สภาพแวดล้อมและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลมีผลต่อสุขภาพของเราโดยตรง เนื่องจากร่างกายไม่สามารถปรับตัวไปได้ตามสภาพอากาศ ดังนั้นจึงอาจส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแย่ลง ซึ่งตรงนี้ละครับที่เปิดโอกาสให้เชื้อโรคและไวรัสเข้ามาเล่นงานกับร่างกายของเราได้ ทั้งนี้ถ้าหากเป็นอาการป่วยหรืออาการแพ้ทั่วไป การรับประทานยาลดไข้และบรรเทาปวด ก็เพียงพอที่จะบรรเทาอาการป่วยแล้ว
แต่อาการป่วยในบางโรคอย่างเช่น ‘โรค RSV’ อาจไม่ใช่โรคไข้หวัดทั่ว ๆ ไปสำหรับทุกคน เพราะถึงแม้ว่าอาการของมันจะใกล้เคียงกับโรคไข้หวัดทั่วไป แต่ในกลุ่มของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบและกลุ่มผู้สูงอายุอาจร้ายแรงจนถึงขั้นกลายเป็นโรคปอดรุนแรง จนทำให้เสียชีวิตได้เลยทีเดียว อีกทั้งโรค RSV ยังพบได้บ่อยในกลุ่มเด็กอายุน้อย ดังนั้นเพื่อทำความเข้าใจโรคและวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดกับลูกหลานของตัวเอง วันนี้จึงอยากจะมาแชร์ข้อมูลความรู้ให้ทุกคนได้อ่านกันครับ
โรค RSV คืออะไร ? (1)
RSV หรือโรคที่มีชื่อเต็มว่า ‘Respiratory syncytial (sin-SISH-uhl) virus’ เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โดยอาการของมันจะมีความใกล้เคียงกับโรคหวัด ฉะนั้นอาการจึงไม่ค่อยรุนแรงหรือน่าเป็นห่วงสักเท่าไหร่นักในกลุ่มวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ที่มีร่างกายแข็งแรง
แต่ในทางกลับกันโรค RSV อาจเป็นโรคร้ายแรงและน่ากลัวสำหรับเด็กทารกและผู้สูงอายุ ทั้งนี้เกิดการติดเชื้อ RSV นั้นอาจส่งผลให้เกิดการอักเสบบริเวณเยื่อบุหลอดลมหรือโรคปอดบวม นอกจากนี้การแพร่กระจายหรือระบาดของเชื้อตัวนี้ค่อนข้างจะพีคในช่วงฤดูหนาว

กลุ่มไหนบ้างที่เสี่ยงหรือเกิดอาการรุนแรงเมื่อเกิดโรค RSV
เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีและผู้สูงอายุค่อนข้างน่ากลัว เนื่องจากคนในสองกลุ่มนี้มีภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรง โดยโรค RSV อาจพัฒนาให้เกิดอาการร้ายแรงขึ้นได้อย่างปอดบวมหรือโรคหลอดลมอักเสบ ซึ่งในบางเคสที่มีโรคประจำตัวอย่างเช่นโรคปอดหรือเด็กที่คลอดก่อนกำหนด อาจมีอาการร้ายแรงจำเป็นต้องเข้าแอดมิทโรงพยาบาลได้
อาการของโรค RSV และ วิธีการรักษา (2)
อาการของโรค RSV
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ RSV จะเริ่มแสดงอาการเมื่อผ่านไปในเวลาประมาณ 4 – 6 วัน โดยอาการทั่วไปจะมี ดังนี้
- ลดความอยากอาหาร
- มีไข้
- น้ำมูกไหล
- ไอ
- จาม
- หายใจเสียงหวีด
อย่างไรก็ดีอาการของโรคจะไม่เกิดขึ้นพร้อมกันในคราวเดียวแต่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ส่วนอาการในเด็กทารกอาจหายใจลำบาก, เกิดอาการหงุดหงิด หรือไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย
วิธีการรักษาโรค RSV
ปกติเชื้อ RSV นั้นหายไปเองภายในเวลา 1 – 2 สัปดาห์ โดยการรักษาทางการแพทย์นั้นยังไม่มียาหรือวัคซีนเฉพาะสำหรับโรคนี้ แต่ในปัจจุบันนักวิจัยกำลังพัฒนาคิดค้นวัคซีนและยาสำหรับต้านไวรัสกันอยู่ครับ
ขั้นตอนการบรรเทาอาการโรค RSV
- จัดการไข้และอาการปวด สามารถลดไข้และอาการปวดด้วย ‘ยาลดไข้และบรรเทาปวด’ ที่ขายตามร้านยาทั่วไป เช่น ไอบูโพรเฟน หรือ พาราเซตามอล (**ห้ามให้เด็กรับประทาน แอสไพริน โดยเด็ดขาด**)
- พยายามดื่มน้ำให้เยอะ การติดเชื้ออาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะนี้เราจะต้องพยายามดื่มน้ำให้เพียงพอหรือทนแทนส่วนที่เสียไป
- ปรึกษาแพทย์ ยาในบางตัวอาจเป็นอันตรายสำหรับเด็ก ดังนั้นทางที่ดีผมแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งเมื่อจะให้เด็กรับประทาน

โรค RSV แพร่เชื้ออย่างไร ? (3)
โรค RSV สามารถแพร่เชื้อได้เมื่อ
- ผู้ติดเชื้อไอหรือจาม
- ได้รับไวรัสจากในละอองอากาศ
- มีการสัมผัสกับพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัสเกาะอยู่
- ติดต่อโดยตรงจากการหอมแก้มหรือกอดเด็กที่ติดเชื้อ RSV
การแพร่เชื้อไวรัสตัวนี้จะเริ่มส่งต่อเมื่อผ่านไปแล้วประมาณ 3 – 8 วัน อย่างไรก็ดีในเด็กวัยทารกที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจสามารถแพร่เชื้อได้นานกว่า 4 สัปดาห์ แม้ว่าอาการจะหายแบบปลิดทิ้งไปแล้วก็ตาม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องระวังและลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ

วิธีการป้องกันโรค RSV
สำหรับใครที่ติดไวรัส RSV ขึ้นมาแล้วไม่อยากคนอื่นติดเชื้อไปด้วย ผมแนะนำให้ทำตามขั้นตอน ดังนี้
- ใช้แขนเสื้อหรือทิชชู่ปิดปากเมื่อมีการไอหรือจาม ไม่ควรใช้มือ
- ล้างมือให้บ่อยด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างน้อย 20 วินาที
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแบบใกล้ชิด เช่น การจับมือ, หอมแก้ม หรือใช้อุปกรณ์รับประทานอาหารอันเดียวกัน
- ทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย ๆ เช่น ลูกบิด หรือ มือถือ
References :