[รีวิว] Heartstopper season 2 ซีรีส์วายจากเกาะอังกฤษ

สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้

สิ้นสุดการรอคอยกับซีรีส์ Live Action แนวดรามา โรแมนติก ‘Heartstopper ซีซัน 2’ หรือในชื่อภาษาไทย ‘เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น 2′ ที่ดูได้ใน Netflix ไปเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา หลังจากที่ Heartstopper ซีซัน 1 ที่เข้าฉายไปเมื่อปี 2022 โดยในซีซันแรกได้ประสบความสำเร็จและการตอบรับอย่างดีจากผู้ชมทั่วโลก อีกทั้งยังได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มจากเว็บไซต์วิจารณ์เพลงและภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Rotten Tomatoes แน่นอนว่าการกลับมาของซีรีส์ในซีซัน 2 นี้ ก็ติดเทรนด์อันดับซีรีส์ยอดนิยมจากประเทศทั่วโลกที่เข้าฉายและได้รับเป็นอย่างดีไม่แพ้ซีซันแรกเลยล่ะครับ

Heartstopper เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายกราฟิกที่เสนอมุมมองความรักของ LGBTQ+ โดยในซีซัน 2 เป็นเรื่องราวที่ดำเนินต่อมาจากซีซันแรก นำแสดงโดย โจ ล็อค รับบทเป็น ชาร์ลี สปริง และ คิต คอนเนอร์ รับบทเป็น นิค เนลสัน โดยซีซัน 2 ได้เข้าฉายทาง Netflix มีทั้งหมด 8 ตอน ซึ่งแต่ละตอนจะมีความยาวประมาณ 30 นาที และที่สำคัญยังได้ อลิซ โอสแมน เจ้าของและนักวาดภาพประกอบ Heartstopper ฉบับนิยายกลับมาเขียนบทให้ รับรองได้เลยว่าเก็บรายละเอียดได้ครบไม่มีตกหล่น หากใครที่เป็นแฟนนิยายของเรื่องนี้อยู่แล้วจะต้องถูกใจแน่ ๆ ครับ

เรื่องย่อ Heartstopper ซีซัน 2

เรื่องราวในซีซัน 2 เป็นการดำเนินต่อหลังจากซีซันแรกเพียงแค่หนึ่งวัน โดยเป็นเหตุการณ์หลังจากที่ นิค เนลสัน (คิต คอนเนอร์) หนุ่มนักกีฬารักบี้ดาวเด่นของโรงเรียน ได้บอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ ชาร์ลี สปริง (โจ ล็อค) หนุ่มเนิร์ดที่มักจะโดนล้อจากคนในโรงเรียน ซึ่งนิครู้สึกดีมาก ๆ ที่แม่ไม่ได้ต่อว่าและเข้าใจในตัวนิคทำให้นิครู้สึกว่าการเปิดเผยสถานะทางเพศที่แท้จริง หรือ Come Out ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่แย่เสมอไป ชาร์ลีเองก็รู้สึกมีความหวังเพื่อที่จะได้คบกับนิคโดยที่จำเป็นต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ นิคจึงตัดสินใจที่จะเริ่มบอกความสัมพันธ์ระหว่างเขากับชาร์ลีโดยเริ่มจากคนใกล้ตัว ทำให้นิคต้องการขอบคุณ ทารา โจนส์ (คอรินนา บราวน์) และ ดาร์ซี โอลซ์สัน (คิซซี เอ็ดเกลล์) คู่รักที่ช่วยมอบความกล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อชาร์ลีและการ Come Out นิครู้สึกว่าเรื่องราวของทาราและดาร์ซีดูเหมือนว่ากำลังไปได้ด้วยดี แต่แท้จริงแล้วทารา กลับรู้สึกได้ว่ามีกำแพงระหว่างเธอกับดาร์ซีอยู่ ซึ่งดาร์ซีเองก็พยามหนีปัญหาโดยการทำเป็นทีเล่นทีจริงไม่ยอมตอบคำถามหรือบอกรักทาราตรง ๆ ทำให้ทาราเริ่มกังวลกับความสัมพันธ์นี้

Heartstopper S.2
Heartstopper S.2

เรื่องราวของนิคและชาร์ลีดูเหมือนจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิดไว้ โดยเริ่มจากพี่ชายของนิค เดวิด เนลสัน (แจ็ก บาร์ตัน) หนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย ที่ไม่ปลื้มในความสัมพันธ์ของนิคและชาร์ลีที่แอบสืบจนรู้ว่านิคคบกับชาร์ลีและเริ่มพูดจาบูลลี่นิคจนเกิดการทะเลาะกัน ทำให้นิคเกิดความกังวลที่จะ Come Out รวมถึงชาร์ลีเองก็ไม่ได้อยากให้นิคต้องมาเจอเหตุการณ์แย่ ๆ แบบตัวเองเจอ ทำให้ชาร์ลีเลือกที่จะเก็บความรู้สึกและความต้องการของตัวเองไว้เพื่อให้นิคสบายใจ อีกทั้งยังถูกพ่อ จูลิโอ สปริง (โจเซฟ บัลเดอร์รามา) และแม่ เจน สปริง (จอร์จิน่า ริช) สั่งห้ามให้เว้นระยะกับนิค ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบททดสอบครั้งใหม่ระหว่างนิคกับชาร์ลีนั่นเอง

ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนของชาร์ลี อย่าง เถา ซู (วิลเลียม เกา) และ แอลล์ อาเจนท์ (ยาสมิน ฟินนีย์) ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ราบรื่นเหมือนทุกที เพราะหลังจากที่แอลล์รู้ตัวแล้วว่าชอบเทา แต่ไม่บอกความรู้สึกของตัวเองออกไป ซึ่งในซีซันนี้เทาเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่ามีใจให้กับแอลล์เช่นกันและตั้งใจว่าจะบอกความรู้สึกนี้กับแอลล์ แต่เทามักจะให้ความสำคัญกับคำว่าเพื่อนมาก ๆ จึงไม่อยากให้ความรู้สึกนี้มาทำลายมิตรภาพและกลัวว่าจะเสียเพื่อนไป แอลล์สังเกตเห็นว่าเทาเริ่มทำตัวแปลก ๆ แอลล์จึงพยายามตีตัวออกห่างจากเทาและหันไปพยายามมุ่งมั่นกับเรื่องการเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะแทน

แน่นอนว่าประเด็นของการ Come Out และการยอมรับตัวเองของตัวละครยังคงเป็นประเด็นหลัก โดยปัญหาและความกังวลใจต่าง ๆ ที่วุ่นวายเหล่านี้จะเริ่มถูกคลี่คลายมากยิ่งขึ้นหลังจากที่โรงเรียนที่พวกเขาเรียนอยู่นั่นก็คือ โรงเรียน Thuham จะมีการทัศนศึกษาที่เมืองปารีสในประเทศฝรั่งเศส หลังจากสอบ GCSE เสร็จเรียบร้อย ซึ่งนอกจากการนำเสนอความรักของคู่หลักทั้ง 3 คู่แล้ว ในซีซัน 2 ซีรีส์ยังได้นำเสนอเรื่องราวของ ไอแซก เฮนเดอร์สัน (โทบี โดโนแวน) หนุ่มผู้รักการอ่านที่ในซีซันแรกที่ได้ทิ้งปมโดยไม่ได้บอกมุมมองความรักของตัวเองเอาไว้ รวมถึงมุมมองความรักของกลุ่ม LGBTQA+ คนอื่น ๆ ที่ปรากฏในเรื่องไม่ว่าจะเป็น เบญจามิน โฮบ (เซบาสเตียน ครอฟต์) มิสเตอร์อจายี (ฟิซาโย อาคีเนด) หรือ โค้ชซิงห์ (เซดนา แพนเดีย) ที่จะมาช่วยสร้างสีสันให้กับซีซันนี้ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงประเด็นปัญหา ‘ครอบครัว’ ที่ทุกตัวละครต้องเจอ ซึ่งเราจะได้เห็นถึงความเข้มข้นของเนื้อเรื่องที่มากยิ่งขึ้นกว่าซีซันที่แล้ว แต่ในซีซันนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยความอบอุ่นของกลุ่มเพื่อนที่พร้อมจะจับมือฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านี้ไปด้วยกัน เรื่องราวและความสัมพันธ์เหล่านี้จะดำเนินต่อไปอย่างไรมาติดตามเอาใจช่วยไปพร้อม ๆ กันนะครับ

ข้อมูลทั่วไปของซีรีส์ Heartstopper ซีซัน 2

แนวซีรีส์ Drama, Romance
สร้างโดย See-Saw Films
เขียนบท อลิซ โอสแมน (Alice Oseman)
กำกับการแสดงโดย ยูโรส ลิน (Euros Lyn)
ช่องทางออกอากาศ Netflix
จำนวนตอน ซีซัน 2 จำนวน 8 ตอน
นักแสดงนำ โจ ล็อค รับบทเป็น ชาร์ลี สปริง
คิต คอนเนอร์ รับบทเป็น นิค เนลสัน
วิลเลียม เกา รับบทเป็น เถา ซู
ยาสมิน ฟินนีย์ รับบทเป็น แอลล์ อาเจนท์
คอรินนา บราวน์ รับบทเป็น ทารา โจนส์
คิซซี เอ็ดเกลล์ รับบทเป็น ดาร์ซี โอลซ์สัน
โทบี โดโนแวน รับบทเป็น ไอแซก เฮนเดอร์สัน
นักแสดงสมทบ เจนนี วอลเซอร์ รับบทเป็น โทรี สปริง
เซบาสเตียน ครอฟต์ รับบทเป็น เบญจามิน โฮบ
เรีย นอร์วู้ด รับบทเป็น อิโมแกน เฮนีย์
คอร์แมค ไฮ-คอร์ริน รับบทเป็น แฮร์รี กรีน
ฟิซาโย อาคีเนด รับบทเป็น มิสเตอร์อจายี
เซดนา แพนเดีย รับบทเป็น โค้ชซิงห์
โอลิเวีย โคลแมน รับบทเป็น ซาราห์ เนลสัน
ธีโบลต์ เดอ มองตาลองแบร์ รับบทเป็น สเตฟาน เนลสัน
แจ็ก บาร์ตัน รับบทเป็น เดวิด เนลสัน
นีม่า ทาเลกานี รับบทเป็น มิสเตอร์ฟารุก
แบรดลีย์ ริชเชส รับบทเป็น เจมส์ แม็คอีแวน
โจเซฟ บัลเดอร์รามา รับบทเป็น จูลิโอ สปริง
จอร์จิน่า ริช รับบทเป็น เจน สปริง

เหตุผลที่ควรดู Heartstopper ซีซัน 2

1. ประเด็นเรื่องการ Come Out

Heartstopper S.2
ประเด็นเรื่องการ Come Out หรือเปิดเผยสถานะทางเพศให้คนรอบข้างได้รับรู้

ในซีซัน 2 ยังคงเน้นประเด็นหลักในเรื่องของการ Come Out หรือเปิดเผยสถานะทางเพศให้คนรอบข้างได้รับรู้ ตลอดซีซันนี้เราจะได้เห็น นิค เนลสัน ที่พยายามจะปลดล็อคความรู้สึกของตัวเองในการ Come Out เพื่อตัวของเขาเองและการพยายามเป็นแฟนที่ดีเพื่อไม่ให้ชาร์ลีต้องรู้สึกแย่เหมือนในอดีต แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนิคเลย ต้องบอกก่อนเลยว่า นิค เนลสัน เป็นหนุ่มหน้าตาดีและเป็นนักกีฬารักบี้ หากใครมาเห็นก็จะต้องคิดว่านิคคงจะเป็นหนุ่มฮอตและคาดว่าเขาคงจะมีแฟนสาวแล้วแน่ ๆ ซึ่งความคาดหวังเหล่านี้ทำให้การที่นิคจะบอกว่าตัวเองคบกับชาร์ลีเป็นเรื่องที่ยาก อีกทั้งยังมาเจอพี่ชายนิสัยเสียอย่าง เดวิด บูลลี่และพูดจาเหน็บแนมต่าง ๆ ทำให้นิคกลัวถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเขาและชาร์ลี เราจึงต้องคอยลุ้นเพื่อเอาใจช่วยนิคและชาร์ลีตลอดเวลาว่าพวกเขาจะสามารถ Come Out สำเร็จไว้อย่างที่ตั้งใจได้หรือไม่ ซึ่งนักแสดงอย่าง คิต คอเนอร์ และ โจ ล็อค ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ชวนอึดอัดของประเด็นเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

2. การพัฒนาและการเติบโตของตัวละคร

ในซีซันนี้จะเห็นได้ชัดว่านิคพยายามที่จะ Come Out เพื่อที่จะให้ชาร์ลีได้มั่นใจในตัวเขา เพราะนิครู้ดีว่าชาร์ลีเคยถูก เบญจามิน โฮบ (เซบาสเตียน ครอฟต์) สร้างแผลใจเอาไว้ทำให้ชาร์ลีขาดความมั่นใจที่จะมีความรักและถูกรักโดยคนดี ๆ และชาร์ลีเองก็ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับตนเองเพื่อที่จะได้เป็นกำลังใจให้กับนิคในการ Come Out ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นบันไดที่จะก้าวขึ้นไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งนักแสดงก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครได้อย่างสมบูรณ์และเป็นธรรมชาติ ทำให้คนดูได้รู้สึกนึกย้อนไปในช่วงวัยเด็กและอยากคอยเอาใจช่วยนิคและชาร์ลีอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะครับ

Heartstopper S.2
การพัฒนาและการเติบโตของตัวละคร

ในแง่ของการนำเสนอมุมมองความรักของตัวละครในซีซันนี้เราจะได้เห็นเส้นเรื่องของตัวละครอื่น ๆ ในกลุ่มเพื่อนของชาร์ลีที่ถูกขยายมากยิ่งขึ้นอย่างเทาและแอลล์ ซึ่งจากซีซันแรกจะเห็นได้ชัดเลยว่าความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสองได้ก้าวข้ามคำว่าเพื่อนไปแล้ว โดยในช่วงแรกจะสังเกตเห็นว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้ราบรื่น ซึ่งทั้งเทาและแอลล์ต่างก็ต้องปรับความคิดและความรู้สึกของตัวเองให้เข้าใจอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น จากมุมมองของผู้เขียนที่ได้ติดตามมาตั้งแต่ซีซันแรกก็อดเป็นห่วงไม่ได้กลัวว่ามิตรภาพจะพังลง แต่ทั้งเทาและแอลล์ก็ต้องปรับความเข้าใจกันเพื่อประคับประคองความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ผ่านพ้นสถานการณ์เหล่านี้ไปให้ได้

สำหรับคู่ของทาราและดาร์ซีในซีซันนี้เราจะได้เห็นเรื่องราวของทั้งคู่มากยิ่งขึ้น ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าทาราและดาร์ซีมีการสื่อสารความรู้สึกกันที่น้อยลงทำให้ทั้งสองไม่เข้าการกระทำของอีกฝ่ายจนทั้งสองคนเกิดการเข้าใจผิดกัน ซึ่งเรื่องนี้ต้นเหตุมาจากครอบครัวของดาร์ซีที่มีคุณแม่เจ้าระเบียบชอบบังคับทำให้ดาร์ซีต้องซุกซ่อนสถานะของตัวเองเมื่อมาถึงบ้าน ผู้เขียนเชื่อว่าประเด็นเหล่านี้จะต้องเป็นประเด็นที่กลุ่ม LGBTQ+ หลาย ๆ คนต้องพบเจอ เพราะถึงแม้โลกจะเปิดกว้างมากแค่ไหนแต่ก็ยังคงมีผู้ใหญ่หรือผู้ปกครองที่ไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ ซึ่งก็คงจะต้องใช้ระยะเวลาในการพูดคุยปรับความเข้าใจกัน

3. เมื่อบ้านอาจจะไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยเสมอไป

หากใครที่ได้ชมแล้วจะสังเกตได้ว่าในซีซันนี้มีการนำเสนอในมุมของครอบครัวทุกตัวละคร เริ่มจากครอบครัวของนิคที่มีพี่ชายนิสัยเสียอย่าง เดวิด คอยพูดหาเรื่องทำร้ายจิตใจอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังต้องอยู่ห่างจากพ่อ สเตฟาน เนลสัน (ธีโบลต์ เดอ มองตาลองแบร์) ที่ไม่ค่อยสนใจครอบครัว ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้คอยมาบั่นทอนความรู้สึกของนิค แต่อย่างน้อยนิคก็โชคดีที่ยังมีแม่ที่เข้าใจและคอยอยู่เคียงข้าง

Heartstopper S.2
เมื่อบ้านอาจจะไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยเสมอไป

นอกจากนี้ในซีซัน 2 ยังมีการนำเสนอเรื่องราวภายในครอบครัวของตัวละครอื่น ๆ มากยิ่งขึ้น เช่น เถา ซู โดยในวัยเด็กเทาได้สูญเสียคุณพ่อไป ทำให้เทาเกิดความกลัวที่สูญเสียเพื่อนไปเหมือนกับคุณพ่อ หรือ ดาร์ซี มีคุณแม่ที่เจ้าระเบียบและชอบบังคับ ทำให้ดาร์ซีรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง บ้านจึงไม่ใช่พื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเธอ ซึ่งปัญหาในครอบครัวเหล่านี้ส่งผลไปถึงพฤติกรรม คำพูด และนิสัยของตัวละครนั่นเองครับ

4. ปัญหาด้านการบูลลี่ที่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมและลักษณะนิสัยของตัวละคร

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ติดตามมาตั้งแต่ซีซันแรกคงจะทราบกันดีว่าตัวซีรีส์มีการนำเสนอเรื่องราวมุมมองความรักของวัยรุ่นที่มีความหลากหลาย ซึ่งสังคมในปัจจุบันถึงแม้จะเปิดกว้างมากเพียงใด แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจและให้การยอมรับทำให้เกิดการบูลลี่ และด้วยสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ก็ไม่สามารถทำให้ตัวละครที่เป็นกลุ่ม LGBTQ+ แสดงตัวตนของตัวเองออกมาได้ อีกทั้งทุกคนยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นความรู้สึกของพวกเขาจึงค่อนข้างเปราะบาง เมื่อถูกบูลลี่หรือถูกกลั่นแกล้งสิ่งเหล่านี้จึงส่งผลต่อพฤติกรรมและลักษณะนิสัยของตัวละคร เช่น ชาร์ลีที่มีพฤติกรรมการกินอาหารที่ผิดปกติ ซึ่งเกิดจากประสบการณ์เลวร้ายหลังจากที่ถูกคนในโรงเรียนบูลลี่ เมื่อผู้เขียนได้ทราบแบบนี้แล้วจึงไม่แปลกใจเลยที่ทั้งนิคและชาร์ลีจะรู้สึกกังวลใจที่จะ Come Out

5. มุมมองด้านความรักที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

ถึงแม้เนื้อเรื่องในซีซันนี้จะมีมุมซีเรียส ๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่ภายในซีรีส์ก็ยังคงความน่ารักสดใสของเรื่องราวความรักและความสัมพันธ์ของตัวละครอย่างคู่ของนิคและชาร์ลี คู่ของเทาและแอลล์ ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นถึงโมเมนต์น่ารัก ๆ ที่จะมาทำให้คนดูฟินจิกหมอนหัวใจพองโตตลอดทั้งเรื่อง นอกจากนี้เรายังได้เห็นมุมมองความรักของ มิสเตอร์อจายี (ฟิซาโย อาคีเนด) กับตัวละครใหม่อย่าง มิสเตอร์ฟารุก (นีม่า ทาเลกานี) ที่จะมาเปิดเผยถึงมุมมองความรักของผู้ใหญ่ ซึ่งทุกครั้งที่มีฉากของสองคนนี้บอกได้เลยว่าทุกคนจะต้องอมยิ้มอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าเป็นสีสันและช่วยสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี

Heartstopper S.2
มุมมองด้านความรักที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งตัวละครที่สำคัญจากซีซันแรกนั่นก็คือ ไอแซก โดยในซีซันแรกซีรีส์ไม่ได้พูดถึงมุมมองความรักของไอแซกเอาไว้เลย แต่ในซีซันนี้มีการเล่าถึงมุมมองความรักของไอแซกมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราจะสังเกตว่าไอแซกมักจะขลุกตัวเองอยู่กับหนังสือตลอดเวลาจนกระทั่งช่วงไปทัศนศึกษาที่ปารีส เจมส์ แม็คอีแวน (แบรดลีย์ ริชเชส) ได้เผยความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อไอแซก ทำให้ไอแซกเริ่มค้นหาตัวเอง ซึ่งจะเป็นประเด็นเกี่ยวกับ Asexul หรือก็คือ ไม่ได้ต้องการความรักแบบชู้สาวหรือฝักใฝ่ทางเพศนั่นเอง ผู้เขียนจึงรู้สึกว่าในซีซัน 2 ตัวซีรีส์ยังคงคอนเซ็ปต์ถ่ายทอดมุมมองความรักที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี

6. กราฟิกและดนตรีประกอบที่ช่วยถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของตัวละคร

สำหรับเรื่อง Heartstopper สิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกว่าทำให้ผู้ชมอินไปกับซีรีส์มากยิ่งขึ้นนั่นก็คือ ภาพและดนตรีประกอบ นั่นเอง หากใครที่ติดตามมาตั้งแต่ต้นจะทราบกันดีว่าที่มาของซีรีส์เรื่องนี้ถูกเขียนโดย อลิซ โอสแมน (Alice Oseman) นักเขียนและนักวาดภาพประกอบที่เป็นคนเขียนเรื่องนี้ขึ้น ซึ่งเป็นนวนิยายภาพกราฟิกน่ารัก ๆ โดยซีรีส์ได้หยิบเอาลายเส้นภาพกราฟิกต่าง ๆ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และดูวัยรุ่นมาสอดแทรกเหตุการณ์ต่าง ๆ ภายในเรื่อง รวมไปถึงการใช้ฟีลเตอร์ที่ทำให้ Mood & Tone ของซีรีส์ดูสดใสและทำให้ซีรีส์ดูมีชีวิตชีวาช่วยทำให้ผู้ชมได้เข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้ง่ายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเพลงประกอบซีรีส์นั้นก็มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าซีซันก่อน ซึ่งได้มีการนำบทเพลงจากกลุ่มศิลปินเควียร์ นักร้อง และนักประพันธ์เพลงที่มีชื่อเสียงมารวบรวมไว้ไม่ว่าจะเป็น Baby Queen, girl in red, Shura หรือ Taylor Swift อย่างในเพลง ‘Seven’ มาใช้ประกอบในฉากสำคัญในเรื่อง ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้การถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นครับ

Heartstopper S.2
กราฟิกและดนตรีประกอบที่ช่วยถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของตัวละคร

ความประทับใจหลังจากดู Heartstopper ซีซัน 2

สำหรับภาพรวมของ Heartstopper ซีซัน 2 หลังจากที่ดูจบแล้วผู้เขียนมองว่าในซีซันนี้ตัวซีรีส์ยังถ่ายทอดเรื่องราวและมุมมองความรักของตัวละครได้น่ารักและอบอุ่นมาก ๆ โดยซีรีส์ยังคงทำหน้าที่ในการบอกเล่าเรื่องราวมุมมองความรักของ LGBTQ+ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีความหลากหลายมากกว่าในซีซันแรก ซึ่งนักแสดงถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครได้เป็นอย่างดี และเรื่องราวที่เกิดขึ้นแทบจะเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับรอบตัวของทุก ๆ คน ทำให้คนดูรู้สึกอินไปกับตัวละครเหมือนได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาวัยเด็กอีกครั้ง ถึงแม้เนื้อเรื่องจะมีความเข้มข้นและมุมซีเรียสมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเหล่าตัวละครมีการเติบโตและกำลังก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ด้วย Mood & Tone ของตัวซีรีส์ก็ยังคงความสดใสและยังมอบพลังให้กับคนดูได้อมยิ้มมีความสุขตลอดสำหรับการรับชมซีรีส์เรื่องนี้ หากใครที่กำลังมองหาซีรีส์ฟีลกู๊ดอบอุ่นหัวใจรับรองว่าจะต้องประทับใจอย่างแน่นอนครับ

Dome Wasan

Dome Wasan

Hi everyone, I graduated from Prince of Songkhla University in the Faculty of Liberal Arts. I like the most about anime in Japan. Nice too meet you.

Next Post