[รีวิว] ซีรีส์ Only Friends เพื่อนต้องห้าม

หนึ่งในซีรีส์วาย 2023 ที่หลายคนตั้งตารอคอยกันมาเป็นเวลานานคงจะต้องเป็น ‘Only Friends เพื่อนต้องห้าม’ เพียงแค่ปล่อย Trailer ออกมาเรียกน้ำย่อยก็ทำเอาหลายคนปวดท้องแล้ว เพราะทั้งเปรี้ยวทั้งแซ่บทั้งนัวยิ่งกว่าส้มตำปูปลาร้าแท้จากภาคอีสาน เรียกว่าเป็นซีรีส์วายที่ฉีกแนวออกไปจากซีรีส์หวานใสเรื่องอื่น ๆ ในปีนี้อย่างชัดเจน

นอกจากบทที่ร้อนแรงแล้วนักแสดงที่รับบทบาทในเรื่องก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะแต่ละคนเคยผ่านบทบาทการแสดงมาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นซีรีส์รักหวานใสซะมากกว่า ดังนั้นการรับบทบาทเรื่องนี้จึงค่อนข้างท้าทายเนื่องจากในทุกตอนต้องใช้อารมณ์ค่อนข้างเยอะในการเล่น อีกทั้งหลังจากปล่อยซีรีส์ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี หากใครยังไม่ได้ดูต้องรีบไปติดตามกันด่วน ๆ เลยครับ

เรื่องย่อซีรีส์ Only Friends เพื่อนต้องห้าม

เรื่องเกิดขึ้นจากเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในวัฎจักรของการปาร์ตี้ ชีวิตในแต่ละวันหนีไม่พ้นเรื่องของการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ความมึนเมาทำให้แต่ละคนแทบจะขาดสติหมกหมุ่นกับความสนุกเพียงชั่วครู่ชั่วคราว One Night Stand ถือเป็นเรื่องปกติของเพื่อนในกลุ่มหลายคน โดยในกลุ่มนี้จะประกอบไปด้วย มิว, แซน, บอสตัน และเรย์ ซึ่งแต่ละคนจะมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันออกไป แต่คนที่เป็นตัวจี๊ดของกลุ่มคงหนีไม่พ้น ‘บอสตัน’ และ ‘เรย์’ เพราะทั้งคู่ขึ้นชื่อในเรื่องของความรักสนุกเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย ๆ ไม่สร้างความสัมพันธ์แบบจริงจังกับใคร

Only Friends เพื่อนต้องห้าม
Only Friends เพื่อนต้องห้าม

ด้วยความที่บอสตันเห็น ‘มิว’ เป็นคนหงิม ๆ ดูใสเวอร์จิ้นที่สุดในกลุ่ม ‘บอสตัน’ เลยพยายามจะดีลให้เพื่อนได้เปิดประสบการณ์รักความสนุกเหมือนตัวเอง แต่ดีลไปดีลมาดันกลายไปเจอเข้ากับ ‘ท็อป’ คู่ขาของตัวเอง ด้วยความหวงก้างทำให้ ‘บอสตัน’ ก็พยายามจะสกัดกั้นการดีลครั้งนี้ อย่างไรก็ดีด้วยความที่ ‘มิว’ เป็นคนหวงเนื้อหวงตัวต้องการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว ดันกลับกลายเป็นทำให้ ‘ท็อป’ ชอบยิ่งขึ้นกว่าเดิมเพราะเป็นเหมือนการท้าทายในตัว ความหึงหวงของ ‘บอสตัน’ จึงมากขึ้นตามไปด้วยทำให้สถานการณ์เริ่มวุ่นวาย ในขณะเดียวกันคู่นอนอีกคนของบอสตันอย่าง ‘นิค’ ก็อยากพัฒนาความสัมพันธ์ ไหนจะมี ‘เรย์’ ที่แอบชอบ ‘มิว’ มาโดยตลอด ความวุ่นวายในกลุ่มเพื่อนจึงเริ่มลุกเป็นไฟจนเกิดคำว่า ‘Only Friends เพื่อนต้องห้าม’

ข้อมูลทั่วไปของซีรีส์ Only Friends เพื่อนต้องห้าม

แนวซีรีส์ Romantic Drama
สร้างโดย GMMTV
กำกับการแสดงโดย ภิญญา จู่คำศรี และ ทิชากร ภูเขาทอง
ช่องทางการออกอากาศ GMM25
นักแสดงนำ เฟิร์ส คณพันธ์ ปุ้ยตระกูล (แซน)
ข้าวตัง ธนวัฒน์ รัตนกิจไพศาล (เรย์)
ฟอส จิรัชพงศ์ ศรีแสง (ท็อป)
บุ๊ค กษิดิ์เดช ปลูกผล (มิว)
นีโอ ตรัย นิ่มทวัฒน์ (บอสตัน)
มาร์ค ภาคิน คุณาอนุวิทย์ (นิค)
ลูกจัน ภาสิดี เพชรสุธี (น้ำเชื่อม)

เหตุผลที่ควรดู Only Friends เพื่อนต้องห้าม

1. แปลกใหม่และแตกต่างจากซีรีส์ในค่ายที่เคยทำมา

เมื่อพูดถึงซีรีส์วายของทาง GMMTV สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงหรือแม้แต่ผมเองก็คงจะชินกับภาพความกุ๊กกิ๊กสไตล์ลูกคุณหนูในวัยมัธยมหรือมหาวิทยาลัยคณะวิศวกรรมศาสตร์ ประมาณว่าเจอรุ่นพี่แล้วแอบปิ๊งตามจีบกันหวาน ๆ แบบปั้ปปี้เลิฟ แต่เรื่องนี้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงทำเอาอกอีแป้นจะแตก เพราะเลิฟซีนคือฉ่ำมากจนต้องแอบกรอหนีด้วยความเขินเล็กน้อย (แต่ก็กรอกับมาเก็บรายละเอียดดยู่ดี) ทั้งนี้ก็ต้องชมเชยอย่างหนึ่งว่าผู้กำกับและทีมงานทุกคนทำออกมาได้ค่อนข้างถึง เพราะบางครั้งการยัดเหยียดฉาก NC เข้าไปเยอะ ๆ ไม่ได้ทำให้ซีรีส์มันน่าดูเสมอไป

สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้
Only Friends เพื่อนต้องห้าม
ฉากเลิฟซีนในซีรีส์คือฉ่ำมาก

เชื่อว่าคนติดตามซีรีส์วายคงเคยดูซีรีส์ที่พยายามใส่ฉากเลิฟซีนเข้ามาให้แฟนคลับได้กรี๊ดกัน ซึ่งแทนที่จะน่าสนใจแต่กลับกลายเป็นความซ้ำจำเจดูไม่ค่อยมีมิติเท่าไหร่ แต่สำหรับ Only Friends นั้นแตกต่างออกไป ปฎิเสธไม่ได้ละว่าเลิฟซีนเยอะก็จริงแต่ความโรแมนซ์ในแต่ละครั้งมันแฝงไปด้วยเงื่อมปมบางอย่างที่ทำให้เรื่องดำเนินต่อ (คือไม่ใช่โบ๊ะบ๊ะแล้วจากไป) เป็นเหมือนการปูทางให้เราได้ตามติดต่อ ดูแล้วเออดีย์วะแกร!! ดูต่อไปได้เรื่อย ๆ ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนกับการพยายามสร้างซิกแพ็คแล้วต้องปิดจมูกเพื่อกินอกไก่กับไข่ดิบปั่นทุกวัน ซึ่งตรงนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับผู้กำกับคนเก่งอย่างคุณนินิวและคุณโจโจ้ครับ

2. ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนวุ่นวายยิ่งกว่าห่วงโซ่อาหาร

ใครดูซีรีส์เรื่องนี้อาจจะต้องเอาเจลเย็นมาประคบหัวกันบ้าง เพราะความรักความซับซ้อนในความสัมพันธ์ถ้าทำเป็น Family Tree คงพันมั่วเป็นงูเลยละ อย่างเช่น ‘เรย์ (ข้าวตัง ธนวัฒน์)’ ที่สถานะเป็นได้เพียงแค่เพื่อนกับ ‘มิว (บุ๊ค กษิดิ์เดช)’ เท่านั้นแต่ใจของตัวเองไปไกลมากกว่าคำว่าเพื่อนแล้ว ในขณะเดียวกันทาง ‘มิว’ เองก็กำลังค่อย ๆ สร้างความสัมพันธ์กับ ‘ท็อป (ฟอส จิรัชพงศ์)’ ทำเอาเกิดความหึงหวงเกิดขึ้นในหมู่เพื่อน

Only Friends เพื่อนต้องห้าม
ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนวุ่นวายยิ่งกว่าห่วงโซ่อาหาร

แต่แกเอ้ย.. เวรกรรมมันไม่ได้จบแค่เพียงเท่านั้น เพราะด้วยความเหงาของเรย์กลับกลายเป็นว่าไปดึงเอาหนุ่มคนใหม่อย่าง ‘แซน (เฟิร์ส คณพันธ์)’ เข้ามาคลายเหงา แต่ในใจก็ยังคงนึกถึง ‘มิว’ เสมอ แน่นอนละว่าความวุ่นวายจะต้องถามหาแน่นอน นี่ยังไม่รวมไปถึง ‘บอสตัน (นีโอ ตรัย)’ และ ‘นิค (มาร์ค ภาคิน)’ ที่พยายามสร้างความร้าวฉานต่าง ๆ เอาเป็นว่าความสัมพันธ์ของแต่ละคนแทบจะกุมขมับเลยละ ทั้งนี้ทั้งนั้นความวุ่นวายแบบนี้แหละที่ทำให้ซีรีส์สนุกได้ติดตามว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร แต่ก็ต้องแอบกินพาราหลังจบสักเม็ดสองเม็ดเพื่อคลายความปวดหัวก่อนนอน

3. ความ Toxic ที่เกิดขึ้นจริงในสังคม

Only Friend เป็นการสะท้อนสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในทุกสังคม (ถ้าไม่โลกสวยจนเกินไป) หลายคนอาจคิดว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่จากสถิติและการเก็บข้อมูลทำให้พบว่าการนอกใจในสังคมไทยนั้นติดอันดับ Top 5 ของโลกเลยทีเดียว ดังนั้นจากเรื่องสองคนจึงกลายเป็นสามหรือสี่ ถ้าคนที่ดูซีรีส์แค่เพียงมิติของความบันเทิง เรื่องนี้อาจจะดูไม่มีสาระสักเท่าไหร่ว่างก็ปาร์ตี้ วันไหนหิวกระหายก็หาเวลาปล้ำ แต่ถ้ามองให้ลึกมากกว่านั้น Only Friends สะท้อนมุมมืดของความสัมพันธ์ในหลาย ๆ คู่ เปรียบเสมือน Case Study อย่างหนึ่งที่สอนให้เข้าใจว่าการเลือกเดินทางผิดพลาดหรือการคิดนอกใจอาจทำให้ปัญหาคู่เกิดขึ้นได้ ถือว่าเป็นซีรีส์ที่แฝงอะไรให้คนดูได้ทบทวนหลายอย่างเลยทีเดียว

4. มู้ดแอนด์โทนที่ทำให้ซีรีส์มีความเซ็กซี่มากยิ่งขึ้น

Only Friends เพื่อนต้องห้าม
มู้ดแอนด์โทนที่ทำให้ซีรีส์มีความเซ็กซี่มากยิ่งขึ้น

หลังจากได้ดูซีรีส์วายของทาง GMMTV มาหลายเรื่องอย่างหนึ่งที่ผมค่อนข้างเขียนชมอยู่เสมอคือการใช้แสงเพื่อสร้างมู้ดแอนด์โทนของบรรยากาศให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะความสนุกของซีรีส์ไม่ได้มีเพียงองค์ประกอบของบทและทักษะการแอคติ้งของนักแสดงเพียงเท่านั้น แต่การปรับแสงการตัดต่อถือว่าสำคัญมากจริง ๆ จากที่ได้ดูมาจะสังเกตเห็นว่าแสงในเรื่องนี้จะไปในโทนมืด ๆ มีการใส่แสงนีออนเข้ามาเพื่อให้มีความเซ็กซี่เผ็ดร้อน เป็นบรรยากาศของความสนุกหรือการปาร์ตี้ซึ่งตรงกับธีมของซีรีส์เรื่องนี้ ถือว่าทีมงานเบื้องหลังทำออกมาได้อย่างกลมกล่อมครับ เรียกว่าช่วยให้ซีรีส์น่าดูยิ่งขึ้นกว่าเดิมเลยแหละ

5. การดำเนินที่เร็วไม่น่าเบื่อหรือยืดเยื้อจนเกินไป

สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกชอบมากคือการดำเนินเรื่องที่เร็วมาก จาก Ep.1 ไป Ep.2 ความสัมพันธ์ของทุกคู่ ไม่ว่าจะเป็น ‘มิว’ กับ ‘ท็อป’ หรือจะเป็นคู่ของ ‘เรย์’ และ ‘แซน’ ซึ่งถ้าหากได้ดูจะเห็นเลยครับว่าเส้นเรื่องของแต่ละคู่ไปเร็วมาก ไม่ต้องเอิงเอยหรือต๊ะต่อนยอนอะไรให้วุ่นวาย เพราะใน Ep แรกเรย์กับแซนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น แต่ใน Ep สองกลับกลายเป็นคนรู้จักและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแล้ว (รวดเร็วกระชับฉับไวเลยละหญิง)

ซึ่งส่วนตัวผมชอบมาก ๆ มันทำให้ซีรีส์ไม่น่าเบื่อ ยิ่งในยุคที่มีความรวดเร็วคนดูส่วนใหญ่ไม่ชอบความเยิ่นเย้อ ไม่ต้องดูแล้วคิดเยอะอะไรมากมายดูแล้วสนุกไหลลื่นไปเรื่อย ๆ เป็นข้อดีอีกอย่างของเรื่องนี้ โดยเฉพาะคนสมาธิสั้นอย่างผมเองชอบมาก รู้สึกว่าดูได้ตลอดทั้งเรื่องโดยไม่ลุกขึ้นไปหยิบโน่นหยิบนี่ หรือหยิบมือถือขึ้นมาดูเพื่อแก้เบื่อเหมือนกับเรื่องอื่น ที่ดูมือถือและเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็จบแล้ว แต่สำหรับเรื่องนี้คือดูใจจดใจจ่อได้ตลอดชั่วโมง

Lolipop

Lolipop

Create article about music and news with heart

Next Post