เมื่อพูดถึงเวลาว่างเราเชื่อเหลือเกินว่าทุกคนมักจะใช้เวลาเหล่านั้นไปกับการดูสื่อออนไลน์ อาจจะเป็นการดูซีรีส์ใน Netflix, Facebook, Youtube, Tiltok ฯลฯ ซึ่งแต่ละแอปพลิเคชันก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจและช่วยให้เราผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
แต่หากวันไหนที่คุณดูหนังหรือซีรีส์จนเบื่อแล้ว เราอยากจะขอแนะนำให้ดูอนิเมะค่ะ อนิเมะเป็นภาพยนตร์การ์ตูนสัญชาติญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เรื่องราวส่วนใหญ่มักมีความแปลกใหม่และมีความน่าสนใจ และในเว็บไซต์ของเราก็ได้แนะนำอนิเมะไปหลายเรื่องมากแล้วค่ะทั้ง อนิเมะโรแมนติก, อนิเมะแนวต่อสู้- แฟนตาซี, อนิเมะวาย (Yaoi) รวมไปถึงอนิเมะใน Netflix แต่ยังมีอนิเมะอีกหนึ่งรายการที่เราอยากแนะนำให้ได้รับชมนั่นก็คือ “อนิเมะจากสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli)” ค่ะ

Studio Ghibli เป็นสตูดิโอสร้างอนิเมะและแอนิเมชันจากญี่ปุ่นที่โด่งดังและได้รับความนิยมมาก เราเชื่อเหลือเกินว่าหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าอนิเมะที่คุณชื่นชอบเป็นอนิเมะมาจาก Studio Ghibli ค่ะ วันนี้เราจะเอาใจทุกคนด้วยการแนะนำ 10 อนิเมะที่ดีที่สุดจากสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) ค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย!!
ความเป็นมาของสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli)
สตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) เป็นสตูดิโอญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์แอนิเมชัน สตูดิโอแอนิเมชันแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1985 แต่เริ่มโด่งดังไปทั่วโลกในปี 2005 ทางสตูดิโอมีพนักงาน 280 คน โดยคนที่เป็นผู้นำและเป็นประธานของสตูดิโอแห่งนี้คือโคจิ โฮชิโนะ (Koji Hoshino) และแน่นอนค่ะว่าตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ Studio Ghibli ได้สร้างผลงานแอนิเมชันที่น่าทึ่งให้เรารัมมากมาย
ธุรกิจที่ดำเนินการโดย Studio Ghibli ไม่ได้เน้นที่การสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันหรืออนิเมะเท่านั้น แต่พวกเขายังผลิตโฆษณา ขายสินค้าที่มีตัวละครอนิเมะทั่วไปและทำเพลงประกอบอนิเมะอีกด้วย คุณโคจิ โฮชิโนะยังได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์จิบลิเพื่อให้แฟน ๆ อนิเมะสามารถเยี่ยมชมและชมประวัติศาสตร์หรือผลงานของสตูดิโอจิบลิได้

หนึ่งในตัวละครแอนิเมชันของ Studio Ghibli ที่ได้รับความนิยมมากก็คือโทโทโร่ (Totoro) และเป็นมาสคอตหลักของ Studio Ghibli ด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแฟน ๆ ของภาพยนตร์แอนิเมชันหรืออนิเมะจาก Studio Ghibli ก็มีความหลากหลายค่ะ โดยมีผู้รับชมตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ ดังนั้น Studio Ghibli จึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างภาพยนตร์อนิเมะที่มีคุณภาพของภาพและเสียงที่น่าประทับใจค่ะ ขอบอกก่อนเลยว่าผู้เขียนเองก็ไปหนึ่งในแฟนคลับของแอนิเมชันจาก Studio Ghibli เพราะแต่ละเรื่องมีความน่าสนใจและเพลงประกอบแอนิเมชันก็ดีเยี่ยมมาก ๆ ค่ะ
ประเภทของอนิเมะที่ได้รับความนิยมสตูดิโอจิบลิ (Ghibli Studio)
- แอ็กชัน : หากคุณเป็นแฟนตัวยงของอนิเมะที่เต็มไปด้วยฉากสนุกและระทึกใจ คุณอาจจะชอบแนวอนิเมะนี้ อนิเมะแอ็กชันจะมีลักษณะเฉพาะของฉากการต่อสู้และการผจญภัยที่เข้มข้นมากมาย ดังนั้นอนิเมะที่มีแนวแอ็กชันจึงมักเป็นที่ชื่นชอบของเด็กวัยรุ่น อนิเมะแนวแอ็กชันจะมีตัวละครต่าง ๆ ที่ปรากฏเป็นตัวละครหลักทั้งชายและหญิง โดยทั่วไปแล้วจะมีบทบาท เช่นฮีโร่, นักสู้, นักสืบ, นินจาและแม้แต่พ่อมด แต่บ่อยครั้งที่อนิเมะประเภทแอ็กชันจะมีเหตุการณ์การนองเลือดหรือความรุนแรง ดังนั้นอนิเมะประเภทนี้จึงไม่เหมาะหากดูกับครอบครัวหรือเด็กค่ะ
- แฟนตาซี : สำหรับผู้ที่ชอบแนวแฟนตาซี Studio Ghibli มีอนิเมะแนวนี้มากมายพร้อมภาพที่น่าทึ่ง อนิเมะที่มีแนวแฟนตาซีมีเรื่องราวที่ไม่จำกัด เฉพาะความเป็นจริงหรือโลกแห่งความเป็นจริง โดยทั่วไปแล้วคุณสามารถเห็นตัวละครหลักที่อยู่ในอีกโลกหนึ่งหรือมิติหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษ อนิเมะแนวแฟนตาซีมักใช้ฉากในอดีต เช่น อาณาจักรในประเทศต่าง ๆ ดังนั้นอนิเมะประเภทแฟนตาซีจึงมีเอฟเฟกต์ที่น่าทึ่งมาก โดยผู้รับชมสามารถค้นหาแรงบันดาลใจได้จากอนิเมะประเภทนี้
- บอกเล่าชีวิตในแต่ละวัน (Slice of life) : Slice of life จะเหมาะมากหากคุณชอบอนิเมะที่บอกเล่าเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ในอนิเมะประเภทนี้คุณจะไม่พบฉากหรือเรื่องราวที่เหนือจินตนาการ ในทางกลับกันคุณจะพบฉากมากมายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมประจำวันของตัวละครอย่างใกล้ชิด ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าอนิเมะประเภท Slice of life มีแนวโน้มที่จะบางเบากว่าอนิเมะประเภทอื่น จึงเหมาะมากสำหรับครอบครัวและเด็ก แต่อย่างไรก็ตาม Studio Ghibli ก็ยังมีผลงาน Slice of life ที่มีเรื่องราวที่ซับซ้อน มีความดราม่าและมีความโรแมนติกอีกด้วยค่ะ
1. The Wind Rises (ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก)

ประเภทของอนิเมะ | แฟนตาซี |
ช่วงวัยที่แนะนำ | 7+ |
เวลาในการออกอากาศ | 2 ชั่วโมง 6 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 2013 (ในญี่ปุ่น) |
เรตติ้งบน IMDb | 8 จาก 10 |
ช่องทางการรับชม | Netflix |
The Wind Rises (ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก) เป็นภาพยนตร์ดราม่าของ Studio Ghibli ที่ออกฉายในปี 2013 ตัวเรื่องเขียนบทและกำกับโดยฮายาโอะ มิยาซากิโดยได้รับแรงบันดาลใจจากชีวประวัติของวิศวกรอากาศยาน “จิโร่ โฮริโคชิ” พร้อมกับดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง “The Wind Has Risen” ของทัตสึโอะ โฮริเช่นเดียวกัน นวนิยายได้ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 1936 – 19388 ค่ะ เรื่องราวของเรื่องเริ่มต้นขึ้นในโตเกียวบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคันโตในปี 1923
The Wind Rises ได้ติดตามตัวละครหลักที่ชื่อว่า “จิโร่” เขาทำงานเป็นนักออกแบบเครื่องบินรบ และนางเอกที่มีชื่อว่า “นาโอโกะ” การบอกเล่าเรื่องราวของเครื่องบินเป็นหนึ่งในธีมหลักที่ผู้กำกับ “ฮายาโอะ มิยาซากิ” สนใจมากที่สุด ในเรื่องจะมีฉากการบินที่สวยงามและน่าประทับใจมาก ขอบอกเลยว่าภาพยนตร์อนิเมะ The Wind Rises ได้รวบรวมความหลงใหลในเครื่องบินของมิยาซากิและแสดงให้เห็นถึงความหายนะของสงครามได้ดีมากค่ะ
2. From Up on Poppy Hill (ป๊อปปี้ ฮิลล์ ร่ำร้องขอปาฏิหาริย์)

ประเภทของอนิเมะ | บอกเล่าชีวิตในแต่ละวัน (Slice of life) |
ช่วงวัยที่แนะนำ | 7+ |
เวลาในการออกอากาศ | 1 ชั่วโมง 31 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 2011 (ในญี่ปุ่น) |
เรตติ้งบน IMDb | 7.4 จาก 10 |
ช่องทางการรับชม | Netflix |
From Up on Poppy Hill (ป๊อปปี้ ฮิลล์ ร่ำร้องขอปาฏิหาริย์) เป็นภาพยนตร์ที่เข้าฉายในปี 2011 ภาพยนตร์ผ่านการกำกับโดยโกโร่ มิยาซากิ ซึ่งเป็นลูกชายของฮายาโอะ มิยาซากิ ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีการบรรยายถึงบรรยากาศเก่า ๆ ในญี่ปุ่นเมื่อปี 1963 ซึ่งเป็นหนึ่งปีก่อนเข้าสู่ช่วงกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 1964 ที่ ตัวละครหลักภายในเรื่องคือนักเรียนมัธยมปลายที่ชื่อว่า “อูมิ” และ “ชุน” ตัวเรื่องจะบอกเล่าเรื่องราวความรักที่ไร้เดียงสาของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง
ขอบอกเลยว่าภาพยนตร์เรื่อง From Up on Poppy Hill เป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจมากเลยค่ะ โดนในตอนแรกภาพยนตร์มีความดราม่าเล็กน้อยในเรื่องของการกำกับการแสดงของโกโร่ มิยาซากิ เพราะมีการเปรียบเทียบความสามารถของเขากับตัวพ่อของเขาเอง แต่การดูภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เราได้เห็นว่าฝีมือของเขาก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน อีกทั้งตัวเรื่องยังบอกเล่าผลกระทบของโลกและผู้คนจากสงครามโลกครั้งที่สองด้วยค่ะ
3. The Secret World of Arrietty (อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว)

ประเภทของอนิเมะ | แฟนตาซี |
ช่วงวัยที่แนะนำ | 7+ |
เวลาในการออกอากาศ | 1 ชั่วโมง 34 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 2010 (ในญี่ปุ่น) |
เรตติ้งบน IMDb | 7.6 จาก 10 |
ช่องทางการรับชม | Netflix |
The Secret World of Arrietty หรือที่รู้จักในชื่อ Arrietty เป็นภาพยนตร์ที่ได้เปิดตัวในปี 2010 ซึ่งเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีของ Ghibli ที่ผ่านการอิงจากนวนิยายเรื่อง The Borrowers ที่ผ่านการเขียนโดย Mary Norton ในปี 1952 อีกทั้งภาพยนตร์อนิเมะเรื่องนี้ยังผ่านกำกับโดย ฮิโรมาสะ โยเนบายาชิ ขอบอกเลยว่าภาพยนตร์อนิเมะเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขากำกับการแสดง ขอบอกเลยว่าผู้เขียนชอบเรื่องนี้มากเป็นพิเศษเพราะผู้เขียนชอบดูและชอบอ่านการ์ตูนเกี่ยวกับธัมเบลลิน่า (สาวน้อยหัวแม่มือ) อยู่แล้วค่ะ
ตัวเรื่องจะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกของมนุษย์และโลกของคนตัวเล็กหรือมนุษย์ตัวจิ๋ว เริ่มต้นขึ้นโดยครอบครัวของ “อาริเอตี้” เธอเป็นเด็กหญิงอายุ 14 ปี พ่อ แม่ของเธอและเธอได้แอบอาศัยอยู่บริเวณใต้ถุนของบ้านหลังหนึ่ง พวกเขาดำรงชีวิตด้วยการหยิบยืมของกินของใช้จากบ้านหลังนี้ กฏลับของมนุษย์ตัวจิ๋วคือหากถูกมนุษย์พบเห็นจะต้องย้ายที่อยู่ทันทีเพราะอาจจะเกิดอันตราย แต่อยู่มาวันหนึ่งอาริเอตี้ได้โดนมนุษย์เห็น ซึ่งเขาก็คือ “โช” เด็กชายอายุ 12 ปี ซึ่งเป็นหลายชายของเจ้าของบ้าน เขาเดินทางมาที่นี่เพื่อเตรียมพร้อมในการผ่าตัด อาริเอตี้จะทำอย่างไรต่อไป? ต้องไปติดตามกันค่ะ
4. Howl’s Moving Castle (ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์)

ประเภทของอนิเมะ | แฟนตาซี |
ช่วงวัยที่แนะนำ | 7+ |
เวลาในการออกอากาศ | 1 ชั่วโมง 59 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 2004 (ในญี่ปุ่น) |
เรตติ้งบน IMDb | 8.2 จาก 10 |
ช่องทางการรับชม | Netflix |
ถ้าคุณชอบอนิเมะที่มีเรื่องราวเต็มไปด้วยจินตนาการ Howl’s Moving Castle (ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์) คือคำตอบค่ะ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ “โซฟี แฮตเตอร์” เธอเป็นหญิงสาวที่น่ารักและสดใส โดยเธอได้เปิดร้านค้าทำหมวกให้กับชาวเมืองอินการี ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยการใช้เวทมนตร์และพลังวิเศษ ในขณะนั้นโซฟีและหญิงสาวทุกคนในเมืองได้รับคำเตือนว่าห้ามออกจากบ้าน เพราะถ้าออกจากบ้านจะถูก “ฮาวล์” พ่อมดชั่วร้ายที่เป็นเจ้าของปราสาทเดินได้ทำร้ายและสาปคำสาป แน่นอนว่าโซฟีไม่ฟังทำให้เธอได้เผชิญกับคำสาปของแม่มดตนอื่น จนหญิงสาวอย่างโซฟีได้กลายเป็นผู้หญิงอายุ 90 ปีและต้องเอาตัวรอดด้วยการไปผจญภัยกับฮาวล์และปราสาทเคลื่อนที่ของเขา
ขอบอกเลยว่า Howl’s Moving Castle เป็นหนึ่งในภาพยนตร์อนิเมะที่ทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน โดยภาพยนตร์ได้เปิดตัวในปี 2004 ทางภาพยนตร์ได้ดัดแปลงและอิงมาจากนวนิยายภาษาอังกฤษชื่อเรื่อง Howl’s Moving Castle เขียนโดย Diana Wynne Jones หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าภาพยนตร์อนิเมะเรื่องนี้สร้างขึ้นมาเพื่อต่อต้านการรุกรานคนอิรักของสหรัฐ ฯ ในปี 2003 ด้วยเหตุนี้ทางเรื่องจึงมีธีมต่อต้านสงคราม โดยแสดงออกผ่านการต่อต้านของฮาวล์ที่พยายามขัดขวางความก้าวหน้าของกษัตริย์ในดินแดนสมมติ ซึ่งจุดสนใจเพิ่มเติมก็คือทางเรื่องมีการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยีที่ทันสมัยและสถาปัตยกรรมยุคกลางที่ทำให้โลกแฟนตาซีในเรื่องมีชีวิตชีวามากขึ้น
5. Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์)

ประเภทของอนิเมะ | แฟนตาซี |
ช่วงวัยที่แนะนำ | 13+ |
เวลาในการออกอากาศ | 2 ชั่วโมง 5 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 2001 (ในญี่ปุ่น) |
เรตติ้งบน IMDb | 8.6 จาก 10 |
ช่องทางการรับชม | Netflix |
Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์) เป็นภาพยนตร์อนิเมะที่ทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่น โดยสร้างรายได้ประมาณ 300,000,000 ดอลลาร์ และอยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายการภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่นนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2001 ตัวเรื่องได้บอกเล่าเรื่องราวของเด็กหญิงอายุ 10 ขวบที่มีชื่อว่า”ชิฮิโระ” เธอและครอบครัวของเธอได้เดินทางไปบ้านเกิด ในระหว่างทางพวกเขาได้แวะชมวิวและได้เข้าไปในอุโมงค์ลึกลับ เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่สุภาพของพวกเขา พ่อแม่ของเธอจึงถูกสาปให้กลายเป็นหมูและติดอยู่ในโลกลึกลับ ชิฮิโระเลยต้องดิ้นรนเพื่อให้พ่อแม่ของเธอกลายร่างมาเป็นมนุษย์เหมือนเดิม เมื่อเข้าไปในที่แห่งนั้นเธอก็ถูกเปลี่ยนชื่อและถูกเรียกว่า “เซ็น” และได้กลายเป็นเด็กสาวรับใช้ในโรงอาบน้ำของเทพเจ้าแห่ง
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้คือตัวละครที่มีเอกลักษณ์หลากหลาย รวมถึง “ฮาคุ” ที่เป็นเทพเจ้าแห่งแม่น้ำจริง ๆ อีกทั้งยังมีแม่มดและเจ้าของโรงอาบน้ำ “ยูบาบะ” และน้องสาวฝาแฝดของเธอ “เซนิบะ” แต่ตัวละครที่ผู้เขียนสนใจมากที่สุดคือ “คาโอนาชิ (Kaonashi)” ซึ่งเป็นปีศาจไร้หน้า ตัวละครตัวนี้แฝงไปด้วยสัญญะ โดยตัวละครนี้ทำให้เราคิดว่าตกลงแล้วเขาคือใครกันแน่เทพผู้พิทักษ์? เป็นสัญญะของความโลภ? หรือเป็นแค่ผู้ชายบริสุทธิ์กันแน่? ดังนั้นอย่าลืมไปรับชมกันนะคะ ขอบอกเลยว่าภาพยนตร์สะท้อนให้เราได้เห็นความจริงในหลาย ๆ อย่างเลยค่ะ
6. Princess Mononoke (เจ้าหญิงจิตวิญญาณแห่งพงไพร)

ประเภทของอนิเมะ | แอ็กชัน แฟนตาซี |
ช่วงวัยที่แนะนำ | 13+ |
เวลาในการออกอากาศ | 2 ชั่วโมง 14 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 1997 (ในญี่ปุ่น) |
เรตติ้งบน IMDb | 8.4 จาก 10 |
ช่องทางการรับชม | Netflix |
Princess Mononoke (เจ้าหญิงจิตวิญญาณแห่งพงไพร) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ผสมผสานแนวแอ็กชันและแฟนตาซีเข้าด้วยกัน เนื้อเรื่องมีความน่าตื่นเต้นและแสดงให้เห็นถึงฉากการต่อสู้ บาดแผลและการนองเลือด ดังนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเหมาะถ้าคุณต้องการความบันเทิงที่ทำให้คุณใจจดใจจ่อและตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ “เจ้าชายอาชิทากะ” ที่ต้องดิ้นรนเพื่อค้นหาวิธีรักษาคำสาปที่ติดตัวเขามายาวนาน ด้วยเหตุนี้ทำให้เจ้าชายอาชิทากะต้องออกจากหมู่บ้านเพื่อเดินทางไปเรื่อย ๆ ต่อมาเขาได้พบกับ “ซาน” หรือ “เจ้าหญิงโมโนโนเกะ” เจ้าหญิงแห่งพงไพร ทำให้พวกเขาทั้งคู่ต้องเข้าร่วมในสงครามระหว่างชาวบ้านกับวิญญาณสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่า
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นบล็อกบัสเตอร์ที่ออกฉายในปี 1997 ที่สร้างรายได้ประมาณ 200,000,000 ดอลลาร์ และมีคนดูมากวว่า 14,200,000 คน แน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในขณะนั้น อีกทั้งภาพยนตร์เรื่อง Princess Mononoke ก็เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ Ghibli ที่โด่งดังที่สุดตลอดกาล ฉากของอนิเมะสะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ช่วงปลายยุคมุโรมาจิ (1336–1573) ในญี่ปุ่น โดยในภาพยนตร์มี 2 ธีมหลักคือเน้นให้เห็นการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของธรรมชาติ มนุษย์และชีวิต
7. Whisper of the Heart (วันนั้น…วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู)

ประเภทของอนิเมะ | แฟนตาซี |
ช่วงวัยที่แนะนำ | 7+ |
เวลาในการออกอากาศ | 1 ชั่วโมง 51 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 1995 (ในญี่ปุ่น) |
เรตติ้งบน IMDb | 7.9 จาก 10 |
ช่องทางการรับชม | Netflix |
Whisper of the Heart (วันนั้น…วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู) เป็นภาพยนตร์อนิเมะที่ออกฉายในปี 1995 ทางภาพยนตร์ดัดแปลงจากมังงะที่เขียนโดย Aoi Hiiragi และขอบอกเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ Ghibli ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดโดยเฉพาะในญี่ปุ่น ภาพยนตร์ผ่านการกำกับโดยชิฟูมิ คอนโดและเขาก็เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการกำกับแอนิเมชัน Grave of the Fireflies (สุสานหิ่งห้อย) ของ Ghibli ค่ะ
อนิเมะเป็นแนวแฟนตาซีและโรแมนติกที่บรรยายถึงความรักอันบริสุทธิ์ของวัยรุ่นโดยเน้นที่ตัวละครหลัก 2 ตัวคือ “ ชิซึกุ ซึคิชิมะ” และ “เซย์จิ อามาซาว่า” เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นมาจากชิซึกุเธอค้นพบร้านขายของเก่าลึกลับชื่อว่า “ชิคิวยะ” ซึ่ง”ชิโระ นิชิ” เป็นเจ้าของอยู่และจากนั้นเธอก็คุ้นเคยกับเซย์จิ หลานชายของชิโระมากยิ่งขึ้น ชิซึกุชอบเขียนบทกลอนมาก เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแต่งบทกลอนให้ประสบความสำเร็จ ส่วนเซย์จิก็ต้องการที่จะเป็นช่างทำไวโอลินที่มีชื่อเสียง พวกเขาทั้งสองคนสนับสนุนซึ่งกันและกันเพื่อทำให้ความฝันของพวกเขาเป็นจริง เซย์จิสัญญาว่าจะแต่งงานกับซิซึกุเมื่อเขากลายเป็นช่างไวโอลินที่ประสบความสำเร็จ ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นและต้องการแรงบันดาลใจในการเผชิญกับอนาคตมากขึ้น
8. The Ocean Waves (โอเชี่ยนเวฟส์ สองหัวใจหนึ่งรักเดียว)

ประเภทของอนิเมะ | บอกเล่าชีวิตในแต่ละวัน (Slice of life) |
ช่วงวัยที่แนะนำ | 7+ |
เวลาในการออกอากาศ | 1 ชั่วโมง 12 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 1993 (ในญี่ปุ่น) |
เรตติ้งบน IMDb | 6.7 จาก 10 |
ช่องทางการรับชม | Netflix |
The Ocean Waves หรือเป็นอนิเมะที่บอกเล่าเกี่ยวกับชายคนหนึ่งชื่อว่า “ทาคุ” ในช่วงนั้นเขาได้นึกถึงเรื่องราวโรแมนติกของเขาในโรงเรียนมัธยมปลาย ทาคุหวนนึกถึงการปรากฏตัวของ “ริคาโกะ” นักเรียนที่ย้ายมาใหม่ที่โรงเรียนของเขา การมาถึงของริคาโกะในฤดูร้อนนั้นดูเหมือนจะประทับอยู่ในความทรงจำของทาคุเป็นอย่างมาก นอกจากการนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ แล้ว เราจะได้เห็นเรื่องราวของริคาโกะที่ได้เข้าไปอยู่ระหว่างสายสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างชายหนุ่มอย่างทาคุและ “ยูทากะ” อีกด้วย รักสามเส้าระหว่างริคาโกะ ทาคุและยูทากะจะจบลงอย่างไรต้องไปติดตามกันค่ะ ขอบอกเลยว่าอนิเมะเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหวนคิดถึงวันโรงเรียนมัธยมอันมีสีสันของตัวเองค่ะ
ขอบอกเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีหลากหลายอารมณ์และหลากหลายความรู้สึกมากค่ะ เพราะว่านำเสนอเรื่องราวของวัยเรียน ผู้เขียนมองว่า “รักแรก” ของใครหลาย ๆ คนมักจะอยู่ในวัยเรียน บางครั้งรักแรกของเราก็มีความสุข แต่ในบางคนรักแรกอาจจะเป็นความเศร้า และถึงแม้ว่าชีวิตในช่วงมัธยมจะเป็นช่วงที่ดีสำหรับเรามากที่สุด แต่เมื่อหวนนึกย้อนไปก็อาจจะมีคนหนึ่งคนที่อยู่ในใจ ที่เราอาจจะจำและไม่เคยลืมมาตลอดค่ะ แต่ทุกคนคะในบางครั้งอดีตก็คืออดีตที่มีไว้ให้เราได้คิดถึง ใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันและมีความสุขกับมันจะดีกว่าค่ะ
9. Only Yesterday (ในความทรงจำที่ไม่มีวันจาง)

ประเภทของอนิเมะ | บอกเล่าชีวิตในแต่ละวัน (Slice of life) |
ช่วงวัยที่แนะนำ | 7+ |
เวลาในการออกอากาศ | 1 ชั่วโมง 59 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 1991 (ในญี่ปุ่น) |
เรตติ้งบน IMDb | 7.6 จาก 10 |
ช่องทางการรับชม | Netflix |
Only Yesterday (ในความทรงจำที่ไม่มีวันจาง) เป็นภาพยนตร์ที่ผลิตในปี 1991 ทางเรื่องจะบอกเล่าเรื่องราวแนวมนุษยนิยม โดยจะถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ได้อย่างชัดเจน ทางเรื่องได้บอกเล่าเรื่องของหญิงสาวที่ชื่อ “ทาเอโกะ” เธอเป็นสาวออฟฟิศวัย 27 ปี ทาเอโกะทำงานอยู่ในโตเกียวแต่ในวันหนึ่งทาเอโกะ ได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านเกิด แต่ในระหว่างที่พักร้อนที่บ้านเกิดทำให้ทาเอโกะหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เธอยังเรียนอยู่ชั้นประถมและนึกถึงชีวิตในวัยเยาว์
อนิเมะเรื่องนี้เจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1982 และ 1966 แบบสลับไปสลับมา โดยมีโครงเรื่องแบบย้อนไปหน้าและไปหลังค่ะ ทำให้เรานึกถึงเรื่องราวในอดีต ภาพยนตร์จัดอยู่ในเรต 7+ ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ใหญ่และเด็กที่ยังเรียนอยู่ชั้นประถม ถึงแม้ภาพยนตร์จะเป็นแนวสบาย ๆ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถเป็นเครื่องเตือนใจเราได้ว่าในชีวิตของเราผ่านเหตุการณ์อะไรมาบ้างในบางครั้งเราอาจจะคิดว่าอดีตผ่านไปนานแล้ว แต่จริง ๆ แล้วอาจเป็นเพียงแค่เมื่อวานเท่านั้น
10. My Neighbor Totoro (โทโทโร่เพื่อนรัก)

ประเภทของอนิเมะ | แฟนตาซี |
ช่วงวัยที่แนะนำ | ทุกวัย |
เวลาในการออกอากาศ | 1 ชั่วโมง 27 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 1988 (ในญี่ปุ่น) |
เรตติ้งบน IMDb | 8.2 จาก 10 |
ช่องทางการรับชม | Netflix |
My Neighbor Totoro (โทโทโร่เพื่อนรัก) เป็นภาพยนตร์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์ในปี 1988 และเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ Ghibli ที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่นและต่างประเทศ ขอบอกเลยนะคะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่รักของคนทุกคนตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ ตัวเรื่องได้บอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวสองคือ “ซะสึกิ” และ “เมย์” ทั้งสองคนได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่กับพ่อซึ่งเป็นบ้านที่อยู่ในชนบทแสนห่างไกล ส่วนแม่ของพวกเธออาศัยอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะป่วย ในตอนนั้นด้วยความซุกซนของเมย์ ทำให้เมย์ได้พบกับ “โทโทโร่” โดยบังเอิญจนเกิดเป็นมิตรภาพ เนื้อเรื่องจะติดตามการเดินทางของพวกเขาไปสู่โลกแห่งวิญญาณที่มีชีวิตชีวาและน่ามหัศจรรย์
อนิเมะผ่านการกำกับโดยฮายาโอะ มิยาซากิ โดยในตอนนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดตัวคู่กับ Grave of the Fireflies (สุสานหิ่งห้อย) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดยอิซาโอะ ทาคาฮาตะ ผู้กำกับประจำ Studio Ghibli อีกคนนึงค่ะ ฉากของ My Neighbor Totoro คือ โทะโกะโระซะวะที่ตั้งอยู่ในจังหวัดไซตามะในปี 1950 ซึ่งภาพที่ออกมาก็สวยมาก หากคุณยังไม่เคยดูภาพยนตร์ของ Studio Ghibli มาก่อนขอแนะนำให้เริ่มดูด้วยเรื่องนี้ค่ะ
เนื้อหาในอนิเมะจาก Studio Ghibli เหมาะสำหรับใคร ?
ปกติแล้ว Studio Ghibli ไม่เพียงแต่สร้างอนิเมะสำหรับผู้ชมที่อายุน้อยเท่านั้น แต่ยังสร้างอนิเมะสำหรับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ด้วย ก่อนตัดสินใจดูคุณสามารถดูการจัดระดับอายุของผู้ชมได้บนแพลตฟอร์มที่ให้บริการค่ะ นอกจากนี้การแบ่งเรตติ้งภาพยนตร์อนิเมะของ Studio Ghibli สามารถดูได้จากประเภทของอนิเมะค่ะ

หากอนิเมะเป็นประวัติศาสตร์และแนวแอ็กชันเรตติ้งจะอยู่ที่ 13+ และเหมาะสำหรับคนที่มีอายุมากกว่า 13 ปี นั่นเป็นเพราะเนื้อเรื่องค่อนข้างหนักและมักจะมีฉากต่อสู้หลายฉาก อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการชมภาพยนตร์ของ Studio Ghibli กับครอบครัวให้เลือกภาพยนตร์อนิเมะที่มีเรตติ้ง 7+ หรือเลือกหมวดหมู่สำหรับทุกวัย ในหมวดหมู่นี้คุณยังสามารถเลือกอนิเมะแนวแฟนตาซีได้ค่ะเพราะเนื้อเรื่องเบาสมอง

สรุปเลยนะคะว่าอนิเมะจาก Studio Ghibli เป็นอนิเมะที่คุณสามารถเพลิดเพลินได้ทุกเพศทุกวัยตราบใดที่คุณได้เลือกประเภทที่เหมาะสม อนิเมะมีกราฟิกที่น่าทึ่งและมีโครงเรื่องที่น่าสนใจทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังเข้าสู่เรื่องราวได้อย่างแท้จริง ด้านบนเราได้อธิบายเกี่ยวกับความเป็นมาของ Studio Ghibli และวิธีเลือกรับชมอนิเมะจาก Studio Ghibli ไปแล้ว เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยคุณค้นหาอนิเมะของ Studio Ghibli ที่ใช่ได้นะคะ