หมีแบร์บริค (Bearbrick) คืออะไร ทำไมราคาแพง?

‘แบร์บริค (Bearbrick)’ เจ้าหมีฟิกเกอร์ของเล่นที่ได้ผันตัวมาเป็นของสะสมราคาไม่ธรรมดาในปัจจุบัน ด้วยความพิเศษหลาย ๆ อย่างทั้งรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยส่วนหัวเป็นเจ้าหมีแต่มีช่วงตัวเป็นเลโก้หมีพุงป่องที่สามารถขยับแขนขาได้แถมยังยืน 2 ขาเหมือนคน อีกทั้งยังมีลวดลายบนตัวที่แตกต่างกันออกไป นั่นก็เพราะแบร์บริคนอกจากจะมีลวดลายของทางแบรนด์แล้ว ก็ยังมีการออกแบบร่วมกันกับศิลปินชื่อดังและแบรนด์ชั้นนำจากหลากหลายสาขา แบร์บริคจึงเป็นมากกว่าของเล่นที่น่ารักแต่ยังถือเป็นอีกหนึ่งผลงานศิลปะที่มีมูลค่ามากกว่าสิ่งที่มันเป็นอีกด้วย

เช็กโปรโมชั่น Lazada  ลดราคาสินค้าครึ่งปี วันที่ 6 เดือน 6เช็กโปรโมชั่น Lazada  ลดราคาสินค้าครึ่งปี วันที่ 6 เดือน 6เช็กโปรโมชั่น Lazada  ลดราคาสินค้าครึ่งปี วันที่ 6 เดือน 6
Bearbrick ของสะสมราคาแพง
Bearbrick ของสะสมราคาแพง

ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แบร์บริคกลายเป็นของสะสมมูลค่าสูง แต่ถึงอย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่แค่เหตุผลเดียวที่ทำให้แบร์บริคมีราคาแพง และเราเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เข้ามาอ่านบทความนี้อาจจะสงสัยว่าทำไมเจ้าหมีตัวนี้ถึงได้มีราคาแพงขนาดนี้ ในวันนี้เราจึงจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับตุ๊กตาแบร์บริคถึงสาเหตุของค่าตัวที่สูงลิบและยังมีข้อมูลต่าง ๆ ของแบร์บริคที่น่าสนใจมาให้เพื่อนได้อ่านกัน ถ้าเพื่อน ๆ พร้อมแล้วเรามาทำความรู้จักกับเจ้าตุ๊กตาแบร์บริคให้มากขึ้นพร้อม ๆ กันในบทความด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

ที่มาของหมีแบร์บริค (Bearbrick)

ก่อนที่จะมาเป็นของสะสมราคาแพงอย่างทุกวันนี้ เดิมทีเจ้าหมีแบร์บริคถูกเปิดตัวครั้งแรกในฐานะของที่ระลึกที่ใช้แจกให้กับผู้เข้าร่วมงาน World Character Convention ครั้งที่ 12 ณ กรุงโตเกียวในปี 2001 ซึ่งผลิตโดยบริษัท Medicom Toy ประเทศญี่ปุ่นและมีคุณ Tatsuhiko Akashi เป็นเจ้าของ โดยตุ๊กตาแบร์บริคตัวแรกนั้นก็ยังเป็นแค่ฟิกเกอร์พลาสติกสีพื้นที่มีหัวเป็นหมี สกรีนตัวอักษร @ ตรงหน้าอก และยังมีดีไซน์ช่วงลำตัวที่ถูกหยิบยืมมาจากรุ่นพี่อย่าง KUBRICK แบรนด์ของเล่นรูปแบบฟิกเกอร์รุ่นแรกของบริษัทอีกด้วย

แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าของที่ระลึกที่แจกให้แขกในงานในวันนั้นจะได้รับความนิยมและกลายเป็นกระแสอย่างมากในเวลาต่อมา จนทำให้แบร์บริคได้ไป collabs กับแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Chanel, KAWS, Nike, Bape และอื่น ๆ อีกมาก โดยจะมีการผลิตตุ๊กตาของแบรนด์ออกมาในรูปแบบ Limited Edition ที่มีจำนวนจำกัด ซึ่งนั้นยิ่งเพิ่มมูลค่าให้กับตุ๊กตาแบร์บริคและทำให้ชื่อเสียงของแบร์บริคโด่งดังมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังแบร์บริคมักจะถูกเชื่อมโยงเข้ากับศิลปะ, แฟชั่น, สตรีทอาร์ต, ดนตรี และความหลากหลายทางวัฒนธรรม มูลค่าของแบร์บริคจึงมีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไปตาม Pop culture จึงทำให้แบร์บริคกลายเป็นของสะสมที่มีคุณค่าและราคาแพงในที่สุด

โดยตัวคุณ Tatsuhiko Akashi ผู้ก่อตั้งแบรนด์เองก็เคยได้ให้สัมภาษณ์ถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ว่า ตอนแรกทางแบรนด์ได้จำหน่าย Kubrick เป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละเดือนก็ต้องผลิตมากกว่า 10,000 เลยทีเดียว จึงทำให้เกิดความคิดที่ว่าอยากจะสร้างผลิตภัณฑ์บางอย่างที่ไม่ต้องสร้างชิ้นส่วนใหม่ ๆ เพิ่ม แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบได้ เช่น ลวดลาย หรือความเป็นศิลปะบนผลิตภัณฑ์ จึงเกิดเป็นการรวมตัวของตุ๊กตาตา Kubrick และหัวหมี อีกทั้งยังมีพื้นที่ให้เราได้แสดงความเป็นศิลปะราวกับเป็น ‘ผืนผ้าใบ’ ค่ะ

ทำไมแบร์บริค (Bearbrick) ถึงมีราคาแพง ?

ตุ๊กตาแบร์บริคถือเป็นฟิกเกอร์โมเดลที่มีราคาแพงหูฉี่อีกแบรนด์หนึ่ง ทำให้ผู้คนนอกจากจะซื้อมาเพื่อสะสมแล้ว แบร์บริคยังกลายเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งของผู้ครอบครองอีกด้วย ซึ่งแบร์บริคนั้นมีราคาเปิดตัวที่ค่อนข้างสูงและแบร์บริคหลาย ๆ รุ่นก็ยังมีราคาที่พุ่งสูงขึ้นหลายเท่าในตลาดรีเซล โดยสาเหตุที่ทำให้แบร์บริคกลายเป็นของสะสมที่มีราคาแพงก็มาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ค่ะ

1. Bearbrick ผลิตออกมาในจำนวนจำกัด

ข้อแรกเลยที่ทำให้แบร์บริคกลายมาเป็นของสะสมที่มีราคาแพง นั้นก็เพราะว่าแบร์บริคมีการผลิตออกมาวางจำหน่ายในจำนวนจำกัดแบบ Limited Edition ซึ่งในแต่ละซีรีส์เมื่อจำหน่ายหมดแล้วก็จะไม่มีการผลิตเพิ่ม อีกทั้งแบร์บริคในบางซีรีส์ก็ยังมีการวางจำหน่ายแค่เฉพาะบางประเทศหรือจำหน่ายแบบ Pre Order ในเวลาที่จำกัด ทำให้เหล่าผู้สะสมยอมทุ่มทุนเพื่อให้ได้แบร์บริครุ่นที่อยากได้มาครอบครอง ซึ่งทำให้นอกจากแบร์บริคจะมีราคาเปิดตัวที่สูงแล้ว ราคาประมูลหรือราคาที่ถูกนำไปปล่อยต่อในตลาดรีเซลก็ยังสูงขึ้นได้อีกหลายเท่าตัว โดยสถิติแล้วพบว่าราคาขายต่อส่วนใหญ่จะสูงขึ้นมากกว่า 7% เลยทีเดียว

2. Bearbrick มีการร่วมมือกับแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อสร้างความน่าสนใจ

แบร์บริคเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการไป collabs กับแบรนด์ชั้นนำ
แบร์บริคเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการไป collabs กับแบรนด์ชั้นนำ

เงื่อนไขความสำเร็จข้อที่สอง นอกจากความหายากแล้วทางแบรนด์แบร์บริคก็ยังเพิ่มมูลค่าให้สินค้าของตัวเองด้วยการไป collabs กับแบรนด์ชั้นนำ, คาแรกเตอร์ต่าง ๆ , ดีไซเนอร์ชื่อดัง หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อสร้างแบร์บริครุ่นพิเศษนอกเหนือจากในซีรีส์ปกติออกมา ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับนักสะสมว่าทางแบร์บริคและผู้มา collabs จะรังสรรค์ลวดลายสวย ๆ แบบไหนลงบนตัวตุ๊กตา ซึ่งทำให้แบร์บริครุ่นนั้น ๆ มีราคาที่ยิ่งสูงกว่าปกติเพราะเป็นการจับมือกันของ 2 แบรนด์ใหญ่ อีกทั้งยังเป็นการขยายฐานลูกค้าไปยังแฟนคลับของแบรนด์และศิลปินต่าง ๆ ที่มา collabs กับแบร์บริคอีกด้วย

3. บรรจุอยู่ในกล่อง Blind Box ให้นักสะสมได้เปิดกล่องลุ้น

นอกจากความน่าสนใจแล้วแบร์บริคก็ยังเพิ่มความน่าดึงดูดใจและความตื่นเต้นให้แบรนด์ของตัวเอง ด้วยการบรรจุตุ๊กตาแบร์บริคในกล่อง Blind Box ทำให้เรามองไม่เห็นว่าตุ๊กตาแบร์บริคที่อยู่ในกล่องนั้นเป็นสีหรือลายอะไร จะรู้ก็เพียงแค่ขนาดของตุ๊กตาเท่านั้น ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ดึงดูดเหล่านักสะสมให้ได้มาลุ้นกันว่าตัวเองจะได้แบร์บริคลวดลายไหนไปครอบครอง

Bearbrick ตุ๊กตา

ซึ่งตุ๊กตาแบร์บริคนั้นจะวางจำหน่ายแค่ทางเว็บไซต์ของ Medicom Toy และไม่มีการเปิดรับออเดอร์หรือจัดส่งนอกประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้การหาซื้อแบร์บริคยิ่งกลายเป็นสิ่งที่หายากเข้าไปใหญ่ ตลาดรีเซลจึงเป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าแถมยังสามารถเห็นลวดลายของแบร์บริคโดยที่ไม่ต้องคอยลุ้นอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องแลกมากับราคาที่พุ่งสูงขึ้น ยิ่งถ้าเป็นแบร์บริคลายที่หายากเมื่อเข้าตลาดประมูลแล้วราคาก็จะยิ่งพุ่งแบบสูงลิบลิ่วเลยทีเดียว

4. Bearbrick มีตัวละครลับหายากให้เก็บสะสม

แบร์บริคเองก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีการนำเอาวัฒนธรรมกาชาปอง (Gashapon) สุดฮิตของญี่ปุ่นมาใช้เป็นกลยุทธ์ในการจำหน่ายสินค้า ที่นอกจากจะมีการใช้กล่องแบบ Blind Box ในการวางจำหน่ายแล้ว ใน 1 ซีรีส์ที่ปล่อยออกมาก็จะมีทั้งลายปกติและลายหายากปะปนอยู่ด้วยกันโดยจะมีเปอร์เซ็นต์ในการเจอที่ลดหลั่นกันไป อีกทั้งยังมีการผลิตแบร์บริคแบบ Secret Types ออกมาในแต่ละซีรีส์ ซึ่งแน่นอนว่าแบร์บริคแบบ Secret Types นั้นเป็นลายที่หาได้ยากแบบสุด ๆ เพราะมีโอกาสเจอแค่ 0.52% เท่านั้น อีกทั้งยังเป็นตัวละครลับที่ไม่เปิดเผยให้เห็นและยังไม่มีเปอร์เซ็นต์การเจอบอกข้างกล่องอีกด้วย ซึ่งถ้าหากใครได้เจอก็เหมือนถูกหวยเลยทีเดียว เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าแบร์บริคลายหายากนั้นเมื่อเข้าสู่ตลาดรีเซลแล้วก็จะมีราคาพุ่งสูงไปอีกหลายเท่าตัวค่ะ

หมีแบร์บริค (Bearbrick) มีแบบไหนบ้าง ?

แบร์บริคได้ผันตัวจากของเล่นกลายมาเป็นของสะสมราคาแพงที่สามารถเก็งกำไรได้ ซึ่งปัจจุบันแบร์บริคเองก็ได้ต่อยอดดีไซน์ของเจ้าหมีมาเรื่อย ๆ โดยการปล่อยดีไซน์ใหม่ ๆ ของแบร์บริคนั้นในแต่ละปีจะปล่อย 2 รอบ คือในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว ซึ่งการปล่อยแต่ละรอบจะถูกเรียกว่า ‘ซีรีส์ (Series)’ ที่จะมีการไล่ตัวเลขไปเรื่อย ๆ และในแต่ละซีรีส์ก็จะถูกแบ่งเป็น ‘ไทป์ (Types)’ และใน 1 ซีรีส์ก็จะประกอบด้วยตุ๊กตาแบร์บริค 4 ไทป์ ดังนี้ค่ะ

1. Basic Types

แบร์บริคแบบ Basic จะมีในรูปแบบสีพื้นเรียบ ๆ และมีการสกรีนตัวอักษร 1 ตัวในเฉดสีที่ตัดกันบนหน้าอก โดยใน 1 ซีรีส์จะมีแบร์บริคแบบ Basic ทั้งหมด 9 ตัว เมื่อนำมาเรียงต่อกันก็จะได้เป็นคำว่า B E @ R B R I C K ซึ่งตัวตุ๊กตาจะประกอบด้วยชิ้นส่วนทั้งหมด 9 ชิ้นที่สามารถถอดออกจากกันได้ และในปี 2008 ก็ได้มีการเปิดตัวแบร์บริคแบบ BB Bearbrick ที่ชิ้นส่วนทั้งหมดไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เพื่อเด็กเล็กโดยเฉพาะค่ะ

2. Standard Types

แบร์บริคดีไซน์ Standard เป็นแบบที่พบได้มาสุดใน 1 ซีรีส์ แบ่งลวดลายเป็น 8 แบบตาม Theme หลักของซีรีส์นั้น ๆ ซึ่งจะประกอบด้วย

  • Jellybean : เป็นแบร์บริคแบบพลาสติกที่มีความโปร่งแสง มาในโทนสีพื้นสดใสทำให้ตุ๊กตาแบร์บริคดูเหมือนขนมเจลลี่
  • Pattern : เป็นแบร์บริคที่มีลวดลายซ้ำ ๆ บนตัวตุ๊กตา มีการออกแบบลวดลายที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ลวดลายที่วนซ้ำ ๆ, ลายจุด ไปจนถึงลวดลายที่ออกแบบร่วมกับศิลปินคนอื่น ๆ
  • Flag : เป็นแบร์บริคที่มาในลวดลายธงชาติของแต่ละประเทศ
  • Horror : แบร์บริคที่มีลายแบบสยองขวัญน่ากลัว ซึ่งมีที่มาจากตัวละครและภาพยนตร์สยองขวัญที่ได้รับความนิยม
  • Animal : เป็นแบร์บริคที่มีลวดลายสัตว์ต่าง ๆ เช่น หมี, แมว, เสือ เป็นต้น
  • Cute : เป็นแบร์บริคที่มีลวดลายน่ารัก ๆ เช่น ลายการ์ตูน
  • SF (Science Fiction) : แบร์บริคที่เป็นลายของตัวละครหรือธีมจากภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยม
  • Hero : แบร์บริคที่มีลวดลายเป็นเหล่าตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ใน DC Comics

3. Artist Types

สำหรับแบร์บริคแบบ Artist Types จะเป็นการร่วมกันดีไซน์ออกแบบของแบร์บริคและศิลปินยอดนิยมรวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก เพื่อสร้างสรรค์ลวดลายใหม่ ๆ โดยใน 1 ซีรีส์จะมีศิลปินมาร่วมออกแบบ 2 คน

4. Secret Types

ในแบร์บริคแต่ละซีรีส์นั้นจะมีแบร์บริคหายากที่เรียกว่าแบร์บริค Secret Types ซึ่งเจ้าแบร์บริคลายนี้จะถูกเก็บเป็นความลับ ไม่มีการเผยให้เห็นภาพล่วงหน้า และยังไม่มีเปอร์เซ็นต์การเจอระบุเอาไว้ข้างกล่อง ซึ่งโอกาสในการเจอแบร์บริค Secret Types นั้นมีแค่ 0.52% เท่านั้น จึงถือเป็นแบร์บริคลายที่หายากและมีราคาสูงมาก ๆ เลยล่ะค่ะ

จำนวนเปอร์เซ็นต์ (%) ของแบร์บริค (Bearbrick) คืออะไร ?

หลาย ๆ คนอาจจะเคยเห็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์ (%) ระบุต่อท้ายชื่อของแบร์บริค ซึ่งจำนวนเปอร์เซ็นต์เหล่านั้นก็คือตัวเลขที่บอกขนาดของแบร์บริคนั่นเอง โดยขนาด 100% จะเป็นขนาดมาตรฐานของแบร์บริคมีความสูงอยู่ที่ 7 เซนติเมตร ซึ่งเป็นขนาดของแบร์บริคตัวต้นแบบที่ทำแจกในงาน World Character Convention ครั้งที่ 12 โดยขนาดอื่น ๆ ก็จะมีเปอร์เซ็นต์ที่แตกต่างกันโดยนำมาเทียบกับขนาด 100% ซึ่งปัจจุบันมีแบร์บริคอยู่ทั้งหมด 6 ขนาด ดังนี้ค่ะ

Bearbrick ตุ๊กตา ขนาด

Bearbrick 50% : ความสูง 3.0 เซนติเมตร

แบร์บริคไซซ์นี้เป็นไซซ์เล็กที่สุดมีขนาดกะทัดรัด นิยมนำมาทำเป็นพวงกุญแจ

Bearbrick 70% : ความสูง 5 เซนติเมตร

เป็ยแบร์บริคที่ผลิตครั้งแรกในปี ค.ศ. 2006 ใช้เป็นของสะสมมาพร้อมกับแบร์บริคไซซ์อื่นๆ

Bearbrick 100% : ความสูง 7 เซนติเมตร

เป็นแบร์บริคไซซ์มาตรฐานที่มีอยู่ในแบร์บริคทุกซีรีส์ เป็นขนาดเดียวกันกับแบร์บริครุ่นแรก

Bearbrick 200% : ความสูง 14.5 เซนติเมตร

เป็นแบร์บริคขนาดพิเศษที่มีเฉพาะในซีรีส์ Chogokin หรือหุ่นเหล็กที่แบร์บริคได้ทำร่วมกับค่าย Bandai ผลิตจากโลหะน้ำหนัก 400 กรัม

Bearbrick 400% : ความสูง 28 เซนติเมตร

เป็นแบร์บริคไซซ์ยอดนิยมของนักสะสม วางบนโต๊ะแล้วดูสวย

Bearbrick 1,000% : ความสูง 70 เซนติเมตร

แบร์บริคไซซ์ใหญ่ที่สุด มีการผลิตจำนวนจำกัดและยังเป็นที่ต้องการในตลาดของสะสม

แบร์บริค (Bearbrick) ตัวไหนแพงที่สุดในปี 2023 !!

Bearbrick x Kaws Dissected 1000%
Bearbrick x Kaws Dissected 1000%

Bearbrick x Kaws Dissected 1000%

เป็นที่รู้กันดีว่าค่าสินสอดของเจ้าหมีแบร์บริคนั้นมีราคาไม่ใช่น้อยแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงบ้างตามความนิยม แต่ถึงอย่างนั้นในแบร์บริคแบบต่าง ๆ เองก็ยังมีแบร์บริคหายากที่ยิ่งทำให้ค่าตัวที่สูงอยู่แล้วยิ่งสูงขึ้นไปอีก และสำหรับตำแหน่งแบร์บริคที่มีราคาแพงที่สุดในปี 2023 นี้(อัปเดตเดือนเมษายน 2023) ก็ตกเป็นของ Bearbrick Kaws Dissected 1000% Black ที่มีราคาขายล่าสุดอยู่ที่ $29,499 หรือประมาณ 1,013,216 บาท โดยแบร์บริคตัวนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างแบร์บริคและ KAWS นามแฝงของศิลปินและดีไซเนอร์สไตล์ Street Art ชาวอเมริกันที่เป็นผู้ออกแบบคาแรคเตอร์ตัวละครสุดโดดเด่นที่ใช้ชื่อว่า KAWS เช่นกัน

แบร์บริคตัวนี้จึงได้นำจุดเด่นของ KAWS มาผสมผสานเป็นลวดลายบนตัวเจ้าหมีเอง ทั้งสัญลักษณ์กากบาท (X X) ที่ดวงตา ร่างกายฝั่งขวาของแบร์บริคที่ถูกผ่าออกเผยให้เห็นอวัยวะภายในสีสันสดใสตัดกับร่างกายสีดำที่ฝั่งซ้าย กลายเป็นผลงานสุดสตรีทสุดเท่ที่ดูสวยงาม Bearbrick x Yue Minjun ‘Qiu Tu’ 1000% (2008)

ส่วนเจ้าของสถิติแบร์บริคที่แพงที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบันก็คือ ‘Yue Minjun ‘Qiu Tu’ 1000% BE@RBRICK’ ซึ่งตอนนี้มีประมูลอยู่ที่ 181 ล้านบาท โดยเจ้าแบร์บริคตัวนี้เป็นผลงานดีไซน์ของ Yue Minjun ศิลปินร่วมสมัยชื่อดังของจีน และแบร์บริคตัวนี้ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของงานนิทรรศการศิลปะ Contemporary Artists ณ กรุงปักกิ่ง ในปี 2008

ซึ่ง Yue Minjun มีผลงานอันเป็นเอกลักษณ์คือมนุษย์ผิวสีชมพูที่กำลังหัวเราะร่า โดยผลงานของเขามักจะมีความหมายในเชิงเสียดสีสังคมและการเมือง แบร์บริคตัวนี้จึงมาในใบหน้าที่ยิ้มแฉ่งเห็นฟันทั้งแผง และมีลวดลายบนตัวเหมือนเขาวงกต อีกทั้งยังเป็นแบร์บริคที่ผลิตขึ้นมาเพียงตัวเดียวในโลกบวกกับชื่อเสียงของศิลปิน จึงทำให้แบร์บริคตัวนี้มีราคาสูงลิบแม้จะไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการก็ตาม


ในวันนี้แบรนด์ Bearbrick เองก็ได้โลดแล่นในวงการของเล่นและของสะสมมานานกว่า 22 ปี ซึ่งถือว่าเป็น 22 ปีที่ประสบความสำเร็จและทรงพลัง กับกลยุทธ์การสร้างคาแรคเตอร์และการตลาดที่เข้าไปอยู่ในใจของนักสะสมหมีทั่วโลกได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบันนอกจากแบร์บริคจะมีการผลิตตุ๊กตาเจ้าหมีแบร์บริคออกจำหน่ายแล้ว ทางแบรนด์ก็ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ผลิตออกมาวางจำหน่ายอีกมากมายให้แฟน ๆ ได้เลือกซื้อกัน ทั้งแก้วน้ำ, เสื้อผ้า, หมวก, เครื่องประดับ, กระเป๋า ไปจนถึงของตกแต่งบ้าน ซึ่งก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูสวยงามน่าสะสมไม่แพ้เจ้าหมีแบร์บริคเลยค่ะ ถ้าหากใครที่เล็งแบร์บริคแบบไหนอยู่ก็อย่าลืมกระซิบบอกกันบ้างนะคะ สำหรับวันนี้เราคงต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ บ๊ายบายค่ะ~

Yok Arisa

Yok Arisa

Hi there, I am Arisa. I graduated from Faculty of Humanities and Social Sciences. I'm a cat slave and fall in love with Japanese culture. Hope you guys enjoy my writings.

Next Post