เมื่อพูดถึงซีรีส์ที่คนไทยชอบดูก็คงจะหนีไม่พ้น ซีรีย์จีน, ซีรีย์เกาหลี หรือ ซีรีย์ฝรั่ง ใช่ไหมครับ แต่ก็ต้องบอกว่าในยุคนี้ที่คนหันมาสนใจและให้ความสำคัญแก่ความเท่าเทียมกันมากขึ้น ทำให้สังคมไทยเริ่มเปิดรับเรื่องเพศสภาพที่หลากหลาย (LGBTQ) ไม่มากก็น้อย โดยสิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้ชัดจากสื่อนั่นคือการผลิต “ซีรีส์วาย (Series Y)” ซึ่งกำลังเป็นกระแสและผลิตออกสู่ทางโทรทัศน์และช่องทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก อีกทั้งการตอบรับนั้นก็เรียกได้ว่าพุ่งกระฉูด เนื่องจากฐานแฟนคลับที่เรียกว่า ‘สาววาย’ ( ผู้หญิงที่ชื่นชอบคู่รักชาย-ชาย หรือชอบให้ผู้ชาย 2 คนอยู่ใกล้กัน) สนใจและชื่นชอบซีรีส์วายมีอยู่มากในประเทศไทย
แต่ใช่ว่าซีรีย์วายในไทยจะดังเพียงแค่ในไทยเท่านั้น เพราะแฟนคลับชาวจีน, ฟิลิปปินส์ หรือไต้หวัน ที่สนับสนุนศิลปินและสนใจผลงานซีรีย์วายนั้นมีมากไม่แพ้กับคนไทยเลยทีเดียว ถ้าถามว่ากระแสในต่างประเทศนั้นร้อนแรงมากขนาดไหน ก็จะบอกให้เห็นภาพว่าเคยมีแฟนคลับชาวจีนทุ่มเงินซื้อบิลบอร์ดแสดงความยินดีกับ “คริส พีรวัส” มาแล้วในกลางตัวเมืองนิวยอร์ก
ดังนั้นสิ่งนี้อาจเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าผลงานซีรีส์วายของไทยนั้นมีคุณภาพ สร้างชื่อเสียงและเม็ดเงินมหาศาลให้กับประเทศไทย ทั้งนี้หลายคนที่อาจไม่ได้ติดตาม แล้วอยากจะลองเปิดใจดูสักครั้ง ก็อาจจะมีคำถามว่าแล้วซีรีย์วายเรื่องอะไรที่ดังและน่าสนใจบ้าง? ดังนั้นวันนี้ผมจึงได้คัดเลือกและอยาก “แนะนำ ซีรีส์วาย (Series Y) ในไทย เรื่องไหนน่าดู” มาฝากกันไว้ให้ทุกคนได้ไปเปิดในวันหยุดว่าง ๆ เพื่อรับความฟินและแรงสูบฉีดให้กับหัวใจกันครับ
1. แปลรักฉันด้วยใจเธอ (I Told Sunset About You)

แนวซีรีส์ | โรแมนติก-ดราม่า |
นักแสดงนำ | พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล, กฤษฏ์ อำนวยเดชกร, ณัฏฐ์ กิจจริต, ภาลฎา ฐิตะวชิระ, ปองพล ปัญญามิตร, จิรายุส ขาวใบไม้, ธีธัต สุขอิ่ม และ คริสเตียน จุราพร บอส |
จำนวนตอน | 5 ตอน |
ปีที่ออกอากาศ | 2563 |
ซีรีส์สั้นเรื่องนี้คือการยกระดับซีรีส์วายให้เพดานสูงขึ้นไปอีกขั้น หลายคนที่เป็นสายวายหรือแฟนบอยอาจคุ้นชินกับซีรีส์วายที่เป็นความรักใส ๆ พล็อตเรื่องไปในแนวทางเดียวกันแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า สามารถเดาจุดจบได้แบบไม่ยากอะไร แต่สำหรับเรื่องนี้คุณไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์อะไรได้เลย เพราะภายในแต่ละ EP นั้นมีไดนามิกของอารมณ์ อย่างอารมณ์แฮปปี้แต่ไม่อีกกี่นาทีคุณก็ร้องไห้ไปกับตัวละครได้ชนิดที่อินจนถอนตัวไม่ขึ้น ถ้าถามว่าจุดเด่นของเรื่องนี้อยู่ตรงไหน บอกเลยว่าดีทุกอย่าง ! ทั้งมุมกล้อง แสง สี เสียง รวมไปถึงนักแสดง ความละเมียดละไมของการจัดวางนั้นเพอร์เฟคและรับรู้ได้ว่าผ่านแนวคิดการครีเอทในทุกระเบียดนิ้ว ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับทีมงานเบื้องหลังทุกคน นอกจากนี้แฟน ๆ พีพี บิ้วกิ้น จะได้เห็นพัฒนาการทางด้านการแสดงที่สามารถดึงคุณเหมือนให้เข้าไปนั่งอยู่ในเหตุการณ์ ถ้าจะให้ตอบว่าซีรีย์วายที่ดีที่สุดคือเรื่องไหน คงต้องยกให้ซีรีย์ “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” จริง ๆ
เรื่องย่อ : จุดเริ่มต้นของเรื่องเริ่มมาจากการที่ “เต๋ (บิ้วกิ้น พุฒิพงศ์)” และ “โอ้เอ๋ว (พีพี กฤษฏ์)” เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่วัยเด็ก สนิทชนิดที่เรียกว่าไม่ว่าเต๋จะไปที่ไหนก็จะต้องมีโอ้เอ๋วอยู่ข้างกายด้วยเสมอ แต่การแตกหักในความสัมพันธ์ก็เกิดขึ้นเมื่อ โอ้วเอ๋วได้รับบทแสดงเป็น “หย่งเจียน” จากคุณครูภายในโรงเรียน
ซึ่งตัวละครดังกล่าวคือตัวละครที่เต๋ชื่นชอบและใฝ่ฝันว่าจะได้รับบทนี้เสมอมา โดยหลังจากที่โอ้วเอ๋ได้รับบทการแสดงดังกล่าว ก็ทำให้เขารู้ตัวว่าแท้จริงแล้วเขาชื่นชอบในการแสดงมาก และเป้าหมายของเขาในตอนนี้คือการเข้าเรียนคณะนิเทศศาสตร์เหมือนกับเต๋ แน่นอนว่าจุดนี้ทำให้ความสัมพันธ์เริ่มสั่นคลอน เพราะเต๋เริ่มมองโอ้เอ๋วเป็นคู่แข่งมากกว่าจะมองว่าเขาคือเพื่อนสนิทข้างกายที่ขาดไม่ได้
สุดท้ายทั้งคู่เลิกคุยกันไปโดยปริยาย แต่บุญกรรมนำแต่ง ทั้งคู่ต้องกลับมาพบกันอีกครั้งในการเรียนคลาสภาษาจีนเพื่อที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย จนในที่สุดทำให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจและสนิทกันอีกครั้ง แต่รอบนี้มันไม่ใช่เพียงแค่ความสัมพันธ์แบบเพื่อนเท่านั้น เพราะทั้งคู่ถลำลึกลงไปมากกว่านั้นโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตามกรอบสังคมและโชคชะตาของความรักไม่ได้สวยงามดังกลีบกุหลาบ เพราะเต๋ยังคงยึดติดกับกรอบของสังคมที่ผู้ชายต้องคู่กับเพศหญิงอยู่เสมอ จุดนี้ทำให้เขาสับสนและไม่กล้าเปิดประตูให้เต็มบานกับความรักในครั้งนี้ แน่นอนว่าความไม่แน่ใจของเต๋นั้นสร้างบาดแผลในหัวใจให้กับโอ้เอ๋วเป็นอย่างมาก จนทำให้สถานการณ์ปั่นป่วนไปหมด ซึ่งถ้าจะถามว่าตอนจบของเรื่องราวนี้จะเป็นอย่างไรต้องไปหาคำตอบกันในซีรีส์กันนะครับ
2. เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดีๆ (TharnType The Series)

แนวซีรีส์ | โรแมนติก-คอมเมดี้ |
นักแสดงนำ | ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์, คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์, สุทธิณัฐ อึ้งตระกูล และ กิตติภัทร แก้วเจริญ |
จำนวนตอน | 12 ตอน |
ปีที่ออกอากาศ | 2563 |
Chemistry หรือที่เรียกกันว่าเคมีเข้ากัน คงจะต้องยกให้คู่ “มิว-กลัฟ” จริง ๆ เพราะทั้งหน้าตา ส่วนสูง รูปร่าง และฝีมือการแสดงของทั้งคู่นั้นทำออกมาได้เป็นอย่างดีจนทำให้ซีรีส์ “เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดี ๆ” หรือ “TharnType The Series” ออกมาได้อย่างกลมกล่อมและครบรส มีทั้งความคอมเมดี้ที่แซมเข้าให้เรียกเสียงหัวเราะ หรือจะเป็นความดราม่าชวนเรียกน้ำตาที่มีความเรียล จนทำให้เสียน้ำตากันไปหลายหยด ซึ่งจุดนี้ทำให้นอกจากที่ทั้งคู่จะตกหัวใจของแฟนคลับสาววายจำนวนมากชนิดที่ถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว ยังทำให้ทั้งคู่ได้เติบโตในวงการบันเทิงมากขึ้นกว่าเดิม
เรื่องย่อ : “ไทป์ (กลัฟ คณาวุฒิ)” ได้เข้าเป็นนักศึกษาปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่านักศึกษาหรือเฟรชชี่ที่เข้ามาใหม่นั้นจะต้องถูกบังคับให้อยู่ภายในหอพักร่วมกับรูมเมทที่สุ่มมาโดยที่ไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่แน่นอนว่าพรหมลิขิตก็นำพาให้เจอรักแท้ได้แบบไม่คาดฝัน เพราะคนที่เป็นรูมเมทของเขาคือ “ธาร (มิว ศุภศิษฏ์)”
อย่างไรก็ดีจุดเริ่มต้นของทั้งคู่ก็ไม่ได้ดีนัก เพราะด้วยความที่ไทป์พบเจอกับเรื่องราวในอดีตที่ถูกละเมิดทางเพศโดยเกย์ ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบเพศที่ 3 เป็นทุนเดิม ซึ่งเมื่อเขาทราบจากเพื่อนสนิทว่าธารเป็นเกย์ จึงทำให้เขาเกิดอคติจนถึงขั้นไม่เผาผีเลยก็ว่าได้ เนื่องจากไทป์พยายามรังควานธารให้ออกจากห้องให้ได้ แต่แล้วความดีและการเอาใจใส่ของธารก็ทำให้ไทป์เข้าใจว่าความรักไม่จำกัดเพศ จากนั้นความเกลียดก็เปลี่ยนผันเป็นความรักในที่สุด
3. ทฤษฎีจีบเธอ (Theory of Love)

แนวซีรีส์ | โรแมนติก-คอมเมดี้ |
นักแสดงนำ | จุมพล อดุลกิตติพร, อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์, ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม, ชินรัฐ สิริพงษ์ชวลิต และ พิรพัฒน์ วัฒนเศรษสิริ |
จำนวนตอน | 12 ตอน |
ปีที่ออกอากาศ | 2562 |
ใครเป็นสาววายหรือหนุ่มวายแล้วไม่รู้จักคู่จิ้นสุดฮอตอย่าง “ออฟ-กัน” ถือว่าเชยสุด ๆ เพราะคู่นี้เป็นอีกหนึ่งคู่ที่เปิดศักราชให้คนหันมาสนใจซีรีส์วายมากขึ้น ถ้าหากเปรียบเทียบความดังในแวดวงของหนังหรือซีรีส์วาย “กัน อรรถพันธ์” ก็คงเปรียบเสมือนกับ ญาญ่า อุรัสยา เลยทีเดียว
โดยจริง ๆ แล้วจุดเริ่มต้นของคู่จิ้นนั้นไม่ได้มาจากการแสดงซีรีส์วายจ๋าเลยซะเดียว เพราะทั้งคู่เริ่มเติบโตมาพร้อมกันในซีรีส์เรื่อง “Senior Secret Love: Puppy Honey” ที่เรียกได้ว่าเป็นคู่รองซะด้วยซ้ำ แต่ด้วยความน่ารักของตัวละคร “ปิ๊ก-โรม” ทำให้ทั้งคู่โดดเด่นตีคู่มากับคู่หลักเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่ากระแสของคู่จิ้นที่เคมีเข้ากันขนาดนี้ทำให้ทั้งคู่สามารถต่อยอดผลงานไปได้มากขึ้น จนในที่สุดทั้งสองคนก็ได้รับผลงานการแสดงเป็นคู่หลักในซีรีส์ที่ชื่อว่า “ทฤษฎีจีบเธอ (Theory of Love)” และผลงานชิ้นนี้ถือเป็นมาสเตอร์พีชที่ถูกประดับอย่างสมเกียรติในวงการซีรีส์วาย ที่ไม่ว่าจะเปิดดูกี่ครั้งก็สร้างรอยยิ้มและความฟินได้อยู่เสมอ
เรื่องย่อ : ซีรีส์เรื่องนี้ปูทางมาด้วยเพื่อนสนิท 4 คน ซึ่งโด่งดังมากในมหาวิทยาลัย จนมีฉายานามที่ใช้เรียกกันว่า “แก๊งโหด” โดยสมาชิกในกลุ่มนี้จะมี “ค่าย (อ๊อฟ จุมพล)”, “เติร์ด (กัน อรรถพันธ์)”, “โบน (ไมค์ ชินรัฐ)” และ “ทู (ไวท์ ณวัชร์)” แต่เพื่อนสนิทคิดไม่สื่อก็เกิดขึ้นเมื่อ เติร์ดเกิดความรู้สึกรักกับค่าย ถึงแม้ว่าเขาเองก็รู้ดีถึงชื่อเสียงเรียงนามในเรื่องของความเจ้าชู้ที่เปลี่ยนสาวแล้วแทบจะทุกคณะ
นอกจากนี้ความรักแบบชาย-ชายก็คงเกิดขึ้นได้ยากในการที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ในครั้งนี้ แต่แล้วความลับและความรักภายในจิตใจก็ไม่สามารถบิดบังไปได้ตลอด เพราะทูเพื่อนสนิทในกลุ่มก็ได้กลิ่นแปลก ๆ และรู้ว่าเติร์ดมีใจให้กับค่าย เขาจึงพยายามเป็นพ่อสื่อให้รักครั้งนี้สำเร็จ ซึ่งทางค่ายเองก็เริ่มสัมผัสถึงความรักที่เติร์ดมีให้
ในตอนแรกค่ายพยายามทดลองและพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นจริงหรือไม่? แต่เขาไม่รู้เลยว่าแผนของเขาไปสร้างความเจ็บปวดให้กับเติร์ดจนหัวใจสลาย จนเติร์ดต้องเดินถอยหลังและตีตัวถอยห่าง ในขณะเดียวกันค่ายเองกับเริ่มแน่ใจขึ้นมาซะเอง ว่าจริง ๆ แล้วเขานั้นตกหลุมรักเติร์ดเข้าไปอย่างจัง ดังนั้นสิ่งที่จะฮีลหัวใจให้เติร์ดกลับมารักเขาได้เหมือนเดิมคือการตามง้อ และต่อรอยร้าวของหัวใจให้กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง ซึ่ง “ทฤษฎีจีบเธอ” คือภารกิจที่จะทำให้ทั้งสมหวังนั่นเอง
4. เพราะเราคู่กัน (2gether The Series)

แนวซีรีส์ | โรแมนติก ดราม่า คอมเมดี้ |
นักแสดงนำ | วชิรวิชญ์ ชีวอารี และ เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร |
จำนวนตอน | 18 ตอน |
ปีที่ออกอากาศ | 2563 |
หนึ่งในซีรีย์ที่จุดกระแสให้คนหันเข้ามาดูซีรีย์วายกันมากขึ้นคือเรื่อง “เพราะเราคู่กัน” (2gether The Series) ถ้าถามว่าดังขนาดไหนก็ต้องบอกว่านักแสดงหลักอย่างไบร์ทและวิน นั้นมียอดผู้ติดตามใน Instagram เพิ่มขึ้นมากชนิดที่เหยียบหลักล้าน รวมไปถึงยอดกดถูกใจที่มากถึง 1 ล้านในทุกรูปของช่วงนั้นเลยก็ว่าได้ ดังนั้นแน่นอนว่ายอดคนดูเป็นการพิสูจน์ถึงคุณภาพของซีรีย์ หากใครที่ไม่เคยดูผมแนะนำให้ลองไปรับชมกันนะครับ
เรื่องย่อ : “ไทน์ (วิน เมธวิน)” หนุ่มวัยมหาวิทยาลัยที่คอยตามหารักแท้อยู่ร่ำไป แต่สุดท้ายความรักที่เขาตามหากลับไม่สมหวังดังใจ แต่เรื่องน่าเศร้านี้ก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับสิ่งที่เขาต้องพบเจอในชีวิตมหาวิทยาลัย เพราะสิ่งที่เขาจะเผชิญจนถึงขั้นระแวงในทุกวันคือ การหลบเจอ “กรีน” ตุ๊ดหนุ่มที่คอยตื๊อและตามจีบไทน์แบบไม่เว้นวัน จนไทน์เอือมระอาและหาทางที่จะทำให้กรีนหยุดตื๊อเขาสักที
จนเมื่อเขาเจอเข้ากับ “สารวัติ (ไบร์ท วชิรวิชญ์)” ชายหนุ่มหน้าตาดี แถมยังเล่นกีตาร์เก่งอีก ชนิดที่สาวทั้งมหาวิทยาลัยต้องตามกรี๊ดกันไปแถบ ๆ ซึ่งไทน์มองว่าถ้าเขาแกล้งเป็นแฟนกับสารวัติคงทำให้กรีนหยุดตามตื๊อเขาได้อย่างแน่นอน และแผนการก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อสารวัติยอมทำตามคำขอ แต่มันไม่จบเพียงเท่านั้นเพราะต้นรักของทั้งคู่เริ่มงอกงามยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ใกล้กัน อีกทั้งสิ่งหนึ่งที่ไทน์ไม่เคยรู้มาก่อนคือสารวัติแอบหลงรักไทน์มาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว ซึ่งความรักของทั้งคู่จะเป็นอย่างไรและสมหวังหรือไม่ ? ต้องไปติดตามดูกันเอาเองนะครับ
5. จูบสุดท้ายเพื่อนายคนเดียว (Dark Blue Kiss)

แนวซีรีส์ | โรแมนติก-คอมเมดี้ ดราม่า |
นักแสดงนำ | ตะวัน วิหครัตน์, ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ, กวิน แคสกี้, ศุภกร ศรีโพธิ์ทอง และ ชยพล จุฑามาศ |
จำนวนตอน | 12 ตอน |
ปีที่ออกอากาศ | 2562 |
“เต-นิว” คืออีกหนึ่งคู่จิ้นในวงการวายที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง เพราะด้วยความที่ทั้งคู่ไม่ได้สนิทกันเพียงแค่ในจอเท่านั้น แต่นอกจอทั้งคู่ก็สนิทชิดเชื้อกันมาก ซึ่งเสน่ห์ของคู่นี้คือความเรียล ซึ่งเราสามารถสัมผัสได้ ถึงแม้ว่าซีรีย์จะเป็นบทละครที่มีไดอะล็อกในการพูด แต่หากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของคู่นี้ จะรับรู้ได้เลยว่าคู่นี้มีหลายซีนมากที่ฟรีสไตล์ ด้นคำพูดสดออกมาหลายคำ เพราะในชีวิตจริงทั้งคู่ก็พูดงุ้งงิ้งกันแบบนี้อยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่โด่งดังติดลมบนได้จนถึงวันนี้ ก็คือความเรียลอย่างที่บอกไปนั่นเองครับ
เรื่องย่อ : เส้นทางของความรักที่ต้องปกปิด เนื่องจากกลัวความผิดหวังของคนในครอบครัวและสายตาของคนในสังคมที่ล้าสมัย ทำให้ “เก้า (นิว ฐิติภูมิ)” ไม่กล้าเปิดเผยความจริงถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขาและ “พีท (เต ตะวัน)” แต่อุปสรรคความรักของทั้งสองคนไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้น เพราะตัวแปรสำคัญของรอยแตกร้าวคือ “นนท์ (เอเจ ชยพล)” ลูกศิษย์ของเก้าที่มาเรียนพิเศษเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ซึ่งนนท์แอบตกหลุมรักครูเก้าที่ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเก้ากับพีทนั้นมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนก็ตาม อีกทั้งด้วยนิสัยและพฤติกรรมเอาแต่ใจของนนท์ทำให้เขาอยากเอาชนะพีทให้ได้ เรียกว่าคอยปั่นประสาทได้ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส จนทำให้ความรักเริ่มสั่นคลอนและความลับที่เก็บเอาไว้ก็กำลังจะถูกเปิดโปงไปยังคนรอบข้าง ท้ายที่สุดนี้ความรักจะของทั้งคู่จะจบลงอย่างไรและนนท์จะแย่งเก้ามาจากพีทได้หรือไม่ ? ต้องไปติดตามดูกันครับ
6. เพราะรักใช่เปล่า (Why R U The Series)

แนวซีรีส์ | โรแมนติก-คอมเมดี้ ดราม่า |
นักแสดงนำ | ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา, พฤกษ์ พานิช, สิทธิโชค เผือกพูลผล และ กานต์ กฤษณะพันธ์ |
จำนวนตอน | 13 ตอน |
ปีที่ออกอากาศ | 2563 |
หลายคนน่าจะรู้จัก “เซ้นต์ ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา” เป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะเซ้นต์เคยประสบความสำเร็จกับเรื่อง “บังเอิญรัก” มาก่อนหน้านี้ ในขณะที่ “ซี พฤกษ์ พานิช” ถึงแม้ว่าจะเป็นผลงานซีรีย์วายเรื่องแรก แต่ก็เรียกว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยความน่าสนใจของเรื่องนี้จะเป็นในเรื่องของบทที่ล้อเลียนวัฒนธรรมทางสังคม รวมไปถึงการตีกรอบของคนไทยเกี่ยวกับ LGBTQ ซึ่งถ้าได้ดูแบบเจาะแล้วคุณจะเห็นอะไรมากกว่าแค่นักแสดงที่หน้าตาดีครับ
เรื่องย่อ : จุดเริ่มต้นของซีรีส์ Why R U เริ่มต้นขึ้นเมื่อ “ติวเตอร์ (เซ้นต์ ศุภพงษ์)” เป็นเฟรชชี่ที่ได้เข้ากิจกรรมรับน้อง และได้พบเจอกับรุ่นพี่หนุ่มหล่ออย่าง “ไฟท์เตอร์ (ซี พฤกษ์)” โดยไฟท์เตอร์เมื่อได้เห็นติวเตอร์ก็ชอบทันที แต่ด้วยความสัมพันธ์ในอดีตที่เขาคบแต่ผู้หญิง บวกกับการไม่กล้ายอมรับว่าตนเองเริ่มชอบเพศชายด้วยกัน และความคาดหวังของคนในครอบครัว ทำให้เขาลังเลในการที่จะเปิดใจกับรักครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ต่าง ๆ และโชคชะตากลับทำให้เขาเข้าไปในชีวิตของติวเตอร์มากกว่าเดิม ทั้งยังรับรู้ได้ด้วยว่าติวเตอร์นั้นมีปัญหาทางด้านการเงิน เขาจึงหาวิธีช่วยติวเตอร์อยู่ตลอด จนในที่สุดความรักของทั้งคู่ได้ทลายกำแพงเพศสภาพและความกดดันในสังคม จนทั้งคู่สมหวังในความรักครั้งนี้
7. ด้ายแดง (Until We Meet Again the Series)

แนวซีรีส์ | โรแมนติก-ดราม่า |
นักแสดงนำ | ณธัช ศิริพงษ์ธร, ฐิติวัฒน์ ฤทธิ์ประเสริฐ, นพเก้า เดชาพัฒนคุณ, กัษมนณัฏฐ์ นามวิโรจน์, นพณัฐ กันทะชัย, วรุศ ชวลิตรุจิวงษ์,ซาแมนท่า เมลานี่ โค้ทส์, ศุภเดช วิไลรัตน์, พัณณิน ชาญมนูญ และ วนัส แสงเทียนประไพ |
จำนวนตอน | 17 ตอน |
ปีที่ออกอากาศ | 2562 |
ไฮไลท์ของเรื่องนี้ที่โดดเด่นมาเลยน่าจะเป็นเรื่องของบทและพล็อตซีรีย์ เพราะการนำเอาภพชาติหรือเรื่องราวในอดีตมาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน ถือเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับวงการวายพอสมควร นอกจากนี้มู้ดและโทนสีที่ออกมาก็สวยงามดูเพลินตาไม่แพ้กัน รวมไปถึงสิ่งที่ต้องชมเชยมาก ๆ เลยคือการแคสนักแสดงได้เข้ากับตัวละครมาก อย่าง ฟลุ้ค (ณธัช ศิริพงษ์ธร) ที่ได้รับบทเป็น “ภาม” และ โอห์ม ฐิติวัฒน์ ฤทธิ์ประเสริฐ ที่รับบทเป็น “ดรีม” ก็เรียกว่าตรงคาแรคเตอร์มากถึงมากที่สุด ใครได้ดูเรื่องนี้แล้วรับรองว่าจะฟินไปตาม ๆ กัน
เรื่องย่อ : เรื่องราวของด้ายแดงนั้นเริ่มมาจากความสัมพันธ์ในอดีตเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ที่ “กรณ์” และ “อินทัช” ได้มีความสัมพันธ์และปลูกต้นรักกับเพศเดียวกัน แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าในยุคนั้นการที่เพศชายจะรักกันนั้นถือว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เป็นไปได้ยากมากที่ครอบครัวจะยอมรับได้ ซึ่งเมื่อพ่อของทั้งสองฝ่ายรู้เข้าปัญหาก็เกิดขึ้น แต่ปัญหาที่ว่านั้นร้ายแรงเกินกว่าที่ใครจะคาดเดา
เพราะได้เกิดโศกนาฏกรรมเมื่อกรณ์ไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้จนฆ่าตัวตาย แน่นอนว่าเมื่ออินทัชเห็นเข้าก็ไม่สามารถรับได้ที่คนรักของตัวเองตาย เขาจึงได้ฆ่าตัวตายตาม แต่ด้วยสัญญาที่ผูกกันเสมือนด้ายแดงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังคงยึดติดกัน จนเมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปี ก็ทำให้พรหมลิขิตและสัญญารักกลับมาพบเจอกันอีกครั้งในรูปแบบของนักศึกษาปี 1 คือ “ภาม” กับ รุ่นพี่สุดขรึมอย่าง “ดรีม” เพื่อแก้ไขเรื่องราวอันเลวร้ายในอดีต ให้สมหวังตามแบบฉบับของรักแท้
8. พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง (SOTUS The Series)

แนวซีรีส์ | โรแมนติก |
นักแสดงนำ | ปราชญา เรืองโรจน์ และ พีรวัส แสงโพธิรัตน์ |
จำนวนตอน | 13 ตอน |
ปีที่ออกอากาศ | 2559 |
เค้าโครงของซีรีส์เรื่องนี้นำมาจากนิยายในเว็บไซต์เด็กดี ชื่อ “SOTUS พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง” โดยจุดเด่นของเรื่องนี้จะอยู่ที่บทและความเรียลของเหตุการณ์ภายในเรื่อง ซึ่งระบบโซตัสนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนอาจพบเจอมาก่อนในช่วงมหาวิทยาลัย ดังนั้นสถานการณ์ต่าง ๆ ภายในเรื่องจะสามารถเชื่อมโยงกับคนดูได้ง่าย อีกสิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญในความสำเร็จของซีรีย์ นั่นคือเคมีระหว่างนักแสดงนำ 2 คน ที่ทำออกมาให้เราเชื่อว่าตัวละครนั้นเป็นแฟนกันจริง ๆ
เรื่องย่อ : “ก้องภพ (สิงโต ปราชญา)” นักศึกษาวิศวะปี 1 ได้พบเจอกับรุ่นพี่สุดโหดอย่าง “อาทิตย์ (คริส พีรวัส)” ในการรับน้องในระบบที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของความโหดขั้นสุดอย่าง SOTUS โดยการลงโทษน้อง ๆ เฟรชชี่นั้นถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นน้องทุกคนที่เข้าร่วมรับน้องนั้นโดนคำสั่งให้ตามล่าหาลายเซ็นจากรุ่นพี่ให้ครบ 1,000 ลายเซ็น โดยมีหัวเรืออย่างอาทิตย์ในการสั่งการณ์
ทั้งนี้ด้วยก้องภพซึ่งเป็นคนไม่เข้าใจถึงประโยชน์จากคำสั่งและระบบโซตัสที่ไร้เหตุผล ทำให้เขาลุกขึ้นมาโต้เถียงกับอาทิตย์ได้แบบไม่เกรงกลัว จนอาทิตย์เกิดความไม่พอใจและต้องประชุมกับพี่ว๊ากคนอื่นเพื่อควบคุมรุ่นน้องให้ได้ อย่างไรก็ดีก้องภพเมื่อได้ให้ตัวตนที่แท้จริงของอาทิตย์ ในช่วงที่ไม่ได้อยู่ในระบบโซตัส ก็เห็นได้ว่าจริง ๆ แล้วอาทิตย์เป็นคนจิตใจดี ยิ่งการที่ห้องของทั้งคู่อยู่ตรงข้ามกัน ก็ยิ่งทำให้เขาเห็นพี่อาทิตย์ในมุมที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น จนในที่สุดเขาก็ชอบพี่อาทิตย์เข้าจนได้
9. Water Boyy the Series

แนวซีรีส์ | โรแมนติก-คอมเมดี้ |
นักแสดงนำ | ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ, พิรพัฒน์ วัฒนเศรษสิริ, ชาราฎา อิมราพร, ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม, ชัชชวิศ เตชะรักษ์พงศ์ และ ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล |
จำนวนตอน | 14 ตอน |
ปีที่ออกอากาศ | 2560 |
ความดุเด็ดเผ็ดร้อนในฉากเลิฟซีนของเรื่องนี้ต้องบอกว่าดุเดือนเหมือนน้ำร้อนในอุณหภูมิ 100 องศา (จะแรงแค่ไหนไปดูกันเอง) ซึ่งความเดือนนั้นสามารถต้มให้สาววายตัวเปื่อยได้เลยทีเดียว ในขณะเดียวกันเราก็ได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้อยู่พอสมควร เพราะเรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่าความรักนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกเพศโดยไม่มีข้อกำจัด ทั้งนี้การแสดงของ “นิว ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ” ก็ทำออกมาได้ดีพอสมควรเลยครับ เป็นการพิสูจน์ว่าเขาได้พัฒนาสกิลการแสดงดีขึ้นเยอะมาก ส่วน “เอิร์ท พิรพัฒน์ วัฒนเศรษสิริ” ก็ทำออกมาได้ไม่แย่สำหรับการเป็นนักแสดงมือใหม่ อีกทั้งเรื่องนี้ยังถือว่าเป็นซีรีย์วายที่ประสบความสำเร็จทั้งในไทยและต่างประเทศ
เรื่องย่อ : การพบรักของ “อาโป (นิว ฐิติภูมิ)” กับ “หวาย (เอิร์ท พิรพัฒน์)” เกิดขึ้นในชมรมสระว่ายน้ำ โดยอาโปนั้นเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในชมรม ในช่วงแรกนั้นหวายกับอาโปไม่ได้ชอบขี้หน้าหรือสนิทกันสักเท่าไหร่นัก แต่ด้วยการเป็นรูมเมทและเพื่อนร่วมชมรมทำให้เขาทั้งสองคนเกิดความสนิทสนมมากขึ้น
ทั้งนี้เรื่องราวของความรักนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่งหวายจับได้ว่าโค้ชของชมรมที่ชื่อว่า “ธีร์” นักกีฬาว่ายน้ำคนเก่งระดับประเทศ ซึ่งเป็นพ่อของเอิร์ทนั้นเป็นชายรักชาย ซึ่งจุดนี้ทำให้หวายเกิดความโมโหและไม่เข้าใจในความรักของพ่อ แต่ความเครียดต่าง ๆ นั้นเริ่มหายไปเมื่ออาโปเข้ามาในชีวิตของหวาย จนในที่สุดก็ทำให้หวายก็เข้าใจถึงความรักที่ไม่มีข้อจำกัดมากขึ้น นอกจากที่เขาจะได้ความรักอันบริสุทธิ์จากอาโปแล้ว ความสัมพันธ์พ่อลูกระหว่างหวายกับโค้ชธีร์ก็ดีขึ้นมากกว่าเดิม
10. เขามาเชงเม้งข้าง ๆ หลุมผมครับ

แนวซีรีส์ | โรแมนติก-ดราม่า |
นักแสดงนำ | ปราชญา เรืองโรจน์ และ ภวัต จิตต์สว่างดี |
จำนวนตอน | 8 ตอน |
ปีที่ออกอากาศ | 2562 |
“เขามาเชงเม้งข้าง ๆ หลุมผมครับ” ถือว่าเป็นพล็อตซีรีส์ที่ฉีกกฎความเป็นซีรีส์วายอยู่พอตัวเลยครับ เนื่องจากตัวละครภายในเรื่องอย่างเมษที่เป็นวิญญาณ แต่คู่ของเขาคือ “ธัน” กลับกลายเป็นคนปกติ ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจทีเดียวว่าทางผู้กำกับและคนเขียนบทจะปูทางเรื่องราวไปในแนวทางไหน อีกทั้งในส่วนของนักแสดงอย่าง “สิงโต ปราชญา เรืองโรจน์” ก็ถือว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงในวงการวาย ทั้งในด้านของความสามารถและผลงานอันโดดเด่นจากเรื่อง “SOTUS” นอกจากนี้ยังมี ‘โอห์ม ภวัต จิตต์สว่างดี’ ที่ได้รับโอกาสในการเป็นนักแสดงนำครั้งแรกในสังกัด GMM อีกด้วย
เรื่องย่อ : “เมษ” วิญญาณหนุ่มที่อยู่ในสุสานมานานกว่า 20 ปี โดยในช่วงเวลาที่เขาเป็นวิญญาณนั้นแทบจะไม่มีญาติหรือใครที่จะมาสนใจเหลียวแลเขาเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นในทุก ๆ เทศกาลตรุษจีนจะทำให้เขารู้สึกเหงาอยู่เสมอ แต่แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ที่เขาไม่เคยคาดฝันไว้ก็เกิดขึ้น เมื่อมีเด็กชายวัย 10 ขวบคนหนึ่งที่ชื่อว่า “ธัน” เดินเข้ามาเห็น ถึงความว่างเปล่าของหลุมศพเมษ ที่ไม่มีของกินหรือเครื่องเซ่นไหว้ใด ๆ ด้วยจิตใจที่ดีและความสงสารจึงทำให้ธันวางลูกอมไว้หน้าหลุมศพของเมษ แน่นอนว่าถึงแม้มันจะเป็นลูกอมเพียงแท่งเดียว แต่ลูกอมนั้นกลับมีความหมายสำหรับเมษมากจนเกินจะบรรยาย
ซึ่งจุดนี้ทำให้เมษรู้สึกประทับมาก อีกทั้งตัวธันเองที่เป็นเด็กน้อยในวันนั้นก็ยังสัญญาอีกด้วยว่าจะมาเยี่ยมเมษทุกปี แต่เมื่อธันโตขึ้นเรื่อย ๆ วิญญาณของเมษเองก็ยังคงวนเวียนอยู่ในสุสานโดยไม่ไปสู่สุขคติ แน่นอนว่าจุดนี้ทำให้ธันเกิดข้อสงสัยและพยายามสืบหาความจริงเกี่ยวกับประวัติของเมษ โดยในระหว่างการตามหาความจริง ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งแบบแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าธันและเมษจะอยู่คนละภพภูมิ แต่ความรักก็ไม่อาจสามารถขวางกั้นได้ ทั้งนี้จุดจบของความรักในรูปแบบคนและวิญญาณจะเดินทางไปอย่างไร ต้องไปติดตามกันดูนะครับ รับรองว่าไม่ผิดหวัง