การที่ผิวหน้าของเราเรียบเนียน, ไร้ริ้วรอยจากปัญหาสิวฝ้ากระ และเผยความกระจ่างใสเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ คงจะเป็นผิวหน้าในฝันของทุกคน จึงไม่แปลกใจที่หลาย ๆ คนในที่นี้มักจะลงทุนกับครีมบำรุงผิวหน้าเป็นพิเศษ แต่ไม่ว่าคุณจะทุ่มทุนดูแลผิวไปมากขนาดไหน ผิวหน้าของคุณก็ยังไม่ใช่ผิวที่สวยสมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับคุณอยู่ดี เพราะสุขภาพผิวหน้าที่ดีนั้นไม่ได้อาศัยเพียงแค่การประโคมสกินแคร์บำรุงผิวอย่างเดียว แต่เราจะต้องให้เวลากับสกินแคร์เหล่านี้เข้าไปทำหน้าที่ฟื้นฟูบำรุงผิวอีกด้วย แน่นอนว่าคุณไม่สามารถเนรมิตผิวหน้าให้เนียนสวยไร้ที่ติได้ในชั่วข้ามคืน ดังนั้นการแต่งหน้าจึงเป็นทางออกที่ใครหลาย ๆ คนมักใช้ในการปกปิดจุดบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้าของตัวเอง ซึ่งหนึ่งในเครื่องสำอางที่ใช้แก้ปัญหาและเพิ่มความมั่นใจได้ดีที่สุดนั้นก็คือการใช้ “รองพื้น” ค่ะ

รองพื้นเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยอดนิยมที่ช่วยทำให้ผิวหน้าของคุณดูสวยเป็นธรรมชาติ แต่การเลือกรองพื้นสักแบรนด์ที่มีคุณภาพดีนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ในวันนี้เราจึงอยากแนะนำ “รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์” ที่คัดมาแล้วว่าเหมาะกับสภาพผิวหน้าของสาวไทยและสภาพอากาศบ้านเรามากที่สุด ให้สาว ๆ ได้เลือกกัน
รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ ยี่ห้อไหนดีสำหรับคุณ?
- รองพื้นในตำนาน คุมมัน ติดทน กันเหงื่อ ปกปิดสูง: รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Estee Lauder Double Wear Stay-In-Place Makeup
- รองพื้นคุมมัน ให้ลุคฟินนิชแมตต์ ไม่ไหลเยิ้ม: รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Mac Studio Fix Fluid SPF15 Foundation
- รองพื้นงานผิว ช่วยคุมมัน ปกปิดดี ให้ลุคธรรมชาติ: รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Bobbi Brown Skin Long-Wear Weightless Foundation SPF15
- รองพื้นเหมาะกับทุกสภาพผิว หน้าฉ่ำ บำรุงผิวในตัว : รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Nars Light Reflecting Foundation
- รองพื้นติดทนนานมากเป็นพิเศษ : รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Shiseido Synchro Skin Self-Refreshing Foundation
![]() รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Estee Lauder Double Wear Stay-In-Place Makeup | ![]() รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Mac Studio Fix Fluid SPF15 Foundation | ![]() รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Bobbi Brown Skin Long-Wear Weightless Foundation SPF15 | ![]() รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Nars Light Reflecting Foundation |
รองพื้น คืออะไร ?
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับรองพื้นกันก่อนค่ะ โดย “รองพื้น” หรือ ครีมรองพื้นเป็นเมคอัพเบสชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นไอเทมพื้นฐานในขั้นตอนการเตรียมผิวที่สาว ๆ ควรรู้จักหากอยากมีใบหน้ามีหน้าที่สวยเนียนแลดูเป็นธรรมชาติ โดยรองพื้นจะมีหน้าที่ช่วยปกปิดจุดพร่องต่าง ๆ บนผิว ทั้งรอยดำรอยแดงจากสิว รอยฝ้ากระ ริ้วรอยต่าง ๆ และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอกัน ทำให้ผิวหน้าของคุณดูเรียบเนียนเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น เพราะในครีมรองพื้นจะมีการเติมสารให้สีที่เรียกว่า pigment ลงไป ทำให้มีโทนสีที่ใกล้เคียงกับสีผิวหน้าของคุณ และยังมีส่วนผสมที่ใช้ปกปิดอำพรางปัญหาต่าง ๆ บนใบหน้า นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผิวหน้าของคุณดูดีขึ้นเปรียบเสมือนมีเวทมนตร์เลยค่ะ
ทำไมต้องเป็น ‘รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์’ ?
ปัจจุบันมีรองพื้นมากมายหลากหลายแบบ หลากหลายราคาวางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด หากสาว ๆ ต้องการจะซื้อรองพื้นซักชิ้นก็คงต้องการรองพื้นที่ดีและมีคุณภาพจริงมั้ยคะ ? การเลือกใช้ครีมรองพื้นเคาน์แบรนด์จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยการันตีว่ารองพื้นชิ้นนั้นมีคุณภาพที่อยู่ในระดับที่สูง ได้ผ่านการทดสอบที่ได้มาตรฐานในทุกขั้นตอนการผลิต รวมไปถึงใช้ส่วนผสมต่าง ๆ ที่มีคุณภาพ ทำให้สาว ๆ สามารถทารองพื้นลงบนผิวหน้าได้อย่างสบายใจ

อีกทั้งสินค้าพื้นเคาน์แบรนด์ยังมีตัวเลือกให้เลือกได้หลากหลาย ทั้งรูปแบบของรองพื้น เฉดสี และรองพื้นสูตรต่าง ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาหลากหลายสูตรเพื่อให้เหมาะกับผิวหน้าที่แตกต่างกัน ดังนั้นถึงแม้ว่าครีมรองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์จะมีราคาสูงกว่ารองพื้นทั่วไป แต่เชื่อเถอะค่ะว่าคุณภาพที่ได้จะคุ้มค่าคุ้มราคากับเงินที่เสียไปอย่างแน่นอน ดีกว่าไปทดลองใช้รองพื้นราคาถูกที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่ผ่านการทดสอบ แล้วผิวเสียกลับมา ต้องรักษากันอีกยาวนะคะ
รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Estee Lauder Double Wear Stay-In-Place Makeup

ราคา 2,200 บาท*
Estee Lauder สำหรับรองพื้นตัวนี้เป็นรองพื้นในตำนานอีกรุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องการปกปิดที่เนียนกริบ ติดทน คุมมัน แถมยังกันน้ำกันเหงื่อได้ดีค่ะ ซึ่งสาว ๆ จะเห็นได้ว่าเหล่าช่างแต่งหน้ามักจะรองพื้นตัวนี้ในการแต่งหน้าให้ในวันที่ต้องออกงานสำคัญทั้งวัน และมีสภาพอากาศที่ร้อน เช่น งานรับปริญญา หรืองานแต่ง เพราะรองพื้นตัวนี้ให้การปกปิดแบบ Medium - Full Coverage และยังสามารถทาทับเพิ่มได้ในจุดที่ต้องการปกปิด ให้ลุคแบบ Semi Matte ที่ไม่แห้งด้านและยังดูเป็นผิว ทำให้ผิวดูสวยไปทั้งวันเลยค่ะ นอกจากนี้ยังเป็นสูตร Oil Free ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน และไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมอีกด้วยค่ะ
ข้อดี
- ทนต่อความร้อนและความชื้นได้อย่างดีเยี่ยม
- รองพื้นไม่เปลี่ยนสี
- ไม่มีน้ำมัน และน้ำหอม
- ไม่อุดตันผิว ไม่ทำให้เป็นสิว
ข้อควรพิจารณา
- ติดทนนานมาก ๆ ควรใช้เมคอัพรีมูฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพ
เนื้อรองพื้น | รองพื้นแบบลิควิด |
---|---|
ปริมาณ | 30 ml |
เหมาะสำหรับ | ผิวแพ้ง่ายเป็นสิวง่าย |
สารกันแดด | SPF10 PA+++ |
รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Mac Studio Fix Fluid SPF15 Foundation

ราคา 1,800 บาท*
Mac รองพื้นตัวนี้เป็นลูกรักของสาว ๆ และบิวตี้บล็อกเกอร์หลายคนก็นิยมใช้กันค่ะ เพราะรองพื้นตัวนี้ให้การปกปิดที่ดีเยี่ยม ช่วยคุมมันได้ดี และติดทนนานทั้งวัน โดยในบางท่านอาจจะมีสีดรอประหว่างวันเล็กน้อย สามารถเลือกสีที่สว่างกว่าผิวหน้า 1 ระดับเผื่อรองพื้นสีดรอปได้ค่ะ เนื้อรองพื้นเกลี่ยง่าย ให้ผิวดูเรียบเนียนสม่ำเสมอเหมือนมืออาชีพ นอกจากนี้ยังให้การบำรุงเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวไม่ดูแห้งแตก อีกทั้งยังปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยสารกันแดด SPF15 และมีเฉดสีผิวให้เลือกเยอะอีกด้วย ถือเป็นรองพื้นคุ้มค่าคุ้มราคามาก ๆ ตัวหนึ่งเลยค่ะ
ข้อดี
- ติดทนนานตลอดทั้งวันโดยไม่จำเป็นต้องรีทัช
- ปกปิดจุดด่างดำ รอยสิวและความบกพร่องของผิวได้อย่างดีเยี่ยม
- เหมาะสำหรับคนที่มีผิวธรรมดาและผิวมัน
ข้อควรพิจารณา
- เนื้อรองพื้นเซตตัวค่อนข้างเร็ว
- ไม่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย
เนื้อรองพื้น | รองพื้นแบบลิควิด |
---|---|
ปริมาณ | 30 ml |
เหมาะสำหรับ | ผิวธรรมดาและผิวมัน |
สารกันแดด | SPF15 |
รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Bobbi Brown Skin Long-Wear Weightless Foundation SPF15

ราคา 2,300 บาท*
รองพื้นตัวนี้เป็นรองพื้นตัวดังของแบรนด์ Bobbi Brown ค่ะ โดยรองพื้นตัวนี้ให้การปกปิดแบบ Medium - Full Coverage โดยให้ finish look แบบแมตต์โปร่งเบาให้ผิวได้หายใจ และดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งต่างจากรองพื้นแบบแมตต์ตัวอื่น ๆ ที่มันจะหนาและให้ความรู้สึกไม่สบายผิวค่ะ แต่เนื้อรองพื้นค่อนข้างเซ็ตตัวไว้แนะนำให้ค่อย ๆ ทาและเกลี่ยที่ละจุดดีกว่าทาทั่วไปใบหน้าในครั้งเดียวเพื่อความเรียบเนียน นอกจากนี้หลังจากรองพื้นเซ็ตตัวผิวจะค่อนข้างแห้งขึ้นเล็กน้อย จึงควรบำรุงผิวให้ชุ่มชิ้นก่อนทารองพื้นค่ะ
ข้อดี
- รองพื้นงานผิว ให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ
- ปกปิดจุดบกพร่องบนผิวได้ดีมาก แต่ให้สัมผัสเบาสบาย
- ควบคุมความมัน ติดทนตลอดวัน ไม่ดรอปไม่หมอง
ข้อพิจารณา
- เนื้อรองพื้นค่อนข้างมีความแน่น และเข้มข้น แนะนำให้ใช้วิธีการตบบนผิวเบา ๆ แทนการถูลากจะช่วยให้ได้งานผิวที่สวย และเรียบเนียนกว่า
เนื้อรองพื้น | รองพื้นแบบลิควิด |
---|---|
ปริมาณ | 30 ml |
เหมาะสำหรับ | ผิวธรรมดา ผิวมัน |
สารกันแดด | SPF15 |
รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Nars Light Reflecting Foundation

ราคา 2,200 บาท*
ข้อดี
- ช่วยให้ใบหน้าดูฉ่ำ มีมิติ และเล่นแสงดีมาก ๆ เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
- ส่วนผสมส่วนใหญ่แล้วจะมาจากธรรมชาติมากกว่า 81%
- ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและเกลี่ยได้ง่ายมาก
เนื้อรองพื้น | รองพื้นแบบลิควิด |
---|---|
ปริมาณ | 30 ml |
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
สารกันแดด | ไม่ระบุ |
รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Shiseido Synchro Skin Self-Refreshing Foundation

ราคา 2,000 บาท*
Shiseido เป็นแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังจากญี่ปุ่น ที่สาว ๆ คงจะทราบกันดีว่าแบรนด์นี้สามารถเนรมิตให้ผิวของเนียนสวยแบบสาวญี่ปุ่นได้ โดยเจ้ารองพื้นตัวนี้เป็นรองพื้นเนื้อสัมผัสบางเบาไม่เป็นคราบ ทาแล้วสบายผิวมาก ๆ สามารถปกปิดริ้วรอยบางได้ดี ให้ผิวดูเนียนสวยเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมอบความชุ่มชื้นอย่างยาวนานและช่วยให้ติดทนนานตลอดวัน นอกจากนี้ยังยังช่วยรักษาความสว่างของใบหน้าได้ดี ทำให้ต่อให้เราถ่ายรูปโดนแฟลชสาดแค่ไหนหน้าก็ไม่ลอยแน่นอนค่ะ
ข้อดี
- ให้ลุคที่เป็นธรรมชาติ
- ติดทนนานมากเป็นพิเศษ
- เกลี่ยง่ายมาก ไม่ต้องใช้แปรงเลย
ข้อควรพิจารณา
- ไม่เหมาะกับผิวแห้งเพราะจะทำให้ตกร่องได้
เนื้อรองพื้น | รองพื้นแบบลิควิด |
---|---|
ปริมาณ | 30 ml |
สารกันแดด | SPF 30 PA++++ |
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว (ยกเว้นผิวแห้ง) |
รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Lancôme Teint Idole Ultra Wear Foundation

ราคา 2,090 บาท*
Lancôme เคาน์เตอร์แบรนด์ตัวนี้ขึ้นชื่อเรื่องความบางเบา ไม่หนักหนาต่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงให้การปกปิดที่ดีเยี่ยมในระดับ Full Coverage สามารถปกปิดรอยดำรอยแดงจากสิว และริ้วรอยต่าง ๆ ได้ดี และยังดูเป็นธรรมชาติกลืนไปกับผิวหน้าเหมือนไม่ได้ทารองพื้น อีกทั้งยังมาพร้อมสารกันแดด SPF 38 PA+++ ทำให้สาว ๆ สวยท้าแดดได้แบบไม่ต้องกังวลเลยค่ะ
ข้อดี
- ครีมรองพื้นเนื้อแมตต์สูตรบางเบา ผิวสวยเป็นธรรมชาติ
- ปกปิดจุดบกพร่องบนใบหน้าได้เรียบเนียน
- คุมมัน กันน้ำกันเหงื่อยาวนาน
ข้อพิจารณา
- ถ้าเป็นรอยใหญ่ ๆ อย่างรอยสิวอักเสบ แนะนำให้ใช้ควบคู่กับคอนซิลเลอร์
เนื้อรองพื้น | รองพื้นแบบลิควิด |
---|---|
ปริมาณ | 30 ml |
เหมาะสำหรับ | ผิวผสม ผิวมัน |
สารกันแดด | SPF 38 PA+++ |
รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Yves Saint Laurent All Hours Foundation

ราคา 2,250 บาท*
สำหรับรองพื้นจากแบรนด์ Hi-End ชื่อดัง YVES SAINT LAURENT ตัวนี้ เป็นรองพื้นแบบลิควิดที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อไม่ทำให้ผิวของสาว ๆ หลังลงรองพื้นมีความแห้งแตกเป็นเค้ก หรือเจือจาง หลุดลอกระหว่างวัน และทางแบรนด์เคลมว่ารองพื้นจะติดทนนานถึง 24 ชั่วโมงค่ะ รองพื้นตัวนี้ให้ finish look แบบแมตต์ที่ให้ผิวเนียนอย่างไรที่ติ เพราะสามารถช่วยปกปิดรอยคล้ำ รูขุมขน และสีผิวไม่สม่ำเสมอได้อย่างเรียบเนียน เนื้อรองพื้นมีสัมผัสที่เนียนละเอียด และยังเป็นสูตรควบคุมความมัน นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของ black tea anti-oxidant ที่จะช่วยบำรุงผิวของสาว ๆ ทำให้จุดด่างดำต่าง ๆ ดูจากลง อีกทั้งยังปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย SPF 20 PA+++ อีกด้วยค่ะ
ข้อดี
- ติดทนนานมากเป็นพิเศษตั้งแต่เช้ายันเย็นก็ไม่มีดรอป
- ปกปิดได้ทุกอย่างตั้งแต่รอยสิว รอยแดงรวมไปถึงความหมองคล้ำ
- รองพื้นเนื้อบางเบาไม่อุดตันผิวจึงไม่ทำให้เกิดสิว
เนื้อรองพื้น | รองพื้นแบบลิควิด |
---|---|
ปริมาณ | 25 ml |
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
สารกันแดด | SPF 20 PA+++ |
รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Chanel Ultra Le Teint

ราคา 2,490 บาท*
CHANEL อีกหนึ่งแบรนด์แฟชั่นระดับ Hi-End ชื่อดัง สำหรับรองพื้นตัวนี้เป็นรองพื้นแบบลิควิคที่มีเนื้อเหลวเป็นพิเศษ เมื่อรองพื้นเซ็ตตัวจะรู้สึกสบายผิว ไม่หนักหน้า แต่ให้การปกปิดได้ดี ดูสวยนวลเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ ให้ finish look แบบแมตต์ คุมมันได้ดี และทางแบรนด์ยังเคลมว่ารองพื้นตัวนี้ติดทนยาวนานถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว เพราะมีคอมเพล็กซ์ Perfect Skin ที่มีคุณสมบัติกการสร้างชั้นฟิล์มที่ปรับเข้ากับผิวหน้าอย่างลงตัว อีกทั้งยังกันน้ำ คุมมัน และทนกับความร้อน หรือความชื้น ทำให้ผิวยังคงสม่ำเสมอ และยังสัมผัสที่แมตต์ไม่หลุดลอกค่ะ
ข้อดี
- สูตรปราศจากน้ำมัน ไม่ทำให้เกิดสิวอุดตัน
- มีส่วนผสมของกลีเซอรีน ทำให้รู้สึกสบายผิว ไม่ระคายเคือง
- ผลลัพธ์ผิวที่เรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติละมุนสุด ๆ ไม่โป๊ะ ไม่หนา
เนื้อรองพื้น | รองพื้นแบบลิควิด |
---|---|
ปริมาณ | 30 ml |
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
สารกันแดด | SPF 35 PA +++ |
รองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ Dior Forever Skin Glow

ราคา 2,340 บาท*
Dior แบรนด์เครื่องสำอางระดับ Hi-End ตัวนี้เป็นรองพื้นที่มาพร้อมกับเนื้อที่โกลด์สวย ช่วยให้ผิวของคุณสาว ๆ แลดูชุ่มชื้นอวบอิ่มแลดูสุขภาพดีด้วยส่วนผสมจากดอกไม้นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นดอกไอริส, ดอกแพนซี่ป่า, ดอกชบา และนัซเทอร์ฌัมซึ่งส่วนผสมต่าง ๆ เหล่านี้ยังมีส่วนช่วยเพิ่มความกระจ่างใสทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ดีในส่วนของการปกปิดก็ยังถือว่าทำหน้าที่ได้ดีไม่มีขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย แถมยังติดทนนานตลอดวันอีกด้วย เนื้อรองพื้นไม่หนามากค่ะ สบายผิวสุด ๆ แถมยังไม่อุดตันรูขุมขนและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใด ๆ อีกด้วยค่ะ
ข้อดี
- รองพื้นให้ลุคผิวโกลด์สวย ทำให้ผิวดูกระจ่างใส
- เนื้อรองพื้นเบาสบายผิว ไม่หนักหน้า
ข้อพิจารณา
- เป็นรองพื้นเน้นโชว์งานผิว ไม่ค่อยปกปิดเท่าที่ควร
เนื้อรองพื้น | รองพื้นแบบลิควิด |
---|---|
ปริมาณ | 30 ml |
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
สารกันแดด | SPF 30 PA +++ |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
วิธีเลือก รองพื้น ให้เหมาะกับเรา
1. เฉดสีผิว (Skin tone)
เฉดสีผิว หรือ Skin tone คือ เฉดความเข้มออ่อนของผิว ซึ่งเฉดสีนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาละ เช่น ผิวเราจะคล้ำขึ้นในช่วงหน้าร้อน จากการโดนแดดทำกิจกรรม Out door บ่อย ๆ หรือผิวขาวที่ขึ้นในหน้าหนาว และจากการบำรุงต่าง ๆ ที่ทำให้เฉดสีผิวเปลี่ยนไปค่ะ ดังนั้นจึงควรเลือกเฉดสีให้เข้ากับผิวโดยเลือกรองพื้นให้ใกล้เคียงกับสีผิวของสาว ๆ มากที่สุดค่ะ โดยการทดลองปาดรองพื้นลงระหว่างลำคอและสันกรามด้านข้าง ไม่แนะนำให้ทดลองสีรองพื้นบนข้อมือนะคะ เพราะผิวของคนเราแต่ละส่วนมีเฉดสีที่แตกต่างกันเราอาจจะสับสนจนเลือกสีผิดได้ เนื่องจากรองพื้นเป็นสิ่งที่นำมาทาบนใบหน้า ดังนั้นควรทดสอบกับสีผิวบริเวณใบหน้าจะดีที่สุดค่ะ ซึ่งเฉดของสีผิวจะแบ่งเป็น 4 ระดับดังนี้ค่ะ

- ผิวขาว: เป็นผิวที่ออกสีขาวมาก ๆ และมักจะผิวไหม้จากการถูกแสงแดดเผา เพราะมีเม็ดสีเมลานินที่คอยดูดซับแสงอยู่ในผิวน้อยค่ะ
- ผิวขาวปานกลาง: ยังจัดอยู่ในโทนผิวขาว แต่จะต่างจากผิวขาวตรงที่มีเม็ดสีเมลานินมากกว่า ทำให้ผิวดูขาวแต่ยังมีสีสัน ส่วนมากจะผิวออกขาวเหลืองค่ะ
- ผิวสองสี: สีผิวโทนสีนี้ค่อนข้างจะแยกยากค่ะ ว่าจะจัดอยู่ในผิวขาวหรือผิวสีกันแน่ จะอยู่ระหว่างกลางของความขาวและความคล้ำ เป็นผิวที่คล้ำง่าย แต่ไม่ค่อยแพ้แดด มักจะเป็นอันเดอร์โทนเหลืองหรือออกทอง ๆ ค่ะ
- ผิวเข้ม: โทนสีผิวนี้ค่อนข้างชัดเจนค่ะ ผิวสีออกน้ำตาลมีโทนผิวที่ออกแทน ๆ ผิวจะไม่ค่อยไหม้แดด หรือไหม้ได้น้อยมากค่ะ
2. โทนสีผิว (Skin under tone)
นอกจากการเลือกเฉดสีของรองพื้นให้เข้ากับผิวแล้ว การเลือกโทนสีผิว หรือ Skin undertone ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันค่ะ เช่น ถ้าสาวผิวโทนเย็นใช้รองพื้นโทนอุ่น ก็จะทำให้หน้าดูหมอง หากคุณมีผิวโทนอุ่นใช้เครื่องสำอางโทนเย็น ก็จะทำให้หน้าเทาค่ะ ซึ่งโทนสีผิวเป็นเม็ดสีใต้ผิวหนังแท้ของเราที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดไม่สามารเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ โดยสาว ๆ สามารถเช็คว่าตัวเรามี undertone แบบไหนได้ ด้วยการดูเส้นเลือดตรงข้อมือของเรานั่นเองค่ะ
- โทนเย็น: สีเส้นเลือดที่ข้อมือเป็นสีน้ำเงิน หรือสีม่วง
- โทนอุ่น: สีของเส้นเลือดเป็นสีเขียว
- โทนกลาง: สีของเส้นเลือดมีทั้งสีเขียว และสีม่วงค่ะ
3. สไตล์การแต่งหน้า และ Finish Look ที่ต้องการ
นอกจากประเภทและสีของรองพื้นที่เขากับเราแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ เราต้องการ finish look แบบไหนค่ะ โดยในบางผลิตภัณฑ์ก็อาจจะมีบอกเอาไว้ แต่ถ้าไม่ได้บอกเราก็สามารถสังเกตได้จากเนื้อรองพื้นค่ะ เช่น
- ถ้ารองพื้นมีเนื้อที่บางเบา และมีชิมเมอร์ ก็จะให้ลุคแบบ Dewy และ Glow ผิวดูฉ่ำวาว ดูมีสุขภาพดี เพราะรองพื้นแบบนี้มักจะมีส่วนผสมของสารบำรุงผิวอยู่มากค่ะ
- แต่ถ้าสาว ๆ ต้องการลุคแมตต์ฟาด ๆ แบบสาย ฝ. ก็ควรเลือกรองพื้นที่มีการปกปิดในระดับ Medium – Full Coverage ที่ปกปิดได้เนียนกริบเป๊ะสุดค่ะ
- สำหรับคนที่ต้องการลุคที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ก็ใช้รองพื้นที่มีการปกปิดในระดับ Light – Medium ที่จะไม่ดูหนาจนเกินไป และใช้คอนซีลเลอร์แต้มเฉพาะจุดเพื่อปกปิกปัญหาผิวเฉพาะที่ ก็จะทำให้ดูเป็นธรรมชาติ ได้ลุคงานผิวค่ะ
4. สารกันแดด

สารกันแดดในรองพื้นก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงนะคะ เพราะการมีสารกันแดดในรองพื้นจะช่วยลดขั้นตอนการแต่งหน้าลงไปมาก สำหรับวันที่ไม่ได้ต้องทำกิจกรรม Out door ทั้งวัน แต่ลงรองพื้นตัวเดียวก็เอาอยู่แบบสบาย ๆ ค่ะ แต่สาว ๆ จะทากันแดดด้วยในวันที่ต้องทำกิจกรรมทั้งวัน หรือต้องการปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากขึ้นก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดค่ะ โดยครีมกันแดดนั้นควรทาก่อนการลงรองพื้นนะคะ คราวนี้เราก็จะได้เพิ่มปราการป้องกันแสงแดดให้ผิวแบบคูณสองเลยทีเดียว ไม่ต้องกลัวผิวคล้ำเสีย หรือไหม้แดดค่ะ
รองพื้นมีกี่ประเภท? รองพื้นแบบไหนเหมาะสำหรับคุณที่สุด
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นนะคะว่า ในปัจจุบันมีรองพื้นอยู่มากมายหลากหลายแบบมาก ๆ โดยการแบ่งประเภทของรองพื้น เราสามารถจำแนกได้จาก 2 ข้อใหญ่ ๆ คือเนื้อสัมผัสและการปกปิดดังต่อไปนี้ค่ะ
1. การแยกรองพื้นตามเนื้อสัมผัส
รองพื้นแบบทินท์ | Tinted Moisturizer เป็นครีมรองพื้นที่เหมาะกับสาว ๆ ที่ผิวค่อนข้างดีและไม่มีปัญหา เพราะรองพื้นแบบทินท์มีเนื้อสัมผัสที่บางเบามาก และจะไม่ให้การระดับการปกปิดอะไรเลย เป็นเหมือนครีมบำรุงที่มีสีมากกว่าค่ะ แต่ถ้าสาว ๆ คนไหนต้องการแต่งหน้าแบบเบา ๆ ลุค makeup no makeup ก็สามารถใช้คอนซีลเลอร์ในการปกปิดในบางจุดเพื่อให้ผิวดูสวยเป็นธรรมชาติได้ค่ะ |
รองพื้นแบบลิควิด | Liquid Foundation คงจะเป็นรองพื้นแบบที่เราคุ้นเคยกันที่สุดค่ะ เพราะรองพื้นส่วนใหญ่ที่วางจำหน่ายมักจะมาให้รูปแบบเนื้อลิควิค รองพื้นประเภทนี้ใช้งานง่ายมาก มีหลายหลากสูตรที่เหมาะกับสาว ๆ ทุกคน ทั้งแบบเหลวและเข้มข้นต่างกันออกไปค่ะ หากเป็นตัวที่เนื้อบางเบาก็จะให้การปกปิดที่น้อยลงหน่อย สำหรับสาว ๆ ที่มีปัญหาผิวน้อย แต่ถ้าอยากได้ finish look ที่เป๊ะปังเนียนกริบ ติดทนนาน ไม่หลุดลอกก็ควรใช้รองพื้นเนื้อลิควิดที่เป็นครีมเข้มข้น เพราะจะให้การปกปิดได้ดีกว่าค่ะ |
รองพื้นแบบครีม | Cream Foundation มักมาในรูปแบบกระปุกหรือตลับค่ะ เพราะรองพื้นแบบนี้มีความเข้มข้นค่อนข้างมากและให้การปกปิดที่ดี แต่ยังดูเป็นธรรมชาติกลืนไปกับผิว เพราะมีส่วนผสมของน้ำมันค่อนข้างเยอะค่ะ ดังนั้นจึงเหมาะมากสำหรับสาวผิวแห้ง แต่สำหรับสาวผิวมันควรข้ามรองพื้นแบบนี้ไปก่อนค่ะ |
รองพื้นเนื้อมูส | Mousse Foundation เป็นรองพื้นที่ไม่ค่อยมีวางจำหน่ายมากนักในประเทศไทย ทำให้สาว ๆ อาจจะมีตัวเลือกไม่มาก แต่รองพื้นเนื้อมูสจะเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาริ้วรอยหรือมีปัญหารองพื้นตกร่องระหว่างวัน เพราะรองพื้นเนื้อมูสมีลักษณะเป็นฟองครีมละเอียดนุ่ม ๆ นุ่มลื่นเกลี่ยง่าย ทำให้เติมริ้วรอยต่าง ๆ ได้ดีค่ะ |
รองพื้นแบบเปลี่ยนเป็นแป้ง | Cream/Liquid to Powder ตามชื่อเลยค่ะสาว ๆ รองพื้นแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นเนื้อครีมหรือเนื้อลิควิค เมื่อทาลงบนผิวและรอให้เซ็ตตัวก็จะเปลี่ยนเป็นเนื้อแป้งกลืนไปกับผิว จึงได้ finish look แบบแมตต์ที่ทำให้ไม่ต้องทาแป้งฝุ่นซ้ำ และมีการคุมมันที่ค่อนข้างดี จึงเหมาะมากสำหรับสาว ๆ ที่มีผิวหน้ามันค่ะ |
แป้งผสมรองพื้น | Powder Foundation มักจะมาในรูปแบบแป้งอัดแข็งเป็นตลับ สามารถหาซื้อได้ง่ายและมีราคาถูกกว่า เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ไม่อยากลงรองพื้นหลายขั้นตอนให้ยุ่งยากค่ะ เพราะสามารถให้การปกปิดที่ดี กลบรอยสิวรอยแดงต่าง ๆ ได้มิด และยังสามารถทาทับรองพื้นสำหรับวันที่ต้องการความแน่น เป๊ะ เป็นพิเศษ แต่ต้องระวังการทาแป้งผสมรองพื้นที่หนาเกินไป เพราจะทำให้แป้งที่ทาแห้งแตกได้ค่ะ |
2. การแยกรองพื้นตามระดับการปกปิด
Sheer Coverage | จะให้การปกปิดที่บางเบา ทำให้รู้สึกไม่หนักหน้า เหมาะสำหรับกับคนที่ไม่ค่อยมีปัญหาผิวหน้าเท่าไหร่ แต่ต้องการปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ ช่วยให้ดูเปล่งปลั่งขึ้นค่ะ |
Sheer to Medium Coverage | ให้การปกปิดแบบบางเบาไปถึงระดับปานกลาง เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวเล็กน้อย เช่น มีรอยดำ หรือรอยแดงเล็กน้อยค่ะ |
Medium Coverage | เป็นการปกปิดระดับปานกลาง ที่ช่วยอำพรางจุดด่างดำ รอยดำ รอยแดง รอยสิวบนใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่หนาจนเกินไปค่ะ |
Full Coverage | เป็นการปกปิดในระดับสูงที่สุด เนื้อรองพื้นมักจะเป็นแบบเข้มข้น ค่อนข้างหนักผิวหน้า เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่มีปัญหาผิวหน้าค่อนข้างมาก ต้องการปกปิดรอยสิว ฝ้ากระ หรือต้องการแต่งหน้าให้เป๊ะปัง ติดแน่นทนนานทั้งวันค่ะ |
เคล็ดไม่ลับการลงรองพื้น
1. การลงรองพื้นได้เนียนสวยเริ่มจากการบำรุงผิว
การที่เราจะสามารถลงรองพื้นได้เนียนสวยนั้น ต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมผิวเลยค่ะ โดยควรจะบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวก่อนทุกครั้ง เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว เมื่อแต่งหน้าผิวก็จะดูฉ่ำ Glow สุขภาพดีไม่แห้งกรังค่ะ แต่ก็ควรทาบำรุงในปริมาณที่พอดีไม่มากเกินไปนะคะ ไม่อย่างนั้นจากฉ่ำ Glow จะกลายเป็นเยิ้มย้อยในระหว่างวันแทนค่ะ
2. เทคนิคการแต่งหน้าลุค Dewy ฉ่ำวาวสาวเกาหลี
สำหรับสาว ๆ ที่ชื่นชอบ finish look แบบ Dewy ที่ผิวจะดูอิ่มน้ำและฉ่ำวาว แนะนำให้สาว ๆ ลองผสม Face oil ลงในมอยส์เจอร์ไรเซอร์ สำหรับทาบริเวณโหนกแก้ม คาง และกึ่งกลางหน้าผากซึ่งเป็นจุกระทบแสงทำให้ผิวหน้าดูฉ่ำวาวมากขึ้นค่ะ หรือหากสาว ๆ กังวลปัญหาเรื่องผิวหน้ามัน แต่อยากมาผิวที่ฉ่ำวาว ก็สามารถใช้การผสม Highlighter เนื้อลิควิดในปริมาณ 1 – 2 หยด ลงในรองพื้นก่อนจะทาลงบนผิวหน้าก็ทำให้ผิวดูฉ่ำวาว เล่นแสงมากยิ่งขึ้นเช่นกันค่ะ หรือหากจะเป็นวิธีที่ง่ายกว่านั้นในปัจจุบันก็มี รองพื้นเพื่อผิวฉ่ำวาว ดูสุขภาพดีแบบสาวเกาหลีให้สาว ๆ ได้เลือกใช้ค่ะ
3. เทคนิคการแต่งหน้าให้ได้ลุคธรรมชาติ
สำหรับสาว ๆ ที่อย่างได้การแต่งหน้าที่ได้ลุคแบบ Makeup no Makeup หรือ อยากได้เทคนิคการแต่งหน้าที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น แนะนำให้สาว ๆ ลองผสมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่สาว ๆ ใช้ในรองพื้นเพื่อการปกปิดที่ดูบางเบาเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยอาจจะใช้คอนซีลเลอร์ในการปกปิดจุดบกพร่องเฉพาะจุดได้ค่ะ และถ้าอยากให้เมคอัพแบบผงแป้งอื่น ๆ ทาลงบนผิวได้แบบเป็นธรรมชาติ และดูเป็นผิวมากขึ้น ไม่ดูเป็นฝุ่นแป้ง แนะนำให้สาว ๆ ลองฉีดสเปรย์น้ำแร่ลงบนแปรงแต่งหน้าขนาดใหญ่ในการทาบลัชออน และ highlighter เพื่อให้ได้ลุคที่ดูกลืนไปกับผิวเป็นธรรมชาติมากขึ้นค่ะ
บทสรุป
เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับบทความแนะนำรองพื้นในวันนี้ หวังว่าจะมีรองพื้นที่เหมาะสำหรับสาว ๆ บ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งรองพื้นก็จะมีรูปแบบต่าง ๆ มากมายให้คุณได้เลือกใช้ทั้งรองพื้นแบบแท่ง, รองพื้นแบบครีม, รองพื้นเนื้อลิควิด หรือรองพื้นแบบทินท์มอยส์เจอไรเซอร์ ซึ่งจะให้ระดับในการปกปิดที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังมีรองพื้นที่จำแนกตามประเภทผิวหน้าอีกด้วย อาทิเช่น รองพื้นสำหรับผิวเป็นสิว, รองพื้นสำหรับผิวมัน, รองพื้นสำหรับผิวแห้ง และยังไม่รวมถึงรองพื้นที่เน้นการใช้งานเฉพาะทางอย่าง รองพื้นกันน้ำ, รองพื้นช่วยทำให้หน้าฉ่ำ หรือรองพื้นสำหรับผิวแทน เป็นต้นค่ะ
แต่ก่อนจากกันไป สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มแต่งหน้าคุณอาจจะไม่ทราบว่ารองพื้นนั้นเป็นเครื่องสำอางที่สามารถทำให้อุดตันรูขุมขนจนทำให้เกิดเป็นสิวได้หากคุณล้างหน้าไม่สะอาดมากพอ ดังนั้นคุณจะต้องมีเมคอัพรีมูฟเวอร์หรือคลีนซิ่งสำหรับล้างเครื่องสำอางโดยเฉพาะค่ะ ยิ่งเป็นเครื่องสำอางแบบกันน้ำติดทนนานก็ยิ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวเป็นสิวมากยิ่งขึ้น แนะนำให้ใช้คลีนซิ่งที่ตรงกับสภาพผิวของคุณ ไม่ว่าจะเป็น Cleansing Balm, Cleansing Oil, Micellar Water, Cleansing Milk รวมถึงแผ่นเช็ดเครื่องสำอางก็ได้เช่นกันค่ะ คุณสามาถเข้าไปอ่านรายะลเอียดของคลีนซิ่งแต่ละแบบได้ว่าคลีนซิ่งประเภทไหนเหมาะสำหรับผิวคุณที่สุด
นอกจากนี้เมื่อถึงขั้นตอนล้างหน้าควรใช้ Cleanser สำหรับทำสะอาดผิวหน้าของคุณให้ล้ำลึกไปถึงในรูขุมขนเพื่อลดการอุดตันอีกครั้ง หากผิวหน้าของคุณแข็งแรงมากพอก็อาจจะใช้เป็นเครื่องล้างหน้าที่เป็นซิลิโครลนุ่ม ๆ หรือฟองน้ำขัดผิวหน้า รวมถึงอาจใช้เป็นสครับขัดผิวหน้าอาทิตย์ละ 1-2 ครั้งร่วมก็ได้ค่ะ