ประกันชีวิต แบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance) – เบี้ยน้อย คนข้างหลังสบาย : ข้อดี vs ข้อเสีย

หลาย ๆ คนคงมีความคิดอยากจะซื้อประกันชีวิตไว้บ้าง ในยามกรณีฉุกเฉิกหรือเพื่อความสบายแก่คนข้างหลัง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน และไม่รู้ว่าต้องซื้อประกันประเภทไหนถึงจะดีที่สุด เพราะประกันั้นมีทั้งแบบเน้นรักษา, เน้นออมเงิน หรือเน้นได้คืนเงินเมื่อครบสัญญา ทำให้คุณรู้สึกว่าการซื้อประกันนั้นมีความยุ่งยากพอสมควร อีกทั้งหากคุณจะเดินตรงเข้าไปพูดคุยกับตัวแทนขายประกันก็กลัวจะต้องซื้อด้วยความเกรงใจมากกว่าซื้อเพราะอยากได้จริง ๆ ใช่มั้ยคะ ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้เราจะมีแจกแจงรายละเอียดของประกันที่เหมาะกับคุณกัน ซึ่งวันนี้เราเลือกที่จะมาอธิบายเกี่ยวกับ “ประกันชีวิต แบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance)” ว่ามันดีอย่างไร? และมันจะเหมาะสมกับคุณหรือไม่?

ประกันชีวิตมีกี่ประเภท มีกี่แบบ

ก่อนอื่นเราต้องทำความรู้จักกับประกันชีวิตก่อนค่ะ ประกันชีวิตนั้นสามารถแยกออกได้หลายหมวดหมู่มาก ๆ แต่วันนี้เราจะขอแยกประกันชีวิตแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ “ประกันชีวิตแบบไม่มีเงินปันผล” และ “ประกันชีวิตแบบมีเงินปันผล”

ประกันชีวิตแบบมีเงินปันผล ก็จะต้องแยกเป็นรายละเอียดย่อย ๆ ว่าอยู่ในรูปแบบใด อาทิเช่น แบบชั่วระยะเวลา, แบบตลอดชีพ, แบบสะสมทรัพย์ และ แบบรายได้ประจำเป็นต้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัที่กำหนด ดังนั้นเงินในส่วนนี้จะแตกต่างกัน แต่ประกันชีวิตแบบมีเงินปันผลนั้นจะมีราคาสูงกว่าแบบไม่มีเงินปันผลแน่นอนค่ะ

1. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา

เป็นการจ่ายเงินทิ้ง ไม่มีการคืนเงินใด ๆ เงื่อนไขคือผู้รับประโยชน์จะได้รับเงิน เมื่อผู้ที่ทำประกันเสียชีวิต ภายในระยะเวลาที่กำหนด นั่นหมายความว่าจะได้เงินก็ต่อเมื่อเสียชีวิตเท่านั้นค่ะ หากไม่ได้เสียชีวิตในช่วงเวลาที่กำหนดก็ถือเป็นการจ่ายประกันทิ้ง ไม่มีการสะสมทรัพย์หรือออมทรัพย์ ดังนั้นประกันประเภทนี้จึงมีเบี้ยประกันถูกกว่าแบบอื่น ๆ

อาทิเช่น ประกันที่เราซื้อจะมีวงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งเราจะจ่ายค่าประกันเพียงครั้งเดียว หากเราเป็นอะไรในช่วงระยะ 5 ปี คนข้างหลังจะได้เงิน 1 ล้านบาทไปเลย

  • เงินคุ้มครองชีวิตสูง
  • คุ้มครองชีวิตอย่างเดียว  ไม่ได้รับเงินคืนใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นเสียชีวิตในระยะเวลาที่กำหนด
  • เบี้ยประกันถูก แต่ก็ขึ้นอยู่กับอายุด้วย ยิ่งอายุมากเบี้ยประกันก็จะสูงตาม บางที่อาจจะมีการกำหนดอายุ
  • คุ้มครองชีวิตในระยะสั้น
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด แต่ต้องการความคุ้มครองสูงในช่วงระยะเวลาหนึ่ง  อย่างเช่นเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังสร้างตัวและลูกยังเด็ก

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี ข้อเสีย
  • เงินคุ้มครองชีวิตสูง
  • เบี้ยประกันถูก
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด
  • คุ้มครองชีวิตอย่างเดียว
  • หากไม่เสียชีวิตในระยะที่กำหนดจะไม่ได้เงินใด ๆ
  • คุ้มครองชีวิตในระยะสั้น




2. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ

เป็นการจ่ายเงินในระยะยาว อาทิเช่น 10-20 ปี แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละบริษัท แต่คุณจะได้รับความคุ้มครองไปตลอดชีวิต หรือบางที่อาจจะคุ้มครอบไปจนถึงอายุ 99 ปี (ซึ่งก็เหมือนตลอดชีวิตแล้วค่ะ) และเมื่อคุณเสียชีวิตผู้รับประประโยชน์ก็ได้รับเงินตามที่กำหนด เหมาะสำหรับทำเป็นมรดกให้คนข้างหลัง

  • เหมาะสำหรับทำเป็นมรดกให้ลูกหลาน เน้นผลประโยชน์สำหรับคนข้างหลังมากกว่า
  • ให้ความคุ้มครองระยะเวลานาน
  • ต้องจ่ายเงินประกันภัยเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และผู้ที่ทำประกันภัยจะไม่ได้ใช้เงินในส่วนนี้ เนื่องจากจะจ่ายก็ต่อเมื่อผู้ทำประกันภัยเสียชีวิตเท่านั้น
  • เบี้ยประกันแบบตลอดชีพ สูงกว่าแบบชั่วระยะเวลา

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี ข้อเสีย
  • เหมาะสำหรับทำเป็นมรดกให้ลูกหลาน
  • ให้ความคุ้มครองระยะเวลานาน
  • เบี้ยประกันสูงกว่าแบบชั่วระยะเวลา
  • จ่ายเงินประกันภัยเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
  • ผู้ทำประกันจะไม่ได้ใช้เงินในส่วนนี้

3. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์

เป็นการจ่ายเงินประกันด้วยและได้เงินคืนมาด้วย โดยจะต้องจ่ายเงินตามจำนวนที่กำหนดหรือตามอายุที่ตกลง หากคุณมีชีวิตถึงอายุที่กำหนด บริษัทก็จะจ่ายเงินคืนตามที่ตกลงไว้ ซึ่งส่วนใหญ่จะได้เงินคืนมามากกว่าเงินที่ทำประกัน หรือหากคุณเสียชีวิตภายในระยะที่กำหนด ผู้รับประโยชน์ก็ยังคงได้รับเงินตามสัญญาที่กำหนดไว้ค่ะ

  • เป็นการออมเงินเพื่ออนาคต
  • เบี้ยประกันภัยสูงกว่าแบบอื่น ทำให้อาจจะเป็นภาระแก่ผู้ทำประกันได้ในภายหลัง

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี ข้อเสีย
  • เน้นการออมเพื่อใช้เงินในอนาคต
  • รับเงินตามจำนวนที่เอาประกันไว้อย่างแน่นอน
  • เบี้ยประกันภัยสูงกว่าแบบอื่น
  • หากผู้ทำประกันยังมีชีวิตอยู่เมื่อสัญญาครบกำหนด มูลค่าของเงินจะน้อยลง




4. ประกันชีวิตแบบรายได้ประจำ หรือ แบบบำนาญ

เป็นการจ่ายเงินไปจนถึงเราเกษียณ อาทิเช่นจ่ายถึงอายุ 50-60 ปี และเมื่อครบตามกำหนดเราจะได้เงินมาใช้แต่ละปีเรื่อย ๆ จนเสียชีวิตหรือครบตามอายุเงื่อนไขที่กำหนด (แต่ผลตอบแทนไม่ได้เยอะมากมายนะคะ) ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ที่บั้นปลายชีวิตคิดว่าอาจจะไม่มีเงินใช้ในยามที่เกษียณ เป็นการออมทรัพย์ไว้จ่ายยามแก่มากกว่าคุ้มครองชีวิต

  • เหมาะสำหรับเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้สูง
  • ได้รับเงินหนือผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ เพราะไม่มีความเสี่ยง
  • ประกันชีวิตแบบรายได้ประจำ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเกษียณก่อนอายุทำงาน
  • หากผู้ทำประกันเสียชีวิตหลังเกษียณอายุได้ไม่นาน เงินที่จะได้รับอาจจะน้อยกว่าเงินที่จ่ายมาทั้งหมด

ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี ข้อเสีย
  • เหมาะสำหรับเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป
  • ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเกษียณก่อนอายุทำงาน
  • เงินที่จะได้รับอาจจะน้อยกว่าเงินที่จ่ายมาทั้งหมด หากผู้ทำประกันเสียหลังเกษียณไม่นาน

ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)

Mine Melody

Mine Melody

สวัสดีค่ะทุกคนนน ผู้เขียนขออนุญาตใช้นามแฝงว่า Mine Melody นะคะ แม้ว่าชื่อนี้จะไม่ใช่ชื่อจริง ๆ แต่ก็ยินดีที่ได้รู้จักคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน 😘

ส่วนตัวแล้วผู้เขียนสนใจด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ และจะพยายามอธิบายให้เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย 😎 อีกทั้งยังสนใจเรื่องต่าง ๆ ที่อยู่ในเทรนด์อย่าง สกินแคร์, เครื่องสำอาง, แฟชั่น ตลอดจนข่าวบันเทิง แน่นอนว่าเนื้อหาในทุก ๆ บทความที่เขียนไป ขอให้เพื่อน ๆ มั่นใจได้เลยว่ามีแหล่งอ้างอิงจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้จ้า!!

หากเพื่อน ๆ มีข้อสงสัย หรืออยากแชร์ไอเดียใด ๆ ร่วมกับผู้เขียน สามารถติดต่อผ่าน E-mail เว็บไซต์ของเราได้เลยค่ะ 😇

Next Post