Samsung Galaxy A13 5G สมาร์ทโฟน 5G น้องเล็ก แต่สเปกจัดเต็ม เล่นลื่น ๆ ด้วยจอ 6.5 นิ้ว 90Hz พร้อมกล้องหลัง 50MP ในราคา 6,999 บาท
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.0 เต็ม 10
|
|
เมื่อนึกถึงแบรนด์มือถือยักษ์ใหญ่ที่ครองตลาดมานาน เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนจะต้องนึกถึงซัมซุง (Samsung) เป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน เพราะเป็นแบรนด์ที่มีมือถือหลายรุ่น หลายราคา แถมออกรุ่นใหม่มาทุกปี ซึ่งในปีนี้ก็ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนจอพับได้อย่าง Galaxy Z Series ใหม่ที่หลาย ๆ คนรอคอย นอกจากนั้นซัมซุงก็ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนน้องเล็กตัวใหม่ออกมาด้วย นั่นก็คือ Galaxy A13 5G มือถือ 5G รุ่นเล็กสุด ที่มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ หน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว แสดงผลได้อย่างลื่นไหล ด้วยรีเฟรชเรท 90Hz พร้อมขุมพลังจากชิปฯ Dimensity 700 และกล้อง 50MP ใน ราคาเพียง 6,999 บาท เท่านั้นครับ !
แค่สเปกคร่าว ๆ ของ Samsung Galaxy A13 5G ก็นับว่า เป็นมือถือรุ่นใหม่ที่น่าสนใจมากครับ ด้วยสเปกที่ครบเครื่อง แถมยังเป็นมือถือ 5G ที่มีราคาย่อมเยา ซึ่งถ้าดูในตลาดมือถือ ที่ช่วงงบไม่เกิน 7 พันบาท เราจะเห็นเลยว่า มันมีอยู่แค่ไม่กี่รุ่นเท่านั้น ที่รองรับ 5G ดังนั้นในวันนี้เราเลยจะขอพาเพื่อน ๆ มาเจาะลึกรายละเอียดต่าง ๆ สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนซื้อเจ้ารุ่นนี้ รวมไปถึงสรุปข้อดีข้อเสียของ Galaxy A13 5G หลังจากที่เราได้เล่นมาสักพักแล้ว มาดูกันครับว่า มันจะคุ้มค่า คุ้มราคาจริง ๆ รึเปล่า ? และเหมาะจะใช้งานด้านไหนที่สุด ?
Samsung Galaxy A13 5G Highlight มือถือ 5G รุ่นใหม่ตัวเริ่มต้น ที่ดีกว่า เร็วกว่า ในราคาเบา ๆ

Samsung Galaxy A13 5G สมาร์ทโฟนรุ่นเล็กสุดในตระกูล A Series ที่มาพร้อมกับระบบ 5G ทำให้นี่กลายเป็นสมาร์ทโฟน 5G จากซัมซุง ที่มีราคาถูกที่สุดครับ และต่อไปนี้ก็คือ ไฮไลท์ทั้งหมดที่มีในรุ่นนี้ครับ
- สมาร์ทโฟน 5G ที่มีราคาย่อมเยาที่สุด ของ Samsung
- หน้าจอ Infinity-V (PLS TFT LCD) ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว รองรับค่า Refresh Rate 90Hz ให้ภาพที่ลื่นไหล
- ชิปประมวลผล Octa-Core MediaTek Dimensity 700 5G ที่ประมวลผลรวดเร็ว ทำงานได้หลากหลาย
- หน่วยความจำแรม RAM ขนาด 4GB และ ROM ขนาด 64GB พร้อมรองรับหน่วยความจำภายนอก microSD สูงสุด 1TB
- กล้องด้านหลัง 3 เลนส์ (Triple Camera) ได้แก่ เลนส์หลัก 50 ล้านพิกเซล (f1.8), เลนส์ Depth 2 ล้านพิกเซล (f2.4) และเลนส์ Macro 2 ล้านพิกเซล (f2.4) ที่ถ่ายภาพได้ดี โดยเฉพาะการถ่ายในที่ที่มีแสง
- แบตเตอรี่ความจุมากถึง 5,000 mAh ใช้งานได้นานสูงสุด 2 วัน พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว (Fast Charging) 15 วัตต์
- ระบบปฏิบัติการ One UI 4.1 บนพื้นฐาน Android 12 ที่มี UI สวยงาม แถมยังลื่นไหล และใช้งานง่าย
- ระบบความปลอดภัย มีทั้ง ระบบจดจำใบหน้า และเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง (Side Fingerprint)
- รองรับการเชื่อมต่อด้วย USB Type-C
ข้อมูลจำเพาะ
|
|
อุปกรณ์ภายในกล่อง
|
ดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่าย แต่ดูพรีเมี่ยม

เรามาเริ่มกันที่ดีไซน์กันก่อนเลย สำหรับดีไซน์ตัวเครื่องของ Galaxy A13 5G จะมาในแบบเรียบหรูครับ โดยขนาดบอดี้ของรุ่นนี้จะอยู่ที่ 164.5 × 76.5 × 8.8 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 195 กรัมเท่านั้น ซึ่งขอบ ๆ ตัวเครื่องยังคงมีดีไซน์แบบโค้งมนเล็กน้อย ยังไม่ได้เป็นแบบเหลี่ยม ๆ ตามกระแสสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ช่วยให้การจับถือกระชับ ถนัดมือดีครับ
หน้าจอแสดงผล

ส่วนหน้าจอแสดงผล รุ่นนี้ใช้หน้าจอหยดน้ำ รูปตัว V พาแนล PLS LCD (หรือจอ IPS ที่เรารู้จักกัน) มีขนาดใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ ที่ให้ภาพที่คมชัด สีสันสดใส และจุดเด่นคือ อัตราการรีเฟรช 90 เฮิรตซ์ (Refresh rate 90Hz) ทำให้ภาพดูสมูท และลื่นไหลมากยิ่งขึ้นครับ

โดยที่ขอบจอด้านบนจะติดตั้งลำโพงสนทนา ถัดลงมาเป็นกล้องหน้า Infinity-V ครับ แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ไม่มีเซ็นเซอร์วัดแสงมาให้ ทำให้มันไม่มีการปรับแสงหน้าจออัตโนมัติครับ ซึ่งจุดนี้กระทบการใช้งานค่อนข้างมาก โดยเฉพาะคนที่เดินทางบ่อย ๆ ที่ต้องเข้าในร่ม สลับออกมากลางแจ้ง เพราะเราจะต้องคอยปรับแสงหน้าจอเองเองครับ

ส่วนด้านหลังตัวเครื่อง Galaxy A13 มาพร้อมดีไซน์แบบเรียบ ๆ ครับ ไม่มีการเล่นสี หรือเล่นแสงเงาใด ๆ ทั้งสิ้น เน้นความเรียบง่าย ซึ่งจะมีให้เลือก 2 สี ครับ ได้แก่ สีฟ้าอ่อน (Light blue) และสีดำ (Awesome black) ช่วยให้ตัวเครื่องดูสบายตา ส่วนกล้องถ่ายภาพด้านหลัง มันถูกทำให้นูนขึ้นมาเล็กน้อยครับ

จัดเรียงเป็นแถว 3 เลนส์ เหมือนกับพวกเรือธงอย่าง Galaxy S22 Series เลย โดยจะประกอบด้วย เลนส์หลัก, เลนส์มาโคร และเลนส์ชัดลึก ครับ ซึ่งน่าเสียดายมาก ๆ ที่มันไม่มีเลนส์ไวด์มาให้ ดังนั้นคนที่ชื่นชอบถ่ายภาพมุมกว้าง อาจะไม่ถูกใจสิ่งนี้ ส่วนไฟแฟรช จะให้มา 1 ดวง ซึ่งจะอยู่ข้าง ๆ กับเลนส์กล้องครับ

ในส่วนขอบตัวเครื่อง ถูกออกแบบให้มีความโค้งมน โดยบางเพียง 8.8 มม. เท่านั้น ช่วยให้การจับถือมีความกระชับ สบายมือ ซึ่งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มพาวเวอร์ จะถูกรวบรวมไว้ที่ขอบด้านขวาของเครื่องครับ พร้อมกับใส่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ไว้ในปุ่มพาวเวอร์ด้วย ส่วนฝั่งซ้ายจะมีแค่สล็อตใส่ซิมแบบ Triple-slot ครับ ซึ่งรองรับซิมการ์ดได้ 2 ซิม และ MicroSD card ที่รองรับความจุได้สูงสุดถึง 1TB เลยทีเดียว ทำให้ถึงแม้ความจำเครื่องของรุ่นนี้จะน้อย มันก็หายห่วงไปได้เลยครับ

โดยขอบด้านบนของตัวเครื่อง จะมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ส่วนขอบเครื่องด้านล่าง จะเป็นที่ติดตั้งรูไมโครโฟนที่ใช้ในการรับเสียงของเราในการสนทนาครับ ซึ่งข้าง ๆ กันก็จะมีทั้ง พอร์ตชาร์จ USB type-C, แจ็ค 3.5 มม. สำหรับใช้เสียบหูฟังแบบมีสาย (ซึ่งรุ่นนี้มีหูฟังให้ในกล่อง) และลำโพงอีก 1 ตัว ครับ ซึ่งนี่เป็นอีกจุดที่น่าเสียดายมาก ๆ ดังนั้นมันหมายความว่ารุ่นนี้ยังไม่รองรับเสียง Stereo ครับ ทำให้อรรถรสในการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม มันก็จะลดน้อยลง โดยเฉพาะเมื่อเราถือเครื่องในแนวนอน เพราะมือเราจะไปปิดลำโพง ส่งผลให้เสียงไม่ออกนั่นเอง
ระบบปฏิบัติการ One UI Core 4.1

สำหรับระบบปฏิบัติการของ Samsung Galaxy A13 5G เป็น One UI Core 4.1 พัฒนาบนพื้นฐาน Android 12 โดยได้มีการปรับปรุง และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้ามา ทำให้รุ่นนี้มีลูกเล่นต่าง ๆ ของ Samsung เกือบจะครบเลยล่ะครับ รวมถึงทางลัดพิเศษ ที่ขอบของหน้าจอ และความสามารถในการเปิดแอพฯ ในหน้าต่างขนาดเล็ก สำหรับการทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน
แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่า ก็คือ ตัวซอฟต์แวร์ ครับ โดยทางซัมซุงได้มีการสัญญาเอาไว้ว่า Galaxy A13 5G จะได้อัปเดทแพตช์ด้านความปลอดภัยยาวนานถึง 4 ปี เลยทีเดียว ซึ่งเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับมือถือระดับเรือธงของ Samsung แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ๆ ที่มือถือรุ่นเริ่มต้นแบบนี้ จะได้รับการสนับสนุนที่ดีแบบนี้เช่นกัน
การใช้งานทั่วไป – ทำได้อย่างลื่นไหล

สำหรับการใช้งานทั่ว ๆ ไป ถือเป็นพื้นฐานของสมาร์ทโฟนในยุคนี้แล้วครับ ฉะนั้นเนี่ยมันสามารถใช้งานทั่ว ๆ ไปได้อย่างลื่นไหลแน่นอนครับ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเล่นโซเชียลมีเดียต่าง ๆ, การดูหนัง ดูซีรี่ส์, การฟังเพลง หรือการใช้งานแอปพลิเคชั่นต่าง ๆรุ่นนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีครับ เนื่องด้วยจอ IPS ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว อัตรารีเฟรชเรท 90Hz ช่วยให้การใช้งาน ดูลื่นไหล สบายตา

แถมขุมพลังที่ใช้ในการทำงานต่าง ๆ โดยเฉพาะการดูหนังและดูซีรี่ส์ ได้มาจากชิปเซ็ต Dimensity 700 5G ซึ่งได้รับการรับรอง Widevine DRM L1 มาด้วย ส่งผลให้มันสามารถสตรีมภาพที่มีความละเอียดสูง ๆ ได้สบาย ๆ ครับ ฉะนั้นในเรื่องความเร็ว ความสมูทของภาพ เพื่อน ๆ ไม่ต้องห่วงเลยครับ แต่ข้อจำกัดอย่างนึงคุณต้องรู้ไว้คือ ถึงแม้ชิปเซ็ตจะรองรับภาพที่ความละเอียดสูง ๆ ได้ แต่หน้าจอของรุ่นนี้ มีความละเอียด 720p หรือระดับ HD+ เท่านั้น นะครับ
Widevine DRM L1 คืออะไร ?
เพื่อน ๆ ต้องเข้าใจก่อนว่าหนังทุกเรื่อง รวมถึงเพลงทุกเพลงที่เราได้ดู ได้ฟัง ผ่านแอปฯ สตรีมมิ่งต่าง ๆ เช่น Netflix, HBO Go, Disney+ และอื่น ๆ ล้วนมีเจ้าของผลงานอยู่ ดังนั้นจะต้องมีการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ โดยใช้เทคโนโลยี Digital Rights Management (DRM) เข้ามาช่วยป้องกันไม่ให้มีการทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต
ดังนั้นสรุปง่าย ๆWidevine DRM L1 ก็คือหนึ่งในแพลตฟอร์มป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ที่แอปฯ สตรีมมิ่งนิยมใช้กันนั่นเองครับ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Google ครับ
สรุป การใช้งานทั่วไป
ด้วยสเปกทั้งหมดที่ Galaxy A13 5G มีมาให้ก็ต้องบอกเลยครับว่า มันสามารถใช้งานทั่วไปได้สบาย ๆ เลยล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็น การดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเซียล หรือแม้การแต่งรูปเพื่อน ๆ สามารถใช้ได้อย่างลื่นไหลอย่างแน่นอน แต่ติดอยู่อย่างเดียวก็คือหน้าจอครับ ดังนั้นถ้าเพื่อนคนไหนไม่ได้ซีเรียสเรื่องคุณภาพของภาพมากนัก ในภาพรวมของเจ้ารุ่นนี้ก็ถือว่า ทำได้ดีเลยล่ะครับ
การเล่นเกม

อีกหนึ่งการใช้งานที่หลาย ๆ คนอยากรู้ถึงประสิทธิภาพของ Galaxy A13 5G เครื่องนี้ก็คือ การเล่นเกม ซึ่งได้รับพลังจากชิปฯ Dimensity 700 ชิปฯ ยอดฮิตของมือถือ 5G ระดับ Entry-Level ซึ่งถึงแม้จะเป็นชิปเริ่มต้นของ MediaTek แต่ samsung ได้นำมาพัฒนาและปรับแต่งซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ทำให้การเล่นเกมที่มีกราฟฟิกกลาง ๆ มีความลื่นไหลอยู่พอสมควรเลย สามารถเล่นเกมยอดฮิตต่าง ๆ ในปัจจุบันได้เกือบทุกเกมครับ แม้หน่วยความจำจะให้มาเพียง 4GB+64GB เท่านั้น เว้นก็แต่เกมฟอร์มยักษ์ ที่กินสเปกหนักจริง ๆ มันก็จะมีอาการกระตุกให้เห็นครับ

โดยในส่วนของการเล่นเกม ทาง samsung ได้ใส่ Game Launcher มาให้ครับ ซึ่งเป็นแอปฯ ที่เหมือนกับ Hub กลาง ของเกมที่มีบนตัวเครื่อง โดยภายในก็จะมีฟีเจอร์เด็ด ๆ อย่าง Game Booster ที่เข้ามาเร่งประสิทธิภาพตัวเครื่องสำหรับการเล่นเกม ซึ่งเราสามารถจะปรับแต่งกราฟฟิก และใช้ดูประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องได้ และยังมี Discord แอปฯ พูด-คุยยอดนิยมรวมอยู่ด้วย ดังนั้นต้องยอมรับเลยครับว่า แอปฯ นี้ของ samsung ถือเป็นจุดเด่นจริง ๆ ช่วยให้เราทำอะไร ๆ ได้มากกว่าแบรนด์อื่น ๆ

ซึ่งหลังจากที่เราได้นำมาลองเล่นเกมต่าง ๆ มาระยะนึงแล้ว เราก็พบว่าเกมที่เจ้า Galaxy A13 5G ทำได้ดี และสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล จะครอบคลุมเกมดัง ๆ ได้ทั้งหมดครับ ไม่ว่าจะเป็น RoV, Free Fire รวมไปถึง PUBG Mobile ครับ โดยเราได้ใช้เจ้ารุ่นนี้เล่นต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าน่าประทับใจมาก ๆ ครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นเกมที่ใช้กราฟฟิกเยอะขนาดไหน จังหวะบวกกันหนัก ๆ ค่า fps ที่ได้ ก็ค่อนข้างนิ่งครับ ซึ่งถึงแม้ว่าในบางจังหวะ จะมีอาการกระตุกให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เราหัวร้อนครับ
สรุป การเล่นเกม
เพราะฉะนั้นภาพรวมของ Galaxy A13 5G ในด้านการเล่นเกม ถือว่าเล่นได้ครับ แต่ถ้าเป็นเกมใหญ่ ๆ ที่มีกราฟฟิกสูง ๆ แนะนำให้เพื่อน ๆ ตั้งค่ากราฟฟิกแค่กลาง ๆ ก็พอ หรือต่ำไปเลยก็ดีครับ เพื่อให้ได้เฟรมเรทในระดับที่กำลังดี แค่นี้ภาพก็สวยและลื่นหัวแตกแล้ว ช่วยให้เพื่อน ๆ ใส่กันอย่างสนุกแน่นอนครับ และเมื่อบวกกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่จุใจ มันทำให้รุ่นนี้ เหมาะกับเกมเมอร์มากยิ่งขึ้นไปอีกครับ
การถ่ายภาพ

มาต่อกันในส่วนของการถ่ายภาพกันบ้างครับ ซึ่ง Galaxy A13 5G ก็ไม่ได้ตัดสเปกในส่วนนี้ออกไป ซึ่งยังคงมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 เลนส์ ได้แก่ เลนส์หลัก ความละเอียด 50MP เลนส์มาโคร (Macro) 2MP และเลนส์ชัด-ลึก (Depth) 2MP ในส่วนกล้องหน้า หรือกล้องเซลฟี่ มีความละเอียดอยู่ที่ 5MP ครับ พร้อมกับด้วยฟีเจอร์ในการถ่ายภาพ อีกมากมายครับ ซึ่งหลังจากที่เรา ได้หยิบเอาออกไปถ่ายภาพในสถานการณ์ต่าง ๆ เราก็ต้องยอมรับเลยครับว่า เลนส์หลักที่ให้ความละเอียดมา 50MP มันสามารถใช้ถ่ายภาพได้ในหลายสถานการณ์เลยทีเดียวครับ ทั้ง ในที่ที่มีแสงเยอะ ถ่ายย้อนแสง หรือแม้กระทั่งถ่ายในที่แสงน้อย เจ้ารุ่นนี้ทำออกมาได้ดีครับ ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ คนไหนชื่นชอบการถ่ายภาพ กล้องหลังรุ่นนี้ ถือว่าทำออกมาดีเลย
ส่วนกล้องหน้าของ Galaxy A13 จะไม่ได้เน้นมากนักครับ ให้ความละเอียดมาที่ 5MP ทำให้เวลาถ่ายเซลฟี่ มันจะทำได้ดีก็ต่อเมื่อ เราถ่ายตอนที่มีแสงมากพอครับ แต่ถ้าถ่ายภาพในที่ที่มีแสงน้อย ๆ ภาพจะเกิดนอยส์ค่อนข้างเยอะ ดังนั้นถ้าหากว่าเพื่อน ๆ ต้องการถ่ายภาพในที่แสงน้อย เราขอแนะนำให้ใช้กล้องหลังจะดีกว่า ในส่วนฟีเจอร์ละลายหลังหรือหน้าชัดหลังเบลอนั้นก็เรียกได้ว่า Samsung ทำออกมาได้ค่อนข้างเนียนเลย อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ ไม่มากไม่น้อย และมันไม่กินเข้าไปในตัวแบบด้วย นับว่าทำได้น่าพอใจครับ สำหรับมือถือในงบ 7,000 บาท
ตัวอย่างภาพจากกล้องของ Galaxy A13 5G
|
|
|
|
|
|
สรุป การถ่ายภาพ
สำหรับกล้องถ่ายภาพของ Galaxy A13 5G นั้น เราสามารถนำไปใช้ถ่ายภาพได้จริง ๆ ครับ ทั้ง กล้องหน้า และกล้องหลัง เลย แต่ในบางสถานการณ์เท่านั้น ภาพที่ถ่ายออกมาบางภาพ มันอาจจะถูกปรับแต่งเยอะจนเราดูออกครับ ดังนั้นรุ่นนี้จึงเหมาะกับคนที่เน้นถ่ายภาพทั่ว ๆ ไปครับ ไม่ได้ซีเรียสว่า ภาพที่ออกมาจะต้องสวยเป๊ะทุกภาพ
ความจุแบตเตอรี่ และระยะเวลาการชาร์จ

เพื่อน ๆ คนไหนที่เคยใช้สมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy A series มาก่อน คงรู้ดีอยู่แล้วว่า สมาร์ทโฟนในตระกูลนี้หลาย ๆ รุ่นจะมีจุดเด่นอยู่ที่ ความอึดของแบตเตอรี่ ครับ ซึ่ง Galaxy A13 5G ก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ โดยมันมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ที่มีความจุมากถึง 5,000mAh ทำให้ในการใช้งานทั่วไป มันสามารถใช้ได้นานถึง 2 วันกว่า ๆ เลยทีเดียว
โดยในการทดสอบของเรา เราได้นำมาดู YouTube ต่อเนื่อง 1 ชม. โดยใช้แสงสว่างหน้าจอ 50% และเปิดระดับเสียงไว้ที่ 80% ครับ ซึ่งถือเป็นระดับที่ผู้คนส่วนใหญ่ มักจะใช้งานกันอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว และในระหว่างนี้เราได้มีการสลับไปใช้แอปฯ อื่น ๆ ด้วย ทั้ง เล่น Facebook ดู instagram ไถ Tiktok รวมถึงมีการถ่ายรูปเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย ซึ่ง 1 ชั่วโมงที่เราใช้งานทั้งหมดนี้แบตเตอรี่ลดไปแค่ 5-6% เท่านั้นครับ ซึ่งถือว่า เป็นผลลัพธ์ที่น่าประทับใจมาก ๆ

แต่สิ่งที่เพื่อน ๆ ต้องนำมาพิจารณาด้วย ก็คือ การชาร์จ ครับ เพราะ Galaxy A13 5G ยังคงใช้เทคโนโลยีชาร์จไว Samsung Adaptive Fast Charging 15W ซึ่งใช้งานมายาวนานมาก ๆ ครับ โดยเมื่อก่อนให้มาในเรือธงรุ่นต่าง ๆ ตั้งแต่ Galaxy S8-S9 มาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นข้อดีคือ เราสามารถมั่นใจในความปลอดภัยของมันได้ครับ แต่ข้อเสียก็คือ มันสามารถชาร์จด้วยอัตราการชาร์จสูงสุดได้เพียง 15 วัตต์ เท่านั้น ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จ ถือว่าช้าครับ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ในระดับราคาใกล้ ๆ กัน
แต่ถ้าถามว่า มันส่งผลต่อการใช้งานมากน้อยแค่ไหน ? มันก็ไม่ขนาดนั้นครับ เพราะผลที่ได้จากการทดสอบการชาร์จของเรา ไม่ได้น่าเกลียดเลย ซึ่งเราได้ลองจับเวลาการชาร์จตั้งแต่เริ่มต้น โดยเริ่มชาร์จตั้งแต่แบตฯ อยู่ที่ 0% พบว่า เมื่อชาร์จทิ้งไว้ 30 นาทีแบตฯ เพิ่มขึ้นเป็น 26% ครับ เมื่อผ่านไป 1 ชั่วโมง 30 นาที แบตฯจะเพิ่มขึ้นเป็น 80% และเมื่อชาร์จจนเต็ม 100% เราพบว่ามันใช้เวลาไปทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 28 นาที ครับ ซึ่งไม่ได้เร็ว และก็ไม่ได้ช้าจนเกินไปครับ ดังนั้นเพื่อน ๆ คนไหนเป็นคนขี้ลืม แนะนำให้หาพาวเวอร์แบงค์มาพกสักหนึ่งตัวครับ
ความคุ้มค่าในการซื้อ Samsung Galaxy A13 5G
|
![]()
|
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.2 เต็ม 10
สรุปข้อดี และข้อด้อย ของ Samsung Galaxy A13 5G
→ ข้อดี
- ตัวเครื่องเป็นยูนิบอดี้ที่เรียบง่าย แต่ดูสวยงาม ดีไซน์แบบไร้รอยต่อ
- นับเป็นมือถือ 5G ที่มีราคาไม่สูงจนเกินไป
- หน้าจอขนาดใหญ่กำลังดี มีความสว่าง และมีสีสันที่เหมาะสม
- หน้าจอรองรับ Refresh Rate 90Hz ช่วยให้แสดงผลได้อย่างลื่นไหล
- ลำโพงถือว่า เสียงดี และค่อนข้างดัง ถึงแม้จะเป็นลำโพงเดี่ยว
- การถ่ายภาพ และบันทึกวิดีโอ ในเวลากลางวัน หรือในที่ที่มีแสงเพียงพอ ทำได้ดีมาก ๆ
- มีระบบความปลอดภัยแยกต่างหาก รองรับทั้ง สแกนหน้า และสแกนนิ้ว
- รองรับทั้ง แจ็ค 3.5 มม., microSD และ NFC
- มีแอปพลิเคชั่น Game Launcher ช่วยเสริมประสิทธิภาพการเล่นเกม
- รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์นานถึง 4 ปี ซึ่งนานพอ ๆ กับเรือธงเลย
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4.1 ที่สวยงาม พร้อมคุณสมบัติมากมาย
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุดถึง 2 วัน
→ ข้อที่ควรพิจารณา
- หน้าจอประสิทธิภาพต่ำกว่ามาตรฐาน โดยมีความละเอียดอยู่ที่ HD+ เท่านั้น
- วัสดุบอดี้ ดูเป็นพลาสติกอ่อน ผิวมันวาว ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย
- ไม่มีเซ็นเซอร์วัดแสงโดยรอบ ทำให้ไม่มีการปรับแสงหน้าจออัตโนมัติ เราต้องปรับเอง
- ใช้ลำโพงเดี่ยว ทำให้เวลาจับมือถือ มือเราอาจจะไปอุดช่องลำโพง ทำให้เสียงไม่ออกได้
- กล้องหลังมี 3 เลนส์ก็จริง แต่เลนส์ที่สามารถถ่ายภาพให้ออกมาสวยได้ มีแค่เลนส์หลัก 50MP
- ยังคงใช้เทคโนโลยีชาร์จแบบเก่า ที่รองรับการชาร์จไวที่ 15W เท่านั้น
ซื้อเลย – ถ้าหาก
- ซื้อเลย-ถ้าหาก คุณต้องการมือถือ 5G ราคาเบา ๆ : โดยรุ่นนี้เป็นมือถือ 5G ที่ถูกที่สุดของซัมซุงครับ ซึ่งถึงแม้จะถือเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่ฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ให้มา ยังคงรอบด้านเลยครับ ครอบคลุมทุกการใช้งานได้อย่างแน่นอน
- ซื้อเลย-ถ้าหาก คุณต้องการมือถือที่ถ่ายภาพสวย : ถึงแม้กล้องหน้า และกล้องหลัง 3 เลนส์ ของ Galaxy A13 5G จะเป็นกล้องธรรมดา แต่ซอฟต์แวร์ของซัมซุง จะให้ภาพที่คุณประทับใจอย่างแน่นอน นับเป็นหนึ่งในกล้องมือถือที่ดีที่สุดในระดับราคานี้
- ซื้อเลย-ถ้าหาก คุณเป็นแฟนตัวยของ Samsung : ระบบปฏิบัตการ One UI Core 4.1 ที่ครอบทับ Android 12 เป็นหนึ่งใน UI ที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ครับ มีทั้ง ความสวยงาม การใช้งานที่เรียบง่าย สมูท แถมยังให้การปรับแต่งอีกมากมาย
อย่าซื้อ – ถ้าหาก
- อย่าซื้อ-ถ้าหาก คุณต้องการประสิทธิภาพสูงสุด : รุ่นนี้จะใช้โปรเซสเซอร์ 5G ตัวเริ่มต้น และให้ RAM / ROM มาที่ 4GB/64GB ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยครับ เมื่อเทียบกับมือถือสัญชาติจีน ทำให้การใช้งานหนัก ๆ โดยเฉพาะการเล่นเกม ที่ต้องการทรัพยากรเยอะ ๆ อาจจะกระตุกได้
- อย่าซื้อ-ถ้าหาก คุณต้องการการชาร์จภายในครึ่งชั่วโมง : รุ่นนี้ยังคงใช้เทคโนโลยีการชาร์จไวรุ่นเก่า ที่จ่ายไฟได้สูงสุดแค่ 15 วัตต์ ทำให้มันต้องใช้เวลาชาร์จนานกว่ารุ่นอื่น ๆ
- อย่าซื้อ-ถ้าหาก คุณต้องการฟังก์ชันเสริมระดับพรีเมียม : รุ่นนี้ยังขาดสิ่งพิเศษบางอย่างที่คุณอาจมองหา ทั้ง การป้องกันน้ำ หรือการชาร์จแบบไร้สาย
สรุป Samsung Galaxy A13 5G คุ้มไหมที่จะซื้อ ?
ก็จบกันไปแล้วครับ กับการรีวิว Samsung Galaxy A13 5G สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อีกหนึ่งรุ่น ที่น่าจับตามอง ซึ่งครั้งนี้ Samsung ได้ลงมาบุกตลาดมือถือ 5G ในระดับ Entry Level โดยเปิดตัวมาที่ราคา 6,990 บาท เท่านั้นครับ ทำให้รุ่นนี้กลายเป็นมือถือ 5G ที่มีราคาถูกที่สุดของซัมซุง ซึ่งตัวที่เรานำมารีวิวในครั้งนี้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวออกมา ในปี 2022 นี้ครับ ซึ่งทำมาให้กับคนที่ต้องการความรวดเร็วในการเชื่อมต่อและสนใจจะใช้ 5G โดยเฉพาะ

ซึ่งหลังจากที่เราได้ใช้งานมาระยะนึง ส่วนตัวรู้สึกชอบระบบและซอฟต์แวร์ ของรุ่นนี้มากครับ เพราะมันทั้ง สวยงาม ใช้งานง่าย แถมยังลื่นไหลสุด ๆ ส่วนกล้องที่ถึงแม้จะธรรมดา ๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่มันก็ใช้งานได้จริง ๆ ครับ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่จอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว ที่มีอัตรารีเฟรชที่ 90Hz ช่วยให้ภาพที่ลื่นไหลไม่สะดุด ทำให้รุ่นนี้จะตอบโจทย์ได้ทั้ง การดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกมเลยครับ ถ้าใครที่กำลังมองหามือถือ 5G ราคาประหยัดสักรุ่นนึง ที่สเปกลื่นไหล ฟังก์ชันครบ อัพเดทได้อีกหลายปี และที่สำคัญมีศูนย์บริการอยู่ทั่วประเทศ รุ่นนี้เหมาะมาก ๆ ครับ