ซี้อรถคันแรก ต้องรู้อะไรบ้าง – ขั้นตอนการซื้อรถใหม่

รถยนต์เป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะมี เพราะมันเป็นอย่างหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่าเรามีความเจริญก้าวหน้าทางการงาน เนื่องจากรถยนต์เป็นยานพาหนะอย่างหนึ่งที่ราคาค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่แล้วรถยนต์มือหนึ่งมีราคาเริ่มต้นเกือบ ๆ 500,000 บาทขึ้นไป หากใครซื้อได้ก็ถือเป็นของขวัญของคนทำงานอย่างหนึ่ง ที่เก็บหอมรอมริบเพื่อจะได้นำไปซื้อรถยนต์คันโปรดมาใช้ โดยรถยนต์ก็มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น Honda, Nissan, Toyota, Mazda, Mitsubishi, MG หรือหากใครมีกำลังซื้อเยอะหน่อยก็อาจเลือก Benz หรือ BMW

ทั้งนี้หลายคนคงคิดเพียงแค่ว่ารถยนต์คันแรกของตัวเองจะเป็นแบรนด์ไหน แต่หลายคนก็ไม่ได้คิดเลยว่าค่าใช้จ่ายไม่ได้มีเพียงแค่การซื้อรถยนต์มาเท่านั้น เพราะมันยังมีค่าดูแลรักษาเมื่อเข้าศูนย์, ค่าน้ำมัน, ภาษีรถยนต์, ค่าประกันรถยนต์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จำเป็นต้องควักเงินออกมาจ่าย ดังนั้นวันนี้ผมจึงอยากจะมาแชร์ความรู้เพื่อเตรียมตัวเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของตัวเองให้พร้อม

เมื่อมีรถยนต์แล้วต้องจ่ายอะไรบ้าง ?

ก่อนเริ่มซื้อรถยนต์เราควรทราบก่อนครับว่าค่าใช้จ่ายหลังจากนั้นมีอะไรบ้าง และเรามีกำลังจ่ายในการดูแลรักษารถยนต์ของเราหลังจากนี้หรือเปล่า โดยค่าใช้จ่ายที่ตามมาหลังจากการซื้อรถยนต์จะมี ดังนี้

• พิจารณาจากราคาของรถยนต์ : หากซื้อโดยจ่ายแบบเต็มจำนวนคุณมีเงินสำรองในการใช้ในชีวิตประจำหรือไม่ ? หรือถ้าหากผ่อนกับไฟแนนซ์จะต้องผ่อนเดือนละกี่บาท ?
• ค่าน้ำมัน : ต้องเช็กด้วยว่ารถยนต์ของเราประหยัดน้ำมันแค่ไหน และมีความจำเป็นต้องใช้น้ำมันในปริมาณเท่าไหร่ โดยค่าน้ำมันถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายสำคัญที่สุด ดังนั้นตรงนี้จะต้องคำนวนให้ดีเลยครับว่ารายรับเพียงพอต่อรายจ่ายส่วนนี้หรือป่าว ? (เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท ขึ่นอยู่กับระยะทางในการขับขี่)
• ภาษีรถยนต์ (ต้องจ่ายทุกปี): ภาษีรถยนต์เป็นสิ่งที่คนมีรถทุกคนต้องจ่าย โดยค่าภาษีขึ้นอยู่กับอายุของรถและขนาดของเครื่องยนต์ แต่อย่างไรก็ดีคุณจะต้องเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ในทุกปี (ราคาอยู่ที่ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงประมาณพันกว่าบาท ขึ้นอยู่กับอายุและขนาดเครื่องยนต์) นอกจากนี้รถยนต์ที่มีอายุใช้งานเกิน 7 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก จะต้องได้รับการตรวจสภาพรถก่อนจะไปยื่นชำระภาษีรถยนต์ประจำปีอีกด้วย (ตามกฎของกระทรวงตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522)
• ค่าประกันรถยนต์ (ต้องจ่ายทุกปี): จริง ๆ แล้วกฎหมายไม่ได้เขียนเอาไว้ครับว่ารถยนต์ต้องมีการซื้อประกันเอาไว้ แต่เพื่อเราควรมีการคุ้มครอบที่ครอบคลุมทั้งตัวรถและผู้ขับขี่ เราก็อาจต้องซื้อประกัน เพราะไม่มีใครรู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ (ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,500 ไปจนถึงหลัก 10,000 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับระดับชั้นของประกัน)
• ค่า พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ร.บ. เป็นประกันภายใต้กฎหมายที่รถยนต์ทุกคันจะต้องทำการจดทะเบียนกับทางกรมขนส่ง เพื่อคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ผู้โดยสาร, ผู้ขับขี่ หรือคนเดินเท้า *แต่ไม่ได้คุ้มครองตัวรถยนต์* (ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 600 – 3,740 บาท / ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของรถยนต์)

เลือกรถยนต์รุ่นที่อยากได้/รุ่นที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ

รถยนต์เป็นยานพาหนะที่มีการอัพเดทรุ่นใหม่ออกมาตลอดเกือบทุกปี ดังนั้นตัวเลือกถือว่าเยอะมาก ! แต่การเลือกรถยนต์ก็ไม่ได้ดูเพียงแค่รุ่นอย่างเดียว เราจะต้องดูด้วยว่ารถยนต์ที่ซื้อตอบโจทย์กับความต้องการของเราหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่ภายในรถยนต์, ความกว้างของกระโปรงหลัง, ฟังก์ชันภายในรถ และขนาดของรถยนต์เองก็สำคัญไม่แพ้กัน ยิ่งโดยเฉพาะคนเมืองซึ่งหาที่จอดรถยากมาก ดังนั้นขนาดรถที่ตอบโจทย์คือมันควรไม่ใหญ่จนเกินไป

อีกทั้งรถยนต์ในแต่ละรุ่นจะมีรุ่นย่อยมากมาย อย่างเช่น Toyota Yaris Ativ 2022 ที่เพิ่งออกมาไม่นานนี้มีรุ่นย่อยให้เราได้เลือกกว่า 4 รุ่น นั่นคือ Sport, Smart, Premium และ Premium Luxury ซึ่งแต่ละรุ่นมีราคาแตกต่างกันออกไป ถ้าหากเรามีกำลังซื้อไม่ได้เยอะ การเลือกรุ่นรอง ๆ ลงมาก็ไม่ได้ผิดครับ เพราะเป็นการเซฟค่าใช้จ่ายและยังย้ำคำเดิมครับว่าการเลือกรถยนต์ขึ้นอยู่กับว่ามันตอบโจทย์กับเงินในกระเป๋าและไลฟ์สไตล์ของเราหรือไม่ ? รถที่เหมาะสำหรับเราที่สุดไม่ใช่รถที่แพงที่สุด

ส่วนในกรณีการซื้อรถยนต์มือสองก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับคนต้องการประหยัดเงินหรือมีกำลังซื้อไม่เยอะ และหากคุณโชคดีเลือกเก่งหรือมีเทคนิคในการเลือก คุณอาจได้รถยนต์ราคาถูกและมีอายุการใช้งานไม่กี่ปีเท่านั้น แต่! ในกรณีไม่มีความรู้ทางด้านรถยนต์ก็อาจโชคร้ายได้รถไม่มีคุณภาพไปใช้ จนต้องจ่ายเงินซ่อม นอกจากนี้อาจต้องจ่ายภาษีแพงกว่าเล็กน้อย

ขั้นตอนการจัดไฟแนนซ์ 

‘จัดไฟแนนซ์’ ก็เปรียบเสมือนกับการขอกู้ยืมเงินจากบริษัททางการเงินเพื่อมาซื้อรถยนต์คันโปรดของตัวเอง ซึ่งข้อดีของการกู้ยืมคือเราไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินก้อนหลักแสนหลักล้านภายในคราวเดียว แต่สามารถผ่อนส่งเงินให้กับทางบริษัทไฟแนนซ์เป็นงวด ๆ พร้อมกับดอกเบี้ยเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังได้รถยนต์มาขับทันที จากนั้นเมื่อผ่อนชำระครบรถยนต์ก็จะเป็นชื่อของเราโดยทันที

เอกสารที่ใช้สำหรับการจัดไฟแนนซ์

1. ทะเบียนบ้าน
2. บัตรประชาชน
3. เอกสารแสดงรายได้ (หากเป็นพนักงานสามารถขอสลิปหรือเอกสารรับรองเงินเดือนได้จากบริษัทต้นสังกัด / รายงานการเดินบัญชีธนาคาร Statement)
4. หนังสือค้ำประกัน
5. หากมีการเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล จำเป็นต้องนำเอกสารมาประกอบด้วย

หาบริษัทไฟแนนซ์ได้จากที่ไหนบ้าง ?

• ค่ายรถยนต์ ในกรณีซื้อรถยนต์มือ 1 กับทางค่ายรถยนต์โดยตรง อย่างเช่น Toyota, Honda, Nissan หรือ Mercedes-Benz Leasing ทางค่ายรถยนต์จะมีบริการทางด้านนี้โดยตรง ซึ่งในระหว่างการพูดคุยกับทางเซลล์ คุณสามารถพูดรายละเอียดเกี่ยวกับไฟแนนซ์ได้
• ไฟแนนซ์ออนไลน์ ทุกวันนี้บริการไฟแนนซ์สามารถหาได้ง่าย ๆ ตามเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของสถานบันการเงิน โดยคุณสามารถยื่นเอกสารออนไลน์และขออนุมัติโดยไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านให้เสียเวลา
• ไฟแนนซ์เต็นท์รถยนต์ หากคุณตัดสินใจซื้อรถยนต์มือ 2 จากเต็นท์ คุณก็สามารถประสานงานและพูดคุยเกี่ยวกับไฟแนนซ์ผ่านทางผู้ขายรถยนต์ได้ทันที เพราะโดยปกติแล้วตามเต็นท์รถยนต์จะมีสถาบันการเงินประจำของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้ทางเต็นท์สามารถทำเรื่องให้กับเราได้

เกณฑ์การอนุมัติของบริษัทไฟแนนซ์

1. อาชีพ ส่วนใหญ่แล้วอาชีพที่ผ่านการอนุมัติค่อนข้างง่ายจะเป็น พนักงานบริษัท, ข้าราชการ หรือไม่ก็รัฐวิสากิจ เนื่องจากทั้งสามอาชีพนี้มีเงินเดือนเท่ากันในทุกเดือน แต่จริง ๆ แล้วไม่ว่าอาชีพไหนก็สามารถจัดไฟแนนซ์ได้ เพียงแต่ไฟแนนซ์อาจพิจารณาในการอนุมัติมากขึ้น *ถ้าต้องการให้ผ่านง่ายยิ่งขึ้นแนะนำว่าควรแสดง Statement ย้อนหลัง 6 เดือนเพื่อให้บริษัทไฟแนนซ์เห็นว่ามียอดเงินเดือนเข้าอย่างสม่ำเสมอ*
2. บุคคลยืนยันและความเป็นอยู่ของผู้ขอสินเชื่อ ทางบริษัทไฟแนนซ์จะตรวจสอบข้อมูลที่คุณได้ให้ไว้ โดยการติดต่อบุคคลต่าง ๆ อย่างเช่น HR ของทางบริษัทเพื่อเช็กว่าเงินเดือนที่ได้แจ้งไว้จริงหรือไม่ ? หรือเราเป็นพนักงานของบริษัทนี้จริง ๆ หรือเปล่า ? นอกจากนี้ไฟแนนซ์อาจไปเยี่ยมบ้านและถ่ายรูปบ้านของเราเพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจในการอนุมัติสินเชื่อ
3. ประวัติและภาระค่าใช้จ่าย หากทางผู้ขอไฟแนนซ์มีประวัติเกี่ยวกับการกู้ยืมหรือค้างชำระ ตรงนี้อาจเป็นอุปสรรคได้ เนื่องจากทางบริษัทไฟแนนซ์อาจมองว่าคุณยังไม่มีความมั่นคงทางการเงิน และอาจไม่มีเงินเพียงพอสำหรับการผ่อนชำระในอนาคต ดังนั้นแน่นอนว่าเปอร์เซ็นต์การอนุมัติก็จะลดลงตามไปด้วย แต่ถ้าหากคุณไม่มีประวัติแบล็คลิสต์หรือมีการผ่อนชำระบัตรเครดิตตรงทุกงวด ไม่เคยค้างชำระอะไรมาก่อน โอกาสการอนุมัติก็ย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย

ก่อนซื้อรถยนต์ต้องเช็กอะไรบ้าง?

เมื่อได้รถยนต์คันโปรดมาแล้วเราจำเป็นต้องเช็กก่อนถอยรถออกมาจากศูนย์ ยิ่งโดยเฉพาะใครที่ซื้อรถมือสอง ยิ่งจำเป็นต้องให้ความในส่วนนี้

• ลองขับ : การลองขับทำให้เราได้ทดลองระบบไฟ, ระบบล็อคประตู, หน้าต่าง, เข็มขัด, เครื่องเสียง, แอร์ และการทำงานของรถยนต์ว่าขับได้ลื่นไหลหรือป่าว
• ล้อรถยนต์ : ให้ตรวจเช็กสภาพของดอกยางว่ายังดีอยู่หรือไม่ ? เพราะถ้าหากล้อไม่มัคุณภาพอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้โดยไม่คาดคิด
• เอกสารต้องครบ : เอกสารถือว่าสำคัญมาก อย่างเช่น ใบเสร็จ, สมุดทะเบียนรถ, เอกสารประกันรถ, ประกันภัย, พรบ. และอื่น ๆ
• รอยสนิม : ในกรณีซื้อรถยนต์มือสองแนะนำให้เช็กบริเวณใต้ท้องรถ, ฝากระโปรงหน้า, ฝากระโปรงหลัง และบริเวณใต้ที่วางเท้า

ประกันรถยนต์

การทำประกันรถยนต์ยังคงเป็นสิ่งสำคัญมาก ถึงแม้ว่าประเทศไทยของเราจะไม่มีข้อกฎหมายบังคับก็ตาม เนื่องจากอะไหล่ของรถยนต์มีราคาที่ค่อนข้างสูง การขูดขีดหรือไม่อุบัติตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงมาก ล้วนแล้วแต่จำเป็นต้องจ่ายทั้งสิ้น ยิ่งถ้าหากมีอุบัติเหตุจนทำให้ร่างกายได้รับอาการบาดเจ็บ บอกเลยว่าค่าใช้จ่ายบานปลายอย่างแน่นอน

ดังนั้นการซื้อประกันรถยนต์ก็เปรียบเหมือนกับการมีหลักประกันว่าเมื่อเกิดความเสียหายต่อร่างกายหรือรถยนต์ของเรา นอกจากนี้ประกันในบางกลุ่มยังครอบคลุมไปถึงค่าเสื่อมสภาพของอะไหล่อีกด้วย นี่ละครับจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมประกันรถยนต์ถึงสำคัญมาก ๆ