ในยุคที่โลกเริ่มมีความศิวิไลซ์ ภายในเมืองมีแต่ตึกและรถที่ติดยาวหลายกิโลเมตร ทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่โหยหาธรรมชาติกันมากขึ้น เพื่อที่จะผ่อนคลายและสูดอากาศธรรมชาติที่มีความบริสุทธิ์เข้าปอด หลายคนเลือกที่จะเดินทางไปเที่ยวตามเกาะหรือทะเลชื่อดัง อย่าง เกาะเต่า, เกาะล้าน, เกาะหลีเป๊ะ หรือเกาะพีพี เพื่อที่จะได้เล่นน้ำทะเลสีครามและรับลมบริเวณชายหาด ในขณะเดียวกันก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ชื่นชอบความเขียวขจีของต้นไม้และความเงียบสงบภายในป่า ดังนั้นกิจกรรมยอดฮิตคงหนีไม่พ้นการเดินป่า และ การตั้งแคมป์
แต่สำหรับการตั้งแคมป์นั้นไม่ใช่ว่าคนจะเดินตัวเปล่าเข้าไปในป่าได้ในทันที เพราะอย่าลืมว่าภายในป่าไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใด ๆ เลย ฉะนั้นการเตรียมพร้อมเกี่ยวกับอุปกรณ์ตั้งแคมป์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยอุปกรณ์ที่จะต้องเตรียมไปด้วยก็ควรจะมีพวก โต๊ะสนาม, เก้าอี้สนาม, ไฟฉาย, กระดาษชำระ, สเปรย์กันยุง, มีดพับ, ไฟแช็ก, เตาแก๊สปิคนิค, ถุงนอน และที่ห้ามลืมโดยเด็ดขาด ! คือ เต็นท์ ที่ไว้ใช้สำหรับการนอนภายในป่า
อย่างไรก็ดีปัญหาที่สายแอดเวนเจอร์พบเจอกันบ่อย และไม่สามารถที่จะควบคุมได้นั่นคือสภาพอากาศ ที่ในบางครั้งก็มีอุณหภูมิสูงและแสงแดดจ้าจนตับแทบจะแตก ในขณะที่บางครั้งคุณก็อาจจะต้องพบเจอกับฝนที่ตกมาแบบกระหน่ำจนต้องรีบเข้าไปในเต็นท์เพื่อทำการหลบฝน ซึ่งเมื่อเต็นท์ของเราโดนเข้ากับรังสี UV และน้ำฝนบ่อยครั้ง ประสิทธิภาพของมันก็จะแย่ลงไปตามกาลเวลา ทั้งยังอาจทำให้มันพังเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
โดยการแก้ปัญหาในตรงนี้จะมีการใช้อุปกรณ์หรือผ้าชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘ฟลายชีท แคมป์ปิ้ง’ ซึ่งใช้สำหรับการกางคลุมเต็นท์อีกหนึ่งชั้น ป้องกันไม่ให้แดดและฝนโดนกับเต็นท์ของเราโดยตรง เพื่อที่จะยืดระยะเวลาการใช้งานของเต็นท์ นอกจากนี้มันยังมีประโยชน์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาไปปูกับพื้นดิน เพื่อไม่ให้เราเหยียบหรือนั่งบนพื้นแฉะ รวมไปถึงยังทำให้เราสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในร่ม โดยที่ผิวของเราไม่ต้องโดนกับแดดและเปียกฝน อีกทั้งยังติดตั้งได้ง่ายมาก เพียงแค่ผูกกับต้นไม้หรือจะตั้งเสาก็ได้แล้วแต่ความสะดวกของผู้ใช้งาน
ฟลายชีท (Fly Sheet) กับ เต็นท์ (Tents) แตกต่างกันอย่างไร ?
ผมเชื่อว่ามือใหม่ในการตั้งแคมป์หลายคนคงจะเกิดคำถามกันค่อนข้างเยอะว่าฟลายชีทกับแคมป์นั้นแตกต่างกันอย่างไร? ดังนั้นเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายเรามาเริ่มกันที่ “เต็นท์” ก่อนครับ โดยเต็นท์ก็อย่างที่ทราบกันดีว่ามันจะใช้ในการกางเพื่อพักอาศัยท่ามกลางธรรมชาติ ทั้งนี้บริเวณหน้าเต็นท์จะมีประตูที่เป็นซิปเพื่อใช้ในการเปิดปิดหรือเป็นทางเข้าทางออก นั่นหมายความว่ามันจะมีประสิทธิภาพในการกันฝนและแมลงต่าง ๆ ให้กับเราได้แบบ 360 องศา

ส่วน “ฟลายชีท” ถ้าให้อธิบายให้เห็นภาพเลยคือมันจะเป็นตัวคลุมหรือผ้าใบที่ใช้สำหรับกางไว้ด้านบนของเต็นท์อีกชั้นนั่นเองครับ เมื่อกางไปแล้วมันจะเปรียบเสมือนกับร่มที่คอยป้องกันทั้งรังสี UV และฝน ไม่ให้โดนเข้ากับเต็นท์สุดโปรดของเราโดยตรง ซึ่งตรงนี้จะช่วยในการยืดระยะเวลาการใช้งานของเต็นท์ให้นานขึ้น และเต็นท์ไหนที่มีสภาพเก่า ก็อาจจะเสริมการป้องกันลม, แสงแดด และฝน ด้วยฟลายชีทได้ ในขณะเดียวกันคุณอาจกางเพียงแค่ฟลายชีทสำหรับการนอนท่ามกลางธรรมชาติได้ด้วย ซึ่งข้อได้เปรียบของมันคือ ทำให้เรามองเห็นธรรมชาติในระหว่างการนอนแบบ 360 องศา

ฟลายชีท (Fly Sheet) กับ ทาร์ป (Tarp) เหมือนกันหรือไม่ ?
ถ้าให้พูดถึงความหมายตามหลักสากลหรือคำอธิบายที่แท้จริงแล้ว คนไทยจำนวนมากจะเข้าใจผิดกันเยอะ เพราะฟลายชีทที่เป็นผ้าใบกางเหนือเต็นท์สูง ๆ ที่เราเข้าใจกันว่ามันคือฟลายชีท แต่จริง ๆ แล้วมันคือ “ทาร์ป” ส่วนเจ้าฟลายชีทจะเป็นผ้าอีกชั้นที่ติดแนบสนิทอยู่ส่วนบนของเต็นท์ ซึ่งจะมีหน้าที่ในการป้องกันแดดและฝนเช่นเดียวกัน ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าสินค้าในออนไลน์หรือร้านค้าที่ขายอุปกรณ์เกี่ยวกับการแคมป์ปิ้ง จะมีทั้งสองคำนี้อยู่ร่วมกันเสมอ แต่เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย เราจึงอธิบายส่วนนี้ก่อนเพื่อให้ทุกคนไม่ซับสนกันครับ
วิธีการเลือกฟลายชีทคุณภาพและดีที่สุด
1. ขนาดของฟลายชีท
การเลือกขนาดของฟลายชีทนั้นจะต้องนำไปเปรียบเทียบกับเต็นท์ของคุณว่ามันสามารถคลุมได้รอบด้านหรือไม่ หากมันสามารถครอบคลุมได้ทั้งหมดและเผื่อเหลือเผื่อขาด อาจจะใหญ่ประมาณ 1 ไซส์ ก็ถือว่าเป็นขนาดที่เหมาะสมครับ แต่สำหรับคนที่ต้องการฟลายชีทไว้กางเพื่อนอนโดยเฉพาะ คุณจะต้องไปดูที่จำนวนของคนใช้งาน
จำนวนคนใช้งานขนาดที่เหมาะสม (ฟุต)
จำนวนคนใช้งาน | ขนาดที่เหมาะสม (ฟุต) |
---|---|
1 – 2 คน | 5 x 7 หรือ 6 x 8 |
2 – 3 คน | 6 x 8 หรือ 7 x 9 |
3 – 4 คน | 7 x 9 หรือ 8 x 10 |
5 – 6 คน | 8 x 10 หรือ 9 x 12 |
6 – 8 คน | 10 x 12 หรือ 10 x 14 |
*ขนาดและมาตรวัดที่แนะนำไม่ใช่ขนาดที่ตายตัว เพราะไซส์ของฟลายชีทจะแตกต่างกันออกไปตามแบรนด์ อีกทั้งมันยังขึ้นอยู่กับความต้องการและกิจกรรมของแต่ละคน*
2. มีประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำแบบ 100%

คุณสมบัติที่สำคัญมากที่สุดในการเลือกซื้อฟลายชีทคือมันจะต้องมีการกันน้ำ หรือเขียนบนฉลากว่า “Waterproof” เพราะเหตุผลหลัก ๆ ที่เราใช้งานก็เพื่อจะป้องกันน้ำ และการที่ผ้าของฟลายชีทจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันที่ยาวนาน มันก็จะต้องเป็นผ้าที่กันน้ำโดยเฉพาะ
3. น้ำหนักจะต้องเบา
เพื่อให้เราเดินทางในป่าได้สะดวกยิ่งขึ้น แนะนำให้เลือกฟลายชีทที่มีน้ำหนักเบา เพราะมันจะทำให้เราสะดวกในการถือหรือสะพาย ไม่ต้องรู้สึกหนักและเป็นภาระในการเดินทางของเรา ดังนั้นก่อนซื้อแนะนำให้เช็กน้ำหนักของฟลายชีทก่อนครับ ซึ่งโดยส่วนใหญ่สินค้าจะมีบอกอยู่แล้ว
4. อุปกรณ์ภายในเซ็ต
นอกจากที่จะมีผ้าฟลายชีทแล้ว สินค้าบางตัวจะมาพร้อมกับเซ็ตอุปกรณ์ติดตั้ง ไม่ว่าจะเป็น เสา, สมอบก และ เชือก ซึ่งตรงนี้จะอยู่ที่ว่าคุณต้องการหรือไม่ หากไม่ต้องการก็ซื้อเฉพาะผ้าฟลายชีทอย่างเดียว แต่ถ้าหากต้องการอุปกรณ์สำหรับการติดตั้งก็ให้เลือกสินค้าที่มาเป็นเซ็ตครับ
5. วัสดุมีความทนทาน
เนื้อผ้าของฟลายชีทจะต้องมีความทนทานสูง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ววัสดุที่ใช้ผลิตจะเป็น PU, ซิลิโคน, ไนลอน หรือ โพลี่ เพราะวัสดุทั้งหมดนี้จะมีคุณสมบัติที่ทั้งกันน้ำและแดดได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอากาศแบบไหน มันก็จะทนได้ทั้งหมด
6. รูปทรงของผ้า
จริง ๆ แล้วรูปทรงของผ้านั้นขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน โดยจะมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ทรงหกเหลี่ยม, ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส และอื่น ๆ แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือมันควรจะป้องกันแดดและฝนของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
product_table item=”117369,117381,117389,117395,117402,117408,117414,117422,117430,117442″ info=”1″]
ทำไมถึงต้องใช้ฟลายชีท ?
หลายคนคงจะตั้งคำถามนี้กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งผมก็จะมาเฉลยกันในนี้เลยครับว่าทำไมมันถึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการซื้อไปใช้งาน
- ราคาถูก ราคาของมันถูกกว่าเต็นท์ในระดับหลักร้อยหรือหลักพันเลยทีเดียวครับ หากคุณมีอุปกรณ์ที่คอยป้องกันยุงได้ตลอดทั้งคืนหรือไม่กังวลในเรื่องของแมลง บอกได้เลยว่าฟลายชีทนั้นน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะคุณจะได้ไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าจำนวนมาก ๆ
- น้ำหนักเบา พกพาสะดวก น้ำหนักของฟลายชีทจะเบา อีกทั้งฟลายชีทบางตัวยังมีการออกแบบมาพร้อมกับกระเป๋า หรือมีขนาดที่ใส่กับกระเป๋าเดินป่าได้พอดี ซึ่งตรงนี้จะทำให้คุณพกพาหรือถือไปได้อย่างสะดวก
- สามารถก่อไฟได้ การก่อไฟในที่นี้หมายความว่าคุณสามารถนำฟลายชีทมากาง บริเวณหรือกลางกองไฟได้ (แต่ต้องมั่นใจว่าเปลวไฟจะห่างกับเนื้อผ้า) เพราะมันจะหน้าที่ในการป้องกันน้ำและฝน ไม่ให้ไฟของเราดับลง
- ทำให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติยิ่งขึ้น ด้วยฟลายชีทจะปกคลุมเราจากด้านบน แต่ด้านข้างมันยังคงเปิดโล่งไว้ให้เราได้เห็นธรรมชาติ ดังนั้นคุณจะรู้สึกเหมือนกับได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติตลอดเวลา
- ทำให้พื้นบริเวณที่กางแห้ง ลองจินตนาการถึงดินที่มีความเปียกชื้นจนเป็นโคลนกันสิครับ แค่คิดก็ไม่ยากจะเหยียบลงไปแล้ว แต่ถ้าหากเรากางฟลายชีทไว้ด้านบน แน่นอนว่าพื้นส่วนล่างจะไม่โดนน้ำและฝน ทำให้เราไม่เกิดพื้นที่เราพักผ่อนจะไม่มีความชื้นและสกปรกจากดินโคลน
- ติดตั้งได้หลากหลาย ฟลายชีทสามารถติดตั้งได้โดยใช้เสาหรือจะผูกเข้ากับต้นไม้ก็ได้ นอกจากนี้ตัวผ้ายังมีประโยชน์ ที่คุณสามารถนำไปกางไว้บนพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้รองเท้าหรือเท้าเราลงไปเหยียบกับน้ำแฉะ ๆ
ประสิทธิภาพและคุณสมบัติในการป้องกันสิ่งต่าง ๆ ภายในป่า
1. ป้องกันแสงแดดและความร้อน
คุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ฟลายชีทส่วนใหญ่จะต้องมีคือการป้องกันแสงแดดและรังสี UV ครับ ถึงแม้ว่าสายแอดเวนเจอร์หรือคนที่เดินป่าส่วนใหญ่จะไม่กลัวแดดกัน แต่อย่างที่เราทราบกันดีว่าแสงแดดในยามบ่าย เรียกได้ว่าร้อนระอุและทำร้ายผิวของเราอย่างหนัก ซึ่งการที่จะช่วยคลายความร้อนและหลบแสงแดดได้ดี ฟรายชีทเป็นอีกช้อยส์หนึ่งที่จะช่วยได้ดีเลยละครับ
2. ปกป้องเราจะความเปียกและความชื้นบนดิน
อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่ามันมีประสิทธิภาพในการกันฝน นอกจากที่จะนำมากางได้แล้ว คุณยังใช้สำหรับการปูบนพื้นดินได้อีกด้วย ทำให้คุณไม่ต้องไปนั่งเปียกบนพื้นแฉะ ๆ หรือไปเหยียบย่ำกับโคลนสกปรก
3. ทำให้เต็นท์มีอายุการใช้งานมากขึ้น
แม้ว่าคุณสมบัติของเต็นท์จะมีข้อดีในเรื่องของการทนแสงแดดและฝน แต่ถ้าหากคุณใช้บ่อย ประสิทธิภาพของมันก็จะค่อย ๆ เสื่อมถอยไปตามการใช้งาน แต่ถ้าหากมีการกางฟลายชีทไว้ด้านบน แน่นอนว่าทั้งแดดและฝนก็จะไม่โดนเต็นท์ของเรา ทำให้มันยืดระยะเวลาไปได้นานกว่าเดิมหลายเท่าตัวเลยครับ
วิธีการทำความสะอาดฟรายชีทอย่างถูกต้อง
อุปกรณ์ที่คุณจะต้องเตรียม
- น้ำยาล้างจาน
- ฟองน้ำล้างจาน
- ขวดสเปรย์
- น้ำส้มสายชู
- ทิชชู่
ขั้นตอนการทำความสะอาด
- ขั้นตอนแรกก่อนที่จะเริ่มทำความสะอาด แนะนำให้เขย่าผ้าของมันก่อนครับ เพราะเศษดินหรือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่จะได้กระเด็นออกไป ถ้าหากฟลายชีทมีขนาดใหญ่ ก็ให้หาเพื่อนสักคนมาช่วย เนื่องจากการเขย่าจะทำให้มันทำความสะอาดง่ายขึ้น
- เตรียมขวดสเปรย์มา แล้วให้ใส่น้ำส้มสายชูและน้ำเปล่า จากนั้นฉีดลงไปในบริเวณที่เป็นดินหรือโคลน แล้วพักไว้ประมาณ 3 นาที ให้น้ำยาทำการละลายโคลน เมื่อครบเวลาแล้วจึงค่อยใช้ทิชชู่เช็ดออก
- เพื่อที่จะให้ฟรายชีทมีความสะอาดแบบล้ำลึก ควรจะต้องทำความสะอาดต่อด้วยน้ำยาล้างจาน และขัดด้วยฟองน้ำล้างจานจนสะอาด หลังจากนั้นก็นำไปตากให้แห้ง แล้วนำไปเก็บไว้ในกระเป๋าที่แถมมากับฟลายชีท เพื่อที่จะเตรียมไว้ใช้ในครั้งต่อไป