ในยุคนี้ อินเทอร์เน็ตบ้าน มีการแข่งขันกันสูงมาก ๆ ครับ เนื่องจากผู้ให้บริการที่มีเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวจากในอดีต โดยเฉพาะในเรื่องของ ความเร็วอินเทอร์เน็ต ที่เป็นผลมาจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของยุคนี้ ซึ่งแน่นอนครับว่า นอกจากสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่จะต้องเร็วแรงแล้ว เทคโนโลยีของตัวส่ง และตัวรับสัญญาณ ก็จะต้องรองรับกันด้วย ดังนั้นผู้ให้บริการทุกค่ายในยุคนี้ จึงมักจะให้เรายืมเราท์เตอร์มาใช้งานแบบฟรี ๆ ทำให้เราจะได้เราเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ มาใช้งานครับ
ซึ่งถ้าใครใช้ Wi-Fi เป็นประจำก็จะสังเกตุเห็นว่า ทำไมเดี๋ยวนี้ชื่อ Wi-Fi จึงมี 2 ชื่อที่เหมือนกัน ต่างกันแค่ที่ตัวท้ายเท่านั้น ? ยกตัวอย่างเช่น BestReviewAsia_2.4GHz และ BestReviewAsia_5GHz เป็นต้น ซึ่งนี่ก็เป็นผลมาจาก เราเตอร์ที่ผู้ให้บริการ ให้มาในแพ็กเกจ จะเป็นเราเตอร์ที่รองรับเทคโนโลยีใหม่แล้วนั่นเองครับ โดยจะเรียกว่า เราเตอร์ Dual-Band ครับ ซึ่งสามารถปล่อยสัญญาณผ่านคลื่นวิทยุได้ทั้ง คลื่นความถี่ 2.4GHz และ 5GHz นั่นเองครับ เดี๋ยววันนี้เราจะไปหาคำตอบกันว่า มันต่างกันอย่างไร ? แต่ละตัวมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง ? และเราควรจะเลือกเชื่อมต่อกับคลื่นความถี่ไหนดี ? ไปหาคำตอบกันครับ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ Wi-Fi Router กันก่อนดีกว่า
เราเตอร์ (Wi-Fi Router) คืออะไร ?
|
Wi-Fi Router เปรียบเสมือนศูนย์ควบคุม ที่คอยทำหน้าที่รับส่งสัญญาณเน็ตฯ จากผู้ให้บริการ มากระจายสัญญาณต่อในวงกว้าง แต่ก่อนที่จะกระจายสัญญาณไปให้อุปกรณ์ต่าง ๆ มันจะทำการประเมิน และค้นหาเส้นทางไหนดีที่สุดก่อน เพื่อใช้ส่งสัญญาณไปที่อุปกรณ์แต่ละตัว ไม่ว่าจะเป็น มือถือ, แท็บเล็ต, โน้ตบุ๊ค, แล็ปท็อป และอื่น ๆ ซึ่งด้วยการจัดสรรที่ดีของเราเตอร์นี่เอง ช่วยให้อุปกรณ์ทุก ๆ ตัวในเครือข่ายสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ครับ |
ช่องสัญญาณ (Wi-Fi Channel) คืออะไร ?
ส่วนต่อมาที่เราต้องรู้จักคือ Channel หรือ ช่องสัญญาณ ที่เป็นพื้นฐานของการสื่อสารไร้สาย ผ่านคลื่นวิทยุครับ โดยจะรับ-ส่งสัญญาณเหมือนกับคลื่นวิทยุเลย แต่เครือข่าย Wi-Fi จะใช้คนละย่านความถี่กันครับ ซึ่งมาตรฐาน Wireless Lan ในประเทศไทยของเรา ปัจจุบันจะมีการใช้งานอยู่ 2 ย่านความถี่ ครับ คือ 2.4GHz และ 5GHz นั่นเอง ซึ่งทั้ง 2 ย่านความถี่นี้จะถูกกำหนดให้เป็นย่านความถี่เสรี ที่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานได้ โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตจาก กสทช. ครับ
และเมื่อไม่นานมานี้ทาง กสทช. ของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ Federal Communications Commission (FCC) ได้มีการออกมาประกาศเพิ่ม ย่านความถี่ 6000MHz หรือ 6GHz ให้เป็นย่านความถี่เสรีอีก 1 ย่าน ครับ เพื่อช่วยในการแก้ปัญหาช่องสัญญาณไม่เพียงพอต่อการใช้งาน และเป็นการช่วยลดความแออัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการทำงานของสัญญาณ Wi-Fi อีกด้วย เอาไว้เมื่อไหร่ที่ประเทศไทยของเรา เริ่มมีการใช้งานจริง ๆ เราจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกันอีกแน่นอนครับ
ความแตกต่างระหว่าง ความถี่ Wi-Fi 2.4GHz และ 5GHz

ในปัจจุบันมาตรฐาน Wireless, WLAN หรือ Wi-Fi สำหรับให้บริการอินเทอร์เน็ตภายในประเทศไทยเรา มันจะมีการใช้งานอยู่ 2 ย่านความถี่หลัก ๆ ครับ ได้แก่ ย่านความถี่ 2.4 GHz และย่านความถี่ 5GHz ซึ่งจากการทดสอบของเรา พบว่า ทั้ง 2 ย่านความถี่จะมีความแตกต่างกันดังต่อไปนี้ครับ
สัญญาณ | 2.4 GHz | 5 GHz |
---|---|---|
ความเร็ว Wi-Fi | สูงสุด ~300 Mbps | สูงสุด ~1 Gbps |
ระยะส่งสัญญาณ | สูงสุด ~110 ฟุต | สูงสุด ~ 90 ฟุต |
การถูกรบกวน | ถูกรบกวนได้ง่าย | ถูกรบกวนได้ยากขึ้น |
ผลกระทบจากสิ่งกีดขวาง | มีผลกระทบน้อย | มีผลกระทบมากขึ้น |
จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ | รองรับได้น้อย | รองรับได้มากขึ้น |
*หมายเหตุ ข้อมูลทั้งหมดนี้ เป็นผลที่ได้จากการทดสอบของเรา
ภาพรวม Wi-Fi บนย่านความถี่ 2.4 GHz

สำหรับสัญญาณ Wi-Fi บนย่านความถี่ 2.4 GHz จะเป็นย่านความถี่ต่ำที่มีการใช้กันมานานแล้ว โดยจะใช้ชื่อมาตรฐานว่า IEEE 802.11g/n ซึ่งในประเทศไทยของเรา จะมีช่องสัญญาณอยู่ทั้งหมด 11 แชนแนล ใช้ช่วงคลื่นความถี่ที่ 2.412GHz – 2.462GHz ครับ ซึ่งด้วยความที่ย่านความถี่นี้มีการใช้งานมานานแล้ว ทำให้มันมีปัญหาสัญญาณรบกวนกับของเพื่อนบ้านอยู่พอสมควรครับ เพราะใน 11 แชนแนลนี้ มันมีแชนแนลที่เหมาะจะให้เราใช้งานพียง 3 แชนแนลเท่านั้น คือ 1, 6 และ 11 ครับ ส่วนแชนแนลอื่น ๆ จะไม่เหมาะ เพราะคลื่นมันจะมารบกวนกันเองครับ ซึ่งหากคุณใช้งานย่านความถี่นี้อยู่ แล้วเน็ตฯ มีปัญหาบ่อย ๆ คุณก็สามารถมาเปลี่ยนไปใช้แชนแนลอื่นได้ครับ เพื่อหลีกเลี่ยงสัญญาณรบกวน
ซึ่งข้อดีของ ความถี่ 2.4GHz ก็คือ สามารถส่งสัญญาณได้ไกล ครอบคลุมพื้นที่กว้างมาก และมันยังสามารถทะลุผ่านสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย เนื่องจากมันเป็นคลื่นความถี่ต่ำ โดยในการกระจายสัญญาณหากเป็นพื้นที่โล่ง มันจะกระจายได้ไกลประมาณ 100 เมตร เลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นพื้นที่ที่มีสิ่งกีดขวาง มันจะกระจายได้ประมาณ 10 เมตร ครับ แต่มีข้อจำกัดที่สำคัญคือ ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล ที่จะค่อนข้างช้า และมีโอกาสที่จะถูกรบกวนได้ง่ายครับ
ภาพรวม Wi-Fi บนย่านความถี่ 5 GHz

ส่วน Wi-Fi บนย่านความถี่ 5GHz จะมีช่องสัญญาณมากขึ้นประมาณ 25 ช่องสัญญาณ ครับ ซึ่งมีมากกว่าย่านความถี่ 2.4GHz เป็นเท่าตัว ช่วยให้ในการใช้งานแทบจะไม่ทับซ้อนกันเลยครับ อีกทั้งย่านความถี่ 5GHz ยังสามารถรับ-ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง โดยสูงกว่าย่านความถี่ 2.4GHz มากถึง 3 เท่าตัว เลยทีเดียวครับ ทำให้เราสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว ไม่สะดุด
แต่ข้อเสีย คือ ประสิทธิภาพในการกระจายสัญญาณ จะค่อนข้างต่ำครับ ซึ่งถ้าเทียบกับ ย่านความถี่ 2.4GHz ในด้านการทะลุผ่านสิ่งกีดขวาง ย่านความถี่ 5GHz จะทำได้ต่ำกว่ามาก ส่งผลให้มันสามารถกระจายสัญญาณได้ดีในระยะใกล้ ๆ เท่านั้น ดังนั้นถ้าคุณใช้งานอยู่ใกล้ ๆ กับเราเตอร์ แน่นอนครับย่านความถี่ 5GHz จะดีกว่ามาก แต่หากคุณออกไปใช้งานหน้าบ้าน หรือเข้าไปใช้งานในห้องที่อยู่ไกลจากเราเตอร์ ย่านความถี่ 2.4GHz ก็จะใช้งานได้ดีกว่าครับ
เราควรเลือกใช้ความถี่ใด ระหว่าง 2.4GHz กับ 5GHz ?

อย่างที่ได้บอกไปครับว่า ย่านความถี่ 2.4GHz สัญญาณจะกระจายได้ไกลกว่า ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า ทั้ง ในที่โล่ง และในที่ที่มีสิ่งกีดขวางเยอะ ๆ แต่จะไปพร้อมกับความเร็วการรับ-ส่งข้อมูลที่ต่ำ ในขณะที่ ย่านความถี่ 5GHz จะให้ความเร็วการรับ-ส่งข้อมูลที่รวดเร็วกว่า ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่สัญญาณจะครอบคลุมพื้นที่ได้แคบกว่าครับ ดังนั้นคำถามว่าเราจะต้องเลือกเชื่อมต่อกับย่านความถี่ไหนดี ระหว่าง 2.4GHz หรือ 5GHz ? คำตอบจะขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และวิธีการที่เราใช้ Wi-Fi
ซึ่งก็ง่าย ๆ เลยครับ ถ้าหากคุณอยู่ใกล้กับเราเตอร์มาก ๆ และอุปกรณ์ของคุณรองรับย่านความถี่ 5GHz แล้ว คุณก็สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi กับย่านความถี่ 5GHz ได้เลย คุณก็จะได้อัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่รวดเร็ว ตอบโจทย์มาก ๆ กับการอัปโหลดไฟล์ขนาดใหญ่ ๆ เล่นเกมออนไลน์ หรือดูหนังความละเอียดสูง ๆ สัญญาณของย่านความถี่ 5GHz ก็จะให้คุณใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุดเลยค่ะ แต่เมื่อไหร่ที่คุณออกห่างจากเร้าเตอร์ สัญญาณเน็ตของคุณจะมีปัญหาทันที
บทสรุป

ความถี่ Wi-Fi 2.4 GHz : เหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่อยู่ไกลจากเราเตอร์ครับ เพราะความถี่ 2.4GHz ได้รับผลกระทบจากสิ่งกีดขวางน้อยครับ ช่วยให้สัญญาณสามารถทะลุผ่านประตู หน้าต่าง หรือกำแพง ได้ดีกว่า แต่ด้วยความเร็วที่น้อยกว่า มันจึงเหมาะจะใช้เล่นโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการความเร็วเน็ตฯ มากนัก
ความถี่ Wi-Fi 5 GHz : เหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ ๆ กับเราเตอร์ครับ เพราะความถี่ 5GHz จะได้รับผลกระทบจากสิ่งกีดขวางมากกว่า เนื่องจากสัญญาณสามารถเดินทางผ่านประตู หน้าต่าง หรือกำแพงได้น้อย ทำให้มีระยะการเชื่อมที่สั้นกว่าครับ แต่มันสามารถรองรับความเร็วอินเตอร์เน็ตได้สูงกว่า ดังนั้นมันจึงเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความเร็วเน็ตสูง ๆ ด้วย
ปกติแล้ว เมื่อคนส่วนใหญ่เห็น ความถี่ 2.4GHz และ ความถี่ 5GHz ก็มักจะคิดว่า ความถี่ 5GHz มันสามารถให้สัญญาณเน็ตฯ ที่มีความเร็วมากกว่า ซึ่งก็เป็นความจริงครับ แต่ทุกคนมักจะลืมนึกถึงระยะการเชื่อมต่อ ทำให้ไม่ว่าอุปกรณ์จะอยู่ห่างกับเราเตอร์มากแค่ไหน ทุก ๆ คนก็พยายามจะเชื่อมต่อความถี่ 5GHz ให้ได้ ซึ่งผลก็คือ สัญญาณเน็ตฯ ที่ขาด ๆ หาย ๆ และหลุดเป็นว่าเล่นครับ ดังนั้นเมื่อเพื่อน ๆ ได้รู้จักกับ ความถี่ 2.4GHz / 5GHz กันไปแล้ว เพื่อน ๆ ก็จะสามารถเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมครับ ผลที่ได้ก็คือ ปัญหาสัญญาณเน็ตฯ ขาด ๆ หาย ๆ เน็ตฯ สะดุด เน็ตฯ หลุด ฯลฯ ก็จะหายไปครับ ช่วยให้ใช้งานเน็ตฯ ได้ดีมากขึ้น