราะมีหัวไดร์มาให้ 2 แบบ
- ช่วยประหยัดไฟ ด้วยขนาด 1200 วัตต์ แต่ให้ประสิทธิภาพเทียบเท่า 1800 วัตต์
- ตัวเครื่องมีการออกแบบใหม่ให้ปรับอุณหภูมิได้ทุกระดับในปุ่มเดียว ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น
ข้อควรพิจารณา
- ไม่มีโหมดควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ
- ไม่สามารถพับเก็บได้
เทคโนโยลีที่ใช้ | Bio-Ceramic, Ionic+ |
---|---|
กำลังไฟ | 1200 วัตต์ |
ปรับแรงลมได้ | 3 ระดับ |
สายไฟยาว | 1.8 เมตร |
[ใหม่] Lesasha รุ่น LS1628 ไดร์เป่าผม 1600W LS Airmax BLDC Jet
![[ใหม่] Lesasha รุ่น LS1628 ไดร์เป่าผม 1600W LS Airmax BLDC Jet](https://image.bestreview.asia/wp-content/uploads/2022/05/Lesasha-LS1628-1-300x300.png)
ราคา 5,590 บาท*
เรียกว่าเป็นไดร์เป่าผมที่ราคาสูงที่สุดของ Lesasha แต่ก็มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่น่าใจมากค่ะ โดยรุ่นนี้เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2022 ด้วยการใช้เทคโนโลยี BLDC มอเตอร์ ที่แม้ว่าจะเป็นมอเตอร์ขนาด 1600 วัตต์ แต่กลับมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงถึง 2000 วัตต์เลยทีเดียว ดังนั้นเรื่องความแรงของลมนี่ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ อีกทั้งยังสามารถให้ลมเย็นที่เย็นจริง ๆ ต่างจากมอเตอร์ DC หรือ AC ทั่วไป ในส่วนของการปกป้องและถนอมเส้นผมนั้น ก็มีการใช้ทั้ง Ionic ที่ช่วยทำให้ผมไม่ชี้ฟู นุ่มสวยมีน้ำหนัก คงความชุ่มชื้น และ Tourmaline Coating ที่ช่วยทำให้ผมแห้งไวโดยที่ไม่ทำร้ายผม เพราะตัว Tourmaline Coating จะคอยกรองความร้อนที่ออกมาไม่ให้สัมผัสโดนเส้นผมตรง ๆ ส่วนสุดท้ายคือหัวไดร์แทบแม่เหล็กที่เปลี่ยนง่าย ทำให้ไม่ต้องออกแรงกดหรือดึงออกเลยค่ะ

จุดเด่น
- ใช้เทคโนโลยี Tourmaline & Ionic ไม่ทำให้ผมเสีย และช่วยให้ผมเรียบไม่ชี้ฟู
- เป็นมอเตอร์แบบใหม่ ที่มีขนาดเล็ก ในรูปอาจดูใหญ่แต่จริง ๆ ขนาดเล็กกำลังดีเลยค่ะ (24 x 20 x 6 ซม.) ทั้งยังมีน้ำหนักเบามากใช้นาน ๆ ก็ไม่เมื่อยแขน
- มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าไดร์แบบ DC หรือ AC
- ให้กำลังลมได้แรงมากกว่าไดร์เป่าผมทั่วไป เมื่อเทียบเท่าตัวเครื่องขนาด 2000 วัตต์
- เมื่อใช้แล้วรู้สึกได้ทันทีว่าเส้นผมนุ่ม มีวอลลุ่ม ดูสุขภาพดี ไม่แห้งกร้าน
- ปุ่ม Cool-shot คือเดอะเบสจริง ๆ ค่ะ เพราะให้ลมเย็นมากกว่าไดร์ปกติปรมาณ 5-10°
ข้อควรพิจารณา
- ราคาสูง
- ไม่มีโหมดควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ
- ไม่สามารถพับเก็บได้
เทคโนโยลีที่ใช้ | BLDC motor, Ionic, Tourmaline |
---|---|
กำลังไฟ | 1600 วัตต์ |
ปรับแรงลมได้ | 3 ระดับ |
สายไฟยาว | 1.8 เมตร |
Philips Personal Hair Dryer ไดร์เป่าผม รุ่น BHD510/00

ราคา 1,890 บาท*
ไดร์เป่าตัวต่อมาเป็นไดร์เป่าผมอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจจากแบรนด์ Philips มีชื่อรุ่นว่า Personal Hair Dryer BHD510/00 ที่โดยส่วนตัวคิดว่าไดร์รุ่นนี้เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่มีผมยาวหรือคนที่ต้องการเป่าผมให้แห้งเร็ว ๆ เพราะเป็นไดร์ที่มีพลังลมแรงถึง 2300 วัตต์ ซึ่งจะมีกำลังไฟที่มากกว่าไดร์เป่าในไลน์เดียวกันอย่าง Philips รุ่น BHD350/10 ไดร์เป่าผม 2100W อยู่พอสมควร มาพร้อมหัวเป่ากระจายลม 2 แบบ ช่วยบังคับทิศทางของลมทำให้เป่าผมให้แห้งได้เร็วและยังช่วยถนอมเส้นผมให้ไม่ต้องสัมผัสกับความร้อนโดยตรง
อีกทั้งช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อนและรังสียูวีด้วยเทคโนโลยี 4X Mineral Ion ที่จะช่วยปล่อยไอออนประจุลบออกมาลดความชี้ฟูของเส้นผมและช่วยให้เส้นผมดูนุ่มสลวย นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี ThermoShield เซ็นเซอร์จับอุณหภูมิที่จะช่วยปรับระดับความร้อนที่เหมาะสมขณะเป่าผม ช่วยให้เส้นผมไม่ต้องสัมผัสกับความร้อนที่สูงเกินไป เป็นไดร์เป่าผมที่ตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับคนที่กำลังมองหาไดร์ที่สามารถเป่าผมให้แห้งได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ร้ายเส้นผมค่ะ
ข้อดี
- กำลังไฟ 2300 วัตต์ ลมแรงเป่าผมให้แห้งได้เร็วขึ้น
- มีเทคโนโลยี 4X Mineral Ion ช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อนและยูวี
- มีเทคโนโลยี ThermoShield เซนเซอร์ปรับอุณหภูมิความร้อน ช่วยถนอมเส้นผม
- ปรับความร้อนได้ 3 ระดับ และปรับแรงลมได้ 2 ระดับ
- มาพร้อมหัวเป่ากระจายลม 2 แบบ เป่าผมให้แห้งได้รวดเร็ว
ข้อควรพิจารณา
- ไดร์เป่าผมมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ไม่ค่อยเหมาะสำหรับการพกพา
เทคโนโลยีที่ใช้ | เทคโนโลยี ThermoShield และ 4X Mineral Ion |
---|---|
ปรับแรงลมได้ | 6 ระดับ |
กำลังไฟ | 2300 วัตต์ |
สายไฟยาว | 1.8 เมตร |
Philips Essential Care ไดร์เป่าผม รุ่น HP8120

ราคา 540 บาท*
ไดร์เป่าผมจาก Philips รุ่น Essential Care ถือเป็นไดร์เป่าผมอีกหนึ่งรุ่นยอดนิยมของทางแบรนด์เลยค่ะ ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเล็กกะทัดรัดจับถนัดมือ ทำให้เราสามารถถือไดร์เป่าผมได้แบบสบาย ๆ ไม่เมื่อย แถมยังจัดเก็บได้ง่ายไม่กินพื้นที่ อีกทั้งยังสามารถพกพาได้สะดวกเพราะสามารถพับด้ามจับเข้าไปได้ มาพร้อมหัวปรับบังคับทิศทางลม ช่วยให้เราสามารถเป่าผมในเฉพาะจุดได้โดยที่ไม่ทำให้ผมส่วนอื่นโดนลมพัดจนยุ่งเหยิงและยังช่วยให้ผมดูเงางามสุขภาพดีเพราะเส้นผมไม่โดนความร้อนจากไดร์โดยตรง
นอกจากนี้ไดร์ตัวนี้ยังเป็นไดร์เป่าผมที่จิ๋วแต่แจ๋ว เพราะยังมีเทคโนโลยีดี ๆ ที่ช่วยดูแลเส้นผมอย่าง ThermoProtect ที่จะช่วยปรับอุณหภูมิความร้อนให้เหมาะสมกับความแรงลม เพื่อให้เส้นผมของเราไม่ต้องสัมผัสกับความร้อนที่สูงเกินไป ช่วยรักษาความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของเส้นผม อีกทั้งยังมีระบบที่ช่วยให้ลมจากไดร์เป่าผมมีความอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น จึงถือว่าไดร์เป่าผมจาก Philips ตัวนี้เป็นอีกหนึ่งไดร์เป่าผมที่ไม่ทำร้ายเส้นผมและยังช่วยให้เส้นผมดูสุขภาพดีค่ะ
ข้อดี
- ไดร์เป๋าผมขนาดกะทัดรัด ด้ามจับสามารถพับได้ พกพาสะดวก
- มีเทคโนโลยี ThermoProtect ช่วยควบคุมให้อุณหภูมิของลมให้ไม่ร้อนจนเกินไป
- มีระบบการทำงานที่ช่วยให้ลมจากไดร์เป่าผมมีความอ่อนโยน
- มาพร้อมหัวปรับบังคับทิศทางลม สำหรับเป่าผมเฉพาะจุด
- มีการรับประกันสินค้า 2 ปี
ข้อควรพิจารณา
- เนื่องจากเป็นไดร์เป่าผมขนาดกะทัดรัด จึงไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มีผมยาวและหนามาก ๆ เพราะไดร์เป่าผมอาจจะทำงานหนักจนเกินไปค่ะ
เทคโนโลยีที่ใช้ | เทคโนโลยี ThermoProtect |
---|---|
ปรับแรงลมได้ | 3 ระดับ |
กำลังไฟ | 1,200 วัตต์ |
สายไฟยาว | 1.5 เมตร |
Philips รุ่น BHD350/10 ไดร์เป่าผม 2100W

ราคา 1,190 บาท*

จุดเด่น
- ราคาไม่แพง
- ด้วยขนาด 2100 วัตต์ ทำให้แรงลมรุ่นนี้ดีมาก ๆ หากคุณมีผมยาวและหนา มันจะใช้เวลาเพียง 10 นาทีในการเป่าแห้ง ทำให้ย่นระยะเวลาในการแต่งหน้าทำผม ช่วงเช้าก่อนไปทำงานได้ดีเลยค่ะ
- การสลับโหมดลมร้อนลมเย็น สามารถเปลี่ยนอุณหภูมิได้ทันที ไม่ต้องรอนาน
- มีการปล่อย Ionic ทำให้เมื่อไดร์เสร็จแล้วผมไม่ชี้ฟู แถมยังเงางาม นุ่มลื่น มากกว่าปกติ
- มีตัวช่วยที่คอยควบคุมอุณหภูมิขณะที่เราเป่าผม ไม่ให้ผมของเราสัมผัสกับความร้อนมากเกินไป
- มีปุ่ม Cool Shot สำหรับล็อกทรงผมและดูแลหนังศีรษะ
ข้อควรพิจารณา
- ไม่มีโหมดควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ
- ไม่สามารถพับเก็บได้
- เสียงของไดร์ค่อนข้างดังพอสมควร
ประเภท | Ionic, หัวไดร์ ThermoProtect |
---|---|
กำลังไฟ | 2100 วัตต์ |
ปรับแรงลมได้ | 2 ระดับ |
สายไฟยาว | 1.8 เมตร |
Coolastyler ไดร์เป่าผม รุ่น CA-1202 1200W

ราคา 440 บาท*
ไดร์ตัวนี้ไดร์เป่าผมสุดฮิตอีกหนึ่งตัวจากแบรนด์ Coolastyler ที่เราอยากจะแนะกัน โดยไดร์รุ่นนี้เป็นไดร์เป่าผมอัจฉริยะที่จะช่วยให้คุณสามารถเป่าผมได้แบบมืออาชีพ มาในขนาดกะทัดรัดถือเป่าแล้วไม่เมื่อย ด้ามจับมีขนาดกำลังดีกระชับถนัดมือ ควบคุมการทำงานด้วยปุ่มกดที่ใช้งานง่าย สามารถปรับระดับความแรงลมได้ 2 ระดับและมีระบบลมเย็น มาพร้อมหัวเป่าบังคับทิศทางแบบแม่เหล็ก สามารถติดตั้งกับไดร์เป่าผมได้สะดวกไม่หลุดง่าย
ในส่วนของเทคโนโลยีการดูแลผมของไดร์เป่าผมตัวนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยเทคโนโลยีปล่อยประจุไอออนลบขณะเป่าผม ช่วยป้องกันไฟฟ้าสถิตลดความชี้ฟูของเส้นผม ช่วยให้เส้นผมมีความนุ่มลื่นจัดทรงง่าย อีกทั้งยังมีระบบกระจายลมเย็นคู่ลมร้อน ช่วยให้เส้นผมไม่ต้องสัมผัสความร้อนมากเกินไป การทำงานของไดร์เป่าผมมาจากมอเตอร์คุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ตัวแผ่นกรงยังสามารถทำความสะอาดได้ง่าย มีตะแกรงกรองถึง 2 ชั้น ช่วยป้องกันเส้นผมหลุดเข้าไปในตัวเครื่อง ใครที่กำลังมองหาไดรเป่าผมขนาดกำลังดีเอาไว้ใช้งานในบ้านบอกเลยว่าห้ามพลาดค่ะ
ข้อดี
- มีเทคโนโลยีประจุไอออนลบ ป้องกันไฟฟ้าสถิต ผมนุ่มลื่นเรียบสวย ไม่ชี้ฟู
- มีระบบกระจายลมเย็นคู่ลมร้อน ช่วยให้เส้นผมไม่สัมผัสความร้อนมากเกินไป
- มีแผ่นกรองตะแกรง 2 ชั้น ป้องกันเส้นผมหลุดเข้าไปด้านใน
- มีระบบปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อตัวเครื่องมีอุณหภูมิสูงเกินไป
- ปุ่มกดลมเย็นสามารถล็อคให้เปิดทำงานค้างได้
- หัวเป่าบังคับทิศทางแบบแม่เหล็ก ติดตั้งสะดวกไม่หลุดง่าย
ข้อควรพิจารณา
- เป็นไดร์ขนาดกะทัดรัด อาจไม่เหมาะสำหรับคนที่มีผมหนาหรือยาวมาก ๆ
เทคโนโลยีที่ใช้ | Ionic |
---|---|
ปรับแรงลมได้ | 2 ระดับ |
กำลังไฟ | 1200 วัตต์ |
สายไฟยาว | 1.8 เมตร |
Philips รุ่น BHD628 ไดร์เป่าผม 1800W Prestige SenselQ

ราคา 5,490 บาท*
ไดร์เป่าผมจากแบรนด์ Philips รุ่นนี้แม้ว่าราคาจะสูงไปสักหน่อย แต่มาพร้อมกับฟังก์ชันการทำงานที่เรียกว่าคุ้มค่าแก่การลงทุนมากค่ะ เพราะทาง Philips ไม่เพียงแต่มุ้งเน้นที่ผลิตไดร์เป่าผมสำหรับถนอมเส้นผมเท่านั้น แต่ยังเน้นการใช้งานที่ง่าย ทั้งขนาดที่เล็กจับถนัดมือ ดีไซน์สวย น้ำหนักเบา มีการใช้เทคโนโลยี SenseIQ สำหรับตรวจจับความร้อนของเส้นผม และคอยปรับลมร้อนที่สูงเกินไปอยู่ในระดับที่พอเหมาะกับเส้นผมของคุณให้แบบอัตโนมัติ พร้อมกับปล่อยไอออนมากกว่าเดิม ช่วยให้เส้นผมของคุณนุ่มลื่นเป็นพิเศษ

ข้อดี
- อัปเกรดพัดลมและมอเตอร์ให้ทรงพลังมากขึ้น ทำให้คุณสามารถเป่าผมให้แห้งได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 5 นาทีในการเป่าผมให้แห้ง
- มีเทคโนโลยี SenseIQ ตรวจจับอุณหภูมิของเส้นผม ทำให้ผมแห้งเร็วขึ้นโดยไม่ต้องกลัวความร้อนสูงเกินไป
- ใช้คลื่นอินฟราเรดในการทำให้ผมแห้งไวขึ้น โดยที่ยังสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของเส้นผมได้ถึง 90%
- มีหัวไดร์มาให้ถึง 3 แบบ หัวเป่าแห้ง, หัวเป่าปากแคบแต่งทรงผม และ หัวเป่ากระจายลมเพิ่มวอลลุ่มผมสำหรับผมลอน
- มีอัปเกรดการปล่อยไอออนมากกว่ารุ่นอื่น ๆ ถึง 2 เท่า เพื่อให้เส้นผมเงางาม ไม่ชี้ฟู
- มีโหมด 'อ่อนโยน' สำหรับการดูแลเป็นพิเศษ ที่เป็นลมอุ่น ๆ เหมาะสำหรับใช้เป่าผมให้แห้งโดยที่ไม่ทำร้ายเส้นผม
- มีปุ่ม Cool Shot สำหรับล็อกทรงผมและดูแลหนังศีรษะ
ข้อควรพิจารณา
- ราคาสูง
- ไม่สามารถพับเก็บได้
ประเภท | SenseIQ (เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ), Ionic |
---|---|
กำลังไฟ | 1800 วัตต์ |
ปรับแรงลมได้ | 2 ระดับ |
สายไฟยาว | 2 เมตร |
Dyson รุ่น HD08 ไดร์เป่าผม 1600W

ราคา 16,900 บาท*

ข้อดี
- มีการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ช่วยให้ผมแห้งเร็ว กว่าแบรนด์อื่น ๆ
- มีโหมดควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ
- ใช้ Ionic ในการปรับสภาพเส้นผมให้นุ่มลื่น ไม่ชี้ฟู
- มีหัวไดร์ให้เปลี่ยนเยอะมาก ทั้ง หัวจัดแต่งทรง, หัวกระจายลม, หัวเป่าลมอ่อนโยน, หัวสำหรับเป่าเรียบ, หัวเป่าลดผมชี้ฟุ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นแบบแทบแม่เหล็กที่ใช้งานสะดวกสุด ๆ
- เสียงรบกวนต่ำ 75dB
- ปรับระดับความร้อนในการเป่าได้ 4 ระดับ
ข้อควรพิจารณา
- ราคาสูง
ประเภท | Ionic |
---|---|
กำลังไฟ | 1600 วัตต์ |
ปรับแรงลมได้ | 3 ระดับ |
สายไฟยาว | 2.8 เมตร |
Dyson Airwrap ™ Hair Multi-Styler Complete Long

ราคา 21,900 บาท*
ไดร์เป่าผมรุ่นใหม่จาก Dyson ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีเพื่อเส้นผมเช่นเคย โดยไดร์เป่าผมรุ่นนี้จะมาในชื่อรุ่นว่า Dyson Airwrap ™ Hair Multi-Styler Complete Long ที่ยังคงความโดดเด่นเรื่องการใช้เทคโนโลยี Ionic ช่วยลดการเกิดไฟฟ้าสถิตในเส้นผม อีกทั้งยังมีระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะ วัดอุณหภูมิ 40 ครั้งต่อวนาที ช่วยให้เส้นผมไม่ต้องสัมผัสกับความร้อนที่เกินพอดี ช่วยให้เส้นผมดูตรงเรียบสวยไม่แห้งเสีย และยังคงประสิทธิภาพที่ช่วยเป่าผมให้แห้งได้อย่างรวดเร็วเช่นเคย สามารถปรับระดับความร้อนได้ 3 ระดับ คือ ความร้อนสูง, ความร้อนต่ำ และเป่าลมเย็น
มาพร้อมหัวอุปกรณ์ในการจัดแต่งทรงผมสำหรับเปลี่ยนถึง 6 หัว ซึ่งเพิ่มมาจาก Dyson รุ่น HD08 ไดร์เป่าผม 1600W 1 หัว และชิ้นที่เป็นดาวเด่นของไดร์รุ่นนี้ก็คือ ‘หัวเป่าผมเรียบลื่น Coanda’ ดีไซน์ใหม่ที่มีการใช้เทคโนโลยีกระแสลม Enhanced Coanda ช่วยซ่อนเส้นผมสั้น ๆ ที่ชี้ฟูลงไปด้านล่าง ทำให้ทรงผมของเราดูเรียบลื่นเหมือนเพิ่งออกมาจากซาลอนแพง ๆ อีกทั้งไดร์เป่าผมรุ่นนี้ยังมีการเปลี่ยนรูปแบบของหัวอุปกรณ์ให้เป็นแบบแปรง และแกนม้วนเสียส่วนใหญ่ ทำให้เราสามารถเป่าผมให้แห้งไปพร้อม ๆ กับการจัดแต่งทรงผมได้ ช่วยประหยัดระยะเวลาในการแต่งตัวได้เป็นอย่างดี ใครที่กำลังมองหาไดร์เป่าผมที่ครบจบในตัวเดียว และมีงบค่อนข้างเยอะ ไดร์เป่าผมจากแบรนด์ Dyson รุ่นนี้ก็เป็นอะไรที่น่าลงทุนค่ะ
ข้อดี
- มีระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะ
- ใช้เทคโนโลยี Ionic ปล่อยไออนประจุลบ ลดไฟฟ้าสถิตในเส้นผม
- มีเทคโนโลยีกระแส Enhanced Coanda ช่วยจัดแต่งทรงให้ผมเรียบลื่น ผมไม่ชี้ฟู
- มาพร้อมหัวอุปกรณ์จัดแต่งทรงผม 6 หัว
- สามารถปรับระดับความแรงลมได้ 3 ระดับ
- สามารถเป่าผมไปพร้อม ๆ การจัดแต่งทรงผม ช่วยประหยัดเวลา
ข้อควรพิจารณา
- ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับไดร์เป่าผมแบรนด์อื่น ๆ
เทคโนโลยีที่ใช้ | กระแสลม Enhanced Coanda, Ionic |
---|---|
ปรับแรงลมได้ | 3 ระดับ |
กำลังไฟ | 1300 วัตต์ |
สายไฟยาว | 2.68 เมตร |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ประเภทของไดร์เป่าผมตัวไหนบ้าง ที่ไม่ทำให้ผมแห้งเสีย
หลายคนอาจไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วไดร์เป่าก็สามารถแบ่งออกตามเทคโนโลยีได้เช่นกัน ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นจุดขายของไดร์เป่าผมของแต่ละแบรนด์ที่มีความแตกต่างในเรื่องของผลลัพธ์ ที่ไม่ใช่แค่ใช้เป่าผมให้แห้งหรือจัดแต่งทรงผมเท่านั้น ซึ่งจะมีประเภทไหนที่จะเหมาะกับเส้นผมของคุณบ้าง? มาดูกันเลยค่ะ
1. ไดร์เป่าผมที่ใช้เทคโนโลยี ไอออนิก (Ionic)
สำหรับเทคโนโลยีไอออนิกนั้นจะปล่อยไอออนที่มีประจุไฟฟ้าเป็นประจุลบออกมา และไอออนประจุลบเหล่านี้จะทำให้ผมแห้งโดยการเข้าไปสลายโมเลกุลของน้ำในเส้นผมที่มีประจุบวก ส่งผลให้ความชื้นในหนังกำพร้าของเส้นผมจะถูกล็อค จึงให้ผลลัพธ์ที่ชุ่มชื้นและเงางามดุจดั่งเส้นไหม ซึ่งในไดร์เป่าผมไอออนิกบางยี่ห้อก็มีการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีเซรามิก, ไททาเนียม หรือทัวร์มาลีน ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจหากคุณจะพบว่ามีชื่อเทคโนโลยีอื่น ๆ ในไดร์แบบไอออนิกเข้ามาเข้ามาด้วยนะคะ
ข้อดีของไดร์เป่าผมไอออนิกคือเป่าผมให้แห้งได้อย่างรวดเร็วช่วยให้ประหยัดเวลาไปได้เยอะ อีกทั้งยังปล่อยประจุลบออกมาช่วยล็อคความชื้นในเส้นผมของคุณ ซึ่งเทคโนโลยีไอออนิกจะทำงานได้ดีที่สุดสำหรับผมชี้ฟูเพราะมันจะให้ผลลัพธ์ในการจัดแต่งทรงผมให้ออกมาลีบแบนตรงสลวยได้เป็นอย่างดี แต่จะไม่ได้ให้วอลลุ่มหรือความเด้งใด ๆ กับเส้นผมของคุณนะคะ
2. ไดร์เป่าผมที่ใช้เทคโนโลยี เซรามิก (Ceramic)
หมายเหตุ : บางยี่ห้อก็อาจจะมีการผลิตไอออนลบด้วย แต่ไม่ได้ผลิตมากเท่าไดร์เป่าผมแบบไอออนิก
ไดร์เป่าผมแบบเซรามิกแตกต่างจากไดร์เป่าผมไอออนิก เพราะวัสดุทำความร้อนนั้นเป็นพอร์ซเลนที่ไม่ทำลายเส้นผมของคุณ อีกทั้งไดร์เป่าผมเซรามิกยังปล่อยความร้อนแบบอินฟราเรดที่จะช่วยแทรกซึมเข้าไปในแกนผมของคุณโดยจะล็อคความชุ่มชื้นภายในเส้นผม อีกทั้งยังกระจายความร้อนได้อย่างสม่ำเสมอซึ่งไม่ทำให้ผมหยาบกร้านและเสียหายอีกด้วย
ข้อดีของไดร์เป่าผมเซรามิกคือร้อนเร็วมากและเหมาะแก่การจัดแต่งทรงผมมากที่สุดเพราะให้ผลลัพธ์ที่ทำให้ผมดูเงางามนุ่มนวลสลวยอย่างมีวอลลุ่ม เหมาะที่สุดสำหรับผู้ใช้ทั่วไปหรือคนที่ชอบไดร์ผมบ่อย ๆ เป็นประจำ
3. ไดร์เป่าผมที่ใช้เทคโนโลยี ทัวร์มาลีน (Tourmaline)
เทคโนโลยีทัวร์มาลีนเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่นิยมใช้ในไดร์เป่าผม เนื่องจากมันสามารถปล่อยทั้งไอออนที่มีประจุลบและความร้อนอินฟราเรดในตัวเดียว ทั้งยังสร้างความเสียหายให้แก่ผมน้อยกว่าประเภทอื่น ๆ และให้ความร้อนที่รวดเร็วกว่าไดร์เป่าผมไอออนิกหรือเซรามิกถึง 50 เปอร์เซ็นต์
ข้อดีของไดร์เป่าผมทัวร์มาลีนคือไดร์เป่าผมเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพสูงมาก ดังนั้นในแง่ของความเร็วในการเป่านั้นมันจึงเหมาะสำหรับคนที่ผมหนาและชี้ฟูมากที่สุด
4. ไดร์เป่าผมที่ใช้เทคโนโลยี ไทเทเนียม (Titanium)
ไดร์เป่าผมไทเทเนียมเป็นเครื่องเป่าผมอีกประเภทหนึ่งที่ขดลวดความร้อนนั้นทำจากโลหะไททาเนียม ซึ่งไดร์เป่าผมประเภทนี้จะเร็วกว่าไดร์เป่าผมไอออนิก, เซรามิก หรือทัวร์มาลีนมาก ๆ แต่ด้วยอุณหภูมิความร้อนที่สูงมากเกินไป มันจึงไม่ปลอดภัยสำหรับผมเส้นเล็กเพราะอาจจะให้เส้นผมของคุณได้รับความเสียหายได้นั่นเองค่ะ
ข้อดีของไดร์เป่าผมไทเทเนียมคือมีน้ำหนักเบามาก มันจึงเหมาะสำหรับการใช้งานนาน ๆ อีกทั้งยังสามารถผสมผสานการใช้เทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นหากคุณพบว่าไดร์เป่าผมของคุณคือแบบไทเทเนียมก็อย่างเพิ่งตกใจกลัวว่าผมจะแห้งเสียมาก เนื่องจากมันอาจจะมีเทคโนโลยีอื่น ๆ ในการดูแลเส้นผมควบคู่ไปด้วยค่ะ
ทำไมไดร์เป่าผมเซรามิกถึงดีกว่าไดร์เป่าผมไอออนิก
เนื่องจากไดร์เป่าผมส่วนใหญ่มักจะผลิตด้วยเทคโนโลยีเซรามิกและไอออนิกออกมา ดังนั้นเรามาเจาะลึกถึงความแตกต่างของทั้งสองเทคโนโลยีนี้แบบที่เห็นกันชัด ๆ ด้วยตารางกันค่ะ
คุณสมบัติ | ไอออนิก | เซรามิก |
---|---|---|
ปล่อยไอออน | ✔ | ✘ |
ปล่อยรังสีอินฟราเรด | ✘ | ✔ |
ให้ความร้อนได้ดี | ขึ้นอยู่กับวัสดุคอยล์ร้อน | ✔ |
สร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า | ✔ | ✘ |
ปลอดภัยสำหรับการใช้งานเป็นประจำ | ✘ | ✔ |
ปลอดภัยสำหรับเด็ก | ✘ | ✔ |
ราคา | เเพง | ราคาไม่แพง |
เหมาะสำหรับจัดแต่งทรงผม | ✘ | ✔ |
ไดร์เป่าผมเซรามิกดีกว่าไดร์เป่าผมไอออนิก เนื่องจากไดร์เป่าผมไอออนิกนั้นสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในขณะที่ปล่อยไอออนที่มีประจุลบออกมา ซึ่งสนามแม่เหล็กไฟฟ้านี้แหละค่ะที่เป็นอันตรายสำหรับการใช้งานในเวลานาน ๆ ในทางกลับกันไดร์เป่าผมเซรามิกนั้นมีความปลอดภัยกว่าเพราะเป็นปล่อยรังสีอินฟราเรดที่ไม่ทำลายเส้นผม และราคาไม่แพงด้วย
วิธีเลือกไดร์เป่าผมที่ดีที่สุดสำหรับสภาพเส้นผมของคุณ
1. ผมหนา ผมชี้ฟู หยิก : ไดร์เป่าผมไอออนิก
หากคุณมีผมหนาคุณคงรู้ดีว่าต้องรอเป็นชั่วโมงกว่าให้ผมเองแห้งตามธรรมชาติ หรือหากคุณใช้ไดร์เป่าผมมันก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที ดังนั้นเพื่อเป็นการประประหยัดเวลาคุณควรเลือกใช้ ไดร์เป่าผมไอออนิกสำหรับการทำให้ผมแห้งอย่างรวดเร็ว และมันยังทำให้ผมที่ชี้ฟูของคุณลีบแบบเป็นทรงสวยโดยคืนสภาพในเวลาอันสั้นอีกด้วย แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นหากคุณไม่ได้คำนึงถึงผลลัพธ์ว่าผมจะเป็นทรงหรือไม่ แต่ต้องการไดร์ที่ทำให้ผมแห้งเร็วเท่านั้น แนะนำเป็นไดร์แบบทัวร์มาลีนที่เร็วกว่าไอออนิก 50% หรือจะเป็นแบบไทเทเนียมที่เร็วมากที่สุดในบรรดาไดร์ทุกประเภทค่ะ ที่สำคัญแนะนำให้มองหาไดร์เป่าผมที่มีกำลังไฟ 1,800 วัตต์ขึ้นไป แต่หากคุณมีพื้นผิวผมหยิกหรือหยาบมาก ๆ คุณสามารถใช้กำลังไฟที่สูงขึ้นมาได้อีกค่ะ
หมายเหตุ : สำหรับคนผมหยิก แนะนำให้ไดร์เป่าผมที่มีหัวดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser) เพื่อใช้กระจายลมได้อย่างทั่วถึง
2. ผมหมองคล้ำ : เครื่องเป่าผมไอออนิก
ผมหมองคล้ำคือเป็นเส้นผมที่มีลักษณะขาดความเงางาม ดูหยาบกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ซึ่งคนที่มีผลลักษณะนี้จะต้องใช้าไดร์เป่าผมไอออนิกเท่านั้นค่ะ (หรือไดร์เป่าผมเพิ่มความเงางาม) เพราะเป็นไดร์ที่โดดเด่นในเรื่องการทำให้ผมให้เงางามเป็นประกายมาก ๆ ทั้งยังขจัดความชี้ฟูทำให้ผมดูเรียบเนียนและมีสุขภาพดีอีกด้วย
3. ผมบาง ผมตรง ผมลีบแบน : ไดร์เป่าผมเซรามิก
หากผมของคุณลีบแบนและบาง คุณอาจต้องการเพิ่มวอลลุ่มและความหนาลงในจัดแต่งทรงผม ซึ่งหลาย ๆ คนมักเข้าใจผิดว่าไดร์ที่มีความร้อนสูงมักเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการจัดแต่งทรงผม แต่ในความเป็นจริงแล้วการเพิ่มวอลลุ่มให้ผมนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของไดร์ ซึ่งในกรณีนี้คุณควรใช้ไดร์เป่าผมเซรามิกมากที่สุด เพราะมันสามารถควบคุมระดับความร้อนเพื่อป้องกันความเสียหายของเส้นผมที่เปราะบางได้ ในขณะเดียวกันมันก็สามารถสร้างความมีน้ำหนักเด้ง ๆ ให้แก่ผมได้ดี
4. ผมเส้นเล็ก : ไดร์ที่ตั้งค่าความร้อนได้
ตามหลักแล้วยิ่งพื้นผิวเส้นผมของคุณหนาและหยาบมากเท่าไหร่ คุณก็จะต้องใช้ไดร์เป่าผมที่มีวัตต์สูงมากขึ้นเท่านั้น และในทางกกลับกันหากคุณมีผมเส้นเล็กมาก คุณควรมองหาไดร์เป่าที่มีกำลังไฟต่ำโดยอาจจะเริ่มต้นจาก 1,200 วัตต์ก็ได้ค่ะ แต่ในความเป็นจริงแล้วไดร์เป่าผมที่มีการตั้งค่าความร้อนที่ปรับได้นั้นจะมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผมเส้นเล็ก เนื่องจากเส้นผมเหล่านี้จะดูดซับความร้อนได้เร็วกว่าเส้นผมที่หนา ดังนั้นหาสมดุลที่ดีของแต่ละคนระหว่างการใช้งานจริงจะเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ที่สุด
ข้อควรระวัง & เคล็ดลับสำหรับการใช้ไดร์เป่าผม
แม้ว่าไดร์เป่าผมจะช่วยทำให้คุณมีทรงผมที่สวยมากขึ้นและยังช่วยประหยัดเวลาในการทำให้ผมแห้งอย่างรวดเร็ว แต่ไดร์เป่าก็คือหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผมของคุณแห้งเสียได้เช่นกัน ยิ่งคุณใช้ความร้อนกับเส้นมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ผมของคุณเปราะบางมากเท่านั้นโดยเฉพาะกับผมที่โดนความร้อนทุกวัน ดังนั้นหากคุณไม่มีงบประมาณมากพอในการลงทุนซื้อไดร์เป่าผมที่มีเทคโนโลยีปกป้องเส้นผมของคุณจากความร้อน โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ทำสีผม ไม่ว่าจะเป็นการกักฟอกสีผม ใช้โฟมเปลี่ยนสี หรือครีมเปลี่ยนสีผม เพราะผมของพวกคุณจัดอยู่ในสภาพผมที่อ่อนแอ แห้งเสียมาก ๆ ไม่เหมาะจะโดนความร้อน ดังนั้นคุณจะต้องหาไอเทมดูแลบำรุงเส้นผมและฟื้นฟูผมเสียอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วยไม่ว่าจะเป็น แชมพูเคราติน, ครีมนวดผม, ทรีตเมนต์และมาสก์สำหรับผมแห้งเสีย, เซรั่มและน้ำมันบำรุงผม ,น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น รวมถึงเครื่องอบไอน้ำ-หมวกอบไอน้ำ สิ่งเหล่านี้มีราคาไม่แพง แต่สามารถทำให้ผมของคุณไม่แห้งเสียมากกว่าเดิมค่ะ
- ไม่แนะนำให้ใช้ไดร์เป่าผมทุกวัน เพราะจะทำให้เส้นผมของคุณจากความชุ่มชื้นหรือที่เรียกว่าผมแห้งเสียนั้นเอง ในบางรายอาจจะทำให้เส้นผมมีแนวโน้มที่จะขาดเลยทีเดียว
- ควรใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงเส้นผมร่วมกับการใช้ไดร์ไปด้วยเพื่อรักษาสุขภาพของเส้นผมของคุณ
- สำหรับใครที่ไม่อยากต้องไดร์ผมในทุกเช้า เพื่อต้องสระผมนั้น เรามีทางเลือกสำหรับคุณนั้นคือ ดรายแชมพูหรือแชมพูแบบแห้งหรือสเปรย์ฉีดผมหอม (Hair Mist) ที่จะทำให้ผมของคุรยังคงความหอมและรู้สึกสดชื้นเหมือนได้สระผมจริง ๆ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องไดร์ผมทุก ๆ วัน หรือจะใช้เป็นผ้าเช็ดผมแห้งเร็วก็ได้ค่ะ
- เพื่อให้ผมของคุณอยู่ทรงคุณควรใช้สเปรย์จัดแต่งทรงผมร่วมด้วยหลังจัดแต่งทรงผลเสร็จ เพื่อที่ผมของคุณจะได้อยู่ทรงตลอดทั้งวัน
- หากคุณมีปัญหาผมร่วงด้วย คุณควรใช้แชมพูลดปัญหาผมร่วง, ยาปลูกผม และทานอาหารเสริมบำรุงเส้นผมร่วมด้วยนะคะ