คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.0 เต็ม 10
![]() |
|
“กล้องวงจรปิดภายใน“ หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า “กล้องสมาร์ทโฮม“ เป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้านและสิ่งของมีค่าของคุณ อย่างไรก็ดี…หากเป็นเมื่อก่อนการจะติดตั้งกล้องวจรปิดแต่ละครั้ง คุณจะต้องเสียเงินหลายบาทมากค่ะ ทั้งยังมีขั้นตอนการติดตั้งที่ลำบากอีกด้วย แต่เนื่องจากเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ตอนนี้กล้องวงจรปิดกลายเป็นอุปกรณ์ที่หาซื้อได้ง่าย มีราคาไม่แพง สามารถเลือกคุณภาพของกล้องได้หลากหลาย ทั้งยังติดตั้งด้วยตัวเองก็ได้
![]() |
![]() |
โดยวันนี้เราจะกลับมารีวิวกล้องวงจรปิดจากแบรนด์ EZVIZ กันอีกครั้ง หลังจากที่เว็บไซต์ของเราเคยรีวิวแบรนด์นี้ไปแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งก็คือ EZVIZ รุ่น C3N กล้องวงจรปิดภายนอกที่สามารถบันทึกวิดิโอในที่มืดหรือแบบย้อนแสงได้แน่นอนปัจจุบันกล้องตัวนี้ก็ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดิมและดูเหมือนจะทนทานไม่พังง่าย ๆ ด้วยค่ะ เราแทบจะไม่ต้องดูแลรักษาอะไรมากเลยค่ะ เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ทนทานและสร้างประทับใจให้กับเรามาก ๆ
แต่ครั้งนี้เปลี่ยนมาเป็นกล้องวงจรปิดภายในแทนค่ะ ซึ่งก็คือ “EZVIZ รุ่น C1HC” วงจรปิดอัจฉริยะที่มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน ตัวกล้องมีขนาดเล็กมาก เหมาะสำหรับใช้ในบ้าน ที่พักอาศัย หรือร้านค้าของคุณ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาเจาะลึกถึงคุณสมบัติกล้องรุ่นนี้กันดีกว่าค่ะ !!!!
คุณสามารถกดเพื่อเลื่อนลงไปอ่านเนื้อเหล่านี้ได้ก่อนจะอ่านรีวิวค่ะ
คำตัดสิน กล้อง EZVIZ C1HC โดยรวม
EZVIZ C1HC เป็นกล้องวงจรปิดภายในที่มีราคาไม่แพง เหมาะสำหรับติดตั้งในครัวเรือนหรือร้านค้า เพื่อบันทึกภาพเฉพาะมุมสำคัญ ๆ เท่านั้นเนื่องจากแพนกล้องไม่ได้ ความคมชัดของภาพจัดอยู่ในระดับมาตรฐานคือ 1080p สามารถใช้งานได้ทั้งกลางวันกลางคืน เพราะมีระบบออโต้อินฟราเรดที่ช่วยให้ภาพกลางคืนคมชัดมากขึ้น มาพร้อมกับฟังก์ชันตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ทำงานได้ดี แจ้งเตือนผ่านแอป EZVIZ ของทางแบรนด์
คลิปวิดีโอรีวิว EZVIZ C1HC 1080P (ลองใช้จริง) กล้องวงจรปิดราคาหลักร้อย

แกะกล่องกล้องวงจรปิด EZVIZ รุ่น C1HC
อุปกรณ์ในกล่อง
- กล้องวงจรปิด รุ่น C1HC
- สาย USB (ความยาว 3 m)
- อะแดปเตอร์
- สติ๊กเกอร์โฟม x 2
- แผ่นโลหะ (เส้นผ่านศูนย์กลางรู 3.5 mm.)
- ข้อมูลระเบียบข้อบังคับ & คู่มือใช้งานฉบับย่อ
รีวิวดีไซน์การออกแบบ – กล้องวงจรปิด EZVIZ รุ่น C1HC
ตัวกล้องมาในรูปทสี่เหลี่ยมโค้งมนกำลังดี ในส่วนของลำโพงนั้นทางแบรนด์ออกแบบมาให้อยู่ด้านหลัง สำหรับไมค์, ไฟแสดงสถานะการทำงาน และไฟอินฟราเรดจะถูกติดตั้งอยู่ในส่วนด้านหน้าพร้อมกับเลนส์กล้องค่ะ ฐานเป็นวงกลมที่มีขนาดกว้างกว่าตัวกล้องเล็กน้อย ตัวฐานดูเหมือนจะบาง แต่แข็งแรงมากเลยทีเดียว มาพร้อมกับขากล้องที่สูงพอประมาณ ทั้งยังสามารถหมุนได้รอบทิศทาง ตัวเชื่อมที่ขากล้องกระชับ ไม่เคลื่อนที่หรือหมุนได้เองง่าย ๆ

แต่สิ่งผู้เขียนรู้สึกไม่ค่อยชอบ (เพียงเล็กน้อย) ก็คือพอร์ตเสียบสายไฟจ่ายพลังงานที่ทางแบรนด์ออกแบบมาให้อยู่ด้านล่างกล้อง มันค่อนข้างเสียบลำบากนิดหน่อยค่ะ เพราะช่องว่างระหว่างกล้องกับฐานไม่ได้เยอะมากนัก นอกจากนี้ปุ่มรีเซ็ตที่เล็กไปหน่อยจนต้องใช้เล็บกดแทน (เป็นไปได้ค่ะว่าออกแบบมาเพื่อไม่ให้เด็ก ๆ กดเล่น) แต่อย่างไรก็ตาม…สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้สร้างความลำบากต่อการใช้งานมากมายอะไรค่ะ เนื่องจากเป็นฟังก์ชันที่เราไม่ค่อยได้ใช้บ่อย
การออกแบบโดยรวมถือว่าสวย วัสดุคุณภาพดี จับแล้วไม่รู้สึกก๊องแก๊งเลยค่ะในราคาไม่ถึง 1,000 บาทนี้ผู้เขียนค่อนข้างประทับใจมาก แต่ดีไซน์อาจจะไม่ได้ดูโมเดิร์นเหมือนกล้องวงจรปิดทั่วไป ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะไม่ชอบสักเท่าไหร่ แต่โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนรู้สึกว่าดีไซน์นี้จะช่วยให้เราหามุมติดตั้งกล้องวงจรปิดง่ายมากกว่า แถม EZVIZ รุ่น C1HC ยังมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาอีกด้วย และด้วยขนาดที่เล็กมาก ๆ นี่เองจึงทำให้กล้องวงจรปิดรุ่นนี้มองดูคล้ายกับกล้องเว็บแคมมากกว่าซะงั้น หากคุณนำไปตั้งเล่น ๆ บนโต๊ะทำงานข้างคอมพิวเตอร์ (Desktop PC) จะดูกลมกลืนกันมากเลยค่ะ เผลอ ๆ อาจไม่มีใครสังเกตด้วยซ้ำค่ะ 😆 นอกจากนี้สายไฟที่ทางแบรนด์ให้มาก็ยาวมากถึง 3 เมตร แถมยังให้ตัวอะแดปเตอร์มาด้วยในราคาที่ถูกเช่นนี้ถือว่าผู้ซื้ออย่างพวกเรามีแต่ได้กับได้นะคะ

สำหรับการติดตั้งนั้นคุณสามารถตั้งบนโต๊ะเฉย ๆ หรือจะติดกับกำแพงก็ได้ค่ะ และไม่จำเป็นต้องเจาะรูหรือใช้เครื่องมือช่างอะไรให้ยุ่งยากเลย เพราะว่าในเซตจะมีแผ่นโลหะและสติ๊กเกอร์โฟมมาให้ด้วย ดังนั้นคุณผู้หญิงทั้งหลายจ๋า (โดยเฉพาะสาวโสดน้าาานน) เราสามารถติดตั้งกล้องวงจรปิดได้เองเก๋ ๆ โดยไม่ต้องขอช่วยใครเลยนะคะ 😉
รีวิวความละเอียด – กล้องวงจรปิด EZVIZ รุ่น C1HC
คำตัดสิน ความละเอียดคมชัดของกล้อง (กลางวัน / กลางคืน)
ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะแสงน้อย เวลากลางคืน หรือกลางวัน กล้องตัวนี้ก็ให้ภาพที่ละเอียด 1080p แก่คุณได้ตลอดทั้งวัน สามารถมองเห็นจากระยะไกลได้แม้ว่าจะอยู่ในที่มืดก็ตาม ตัวกล้องใช้เลนส์มุมกว้าง 108º ดังนั้นมันจึงบันทึกภาพได้ครอบคลุมทั่วทั้งห้อง และสามารถซูมกล้องได้มากถึง 8 เท่า แต่จะไม่สามารถแพนกล้องไปมาผ่านการควบคุมจากแอปฯ

ทดสอบ กล้องวงจรปิด EZVIZ รุ่น C1HC ช่วงกลางวัน
กล้อง EZVIZ C1HC ให้ความละเอียดวิดีโอ 1080p ถือว่าเป็นภาพที่คมชัดในระดับมาตรฐาน สามารถมองเห็นหน้าตาคนที่เดินผ่านไปมาได้ชัดเจนเลยค่ะ แต่ถ้าไกลเกินไปคุณสามารถซูมกล้องได้ถึง 8x อย่างไรก็ตาม ก็ต้องบอกก่อนว่าการซูมอาจจะทำให้ภาพแตกกว่าเดิมเยอะมาก แต่ก็ยังพอจะดูออกว่าคนในกล้องมีลักษณะหน้าตาเช่นไรค่ะ

ทดสอบ กล้องวงจรปิด EZVIZ รุ่น C1HC ช่วงกลางคืน
โดยปกติแล้วช่วงยามวิกาลคงไม่มีใครเปิดไฟให้สว่างไสวกันหรอกจริงไหมคะ ? ดังนั้นหลาย ๆ คนก็อาจกลัวว่ากล้องจะจับภาพได้ไม่ชัดหรือเปล่า ? หรือหากกล้องมีไฟฉายหรือไฟสปอร์ตไลท์ในตัวก็คงจะดีเพราะมันจะช่วยให้เก็บภาพได้ชัดมากขึ้น แต่ทว่ารุ่นนี้กลับไม่มีไฟฉายหรือไฟสปอร์ตไลท์เลย อย่างไรก็ตาม…ปัญหาในส่วนนี้เพื่อน ๆ ไม่ต้องกังวลไปเลยค่ะ เพราะว่า EZVIZ C1HC จะใช้ไฟอินฟราเรดแทน หลังจากที่เราได้ทดลองกล้องในห้องที่มืดสนิทแบบมืดแบบมาก ๆ ก็ถือว่ากล้องให้ภาพที่คมชัดมากเลยค่ะ (คมชัดชนิดที่ว่าเราไม่คิดว่าจะเห็นตัวเองในกล้องจริง ๆ นะคะ 😂) โดยคุณสามารถควบคุมการเปิดปิดไฟอินฟราเรดได้เอง ในกรณีที่ปิดอินฟราเรดในห้องมืดมากสนิท จะได้ภาพที่มืดจนมองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ แต่หากคุณเปิดอินฟราเรด ตัวกล้องจะเก็บรายละเอียดได้อย่างชัดแจ๋วเลยค่ะ (ดูได้รูปด้านล่าง)


แต่ในกรณีที่ยังพอมีแสงจากข้างนอกช่วยสาดส่องก็ยังพอดูออกว่าภาพเป็นอย่างไรค่ะ โดยจะส่องความสว่างไปได้ไกลถึง 12 เมตร ดังนั้นคุณจึงสามารถเห็นทุกสิ่งได้อย่างชัดเจนตลอดช่วงกลางคืน หากภาพที่ได้ในโหมดอินฟราเรดยังคงมืดอยู่ คุณสามารถเข้าไปเพิ่มไฟแบล็คไลท์ได้ โดยจะกำหนดได้ตามต้องการว่าจะให้เพิ่มส่วนไหนของเฟรมก็ได้ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ได้ภาพที่สว่างขึ้นแล้วค่ะ (ดูได้จากรูปด้านล่าง)

อย่างไรก็ตาม…สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตเห็นได้ทันทีเลยก็คือในช่วงกลางคืนนั้นยิ่งวัตถุใกล้กับเลนส์กล้องมากยิ่งขึ้น ความสว่างจ้าตรงวัตถุจะมากจนไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดใด ๆ ได้เลย นั่นเป็นเพราะกล้อง EZVIZ C1HC ไม่มีฟังก์ชัน Smart IR ที่คอยปรับความสมดุลแสงอินฟราเรดให้
หลายคนอาจรู้สึกว่าน่าเสียดายแต่ทว่าอย่าลืมว่าราคารุ่นนี้ไม่สูงมาก การที่จะไม่มี Smart IR มาให้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ (Smart IR คือช่วยปรับความเหมาะสมของอินฟราเรดให้แบบอัจฉริยะ) แต่อย่างน้อย ๆ EZVIZ C1HC ก็ยังมี 3D DNR เทคโนโลยีที่ช่วยลดนอยซ์ในภาพมาให้ด้วย ทำให้ภาพตอนกลางคืนคมชัดมากยิ่งขึ้นค่ะ
รีวิวการโทรคุยแบบเรียลไทม์ – กล้องวงจรปิด EZVIZ รุ่น C1HC
คำตัดสิน ฟังก์ชันพูดคุยสองทิศทาง (Two Way Talk)
EZVIZ C1HC สามารถใช้แอปเพื่อโทรหาครอบครัวที่บ้านผ่านกล้องรุ่นนี้ได้ค่ะ โดยทั้งสองฝ่ายสามารถพูดคุยพร้อมกันได้ แต่คุณภาพของการโทรจะขึ้นอยู่กับความเสถียรอินเทอร์เน็ตที่ใช้ด้วยนะคะ จากที่เราได้ลองทดสอบดูพบว่าหากใช้อินเทอร์เน็ตที่อยู่ในวง LAN เดียวกันประสิทธิภาพที่ได้ไม่ค่อยดีมากนัก เพราะภาพจะกระตุก เสียงขาดหาย หรืออาจจะฟังไม่รู้เรื่องไปเลย แต่ถ้าใช้อินเทอร์เน็ตคนละวง LAN ทั้งภาพและเสียงจัดว่าอยู่ในระดับที่น่าประทับใจสำหรับกล้องวงจรปิดภายในอาคารที่มีราคาหลักร้อย
ก่อนอื่น ขออนุญาตอธิบายฟังก์ชันนี้ให้คนที่ยังไม่ทราบได้เข้าใจตรงกันก่อนนะคะ
(สำหรับใครที่พอจะรู้กระบวนการทำงานอยู่แล้วสามารถข้ามย่อหน้านี้ได้เลยค่ะ)การโทรคุยแบบเรียลไทม์ผ่านกล้องวงจรปิด หมายความว่าคนที่อยู่หน้ากล้องหรือในพื้นที่ที่กล้องตั้งอยู่สามารถตอบโต้กับคนที่ดูกล้องผ่านมือถือได้ค่ะ มันก็เหมือนเป็นการโทรคุยหากันแบบทั่วไป ไม่ว่าปลายทางทั้งสองจะอยู่มุมไหนของโลกก็สามารถคุยกันได้ค่ะ แต่ผู้ที่เป็นฝ่ายโทรหาได้มีเพียงคนที่ใช้งานผ่านแอปเท่านั้น ส่วนคนที่อยู่ฝั่งกล้องจะติดต่อไปก่อนไม่ได้ อย่างไรก็ดี ฟังก์ชันนี้ไม่สามารถใช้งานได้กับกล้องวงจรปิดทุกตัว แต่ต้องเป็นกล้องที่มีทั้งไมโครโฟนและลำโพงในตัวเท่านั้น
นอกจากนี้ อีกข้อที่คุณควรทราบ คือคนที่ควบคุมผ่านแอปจะสามารถได้ยินและเห็นทุกอย่างตลอดเวลา (แต่พวกเขาเลือกจะปิดการใช้งานได้) ส่วนคนที่อยู่กับกล้องจะไม่ได้ยินเสียงอะไรจากอีกฝ่ายจนกว่าพวกเขาจะกดโทรมาหาเท่านั้น ซึ่งคนที่อยู่ฝั่งกล้องจะไม่สามารถกดปุ่มปิดไมค์ได้ด้วยค่ะ
เรียกได้ว่าเป็นเรื่องพื้นฐานของกล้องวงจรปิดภายในอาคารทุกยี่ห้อที่จะต้องมีฟังก์ชัน “การพูดคุยแบบสองทิศทาง (Two Way Talk)” ซึ่งก็คือการที่เราโทรคุยแบบเรียลไทม์เลย แน่นอนว่ากล้อง C1HC ในราคาหลักร้อยก็มีคุณสมบัติการสื่อสารสองทางเช่นกันค่ะ
จากการทดสอบพบว่าในกรณีที่เราใช้อินเทอร์เน็ตคนละเครือข่ายกัน เสียงและภาพถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเลยค่ะ พูดคุยสนทนารู้เรื่อง เสียงดังฟังชัดทั้งสองฝั่ง สามารถฟังออกว่าปลายสายพูดว่าอะไรบ้าง แต่อาจจะมีที่ภาพดีเลย์ไปบ้างเล็กน้อยในบ้างช่วง

แต่เราลองใช้เครือข่ายเดียวกัน (หมายถึงกล้องใช้ WiFi-A และมือถือก็ยังใช้ WiFi-A ด้วย อารมณ์ประมาณว่าดูกล้องวงจรปิดจากชั้น 2 ของบ้านซึ่งต่างก็ใช้ WiFi ตัวเดียวกัน) เสียงที่ได้จะไม่เสถียรเลยค่ะ บางช่วงเสียงก็ขาดหายไปเลย บางช่วงก็ฟังไม่รู้เรื่อง ในส่วนของภาพนั้นอาจจะช้าจากความจริงไปประมาณ 2-3 วินาที หรือไม่ก็มีภาพกระตุกเล็กน้อย แต่จะไม่รุ่นแรงเท่าระบบเสียงค่ะ โดยรวมแล้วไม่แนะนำให้ใช้วง LAN เดียวกันนะคะ
รีวิว โหมดการแจ้งเตือน – กล้องวงจรปิด EZVIZ รุ่น C1HC
คำตัดสิน ฟังก์ชันการแจ้งเตือนการเคลื่อนไหว
EZVIZ C1HC สามารถแจ้งเตือนความผิดปกติเมื่อกล้องตรวจพบการเคลื่อนไหวได้ มันจะแจ้งเตือนบนสมาร์ทโฟนของคุณทันทีไม่ว่าตอนนั้นคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ตัวกล้องถือว่าทำงานรวดเร็วมาก ๆ เพราะมันส่งเสียงร้องและส่งการแจ้งเตือนมายังสมาร์ทโฟนให้ทันทีเลยค่ะ อย่างไรก็ตาม หากดูจากฟังก์ชันการทำงานและการตั้งค่าต่าง ๆ แล้วถือว่าเราค่อนข้างพอใจโหมดนี้มากค่ะ แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ไม่สามารถแพนกล้องได้ตามที่ต้องการ ทำให้เมื่อจับความผิดปกติได้แล้ว ก็จะไม่สามารถตามรอยการเคลื่อนไหวไปยังจุดอื่นของห้องได้อีก
โหมดการแจ้งเตือนจะเป็นตรวจจับการเคลื่อนไหวต่าง ๆ โดยคุณสามารถกำหนดพื้นที่ที่ต้องการให้กล้องตรวจจับได้ค่ะ ไม่จำเป็นว่าต้องตรวจจับการเคลื่อนไหวทั้งเฟรม อาทิเช่น คุณรู้ว่าประตูอยู่ที่ด้านซ้ายมือ คุณก็แค่วงพื้นที่เฉพาะจุดนั้น กล้องก็จะตรวจจับความเคลื่อนไหวแค่ที่ประตูเท่านั้น วิธีนี้จะช่วยให้การแจ้งเตือนไม่ดังบ่อยไป เป็นการลดขอบเขตให้แคบลง แต่หากคุณต้องการให้ตรวจจับทั้งเฟรมก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ

นอกจากนี้คุณก็ยังเลือกระดับการตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ได้ถึง 6 ระดับ ซึ่งจะแบ่งเป็น ความไวในการเคลื่อนไหว และ ขนาดของวัตถุที่ตรวจจับ เมื่อกล้องตรวจพบการเคลื่อนไหวใด ๆ ตามที่เรากำหนดไว้ แอปก็จะแจ้งเตือนบนสมาร์ทโฟนคุณทันที ไม่ว่าตอนนั้นคุณเปิดแอปอยู่หรือไม่ หรืออยู่ในโหมดพักหน้าจอก็จะมีข้อความแจ้งเตือนขึ้นมาให้เห็นค่ะ โดยทุก ๆ เหตุการณ์ที่มีการแจ้งเตือน แอปจะบันทึกคลิปไว้ให้แยกเป็นอีกโฟลเดอร์โดยเฉพาะ ทำให้เราหาคลิปได้ง่ายขึ้นค่ะ

อีกทั้งคุณยังกำหนดให้ตัวกล้องส่งเสียงเตือนขณะที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ด้วยนะคะ ซึ่งจะมีระดับเสียงให้เลือก 3 แบบ คือ เสียงเบา, เสียงดัง และแบบไม่มีเสียงค่ะ สุดท้ายสิ่งเราค่อนข้างชอบในฟังก์ชันนี้คือเราสามารถกำหนดช่วงเวลาในการแจ้งเตือนได้ อาทิเช่น คุณอยู่ร้านตลอดเวลาตั้งแต่ 08.00 – 17.00 แต่ทว่านอกจากช่วงเวลาดังกล่าวคุณไม่ได้นอนที่ร้าน ดังนั้นช่วงเวลาที่เราไม่อยู่ร้านก็จะเลือกให้กล้องทำงานตรวจจับการเคลื่อนไหวในยามดึกได้ค่ะ
รีวิว ฟังก์ชันพิเศษอื่น ๆ – กล้องวงจรปิด EZVIZ รุ่น C1HC
โหมดสลิป
เป็นโหมดให้กล้องหยุดทำงานชั่วคราวโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องถอดปลั๊กใด ๆ ในขณะที่เปิดใช้งานโหมดนี้ไฟแสดงสถานะการทำงานบนตัวกล้องจะดับลงเช่นกัน และจะไม่มีการบันทึกวิดีโอใด ๆ ทั้งสิ้น เปรียบเสมือนเราปิดการทำงานของกล้องไปเลย แต่เราสามารถสั่งให้กล้องกลับมาทำงานตอนไหนก็ได้ผ่านสมาร์ทโฟน
โหมดการตั้งค่าภาพขั้นสูง
โหมดนี้เป็นโหมดที่เราเคยเกริ่นไปก่อนแล้วในช่วงที่ทดลองบันทึกคลิปกลางคืน นั่นก็คือการเพิ่มแบ็คไลท์ให้กับกล้อง หากเป็นในช่วงกลางวันอาจจะไม่ค่อยเห็นความแตกต่างในส่วนนี้มากนัก แต่ถ้าเป็นช่วงกลางคืนในห้องที่มืดมาก ๆ แม้แต่แสงอินฟราเรดก็ไม่ช่วย คุณสามารถเข้ามาปรับแบ็คไลท์ได้ค่ะ

ระบบเสียงภาษาไทย
ตัวกล้องมีระบบเสียงเป็นภาษาไทย ทำให้เข้าใจง่ายมาก ๆ จากประสบการณ์ที่ผู้เขียนเคยใช้กล้องที่เป็นเสียงภาษาจีนอย่างเดียว ทำให้เราไม่รู้ความหมายว่าตอนนี้กล้องมีปัญหาอะไร ซึ่งบอกตามตรงว่าปวดหัวมากค่ะ เรียกว่าขยาดกล้องวงจรปิดไปช่วงหนึ่งเลยก็ได้ เพราะไม่ว่ามันจะมีปัญหาอะไรก็ตามแต่สิ่งที่เราแก้ได้อย่างเดียวคือการรีเซตแล้วตั้งค่าใหม่เท่านั้นซึ่งค่อนข้างเสียเวลามาก ๆ ค่ะ
เปลี่ยนโหมดเองอัตโนมัติ
สำหรับฟังก์ชันตัวนี้เราจะไม่สามารถเข้าไปปรับแก้อะไรได้เลย เพราะว่าตัวกล้องจะมีเซ็นเซอร์รับแสงคอยตรวจสภาพว่าแสงรอบ ๆ ให้อัตโนมัติ หากพบว่าแสงมืดลงมันก็จะเข้าสู่โหมดแสงอินฟราเรดให้ทันที หลายคนอาจคิดว่าคงไม่ได้มีเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงหรอก อาจจะเปิดตามเวลามากกว่า แต่เราได้ทดสอบดูแล้วค่ะ ในช่วงกลางวันเราลองนำกล้องตัวนี้เข้าไปในห้องที่มืดมาก ๆ ก็พบว่ากล้องเข้าสู่โหมดแสงอินฟราเรดอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องสั่งงานผ่านแอปใด ๆ เลยค่ะ
การจัดเก็บข้อมูล & คลิป
รุ่นนี้รองรับการจัดเก็บข้อมูลได้ 2 ช่องทางคือจากการ์ด micro SD ได้สูงสุด 256GB และอีกหนึ่งช่องทางคือการเก็บข้อมูลในระบบออนไลน์ วิธีค่อนข้างปลอดภัยมากกว่า วิดีโอจะไม่มีทางสูญหาย ทั้งยังบันทึกได้ตลอด 24/7 เนื่องจากคลิปข้อมูลทั้งหมดจะอยู่ในอินเทอร์เน็ตดังนั้นคุณจึงสามารถแบ่งปันเหตุการณ์ให้กับเพื่อนหรือคนในครอบครัวเข้ามาดูได้ด้วย ทั้งยังสามารถดูย้อนลบก่อนที่คลิปจะลบเองได้นานถึง 30 วันเลยค่ะ แต่ทว่าการจัดเก็บบน Cloud จำเป็นต้องมีค่าสมาชิก โดยสามารถเลือกเป็นรายเดือนหรือรายปีก็ได้ค่ะ
ความคุ้มค่าในการซื้อ
![]() |
![]() |
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.0 เต็ม 10
สรุปข้อดี – ข้อควรพิจารณา
ข้อดี
- ราคาไม่แพง
- คุณภาพระดับ FHD 1080p
- เป็นเลนส์มุมกว้าง มองเห็นได้ทั่วห้อง
- ให้การมองเห็นตอนกลางคืนที่ยอดเยี่ยม
- มีตรวจจับการเคลื่อนไหวพร้อมแจ้งเตือน
- สามารถพูดคุยได้สองทาง
- ออกแบบมาให้ติดตั้งง่ายดาย
- ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา
- จัดเก็บข้อมูลแบบ MicroSD & Cloud
- แอปใช้งานง่าย
- มีระบบเสียงภาษาไทย
ข้อควรพิจารณา
- รองรับ WiFi 2.4 GHz ที่ถูกรบกวนได้ง่าย
- หากใช้วง LAN เดียวกันในการโทรหา เสียงและภาพจะไม่เสถียร
- ไม่สามารถแพนกล้องผ่านแอปได้
ซื้อเลย – ถ้าหาก
- ซื้อเลยถ้าหาก…คุณอยากได้กล้องวงจรปิดราคาเบา ๆ มอบคุณภาพระดับกลาง มีฟังก์นชั้นการใช้งานขั้นพื้นฐานที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ภาพสวยเก็บรายละเอียดได้ดีทั้งกลางวันและกลางคืน, สามารถมองสดผ่านแอป, ดูคลิปจากประวัติวิดีโอที่เก็บไว้, แจ้งเตือนทันทีเมื่อพบการเคลื่อไหว หรือการซูมได้สูงสุด 8 เท่า
- ซื้อเลยถ้าหาก…คุณอยากได้กล้องวงจรปิดสำหรับติดตามคนที่บ้าน หรือสัตว์เลี้ยง เพราะสามารถคุยได้สองทิศทาง
- ซื้อเลยถ้าหาก…คุณอยากได้กล้องวงจรปิดที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา
- ซื้อเลยถ้าหาก…คุณอยากได้กล้องวงจรปิดมีแอปใช้งานง่าย ๆ
อย่าซื้อ – ถ้าหาก
- อย่าซื้อถ้าหาก…คุณต้องการกล้องวงจรปิดมีความคมชัดระบบ 2K หรือ 4K
- อย่าซื้อถ้าหาก…คุณต้องการกล้องวงจรปิดที่สามารถแพนไปได้รอบทิศทางผ่านการควบคุมจากแอป
- อย่าซื้อถ้าหาก…คุณต้องการกล้องวงจรที่เน้นตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบติดตามตลอด เนื่องจากรุ่นนี้มันหมุนกล้องอัตโนมัติไม่ได้
บทสรุป
โดยส่วนตัวผู้เขียนก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กธรรมดาคนหนึ่ง 🤣 ที่แม้ว่าอาจจะมีความรู้ด้านเทคโนโลยีอยู่บ้าง แต่ถ้าจะให้เราต้องมาติดตั้งกล้องวงจรปิดด้วยตัวเองและจะต้องเข้าไปตั้งค่าโน้นนี่มากมาย ผู้เขียนก็ขอบายดีกว่าค่ะ 🤣
แต่ว่าหลังจากที่ได้ลองใช้กล้องวงจรปิดในบ้านของ EZVIZ รุ่น C1HC นี้แล้วต้องบอกเลยว่าความคิดเปลี่ยนไปเยอะค่ะ รู้สึกว่าตัวเองเก่งขึ้นที่ทำเรื่องแบบนี้ได้ (ฮ่าๆ) เนื่องจากการติดตั้งกล้อง การตั้งค่า หรือการเชื่อมต่อเครือข่าย และการใช้งานผ่านแอปเป็นอะไรที่ง่ายมาก ๆ ต่อให้คุณเป็นคนที่ low-tech จริง ๆ ก็สามารถเรียนและทำความเข้าใจได้ไม่นานค่ะ
ฟังก์ชันกล้องไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อน แม้ว่ามันจะมีคุณสมบัติน้อยไปหน่อย แต่ก็จัดว่าเป็นกล้องวงจรปิดภายในบ้านที่ดีอีกตัวเลยค่ะ เมื่อเทียบกับราคาแล้วผู้เขียนคิดว่าอาจจะต้องซื้อมาเพิ่มอีก 2 ตัวสำหรับไว้ส่องน้องหมาที่บ้านค่ะ 😙😙
หมายเหตุ
- หาก WiFi มีการเปลี่ยน IP ใหม่หรือรีเซตเครื่องเราเตอร คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรกับกล้องเลยค่ะ ไม่ต้องรีเซตใหม่ ไม่ต้องตั้งค่าอะไรทั้งนั้น ปล่อยไว้สัก 5 นาทีกล้องจับคู่กับ WiFi ให้เองอัตโนมัติ
- หากไฟดับ แน่นอนว่าในกรณีนี้ไม่เพียงแค่สัญญาณ WiFi หายเท่านั้น แต่มันหมายถึงแหล่งจ่ายไฟให้ตัวกล้องก็ตัดไปด้วย ซึ่งเมื่อไฟกลับมาแล้ว แต่เมื่อคุณเข้าไปในแอปแล้วมันไม่ทำงาน ก็อย่าเพิ่งตกใจรีบรีเซตเครื่องใหม่ เพราะเพียงแค่คุณปัดแอปเพื่อปิดการใช้งานและเปิดแอปใหม่อีกครั้ง เพียงเท่านี้กล้องก็จะกลับมาตามปกติแล้วค่ะ
ข้อมูลจำเพาะ – กล้องวงจรปิด EZVIZ รุ่น C1HC
กล้อง
|
วิดีโอและเสียง
|
ข้อมูลอื่น ๆ
|
ความหมายสถานะไฟ – กล้องวงจรปิด Ezviz รุ่น C1HC
|
|
วิธีติดตั้ง – กล้องวงจรปิด EZVIZ รุ่น C1HC อย่างละเอียด [สำหรับมือใหม่]
- เสียบสายไฟเข้ากับตัวกล้องและอีกด้านก็เสียบเข้าไปที่ปลั๊กไปที่ไฟ
วิธีใช้งาน กล้องวงจรปิดภายใน EZVIZ C1HC - ดาวน์โหลดแอป EZVIZ ในสมาร์ทโฟนของคุณ (Google Play / App Store)
- เปิดใช้งานแอป EZVIZ เลือกพื้นที่ให้บริการ Thailand เลือกวิธีการเข้าสู่ระบบ หรือ สร้างบัญชีใหม่
- เข้ามาในหน้าหลักของแอป EZVIZ กดเครื่องหมาย “+” ที่มุมบนขวามือ เพื่อเพิ่มอุปกรณ์กล้องวงจร
กด “สแกน QRCode” เพื่อให้แอปอ่าน QRCode ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ ซึ่งอาจจะติดอยู่ข้างกล่อง / ด้านล่างกล่อง หรืออาจอยู่ในคู่มือก็ได้ค่ะ
- เมื่อสแกนเรียบร้อย แอปจะแสดงรูปอุปกรณ์และรหัสสินค้าที่คุณต้องการเพิ่ม ว่าใช่ตัวนี้หรือไม่ จากนั้นให้คุณตรวจเช็กให้เรียบร้อยว่ามันเป็นตัวเดียวกัน และจึงกดปุ่ม “ต่อไป”
- ในขั้นตอนนี้จะเริ่มเชื่อมต่อกล้องเข้ากับสมาร์ทโฟน ซึ่งจะมีเรื่องของเครือข่ายสัญญาณ WiFi เข้ามาด้วย ให้คุณทำตามที่แอประบุในรูปเลยค่ะ จากนั้นกด “เริ่ม”
- อย่าลืมเลือกใช้ WiFi 2.4GH เท่านั้น รุ่นนี้ไม่รองรับ WiFi 5.0 จากนั้นให้คุณใส่รหัส WiFi ของตัวเองลงไปในแอป
หากการเชื่อมต่อ WiFi ถูกต้อง แอปจะถามว่าคุณต้องการ “เข้าร่วมเครือข่าย WiFi ของ EZVIZ” ไหม ให้กด “เข้าร่วม” (อ่านเพิ่มเติม Wi-Fi 2.4GHz กับ 5GHz ต่างกันอย่างไร ?) - จากนั้นให้คุณตั้งชื่อกล้องของคุณ เพื่อที่เวลาใช้งานจริง ๆ คุณจะได้จำได้ง่าย ๆ ค่ะ จากนั้นเลือกฟังกชันที่คุณต้องการให้กล้องตัวนี้ทำงาน อาทิเช่น สำนักงาน ห้องนั่งเล่น ห้องนอน เป็นต้น แล้วจึงกด “เสร็จสิ้น”
- เมื่อเพิ่มอุปกรณ์สำเร็จ แอปจะแสดงภาพที่กล้องจับได้ในตอนนั้นให้คุณเห็น จากนั้นให้คุณเลือกโซนเวลาที่ถูกต้อง และเลือกการเรียงวันที่ที่คุณอ่านได้สะดวกที่สุด จึงค่อยกด “ต่อไป”
- ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการตั้งรหัสผ่านเวลาเข้าแอป ซึ่งการตั้งรหัสต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของแอป และต้องเป็นรหัสที่คุณจำได้ อย่างไรก็ตามหากสมาร์ทโฟนของคุณรองรับการสแกนใบหน้าก็สามารถเลือกปลดล็อกแอปแบบสแกนใบหน้าได้ค่ะ
- ในกรณีที่ต้องการตั้งค่าใหม่หมด ให้กดปุ่มรีเซ็ตให้กดค้างไว้ 5 วินาที (ในขณะที่กล้องกำลังทำงาน)