สำหรับหลายคนการท่องเที่ยวคือชีวิต เมื่อทำงานเก็บเงินได้ประมาณหนึ่งก็มักจะใช้จ่ายไปกับการท่องเที่ยวเพื่อตอบสนองความสุขของตัวเอง คุณเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ? หากใช่เราเป็นเพื่อนกันค่ะ เพราะการท่องเที่ยวคอชีวิตของผู้เขียนเช่นกันหากมีเวลาว่างก็ต้องได้ขับรถเล่นไปไหนซักที่เพื่อให้ตัวเองได้เก็บเกี่ยวบรรยากาศโดยรอบแล้วก็กลับไปนอนเพื่อเริ่มชีวิตใหม่อีกวัน คุณชอบไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างไปล่องใต้แถวหัวหิน, หาดใหญ่, ภูเก็ต,ตรัง, พังงา, สงขลา และเกาะพีพี มาแล้วหรือยังหากยังเราขอบอกเลยว่าพลาดมากเพราะทะเลสวยมากจริง ๆ หรือคุณชอบไปที่อื่นอย่าง กาญจนบุรี,เกาะกูด, เขาใหญ่,พัทยา,เกาะช้าง,ระยอง, ปาย, เขาค้อ, จันทบุรี, เกาะกูด, เกาะช้าง , เกาะสมุย, ระยอง, เกาะเสม็ด, สวนผึ้ง , เชียงคาน, บางแสนหรือเชียงใหม่ ก็สามารถไปได้เพราะสถานที่ในไทยสวยอยู่แล้ว แล้วเมื่อไปเที่ยวกิจกรรมที่คุณชอบคืออะไร ? ดำน้ำ อาบแดด ว่ายน้ำ หรือไปล่องแก่ง ดูท่าทางแล้วการ “ล่องแก่ง” ยังเป็นกิจกรรมสุดท้าทายที่หลายคนเลือกทำ นั่นเป็นเพราะว่าการล่องแก่งสามารถทำได้ตลอดทั้งปี
เมื่อไปล่องแก่งเราจะได้สัมผัสกับความตื่นตาตื่นใจ ของสายน้ำ ป่าไม้และโขดหิน ซึ่งแน่นอนว่าล่องแก่งที่ไหนก็ไม่เท่ากับการล่องแก่งที่เมืองไทยเพราะมีทั้งน้ำและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ วันนี้เราจะขอแนะนำ “10 สถานที่ล่องแก่งยอดฮิตในไทย” ที่คุณสามารถไปเที่ยวได้ ที่เราเลือกมาแนะนำกันในวันนี้มีทุกภาคเลยค่ะ ไม่ว่าจะขึ้นเหนือหรือลงใต้ก็มีแก่งให้ได้ล่องกันอย่างแน่นอน นอกจากนี้บางสถานที่ก็ยังสามารถล่องแก่งได้ทั้งปีเนื่องจากทางชลประทานได้ปล่อยน้ำให้ไหลผ่านแก่งต่าง ๆ นั่นเองค่ะ หากใครที่ไม่เคยไปล่องแก่งเห็นคำแนะนำจากเราวันนี้จะต้องอยากไปอย่างแน่นอนเพราะมันเด็ดมากจริง พร้อมกันหรือยังคะถ้าพร้อมแล้วเก็บกระเป๋าเดินทางกันได้เลย เอ๊ะแต่เงินไม่พอให้ไปเที่ยวจะทำอย่างไรดี ? ไม่ต้องเครียดไปค่ะเพราะเราสามารถลงทะเบียน “เราเที่ยวด้วยกัน” ของรัฐบาลเพื่อลดและประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของอาหารและที่พักเมื่อไปเที่ยวค่ะ สำหรับวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดยาวอยากพาแฟนหรือที่บ้านไปเซอร์ไพรส์วันเกิดหรือฉลองวันครอบครัวก็สามารถใช้สิทธิ์นี้ได้เหมือนกัน มีเงิน มีสิทธิ์แล้วก็ไปเที่ยวกันได้เลยค่ะ
ระดับความยาก – ง่ายของการล่องแก่ง
ก่อนที่จะไปล่องแก่งเราต้องทำความรู้จักระดับความยากและง่ายของแก่งนั้นก่อนเพราะแต่ละที่มีภูมิศาสตร์ที่ต่างกันมาก บางทีน้ำหลาก บางที่มีโขดหินเยอะทำให้ความยากของแก่งมีความต่างกันมาก ซึ่งในการล่องแก่งนั้นจะใช้แพไม้ไผ่และแพยางซึ่งเราก็เลือกได้ สำหรับความยาก – ง่ายของการล่องแก่งตามมาตรฐานสากลนั้นมีดังนี้
- ระดับ 1 ระดับง่ายมาก ทัศนวิสัยของแก่งแบบนี้มีมีแก่งเล็กไม่เยอะ สายน้ำไม่ได้ไหลแรงมาก ชมนกชมไม้ได้ เหมาะสำหรับคนที่เป็นมือใหม่ที่ต้องการหัดล่องแก่ง
- ระดับ 2 ระดับธรรมดาระดับนี้นั้นจะมีน้ำไหลแรงมากขึ้นกว่าระดับที่ 1 มีแก่งเล็กแก่งน้อยให้ผ่าน มาถึงระดับนี้แล้วผู้พายเรือจะต้องพายเรือเป็นและมีทักษะในการพายเรือ
- ระดับ 3 ระดับปานกลาง ระดับนี้จะมีแก่งมากขึ้น ต้องใช้เทคนิคการพายเยอะขึ้น ตัวแก่งให้ความตื่นเต้นสูงมาก ในระดับนี้เราจะต้องเรียนรู้ถึงลักษณะของสายน้ำด้วย
- ระดับ 4 ระดับยาก ระดับนี้ถือว่าแก่งนั้นมีเยอะมาด ต้องใช้ความชำนาญและเทคนิคในการพายเรือขั้นสูง อีกทั้งต้องใช้ความระมัดระวังสูงมากในการพายเรือ
- ระดับ 5 ระดับยากมาก ระดับ 5 นั้นเหมาะมากสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์สูงเพราสายน้ำนั้นไหลเชี่ยวมาก ต้องใช้เทคนิคและประสบการณ์สูงเป็นพิเศษ อีกทั้งต้องใช้ความระมัดระวังสูงมากในการพายเรือมากเช่นกัน ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ แต่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นมืออาชีพ
- ระดับ 6 ระดับอันตราย ระดับนี้ไม่เหมาะกะับใครเลย เพราะมีน้ำแรงอีกทั้งแก่งนั้นมีลักษณะเป็นน้ำตกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจากบทความ ล่องแก่ง
1. ล่องแก่งหินเพิง

แก่งหินเพิงตั้งอยู่ที่อำเภอนาดี ในจังหวัดปราจีนบุรีเป็นแก่งขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วย 4 แก่งด้วยกันมีแก่งหนามล้อม แก่งวังบอน แก่งลูกเสือ และแก่งวังไทร ซึ่งระดับน้ำและรูปแบบของแก่งจะต่างกัน สภาพแก่งน้ำอยู่ในระดับ 3 -5 ซึ่งถือเป็นระดับน้ำที่เชี่ยวปานกลางไม่แรงมากเกินไป หากคุณต้องการไปล่องแก่งที่นี่เราขอแนะนำให้ไปในช่วงเดือนกรกฎาคม – ตุลาคมหรือช่วงหน้าฝน เพราะน้ำจะช่วยทำให้เกิดแก่งต่าง ๆ ช่วยให้คุณได้ล่องแก่ง 4 แก่งด้านบนที่เราได้กล่าวไว้จนครบอย่างแน่นอน การล่องแก่งนั้นจะให้ผู้ล่องแก่งนั่งแพยางสามารถนั่งได้ 8 – 10 คน เหมาะมากสำหรับกิจกรรมครอบครัว เพราะมีอุปกรณ์ให้ครบมาก ก่อนจะไปล่องแก่งเราจะต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 2.5 กม. ใช้เวลาประมาณ 45 นาที แล้วไปล่องแก่งอีกประมาณ 2 ชั่วโมงที่ระยะทาง 4.5 กม. ซึ่งหากได้ล่องจริง ๆ จะรู้สึกว่าไกลมากเพราะทางค่อนข้างที่จะคดเคี้ยวนั่นเอง ซึ่งหากจะไปท่องเที่ยวล่องแก่งก็สามารถแคมป์ปิ้งบริเวณรีสอร์ตของอำเภอนาดีได้หรือพักโรงแรมแถวอำเภอนาดีก็ได้เช่นกันค่ะ
![]() | เดอะเวโรนาแอท ทับลาน (The Verona at Tub Lan) |
2. ล่องแก่งน้ำว้า

แก่งน้ำว้าเป็นแก่งที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่จริม อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน แก่งน้ำว้าเป็นแก่งที่ถือว่าหินที่สุดในประเทศและยังถือเป็นแก่งที่สุดยอดที่สุดของเอเชียด้วย นั่นหมายความว่าสายผจญภัยต้องไม่พลาด ด้วยระยะทางการล่องแก่งที่ไกลมากและจะมี 3 ช่วงของการล่องแก่งคือลำน้ำว้าตอนบนที่มีระยะทาง 35 กม. ลำน้ำว้าตอนกลางมีความยาวกว่า 85 กม. ซึ่งหากต้องการล่องแก่งส่วนนี้ต้องใช้เวลาถึง 2 วันเลยทีเดียวซึ่งเราขอแนะนำสำหรับผู้ที่ขชำนาญในการล่องแก่งแล้วเพราะหนทางยากลำบากและน้ำแรงไหลเชี่ยว มีน้ำวนด้วย ส่วนช่วงสุดท้ายเป็นช่วงล่องแก่งที่ได้รับความนิยมมากคือลำน้ำว้าตอนล่างที่มีความยาวเพียง 12 กม. เท่านั้น เป็นการล่องแก่งแบบสบาย ๆ ชมนก ชมไม้ ชมบรรยากาศแถว ๆ นั้น แก่งตอนล่างนี้สามารถล่องแก่งได้ทั้งปี แต่อีก 2 ช่วงด้านบนแนะนำให้ไปในช่วงสิงหาคม – กันยายน เพราะเป็นช่วงเวลาสุดมันส์ของนักล่องแก่งตัวยงมีระดับความยากของแก่งอยู่ในระดับ 1-6 สำหรับคนที่อยากมาพักแรมเพื่อเตรียมตัวล่องแก่งสามารถพักได้ที่โรงแรมของอำเภอแม่จริมและอำเภอเวียงสาค่ะเพราะจะใช้เวลาเดินทางไม่นานมาก
![]() | แม่จริม โฮมสเตย์ (Mae Jarim Home Stay) | |
![]() | สุขฤทัย โฮมสเตย์ (Sukruthai Homestay) |
3. ล่องแก่งหนานมดแดง

แก่งหนานมดแดงเป็นแก่งที่เหมาะสำหรับคนที่รักและชื่นชอบในธรรมชาติ เพราะยังอุดมไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ป่าและนกอย่างอุดมสมบูรณ์ แก่งหนานมดแดงนั้นตั้งอยู่ในตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง แก่งหนานมดแดงนั้นถือว่าเป็นแก่งยอดฮิตของทางภาคใต้เลยก็ว่าได้เพราะนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติชอบไปเที่ยวมาก การล่องแก่งหนานมดแดงนี้ใช้มีระยะทางยาวรวม 5-6.5 กม.ใช้เวลาในการล่องแก่งประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง แก่งนี้สามารถล่องแก่งได้ทั้งปี ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีน้ำ ทางแก่งเองสามารถควบคุมน้ำได้เพราะน้ำที่ไหลออกมาให้เป็นแก่งเป็นน้ำจากห้วยเก็บน้ำใสนั่นเองระดับความยากของแก่งจะอยู่ในระดับ 1-3 ส่วนในการล่องแก่งจะเป็นการล่องแก่งด้วยการพายเรือคายัก มีเสื้อชูชีพให้เรียบร้อยหากพายเรือคายักไม่เป็นทางทีมงานล่องแก่งสามารถพายเรือให้ได้ค่ะ ถือว่าเป็นแก่งแห่งความสุขและความสนุกมาก ๆ สำหรับแก่งหนานมดแดงแห่งนี้
4. ล่องแก่งน้ำตกโตนปริวรรต

แก่งน้ำตกโตนปริวรรตตั้งอยู่ที่ตำบลสองแพรก อำเภอเมืองพังงา ในจังหวัดพังงา ถือว่าพังงานี้ไม่ได้มีดีแค่ทะเลหรือเกาะจริง ๆ ค่ะ ทุกคนแต่ยังมีน้ำตกให้เราได้ล่องแก่งกันด้วยน้ำตกโตนปริวรรตหรือน้ำตกสองแพรกเป็นน้ำตกที่มีทัศนวิสัยสวยงามมาก อุดมไปด้วยป่าไม้และบรรยากาศที่ร่มรื่น ตัวน้ำตกไม่ได้สูงมากแต่มีแอ่งด้านล่างให้ผู้ไปเที่ยวได้เล่นน้ำ การล่องแก่งที่น้ำตกโตนปริวรรตนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความท้าท้าย เนื่องจากกระแสน้ำจะไหลเชี่ยว เต็มไปด้วยโขดหิน ผู้ที่เป็นมือใหม่ ไม่ชำนาญพอเราขอไม่แนะนำค่ะ เพราะความยากอยู่ที่ 1-4 ทีเดียว หากคุณต้องการไปเที่ยวล่องแก่งที่น้ำตกโตนปริวรรตเราขอแนะนำให้ไปช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม เพราะช่วงนี้มีน้ำค่อนข้างเยอะ แต่หากไปในเดือนกันยายนเป็นต้นไปนั้นจะเข้าสู่ช่วงฝนตกน้ำป่าอาจจะหลากได้ค่ะ
5. ล่องแก่งลำน้ำแม่กลอง

แก่งลำน้ำแม่กลองตั้งอยู่ที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นแก่งที่เราขอพูดเลยว่าเป็นแก่งที่สวยงามที่สุด เพราะลำนำแม่กลองนี้มีน้ำที่ใสมาก รอบ ๆ ทางของการล่องแก่งก็มีธรรมชาติที่งดงาม ต้นไม้นานาพันธุ์และสัตว์นานาชนิดรวมไปถึงลิง ในการล่องแก่งลำน้ำแม่กลองนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเพราะเมื่อผ่านช่วงนี้ไปคุณจะต้องผจญภัยที่น้ำตกทีลอเล ซึ่งระดับการล่องแก่งของที่นี่นั้นเราขอบอกเลยว่าค่อนข้างยากมากเลยทีเดียวประมาณ 2-4 มือใหม่เราขอไม่แนะนำ ด้วยเส้นทางที่ท้าทายมากมันจึงถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งการล่องแก่งนี้สามารถเชื่อมต่อไปยังงกาญจนบุรีและสมุทรสาครได้ ซึ่งระยะทางในการล่องแก่งทั้งหมดนั้นอาจจะต้องใช้เวลานานถึง 2 กว่าจะเจอจุดสุดท้ายของแก่งในจังหวัดตาก หากต้องการไปล่องแก่งที่ท้าท้ายนี้สามารถไปได้ในช่วง กรกฎาคม-สิงหาคม เพราะน้ำจะไหลแรงและเชี่ยวกราด แต่หากอยากล่องแก่งสบาย ๆ ต้องไปในช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน เพราะน้ำจะไม่แรงมากแต่ก็ยังสนุกสุดขีดอยู่
![]() | อุ้มผางบุรี รีสอร์ต (Umphangburiresort) |
6. ล่องแก่งลำน้ำเข็ก

แก่งลำน้ำเข็กเป็นแก่งที่ตั้งแยู่ในอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ลำน้ำเข็กเป็นลำน้ำที่ไม่ได้ใหญ้มากมายค่ะ แต่ที่มันท้าท้ายเพราะว่าในหนึ่งแก่งมันมีแก่งย่อยอีก 17 แก่งด้วยกัน เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการล่องแก่ง มือใหม่ก็สามารถไปได้เพราะไปถึงก็จะได้ล่องแก่งเลย ไม่ต้องเดินเข้าป่าให้เหนื่อย การท่องเที่ยวที่แก่งนี้ถือว่าครบรสมากเพราะมีความยากของการล่องแก่งตั้งระดับง่ายไปถึงยากมาก อยู่ในระดับ 1-5 เลยก็ว่าได้เพราะต้องผ่านระยะทางทั้งหมด 17 แก่ง ภายในแก่งมีสถานที่ให้ถ่ายรูปมากมาย คนที่ไม่ได้ไปล่องแก่งก็สามารถรอตามจุดต่าง ๆ ได้ เพราะมีโขดหินให้นั่งรอเยอะพอสมควรเลยทีเดียว หากคุณมีคำถามว่าแก่งเล็ก ๆ ภายใน 17 แก่งนั้นแก่งไหนหินที่สุดเราขอแนะนำแก่งซาง แก่งยางและแก่งนางคอยค่ะ ซึ่งในจุดนี้ต้องควบคุมแพยางให้ดีเพราะน้ำไหลแรงเชี่ยวกราดมาก หากต้องการไปเราขอแนะนำให้ไปในช่วงเดือนกรกฎาคม – ตุลาคมของทุกปีค่ะ
![]() | เนเชอรัลปาร์ค รีสอร์ท เดอ วังทอง (Natural Park Resort de Wang Thong) | |
![]() | วนธารา รีสอร์ท (Wanathara Resort) |
7. ล่องแก่งต้นแม่น้ำนครนายก

แก่งต้นแม่น้ำ ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก ตัวแก่งมีความยากที่ขึ้นอยู่กับฤดูกาลหากหน้าฝนจะมันส์มากเพราะน้ำไหลเชี่ยวกราด ถือเป็นความสนุกที่ไม่ควรพลาด แต่ปกติแล้วนักท่องเที่ยวมักจะไปเที่ยวกันในช่วงเดือนกรกฎาคม – ตุลาคม เพราะความยากของการล่องแก่งจะอยู่ในระดับ 2-3 คือระดับปานกลางที่สามารถล่องแก่งได้ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ แก่งนี้มีไฮไลท์อยู่ที่ทางคดเคี้ยวตลอดทั้งการล่องแก่ง โดยเฉพาะแก่งสามชั้นมันจะเป็นแก่งคล้าย ๆ บันไดลดหลั่นกันมาถือว่าท้าท้ายมาในการควบคุมแพยาง แก่งนี้เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมเรือให้ได้และอยากพายเรือให้คล่อง สำหรับคนที่ถามว่าเขื่อนนี้สามารถเที่ยวได้ตลอดหรือไม่ เราบอกเลยว่าเขื่อนนี้สามารถไปเที่ยวได้ ถึงไม่มีน้ำแต่ทางเขื่อนขุนด่านปราชลจะปล่อยน้ำให้ตลอดเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนานกันตลอดทั้งปีเต็ม ๆ กันไปเลย
![]() | ระเบียงไพร แวลลีย์ (Rabiangprai Valley) | |
![]() | น้ำตกสาริกา รีโซเทล (Namtok Sarika Resotel) |
8. ล่องแก่งผาเทวดา
แก่งผาเทวดาเป็นแก่งที่ตั้งอยู่ในอำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ทราบว่าภาคอีสานนั้นมีแก่งให้ล่องด้วยเหมือนกัน ตัวแก่งนั้นไม่ได้อยู่ในระดับที่ยากมากค่ะ สามารถเล่นได้ทั้งมืออาชีพและมือใหม่ ตัวแก่งมีความยาวประมาณ 9 กม. ถือว่าไม่ได้ไกลมากเพราะเป็นเส้นทางทางธรรมชาติที่ดีมาก ในการล่องแก่งนั้นจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง จนกว่าจะจบเส้นทาง ในระหว่างการล่องแก่งจะมีการผ่านถ้ำ 2 ถ้ำคือ ถ้ำกายสิทธิ์และถ้ำภูผาเทวดา ซึ่งหลายคนไม่รู้ว่าแก่งนี้ครอบคลุมจังหวัดขอนแก่นและเลย แก่งนี้สามารถไปได้ตลอดทั้งปีค่ะ เพราะว่ามีการปล่อยน้ำจากชลประทานอยู่แล้ว ซึ่งความแรงของน้ำก็ขึ้นอยู่กับการปล่อยน้ำด้วยเช่นกันค่ะ ปกติจะอยู่ที่ระดับ 1-3 นั่นเองค่ะ
![]() | เดอะ ชีวิน โฮเทล แอนท์ คอนเวนชั่น (The Cheewin Hotel & Convention) |
9. ล่องแก่งแม่น้ำปาย

แก่งแม่น้ำปายเป็นแก่งที่ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นแก่งที่มีความยาวประมาณ 50 กม. จุดเด่นของแก่งนี้คือมันจะเป็นเส้นทางน้ำที่ผ่านทั้งหมด 3 อำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอน นั่นคืออำเภอปางผะม้า อำเภอปายและอำเภอเมือง ระดับความยากของแก่งอยู่ที่ 1-4 ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและฝน หากช่วงนั้นมีฝนตกชุกชุมก็อาจจะทำให้ความยากของแก่งอยู่ในระดับที่ 5 ถือว่าเป็นการล่องแก่งที่ยากมาก หากต้องการไปเที่ยวแบบท้าทายเราขอแนะนำให้ไปในช่วงหน้าฝน หากต้องการล่องแก่งแบบสบาย ๆ เราขอแนะนำให้ไปช่วงเดือนมิถุนายน – กุมภาพันธ์ ในทุก ๆ ปี บรรยากาศโดยรอบสวยงามมาก มีทางคดเคี้ยวให้ผู้ล่องแก่งได้สนุกสนานไปตลอดทางที่ได้ล่องแก่ง
![]() | อิมพีเรียล แม่ฮ่องสอน รีสอร์ท (Imperial Mae Hong Son Resort) | |
![]() | บีทู แม่ฮ่องสอน พรีเมียร์ โฮเต็ล (B2 Mae Hong Son Premier Hotel) |
10. ล่องแก่งแม่น้ำซองกาเลีย

แก่งแม่น้ำซองกาเลียตั้งอยู่ที่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ระยะทางของการล่องแก่งนี้มียาวถึง 20 กม. ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการล่องแก่ง ซึ่งถือว่าไม่ได้นานมาก ไฮไลท์ของแก่งแม่น้ำซองกาเลียอยู่ตรงที่ว่ามันมีแก่งเล็กแก่งน้อยให้ผ่านไปถึง 15 แก่งด้วยกัน จะเริ่มต้นที่น้ำตกตะเคียนแล้วไปสิ้นสุดอยู่ที่เจมส์รีสอร์ท ความยากของการล่องแก่งแม่น้ำซองกาเลียนั้นไม่ได้ยากมากอยู่ในระดับ 2-3 เท่านั้น สามารถล่องได้ทั้งมืออาชีพและมือใหม่ รอบ ๆ ของแก่งแม่น้ำซองกาเลียนั้นมีความร่มรื่นมาก เต็มไปด้วยต้นไม้ ใบหญ้ามากมายที่ให้เราได้ดื่มด่ำไปกับธรรมชาติที่ลงตัว สำหรับการล่องแก่งแม่น้ำซองกาเลียนั้นเราสามารถเลือกได้ว่าจะล่องด้วยแพไม้ไผ่หรือแพยาง สำหรับช่วงเวลาสามารถไปได้ตลอดทั้งปีแต่หากช่วงไหนที่ฝนตกนั้นน้ำก็จะแรงมาก เพิ่มความสนุกไปอีกระดับ
![]() | หอมหมื่นลี้ รีสอร์ต (hormuenlee resort) | |
![]() | ภูชมหมอก รีสอร์ท (Poochommhok Resort) |