คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 7.8 เต็ม 10
![]() |
|
เดี๋ยวนี้กระแส Y2K กำลังมาแรง ทำให้หลาย ๆ คนเปลี่ยนมาใส่เสื้อครอปแบบพอดีตัว, ใส่กางเกงยีนส์เอวต่ำ, สวมกระโปรงสั้น ๆ, ใส่กางเกงวอร์มตัวโคร่ง, สวมเสื้อฮู้ดผ้าร่ม, สวมใส่เสื้อผ้าสีสันสดใส รวมไปถึงถือกระเป๋าใบจิ๋วที่ช่วยเพิ่มลุคให้มีความซุกซนมากขึ้น แต่ไม่ว่าคุณจะหยิบไอเทมชิ้นไหนขึ้นมาสวมใส่ อีกหนึ่งอย่างที่จะต้องมาคู่กับทุกครั้งคือ เฮดโฟน หรือหูฟังแบบครอบหู ซึ่งหูฟังประเภทนี่ถือว่าเป็นไอเทมเด็ดที่เด็กยุค 90’s จะต้องมีกันแทบทุกคนค่ะ เพราะในยุคนั้นอินเตอร์เน็ตกำลังบูมและเป็นสิ่งใหม่มาก ๆ
Note: Y2K ย่อมาจาก Year 2000 ใช้เรียกแฟชั่นในยุคปลายปี 90 ไปจนถึงต้น ๆ ปี 2000 ซึ่งในสมัยนั้นหลายคนกำลังตื่นตัวกับอินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ รวมถึงมีความเชื่อว่าจินตนาการเป็นสิ่งที่ไม่จำกัดและไม่สิ้นสุด ดังนั้นหลาย ๆ คนจึงแต่งเต็มกันสุด ๆ ไปเลยค่ะ โดยจุดเด่นจะเป็นผ้ายีนส์หรือเสื้อผ้าสีสันสดใสที่ทำจากหนังหรือติดกลิตเตอร์วิบวับ
ทำความรู้จัก ประวัติความเป็นมา ของเฮดโฟน
เฮดโฟนเป็นจุดเริ่มต้นของหูฟังทุกประเภทที่เรารู้จัก โดยเฮดโฟนรุ่นแรก ๆ จะมีหูฟังเพียงข้างเดียวและมีน้ำหนักเกือบ ๆ 5 กิโลกรัม แถมจะต้องยืนแบกกล่องหูฟังไว้ตลอดเวลาขณะใช้งานและใช้งานได้เฉพาะโทรศัพท์บ้านเท่านั้น หูฟังรุ่นนี้จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไหร่นักเพราะกว่าจะคุยสายเสร็จตัวตึงขาแข็งกันพอดี แต่หูฟังเริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องและมีขนาดเล็กลง
จากหูฟังแบบครอบหัวก็เปลี่ยนมาปิดเฉพาะหู, หนีบหู, อินเอียร์, เอียร์บัด ไปจนถึงหูฟังไร้สายที่กำลังฮิตสุด ๆ ในตอนนี้ แต่เนื่องจากเดี๋ยวนี้มีหูฟังไร้สายให้เลือกซื้อเยอะจนตาลาย เราจึงหยิบเอา Baseus D02 Pro หูฟังไร้สายแบบครอบหูจาก Baseus แบรนด์สินค้าไอทีน้องใหม่จากประเทศจีนมารีวิว ซึ่งหลาย ๆ คนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารุ่นนี้เป็นหูฟังคุณภาพดีที่มีราคาถูก เรามาดูกันดีกว่าว่าหูฟังรุ่นนี้จะดีสมคำร่ำลือจริงหรือเปล่า

วีดีโอลองใช้งาน Baseus D02 Pro หูฟังครอบหูไร้สาย
ข้อมูลจำเพาะของ Baseus D02 Pro
![]() |
|
อุปกรณ์ภายในกล่องและวัสดุ Baseus D02 Pro
- หูฟัง
- สาย AUX ขนาด 3.5 มม
- สายชาร์จ
- คู่มือการใช้งาน
- บัตรรับประกันสินค้า
- สติกเกอร์ตกแต่ง

ขนาดและวัสดุที่ใช้
เปิดออกมาแล้วเราคิดว่าหูฟังมีขนาดไม่ใหญ่มากนักและมีน้ำหนักเบา การออกแบบสีดำด้านจะเหมาะกับผู้ชายมากเป็นพิเศษและให้ความรู้สึกเท่ ๆ คูล ๆ บริเวณตัวหูฟังจะเป็นแบบเรียบ ๆ มินินอล โลโก้ของแบรนด์จะถูกปั๊มสีดำเงาอยู่บนสายคาดหัว ให้ความรู้สึกมินิมอลมากขึ้นและเข้ากับตัวหูฟังได้ดีค่ะ
นอกจากนี้บริเวณสายคาดจะผลิตจากสเตนเลสสตีลอย่างดี ยืดหยุ่น แข็งแรง สามารถปรับความยาวได้ถึง 7 ระดับทั้ง 2 ด้าน หูฟังทั้ง 2 ข้างพับเก็บได้ เหมาะกับการเดินทาง รวมไปถึงสามารถบิดงอได้ทั้ง 2 ด้านเพื่อปรับให้เข้ากับรูปทรงของศีรษะและแนบไปกับใบหูได้ดียิ่งขึ้น

วัสดุหลักที่ใช้ทำหูฟังรุ่นนี้คือพลาสติก ABS และ PC ค่ะ ส่วนตัวเราคิดว่าวัสดุค่อนข้างที่จะก๊องแก๊งไปหน่อยเมื่อเทียบกับหูฟังแบบ TWS อย่าง Baseus Encok WM01 ที่อยู่ในซีรีส์เดียวกันและวางจำหน่ายในปี 2021 นอกจากนี้ยังมีบางจุดเล็ก ๆ ที่การเก็บงานไม่เรียบร้อยเท่าที่ควร แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งานและคุณภาพแต่อย่างใดค่ะ
ในส่วนของซับหูฟังและสายคาดหัวจะบุฟองน้ำและหุ้มด้วยหนังเทียมแบบนิ่ม ช่วยซัพพอร์ทใบหูและลดแรงกดได้พอประมาณ แต่ถึงอย่างนั้นก็อาจจะทำให้รู้สึกปวดใบหูได้หากสวมใส่เป็นเวลานานเกินไป ต้องหาองศาให้พอดีกับใบหูของตัวเอง แต่บางครั้งแรงกดของขาแว่นและสายคล้องหน้ากากอนามัยก็ทำให้เกิดอาการปวดใบหูได้เช่นเดียวกัน

ส่วนสาย AUX จะมีขนาด 3.5 มม. แบบ 2 หัว มีความยาวประมาณ 1 เมตร หัวแปลงทั้ง 2 ด้านจะเป็นแบบ TRS หรือแบบสามขั้วสำหรับแยกเสียงซ้ายและขวา ไม่สามารถใช้โทรได้เนื่องจากไม่มีวงแหวนสำหรับไมโครโฟนค่ะ ตัวสายจะเป็นแบบสายถักที่ค่อนข้างจะแน่นและมีความแข็งแรง สามารถพับงอหรือทนแรงกระแทกได้โดยที่สายไฟด้านในไม่เสียหาย สาย AUX จะทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์เสริมหากต้องการใช้งานหูฟังต่อในกรณีที่แบตเตอรี่หมด ส่วนสายชาร์จจะเป็น USB Type C แบบหุ้มพลาสติกหนา มีความยาวพอประมาณแต่ไม่มากนักค่ะ
การเชื่อมต่อที่ง่ายดาย

สำหรับการเชื่อมต่อถือว่าค่อนข้างง่ายเลยค่ะ บริเวณด้านล่างของหูฟังด้านซ้ายจะเป็นปุ่มสำหรับควบคุม โดยปุ่มเปิดปิดจะเป็นแบบ manual หากเลื่อนขึ้นจะเป็นการเปิดใช้งานหูฟัง ไฟ LED เล็ก ๆ จะกะพริบเพื่อค้นหาสัญญาณ Bluetooth จากนั้นกดเลือก Baseus Encok D02 Pro บนอุปกรณ์ที่ต้องการ เมื่อเชื่อมต่อเสร็จเรียบร้อยจะมีเสียง – ติ๊ด – ที่ตัวหูฟัง
แค่นี้ก็สามารถใช้งานได้แล้วค่ะ หากต้องการปิดการใช้งานหูฟังก็แค่เลื่อนปุ่มลงมาที่ OFF ครั้งต่อไปที่เปิดการใช้งานก็จะมีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่เคยจับคู่ไว้โดยอัตโนมัติ

ส่วนตัวเราค่อนข้างชอบปุ่มเปิดปิดแบบ manual มาก ๆ เพราะสามารถเลื่อนเปิดได้เลยในขณะที่สวมใส่หูฟัง ใช้งานง่ายและสะดวกกว่าการสัมผัสหรือแบบปุ่มกด เพราะเราสามารถมั่นใจได้ว่าหูฟังกำลังเปิดใช้งานอยู่จริง ๆ และลดโอกาสในการกดผิดหรือเผลอไปสัมผัสโดนปุ่มปิดหูฟังค่ะ เป็นจุดเล็ก ๆ ที่ชอบมาก ๆ เพราะแอบให้ฟีล Y2K เล็กน้อย
ทางแบรนด์เคลมระยะการเชื่อมต่อของหูฟังรุ่นนี้ไว้ว่า “10 Meters of Stable Transmission” หรือสัญญาณจะเสถียรมากที่สุดในระยะ 10 เมตร แต่จริง ๆ แล้วอาจจะไปได้ไม่ไกลขนาดนั้น เนื่องจากผนัง, โต๊ะ, เก้าอี้ และสิ่งกีดขวางอื่น ๆ จะลดระยะของสัญญาณค่ะ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นความผิดของทางแบรนด์แต่อย่างใดเนื่องระยะการเชื่อมต่อเป็นปัญหาเบสิคของอุปกรณ์ไร้สายอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ทางแบรนด์ชูให้เป็นจุดเด่นของหูฟังรุ่นนี้คือ “One-for-Two Smart Design” หรือการเชื่อต่อแบบ 2 เครื่องพร้อมกัน เมื่อเปิดใช้งาน ตัวหูฟังจะจับคู่กับอุปกรณ์ที่เคยเชื่อมต่อไว้ได้มากสุด 2 เครื่อง สามารถสั่งงานผ่านอุปกรณ์ทั้ง 2 ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว เช่นคุณกำลังฟังเพลงอยู่แล้วมีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องที่เชื่อมต่อกับตัวหูฟังอยู่ ตัวหูฟังจะหยุดเพลงและเปลี่ยนมาใช้เสียงจากโทรศัพท์มือถืออีกหนึ่งเครื่องโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องเปลี่ยนการเชื่อมต่อให้ยุ่งยาก หรือจะสลับเปิด-ปิดเสียงจะอุปกรณ์ทั้ง 2 ชิ้นก็สามารถทำได้ แต่จุดนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะคะ เพราะบางครั้งตัวหูฟังจะมีการเชื่อมต่อโดยที่เราไม่ต้องการ อาจจะต้องคอยปิด Bluetooth หรือกดยกเลิกการเชื่อมต่อด้วยตัวเอง
การควบคุม
ปุ่มควบคุมทั้งหมดจะติดตั้งอยู่ที่ด้านล่างของหูฟังด้านซ้าย ทำให้เราสามารถควบคุมได้ง่ายจากด้านเดียว ประกอบไปด้วยปุ่มเปิด-ปิด, ไมโครโฟน, ไฟ LED แสดงสถานะ, พอร์ท AUX, พอร์ทชาร์จ type C และปุ่มสำหรับควบคุมเสียง ซึ่งการควบคุมต่าง ๆ สามารถทำได้ดังนี้
สำหรับ Desktop / MAC
|
สำหรับ Android / iOS
|
การโทรสนทนา
|
* ไม่สามารถใช้ฟังก์ชั่นใด ๆ ได้เมื่อใช้งานผ่านสาย AUX ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ
คุณภาพเสียงหูฟัง Baseus D02 Pro
มาที่จุดสำคัญอย่างคุณภาพเสียงกันบ้างดีว่า Baseus D02 Pro มาพร้อมไดรเวอร์ 40 mm Full Range Audio Unit ทำให้เสียงออกมาค่อนข้างดีและมีความชัดเจน เสียงก้องกังวาลพอประมาณ ส่วนเสียงเบสจะมีความกลาง ๆ ไม่หนักมากนัก โดยรวมถือว่าคุณภาพเสียงของหูฟังรุ่นนี้ค่อนข้างดีพอประมาณเสียงค่ะ บวกกับ 3D surrounding sound ทำให้รู้สึกไม่ต่างกับการฟังเพลงจากชุดเครื่องเสียงคุณภาพดี ๆ เลยค่ะ

เนื่องจากก่อนหน้านี้เราได้รีวิว Baseus Encok WM01 และ Baseus Bowie WM02 ไปแล้ว ซึ่งทั้ง 2 รุ่นเป็นหูฟังแบบ TWS จากแบรนด์เดียวกัน และจากการทดลองใช้งานเราก็พบว่าทางแบรนด์ค่อนข้างที่จะให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียง โดยเฉพาะการตัดเสียงรบกวนที่จะโดดเด่นและเป็นจุดขายหลัก ๆ แต่หูฟังรุ่นนี้กลับตัดเสียงรบกวนได้แค่ 30 – 50% ขณะที่หูฟังอีก 2 รุ่นสามารถตัดเสียงได้มากถึง 60 – 70% ถือว่าในส่วนนี้ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรทั้ง ๆ ที่ราคาต่างกันไม่มากนัก
นอกจากนี้เสียงที่ส่งออกมาจากตัวหูฟังก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้เรารู้สึกไม่โอเคมากนัก ถึงคุณภาพของเสียงจะอยู่ในระดับที่ดีพอสมควร แต่เรารู้สึกว่าเสียงค่อนข้างที่จะดังไปหน่อย เพราะเปิดเสียงแค่ระดับ 50% ก็ถือว่ามากพอที่จะทำให้คนข้าง ๆ ได้ยินเสียงเพลงเบา ๆ แล้วค่ะ หากเปิดระดับสูงสุด 100% นี่เรียกว่าเป็นลำโพงพกพาได้เลยทีเดียวเพราะแม้แต่คนที่อยู่มุมห้องตรงกันข้ามก็ยังได้ยินชัดเจน ถึงแม้ว่าความเป็นจริงคงจะไม่มีใครเปิดเสียงดังขนาดนั้นแต่ก็ถือว่ายังไม่มีความเป็นส่วนตัวเท่าที่ควรอยู่ดี เราคิดว่าหูฟังรุ่นนี้น่าจะเหมาะกับเพลงแนว pop, aesthetic, county หรือเพลงสบาย ๆ มากกว่า heavy metal, rock หรือ hiphop ค่ะ
แบตเตอรี่และการชาร์จ

ตัวหูฟังมาพร้อมกับ build-in battery ขนาด 450 mAh ถือว่ามีความจุค่อนข้างเยอะและสามารถใช้งานได้นานหลายวัน สำหรับโหมดสแตนบายจะสามารถใช้งานได้ถึง 300 ชั่วโมง ส่วนการใช้งานแบบหนัก ๆ จริงจังจะใช้งานได้ประมาณ 50 ชั่วโมง ขณะที่การชาร์จแบตเตอรี่ใช้เวลาเพียง 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น ชาร์จแบตเตอรี่เพียงครั้งเดียวสามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งสัปดาห์เลยค่ะ เหมาะสำหรับคนขี้ลืมหรือคนที่มีงานรัดตัวสุด ๆ ถือว่าเป็นข้อดีและเป็นจุดเด่นของหูฟังรุ่นนี้เลยก็ว่าได้
ข้อดีและข้อที่ควรพิจารณาของหูฟัง Baseus D02 Pro
ข้อดี
- ขนาดกะทัดรัด มาพร้อมดีไซน์มินิมอล มีน้ำหนักเบา ไม่หนักหัว
- สายคาดหัวสามารถปรับขนาดและหูฟังสามารถดัดงอให้เข้ากับรูปทรงของศีรษะและใบหูได้
- หูฟังพับเก็บได้ พกพาง่ายไม่เกะกะ
- หูฟังไม่กดหูมากแต่ก็หนีบแน่น โยกหัวได้แต่อย่าแรง
- สามารถใช้งานได้ 2 ระบบทั้งไร้สายและเสียบสาย
- เชื่อมต่องาย สามารถใช้ได้กับทุกอุปกรณ์
- ใช้ระบบ Bluetooth V5.3 รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
- ระบบ one-for-two ช่วยให้การเชื่อมต่อและการควบคุมระหว่างอุปกรณ์ง่ายมากขึ้น
- แบตอึด ชาร์จครั้งเดียวใช้งานได้นานถึง 7 วัน
- คุณภาพเสียงดี คุ้มค่าคุ้มราคา มาพร้อมระบบ 3D surrounding sound
- การควบคุมแบบ manual ทำให้ใช้งานง่ายกว่าระบบสัมผัส แก้ปัญหาระบบเสียงรวน
ข้อควรพิจารณา
- วัสดุยังไม่ดีมากและการเก็บงานอาจจะไม่เรียบร้อยในบางจุด
- ระบบ one-for-two อาจจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อที่ไม่ต้องการ
- ซับรองหูมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เหมาะสำหรับคนที่มีขนาดใบหูเล็ก
- เมื่อสวมใส่นาน ๆ จะทำให้รู้สึกปวดหูเนื่องจากขนาดของซับรองหูฟังที่ไม่พอดีกับใบหู อาจจะต้องหาองศาที่พอดีกับใบหูและสวมใส่สบายมากที่สุด
- ตัดเสียงรบกวนได้ค่อนข้างน้อย รวมถึงยังเก็บเสียงได้มีดีนัก เสียงจะดังทะลุหูฟังหากเปิดเสียงสูงกว่า 50%
- เสียงเบสไม่หนักมากนัก ไม่เหมาะกับการฟังเพลงที่เน้นเสียงเบส
- เมื่อใช้งานแบบเสียบสายจะไม่สามารถใช้ฟังก์ชั่นใด ๆ ได้เลยแม้กระทั่งการลดหรือเพิ่มเสียง
ความพึงพอใจต่อหูฟัง Baseus D02 Pro
![]() |
![]() |
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 7.8 เต็ม 10
จากการทดลองใช้มาหลายวัน เราคิดว่า Baseus D02 Pro ค่อนข้างที่จะคุ้มค่าคุ้มราคาเลยค่ะ ถึงวัสดุจะไม่ได้ดีมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับหูฟังรุ่นอื่น ๆ จากแบรนด์เดียวกัน หรือจะเป็นในส่วนของการตัดเสียงรบกวนที่ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรเนื่องจากซับรองหูบางเกินไป แต่ในส่วนของความทนทานและคุณภาพเสียงเราคิดว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ ระบบเสียงมีมิติและอยู่ในระดับกลาง ๆ ค่อนไปทางทุ้มเล็กน้อย เสียงเบสไม่แน่นมากแต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับดี ไม่โดดมากจนเกินไปหรือกลืนไปกับเสียงอื่น ๆ
และอีกหนึ่งจุดที่ทำให้หูฟังรุ่นนี้คุ้มค่ามากขึ้นคือ battery life ความอึดของแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้นานถึง 7 วันจากการชาร์จเพียงแค่ 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น ถือว่าชาร์จเร็วและใช้พลังงานน้อย อาจจะเป็นเพราะหูฟังรุ่นนี้ไม่มีฟังก์ชั่นเสริมมากนัก เน้นใช้งานง่ายและใช้สะดวกเป็นหลัก ส่วนใครเบื่อ ๆ หรือลองเปลี่ยนมาใช้แนววินเทจเสียบสายเท่ ๆ ทางแบรนด์เขาก็มีสาย AUX แถมมาให้ ช่วยเพิ่มความหลากหลายในการใช้งานมากขึ้นอีกด้วยค่ะ แต่ติดนิดหน่อยตรงที่เสียบสายแล้วไม่สามารถควบคุมเสียงผ่านตัวหูฟังได้ แต่ก็ถือว่าไม่ได้เป็นจุดด้อยอะไรมากนักเมื่อเทียบกับราคาแค่หลักร้อยกลาง ๆ
ซื้อเลย – ถ้าหาก
- คุณชื่นชอบการฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ Baseus D02 Pro เป็นหูฟังไร้สายราคาถูกที่มาพร้อมคุณภาพเสียงที่ค่อนข้างดี เสียงจะอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่แหลมจนปวดปวดหู เหมาะกับการดูหนังฟังเพลงหรือใส่เพื่อเล่นเกมค่ะ
- คุณชื่นชอบดีไซน์เรียบง่าย มินิมอล ตัวหูฟังมีการดีไซน์ที่ค่อนข้างเรียบ ไม่มีลวดลายหรือโลโก้ในบริเวณฝาครอบหู ทำให้หูฟังรุ่นนี้เข้ากับทุกสไตล์การแต่งตัวและสามารถหยิบออกมาใช้งานได้ตลอดไม่มีตกยุค
- คุณเป็นคนขี้เบื่อ ชอบความหลากหลาย หูฟังถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้ 2 รูปแบบคือแบบไร้สายผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 ที่มีสัญญาณค่อนข้างจะเสถียรและมีคุณภาพดี แต่ขณะเดียวกับก็มีช่องสำหรับเสียบสาย AUX ในกรณีที่ไม่สะดวกในการใช้งานผ่านระบบไร้สาย
- คุณกำลังมองหาหูฟังไร้สายคุณภาพดีในราคาประหยัด เมื่อเปรียบเทียบกับหูฟังโนแบรนด์ในราคาใกล้เคียงกัน Baseus D02 Pro ถือว่าคุ้มค่าและมีคุณภาพดีกว่ามาก ทั้งในด้านของคุณภาพเสียง, วัสดุ และปริมาณแบตเตอรี่
อย่าซื้อ – ถ้าหาก
- คุณเป็นคนที่ค่อนข้างจะจริงจังกับความเป็นส่วนตัว อย่างที่เราบอกไปแล้วด้านบน หากเปิดเพลงเสียงดังมากจนเกินไปสียงจะดังทะลุออกมาข้างนอก ดังนั้นหูฟังรุ่นนี้จึงไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่สาธารณะอย่างห้องสมุด, รถไฟฟ้า หรือพื้นที่อื่น ๆ ที่ค่อนข้างแออัด
- คุณต้องการหูฟังที่ตัดเสียงรบกวนแบบ 100% ถึงหูฟังรุ่นอื่น ๆ ของ Baseus จะโดดเด่นด้านการตัดเสียงรบกวน แต่หูฟังรุ่นนี้ค่อนข้างที่จะตัดเสียงรบกวนได้ไม่ดีมากนัก ยังได้ยินเสียงลอดเข้ามาชัดเจนพอประมาณ ดังนั้นอาจจะยังไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเงียบสงบมากนัก
- คุณมีอุปกรณ์หลายชิ้นหรือเป็นสาย smart living หูฟังรุ่นนี้มาพร้อมระบบ one-for-two ที่ดูเหมือนจะเป็นจุดเด่น แต่บางครั้งตัวหูฟังอาจจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์โดยไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะสาย smart living ที่ต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายชิ้นผ่าน Bluetooth