การทานอาหารเช้าเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำเป็นประจำ เพราะร่างกายของเราต้องการสารอาหารเพื่อบำรุงร่างกายและสมอง แต่บางครั้งหลาย ๆ คนก็ไม่ได้ทานอาหารเช้า อาจจะเพราะว่าไม่มีเวลามากพอที่จะทานนั่นเอง แต่ในปัจจุบันมีเมนูอาหารเช้าง่าย ๆ ที่ใช้เวลาไม่มากให้คุณสามารถทานได้เพื่อให้อิ่มท้องและมีแรงทำกิจกรรมต่าง ๆ ในระหว่างวันได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นชาร้อนสมุนไพร, กาแฟดำ, กาแฟ 3 in 1, กาแฟกระป๋อง, น้ำผลไม้กล่อง, นมกล่อง, นมถั่วเหลือง, นมอัลมอนด์, ขนมปังแผ่น และอาหารเช้าซีเรียล และดูเหมือนว่าขนมปังจะเป็นอาหารที่ยอดนิยมที่สุดสำหรับมื้อเช้า แต่ถ้าเราอยากได้รับรสชาติอร่อยเพิ่มเติม ขนมปังจะต้องมีท็อปปิ้งด้านบน หลายคนเลือกที่จะทานขนมปังกับเนยถั่ว, นมข้นหวาน, ซอสช็อกโกแลต และเนย แต่ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่สามารถนำมาทาบนขนมปังเพื่อเพิ่มรสชาติได้นั่นก็คือ “แยมผลไม้” ครับ แยมนั้นเป็นอาหารที่อร่อยมาก มีความเปรี้ยวและหวานที่ลงตัว มีหลายรสชาติให้เลือกไม่ว่าจะเป็นแยมสตรอเบอร์รี่, แยมมัลเบอร์รี่, แยมมะม่วง, แยมผลไม้รวม, แยมราสเบอร์รี่ และสุดท้ายเป็นแยมที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ก็คือ “แยมส้ม” ครับ
ส้มเป็นผลไม้ยอดฮิตทั้งในและต่างประเทศ เพราะมันสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นเปลือกหรือผลของส้มด้านใน สำหรับเปลือกของส้มนั้น มีกลิ่นหอมมากสามารถนำไปสกัดเป็นน้ำมันเปลือกส้มเพื่อใช้เป็นน้ำมันหอมระเหยได้ ในเมื่อส้มมีความอร่อยมาก จึงมีการคิดค้นนำมันมาทำเป็นน้ำส้มกล่องหรือแยมส้มโดยผ่านกรรมวิธีการกวนจนได้เนื้อละเอียด เพื่อที่เราจะสามารถนำมันมาทาบนขนมปังนุ่ม ๆ ได้ ปัจจุบันมีแยมส้มให้เราเลือกทานหลายยี่ห้อมาก นั่นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลครับ บางคนเมื่อได้ทานแยมยี่ห้อไหนที่อร่อยถูกใจแล้วก็จะทานยี่ห้อนั้นไปตลอดเพราะมั่นใจในคุณภาพ หากวันนี้คุณกำลังมองหาแยมส้มเพื่อทาขนมปังในตอนเช้า เราก็มีคำแนะนำในการเลือกซื้อพร้อมกับแนะนำแยมส้มที่ดีที่สุดกันครับ
ความเป็นมาของแยม
แยม (Jam) มีความเป็นมาที่ยาวนานโดยเริ่มต้นในศตวรรษแรกในกรุงโรม ในความเป็นจริงตำราอาหารเล่มแรกที่เคยบันทึกไว้เรื่องการทำอาหารมีสูตรแยมอยู่ในนั้น ในอดีตเคยมีการใช้แยมเพราะแยมเป็นการถนอมอาหารและเป็นวิธีที่จะได้รับประโยชน์จากคุณสมบัติทางโภชนาการของผลไม้ได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งผลไม้จะมีฤดูการเจริญเติบโตที่สั้นลง

น้ำผึ้งมักจะถูกใช้เป็นสารให้ความหวานให้กับแยมในสมัยก่อน ในช่วงหลังมีการผลิตน้ำตาลทรายเลยใช้น้ำตาลทรายแทนน้ำผึ้งตลอดมา การทำแยมก็แพร่กระจายไปทั่วโลกโดยดัดแปลงและแบ่งปันระหว่างวัฒนธรรม ในศตวรรษที่ 16 มีการคิดค้นมาร์มาเลดขึ้นมา เพื่อใช้รักษาอาการเมาเรือโดยการถนอมส้มด้วยน้ำตาล นอกจากนี้แพทย์ชาวอังกฤษค้นพบวิตามินซีในผลไม้รสเปรี้ยวที่ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน (1) แม้ว่าส้มและมะนาวสดนั้นไม่สามารถอยู่รอดได้ในการเดินทางเป็นเวลาหลายเดือน แต่แยมที่ทำไว้นั้นสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานและใช้งานได้ตลอดการเดินทาง จนกระทั่งศตวรรษที่ 17 ที่มีการบันทึกสูตรแยมขึ้นในสหรัฐอเมริกา แยมมักจะมีรสหวานจากน้ำผึ้งพร้อมกับน้ำตาลเมเปิ้ลและกากน้ำตาล เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ผู้คนเริ่มต้มเปลือกแอปเปิ้ลเพื่อให้ได้เพกตินซึ่งจะถูกเพิ่มลงในแยมเพื่อเป็นสารเพิ่มความข้น ปัจจุบันแยมเป็นวัตถุดิบในหลายวัฒนธรรมทั่วโลกและยังคงให้ทั้งความหวานและคุณค่าทางโภชนาการแก่ทุกคนที่ชื่นชอบ
ประเภทของแยม
แยมนั้นไม่ได้มีเพียงประเภทเดียวมันมี 2 ชนิดที่นิยมมาก ๆ ทั้งในและต่างประเทศนั่นก็คือแยมธรรมดาทั่วไปกับแยมแบบมาร์มาเลด ซึ่งทั้งสองนั้นแตกต่างกันที่เนื้อสัมผัสของแยมและมีส่วนผสมที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย
1. แยม (Jam)

คำว่า “แยม” มักใช้เพื่ออธิบายการเก็บรักษาผลไม้เกือบทุกชนิดที่บรรจุลงในขวด แต่ถ้าคุณต้องการทราบข้อมูลทางเทคนิค เราขอตอบว่าแยมคือผลไม้ที่ปรุงด้วยน้ำตาลและนำไปบดให้เป็นเนื้อเดียวกัน นอกจากนี้ยังปรุงจนได้รสชาติด้วยการใช้เพคตินหรือน้ำตาล แยมที่แท้จริงจะไม่เป็นก้อนและต้องเข้มข้น นอกเหนือจากการทาบนขนมปังแล้วแยมมักใช้เป็นไส้ในขนมอบ เช่น คุกกี้และทาร์ตเล็ต
2. มาร์มาเลด (Marmalade)

แยมชนิดนี้ส่วนใหญ่มักจะแยมส้มเนื้อสัมผัสจะเป็นเยลลี่ที่มีเนื้อส้มอยู่ภายในด้วย แต่แยมแบบมาร์มาเลดนั้นอาจจะมีการผสมน้ำมะนาว ส้มจี๊ดและส้มอื่น ๆ ในความเป็นจริงต้นกำเนิดของมาร์มาเลดไม่ได้มาจากส้มเลย แต่มาจากผลไม้ที่มีเพคตินสูงอีกชนิดหนึ่งคือควินซ์ ซึ่งเป็นผลไม้ข้ามสายพันธุ์เกิดจากการรวมกันของแอปเปิ้ลและลูกแพร์ ซึ่งผลไม้ชนิดนี้มีรสเปรี้ยวมากและมีการนำมันมาทำมาร์มาเลด
วิธีเลือกแยมส้มที่ดีที่สุด
1. ส่วนผสม
แยมส้มนั้นหลายคนอาจจะคิดว่ามีส่วนผสมจากส้มเพียงอย่างเดียว นั่นเป็นข้อสันนิษฐานที่ถูกต้องในแยมแบบธรรมดา แต่ไม่ใช้กับแยมมาร์มาเลดครับ เพราะเนื่องจากแยมมาร์มาเลดจะมีส่วนผสมของผลไม้และมีรสชาติที่เปรี้ยวกว่าจึงมีการผสมส่วนผสมอื่น ๆ เข้าไปไม่ได้มีแค่ส้มล้วน ๆ ที่ผสมอยู่ อาจจะเป็นมะนาว ส้มจี๊ด ส้มโอ หรือเลม่อนก็ได้เพื่อให้ได้รสชาติที่หอมและเปรี้ยว ๆ หวานตามฉบับของมาร์มาเลด การทานรสชาติที่แปลกใหม่อาจจะทำให้คุณได้เพิ่มประสบการณ์ในการทานแยมครับ
2. ปริมาณน้ำตาล
แยมนั้นมักจะมีการเพิ่มน้ำตาลลงไปอยู่แล้วและอาศัยความหวานจากผลไม้ด้วย หากคุณไม่อยากทานน้ำตาลในปริมาณที่เยอะมาก ให้ตรวจสอบปริมาณน้ำตาลก่อนซื้อ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วปริมาณน้ำตาลจะปรากฏอยู่ที่ด้านหลังของขวดแยมครับ อาจจะเป็นปริมาณเปอร์เซ็นต์หรือกรัมที่เราสามารถตรวจสอบได้
3. ปริมาณ
แยมส่วนใหญ่จะมาในบรรจุภัณฑ์แบบขวดแก้วหรือพลาสติกหากคุณไม่ได้ใช้งานแยมมากนักให้ซื้อเพียงขวดเล็ก ๆ ก็เพียงพอเพราะแยมบางยี่ห้อนั้นไม่สามารถเก็บไว้ได้นานมากอาจจะมีราเกิดขึ้นได้ โดยทั่วไปแล้วอายุเก็บของแยมจะอยู่ที่ประมาณ 3 เดือน แต่หากคุณซื้อแยมเป็นประจำทุกวันให้ซื้อขวดใหญ่ไปเลยเพราะคุ้มค่ากว่ามากครับ
อิมพีเรียลแยมมาร์มาเลดส้ม 160 กรัม

ราคา 44 บาท*
ปริมาณ | 170 กรัม |
---|---|
ประเภทของแยม | มาร์มาเลด |
ส่วนผสม | เนื้อส้ม 0% และผิวส้ม 10% |
ปริมาณน้ำตาล | น้ำตาล 58% และกลูโคส 13% |
เอ็มไพร์แยมมาร์มาเลดส้ม

ราคา 109 บาท*
ปริมาณ | 220 กรัม |
---|---|
ประเภทของแยม | มาร์มาเลด |
ส่วนผสม | เนื้อส้ม 20% และผิวส้ม 15% |
ปริมาณน้ำตาล | น้ำตาลทราย 42% |
Rose's Orange Fine Cut Marmalade แยมผิวส้มตัดละเอียด

ราคา 147 บาท*
ปริมาณ | 454 กรัม |
---|---|
ประเภทของแยม | มาร์มาเลด |
ส่วนผสม | เลม่อน 10% และมะนาว 10% |
ปริมาณน้ำตาล | น้ำเชื่อม 66% และน้ำตาล 12% |
สตรีมไลน์แยมมาร์มาเลดส้ม

ราคา 149 บาท*
ปริมาณ | 340 กรัม |
---|---|
ประเภทของแยม | มาร์มาเลด |
ส่วนผสม | ส้ม 50% และมะนาว 0.6% |
ปริมาณน้ำตาล | กลูโคส - ฟลักโทส ไซรัป 32% และน้ำตาล 9% |
เวทโทรสเอสเซนเชี่ยลแยมส้มมาร์มาเลดออเร้นจ์ไฟน์คัท

ราคา 155 บาท*
ปริมาณ | 454 กรัม |
---|---|
ประเภทของแยม | มาร์มาเลด |
ส่วนผสม | ส้ม |
ปริมาณน้ำตาล | ไม่ระบุ |
ลาเวียฮาฟาบริกาแยมผิวส้ม

ราคา 170 บาท*
ปริมาณ | 375 กรัม |
---|---|
ประเภทของแยม | มาร์มาเลด |
ส่วนผสม | ส้ม 50% |
ปริมาณน้ำตาล | น้ำตาล 49% |
Feliz Yuzu TEA ชาส้มยูสุผสมน้ำผึ้ง

ราคา 298 บาท*
ปริมาณ | 560 กรัม |
---|---|
ประเภทของแยม | สูตรธรรมดา |
ส่วนผสม | เนื้อส้ม 50%, ผิวส้ม 0% และน้ำผึ้ง 2.5% |
ปริมาณน้ำตาล | 33.48% |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ รีวิว แยมส้ม ยี่ห้อไหนอร่อยที่สุด ปี 2023 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
|
แยมใช้ทำอะไรบ้าง ?
ปกติแล้วเราจะใช้แยมทาบนขนมปังเพราะมันเป็นวิธีที่ง่ายมากและน่ารับประทานแต่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าอันที่จริงแยมนั้นสามารถใช้งานได้มากกว่าทากับขนมปัง ซึ่งวันนี้เราจะนำคำแนะนำในการใช้งานแยมมาฝากกันค่ะ
- นำแยมที่คุณชื่นชอบหนึ่งช้อนโต๊ะผสมกับโยเกิร์ตนมธรรมดาหรือโยเกิร์ตทำเองแทนที่จะทานโยเกิร์ตรสตรอเบอร์รี่ เพราะมันดีต่อสุขภาพมากกว่าโยเกิร์ตยี่ห้อที่มีน้ำตาล
โยเกิร์ตทำเอง - ทานคู่กับชีสที่คุณชื่นชอบ โปรตีนจากชีสช่วยปรับสมดุลของคาร์โบไฮเดรตจากแยมและให้รสชาติที่อร่อยมาก
- ผสมแยมกับไวน์แดงเพื่อทำซอสสำหรับหมักเนื้อ
- ผสมแยมกับเหล้าที่คุณชื่นชอบ มันจะได้รสชาติผลไม้และค็อกเทลจากธรรมชาติ เพียงแค่เขย่าคุณก็จะได้เหล้าในรสชาติที่พอใจแต่ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
- ใส่แยมลงในแซนวิชชีสย่าง มันจะได้รสชาติที่แปลกใหม่และอร่อย และแน่นอนว่าเด็ก ๆ จะต้องชอบเมนูนี้
- ทานคู่กับไอศครีมวานิลลา หรือหากคุณทำไอศครีมทานเองแบบไม่มีน้ำตาลคุณสามารถทานคู่กับแยมได้เพื่อให้รสชาติอร่อยขึ้น
- ผสมแยมกับน้ำแล้วแช่แข็งในถาดน้ำแข็งพร้อมแท่งไม้คุณก็จะได้ไอติมที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น
ถาดน้ำแข็ง - เพลิดเพลินกับการเสิร์ฟแยมพร้อมกับข้าวโอ๊ตในตอนเช้า ดีกว่าการเติมน้ำตาล
- ใส่แยมลงไปในซอสบาร์บีคิวแบบโฮมเมดหรือแบบสำเร็จรูปเพื่อให้มีความเปรี้ยวหวานที่ลงตัวมากขึ้น
References