“หูฟัง” ถือได้ว่า เป็นอุปกรณ์ที่หลาย ๆ คนจะต้องพกติดตัวไว้ตลอด เพราะนอกจากจะให้ความเพลิดเพลิน ในการรับชม หรือรับฟังความบันเทิงต่าง ๆ ได้แล้ว (เช่น ฟังเพลง ดูหนัง หรือเล่นเกม) มันยังช่วยให้การสนทนาผ่านโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนสะดวกมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้หูฟังก็ได้มีการผลิตออกมาหลากหลายรูปแบบมาก ตามจุดประสงค์ในการใช้งานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น หูฟังแบบธรรมดา ๆ ที่มีสาย หรือ “หูฟังไร้สาย (หูฟังบลูทูธ)” ซึ่งแต่ละตัวก็จะเน้นการใช้งานที่ต่างกัน
แต่อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วนะคะ ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ นั้น ย่อมจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเสมอ อย่าง หูฟังบลูทูธ เองก็ดูเหมือนจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น สามารถทดแทนการใช้หูฟังแบบธรรมดาได้ เพราะตอนนี้สินค้าหลาย ๆ ตัวก็เริ่มไม่รองรับหูฟังแบบมีสายแล้ว อย่างที่เห็นได้ชัดเลยก็คงหนีไม่พ้น iPhone รุ่นใหม่ ๆ ที่ไม่มีรูแจ็คสำหรับเสียบหูฟังมาให้แล้ว ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ iPhone ก็น่าจะตัดรูสำหรับสายชาร์จออกด้วย เนื่องจากเทคโนโลยีแท่นชาร์จมือถือแบบไร้สายเริ่มมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ประกอบกับ iPhone 12 ก็ไม่แถมอะแดปเตอร์แปลงไฟมาในกล่องแล้ว โดย Apple อ้างเหตุผลทางสิ่งแวดล้อม สิ่งนี้อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนที่ละนิด ๆ เนื่องจากการใช้งานแบบไร้สายนั้น มีความสะดวกสบายกว่ามาก และสามารถใช้งานร่วมกับสินค้าตัวอื่นหรือแบรนด์อื่นได้อย่างไม่มีปัญหา
ซึ่งอันที่จริงแล้วการใช้เทคโนโลยี Bluetooth หรือ Wi-Fi เข้ามาช่วยให้อุปกรณ์ทำงานแบบไร้สายนั้น ไม่ได้มีเพียง หูฟังบลูทูธเท่านั้น แต่มันยังมีทั้ง คีย์บอร์ดไร้สาย, เมาส์ไร้สาย, ลำโพงไร้สาย, ลำโพงบลูทูธขนาดเล็ก, ปริ้นเตอร์ไร้สาย และกล้องวงจรปิดไร้สาย เป็นต้น ถือเป็นการตอกย้ำให้เราเตรียมตัวก้าวข้ามไปในยุคเทคโนโลยีไร้สายแบบเต็มตัว 🙂
หูฟังประเภทไหน เหมาะกับคุณ ?
แต่ก่อนที่จะเราไปพูดถึง หูฟังไร้สาย กันนั้น เราก็อยากที่จะแยกหูฟังแต่ละประเภทให้ทุกคนได้รู้จักกันก่อนว่าแท้จริงแล้วหูฟังที่คุณใช้อยู่ประจำนั้น เป็นหูฟังแบบใด ? ประเภทไหน ? และมันมีข้อดีข้อ-เสียต่างกันอย่างไร ? โดยหูฟังในปัจจุบันสามารถแบ่งได้หลายประเภทมาก แต่จะมีอยู่ 3 ประเภท หลัก ๆ ที่ได้รับความนิยม ดังนี้
1. Earbuds (หูฟังเอียร์บัด)

หูฟังเอียร์บัด เป็นหนึ่งในชนิดหูฟังที่สามารถพบได้ทั่วไปค่ะ มีราคาถูก ส่วนคุณภาพเสียงก็จะตามราคา ส่วนใหญ่แถมมากับโทรสัพท์มือถือรุ่นเริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นมือถือรุ่นปุ่มกด, สมาร์ทโฟน รุ่นไม่เกิน 3,000 บาท หรือสมาร์ทโฟน รุ่นไม่เกิน 5,000 บาท เป็นต้น ซึ่งลักษณะการใช้งานก็จะมีการสอดเข้าไปที่บริเวณรูหู แต่จะอยู่เพียงด้านนอกเท่านั้น ไม่มีส่วนใดเข้าไปในรูหู ทำให้บางคนรู้สึกสบาย ไม่อึดอัด แต่ข้อเสียของหูฟังเอียร์บัดก็คือ มันจะหลุดได้ง่าย และจะไม่สามารถตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้เลย ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ไม่เต็มที่นัก ซึ่งปัจจุบันหูฟังเอียร์บัดก็เริ่มได้รับความนิยมน้อยลง
2. Headphones (หูฟังแบบคาดหัว)

หูฟังแบบคาดหัว (Headphones) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อย ๆ ได้ ได้แก่ หูฟังแบบแนบหู (On-Ear) และหูฟังแบบครอบหู (Over-Ear) ซึ่งถือเป็นหูฟังที่คนส่วนใหญ่สามารถแยกแระเภทออกได้อย่างแน่นอน ก็เพราะมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ และมีลักษณะการสวมใส่แบบครอบทับหูของเราไปเลยโดยที่ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งที่ยื่นเข้าไปในรูหู ทำให้หูฟังประเภทนี้ถือเป็นหูฟังที่สวมใส่แล้วสบายที่สุด ช่วยให้สามารถสวมใส่ใช้งานได้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากมีการบุโฟมอย่างดี มีน้ำหนักเบา แม้ใส่นานแค่ไหนก็ไม่ทำให้เจ็บหู อีกทั้งก็ยังมีความสามารถตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีอีกด้วย ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับคุณภาพเสียงอย่างเต็มที่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะให้เสียงที่ เป็นธรรมชาติ คมชัด สมจริง ซึ่งจะดีมากน้อยแค่ไหนก็อาจขึ้นอยู่กับวัสดุ คุณภาพตามราคาด้วย แต่ข้อเสียของมันก็คือ ขนาดที่ใหญ่เกินไป อาจจะทำให้คุณรู้สึกไม่สะดวกในพกพาติดตัวไปไหนมาไหน ดังนั้นหากเป็นไปได้ก็ควรเลือกหูฟังรุ่นที่สามารถพับเก็บได้
3. In Ear (หูฟังอินเอียร์)

หูฟังอินเอียร์ เป็นหูฟังที่กำลังได้นิยมมากที่สุดในตอนนี้ ส่วนใหญ่จะแถมมากับสมาร์ทโฟน ตั้งแต่สมาร์ทโฟนรุ่นกลาง ๆ ไปจนถึงสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง ซึ่งลักษณะการใช้งานก็จะมีการสอดเข้าไปในรูหูโดยตรง ส่วนที่เข้าไปในรูหู จะเป็นจุกยาง ทำให้หูฟังอินเอียร์มีจุดเด่นอยู่ที่การป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีที่สุด เมื่อเทียบกับหูฟังชนิดอื่น ๆ และด้วยความที่การสวมใส่เป็นการยัดเข้าไปในรูหูเลย ทำให้เราสามารถได้รับเสียงอย่างเต็มที่ มีคุณภาพของเนื้อเสียงที่ดี มีความแน่น สามารถเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ส่วนเสียงเบสขับออกมาได้หนักแน่น ให้ความรู้สึกนุ่มนวลไปด้วย โดยรวมแล้วถือว่าให้รายละเอียดของเสียงได้ชัดเจนเลยทีเดียว นอกจากนี้มันยังมีขนาดที่เล็กมาก ช่วยทำให้พกพาสะดวก ในด้านการสวมใส่ก็หลุดได้ยากมาก แต่ในขณะเดียวกันสำหรับบางคนที่เมื่อใช้งานเป็นเวลานาน อาจเกิดอาการเจ็บหรือปวดบริเวณหูได้ เนื่องจากมีส่วนที่ยื่นเข้าไปอยู่ในรูหูด้วย ดังนั้นจะต้องเลือกขนาดให้เหมาะสมกับรูหูของแต่ละคนด้วยนะคะ
ประเภทของหูฟังบลูทูธ (Bluetooth)
1. หูฟังบลูทูธสำหรับออกกําลังกาย

ในส่วนของหูฟังบลูทูธนั้นก็ได้มีการพัฒนาแยกย่อยออกมาเป็น หูฟังบลูทูธ สำหรับออกกําลังกาย หรือที่เรียกว่า หูฟังแบบสปอร์ต ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้มันมีคุณสมบัติป้องกันน้ำ ป้องกันเหงื่อได้ดี ทั้งยังน้ำหนักเบา มีความกระชับ แน่นไม่หลุดง่าย ๆ โดยส่วนใหญ่แล้ว หูฟังแบบสปอร์ตทั้งสองข้างจะต้องเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ด้วยสายเคเบิลเส้นเดียว เพื่อให้มันสะดวกต่อการใช้งานขณะออกกำลังกายมากที่สุด
2. หูฟังบลูทูธแบบ Headphone

อย่าวที่กล่าวไปแล้วในข้อหัวก่อนหน้านี้ว่า เป็นหูฟังชนิดที่ครอบปิดหูของเรา เน้นใส่สบาย โดยไม่รู้สึกเจ็บ เป็นหูฟังที่ตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีมาก จนบางครั้งอาจจะส่งผลทำให้เราไม่ปลอดภัย อาทิเช่น เราใส่หูฟังขณะที่ข้ามถนนโดยก้มหน้าก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ จนไม่ได้ยินเสียงแตรรถ เป็นต้น ดังนั้นสำหรับผู้ที่จะใช้หูฟังประเภทนี้ นอกสถานที่ จะต้องมีความระมัดระวังด้วยนะคะ
3. หูฟัง True Wireless

เป็นหูฟังไร้สายอย่างแท้จริง ไม่ต้องมีสายเคเบิ้ลเชื่อมต่อกันเหมือนหูฟังบลูทูธสำหรับออกกําลังกาย อีกทั้งยังมีขนาดเล็กกะทัดรัด เน้นพกพาสะดวก มากกว่าหูฟังบลูทูธแบบครอบหู ถือว่าเป็นหูฟังที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนที่ต้องการความสะดวกสบายอย่างแท้จริง ใน่สวนของดีไซน์นั้น สวยเก๋ ดูแปลกตา ล้ำสมัย แต่ยังคงความหรูหรา โดย หูฟังไร้สาย True Wireless จะมีทั้งแบบที่เป็น Earbud และ In-Ear ซึ่งก็อยู่ที่คุณค่ะ ว่าชื่นชอบหูฟังสไตล์ไหนมากกว่ากัน ?
4. หูฟัง Bluetooth แบบ MONO

เป็นหูฟังที่แตกต่างจากหูฟังที่เรารู้จักชนิดอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง ตรงที่ว่ามันเป็นหูฟังที่มีเพียงข้างเดียวเท่านั้น ซึ่งหูฟังโมโนนั้น จะเป็นหูฟังประเภทที่เมาะสำหรับคนที่ต้องการพูดคุยสื่อสารมากกว่าการใช้ในการฟังเพลง หรือดูหนัง เน้นการใช้งานที่สะดวก และเน้นการได้ยินเสียงจากภายนอกควบคู่ไปด้วย
รีวิว REMAX หูฟังบลูทูธ RB-T9

ราคา 229 บาท*
ข้อควรพิจาราณา
- ไม่สามารถป้องกันน้ำหรือเหงื่อได้ จึงไม่เหมาะสำหรับการออกกำลังกาย
ประเภทหูฟัง | MONO |
---|---|
การเชื่อมต่อ | Version 4.1 |
การใช้งาน | 2-6 ชม. |
น้ำหนัก | N/a |
กันน้ำ | |
ตัดเสียงรบกวน |
รีวิว Xiaomi Redmi AirDots S หูฟังไร้สาย Bluetooth TWS 5.0

ราคา 459 บาท*
ข้อควรพิจารณา
- ไม่สามารถกันน้ำได้ จึงไม่เหมาะกับการใส่ออกกำลังกายแน่นอน
ประเภทหูฟัง | True Wireless (Earbuds) |
---|---|
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
การใช้งาน | 4 ชม. |
น้ำหนัก | 4.1 ก. |
กันน้ำ | |
ตัดเสียงรบกวน |
รีวิว Bee หูฟังบลูทูธ รุ่น LC-B41

ราคา 549 บาท*
จุดเด่น
- มีแบตเตอรี่ทนทาน
- มีหูฟังเสริม ไว้สำหรับความสะดวกในการฟังเพลงอย่างเต็มที่
ข้อควรพิจารณา
- ไม่กันน้ำ ไม่สามารถใช้สำหรับออกกำลังกายได้
ประเภทหูฟัง | MONO |
---|---|
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
การใช้งาน | 24 ชม. |
น้ำหนัก | 12 ก. |
กันน้ำ | |
ตัดเสียงรบกวน |
รีวิว ZNT D06-L TWS หูฟังบลูทูธไร้สาย หูฟังบลูทูธ 5.0

ราคา 699 บาท*
จุดเด่น
- เป็นหูฟังที่สามารถกันน้ำได้ โดยมีราคาที่ไม่แพง ทั้งยังมีคุณภาพเสียง Hi - Fi
ประเภทหูฟัง | True Wireless |
---|---|
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
การใช้งาน | 4 ชม. |
น้ำหนัก | N/a |
กันน้ำ | |
ตัดเสียงรบกวน |
รีวิว Bluedio Over Ear Headphone หูฟังบลูทูธ รุ่น T2 Plus Turbine

ราคา 740 บาท*
Bluedio T2 Plus Turbine หูฟังไร้สายแบบ Over Ear Headphone ที่โดดเด่นในเรื่องของคุณภาพเสียง เเละมีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน รุ่นนี้ใช้ Drivers เเบบ Dynamic ซึ่งสามารถขับเสียงเบสที่หนัก แน่นทรงพลัง เสียงกลางคมชัด และมันก็ยังมีรายละเอียดของเสียงดีมาก แถมสามารถตัดเสียงรบกวนจากถายนอกได้ดีอีกด้วย อายุของแบตเตอรี่ยาวนาน สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 40 ชม. ด้วยการชาร์จเพียง 2 ชม. เท่านั้น ตอบโจทย์คนที่ชอบใช้งานตลอดทั้งวันสุด ๆ การเชื่อมต่อใช้ Bluetooth 4.1 ซึ่งเชื่อมต่อรวดเร็ว และเสถียร นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อผ่านสาย AUX ได้อีกด้วย โดยสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์ได้ 2 เครื่องพร้อมกัน มีไมโครโฟนสำหรับคุยโทรศัพท์ ตัวหูฟังพับได้เเบบ 360 องศา ช่วยให้พกพาได้ง่ายขึ้น
ประเภทหูฟัง | Over Ear Headphone |
---|---|
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 4.1 |
การใช้งาน | 40 ชม. |
น้ำหนัก | N/a |
กันน้ำ | |
ตัดเสียงรบกวน |
รีวิว Jabees Firefly Pro หูฟังบลูทูธ 5.0

ราคา 990 บาท*
จุดเด่น
- มี Charging Case สำรองแบตเตอรี่
- มีระบบ Quick Charge เพียง 10 นาที
- สามารถกันน้ำและเหงื่อได้ ในมาตรฐาน IPX5
ประเภทหูฟัง | True Wireless (In-Ear) |
---|---|
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
การใช้งาน | 6 ชม. |
น้ำหนัก | 4.9 ก. |
กันน้ำ | |
ตัดเสียงรบกวน |
รีวิว JBL หูฟังบลูทูธ Free X

ราคา 2,590 บาท*
จุดเด่น
- มีขนาดจุยางให้เลือก จึงทำให้สวมใส่สบายไม่เจ็บหู
- มาพร้อมกับ Charging Case 20 ชม. และมีไมโครโฟนในตัว
- กันน้ำกันเหงื่อได้ในระดับ IPX5 คือสามารถป้องกันน้ำที่พ่นใส่ด้วยแรงดันต่ำได้
ประเภทหูฟัง | True Wireless (In Ear) |
---|---|
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 4.2 |
การใช้งาน | 4 ชม. |
น้ำหนัก | 15 ก. |
กันน้ำ | |
ตัดเสียงรบกวน |
รีวิว Jabra หูฟังไร้สาย Elite Active 65T True Wireless

ราคา 3,490 บาท*
จุดเด่น
- มี Charging Case สำรองแบตเตอรี่ถึง 10 ชม.
- ออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานในกิจกรรม Outdoor
- สามารถกันฝน ละอองน้ำ หรือฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยมาตรฐาน IP56
- หูฟังมีขนาดเล็กและเบามาก ๆ จึงใส่ได้สบาย รู้สึกถึงความกระชับไม่หลุดง่าย ๆ ที่สำคัญใส่แล้วไม่เจ็บหู
ประเภทหูฟัง | True Wireless (In-Ear) |
---|---|
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
การใช้งาน | 5 ชม. |
น้ำหนัก | 13 ก. |
กันน้ำ | |
ตัดเสียงรบกวน |
รีวิว Aftershokz หูฟังไร้สาย หูฟังออกกำลังกาย Trekz Air

ราคา 4,690 บาท*
หูฟังไร้สาย สำหรับออกกำลังกาย Aftershokz Trekz Air ใช้ Bone Conduction หรือการได้ยินเสียงผ่านแรงสั่นสะเทือนไปที่กระดูกตรงแก้ม โดยที่คุณไม่ต้องใส่หูฟังเข้าไปในรูหูเหมือนหูฟังทั่ว ๆ ไป ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่ชอบเจ็บหูขณะสวมใส่ หรือกรณีที่หูฟังชอบหลุดบ่อย ๆ ปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไปทันที เนื่องจากหูฟังรุ่นนี้ใส่โดยการคาดไว้ที่หลังศีรษะนั่นเอง ด้วยน้ำหนักที่เบามากเพียง 30 ก. จึงทำให้สวมใส่สบาย อีกทั้งยังใช้วัสุดไทเทเนียมที่แข็งแรง ทนทาน และไม่มีอาการระคายเคือง แถมมีคุณสมบัติในการป้องกันได้ทั้ง เหงื่อ ละอองน้ำ และฝุ่นขนาดเล็ก ในมาตรฐาน IP55 ส่วนการเชื่อมต่อใช้ Bluetooth 4.2 ที่มีความเสถียรสูง จึงมอบเสียงที่คมชัด ด้านคุณภาพเสียงนั้นเป็นเสียงระดับพรีเมี่ยม ใช้ช่วงไดนามิกที่กว้าง เสียงเบสที่หนักแน่น ให้เสียงที่สมจริง และเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับแนวเพลงออกกำลังกายเป็นอย่างมาก มีไมโครโฟนคู่ ใช้ตัดเสียงรบกวนได้ดีมาก มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ รองรับการใช้งานได้นานได้ถึง 6 ชม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยการชาร์จ จะใช้เวลาเพียง 2 ชม. เท่านั้น
ประเภทหูฟัง | On-Ear (ที่คาดศีรษะ) |
---|---|
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 4.2 |
การใช้งาน | 6 ชม. |
น้ำหนัก | 30 ก. |
การกันน้ำ | IP55 |
ตัดเสียงรบกวน |
รีวิว หูฟังไร้สาย รุ่นยอดนิยม Sony WF-1000XM3

ราคา 5,590 บาท*
Sony WF-1000XM3 เป็นหูฟัง True Wireless (In Ear) ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของคุณภาพระบบเสียง รุ่นนี้เด่นในเรื่องของการตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีมาก ๆ ซึ่งใช้เทคโนโลยีการป้องกันเสียงรบกวนที่ล้ำหน้าที่สุด (โดยการวิจัยของ Sony Corporation ซึ่งทำการวัดโดยใช้มาตรฐาน JEITA) ด้วยโปรเซสเซอร์ QN1e ซึ่งสามารถป้องกันเสียงรบกวนที่มีความละเอียดสูง และได้เสริมด้วยเซนเซอร์เสียงรบกวนแบบคู่ ช่วยมอบเสียงที่มีคุณภาพและมีความผิดเพี้ยนน้อย จึงทำให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงจริง ๆ อย่างเต็มที่เต็มอารมณ์ แต่ก็ยังคงในเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากมีการปรับระดับการลดเสียงรบกวนอัตโนมัติ โดยการใช้แอป Sony Headphones Connect ที่วิเคราะห์จากอิริยาบถของคุณ และรับรู้เสียงรอบ ๆ ตัวคุณนั่นเอง นอกจากนี้คุณยังสามารถฟังเสียงภายนอกได้ง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องถอดหูฟัง เพียงการแตะเรียกว่าโหมด Quick Attention Mode สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุด 8 ชม. (ปิด NC) หรือสูงสุด 6 ชม. (เปิด NC) และใช้เวลาชาร์จน้อยกว่า 2-3.5 ชม. หากรวมกับแบตสำรองของเคสก็ใช้งานได้นานสูงสุด 32 ชม. มีพอร์ตชาร์ตเป็น USB Type-C การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 และ NFC มีระยะเชื่อมต่อสัญญาณอยู่ที่ 10 เมตร
ประเภทหูฟัง | True Wireless (In Ear) |
---|---|
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 / NFC |
การใช้งาน | ต่อเนื่องสูงสุด 6 ชม. (เปิด NC) และ 8 ชม. (ปิด NC) |
น้ำหนัก | 17 ก. |
กันน้ำ | |
ตัดเสียงรบกวน |
รีวิว Apple Airpods Pro หูฟัง True Wireless

ราคา 7,390 บาท*
Apple Airpods pro เป็นหูฟังไร้สายจากแบรนด์ Apple โดย AirPods Pro แต่ละข้างจะมีขนาดอยู่ที่ 30.9 x 21.8 x24.0 มม.มีน้ำหนักเพียง 5.4 กรัม และตัวนี้จะมีเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ สามารถเลือกปรับขนาดให้พอดี โดยมีให้เลือกถึง 3 ขนาด จึงช่วยทำให้กระชับแนบสนิทได้ดียิ่งขึ้น ไม่หลุดง่าย ๆ เหมือนหูฟังทั่วไป สามารถทนเหงื่อและน้ำ ในระดับมาตรฐานที่ IPX4 มีอีกทั้งยังมีระบบเปิดและเชื่อมต่ออัตโนมัติ สำหรับที่ใครใช้ไอโฟนอยู่แล้ว ก็สามารถตั้งค่ากับอุปกรณ์ Apple ทั้งหมดของคุณได้เลยค่ะ ออกแบบมาให้ตัดเสียงรบกวนได้ดี มีโหมดสำหรับฟังเสียงจากภายนอกได้ ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 4.5 ชม. สำหรับแบตสำรองจากเคสสามารถใช้ต่อไปได้อีก 24 ชม. มีระบบ Quick Charge โดยใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาที ก็จะใช้งานได้อีกนานถึง 1 ชม. สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วในเคสชาร์จ สาวกไอโฟนไม่ควรพลาด เราได้ทำการรีวิวสินค้าตัวนี้ในฉบับเต็ม คุณสามารถดูได้ที่ รีวิว หูฟังบลูทูธ Apple Airpods Pro
ประเภทหูฟัง | True Wireless |
---|---|
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
การใช้งาน | 4.5 ชม. ไม่รวมเคส |
น้ำหนัก | 10.8 ก. |
กันน้ำ | |
ตัดเสียงรบกวน |
รีวิว Sony หูฟังไร้สายแบบครอบหู หูฟังตัดเสียงรบกวน WH-1000XM4

ราคา 9,250 บาท*
หูฟังรุ่นยอดนิยมจาก Sony ครับ สำหรับ Sony WH-1000XM4 เป็นการพัฒนาต่อมากจาก WH-1000XM3 ซึ่งยังคงมาในดีไซน์ใกล้เคียงกับรุ่นก่อน เป็นหูฟังครอบหู (Over-Ear) เหมาะสำหรับคนที่ชอบใส่ระยะเวลานาน เพราะผลิตจากคอมโพสิตและบุด้วยโฟมยูริเทน ใส่แล้วไม่เจ็บหู มาพร้อมคุณเสียงในระดับสุดยอด รองรับเสียงทุ้มหนักได้ดีใช้ Driver ขนาด 40 มม. อีกทั้งยังลดเสียงรบกวนได้ดีด้วยโปรเซสเซอร์ Noise Cancelling แบบอัตโนมัติ มีไมค์ในตัว พร้อมอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานสามารถฟังเพลงไร้สายได้ต่อเนื่องนาน 30 ชม. สามารถใช้ Quick Charge โดยใช้เวลาชาร์จเพียง 10 นาที ทำให้มันสามารถใช้งานต่อได้ถึง 5 ชม. มี AI ที่ชาญฉลาดควบคุมเสียงรอบข้างได้เองตามกิจกรรมอิริยาบถของคุณ ใช้ระบบสัมผัสในการควบคุมหูฟังไม่ว่าจะเป็น รับสาย, โทรออก, เปลี่ยนเพลง, ปรับระดับเสียง อีกทั้งยังมีระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant, Amazon Alexa4 และ Siri5 เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 และ NFC
ประเภทหูฟัง | Over Ear Headphone |
---|---|
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
การใช้งาน | ต่อเนื่องสูงสุด 30 ชม. (เปิด NC) และ 100 ชม. (ปิด NC) |
น้ำหนัก | 251 ก. |
กันน้ำหรือเหงื่อ | |
ตัดเสียงรบกวน |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ หูฟังบลูทูธ (Bluetooth) รุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี ปี 2022 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
|
หูฟังมีสาย VS หูฟังไร้สาย
หูฟัง In Ear (หูฟังอินเอียร์) จะมีทั้งหูฟังแบบมีสาย และหูฟังแบบไร้สาย (หูฟัง bluetooth) เนื่องจากหูฟังที่มีสายนั้นทุกคนน่ารู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะขอหยิบ “หูฟังไร้สาย” หรือที่หลายคนมักจะเรียกว่า “หูฟังบลูทูธ” มาพูดกันถึงกันสักหน่อย แต่ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของหูฟังมีสายและหูฟังไร้สาย กันก่อนค่ะ
1. หูฟังที่มีสาย

สำหรับหูฟังที่มีสายนั้นไม่ได้หมายว่ามันเป็นหูฟังที่ล้าสมัยเสมอไป เพราะหูฟังที่มีสายมักจะให้เสียงที่ดีกว่ามากอย่างเช่น หูฟังเน้นเบสที่แม้จะมีราคาไม่สูงมากแต่สามารถให้คุณภาพเสียงที่ดีได้ เนื่องจากคุณภาพของเสียงจะไม่มีการถูกรบกวน เพราะมีสายเคเบิลเป็นตัวกลางในการส่งสัญญาณ ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่ต้องการเน้นฟังเพลงแบบจริง ๆ จัง ๆ แต่ข้อเสียของหูฟังประเภทนี้คือ สายไฟที่เป็นข้อดีก็มักจะพันกันจนยุ่งเหยิง ยากที่จะแกะออกเมื่อถึงเวลาที่จะใช้งาน และยิ่งถ้าหากเป็นคนที่ไม่ค่อยรักษาของมันก็จะทำให้หูฟังเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น
2. หูฟังไร้สาย (หูฟังบลูทูธ)
ในปัจจุบันต้องยอมรับว่า Bluetooth ได้เข้ามามีบทบาทในอุปกรณ์ต่าง ๆ มากขึ้น และหนึ่งในนั้นก็คือ “หูฟังบลูทูธ” ค่ะ สำหรับจุดเด่นของหูฟังไร้สาย หรือหูฟังบลูทูธ ที่จะไม่หยิบมาพูดถึงไม่ได้เลยก็คือ เป็นหูฟังที่เหมาะกับการพกพา เหมาะกับการเดินทาง หรือการออกกำลังกายที่ต้องมีการขยับตัวเยอะ ๆ ในด้านของคุณภาพเสียงของหูฟังบลูทูธนั้น ก็ถือว่าเป็นที่ยอมรับในหมู่คนรักการฟังเพลง ซึ่งแม้จะมีการรบกวนอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ จนถึงขั้นฟังเพลงไม่ได้ โดยมีคุณภาพเสียงอันยอดเยี่ยมของไดรฟ์เวอร์แบบไดนามิกที่ให้คุณภาพสัญญาณเสียงคมชัดเป็นธรรมชาติ สำหรับสิ่งที่ต้องพิจารณาอีกอย่างในการเลือกซื้อหูฟังไร้สายหรือหูฟังบลูทูธก็คือ แบตเตอรี่ เพราะมันเป็นสิ่งที่สำคัญ หากแบตฯ หมดคุณก็ไม่สามารถใช้งานได้
การเลือกซื้อ หูฟังบลูทูธ ที่ดีที่สุด
1. เวอร์ชั่นของ Bluetooth
อย่างที่บอกค่ะ หูฟังบลูทูธไม่มีสายสัญญาณ ดังนั้นการส่งสัญญาณจะต้องเพิ่งพา Bluetooth ซึ่งการที่จะใช้งานได้อย่างราบรื่นหรือไม่นั้น? มันก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อของ Bluetooth แต่ละเวอร์ชั่นด้วย โดยในปัจจุบันสัญญาณ Bluetooth มีเวอร์ชัน 5.0 ซึ่งส่วนใหญ่หูฟังที่วางขายตามท้องตลาดก็จะเป็น Bluetooth 4.2 ขึ้นไป หากใครที่กำลังเลือกซื้อหูฟัง Bluetooth ก็อย่าลืมดูในเรื่องของเวอร์ชั่น Bluetooth ที่รองรับด้วยนะคะ ยิ่งมีเวอร์ชั่นที่สูง ก็ยิ่งการันตีได้ว่าการใช้งานหูฟัง Bluetooth ของคุณจะมีประสิทธิภาพ ไม่มีสะดุดอย่างแน่นอน
2. ระยะสัญญาณ Bluetooth ของหูฟัง
ระยะสัญญาณของ Bluetooth นั้นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม หากคุณจะต้องเดินไปหยิบน้ำที่ห้องครัวระหว่างดูซีรีส์ โดยที่คุณไม่ต้องการหยุดหรือข้ามเนื้อหาส่วนใดไป แต่เมื่อกลับมาหูฟังกลับขาดการติดต่อ เนื่องจากระยะสัญญาณของ Bluetooth ไปไม่ถึง คงเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดไม่ใช่น้อยที่จะต้องมานั่งเชื่อมต่อใหม่
3. คุณภาพของเสียง
คุณภาพของเสียง มักจะมาพร้อมกับราคาที่สูง ยิ่งคุณภาพดีเท่าไหร่ ราคาก็ยิ่งสูง ดังนั้นต้องถามตัวเองก่อนว่าคุณต้องการคุณภาพของเสียงระดับไหน ? ถ้าแบบระดับที่ดีมาก คุณก็ต้องยอมจ่ายในราคาสูง แต่หากคุณไม่ได้เน้นคุณภาพของเสียงมากหนักก็พิจารณาหูฟังในราคากลาง ๆ ก็ได้ค่ะ
4. อายุการใช้งานแบตเตอรี่
อายุของแบตเตอรี่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วยนะคะ บางคนในแต่ละวันแทบจะไม่ค่อยใช้งานก็เลยไม่ค่อยสนใจในเรื่องของอายุแบตเท่าไหร่นัก แต่สำหรับบางคนที่จำเป็นต้องใช้งานบ่อย ๆ การรตรวจสอบควาจุของแบตเตอรี่ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะหูฟังบลูทูธไม่มีสาย ฉะนั้นถ้าหากแบตเตอรี่หมดขึ้นมาคุณก็จะไม่สามารถใช้งานได้จนกว่าจะชาร์จ โดยส่วนใหญ่แล้ว หลาย ๆ คนมักจะเลือกที่ความจุเยอะ ๆ ไว้ก่อน แต่อย่าลืมคำนึงถึงตอนชาร์จแบตฯ ด้วยนะคะ ยิ่งความจุเยอะ ก็ยิ่งต้องใช้เวลาชาร์จนานขึ้น
5. ระบบกำจัดเสียงรบกวน
การใช้หูฟังสำหรับเน้นรับฟังความบันเทิงนั้น เรื่องการตัดเสียงรบกวนภายนอกก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม คุณควรตรวจสอบเทคโนโลยีของแต่ละรุ่นว่า มันสามารถกำจัดเสียงรบกวนภายนอกได้มากน้อยเพียงใด ? เพื่ออรรถรส ในการฟังเพลงของคุณ
บทสรุป หูไร้สาย หรือหูฟังบลูทูธ
หากคุณกำลังเบื่อ และเหนื่อยหน่ายกับการต้องมานั้งแกะสายหูฟังที่ชอบพันกันอย่างยุ่งเหยิง หลังจากที่ได้อ่านบทความของเราไปแล้ว คุณคงจะมีตัวเลือกเป็น หูฟังไร้สาย หรือหูฟังบลูทูธ ขึ้นมาในใจบ้างแล้วใช่ไหมคะ ? เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้ของเราน่าจะช่วยคุณเลือกหูฟังไร้สายที่ตอบโจทย์กับความต้องการของคุณไม่มากก็น้อย หากคุณรักการฟังเพลงก็เลือกหูฟังที่เน้นในเรื่องของคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม หากคุณชอบการฟังเพลงด้วย และรักการออกกำลังกายด้วยก็เลือกหูฟังออกกำลังกายที่สามารถกันน้ำกันเหงื่อได้ ดังที่เราได้แนะนำในสินค้าด้านบน ทั้งหมดนี้เป็นหูฟังไร้สายหรือหูฟังบลูทูธที่เราได้คัดสรรมาอย่างดีเพื่อคุณโดยเฉพาะ