สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือ “ภาคอีสาน” กันต่อนะคะ เมื่อพูดถึงจังหวัดทางภาคอีสาน บอกเลยว่ามีเยอะมาก แต่จะมีจังหวัดไหนบ้างที่น่าสนใจเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีจุดเด่นของแต่ละสถานที่ต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น นครพนม, อุดรธานี, นครราชสีมา หรือ ขอนแก่น ซึ่งในปัจจุบันแต่ละจังหวัดจะดึงเอาจุดเด่นของจังหวัดตัวเองมาดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวมากขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมทางด้านการท่องเที่ยวและให้ประชาชนในจังหวัดได้มีรายได้มากขึ้นนั่นเอง และในวันนี้จังหวัดต่อไปที่เราจะมาแนะนำคือ จังหวัดอุบลราชธานี หรือที่หลายคนเรียกสั้น ๆ ว่า อุบล ค่ะ
จังหวัดอุบลราชธานีถือว่าเป็นจังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคอีสานตอนล่างเลยนะคะเพื่อน ๆ (1) นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่เก่าแก่อีกจังหวัดหนึ่งก็ว่าได้ โดยจังหวัดนี้มีภูมิประเทศแบบที่ราบสูงและมีภูเขาสลับซับซ้อน มีแม่น้ำโขงไหลผ่านกั้นเขตระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีและประเทศลาว (1) มีแม่น้ำสายสำคัญ เช่น แม่น้ำชีและแม่น้ำมูล (1) ถือเป็นแม่น้ำสำคัญของจังหวัดเลยค่ะ
จังหวัดอุบลราชธานีมีประเพณีที่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักกันมากมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ ประเพณีแห่เทียนพรรษา ของพุทธศาสนิกชน
นอกจากประเพณีขึ้นชื่อแล้วที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่น่าสนใจรอให้คุณได้ไปสัมผัสความงดงาม ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีที่ไหนบ้าง
1. วัดพระธาตุหนองบัว
ที่ตั้ง : ธรรมวิถี ตำบล ในเมือง อำเภอเมือง อุบลราชธานี (กดเพื่อไปยังหน้า Google Maps)
ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองอุบลราชธานีและเป็นวัดที่สำคัญของจังหวัดอุบลราชธานี วัดพระธาตุหนองบัวมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและน่าสนใจ ทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นการจำลองเจดีย์ที่พุทธคยาจากประเทศอินเดียมาค่ะ โดยภายในได้นั้นได้มีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุให้คยได้ไปกราบไหว้บูชากันด้วย
ลักษณะของตัวเจดีย์จะตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางลานวัดเลยค่ะเพื่อน ๆ ภายในวัดพระธาตุหนองบัวแห่งนี้ยังเป็นแหล่งรวมรสพระธรรมและวัฒนธรรมอันดีงามไว้ให้เพื่อน ๆ ได้ศึกษาอีกด้วย ซึ่งบริเวณภายนอกรอบ ๆ วัดยังคงเป็นป่าที่สมบูรณ์ เงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับคนที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและต้องการสถานที่ที่สงบในการปฏิบัติธรรม
นอกเหนือจากความสงบแล้วสำหรับวัดแห่งนี้ก็ยังเป็นที่ท่องเที่ยวนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเป็นอย่างมาก เพราะความสวยงามของตัววัดเอง ดังนั้นถ้าหากคุณได้มาเยือนจังหวัดอุบลราชธานีก็ไม่ควรพลาดที่จะมากราบไหว้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตด้วยนะคะ
2. หาดชมดาว
ที่ตั้ง : ตำบล นาตาล อำเภอ นาตาล อุบลราชธานี (กดเพื่อไปยังหน้า Google Maps)
หาดชมดาว หรือ แก่งชมดาว ตั้งอยู่ที่อำเภอนาตาล หาดแห่งนี้จะเป็นแนวหาดหินหรือแก่งหินกินพื้นที่กว้างใหญ่สลับกับเนินหาดทรายประปรายซึ่งเป็นผลงานจากศิลปินที่มีชื่อว่า ‘ธรรมชาติ’ โดยปกติเมื่อถึงฤดูน้ำหลากหาดแห่งนี้จะจมอยู่ใต้แม่น้ำโขง และด้วยความแรงของน้ำทำให้มีการกัดเซาะหินให้เป็นรูปร่างแปลกตา
หาดชมดาวจะมีลักษณะคล้าย ๆ กับแก่งหิน “สามพันโบก” ที่อยู่ในอำเภอโพธิ์ไทรจังหวัดอุบลราชธานีเช่นกัน แต่ต่างกันตรงที่หาดชมดาวจะมีพื้นที่กว้างกว่าและมีรูปทรงลายหินที่เห็นได้ชัดเจนกว่าค่ะ บางจุดเป็นแอ่งน้ำขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันออกไป หรือบางจุดก็จะเป็นหินรูเว้าแหว่ง และบางจุดก็เป็นหินสลับซับซ้อนกันไปมาแต่ออกมาแล้วแลดูสวยงาม โดยจุดเด่นของหาดชมดาวแห่งนี้ที่ถือได้ว่าเป็นจุดที่สวยงามที่สุดคือ จุดที่หินมีลักษณะเป็นหินผาสูงใหญ่ ซึ่งได้ถูกน้ำกัดเซาะจนเป็นช่องแคบเป็นแนวยาวให้น้ำไหลผ่าน แล้วมีก้อนหินขนาดเล็กโผล่ขึ้นกลางน้ำ ถือเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชอบถ่ายรูปกันมากที่สุด
นอกจากความสวยงามของหินแล้ว วิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกของที่นี่สวยงามจับใจเลยค่ะ เมื่อแสงสีส้มตกกระทบก้อนหินก่อเกิดเป็นเงาไปตามรูปทรงเว้าแห่งสวยเกินบรรยาย แต่ถ้าหากคุณมาช่วงเวลาเที่ยงอากาศอาจจะร้อนไปสักหน่อย แนะนำให้พกร่มกันแดด สวมหมวก หรือทาครีมกันแดดก็จะดีค่ะ
ช่วงที่เหมาะแก่การมาเที่ยวที่นี่แนะนำเป็นช่วงเดือน พฤศจิกายน – พฤษภาคม เพราะเป็นช่วงฤดูแล้งที่น้ำแห้งขอด ขอแนะนำอีกอย่างสำหรับคนที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรกคือควรมีไกด์นำทางด้วยเพราะเป็นพื้นที่กว้างใหญ่มาก หากไม่ใช่คนในพื้นที่อาจเดินออกนอกเส้นทางหรือพลัดตกได้นะคะ
3. สามพันโบก
ที่ตั้ง : ตำบล เหล่างาม อำเภอ โพธิ์ไทร อุบลราชธานี (กดเพื่อไปยังหน้า Google Maps)
สามพันโบก ตั้งอยู่ที่อำเภอโพธิ์ไทร ชาวบ้านที่นี่เรียกว่า แกรนด์แคนยอนน้ำโขง คำว่า “โบก” เป็นภาษาลาว หมายถึง แอ่ง เพราะฉะนั้น “สามพันโบก” แปลว่าสามพันแอ่งนั่นเอง และด้วยบรรยากาศสวยงามจับใจที่นี่จึงได้รับฉายาว่า แกรนด์แคนยอนเมืองไทย สามพันโบกเป็นแก่งหินที่เกิดจากแรงน้ำวนกัดเซาะจนกลายเป็นแอ่งน้อยใหญ่จำนวนมาก เมื่อถึงฤดูแล้งน้ำแห้งขอด แก่งหินเหล่านี้จะโผล่พ้นน้ำเหมือนภูเขาขึ้นมาให้เราได้เห็น
กลุ่มหินเหล่านี้จะทอดตัวเป็นแนวยาวริมฝั่งโขงไทย-ลาว ความโดดเด่นและความงดงามของสามพันโบกถือเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ที่หินถูกน้ำกัดเซาะเว้าแหว่งเป็นรูปต่าง ๆ เช่น รูปหัวใจ รูปดาว หรือรูปเต่า เป็นต้น แอ่งหินสีน้ำตาลอ่อนรูปทรงเว้าแหว่งตัดกับน้ำสีฟ้าที่สลับสีอ่อนเข้มเหมือนเป็นศิลปะที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมาเลยค่ะ ซึ่งบางแอ่งมีขนาดใหญ่จนแทบจะว่ายน้ำได้เลย และด้วยความสวยงามของธรรมชาติ สามพันโบกจึงเป็นจุดหมายหลักที่ทำให้ใครหลายคนอยากจะมาสัมผัสด้วยตาตัวเองสักครั้ง ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาเยือนคือช่วงเดือนตุลาคม – พฤษภาคม ใกล้ ๆ กันยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เราได้ชมความงามอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หาดสลึง, หาดหงส์, หลักศิลาเลข, ปากบ้อง และ หินหัวพะเนียง เรียกได้ว่ามาเที่ยวหนึ่งที่ได้ไปต่ออีกหลายแห่งเลยค่ะ คุ้มจริง ๆ ต้องมาให้ได้นะคะเพื่อน ๆ
4. อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ
ที่ตั้ง : อำเภอโขงเจียม-อำเภอสิรินธร อุบลราชธานี ( กดเพื่อไปยังหน้า Google Maps)
อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอโขงเจียมและอำเภอสิรินธร เดิมทีชาวบ้านเรียกที่นี่ว่า “แก่งมรณะ” เพราะพื้นที่บริเวณนี้จะมีสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบสลับกับเป็นเนินเขาเตี้ย ๆ มีแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงไหลผ่านจึงทำให้เกิดโขดหินน้อยใหญ่เป็นจำนวนมาก กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวและลึก ทำให้เกิดถ้ำใต้น้ำอีกหลายแห่ง ทำให้ชาวบ้านที่สัญจรทางน้ำสายนี้มักจะเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตอยู่บ่อยครั้ง
ต่อมาได้รับการตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “แก่งตะนะ” สำหรับแก่งตะนะ เป็นแก่งที่อยู่กลางแม่น้ำมูลที่ถือว่าเป็นแก่งที่ใหญ่ที่สุด กลางแก่งตะนะนี้จะมีโขดหินขนาดมหึมา เป็นหินนิลดำที่อยู่กลางลำน้ำมูลที่แบ่งแม่น้ำออกเป็น 2 สาย เราจะเห็นโขดหินนี้ชัดเจนก็ต่อเมื่อถึงหน้าแล้งที่ทำให้แม่น้ำมูลลดแห้งลงไป ส่วนภายในอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะนี้ยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นดอนตะนะที่เป็นเกาะอยู่กลางแม่น้ำมูล บริเวณนี้จะมีหาดทรายให้คุณได้พักผ่อน หรือสะพานแขวนที่ยาวจนคุณสามารถข้ามไปเที่ยวชมจุดชมวิวของสองฝั่งแม่น้ำมูลที่มีความสวยงาม
สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะกับการมาเที่ยวขอแนะนำให้เป็นช่วงน้ำลดคือ เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ ช่วงนี้จะเจอกับอากาศหนาวและบรรยากาศดีมากเลยค่ะ
5. แก่งสะพือ
ที่ตั้ง : ตำบล พิบูล อำเภอ พิบูลมังสาหาร อุบลราชธานี (กดเพื่อไปยังหน้า Google Maps)
แก่งสะพือ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอพิบูลมังสาหาร คำว่า “สะพือ” เป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า “ซำพรืด“ ที่มาจากภาษาส่วยหรือภาษาเขมรที่แปลว่า “งูใหญ่” มีความหมายเป็นภาษาไทยว่า “แก่งงูใหญ่” ซึ่งตรงกับความเชื่อของคนในท้องถิ่นว่า มีงูใหญ่หรือพญานาคอาศัยอยู่ในบริเวณนี้
แก่งสะพือมีลักษณะเป็นแก่งหินขนาดเล็กใหญ่สลับกันเปรียบเหมือนเป็นเขื่อนขนาดย่อม ๆ อยู่กลางลำแม่น้ำมูล แก่งสะพือมีลักษณะเดียวกันกับสามพันโบกคือเมื่อถึงฤดูน้ำหลากแก่งหินเหล่านี้จะจมอยู่ใต้น้ำ ด้วยความแรงของกระแสน้ำวนจึงทำให้หินถูกันเซาะจนเป็นแอ่งเล็กแอ่งน้อย เมื่อถึงฤดูแล้ง แก่งหินก็จะโผล่ขึ้นมาให้เราได้เห็นความงามของแก่งอีกครั้ง และเมื่อกระแสน้ำไหลมากระทบกับก้อนหินจะมีเสียงดังเหมือนน้ำตกและเกิดเป็นฟองขาว ด้วยระดับน้ำที่ไม่ลึกเกินไปและไม่ตื้นเกินไป กระแสน้ำไหลแรงกำลังดี จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่จะมาพักผ่อน ตกปลา เล่นน้ำกัน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปีจะมีการจัดงานสงกรานต์แก่งสะพือเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดอีกด้วยค่ะ
6. จุดชมวิวแม่น้ำสองสี
ที่ตั้ง : ตำบล โขงเจียม อำเภอ โขงเจียม อุบลราชธานี (กดเพื่อไปยังหน้า Google Maps)
จุดชมวิวแม่น้ำสองสี ตั้งอยู่ในเขตอำเภอโขงเจียม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี ที่นี่มีปรากฏการณ์ของแม่น้ำสายสำคัญสองสายไหลมาบรรจบกันแล้วทำให้เกิดความแตกต่างของแม่น้ำสองสายคือ แม่น้ำโขงกับแม่น้ำมูล ในช่วงฤดูฝนเมื่อแม่น้ำสองสายนี้ไหลมาบรรจบกันจะมีสีที่แตกต่างกันได้อย่างชัดเจนมาก จนพากันเรียกว่า “โขงสีปูน มูลสีคราม”
นอกจากนี้เรายังสามารถนั่งเรือล่องไปตามแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงเพื่อชมความงามสวยของธรรมชาติ ชมทัศนียภาพของสายน้ำ รวมถึงการใช้ชีวิตของผู้คนทั้งสองฝั่งแม่น้ำได้อีกด้วย จุดที่สามารถชมวิวที่ดีที่สุดของแม่น้ำสองสีคือ บริเวณหน้าวัดโขงเจียม และที่หมู่บ้านห้วยหมาก หรือจะนั่งเรือข้ามไปเที่ยวชมตลาดฝั่งประเทศเพื่อนบ้านก็ได้ หากใครอยากเที่ยวตลาดเช้าที่ในอำเภอโขงเจียมก็มีให้เราได้ไปเที่ยวกันด้วยค่ะ
7. น้ำตกแสงจันทร์
ที่ตั้ง : ตำบล นาโพธิ์กลาง อำเภอ โขงเจียม อุบลราชธานี (กดเพื่อไปยังหน้า Google Maps)
น้ำตกแสงจันทร์ หรือบางคนอาจจะรู้จักในชื่อ “น้ำตกลงรู” ตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งเมืองในเขตอุทยานแห่งชาติผ้าแต้ม อำเภอโขงเจียมเป็น Unseen แห่งของภาคอีสาน ชื่อน้ำตกนี้เรียกตามลักษณะของสายน้ำที่ไหลผ่านรูหินลงมาเป็นละอองสีขาวนวลราวกับแสงจันทร์ที่สาดส่องมาตรงรูหินในคืนวันเพ็ญ รูหินที่น้ำตกไหลผ่านนี้เป็นรูขนาดใหญ่ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ ถือเป็นจุดเด่นของน้ำตกเลยค่ะ
ในส่วนของบริเวณรอบ ๆ น้ำตกนั้น จะมีโขดหินทั้งขนาดเล็กใหญ่และต้นไม้นานาพันธุ์เรียงรายกันอยู่ ซึ่งดูแล้วคล้ายกับการจัดสวนในแบบญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ส่วนบริเวณด้านล่างน้ำตกเหมาะกับการตั้งแคมป์เป็นอย่างมาก
ช่วงที่แนะนำให้มาเที่ยวชมความงามของน้ำตกแห่งนี้ เป็นช่วงฤดูฝนที่ก่อนจะย่างเข้าฤดูหนาว จะเหมาะแก่การพาครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อนเล่นน้ำสุด ๆ เลยค่ะ
8. อุทยานแห่งชาติ ภูจองนายอย
ที่ตั้ง : ตำบล นาจะหลวย อำเภอ นาจะหลวย อุบลราชธานี (กดเพื่อไปยังหน้า Google Maps)
อุทยานแห่งนี้ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอ 3 อำเภอ ประกอบด้วยอำเภอ บุณฑริก-นาจะหลวย-น้ำยืน อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย พื้นทีป่าส่วนใหญ่เป็นที่ราบ มีสภาพเป็นป่าธรรมชาติที่สมบูรณ์ เหมาะกับการเที่ยวชมธรรมชาติเป็นอย่างมาก ภายในอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย มีที่สถานที่น่าสนใจมากมายได้แก่ น้ำตกบักเตว หรือ น้ำตกห้วยหลวง เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มี 3 ชั้น ด้านล่างเป็นแอ่งน้ำขนาดเล็ก น้ำเป็นสีเขียวมรกต และมีหาดทรายขาว ลักษณะน้ำตกเป็นหน้าผาหิน ที่โอบล้อมด้วยป่าไม้สีเขียวร่มรื่นเป็นแอ่งน้ำตกเราสามารถลงเล่นน้ำได้ หรือจะนั่งพักผ่อน นั่งเล่นเพลิน ๆ
อีกทั้งยังมี จุดชมทิวทัศน์ผาผึ้ง เป็นจุดชมทิวทัศน์แนวชายแดนลาวและกัมพูชา บริเวณนี้จะมีหินที่สวยงาม และรังผึ้งขนาดใหญ่ให้ได้ชมกัน พลาญกงเกวียน เป็นลานหินกว้าง มีลักษณะเป็นเพิงธรรมชาติ มีดอกไม้ป่า พันธุ์ไม้ป่า นานาชนิด เหมาะสำหรับคนที่อยากศึกษาธรรมชาติและพันธุ์ไม้ป่า สำหรับ ภูหินด่าง เป็นป่าลานหินที่มีความสวยงามแปลกตา จะสามารถพบเห็น ลานหินงอก ลานหินเป็นระแหง โดยบริเวณหน้าแห่งนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า รวมถึงชมทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาวที่มีความงดงามอีกที่หนึ่งด้วยค่ะ
9. วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว (วัดเรืองแสง)
ที่ตั้ง : ตำบล ช่องเม็ก อำเภอ สิรินธร อุบลราชธานี (กดเพื่อไปยังหน้า Google Maps)
วัดภูพร้าว หรือที่รู้จักในนาม วัดเรืองแสง ตั้งอยู่ในเขตอำเภอสิรินธร จุดเด่นของวัดจะเป็นภาพเรืองแสงของต้นกัลปพฤกษ์สีเขียวที่อยู่ด้านหลังของอุโบสถ ถือเป็นจิตรกรรมที่สวยงามมากในยามค่ำคืน ด้วยที่ตัววัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา บนยอดเขาจะมองเห็นพระอุโบสถสีทองที่เด่นเป็นสง่ามาก ส่วนบริเวณด้านหลังพระอุโบสถยังเป็นจุดชมวิวของลำน้ำโขง วิวทิวทัศน์ของฝั่งประเทศลาวที่สวยงาม รวมถึงยังมองเห็นไปถึงด่านช่องเม็กและอ่างเก็บน้ำที่อยู่บริเวณเชิงเขามองดูคล้ายทะเลสาบ
ยิ่งเป็นช่วงยามเย็นตอนพระอาทิตย์ตกดินเป็นภาพที่สวยงามเป็นอย่างมาก สำหรับต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสงนี้ผู้ออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิต ในหนังเรื่องอวตารโดยที่ผู้ออกแบบได้ลงมือติดโมเสกด้วยตัวเองเลยค่ะ รวมถึงการใช้สารเรืองแสงหรือสารฟลูออเรสเซนต์ ทำให้ในเวลากลางคืนจะมีแสงที่สวยงามยิ่ง
สำหรับตัวอุโบสถได้ต้นแบบมาจาก วัดเชียงทอง ของประเทศลาว เสาแต่ละต้นจะมีการลงลวดลายด้วยมือเป็นลายดอกบัวและสัตว์ทั้งหลายตามคติบัว 4 เหล่า ที่เป็นหัวใจหลักของการทำพุทธศิลป์ ถือเป็นงานศิลปะที่เกิดจากความสงบ ความเพียร ความอดทน ขอแนะนำช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะมาชมหรือถ่ายภาพคือช่วงเย็นเวลา 06.00 – 19.30 น. ค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสถานที่เที่ยวที่เราเลือกมาแนะนำ หากใครผ่านมาจังหวัดอุบลราชธานีก็อย่าพลาดมาสัมผัสความงามด้วยตาตัวเองกันนะคะ ขอบอกเลยว่าคุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน คุณสามารถเลือกพักผ่อนได้ตามความต้องการไม่ว่าจะเป็นด้านท่องเที่ยวธรรมชาติ วัดวาอาราม หรืองานด้านศิลปะ มีครบจบที่นี่เลยก็ว่าได้ หากใครกำลังวางแผนหาที่เที่ยวในวันหยุดหรือต้องการพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนแบบชิล ๆ ให้ธรรมชาติบำบัดก็อย่าลืมจังหวัดต่าง ๆ ที่เราได้แนะนำไปเช่น น่าน, สระบุรี, ฉะเชิงเทรา, จันทบุรี และเชียงรายคุณจะได้รู้ว่าเมืองไทยมีอะไรที่น่าค้นหาอีกมากมาย ออกมาเที่ยวไทยกันเยอะ ๆ นะคะเพื่อน ๆ
Reference
