สวัสดีมิตรรักชาวซีรีส์จีนทุกคนค่ะ วันนี้ผู้เขียนก็ได้นั่งเรือข้ามฟากจากประเทศเกาหลีมาถึงประเทศจีนโดยสวัสดิภาพแล้ว หลังจากที่เราหลงใหลและคลั่งไคล้ในซีรีส์เกาหลีอยู่เป็นเวลา 2 สัปดาห์ก็ถึงคราวที่ต้องกลับจีนแบบชั่วคราวแล้วค่ะ เพราะตอนนี้กระแส “คุณหมอกู้” จากซีรีส์จีนเรื่อง “คุณคือคำปฏิญาณแห่งรัก (The Oath of Love)” กำลังมาแรงมาก หลังจากออกอากาศติดต่อกันมาเป็นเวลาไม่กี่วันก็ได้ยอดวิว 1,000 ล้านวิวแล้วค่ะ
หากใครที่ยังไม่ได้ดูถือว่าพลาดมาก ๆ เลยทีเดียว ตัวซีรีส์ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อดัง “Entrust the Rest of My Life to You” เขียนโดย “ป๋อหลินฉีเจี้ยง” ตอนนี้ยังไม่มีฉบับแปลภาษาไทยนะคะ แต่มีฉบับภาษาอังกฤษแล้วค่ะ โดยทางเรื่องจะบอกเล่าเรื่องราวของนักเชลโลสาวและศัลยแพทย์หนุ่มมือหนึ่งของโรงพยาบาล
อันที่จริงซีรีส์เรื่องนี้เปิดตัวตั้งแต่ปี 2020 แล้วค่ะ แต่เพิ่งได้ฤกษ์ลงจอในปีนี้ แต่เมื่อลงจอแล้วก็ไม่ทำให้เราผิดหวังค่ะเพราะมันดีมาก หากคุณอยากรู้ว่าดีอย่างไร ไปดูกันด้านล่างค่ะ !!
เรื่องย่อ คุณคือคำปฏิญาณแห่งรัก (The Oath of Love)

คุณคือคำปฏิญาณแห่งรัก (The Oath of Love) เป็นซีรีส์ที่บอกเล่าเรื่องราวของหลินจื่อเซี่ยว (หยางจื่อ) เธอเป็นนักศีกษาชั้นปีที่ 3 ของมหาวิทยาลัยดนตรี เครื่องดนตรีที่เธอถนัดมากที่สุดก็คือ “เชลโล” ตั้งแต่ได้เริ่มเรียนดนตรีมา ผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้ให้การสนับสนุนเธอ เพราะมองว่าอาชีพนักดนตรีเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง พ่อของเธออยากให้เธอรับราชการและทำงานในโรงเรียนเหมือนกับเขา แต่หลินจื่อเซี่ยวก็ยื่นคำขาดว่าเธอจะเรียนดนตรีและจะไม่มีวันรับราชการ หลินจื่อเซี่ยวเป็นคนที่มุ่งมั่นมากเพราะเธออยากให้ความฝันของตัวเองเป็นจริง แต่โลกของเธอต้องหยุดชะงักลงเมื่อพ่อของเธอต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ด้วยเหตุนี้ทำให้หลินจื่อเซี่ยวและแม่ของเธอต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนมากมาย
แต่ในความโชคร้ายก็ยังคงมีความโชคดีอยู่เพราะนายแพทย์ประจำตัวของพ่อเธอก็คือกู้เว่ย (เซียวจ้าน) ถึงแม้ว่าทั้งกู้เว่ยและหลินจื่อเซี่ยวจะมีเรื่องราวเข้าใจผิดกันมาก่อนแต่กู้เว่ยก็เป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาล ในตอนแรกหลินจื่อเซี่ยวไม่ค่อยไว้ใจในตัวของกู้เว่ย แต่เมื่อได้เห็นเขาปฏิบัติตัวและเป็นห่วงคนไข้ เธอก็เปลี่ยนความคิดไป เมื่อใกล้ถึงวันที่จะผ่าตัดมะเร็ง หลินจื่อเซี่ยวก็ได้รู้ว่าคนที่จะผ่าตัดให้พ่อของเธอไม่ใช่กู้เว่ย เธอตกใจมากเพราะกู้เว่ยได้เสนอแผนการผ่าตัดที่ดีที่สุดออกมาแต่ไม่ได้เป็นคนผ่าตัด ด้วยเหตุนี้หลินจื่อเซี่ยวจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่ออ้อนวอนให้เขาผ่าตัดให้ จนเธอได้รู้ความจริงที่ว่ากู้เว่ยมีปมเกี่ยวกับเรื่องผ่าตัด ทำให้เขาไม่ได้เข้าผ่าตัดมานานมากแล้ว

การเจอกันของคนสองคนก็เหมือนยาที่คอยรักษาใจซึ่งกันและกัน หลินจื่อเซี่ยวพยายามเยียวยาหัวใจและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับกู้เว่ย ส่วนกู้เว่ยก็คอยปลอบใจปัญหาเรื่องครอบครัวที่หลินจื่อเซี่ยวต้องเจอ สุดท้ายแล้วเส้นทางของทั้งคู่จะเป็นอย่างไร หลินจื่อเซี่ยวจะเดินในเส้นทางของนักเชลโลได้ไหม? แล้วกู้เว่ยจะคลายปมเรื่องผ่าตัดได้หรือไม่? ต้องตามไปดูในซีรีส์เรื่องคุณคือคำปฏิญาณแห่งรัก (The Oath of Love) ค่ะ
วีดีโอ รีวิว The Oath of Love คุณคือคำปฏิญาณแห่งรัก
ข้อมูลทั่วไปของซีรีส์ The Oath of Love : คุณคือคำปฏิญาณแห่งรัก
แนวซีรีส์ | โรแมนติก ดราม่า การแพทย์ |
ดัดแปลงมาจาก | นวนิยายเรื่อง Entrust the Rest of My Life to You เขียนโดย ป๋อหลินฉีเจี้ยง |
เขียนบท | ไม่ระบุ |
กำกับการแสดงโดย | Lu Ying |
ช่องทางออกอากาศ | WeTV |
จำนวนตอน | 29 ตอน ตอนละ 45 นาที |
นักแสดงนำ | เซียวจ้าน (กู้เว่ย) หยางจื่อ (หลินจื่อเซี่ยว) |
นักแสดงสมทบ |
ตี๋จื่อลู่ (กู้เซี่ยว) |
ทำไมต้องดู คุณคือคำปฏิญาณแห่งรัก (The Oath of Love)
คำเตือน : มีสปอยล์
1. แนะนำตัวละครที่น่าสนใจ

กู้เว่ย (เซียวจ้าน)
กู้เว่ยเป็นศัลยแพทย์ที่ศูนย์ระบบทางเดินอาหาร เขาเป็นแพทย์หนุ่มอนาคตไกลและมีความสามารถมาก แต่ความผิดพลาดในการผ่าตัดผิดพลาดทำให้เขาตกอยู่ในสภาพย่ำแย่และเขาก็กำลังเผชิญกับความเครียดทางจิตใจเป็นอย่างมาก หากเปรียบความรู้สึกของกู้เว่ยเขาก็เหมือนคนที่ตกอยู่ในหลุมดำและขึ้นมาไม่ได้ แต่เมื่อกู้เว่ยได้เจอกับหลินจื่อเซี่ยวพวกเขาทั้งคู่ก็เหมือนแสงสว่างที่มอบความอบอุ่นให้แก่กัน จนทำให้เขาสามารถก้าวผ่านปมในใจของตัวเองไปได้ ตัวละครกู้เว่ยรับบทโดย
นักแสดงหนุ่มชื่อดังที่ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อยู่บ่อยครั้งอย่าง “เซียวจ้าน” ค่ะ ผลงานสร้างชื่อของเขาคือปรมาจารย์ลัทธิมาร และตำนานจอมยุทธ์ภูตถังซานค่ะ ขอบอกเลยว่าเซียวจ้านในบทที่เป็นศัลยแพทย์คือกร้าวใจมากค่ะ ซึ่งเราเชื่อเหลือเกินว่าทุกคนรอคอยผลงานของเขาอยู่เสมอ เรื่องนี้เขาไม่ทำให้เราผิดหวังเลยค่ะเพราะแสดงออกมาได้ดีมาก จนผู้เขียนอยากจะเป็นหลินจื่อเซี่ยวเสียเองค่ะ อิอิอิ

หลินจื่อเซี่ยว (หยางจื่อ)
หลินจื่อเซี่ยวเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ในมหาวิทยาลัยทางดนตรี เธอเลือกเรียนสาขาวิชาดนตรีเอกเครื่องดนตรีเชลโล หลินจื่อเซี่ยวเป็นคนร่าเริงและคิดบวก เธอมีความมุ่งมั่นในเส้นทางอาชีพที่สูงมากและไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่าย ๆ แต่หลินจื่อเซี่ยวเป็นคนที่มีความรู้สึกช้าในเรื่องของความสัมพันธ์ แต่ถ้าเธอแน่ใจกับความรู้สึกเธอจะเดินหน้าอย่างรวดเร็ว
ตัวละครหลินจื่อเซี่ยวรับบทโดยนักแสดงสาวยอดนิยมอย่าง “หยางจื่อ” ค่ะ ใครที่ดูซีรีส์จีนแต่ไม่รู้จักหยางจื่อแปลว่ายังไม่ได้ดูค่ะ เพราะหยางจื่อเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ผลงานล่าสุดของเธอคือนักจิตวิทยาหญิงส่วนผลงานสร้างชื่อก็คือผลงานเรื่องมธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้างค่ะ สำหรับซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์แนวปัจจุบันซึ่งหยางจื่อก็ทำได้ดีเช่นเคยโดยเฉพาะฉากร้องไห้ค่ะ คือแบบใจจะขาดออกมาแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้เขียนอยากให้หยางจื่อเปลี่ยนทรงผมบ้างค่ะ เพราะหากเราได้ติดตามผลงานของเธอแนวปัจจุบัน เธอจะไว้ทรงผมนี้มาตลอดเลย
กู้เซี่ยว (ตี๋จื่อลู่)

กู้เซี่ยวเป็นลูกพี่ลูกน้องของกู้เว่ย เขาเป็นเพลย์บอยขั้นเทพเพราะตัวเขาเองเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย กู้เซี่ยวไม่มีงานเป็นหลักเป็นแหล่งเพราะงานอดิเรกของเขาคือการใช้เงินและจีบสาว กู้เซี่ยวเป็นคนที่เจ้าชู้มากเขาไม่เคยคิดจะจริงจังกับใครจนเขาได้มาเจอกับ “ซานซาน” เพื่อนสนิทของหลินจื่อเซี่ยว เหตุผลก็คือซานซานเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจ เธอไม่ชอบความหล่อรวยของเขาและไม่ตกเข้าไปในกับดักของเขา กู้เซี่ยวเลยพยายามจีบซานซานแต่สุดท้ายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็แทบจะไม่คืบหน้าเลย ตัวละครกู้เซี่ยวรับบทโดยนักแสดงหนุ่ม “ตี๋จื่อลู่” ค่ะ ผู้เขียนไม่ค่อยคุ้นเคยกับนักแสดงคนนี้ แต่พูดได้คำเดียวว่าเหมาะสมกับบทบาทเพลย์บอยมากเลยทีเดียว
ซานซาน (หลี่มู่เฉิน)

ซานซานเป็นเพื่อนสนิทและเพื่อนที่ดีที่สุดของหลินจื่อเซี่ยว พวกเขาคุยกันทุกเรื่องทั้งเรื่องเกี่ยวกับชีวิตและความสัมพันธ์ ซานซานเป็นคนที่สวย ใจดีและฉลาด ถ้ากู้เซี่ยวเป็นเพลย์บอย ซานซานก็คือเพลย์เกิร์ลเอง นั่นเป็นเพราะว่าเธอสวยและแต่งตัวเก่งทำให้มีชายหนุ่มมากมาย ๆ หมายปองเธอ แต่สิ่งที่เธอต้องการคือคนที่รักและทุ่มเทให้กับเธอด้วยความจริงใจ จนทำให้เธอได้เจอกับ “กู้เซี่ยว” ซานซานและกู้เซี่ยวมีความสัมพันธ์กันแบบไม้เบื่อไม้เมา กัดกันไปกัดกันมา แต่ก็ต้องยอมรับว่าซานซานมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับกู้เซี่ยวค่ะ ตัวละครซานซานรับบทโดยนักแสดงสาวหลี่มู่เฉิน หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับเธอมาก่อนเพราะเธอเคยแสดงซีรีส์เรื่องสะดุดรักมิสเตอร์หลิงมาแล้วค่ะ แต่เรื่องนั้นเธอแสดงเป็นตัวร้าย ส่วนในเรื่องนี้พลิกบทบาทมาเป็นเพื่อนที่แสนดีของนางเอกแทนค่ะ
เกาซี (หม่าอวี๋เจี๋ย)

เกาซีเป็นศัลยแพทย์ระบบทางเดินอาหารและเป็นลูกสาวของเกาป๋อหยาง ซึ่งเป็นหัวหน้าแพทย์ระบบทางเดินอาหารเช่นกัน อีกทั้งเธอยังเป็นเพื่อนกับกู้เว่ยด้วย เธอเป็นคนฉลาด ใจเย็นและมีความสามารถ แต่เมื่ออยู่ร่วมกับคนไข้เธอจะขีดเส้นแบ่งระหว่างแพทย์และคนไข้เสมอ ไม่เหมือนกับกู้เว่ยที่สนิทกับคนไข้ทุกราย เกาซีชอบกู้เว่ยมากและทุกคนก็คิดว่าทั้งคู่เป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุด แต่กู้เว่ยไม่ได้ชอบเธอเลย เขาคิดกับเธอแค่เพื่อนเท่านั้น ตัวละครเกาซีรับบทโดย “หม่าอวี๋เจี๋ย” ค่ะ ขอบอกเลยว่าบทบาทของเธอจะทำให้เรา
หลี่อวิ๋นรุ่ย (เซ่าเจียง)

เซ่าเจียงเป็นรุ่นพี่ของหลินจื่อเซี่ยว เขาเป็นคนที่คอยซัพพอร์ตหลินจื่อเซี่ยวอยู่ตลอดเวลา เซ่าเจียงเป็นรุ่นพี่ที่สมบูรณ์แบบในสายตาของทุกคน เขาชอบหลินจื่อเซี่ยวมากแต่พอเขาได้เดินทางไปต่างประเทศหลังจากจบมัธยมปลาย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินจื่อเซี่ยวสิ้นสุดลง แต่เมื่อเขากลับมาจากต่างประเทศเขาก็พยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ของเขาและหลินจื่อเซี่ยวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ตัวละครเซ่าเจียงรับบทโดย “หลี่อวิ๋นรุ๋ย” ค่ะ บทบาทนี้ก็ยังหล่อเหมือนเดิมค่ะ แต่ในเมื่อเป็นคนที่ชอบนางเอกก็ต้องเหนื่อยสักเล็กน้อยนะคะรุ่นพี่เซ่าเจียง
2. นำเสนอเรื่องราวทางการแพทย์
คุณคือคำปฏิญาณแห่งรัก (The Oath of Love) เป็นซีรีส์แนวโรแมนติก ดราม่า การแพทย์ที่เก็บรายละเอียดเรื่องการแพทย์ได้ดีมากค่ะ ตัวหลักหรือพระเอกในเรื่องเป็นศัลยแพทย์ด้านกระเพาะอาหารแต่มีปมเรื่องการผ่าตัด แต่ถึงแม้เขาจะไม่ได้เข้าผ่าตัดเราจะเห็นได้ว่า กู้เว่ยพยายามฝึกผ่าตัดอยู่ตลอดเวลา หากพูดในเรื่องความรู้สึกของกู้เว่ย ความผิดพลาดในการผ่าตัดของเขาถือเป็นปมในใจอย่างรุนแรงมากเลยทีเดียว เพราะคนที่เขาผ่าตัดเป็นอาจารย์ของเขาเอง เมื่ออาจารย์ของเขาเสียชีวิต เขาก็ยึดติดกับมันและคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ผิดพลาด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ข้อผิดพลาดในการผ่าตัดเกิดขึ้นได้กับทุกคน เราไม่สามารถรับประกันได้เลยว่าจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน

ถึงแม้ว่าซีรีส์จีนจะไม่ได้โชว์ให้เห็นรูปแบบการผ่าตัดเหมือนกับซีรีส์เกาหลี แต่เราก็ยังคงเห็นระบบการทำงานของการแพทย์ในจีน ผู้เขียนชื่นชอบฉากที่กู้เว่ยพยายามปอกเปลือกองุ่นให้เรียบเนียน ซึ่งการปอกเปลือกองุ่นเป็นกิจกรรมหลักของแพทย์เลยค่ะ นั่นเป็นเพราะว่าเปลือกองุ่นมีความบอบบาง การปอกเปลือกองุ่นไม่ให้องุ่นช้ำและได้รับความเสียหาย ถือเป็นการฝึกมือและฝึกสมาธิได้ดีมาก ๆ อีกทั้งซีรีส์ยังมีหลาย ๆ ฉากที่ทำให้เราได้เห็นการทำงานของแพทย์ ทั้งในเรื่องการโต้เถียงกันของแพทย์เพื่อหาแนวทางในการรักษาคนไข้ ความเครียดของคนไข้และครอบครัว รวมไปถึงความหนักใจในฐานะแพทย์ด้วย ขอบอกเลยว่าตัวซีรีส์นำเสนอเรื่องราวทางการแพทย์ได้ดีเลยทีเดียว
3. เส้นทางการเป็นนักเชลโลของ “หลินจื่อเซี่ยว”
หลินจื่อเซี่ยวเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยดนตรี ความฝันของเธอคือการได้เป็น “นักเชลโล”มืออาชีพ แต่เส้นทางการเป็นนักเชลโลของเธอไม่ได้ราบรื่นเอาเสียเลย นั่นเป็นเพราะว่าทางบ้านไม่ได้ให้การสนับสนุน พ่อของหลินจื่อเซี่ยวเป็นคนที่เข้มงวดมาก เพราะเขาเป็นครูและมีตำแหน่งเป็นผอ.โรงเรียน เขามองว่าอาชีพนักดนตรีเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง เลยอยากให้หลินจื่อเซี่ยวเรียนต่อปริญญาโทในสาขาอื่น แต่หลินจื่อเซี่ยวไม่อยากทำงานเหมือนกับพ่อของเธอ ถึงแม้ว่ามันจะมีเกียรติแต่ไม่ใช่อาชีพที่จะทำให้เธอมีความสุข หลินจื่อเซี่ยวรอให้พ่อและแม่ของเธอมาดูเธอเล่นเชลโลตลอด แต่ก็ไม่มีใครมาเพราะว่าพวกเขาไม่มีเวลา นี่คือปมในใจของเธอและทำให้เธอเล่นเชลโลได้ผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง

หลินจื่อเซี่ยวรู้ตัวเองดีว่าเธอไม่ได้เป็นคนที่เก่ง แต่เธอเป็นคนที่พยายาม ดังนั้นไม่ว่าอุปสรรคจะมากสักแค่ไหนเธอก็พยายามที่จะฟันฝ่ามันไปให้ได้ ซึ่งหากพูดในมุมมองของคนไทย ก็ยังมีอีกหลายครอบครัวที่ไม่ยอมรับในอาชีพนักดนตรีค่ะ เพราะคนไทยเองก็มองว่าอาชีพเหล่านี้ไม่มั่นคง แน่นอนว่าทางครอบครัวไม่ได้กดดันแต่มันเป็นเรื่องของความเป็นห่วง เหมือนอย่างพ่อของหลินจื่อเซี่ยว เขาเป็นห่วงเส้นทางชีวิตของลูกสาวเลยต่อต้านเธอตลอด แต่เมื่ออยู่ลับหลังลูกสาว เขาก็ภูมิใจในตัวลูกสาวของเขา ซึ่งเรื่องความเป็นห่วงก็เป็นข้อดีและข้อเสียต้องพูดคุยกันด้วยความเข้าใจ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในครอบครัว แต่ผู้เขียนมองว่าการเข้ามาของกู้เว่ย จะทำให้หลินจื่อเซี่ยวมองเห็นความหมายของความฝันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมค่ะ
4. ความสัมพันธ์ของกู้เว่ยและหลินจื่อเซี่ยว
ความสัมพันธ์ของหลินจื่อเซี่ยวและกู้เว่ยเป็นความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นขึ้นมาด้วยความบังเอิญค่ะ ทั้งสองคนเจอกันครั้งแรกในร้านเหล้า ในตอนนั้นกู้เว่ยไปที่ร้านกับลูกพี่ลูกน้อง ส่วนหลินจื่อเซี่ยวไปกับเพื่อนแต่วันนั้นเป็นวันที่หลินจื่อเซี่ยวรู้สึกผิดหวังอย่างถึงที่สุดเพราะว่าคนที่บ้านไม่มีใครไปดูเธอเล่นเชลโล เธอเลยจะกินเหล้าให้เมาและไม่รับสายพ่อแม่ของเธอ แต่ผลปรากฏว่าพ่อของเธอตามาถึงที่ร้านเหล้า หลินจื่อเซี่ยวพยายามจะหลบพ่อของเธอเลยแอบไปซ่อนตัวที่โต๊ะของกู้เว่ย เมื่อพ่อของเธอเห็นเธอก็ชุบมือเปิบบอกพ่อเธอไปว่ากู้เว่ยเป็นแฟนของเธอ แต่กู้เว่ยก็ปฏิเสธ

ต่อมาทั้งคู่ก็เจอกันอีกครั้งที่โรงพยาบาล ตอนแรกหลินจื่อเซี่ยวคิดว่ากู้เว่ยเป็นนักต้มตุ๋น แต่สุดท้ายเธอก็ได้รู้ว่าเขาเป็นศัลยแพทย์และเป็นหมอเจ้าของไข้ของพ่อของเธอด้วย ในตอนที่อยู่ในโรงพยาบาลทั้งคู่ใกล้ชิดกันตลอดเวลา ความสัมพันธ์เลยเป็นแบบ “ญาติคนไข้และแพทย์” อยู่ไปอยู่มาทั้งคู่ก็แอบมีความรู้สึกดี ๆ ให้กันแบบไม่รู้ตัว เพราะหลินจื่อเซี่ยวคอยปลอบประโลมกู้เว่ย ในขณะที่กู้เว่ยก็เป็นพลังบวกให้กับหลินจื่อเซี่ยวเช่นเดียวกัน ปกติแล้วกู้เว่ยเป็นคนที่รักความสะอาดมากแตาเมื่อหลินจื่อเซี่ยวเข้ามา โรคนี้ก็หายไปซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าหลินจื่อเซี่ยวเริ่มเป็นคนพิเศษสำหรับเขาแล้ว ขอบอกเลยว่าแต่ละฉากหวานมาก ผู้เขียนก็อยากมีหมอกู้เป็นของตัวเองเหมือนกันค่ะทุกคน…
5. มือที่ 3 เป็นตัวละครที่ต้องมีในซีรีส์แนวโรแมนติก – ดราม่า
คุณคือคำปฏิญาณแห่งรัก (The Oath of Love) ก็เหมือนกับซีรีส์เรื่องอื่น ๆ ค่ะ มือที่ 3 หรือตัวละครที่ 3 ที่มาแทรกกลางความรักก็ต้องมีอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในเรื่องก็จะมีคนที่ชอบพระเอกและมีคนที่ชอบนางเอกเหมือนกันค่ะ โดยจะแบ่งออกเป็นความสัมพันธ์ของกู้เว่ยกับเกาซีและความสัมพันธ์ของหลินจื่อเซี่ยวกับเซ่าเจียง ดังนี้ค่ะ
กู้เว่ยและเกาซี

กู้เว่ยและเกาซีเป็นแพทย์เหมือนกันทั้งคู่และเป็นแพทย์ที่อยู่ในแผนกเดียวกันด้วย ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมานานมาก ซึ่งคนที่ล้ำเส้นความเป็นเพื่อนก่อนก็คือเกาซีค่ะ หมอเกาซีนั้นชอบกู้เว่ยมากและชอบมานานมากแล้ว เมื่อเธอเห็นว่าหลินจื่อเซี่ยวและกู้เว่ยมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา เธอก็หาทางที่จะกันท่าและขัดขวางความสัมพันธ์เหล่านี้ แน่นอนว่าความรู้สึกแบบนี้ไม่ผิด แต่การที่เขาไม่ชอบเรามันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเหมือนกันค่ะ หลายคนอาจจะมองว่าเมื่อเป็นหมอด้วยกันความสัมพันธ์ก็น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด แต่กู้เว่ยไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยค่ะ เพราะว่าเมื่อเขาเห็นเกาซีก็เหมือนว่าเขาเห็นตัวเอง เพราะทั้งคู่มีความเหมือนกันมากเกินไป การเจอและต้องอยู่กับคนประเภทเดียวกันตลอดเวลามันเป็นเรื่องที่ไม่เวิร์กจริง ๆ ค่ะ แต่ทางด้านเกาซีเธอไม่ได้คิดแบบนั้นเพราะว่าเธอชอบเขามากนั่นเอง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นความเหมือนหรือความต่างเธอก็มองข้ามไปหมดเลยค่ะ
หลินจื่อเซี่ยวและเซ่าเจียง

หลินจื่อเซี่ยวและเซ่าเจียงเป็นความสัมพันธ์แบบรุ่นพี่รุ่นน้องค่ะ แต่เซ่าเจียงชอบหลินจื่อเซี่ยว หลินจื่อเซี่ยวของเราก็ทำมึนเก่งมากค่ะ จุดที่เหมือนกันระหว่างคู่ของหลินจื่อเซี่ยวและเซ่าเจียงกับคู่ของกู้เว่ยและเกาซีก็คือว่าทั้งหลินจื่อเซี่ยวและเซ่าเจียงเป็นนักดนตรีเหมือนกันทั้งคู่ค่ะ แต่เซ่าเจียงคือนำหน้าหลินจื่อเซี่ยวไปแล้วเพราะเขาเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงและได้ไปศึกษาที่ต่างประเทศ ในขณะที่หลินจื่อเซี่ยวยังเรียนไม่จบ เซ่าเจียงสนับสนุนเส้นทางของหลินจื่อเซี่ยวมากเพราะเขาชอบเธอและหวังว่าจะได้ยืนอยู่บนเวทีเดียวกับเธอ แต่ผู้เขียนมองว่าการที่ทั้งคู่เป็นนักดนตรีเหมือนกันก็เหมือนกับการมองกระจกและเห็นตัวเองเหมือนกันค่ะ ต้องไปติดตามชมว่าหลินจื่อเซี่ยวและเซ่าเจียงจะมีความสัมพันธ์เป็นไปในทิศทางไหน