เรากำลังอยู่ในยุคที่ทุกอย่างได้แปรเปลี่ยนไปเป็นดิจิทัลหมดแล้วครับ โดยเฉพาะในเรื่อง “การถ่ายภาพ” ซึ่งในช่วงแรกทุกคนต่างก็ตื่นเต้นไปกับเทคโนโลยีการถ่ายภาพใหม่ ๆ ที่เข้ามายกระดับการถ่ายภาพให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีกล้องมากมาย หลายประเภทให้คุณได้เลือกใช้งาน ทั้ง กล้องมิลเลอร์เลส, กล้องใต้น้ำ, กล้องแอคชั่น, กล้องคอมแพค หรือกล้องสมาร์ทโฟน เป็นต้น ซึ่งแน่นอนครับว่า กล้องทุกประเภทสามารถถ่ายภาพที่สมบูรณ์แบบให้แก่คุณได้ไม่ต่างกัน แต่หากคุณนำภาพจากกล้องทั้งหมดนี้มาเทียบกันคุณจะเห็นได้ทันทีว่า ภาพมันก็เหมือน ๆ กันหมด ดังนั้นหลาย ๆ คนจึงคิดถึงเสน่ห์ของภาพถ่ายเก่า ๆ ที่แม้จะดูไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ให้อารมณ์ของภาพได้ดีกว่า ซึ่งกล้องในปัจจุบันนั้นยากที่จะเลียนแบบครับ
ในปัจจุบันเราทุก ๆ คนมีพื้นที่สำหรับจัดแสดงภาพถ่ายที่เป็นผลงานของตัวเอง เพียงแค่คุณแชร์ไปยังโลกโซเชียล ไม่นานก็จะมีคนนับร้อยนับพันมาเห็นภาพของคุณ นี่คือหนึ่งในหลาย ๆ ปัจจัยครับที่ส่งผลให้กระแสของกล้องฟิล์มกลับมาบูมขึ้นอีกครั้ง ซึ่งด้วยความที่ภาพถ่ายจาก กล้องฟิล์ม มันต่างไปจากภาพถ่ายจากกล้องรุ่นใหม่ ๆ อย่างสิ้นเชิง และเราเชื่อว่า ด้วยเสน่ห์ของภาพที่ไม่เหมือนใครนี้เองที่ทำให้คุณมาอ่านบทความนี้อยู่ สำหรับการใช้กล้องฟิล์มในยุคนี้มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดครับ แต่เราก็จะต้องเลือกให้เป็นด้วยเช่นกันครับ
สำหรับ กล้องฟิล์ม มีทั้งแบบ Manual และ Auto ครับ ซึ่งมันก็เหมือนกับกล้องดิจิตอลนั่นแหละครับ ในบางรุ่นเราไม่ต้องปรับอะไรเลย ตัวกล้องจะคำนวณรูรับแสง และปรับความเร็วชัตเตอร์ให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ คุณมีหน้าที่แค่ เล็ง และก็กดชัตเตอร์ หากคุณเป็นมือใหม่ที่สนใจในกล้องฟิล์ม วันนี้เราก็ได้รวบรวมข้อมูลที่สำคัญ ๆ มาฝากกันครับ และเราก็ได้รวบรวมกล้องฟิล์มรุ่นที่ได้รับความนิยมและเหมาะสำหรับมือใหม่มาแนะนำด้วย หากพร้อมกันแล้วไปดูกันเลยครับ
กล้องฟิล์ม (Film Camera) รุ่นไหนเหมาะกับคุณ ?
- กล้องฟิล์มคอมแพคที่เหมาะกับมือใหม่ที่สุด มีดีไซน์คลาสสิคสวยงาม พร้อมมอบภาพฟิล์มที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ได้ง่าย ๆ: Yashica กล้องฟิล์ม คอมแพค ระบบออโต้ รุ่น MF-2 Camera Super DX
- กล้องคอมแพค ที่พร้อมให้คุณสร้างสรรค์ภาพฟิล์มที่ไม่เหมือนใคร ในสไตล์สามมิติ ได้ง่าย ๆ: Reto 3D กล้องฟิล์ม ถ่าย 3D Original Version
- กล้องทอยสไตล์คลาสสิกที่มากับความคุ้มค่า ให้คุณยกขึ้น และถ่ายได้เลย พร้อมให้ภาพฟิล์มที่ดูสวยงาม มีสเน่ห์เฉพาะตัว: VIBE Photo กล้องฟิล์ม กล้องทอย ดีไซน์สวยงาม รุ่น 501F
- กล้องทอย ดีไซน์สุดคูลรุ่นใหม่ พร้อมมอบภาพฟิล์มที่สวยงาม โดดเด่น และใช้ร่วมกับฟิล์มได้หลากหลาย: AGFA Photo Analogue Photo Camera กล้องฟิล์มแบบใช้ซ้ำได้
- กล้องทอย ที่มาพร้อมความคุ้มค่า มีฟิล์มขาวดำ สำรองให้อีก 2 ม้วน ให้คุณสนุกกับภาพขาวดำได้อย่างเต็มที่: HARMAN Reusable Camera and Film กล้องฟิล์ม พร้อมฟิล์มขาวดำ 2 ม้วน
- กล้องทอย ยอดนิยม มอบภาพฟิล์มที่สวยงามได้ ในราคาสุดคุ้มค่า: Kodak Film Camera กล้องฟิล์ม เปลี่ยนฟิล์มได้ รุ่น M35
- กล้องฟิล์มใช้แล้วทิ้ง ยอดนิยม สามารถให้ภาพฟิล์มที่สวยงามได้ ในราคาประหยัด: Fujifilm Simple ACE Camera ISO 400 กล้องฟิล์มใช้แล้วทิ้ง
กล้องฟิล์ม คืออะไร ?
สำหรับ “กล้องฟิล์ม” แน่นอนครับว่า ส่วนสำคัญก็คือ “ฟิล์ม” หากเราจะเปรียบเทียบ ให้คุณเห็นภาพแบบชัด ๆ เราขอแยกเป็นส่วน ๆ ก่อน ซึ่ง ตัวกล้อง ก็เปรียบเสมือนห้องมืดห้องหนึ่ง มี เลนส์กล้อง ที่เปรียบเสมือนกับหน้าต่างที่สามารถเปิด-ปิดได้ เอาไว้รับแสงเข้ามาในห้อง และอีกส่วนคือ ฟิล์ม ที่จะอยู่ในห้อง โดยในการทำงานของกล้องฟิล์มไม่ได้ซับซ้อนครับ ตัวฟิล์มจะเป็นวัสดุที่มีการเคลือบสารไวแสงเอาไว้ เมื่อมีแสงผ่านเข้ามาในห้องมืด (ตัวกล้อง) จากการเปิดหน้าต่าง (เลนส์) แสงจะไปทำทำปฎิกิริยากับสารไวแสงบนแผ่นฟิล์ม ทำให้ได้ออกมาเป็นภาพครับ ฉะนั้นสีสันในภาพจะออกมาเป็นเช่นไร สวยหรือไม่สวย ไม่ได้ขึ้นอยู่กลับกล้องเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันจะขึ้นอยู่กับ ฟิล์ม ที่คุณใช้ด้วย

ส่วน กล้องฟิล์ม ที่อยู่ในระดับที่สูงขึ้นมันจะมีการปรับค่าต่างเพิ่มเข้ามาครับ โดยก็เหมือนกับ กล้องถ่ายรูป ในปัจจุบันครับ คุณสามารถกำหนดค่าแสง กำหนดรูรับแสง และกำหนดค่าอื่น ๆ เองได้ เพื่อให้ได้ภาพที่มีแสงตามที่คุณต้องการ แน่นอนครับว่า ในการทำงานพื้นฐานของกล้องฟิล์ม มันมีโอกาสที่ภาพเสียสูงมาก ยิ่งใช้ในที่ที่มีแสงน้อย คุณอาจจะได้ภาพที่เสียทั้งหมดเลยก็ได้ ฉะนั้นการตั้งค่าต่าง ๆ เหล่านี้สามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ครับ
คำแนะนำในการเลือก กล้องฟิล์ม สำหรับมือใหม่ !
กล้องฟิล์ม (Film Camera) ในปัจจุบันก็มีอยู่มากมายหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็เหมาะกับผู้ใช้ในระดับที่ต่างกัน มีความยากง่ายและความซับซ้อนในการใช้งานที่แตกต่างกัน ถ้าหากคุณเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเลย แล้วอยู่ ๆ มาจับกล้องฟิล์มระดับสูงในครั้งแรก แน่นอนครับว่า ความยาก มันอาจจะเป็นการทำให้ตัวคุณเองรู้สึกท้อและอาจทำให้คุณไม่อยากจับกล้องฟิล์มอีกเลยก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นทางที่ดี เรามาเริ่มจากพื้นฐานกันก่อนดีกว่าครับ ราคาไม่แพงแถมใช้งานง่าย และต่อไปนี้ก็เป็นคำแนะนำดี ๆ ให้คุณใช้เลือกกล้องฟิล์มที่มันเหมาะกับคุณครับ
1. รูปแบบของกล้อง
กล้องฟิล์ม สามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภทมากครับ ขึ้นอยู่ว่าเราจะใช้เกณฑ์อะไรในการแบ่ง ซึ่งมันมีรายละเอียดเยอะมาก ๆ แต่สำหรับมือใหม่ เราขอแนะนำเป็นกล้องฟิล์มประเภทที่เน้นใช้งานง่าย ๆ และราคาไม่แพงก่อนดีกว่าครับ อย่างที่เราได้บอกไป หากเราเทียบกับกล้องในปัจจุบัน กล้องฟิล์มจะมีความยากลำบากกว่ามาก และต้องใช้เวลากว่าที่จะได้ภาพมา นอกจากนี้คุณยังต้องลุ้นอีกว่าภาพของคุณจะออกมาสวยหรือไม่ ดังนั้นมันอาจทำให้มือใหม่ผิดหวังได้ง่าย ๆ เพราะฉะนั้นกล้องฟิล์มที่เราเลือกมาจะเป็นพวก กล้อง Point & Shoot เป็นส่วนใหญ่ครับ เพราะใช้งานง่ายเห็นอะไรสวย ๆ ก็หยิบขึ้นมาถ่ายได้ทันที ไม่ต้องตั้งค่าให้วุ่นวาย เหมาะสำหรับมือใหม่ครับ ซึ่งกล้องแบบนี้ก็จะมีหลายระดับอีกเช่นกัน เราขอหยิบยกมา 3 ประเภท หลัก ๆ ดังนี้
![]() |
1.1 กล้องใช้แล้วทิ้งกล้องใช้แล้วทิ้ง จะเหมาะกับคนที่อยากลองเล่นกล้องฟิล์มครับ เพราะมันมีราคาที่ไม่สูงมาก ส่วนใหญ่มาพร้อมฟิล์มในตัว คุณสามารถนำไปใช้ถ่ายภาพได้เลย แต่ตัวกล้องจะค่อนข้างบอบบาง เป็นพลาสติกทั้งหมด ซึ่งตามชื่อเลยครับ มันถูกออกแบบมาให้ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเลย แต่ก็มีเทคนิคที่ช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนฟิล์มเข้าไปใหม่เองได้ ซึ่งก็ต้องทำการศึกษาวิธีให้ละเอียด ๆก่อนเปลี่ยนครับ |
![]() |
1.2 กล้องทอยกล้องทอย ก็จะเหมือนกับ กล้องใช้แล้วทิ้งนั้นแหละครับ แต่มันถูกออกแบบมาให้สามารถเปลี่ยนฟิล์มได้และมีดีไซน์ที่สวยงามมากขึ้น วัสดุคุณภาพดีขึ้นดูไม่เปราะบางเท่ากับกล้องใช้แล้วทิ้งครับ แต่แน่นอนครับมันมาพร้อมราคาที่สูงขึ้นมาเล็กน้อย |
![]() |
1.3 กล้องคอมแพคกล้องคอมแพค เป็นกล้องฟิล์มที่เน้นใช้งานง่ายเหมือนกันครับ แต่จะมาในดีไซน์ที่สวยงาม ดูคลาสสิกกว่ากล้องใช้แล้วทิ้งและกล้องทอยครับ โดยมันจะมีการปรับค่าต่าง ๆ ที่มากขึ้น พร้อมระบบออโต้ต่าง ๆ เพิ่มเข้ามาด้วย เพื่อให้คุณได้ภาพที่สวยงามมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องกลัวภาพจะออกมาไม่สวย แต่แน่นอนครับ ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วยครับ |
2. ความสามารถของกล้องที่คุณต้องรู้จัก
กล้องทุกประเภทมีค่าที่สำคัญ ๆ อยู่ 3 ค่า หลัก ๆ ครับ โดยเป็นค่าที่ใช้ในการควบคุมแสงของภาพ ซึ่งสามารถส่งผลต่อภาพถ่ายของคุณได้โดยตรง นั่นก็คือ รูรับแสง (Aperture), ความไวแสง (ISO) และ ความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed) ครับ หากคุณอยากเล่นกล้องฟิล์มให้เก่ง ๆ คุณต้องรู้จัก และศึกษา ทั้ง 3 ค่า นี้ก่อนครับ
2.1 รูรับแสง (Aperture) :
ทำหน้าที่ในการควบคุมปริมาณแสงที่จะผ่านเข้าไปในกล้อง โดยปกติแล้วจะแสดงค่าด้วยต่อย่อ อาทิเช่น f/1.4, f/2, ….., f/11 เป็นต้น ให้คุณจำแบบง่าย ๆ ถ้าหาก ตัวเลขน้อย เท่ากับ รูรับแสงกว้าง แสงก็จะผ่านเข้ามาได้มาก ทำให้ภาพที่มีความสว่าง แต่ถ้า ตัวเลขมาก เท่ากับ รูรับแสงแคบ ภาพก็จะรับแสงได้น้อยลง ทำให้ภาพมืด เราจะสังเกตได้ว่ากล้องในปัจจุบันมีค่ารูรับแสงที่น้อยมาก ๆ ถ่ายยังไงก็สวย
2.2 ความไวแสง (ISO) :
เป็นค่าของความไวแสงครับ จะส่งผลต่อแสงในภาพ ในกล้องปัจจุบันนี้ เราสามารถปรับค่านี้ได้ที่ตัวกล้องเลย แต่สำหรับกล้องฟิล์ม ความไวแสง จะอยู่ที่ตัวฟิล์มครับ หากฟิล์มมี ISO 100 จะเหมาะกับการถ่ายกลางแจ้งเท่านั้น แต่ถ้าหาก ISO สูงขึ้นมา 200 ถึง 400 ก็จะเหมาะกับการใช้งานทั่ว ๆ ไป ถ่ายได้ทั้งแดดจัด และแสงน้อยครับ
2.3 ความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed) :
เป็นค่าความเร็วของการเปิดชัตเตอร์ครับ ยิ่งมีการเปิดไว้นานเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำให้รับแสงและการขยับของวัตถุได้มากขึ้นเท่านั้นครับ หากนึกภาพไม่ออกให้คุณลองกระพริบตาแบบเร็ว ๆ ดูครับ คุณจะเห็นว่า สิ่งคุณมองเห็นจะ รวดเร็ว คมชัด และมีแสงเข้ามาได้น้อย แต่ถ้าคุณลอง ค่อย ๆ หลับตา และลืมตาขึ้น คุณจะเห็นสิ่งที่คุณมองอยู่ได้นานขึ้น รับแสงได้มากขึ้น และรับการเคลือนไหวได้ สำหรับกล้องฟิล์มส่วนใหญ่จะมีเวลาของการเปิดชัตเตอร์น้อย เนื่องจากในสมัยก่อน ทุกคนจะเน้นไปที่ความคมชัดครับ ซึ่งตัวย่อ คือ 1/125s หรือ 1 ส่วน 125 วินาที มันหมายความว่า ยิ่งสปีดชัตเตอร์มากขึ้น เวลาของการเปิดชัตเตอร์ก็จะยิ่งน้อยลง และหากเปิดชัตเตอร์น้อยลง ภาพก็จะคมชัดมากขึ้นนั่นเองครับ
คุณสามารถใช้ทั้งสามค่านี้มาเป็นปัจจัยในการเลือกกล้องฟิล์ม และฟิล์มของคุณได้ครับ สามารถพิจารณาตามการใช้งานได้เลย สำหรับกล้องฟิล์ม ค่าความไวแสง (ISO) จะอยู่ที่ฟิล์มที่คุณเลือกใช้ซึ่งคุณสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์
3. ระยะโฟกัส
ระยะโฟกัส คือ ระยะที่กล้องสามารถโฟกัสได้ครับ สำหรับกล้องใช้แล้วทิ้ง กล้องทอย คุณต้องกะระยะเอาเอง ไม่มีตัวช่วยใด ๆ ดังนั้นในการใช้งานคุณจะต้องอยู่ห่างจากตัวแบบตามระยะที่กล้องรุ่นนั้น ๆ สามารถโฟกัสได้ เช่น 1 เมตรขึ้นไป หากใกล้กว่านั้นตัวแบบก็จะเบลอ แต่ถ้าเป็นกล้องคอมแพคก็จะง่ายขึ้นหน่อย เนื่องจากในช่องมองภาพ จะมีจุดโฟกัสเอาไว้คอยเตือน หากภาพที่คุณกำลังจะถ่ายยังไม่โฟกัส ซึ่งช่วยลดภาพเสียได้เป็นอย่างดี
4. ดีไซน์การออกแบบ
สำหรับดีไซน์ของตัวกล้อง มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณชื่นชอบแบบไหน ? เราไม่สามารถบอกได้ว่า อันไหนสวย หรืออันไหนไม่สวย ซึ่งคุณต้องตัดสินใจเอาเองครับ แต่เราอยากให้คุณพิจารณาถึงขนาดของตัวกล้องด้วย เพื่อให้คุณสามารถพกพาได้สะดวกยิ่งขึ้น
หลังจากที่คุณอ่านมาถึงส่วนนี้ หากคุณเข้าใจพื้นฐานของกล้องฟิล์ม คุณก็สามารถเลือกซื้อกล้องฟิล์มได้แล้วครับ สำหรับปัจจัยต่าง ๆ เมื่อนำมาประกอบกับความต้องการของคุณ ก็จะทำให้คุณเจอกล้องที่เหมาะกับคุณได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะไปเน้นใช้งานกลางแจ้ง หรือเน้นใช้งานในที่มืด หากเลือกกล้องได้เหมาะสม ภาพก็จะออกมาสวยตามที่คุณต้องการครับ และนี่ก็จะกล้องฟิล์มที่เราได้คัดเลือกมา จะมีรุ่นไหน ? ราคาเท่าไหร่บ้าง ? ไปดูกันเลยครับ
Fujifilm Simple ACE Camera ISO 400 กล้องฟิล์มใช้แล้วทิ้ง

ราคา 631 บาท*
Fujifilm Simple ACE ถือเป็นกล้องฟิล์มที่ใช้แล้วทิ้ง รุ่นยอดนิยมเลยก็ว่าได้ครับ จากแบรนด์ที่เรารู้จักเป็นอย่างดีอย่าง Fujifilm ที่มีกล้องมากมาย หลายแบบ สำหรับกล้องฟิล์มตัวนี้จะเป็นแบบใช้แล้วทิ้งครับ ขนาดเล็กกะทัดรัด มาพร้อมแฟลชที่เราสามารถเปิดและปิดได้ ส่วนช่วงของเลนส์ที่ติดมาให้กับกล้องรุ่นนี้เป็น เลนส์พลาสติก 32 มม. รูรับแสง f/10 เป็นเลนส์โฟกัสคงที่ ซึ่งก็สามารถใช้ถ่ายคน สัตว์ และวิวทิวทัศน์ได้เป็นอย่างดี

ข้อดี
- มีราคาประหยัด เพราะเป็นกล้องฟิล์มใช้แล้วทิ้ง (ปัจจุบันมีวิธีเปลี่ยนฟิล์มใหม่ได้ ช่วยให้ใช้แล้ว (ไม่ต้อง) ทิ้ง)
- ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เด็ก ๆ สามารถใช้ถ่ายภาพเล่นได้
- ภาพที่ออกมามีอารมณ์ของภาพฟิล์มจริง ๆ ต่างจากภาพฟิล์มที่ได้จากกล้องดิจิตอล
- มีช่องมองภาพที่ถูกจัดวางตำแหน่งให้อยู่เหนือเลนส์พอดี ถ่ายง่าย ไม่ต้องกลัวว่าภาพจะออกมาไม่ตรง
- ตัวบอดี้มีขนาดเล็ก และเบามาก ๆ ช่วยให้มันพกพาได้ง่าย
ข้อควรพิจารณา
- ดีไซน์ไม่น่าดูดใจเท่าไหร่นัก ดูไม่คลาสสิกเหมือนกล้องฟิล์มรุ่นอื่น ๆ
- ไม่สามารถปรับค่าอะไรได้เลย นอกจากเปิดปิดแสงแฟลช
- เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในสภาวะแสงปกติ
ประเภท | กล้องฟิล์มใช้แล้วทิ้ง |
---|---|
เลนส์กล้อง | 32 มิลลิเมตร |
ระยะโฟกัส | 1 เมตร - ∞ |
สปีดชัตเตอร์ | 1/125 วินาที |
รูรับแสง | f/10 |
ฟิล์มที่ให้มา | ฟิล์ม 1 ม้วน |
Kodak Film Camera กล้องฟิล์ม เปลี่ยนฟิล์มได้ รุ่น M35

ราคา 790 บาท*
Kodak Film Camera ก็เป็นกล้องฟิล์มใช้แล้วทิ้งยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่นครับ ใช้งานง่าย ราคาไม่สูงมาก จากแบรนด์ที่ในอดีตคุณสามารถเห็นได้จากร้านถ่ายรูปทุกร้านครับ นั่นก็คือ Kodak ยักษ์ใหญ่แห่งวงการถ่ายภาพ สำหรับ M35 ตัวนี้ มันเป็นกล้องแบบใช้แล้วทิ้ง แต่สามารถเปลี่ยนฟิล์มได้ โดดเด่นด้วยสีสันที่สดใส ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก มาพร้อมแฟลชในตัว ที่สามารถเปิดและปิดได้ มอบภาพที่คมชัดในทุกสภาพแสง
ในส่วนช่วงของเลนส์รุ่นนี้อยู่ที่ 31 มิลลิเมตร ซึ่งก็สามารถใช้ถ่ายได้ทั้ง คน สัตว์ สิ่งของ และรวมถึงวิวต่าง ๆ ได้ ภายในกล้องไม่มีฟิล์มมาให้ครับซึ่งก็รองรับฟิล์ม 135 ได้ทุกยี่ห้อ ทุก ISO มีระยะโฟกัสเริ่มที่ 1 เมตรขึ้นไป หากถ่ายใกล้ ๆ ภาพจะเบลอครับ สำหรับ M35 รุ่นนี้ถือเป็นกล้องฟิล์มที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยใช้กล้องฟิล์มมาก่อน เพราะใช้งานง่าย ราคาไม่แพง และคุณไม่ต้องตั้งค่าใด ๆ ทั้งสิ้น สามารถใส่ฟิล์มแล้วก็ใช้งานได้ทันที
ข้อดี
- เป็นกล้องทอยที่มีราคาประหยัด สามารถเปลี่ยนฟิล์มได้หลากหลายแนว
- ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย
- ภาพที่ออกมามีอารมณ์ของภาพฟิล์มจริง ๆ มีสเน่ห์
- ตัวบอดี้มีขนาดเล็ก และเบามาก ๆ ช่วยให้มันพกพาได้ง่าย แถมยังมีหลากหลายสีสันให้เลือก
ข้อควรพิจารณา
- ดีไซน์ไม่น่าดูดใจเท่าไหร่นัก ดูไม่คลาสสิกเหมือนกล้องฟิล์มรุ่นอื่น ๆ
- ไม่สามารถปรับค่าอะไรได้เลย นอกจากเปิดปิดแสงแฟลช
- เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในสภาวะแสงปกติ
ประเภท | กล้องทอย |
---|---|
เลนส์กล้อง | 31 มิลลิเมตร |
ระยะโฟกัส | 1 เมตร - ∞ |
สปีดชัตเตอร์ | 1/120 วินาที |
รูรับแสง | f/10 |
ฟิล์มที่ให้มา | ไม่มีมาให้ |
VIBE Photo กล้องฟิล์ม กล้องทอย ดีไซน์สวยงาม รุ่น 501F

ราคา 1,000 บาท*
VIBE Photo 501F กล้องฟิล์มยอดฮิต ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่สวยงาม มีสีสันสดใสให้เลือกหลายสี สำหรับกล้องตัวนี้เป็นกล้องทอยครับ มีดีไซน์ที่สวยงาม ผลิตจากวัสดุพลาสติก ABS ซึ่งมีความแข็งแรง ทนทาน ขนาดบอดี้กะทัดรัด และน้ำหนักเบา ช่วยให้พกพาได้ง่ายยิ่งขึ้น ตัวนี้มาพร้อมเลนส์ 32 มิลลิเมตร ระยะโฟกัสเริ่มที่ 1 เมตร ขึ้นไป มีรูรับแสง F8 และมีสปีดชัตเตอร์อยู่ที่ 1/120 วินาที ถือว่าเป็นเลนส์คุณภาพดี เหมาะสำหรับถ่ายภาพทั่ว ๆ ไป ได้ทั้ง คน สัตว์ สิ่งของ และภาพวิวต่าง ๆ สามารถนำไปใช้กับฟิล์ม 35 มิลลิเมตร ได้ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ทั้งสีและขาวดำเลยครับ ตัวกล้องเน้นใช้งานง่าย ซึ่งเหมาะสำหรับมือใหม่เป็นอย่างยิ่ง ดีไซน์ก็สวย แถมราคาก็ไม่สูงเกินไป หากคุณเป็นมือใหม่ที่อยากจะเล่นกล้องฟิล์มรุ่นนี้เหมาะกับคุณมากครับ
ข้อดี
- ดีไซน์สวยงาม ดูคลาสสิก ให้อารมณ์ถึงกล้องฟิล์มในอดีต
- เป็นกล้องทอย สามารถเปลี่ยนฟิล์มใหม่ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นฟิล์มจขาวดำเท่านั้น
- การใช้งานง่ายมาก ๆ เด็ก ๆ สามารถใช้ถ่ายภาพเล่นได้
- ภาพที่ออกมาให้อารมณ์ของภาพฟิล์มได้เป็นอย่างดี
ข้อควรพิจารณา
- เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในสภาวะแสงปกติ
ประเภท | กล้องทอย |
---|---|
เลนส์กล้อง | 32 มิลลิเมตร |
ระยะโฟกัส | 1 เมตร - ∞ |
สปีดชัตเตอร์ | 1/120 วินาที |
รูรับแสง | f/10 |
ฟิล์มที่ให้มา | ไม่มี |
HARMAN Reusable Camera and Film กล้องฟิล์ม พร้อมฟิล์มขาวดำ 2 ม้วน

ราคา 1,090 บาท*
สำหรับ HARMAN Reusable Camera เป็นกล้องฟิล์มอีกหนึ่งรุ่นที่อยู่ในกลุ่มกล้องทอย ตัวบอดี้จะเป็นพลาสติกทั้งหมด แต่ถูกออกแบบมาให้สามารถเปลี่ยนฟิล์มได้ ซึ่งในกล่องก็มีการใส่ฟิล์มขาวดำมาให้ด้วย 2 ม้วน ทั้งหมดนี้ทำให้กล้องรุ่นนี้ มีความน่าสนใจมากขึ้นทันทีครับ สำหรับแบรนด์นี้หลายคนอาจยังไม่รู้จัก แต่มันเป็นแบรนด์ในเครือ ilfordphoto ยักษ์ใหญ่แห่งฟิล์มขาวดำครับ ฉะนั้นมันจึงสามารถมอบภาพขาวดำที่โดดเด่นได้ง่าย ๆ ดังตัวอย่างนี้

โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา มาพร้อมเลนส์ 31 มิลลิเมตร ซึ่งสามารถถ่ายภาพทั่วไปได้เป็นอย่างดี มีสปีดชัตเตอร์อยู่ที่ 1/125 วินาที รูรับแสง f/10 และมีระยะโฟกัสอยู่ที่ 1 เมตร ขึ้นไป ซึ่งค่าเหล่านี้เหมาะกับการถ่ายภาพตอนกลางวัน ยิ่งในช่วงแดดจัด ๆ ก็จะยิ่งดีครับ แต่ในกรณีที่จะถ่ายในที่แสงน้อย กล้องรุ่นนี้ก็มีแฟสชในตัวมาให้ ซึ่งมันก็พอจะช่วยให้เห็นภาพได้บ้าง ซึ่งถ้าใช้กับฟิล์มความไวแสง (ISO) 400 ก็จะดีกว่าครับ สำหรับรุ่นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยโดยเฉพาะคนที่ชอบภาพในแนวขาวดำครับ
ข้อดี
- ดีไซน์ดูคลาสสิก ให้อารมณ์ถึงกล้องฟิล์มในอดีต
- เป็นกล้องทอย สามารถเปลี่ยนฟิล์มใหม่ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นฟิล์มจขาวดำเท่านั้น
- การใช้งานง่ายมาก ๆ เด็ก ๆ สามารถใช้ถ่ายภาพเล่นได้
- ภาพที่ออกมามีอารมณ์ของภาพฟิล์มได้เป็นอย่างดี
- ภายในกล่องมีการใส่ฟิล์มขาวดำสำหรับเปลี่ยน มาให้ถึง 2 ม้วน
- ตัวบอดี้มีขนาดเล็ก และเบามาก ๆ ช่วยให้มันพกพาได้สะดวก
ข้อควรพิจารณา
- ฟิล์มที่ให้มาเป็นภาพภ่ายแนวขาวดำเท่านั้น
- ไม่สามารถปรับค่าอะไรได้เลย นอกจากเปิดปิดแสงแฟลช
- เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในสภาวะแสงปกติ
ประเภท | กล้องทอย |
---|---|
เลนส์กล้อง | 31 มิลลิเมตร |
ระยะโฟกัส | 1 เมตร - ∞ |
สปีดชัตเตอร์ | 1/125 วินาที |
รูรับแสง | f/10 |
ฟิล์มที่ให้มา | ฟิล์มขาวดำ 2 ม้วน |
AGFA Photo Analogue Photo Camera กล้องฟิล์มแบบใช้ซ้ำได้

ราคา 1,390 บาท*
AGFA Photo Analogue เป็นกล้องฟิล์มขนาด 35 มม. ที่สามารถเปลี่ยนฟิล์มและใช้ซ้ำได้ ถูกออกแบบมาให้มีการถ่ายภาพแบบ Point and Shoot หรือเล็งแล้วถ่ายได้เลย โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องปรับค่าอะไรให้ยุ่งยากเลย ทำให้มันเหมาะสำหรับมือใหม่มากครับ โดยตัวกล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับเลนส์ 31 มม. F/9 แบบโฟกัสคงที่ โดยมีระยะโฟกัสเริ่มที่ 1 เมตร ขึ้นไป มอบภาพที่มีความคมชัด ครอบคลุมทั้งหมดครับ สามารถใช้ถ่ายได้ ทั้ง คน สัตว์ สิ่งของ และรวมถึงภาพวิวต่าง ๆ ภาพก็ออกมาสวยงาม มีสเน่ห์มาก ๆ ครับ และช่วง ISO จะอยู่ที่ 200-800 ครับ ซึ่งสามารถได้ทั้ง ฟิล์มสี และฟิล์มขาวดำ สำหรับ AGFA Photo รุ่นนี้ถือเป็นกล้องฟิล์มที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยใช้กล้องฟิล์มมาก่อนเลย เพราะมันเน้นการใช้งานที่ง่ายดาย ในราคาไม่แพง คุณสามารถใส่ฟิล์มแล้วก็ใช้งานได้ทันที
ข้อดี
- ดีไซน์สวยงาม ผสมผสานความคลาสสิกกับสไตล์ในสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว
- เป็นกล้องทอยที่มีราคาประหยัด สามารถเปลี่ยนฟิล์มได้หลากหลายแนว
- ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายแบบ Point and Shoot หรือเล็งแล้วถ่ายได้เลย
- ภาพที่ออกมามีอารมณ์ของภาพฟิล์มจริง ๆ ดูมีสเน่ห์มาก ๆ
- ตัวบอดี้มีขนาดเล็ก และเบามาก ๆ ช่วยให้มันพกพาได้ง่าย
ข้อควรพิจารณา
- ไม่สามารถปรับค่าอะไรได้เลย นอกจากเปิดปิดแสงแฟลช
ประเภท | กล้องทอย |
---|---|
เลนส์กล้อง | 31 มิลลิเมตร |
ระยะโฟกัส | 1.0 เมตร - ∞ |
สปีดชัตเตอร์ | 1/120s |
รูรับแสง | f/9 |
ฟิล์มที่ให้มา | ไม่มีฟิล์ม |
Reto 3D กล้องฟิล์ม ถ่าย 3D Original Version

ราคา 3,300 บาท*
มาต่อกันที่ Reto 3D กล้องฟิล์มคอมแพคระบบออโต้ สำหรับกล้องรุ่นนี้มันสามารถสร้างกระแสให้กับกล้องฟิล์มได้มากเลยครับ เพราะมันมาพร้อมกับความแตกต่าง เป็นกล้องฟิล์มที่สามารถถ่ายภาพ 3 มิติได้ โดยใช้วิธีการถ่ายภาพพร้อม ๆ กัน 3 ภาพ ด้วยเลนส์ทั้งหมด 3 เลนส์ครับ ทำให้คุณได้ภาพที่แตกต่างกันเพียงเสี้ยววินาที 3 ภาพ จากนั้นนำภาพทั้ง 3 ภาพ มาสแกนเข้าไปในแอปพลิเคชั่น เรียงต่อกัน สร้างออกมาเป็นไฟล์ .gif ซึ่งคุณจะได้เป็นภาพฟิล์มที่มันเคลื่อนไหวได้ ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นภาพที่มีเสน่ห์มาก ๆ ครับ

ตัวกล้องมาในบอดี้พลาสติก ขนาดเล็กพอดีมือ ทำให้คุณสามารถพกพาติดตัวได้ง่าย มาพร้อมเลนส์ออฟติคัล 30 มม. ทั้งหมด 3 เลนส์ รูรับแสง f/11 และมันมีระยะโฟกัสอยู่ที่ 1 เมตรขึ้นไปครับ มีแฟลชในตัวที่เปิดปิดได้ ในด้านการใช้งานก็ไม่ยากก็อย่างที่บอกครับ มันเป็นระบบออโต้ทั้งหมด ฉะนั้นมือใหม่ไม่ต้องกังวล ซึ่งคุณจะได้ภาพที่สวยงามอย่างแน่นอน สำหรับรุ่นนี้ถือว่าพิเศษมากครับ สามารถมอบภาพฟิล์มที่สวยงาม และไม่เหมือนใครให้คุณได้ง่าย ๆ ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ถ้าหากคุณเป็นมือใหม่และอยากได้ภาพฟิล์มที่ไม่เหมือนใคร รุ่นนี้ตอบโจทย์มาก
ข้อดี
- ดีไซน์ดูแปลกตา ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับสไตล์ในปัจจุบันได้อย่างลงตัว
- เป็นกล้องคอมแพค ที่สามารถถ่ายภาพเป็นสามมิติได้
- การใช้งานค่อนข้างง่าย แต่ได้ภาพไม่เหมือนใคร
- ภาพที่ออกมามีอารมณ์ของภาพฟิล์มอยู่เต็มเปี่ยม สามารถนำมาทำเป็นภาพ GIF ต่อได้
- ตัวบอดี้มีขนาดเล็ก และเบามาก ๆ ช่วยให้มันพกพาได้สะดวก
ข้อควรพิจารณา
- มีราคาค่อนข้างสูง
ประเภท | กล้องคอมแพค |
---|---|
เลนส์กล้อง | 30 มิลลิเมตร ทั้งหมด 3 เลนส์ |
ระยะโฟกัส | 1 เมตร - ∞ |
สปีดชัตเตอร์ | 1/125 วินาที |
รูรับแสง | f/11 |
ฟิล์มที่ให้มา | ไม่มี |
Yashica กล้องฟิล์ม คอมแพค ระบบออโต้ รุ่น MF-2 Camera Super DX

ราคา 4,888 บาท*
ต่อกันที่ Yashica MF-2 เป็นกล้องคอมแพคออโต้ ที่เคยผลิตมาแล้วในปี 1980 จากแบรนด์ดังอย่าง Yashica โดยครั้งนี้เป็นการกลับมาทำใหม่ครับ มาพร้อมดีไซน์ที่ดูคลาสสิค ใช้เลนส์ขนาด 38 มม. มีรูรับแสง F/3.8 สปีดชัตเตอร์อยู่ที่ 1/125 วินาที และมีระยะโฟกัสอยู่ที่ 1.5 ม. ขึ้นไป ในด้านการใช้งานทุกอย่างจะเป็นระบบออโต้ทั้งหมด ช่วยให้คุณใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยบนหน้าเลนส์จะมีที่วัดแสงมาให้ เพียงแค่คุณมองเข้าไปในช่องมองภาพที่เป็น Bright Frame กำลังขยาย 0.52X แล้วกดชัตเตอร์ลงไปครึ่งหนึ่ง ถ้าหากแสงไม่เพียงพอ มันจะมีไฟ LED เตือน หากภาพที่คุณกำลังจะถ่ายมีแสงน้อย สำหรับมือใหม่หมดกังวลไปได้เลยครับ
นอกจากนี้ยังมีการตั้งเวลาถ่ายภาพมาให้ด้วย โดยด้านข้างเลนส์จะมีตัวตั้งเวลาอยู่ครับ เพียงแค่กางมันออกตัวกล้องก็จะนับเวลาถ่ายเอง (ประมาณ 10 วินาที) สำหรับฟิล์มที่ใช้กับ MF-2 Super DX จะเหมาะกับฟิล์มที่มีความไวแสง (ISO) 100-400 ซึ่งกล้องจะทำการประมวลผลแสงและสปีดชัตเตอร์ที่เหมาะสมให้อัตโนมัติ ทำให้คุณได้ภาพที่สวยงามเสมอ รุ่นนี้ถือเป็นกล้องที่เหมาะกับมือใหม่มาก ๆ ครับ คุณสามารถหยิบขึ้นมา เล็ง และกดชัตเตอร์ได้ทันที เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ภาพที่สวยงามแล้วครับ อีกทั้งดีไซน์ของตัวกล้องก็ยังดูมีเสน่ห์อีกด้วยในราคานี้กับกล้องฟิล์มที่เป็นของใหม่ เราถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ แล้วครับ
ข้อดี
- ดีไซน์ดูคลาสสิกมาก ๆ เนื่องจากเป็นกล้องรุ่นเก่า ที่กลับมาทำใหม่
- เป็นกล้องคอมแพคระบบออโต้ ช่วยให้ใช้งานได้ง่าย
- มีความไวแสง (ISO) 100-400 ช่วยให้เหมาะกับสภาพแสงที่หลากหลาย ในแต่ละสถานการณ์
- การประมวลผลแสง และสปีดชัตเตอร์ที่เหมาะสมให้อัตโนมัติ ไม่ต้องกังวลว่าภาพจะเสีย
ข้อควรพิจารณา
- ตัวบอดี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่
- มีราคาค่อนข้างสูง
ประเภท | กล้องคอมแพค |
---|---|
เลนส์กล้อง | 38 มิลลิเมตร |
ระยะโฟกัส | 1.5 เมตร - ∞ |
สปีดชัตเตอร์ | 1/125 วินาที |
รูรับแสง | f/3.8 |
ฟิล์มที่ให้มา | ไม่มี |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ กล้องฟิล์ม สำหรับมือใหม่ ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
| ||||
| ||||
HARMAN Reusable Camera and Film กล้องฟิล์ม พร้อมฟิล์มขาวดำ 2 ม้วน |
| |||
| ||||
| ||||
Yashica กล้องฟิล์ม คอมแพค ระบบออโต้ รุ่น MF-2 Camera Super DX |
|
เลือก ฟิล์มถ่ายภาพ อย่างไรให้เหมาะสม ?
กล้องฟิล์ม (Film Camera) ที่รุ่นที่เราเลือกมาจะใช้ฟิล์ม 135 หรือฟิล์มขนาด 35 มิลลิเมตร เหมือนกันทั้งหมด ซึ่งจะเป็นฟิล์มชนิดที่ได้รับความนิยมสูงสุดและอย่างที่บอกไปครับ ฟิล์มที่ละตัวจะให้ภาพที่แตกต่างกัน ฉะนั้นเราจะพามาดูว่าสถานการณ์ไหน ควรใช้ฟิล์มแบบใด ถึงจะเหมาะสม และให้ภาพที่สวยที่สุดครับ
ประเภทสีของฟิล์ม หากแบ่งจากสีจะสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
ฟิล์มสี (Color Film) :
เป็นฟิล์มที่เคลือบด้วยสารไวแสง ซึ่งเมื่อทำปฏิกิริยากับแสงจะให้ภาพออกมาเป็นสีที่เหมือนกับที่คุณถ่ายจริง
ฟิล์มขาว-ดำ (Black & White Film) :
เป็นฟิล์มที่เคลือบด้วยสารไวแสง ซึ่งเมื่อทำปฏิกิริยากับแสง จะทำให้ภาพเป็นสีขาว-ดำ
ซึ่งฟิล์มแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะมีโทนสีที่แตกต่างกัน ซึ่งแน่นอนครับมันก็เหมือนกับฟิลเตอร์ที่เราใช้ตกแต่งภาพนั่นแหละ ฉะนั้นหากคุณชอบภาพแนวไหนก็สามารถเลือกซื้อฟิล์มแนวนั้นได้ ส่วนค่าความไวแสง (ISO) ก็จะอยู่ที่คุณว่า อยากถ่ายถาพในสภาพแสงแบบไหน หากถ่ายในที่ที่มีแสงจ้ามาก ๆ ก็เลือก ISO ต่ำ ๆ แต่ถ้าหากถ่ายในร่ม ก็เพิ่มค่า ISO ให้สูงขึ้นครับ ตามความเหมาะสม และสุดท้ายเวลาเลือกซื้อก็อย่าลืมดูจำนวนภาพด้วยนะครับ และสำหรับฟิล์มที่เราแนะนำมีดังนี้ครับ
สำหรับฟิล์มตัวแรกที่เราอยากจะแนะนำ เป็นฟิล์มยอดนิยม จากแบรนด์คุณภาพอย่าง Kodak ซึ่งมีราคาเบา ๆ เหมาะสำหรับถ่ายภาพทั่วไปครับ สามารถใช้ได้ดีทั้งการถ่ายภาพกลางแจ้ง และในที่ร่ม ให้ภาพออกไปในโทน อมเหลืองนิด ๆ ครับ ถ้าหากงบคุณน้อยแล้วไม่รู้จะเลือกใช้ฟิล์มไหนดีตัวนี้เหมาะมากครับ
มาต่อกันที่ฟิล์มสีตัวที่สองที่เราอยากแนะนำครับ ตัวนี้แม้จะมีราคาที่สูงหน่อย แต่ก็สามารถให้ภาพที่สวยถูกใจอย่างแน่นอน ให้รูปภาพออกไปในโทนสีที่สมจริง สามารถใช้ถ่ายในสถานที่ที่มีแสงน้อยได้ดีมาก หากคุณชอบบรรยากาศที่มีแสงสลัว ๆ ในช่วงตอนเย็น ๆ บอกเลยว่า ฟิล์มตัวนี้ให้ภาพที่สวยงามมากครับ
สำหรับตัวนี้เป็นฟิล์มขาวดำราคาประหยัดครับ เหมาะสำหรับใช้ถ่ายภาพกลางแจ้งที่มีแสงมาก ๆ ครับ ให้ภาพที่สวยงามดูนุ่มนวลเป็นธรรมชาติ หากคุณอยากได้ภาพขาวดำที่ดูเท่มีสไตล์ในราคาประหยัด ฟิล์มตัวนี้ตอบโจทย์ได้ดีมากครับ
“กล้องฟิล์ม” ดีกว่า “กล้องดิจิตอล” อย่างอย่างไร ?
หากเรานำ “กล้องฟิล์ม” กับ “กล้องดิจิตอล” มาเปรียบเทียบกันคุณจะเห็นเลยว่ากล้องฟิล์มไม่สามารถสู้กับกล้องดิจิตอลได้เลย แล้วมันจะมีคำถามต่อเนื่องมาอีกว่า “แล้วทำไมในปัจจุบัน “กล้องฟิล์ม” ถึงกลับมาได้รับความนิยม ?” ขอตอบว่า มันอยู่ที่ความชอบล้วน ๆ ครับ เพราะกว่าที่คุณจะได้ภาพจากกล้องฟิล์มนั้นมันไม่ง่ายเลย อย่างแรกคุณจะต้องถ่ายให้หมดม้วนฟิล์มก่อน จากนั้นถึงนำฟิล์มไปล้าง ซึ่งก็ต้องใช้เวลากว่าที่คุณจะได้ภาพออกมา ซึ่งถ้าหากคุณรอกระบวนการเหล่านี้ไม่ไหวคุณก็ไม่เหมาะกับกล้องฟิล์มครับ ส่วนเสน่ห์ของ กล้องฟิล์ม ที่ทำให้มันได้รับความนิยม ก็มีดังนี้
1. ภาพที่ได้จากกล้องฟิล์ม
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าภาพที่ได้จากกล้องฟิล์มมีเอกลักษณ์ แตกต่างจากกล้องดิจิตอลหรือกล้องอื่น ๆ ในยุคนี้ และด้วยความที่ภาพมีเอกลักษณ์ทำให้ปัจจุบันมีแอปฯ มากมายที่สามารถใช้ฟิลเตอร์เพื่อตกแต่งภาพ ซึ่งฟิลเตอร์พวกนี้ก็เป็นการตกแต่งภาพให้ใกล้เคียงกับภาพจากกล้องฟิล์มครับ แต่มันก็ทำได้แค่ใกล้เคียงครับ
2. กล้องฟิล์มราคาประหยัดกว่า
แน่นอนครับกล้องฟิล์มมันมีราคาค่อนข้างถูกมาก นั่นก็เป็นเพราะจากการทำงานพื้นฐานของกล้องฟิล์มครับ ซึ่งเราก็เห็นแล้วว่า มันแทบไม่มีอะไรเลย ดังนั้นปัจจุบันคุณจึงสามารถหาซื้อกล้องฟิล์มราคาหลักร้อย เอาไว้ถ่ายเล่น สนุก ๆ กับเพื่อนได้ง่าย ๆ หรือแม้แต่กล้องฟิล์มที่เป็นระบบออโต้ราคาก็อยู่ที่ไม่กี่พันบาทเท่านั้น ถึงแม้ว่า หน้าตาอาจดูไม่ค่อยสวยเหมือนกับกล้องฟิล์มรุ่นเก่า ๆ ที่มีราคาสูง ๆ แต่มันก็สามารถให้ภาพฟิล์มที่สวยได้เช่นกันครับ
3. มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์
กล้องฟิล์มรุ่นเก่า ๆ แน่นอนมันมีหน้าตาที่ดูคลาสสิค ดูเท่ เราต้องยอมรับว่าคนในช่วงนี้กำลังย้อนกลับไปชอบอะไรแบบย้อนยุค ซึ่งคุณสามารถสังเกตได้จากกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ ๆ ในสมัยนี้ก็ได้ครับ มีอยู่หลายรุ่นได้นำดีไซน์ยุคเก่ามาผสมผสานเข้าไปด้วย ซึ่งก็ได้ผลตอบรับดี ซึ่งกล้องฟิล์มยิ่งเก่ามันก็จะยิ่งสวย และมีราคาสูงขึ้นครับ คนที่จะซื้อ ส่วนใหญ่มักจะเป็นนักเก็บสะสมซะมากกว่าครับ
4. กล้องฟิล์มปัญหาน้อย
ก็อย่างที่บอกไปครับ กล้องฟิล์มพื้นฐานมันไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อนเลย มีบางรุ่นสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องใส่ถ่านหรือแบตเตอรี่ใด ๆ เลย หากคุณไม่ใช่แฟลช ส่วนกล้องรุ่นที่อยู่ในระดับสูงขึ้น ตัวบอดี้มักจะผลิตจากวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน มีฟังก์ชั่นการใช้งานเยอะก็จริงแต่มันก็ไม่ได้ซับซ้อน ลองคิดดูง่าย ๆ กล้องบางรุ่นผลิตมาเป็น 50-60 ปีแล้ว ยังสามารถใช้งานได้ดีอยู่ แต่ถ้าหากคุณยังเป็นมือใหม่ เราก็ไม่แนะนำให้ไปเล่นกล้องฟิล์มระดับสูงเลย เพราะมีอะไรอีกมากมายที่คุณต้องศึกษา
5. ความชื่นชอบส่วนตัว
กล้องฟิล์มมันเปรียบเสมือนงานศิลปะที่จะต้องใช้เวลาในการสร้างสรรค์ ต้องมีประสบการณ์ และใช้ความชำนาญมากพอสมควร แน่นอนครับ มือใหม่ถ่ายภาพเสียเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว กว่าคุณจะถ่ายหมดม้วน กว่าที่คุณจะเอาฟิล์มไปล้าง และกว่าจะได้ออกมาเป็นภาพให้คุณได้ลงโชเชียลมีเดียเพื่อให้คนอื่น ๆ ได้ดูมันต้องใช้เวลาครับ หากคุณทนรอได้ ภาพที่เหลือรอดจากฟิล์มชุดนั้น มันอาจจะมีค่าสำหรับคุณก็ได้ครับ
หลายคนสับสนระหว่าง กล้องฟิล์ม กับ กล้องโพลารอยด์ ซึ่งทั้งคู่จะใช้ฟิล์มที่ต่างกันครับ กล้องฟิล์ม จะใช้ฟิล์มที่เป็นม้วน ใน ส่วนกล้องโพลารอยด์ หรือชื่อจริง ๆ ก็คือ กล้องอินสแตนท์ จะใช้ฟิล์มเป็นแผ่น ซึ่งจะเป็นกล้องถ่ายภาพที่สามารถพิมพ์ภาพให้คุณได้ทันที ซึ่งจะมีความสะดวกสบายกว่ากล้องฟิล์มมาก เนื่องจากคุณไม่ต้องนำไปล้างให้เสียเวลานั่นเอง
บทส่งท้าย
ในเรื่องราวของ กล้องฟิล์ม (Film Camera) ยังมีอะไรที่คุณต้องเรียนรู้และศึกษาอีกมากครับ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานบางส่วนเท่านั้น ซึ่งถ้าหากคุณเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านกล้องฟิล์มเลย มันจึงเป็นการดีกว่าถ้าคุณจะเริ่มต้นจากพื้นฐานของมัน ซึ่งการเริ่มต้นจากของง่าย ๆ มันสามารถทำให้คุณมีกำลังใจในการพัฒนาตนเองมากยิ่งขึ้น และกล้องฟิล์มพวกนี้ก็มีราคาไม่สูงมากครับ ฉะนั้นลองดูได้ไม่เสียหาย หากไม่ชอบก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าชื่นชอบขึ้นมาจริง ๆ ก็ค่อย ๆ ศึกษาเพิ่มเติม เรียนรู้ไปเรื่อน ๆ และเปลี่ยนไปใช้กล้องในระดับที่สูงขึ้นได้