ในด้านการถ่ายภาพหากคุณอยากก้าวข้ามคำว่า “มือสมัครเล่น” ไปเป็น “มืออาชีพ” สิ่งที่คุณต้องเปลี่ยนแปลงอย่างแรกเลยก็คือ กล้อง ที่คุณใช้ครับ โดยที่ผ่านมาเราได้พูดถึงกล้องไปหลายประเภทมาก ๆ ครับ อาทิเช่น กล้องแอคชั่น, กล้องคอมแพค หรือกล้องโพลารอยด์ เป็นต้น ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า กล้องทุกประเภทมันก็จะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นแตกต่างกันไป ดังนั้นหากเราพูดจะถึง “การถ่ายภาพ แบบมืออาชีพ” แน่นอนว่ากล้องที่มันมีประสิทธิภาพในด้านการถ่ายภาพมากที่สุด เราก็คงต้องยกให้กับ กล้องดีเอสแอลอาร์ (DSLR Camera) ครับ
DSLR Camera ถือเป็นกล้องที่สามารถช่วยยกระดับความสามารถ และช่วยพัฒนาทักษะในการถ่ายภาพของคุณได้เป็นอย่างดีครับ เนื่องจากกล้องประเภทนี้มีความยืดหยุ่นสูง ปรับได้ละเอียดมาก ๆ โดยคุณสามารถกำหนดค่าได้ทุกอย่างตามที่คุณต้องการ มากกว่ากล้องแบบอื่น ๆ มาก ทำให้คุณสามารถที่จะกำหนดภาพที่ออกมาได้อย่างละเอียด
สำหรับวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ ที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ DSLR Camera ถ้าหากคุณเป็นหนึ่งในคนที่หลงไหลในการถ่ายภาพและอยากพัฒนาฝีมือขึ้นไปอีกขั้น กล้องประเภทนี้มันเหมาะกับคุณที่สุดครับ แต่ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับ กล้องดีเอสแอลอาร์ (DSLR Camera) ให้มากขึ้นกว่านี้กันก่อนดีกว่าครับ
DSLR Camera สำหรับมือใหม่ รุ่นไหนเหมาะกับคุณที่สุด ?
- กล้อง DSLR ที่ดีที่สุด มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม พร้อมฟังก์ชันที่ครบครัน : Canon EOS 90D และ Nikon D7500
- กล้อง DSLR ที่มีราคาคุ้มค่า และเหมาะสำหรับมือใหม่ที่สุด : Canon EOS 850D และ Nikon D5600
- กล้อง DSLR ที่เล็ก และเบาที่สุด พร้อมหน้าจอที่คมชัด : Nikon D3500 และ Canon EOS 200D Mark II
- กล้อง DSLR ราคาประหยัด แม้จะมีฟังก์ชันที่จำกัด แต่ก็สามารถใช้ฝึกถ่ายภาพได้อย่างดีเยี่ยม : Canon EOS 800D, Canon EOS 1500D และ Canon EOS 4000D
กล้องดีเอสแอลอาร์ (DSLR Camera) คืออะไร ?
DSLR ย่อมาจาก Digital Single Lens Reflex แปลว่า กล้องสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว ระบบดิจิตอล ซึ่งคำว่า ดิจิตอล (Digital) ก็คือกล้องที่ทำงานโดยใช้เซ็นเซอร์แบบดิจิตอล ส่วนคำว่า เลนส์เดี่ยว (Single Lens) คือ กล้องที่ใช้เลนส์เดียวในการทำงานทั้งหมด และคำสุดท้ายคำว่า รีเฟล็กซ์ (Reflex) ก็คือ การใช้กระจกสะท้อนภาพครับ ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจากกล้อง SLR หรือกล้องฟิล์มในอดีต ฉะนั้นหลักการทำงานของกล้องดีเอสแอลอาร์ก็ไม่มีอะไรมากครับ
โดยเริ่มการจากรับแสงจากเลนส์ ผ่านเข้ามาในกล้อง จากนั้นแสงก็จะมาเจอกับกระจก ซึ่งมันจะสะท้อนแสงขึ้นไปยังปริซึม จากนั้นก็ส่งต่อไปยังช่องมองภาพ ทำให้ภาพที่คุณเห็นในช่องมองภาพจะตรงกับภาพที่กล้องจะทำการบันทึก ซึ่งเรียกช่องมองภาพแบบนี้ว่า ช่องมองภาพแบบออปติคอล และเมื่อคุณทำการกดชัตเตอร์ตัวกระจกสะท้อนที่จากเดิมลงมาขวางเซ็นเซอร์อยู่เพื่อสะท้อนภาพ ก็จะพับขึ้นไปปิดช่องมองภาพแทน ทำให้แสง พุ่งตรงไปหาเซ็นเซอร์ เพื่อบันทึกภาพครับ และกลไกตัวนี้ก็คือที่มาของเสียงชัตเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ด้วยเช่นกัน
ซึ่งจะแตกต่างไปจากกล้องมิลเลอร์เลสครับ โดยกล้องมิเรอร์เลสจะทำการตัดระบบกระจกสะท้อนภาพออกไป ทำให้ตัวกล้องมีขนาดที่เล็กลง และกล้องมิเรอร์เลสบางรุ่น ก็ตัดช่องมองภาพออกไปเลย แต่ในบางรุ่นที่ยังคงมีช่องมองภาพมาให้ มันก็จะแสดงเป็นภาพเสมือนแทน โดยภายในช่องมองภาพก็จะเป็นจอขนาดเล็ก ซึ่งช่องมองภาพนี้เรียกว่า ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์
พัฒนาการของกล้องถ่ายรูป
ในอดีต กล้อง DSLR เป็นกล้องระดับไฮเอ็นด์ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก เหมาะสำหรับช่างภาพระดับมืออาชีพเท่านั้น ฉะนั้นเรื่องราคาไม่ต้องพูดถึงครับ มันสูงมากเช่นกัน ทำให้มือใหม่ไม่เหมาะที่จะใช้กล้องประเภทนี้เลย แต่ในการมาของกล้องมิลเลอร์เลส ที่ได้นำเอากล้องดีเอสแอลอาร์ มาลดขนาดลงโดยการตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เปลี่ยนรูปแบบฟีเจอร์ และเมนูต่าง ๆ ใหม่ เพื่อให้มันสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น และด้วยการตัดส่วนต่าง ๆ ทิ้งไป ทำให้มันยังมีราคาที่ประหยัดกว่าด้วย ซึ่งแน่นอนครับ มันถูกใจผู้ใช้เป็นอย่างมากทั้งมือใหม่และมืออาชีพ ส่งผลให้มีการแข่งขันของตลาดกล้องถ่ายรูปสูงยิ่งขึ้น และกล้อง DSLR ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ในปัจจุบันเราสามารถหา กล้อง DSLR ที่เหมาะกับมือใหม่อย่างเรา ๆ ได้ง่าย ๆ ครับ
การเลือกกล้อง DSLR สำหรับมือใหม่ ได้อย่างไร ?
1. รู้จักเซ็นเซอร์

สำหรับเซนเซอร์ภาพที่อยู่ใน กล้องดีเอสแอลอาร์ (DSLR Camera) ถือเป็นส่วนที่สำคัญมาก ๆ เพราะมันมีหน้าที่ในการรับส่งภาพไปเก็บไว้ หากกล้องของคุณใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ภาพที่ได้ก็จะมีคุณภาพที่สูง โดยกล้องดีเอสแอลอาร์จะใช้เซ็นเซอร์อยู่ 2 ขนาดหลัก ๆ ดังนี้
1. Full Frame หรือ กล้องฟลูเฟรม
ก็อย่างที่ได้บอกไปครับว่า DSLR Camera เป็นกล้องที่พัฒนามาจาก SLR Camera ดังนั้นเซ็นเซอร์ตัวนี้ก็ได้นำรูปแบบของกล้องฟิลม์มาใช้ ซึ่งหากเราตัดฟิล์ม 35 มม. ออกมาหนึ่งภาพ ขนาดมันก็จะได้ 36 x 24 มม. ก็จะเท่า ๆ กับ ขนาดของเซ็นเซอร์ตัวนี้ทำให้มันได้ชื่อว่า กล้องฟูลเฟรม ครับ โดยจะเป็นเซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ ส่งผลให้มันมีขนาดพิกเซลใหญ่ขึ้นด้วย ทำให้ภาพที่ได้ จะมีความคมชัด มีสัญญาณรบกวนน้อย และทำให้ภาพมีคุณภาพสูง สามารถที่จะเก็บรายละเอียดของแสงได้ดีทั้งในส่วนที่มืดและในส่วนที่สว่าง ถ้าใช้เลนส์เท่ากันจะได้มุมรับภาพที่กว้างกว่ากล้องที่ใช้ APS-C แต่เราจะสามารถพบเซ็นเซอร์ตัวนี้ได้ในกล้องระดับสูง ๆ เท่านั้น และราคาก็จะสูงด้วยเช่นกันครับ ดังนั้นสำหรับมือใหม่ เซ็นเซอร์นี้มันเกินความจำเป็นครับ
2. APS-C หรือ กล้องตัวคูณ
สำหรับเซ็นเซอร์ APS-C หรือ กล้องตัวคูณ เป็นเซ็นเซอร์ที่มักพบในกล้องดีเอสแอลอาร์ระดับเริ่มต้น จนถึงระดับกลางครับ มันจะมีขนาดที่เล็กกว่ากล้องฟลูเฟรมอยู่ประมาณ 1.5 ถึง 1.6 เท่าด้วยกัน โดยขนาดที่เล็กกว่ามันทำให้กล้องมีขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบากว่าด้วย ถ้าพูดถึงเรื่องคุณภาพของภาพเซ็นเซอร์ APS-C ก็ถือว่าให้คุณภาพของภาพที่ดีเช่นกัน ซึ่งจุดเด่นของมันคือ เมื่อใส่เลนส์มันจะมีทางยาวโฟกัสมากขึ้น ซึ่งเกิดจากตัวคูณเซ็นเซอร์ ทำให้ภาพมีความคมชัดมากกว่าเซ็นเซอร์ Full Frame ครับ

พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ภาพที่ได้จากเซ็นเซอร์ Full Frame มันจะมีความกว้าง ส่วนภาพที่ได้จากเซ็นเซอร์ APS-C มันก็จะแคบกว่า ฉะนั้นหากเราใส่เลนส์ตัวเดียวกันในกล้องที่ใช้เซ็นเซอร์ทั้งสองตัวนี้ มันก็จะเหมือนกับว่าเซ็นเซอร์ APS-C จะทำการ Crop เอาเฉพาะส่วนตรงกลางภาพมาเท่านั้น ทำให้ความคมชัดของภาพ และรายละเอียดต่าง ๆ ทำได้ดีพอ ๆ กัน ต่างกันที่ความกว้างของภาพเพียงเท่านั้นครับ
ทั้งหมดนี้เราจะเห็นได้ว่า เซ็นเซอร์ทั้งสองตัวนี้ มันมีดีกันคนละอย่างครับ ซึ่งข้อดีของ เซ็นเซอร์ APS-C ดูจะเหมาะกับมือใหม่มากกว่า ทั้งในเรื่องของคุณภาพ ซึ่งมือใหม่ไม่จำเป็นต้องใช้คุณภาพที่สูงขนาดนั้น และในเรื่องของราคาด้วย เนื่องจากกล้องที่ใช้เซ็นเซอร์ APS-C มีราคาที่สบายกระเป๋ากว่ามากครับ
2. ขนาดและน้ำหนักของตัวกล้อง
แน่นอนครับว่า กล้อง DSLR มันมีขนาดที่ใหญ่กว่ากล้องถ่ายภาพแบบอื่น ๆ มาก ฉะนั้นมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นชินกับกล้องประเภทนี้ก็ต้องปรับตัว เพราะมันจะต่างกับที่คุณใช้กล้องมือถือมาก หากคุณนำไปใช้ถ่ายงานอยู่กับที่โดยใช้ขาตั้งกล้อง มันก็ไม่มีผลต่อคุณครับ คุณอาจจะมองข้ามข้อนี้ไปได้ แต่ถ้าคุณต้องการกล้องไปใช้ในการเดินทางใช้ถ่ายตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ คุณต้องพิจารณาในส่วนนี้ด้วย เพราะอย่าลืมว่ากล้องพวกนี้โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 400 กรัมขึ้นไป ดังนั้นในการใช้งานแรก ๆ หรือการยกขึ้นมาถ่ายในแต่ละครั้ง มันอาจทำให้คุณปวดเมื่อยได้ ทางที่ดีถ้าคุณมีโอกาสไปลองจับลองเล่นดูตามร้านต่าง ๆ มันอาจช่วยทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ
3. คุณสมบัติต่าง ๆ
กล้อง DSLR ส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติมากมาย ซึ่งมันอาจทำให้คุณสับสนได้ในช่วงแรก ฉะนั้นคุณจะต้องทำการศึกษาเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ครับ และนี่ก็คือ คุณสมบัติทั่วไปบางส่วนที่คุณจะต้องนำมาพิจารณาด้วย ดังนี้
- โหมดถ่ายภาพ – กล้องรุ่นต่าง ๆ มีโหมดการถ่ายภาพมาใช้มากมาย ในกล้องบางรุ่นก็จะมีบางโหมด มันสามารถช่วยให้คุณใช้งานได้ง่ายขึ้นในช่วงเริ่มต้นศึกษาตัวกล้องครับ
- หน้าจอ LCD – หน้าจอที่รองรับการสัมผัส มันสามารถสร้างความแตกต่างได้มาก เมื่อคุณใช้งานจริง เพราะมันจะให้ความสะดวกในการใช้งานได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงขนาดของหน้าจอด้วย ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น มันช่วยให้การดูภาพ การอ่านค่าต่าง ๆ ทำได้ง่ายขึ้นครับ
- การเชื่อมต่อ – ปัจจุบันมีรูปแบบการถ่ายโอนไฟล์อยู่หลายช่องทาง ซึ่งแต่ละช่องทางก็สามารถให้ความสะดวกสบายได้มากขึ้นครับ ซึ่งในกล้องรุ่นใหม่ ๆ หลายรุ่นมาพร้อมกับ Wi-Fi หรือ Bluetooth ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อไร้สาย จะช่วยให้คุณสามารถถ่ายโอนภาพได้สะดวก และง่ายดายมากยิ่งขึ้น คุณสามารถเชื่อมต่อกับ สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, แล็ปท็อป และอื่น ๆ เพื่อทำการถ่ายโอนไฟล์แบบไร้สายได้ทันที ช่วยให้คุณนำภาพไปเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์คอมฯ หรือฮาร์ดดิสก์แบบพกพาได้ง่าย ๆ ไม่ต้องกลัวว่า SD Card จะเต็ม และคุณก็จะได้ไม่ต้องพก SD Card Reader อีกต่อไปค่ะ และนอกจากนั้นการถ่ายโอนไฟล์ที่สะดวกขึ้น ยังช่วยให้คุณสามารถนำภาพไปตกแต่งผ่านแอปพลิเคชั่นแต่งภาพได้ทันที จากนั้นก็ค่อยอัพโหลดเข้าสู่โลกโซเชียลเพื่ออวดเพื่อน ๆ ได้ง่าย ๆ ครับ
- โหมดกึ่งอัตโนมัติ – เช่นเดียวกับกล้องประเภทอื่น ๆ ครับ กล้อง DSLR หลาย ๆ รุ่น โดยเฉพาะรุ่นเริ่มต้นทั้งหลาย มักมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพที่หลากหลายทั้ง ภาพบุคคล, ภาพกีฬา, ภาพกลางคืน หรือภาพวิว เป็นต้น ซึ่งถ้าคุณยังไม่เคยใช้กล้องมาก่อนเลย โหลดเหล่านี้มันสามารถช่วยคุณได้ แต่ถ้าคุณมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว รู้จักค่าต่าง ๆ ของกล้องแล้ว โหมดเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นครับ
- การบันทึกวิดีโอ – กล้องแต่ละรุ่นก็จะมีความสามารถในการบันทึกวิดีโอที่ต่างกันตามราคาครับ ซึ่งถ้าคุณต้องการที่จะใช้ถ่ายเป็นวิดีโอด้วย คุณก็ต้องพิจารณาในข้อนี้ด้วย เพราะกล้องในระดับเริ่มต้นส่วนใหญ่มักจะลดสเปคการบันทึกวิดีโอลง
- เมาท์เลนส์ (Lens Mount) – เป็นขั้วต่อของเลนส์กล้องครับ ซึ่งแบรนด์เดี่ยวกันส่วนใหญ่จำทำขั้วต่อเลนส์นี้ มาเหมือน ๆ กันทำให้มันสามารถนำเลนส์ไปใช้กับกล้องหลาย ๆ รุ่นได้
4. การอัพเกรดในอนาคต
ถ้าคุณมีงบประมาณที่จำกัด และคุณยังไม่ได้มีแผนจะอัพเกรดกล้องในอนาคตอันใกล้ เราขอแนะนำให้เลือกรุ่นที่มีราคาสูงขึ้นมาหน่อยครับ เนื่องจากมันจะสามารถรองรับการใช้งานในระยะยาวได้ดีกว่า กล้องรุ่นเริ่มต้นส่วนใหม่มักถูกออกแบบมาให้กับผู้ใช้มือใหม่โดยเฉพาะ หลาย ๆ ฟีเจอร์ถูกทำให้ง่ายขึ้น หากคุณเรียนรู้จนใช้งานได้คล่องแล้ว กล้องรุ่นเริ่มต้นมันมักจะไม่ค่อยมีอะไรให้ไปต่อครับ นอกจากอัพเกรดไปรุ่นที่สูงขึ้นครับ ฉะนั้นหากคุณต้องการใช้งานระยะยาวเลือกรุ่นที่สูงขึ้นมาหน่อยครับ แม้จะใช้งานได้ยากกว่า แต่มันก็มีอะไรให้คุณได้ศึกษาเยอะกว่าเช่นกัน
สำหรับในวันนี้ เราได้ไปคัดเลือก กล้องดีเอสแอลอาร์ (DSLR Camera) รุ่นต่าง ๆ ที่เหมาะกับมือใหม่โดยเฉพาะมารีวิวครับ ซึ่งเราได้รวบรวมมาหลายรุ่นหลาบราคาเลยครับ เพื่อที่คุณจะได้ลองพิจารณา เปรียบเทียบ เพื่อหารุ่นที่มันตรงกับความต้องการของคุณได้ง่ายมากยิ่งขึ้นครับ ซึ่งจะมีรุ่นอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย
Canon Camera EOS 4000D Kit 18-55 mm. IS III

ราคา 14,500 บาท*
ถ้าหากคุณมีงบประมาณจำกัด แต่ต้องการเริ่มต้นด้วยกล้อง DSLR เราขอแนะนำ Canon EOS 4000D ครับ กล้อง DSLR ราคาประหยัดที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นมาก ซึ่งถึงแม้จะเป็นรุ่นที่เก่าไปหน่อย แต่ก็ยังเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพในราคาหมื่นต้น ๆ เท่านั้น มันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ ตัวกล้องมีการดีไซน์มาเป็นอย่างดี ขนาดพอดีมือ แถมน้ำหนักเบา ช่วยให้การควบคุมและการใช้งานทำได้ง่าย ทำงานด้วยชิปประมวลผล DIGIC 4+ ที่ทำงานได้รวดเร็วในระดับหนึ่ง คู่กับเซ็นเซอร์ APS-C CMOS ความละเอียด 18.0MP ด้านหลังมีช่องมองภาพแบบออปติคอล ช่วยให้คุณจัดตำแหน่งภาพได้อย่างง่ายดาย แม้อยู่กลางแจ้งก็ยังเห็นภาพชัด และถัดลงมามีหน้าจอ LCD ขนาด 2.7 นิ้ว ที่ไม่สามารถปรับเอียง และไม่รองรับการสัมผัสได้
ในด้านการถ่ายภาพมีระบบออโต้โฟกัส 9 จุด แบบ Cross-Type ซึ่งสามารถโฟกัสได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าคุณจะวางกล้องในแนวตั้ง หรือแนวนอนก็ตาม และมีระบบ AI AF ช่วยรักษาการโฟกัสให้สม่ำเสมอ นอกจากนี้มันยังรองรับเลนส์ Canon EF และ EF-S ได้ทั้งหมด ทำให้คุณสามารถใช้พัฒนาทักษะการถ่ายภาพของคุณได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในระยะยาวมันอาจจะไม่เหมาะเนื่องจากเทคโนโลยีต่าง ๆ มันเริ่มเก่าแล้วนั่นเองครับ
จุดเด่น
- ตัวกล้องมีราคาประหยัด เหมาะมาก ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นด้วยกล้อง DSLR
- ตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้มีการควบคุมที่ค่อนข้างง่าย
- มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างสูง
ข้อควรพิจารณา
- มีระบบออโต้โฟกัสเพียงแค่ 9 จุด
- บันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080p เท่านั้น และถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 3fps เท่านั้น
- หน้าจอค่อนข้างเล็ก ไม่สามารถปรับเอียงได้ และยังไม่รองรับการสัมผัสด้วย
เซนเซอร์ | 18MP CMOS APS-C |
---|---|
เมาท์เลนส์ | Canon EF/EF-S |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi |
วิดีโอ | Full HD |
อายุแบตเตอรี่ | สูงสุด 500 ภาพ |
หน้าจอทัชสกรีน | |
น้ำหนัก | 436 g. |
การรับประกัน | 1 ปี |
Nikon D3500 18-55 mm. KIT / DSLR Camera

ราคา 17,990 บาท*
มาต่อกันที่ Nikon D3500 กล้อง DSLR ที่เป็นตัวเลือกในอันดับต้น ๆ ที่เราอยากแนะนำให้กับผู้ที่เริ่มเล่นกล้องครับ เพราะมาพร้อมกับบอดี้ที่กะทัดรัด น้ำหนักเบา ช่วยให้การพกพาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น และรุ่นนี้ยังมี Guide Mode ที่จะสอนวิธีถ่ายภาพในสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเหมาะกับมือใหม่มาก ๆ ในด้านการใช้งานรุ่นนี้มาพร้อมเซ็นเซอร์ APS-C ความละเอียด 24.2MP ที่ช่วยมอบภาพถ่ายอันสวยงามระดับมือโปรได้ง่าย ๆ และมีการใช้ออปติคอลโลว์พาสฟิลเตอร์ เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพของภาพให้ดียิ่งขึ้น พร้อมระบบโฟกัสอัตโนมัติ 11 จุด แม้ถ้าวัดกันตามชื่อชั้นมันจะเป็นแบบเก่า แต่หากได้ลองใช้งานจริง ๆ คุณจะรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก กับความแม่นยำ และความเร็วครับ จนพูดได้ว่า เก่าแต่เก๋า
ในส่วนการจัดวางปุ่มกดต่าง ๆ รุ่นนี้ก็ออกแบบมาเป็นอย่างดีช่วยให้ใช้งานได้ง่าย แสดงผลภาพบนหน้าจอขนาด 3.0 นิ้ว และช่องมองภาพแบบออปติคัล ทำให้มองเห็นภาพได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เมื่อต้องถ่ายในที่ที่มีแดดจัด จุดเด่นอีกอย่างคือ รุ่นนี้ค่อนข้างใช้แบตเตอรี่น้อยมาก ๆ โดยสามารถถ่ายภาพได้สูงสุดถึง 1,550 ภาพ ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวของคุณ ซึ่งรุ่นนี้ถูกออกแบบมาโดยเน้นการถ่ายภาพเป็นหลัก เกือบทั้งหมด เป็นแมนนวล ซึ่งจะช่วยให้คุณได้ฝึกทักษะการถ่ายภาพได้อย่างเต็มที่
จุดเด่น
- ตัวกล้องมีขนาดเล็กมาก ๆ เมื่อเทียบกับ DSLR ทั่ว ๆ ไป และออกแบบมาอย่างดี ทำให้ใช้งานได้สนุกมาก
- ตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้มีการควบคุมที่ค่อนข้างง่าย
- มีโหมดคู่มือ (Guide Mode) ที่มีประโยชน์สำหรับมือใหม่เป็นอย่างมาก
- ระบบออโต้โฟกัส แม้จะมีเพียง 11 จุด แต่ก็รวดเร็ว และแม่นยำอย่างน่าประหลาดใจ
- มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่สูงถึง 1,550 ภาพ ให้คุณได้ฝึกถ่ายภาพได้อย่างเต็มที่
ข้อควรพิจารณา
- บันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080p เท่านั้น ไม่มีรองรับวิดีโอ 4K
- ปุ่มที่ปรับแต่งได้มีไม่กี่ปุ่ม และการนำปุ่ม Fn ออก ทำให้การตั้งค่าขั้นสูง ทำได้ค่อนข้างช้า
- หน้าจอไม่สามารถปรับเอียงได้ และไม่รองรับการสัมผัส
- การเชื่อมต่อรองรับเฉพาะ Bluetooth เท่านั้น ไม่มี Wi-Fi
เซนเซอร์ | 24.2MP CMOS APS-C หรือ DX |
---|---|
เมาท์เลนส์ | Nikon F |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth |
ภาพ / วิดีโอ | 5fps / 1080p |
อายุแบตเตอรี่ | สูงสุด 1,550 ภาพ |
หน้าจอทัชสกรีน | |
น้ำหนัก | 415 g. |
การรับประกัน | 1 ปี |
Canon EOS 800D kit 18-55 mm.

ราคา 18,500 บาท*
Canon EOS 800D กล้อง DSLR รุ่นยอดนิยม ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ระดับเริ่มต้นโดยเฉพาะ ตัวกล้องมีดีไซน์สวยงามตามสไตล์ของ DSLR ขนาดพอดีมือ น้ำหนักเบา ช่วยให้จับถือใช้งานได้ถนัด ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่กล้องที่ถูกที่สุดของ Canon แต่ก็ได้มาซึ่งประสิทธิภาพที่สูงขึ้น รองรับการใช้งานในระยะยาวได้อย่างแน่นอนครับ
EOS 800D เป็นกล้องระดับ Entry-Level ใช้เซ็นเซอร์ APS-C ความละเอียด 24.2MP ซึ่งมาพร้อมระบบ Dual Pixel CMOS AF ที่ยอดเยี่ยมของ Canon โดยทั่วไประบบนี้จะพบได้ในกล้องระดับสูงเท่านั้น โดยมีจุดโฟกัส 45 จุด แบบ Cross Type ส่งผลให้ประสิทธิภาพการโฟกัสแบบดิบ มีความเร็วและความแม่นยำสูง บวกกับโปรเซสเซอร์ภาพ DIGIC 7 แม้จะไม่ใช่ตัวล่าสุด แต่มันก็ให้การประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ หากดูรวม ๆ แล้ว ประสิทธิภาพต่าง ๆ จะใกล้เคียงกับกล้อง Full Frames อย่าง EOS 80D เลยครับ แต่ตัวนี้ราคาประหยัดกว่ามาก โดด้านหลังมีหน้าจอสัมผัส TFT แบบปรับมุมได้ ขนาด 3.0 นิ้ว ที่ใช้งานได้ง่าย สำหรับกล้องรุ่นนี้ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่ากับราคามาก ๆ อีกรุ่นหนึ่งครับ หากคุณเป็นมือใหม่ที่ต้องการกล้องที่มีประสิทธิภาพกลาง ๆ ในราคาที่คุ้มค่า และตอบโจทย์การใช้งานในระยะยาว รุ่นนี้จะเหมาะเป็นอย่างยิ่งครับ
จุดเด่น
- ตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้มีการควบคุมที่ค่อนข้างง่าย
- โฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel นั้นรวดเร็วและแม่นยำใน Live View สำหรับทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
- หน้าจอ LCD ที่ยอดเยี่ยม พร้อมสีที่สวยงามมาก และการสัมผัสที่งานได้ดี
- เลนส์คิทใช้งานง่าย และมีคุณภาพสูง
- มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างสูง
ข้อควรพิจารณา
- บันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080p เท่านั้น
- ราคาสูงกว่ากล้องบางรุ่นที่มีสเปคใกล้เคียงกัน
เซนเซอร์ | 24.2MP APS-C CMOS |
---|---|
เมาท์เลนส์ | Canon EF mount |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi & NFC & Bluetooth |
วิดีโอ | Full HD |
อายุแบตเตอรี่ | สูงสุด 600 ภาพ |
หน้าจอทัชสกรีน | |
น้ำหนัก | 532 g. |
การรับประกัน | 1 ปี |
Canon EOS 1500D Kit (EF S18-55 IS II)

ราคา 18,589 บาท*
Canon EOS 1500D กล้อง DSLR ที่เหมาะกับมือใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานการถ่ายภาพมาก่อนเลย เริ่มตั้งแต่ขนาดตัวกล้องที่เล็ก และเบา ช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างถนัด ใช้เซ็นเซอร์ APS-C CMOS ความละเอียด 24.1MP ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ตัวเดียวกับที่อยู่ในกล้องระดับสูง ประมวลผลภาพด้วยชิป DIGIC 4+ ซึ่งโดดเด่นเรื่องความรวดเร็ว ด้านหลังมาพร้อมช่องมองภาพ แบบออปติคอล ช่วยให้คุณเห็นรายละเอียดภาพทั้งหมด และจัดตำแหน่งภาพได้ง่ายขึ้น และหน้าจอ LCD ขนาด 3.0 นิ้ว ที่แสดงผลได้อย่างคมชัด ในส่วนการถ่ายภาพรุ่นนี้จะใช้ระบบออโต้โฟกัส 9 จุด พร้อม Cross-Type Sensors ทำให้สามารถโฟกัสได้อย่างแม่นยำและมีระบบ AI Servo AF ช่วยรักษาการโฟกัสให้สม่ำเสมอด้วย
นอกจากนี้ตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ ถูกจัดวางในตำแหน่งที่ดีเยี่ยม เป็นมิตรกับผู้ใช้มาก ๆ ครับ แถมยังมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีกว่ากล้องมิเรอร์เลสหลาย ๆ รุ่นในราคานี้ด้วย และยังสามารถใช้อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น เลนส์ EF/EF-S ปืนแฟลช และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ อีกมากมาย ถือเป็นข้อได้เปรียบหลักของกล้อง DSLR ครับ
จุดเด่น
- กล้อง DSLR ราคาประหยัด เหมาะมากสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้น
- ตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้การควบคุมทำได้ง่าย
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ค่อนข้างสูง
ข้อควรพิจารณา
- มีระบบออโต้โฟกัสเพียงแค่ 9 จุด
- บันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080p และถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด 3fps เท่านั้น
- หน้าจอไม่สามารถปรับเอียงได้ และไม่รองรับการสัมผัส
เซนเซอร์ | APS-C CMOS |
---|---|
เมาท์เลนส์ | Canon EF/EF-S |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi & NFC |
ภาพ / วิดีโอ | 3fps / 1080p |
อายุแบตเตอรี่ | สูงสุด 500 ภาพ |
หน้าจอทัชสกรีน | |
น้ำหนัก | 475 g. |
การรับประกัน | 1 ปี |
Canon EOS 200D Mark II (EF-S 18-55mm f/4-5.6 IS STM)

ราคา 22,000 บาท*
Canon EOS 200D เป็นกล้อง DSLR รุ่นยอดนิยม ซึ่งมาในดีไซน์ที่สวยงามตามสไตล์ DSLR เน้นความคุ้มค่า ด้วยการใช้งานในระยะยาวได้เป็นอย่างดี ตัวกล้องใช้เซ็นเซอร์ APS-C ความละเอียด 24.2MP คู่กับชิป DIGIC 8 ที่มีความเร็ว และมีเทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF ช่วยให้คุณโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น รวมทั้งช่วยแก้ปัญหาในการบันทึกวิดีโอด้วย โดยเป็นระบบโฟกัสอัตโนมัติ 9 จุด เหมือนรุ่นเก่า ๆ พร้อมทั้งมี DPAF และโฟกัสจับดวงตาอัตโนมัติ ทำให้เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคลมาก ๆ ครับ และการโฟกัส Live View นั้นก็ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน มีช่องมองภาพแบบออปติคัล ครอบคลุมเฟรมถึง 95% ด้านหลังมีหน้าจอสัมผัส แบบปรับมุมได้ 3.0 นิ้ว ผ่านการเคลือบ Clear View II ซึ่งจะช่วยลดแสงสะท้อน ช่วยให้ใช้งานกลางแจ้งได้ดีขึ้น
ในด้านวิดีโอรุ่นนี้สามารถบันทึกวิดีโอสูงสุดถึง 4K Ultra HD 24p เลยทีเดียว มาพร้อมเอาต์พุต HDMI สามารถนำไปสตรีมมิงแบบสดได้ และนับเป็นครั้งแรกกับการนำฟีเจอร์ปรับผิวเรียบเนียนและครีเอทีฟ มาใส่ไว้ในกล้อง EOS DLSR ซึ่งสามารถช่วยให้คุณได้เอฟเฟกต์ตามที่ต้องการง่าย ๆ และถ่ายภาพเซลฟี่ได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังเชื่อมต่อกับกล้องได้ง่าย ๆ ผ่านบลูธูท หรือจะส่งภาพถ่ายไปยังมือถือของคุณ ผ่าน Wi-Fi ก็ทำได้อย่างรวดเร็ว
จุดเด่น
- ถือเป็นกล้อง DLSR ที่มีขนาดเล็ก เบา พร้อมการออกแบบที่ช่วยให้จับได้ถนัดมือ
- เป็นกล้อง DSLR ที่มาพร้อมวิดีโอ 4K ในราคาถูกที่สุด
- หน้าจอ LCD มีการตอบสนองที่ดีมาก รวดเร็ว และแม่นยำ และระบบควบคุมแบบสัมผัสก็ใช้งานได้ดี
- กล้องสามารถสร้างไฟล์ JPEG ที่มีคุณภาพ ส่งตรงมาถึงคุณ
- มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่สูงมาก ๆ สูงสุดถึง 1,070 ภาพต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
ข้อควรพิจารณา
- มีระบบออโต้โฟกัสเพียงแค่ 9 จุด
- ถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 5 fps เท่านั้น
- การบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K มีการครอบตัดออกไปมากพอสมควร
เซนเซอร์ | 24.1MP APS-C CMOS |
---|---|
เมาท์เลนส์ | EF and EF-S mount |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi & Bluetooth |
ภาพ / วิดีโอ | 5 fps / 4K (ครอบตัด) |
อายุแบตเตอรี่ | สูงสุด 1,070 ภาพ |
หน้าจอทัชสกรีน | |
น้ำหนัก | 449 g. |
การรับประกัน | 1 ปี |
Canon Camera EOS 850D kit 18-55 mm.IS STM

ราคา 27,899 บาท*
Canon EOS 850D ตัวนี้ เป็นกล้อง DSLR ที่ได้รวบรวมฟีเจอร์ต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกันเหมือนเป็นกล้องชั้นสูง และมาพร้อมฟังค์ชันมากมาย เทียบได้กับกล้องในระดับไฮเอนด์เลยก็ว่าได้ครับ แต่กลับมีราคาที่คุ้มค่า โดย EOS 850D ใช้เซ็นเซอร์ APS-C ความละเอียด 24.1MP พร้อมกับโฟกัสที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณโฟกัสภาพได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ใช้โปรเซสเซอร์ DIGIC 8 รุ่นใหม่ ซึ่งให้การประมวลผลที่ยอดเยี่ยม โดยมีระบบโฟกัสอัตโนมัติ Cross-Type 45 จุด และจุดกลางเป็นจุด Dual Cross-Type ที่รองรับ -3 EV หรือ f / 2.8 นับเป็นการตั้งค่าที่คล้ายกับรุ่นใหญ่ EOS 90D อีกทั้งยังมี Pixel AE Sensor และ EOS iTR ให้การตรวจจับใบหน้าทำได้ดียิ่งขึ้น และยังปรับปรุงการตรวจจับดวงตาระหว่าง Live View ด้วย พร้อม Dual Pixel CMOS AF และ Eye Detection ซึ่งจะครอบคลุมภาพส่วนใหญ่ของเฟรม ช่วยให้คุณถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น
ด้านหลังมีหน้าจอสัมผัส TFT แบบปรับมุมได้ขนาด 3.0 นิ้ว ผ่านการเคลือบ Clear View II ซึ่งจะช่วยลดแสงสะท้อน ส่วนในด้านวิดีโอสามารถบันทึกวิดีโอสูงสุดในระดับ 4K พร้อมทั้งมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบดิจิตอล (IS) ด้วย ช่วยให้ภาพของคุณสมูทมากยิ่งขึ้น และยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกมากมาย ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่ากับราคามาก ๆ หากคุณอยากจะจริงจังในด้านการถ่ายภาพ Canon EOS 850D เหมาะกับคุณมากครับ
จุดเด่น
- ตัวกล้องมีขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับ DSLR ทั่ว ๆ ไป
- ช่วยมอบคุณภาพของภาพถ่ายที่ยอดเยี่ยม
- มีระบบออโต้โฟกัสมีประสิทธิภาพสูง
- มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว 5 แกน สำหรับวิดีโอ
- หน้าจอสัมผัสมีความคมชัดสูง ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีเยี่ยม
ข้อควรพิจารณา
- ช่องมองภาพครอบคลุมเพียง 95% ของเฟรม
- บันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K มีข้อจำกัดอยู่พอสมควร
- การโฟกัส Live View ค่อนข้างทำได้ช้า
- อัพเกรดเพียงเล็กน้อย จากรุ่น EOS 800D
เซนเซอร์ | 24.1MP APS-C CMOS |
---|---|
เมาท์เลนส์ | EF and EF-S mount |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi & Bluetooth |
ภาพ / วิดีโอ | 7.5fps / 4K UHD 24 FPS |
อายุแบตเตอรี่ | สูงสุด 800 ภาพ |
หน้าจอทัชสกรีน | |
น้ำหนัก | 730 g. |
การรับประกัน | 1 ปี |
Nikon D5600 Kit AF-P 18-55 mm.

ราคา 30,900 บาท*
Nikon D5600 ถือเป็นรุ่นที่ออกมาทดแทนรุ่น Nikon D3500 ซึ่งได้ทำการแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ออกไป และคงข้อดีเอาไว้ ทำให้รุ่นนี้มีดีไซน์ ขนาด และน้ำหนักที่ใกล้เคียงกัน โดยความต่างก็คือ รุ่นนี้จะมีการตัดโหมด Guide ออกไป ทำให้มันเหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์มาบ้างแล้ว และอยากพัฒนาทักษะของตัวเองเพิ่มขึ้น โดยใช้เซ็นเซอร์ CMOS APS-C ความละเอียด 24.2MP พร้อมระบบออปติคอลโลว์พาสฟิลเตอร์ ซึ่งทำให้ภาพมีคุณภาพที่ดีขึ้น แสดงผลบนหน้าจอแบบสัมผัส LCD ขนาด 3.2 นิ้ว มอบภาพที่คมชัด พร้อมทั้งสามารถพับหน้าจอได้ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
ด้านหลังมีช่องมองภาพแบบออปติคัล ครอบคลุมพื้นที่ 95% ของภาพ ส่วนระบบโฟกัสอัตโนมัติ มีทั้งหมดถึง 39 จุด ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโฟกัสอัตโนมัติแบบรอบด้าน ครอบคลุมทั่วทั้งเฟรมได้ดีขึ้น ทำให้รุ่นนี้มีทั้งความเร็ว และความสม่ำเสมอกว่าตัวเดิม และมีการออโต้โฟกัสแบบ Live view ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น สำหรับรุ่นนี้ประสิทธิภาพโดยรวมถือว่ายอดเยี่ยมมาก และในส่วนของอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ และตัวเลือกเลนส์ก็มีอยู่มากมาย รองรับทักษะของคุณที่จะเพิ่มขึ้น ถือเป็นตัวเลือกที่ดีถ้าคุณพร้อมที่จะเรียนรู้เทคนิคขั้นที่สูงขึ้น
จุดเด่น
- ตัวกล้องมีขนาดเล็กมาก ๆ เมื่อเทียบกับ DSLR ทั่ว ๆ ไป และออกแบบมาอย่างดี ทำให้ใช้งานได้ง่ายมาก ๆ
- ช่วยมอบคุณภาพของภาพถ่ายที่ยอดเยี่ยม
- ตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้มีการควบคุมที่ค่อนข้างง่าย จับถนัดมือ
- มีระบบออโต้โฟกัสมีประสิทธิภาพสูง
- หน้าจอสัมผัสมีความคมชัดสูง ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
ข้อควรพิจารณา
- บันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080p เท่านั้น
- การโฟกัส Live View ค่อนข้างทำได้ช้า
- ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบฟังก์ชันกับคู่แข่งค่ายอื่น ๆ
เซนเซอร์ | 24.2MP DX (APS-C) CMOS |
---|---|
เมาท์เลนส์ | Nikon F (DX) |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, NFC, Bluetooth |
ภาพ / วิดีโอ | 5fps / 1080p |
อายุแบตเตอรี่ | สูงสุด 820 ภาพ |
หน้าจอทัชสกรีน | |
น้ำหนัก | 465 g. |
การรับประกัน | 1 ปี |
Canon Camera EOS 90D kit 18-55 mm.

ราคา 41,900 บาท*
Canon EOS 90D กล้อง DSLR สเปกสูงที่มือใหม่สามารถนำมาฝึกฝนทักษะในการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีคุณสมบัติพื้นฐานในการถ่ายรูปครบถ้วน แถมยังสามารถต่อยอดซื้ออุปกรณ์เสริมได้ในภายหลังอีกด้วย ทำให้มันรองรับการใช้งานในระยะยาวได้สบาย ๆ มาพร้อมดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย มีปุ่มฟังก์ชันต่าง ๆ ครบครัน และตำแหน่งของปุ่มต่าง ๆ อยู่ในจุดที่ลงตัว ช่วยให้ใช้งานได้อย่างสะดวก ตัวบอดี้ก็มีขนาดกะทัดรัด และน้ำหนักเบา มีบาลานซ์ที่ดีเยียม ช่วยให้ถือได้ง่าย ถนัดมือ
EOS 90D ใช้เซ็นเซอร์ APS-C ความละเอียด 32.5MP ซึ่งพัฒนาขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ทำให้มีความละเอียดสูงสุดเป็นอันดับต้น ๆ ในปัจจุบัน ทำงานคู่กับชิป Digic 8 ช่วยให้การประมวลผลทำได้ดีขึ้น มีทั้งความเร็ว และความแม่นยำ พร้อมใช้เทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF ที่มีออโต้โฟกัส มากถึง 45 จุด เมื่อถ่ายภาพผ่านช่องมองภาพ จะมีออโต้โฟกัสถึง 143 จุด (เลือกแบบอัตโนมัติ) และ 5,481 จุด (เลือกแบบแมนนวล) ร่วมด้วยระบบตรวจจับดวงตาอัตโนมัติ ซึ่งช่วยมอบความอิสระในการถ่ายภาพ ด้านหลังมาพร้อมหน้าจอสัมผัส 3 นิ้ว ที่ปรับมุมหน้าจอได้ ในส่วนการถ่ายภาพนิ่งและการบันทึกวิดีโอต่างก็มาพร้อมคุณสมบัติต่างๆ ที่เพียบพร้อม ถือเป็นรุ่นที่เหมาะกับทั้งมือใหม่ และมือโปรเลย บวกกับความที่รุ่นนี้เป็นกล้องรุ่นยอดนิยม ทำให้สื่อการสอน การตั้งค่าในการใช้งาน และอื่น ๆ หาได้ไม่ยาก
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ด้ามจับเว้าลึก ช่วยให้จับถือได้อย่างถนัดมือ
- ปุ่มต่าง ๆ ถูกจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้ง่ายต่อการควบคุม
- เซ็นเซอร์ APS-C CMOS ความละเอียดสูงเป็นอับดับต้น ๆ ของกล้องทั้งหมดในตลาดปัจจุบัน
- มีระบบออโต้โฟกัสมีประสิทธิภาพสูง
- การภาพและการบันทึกวิดีโอ ทำได้อย่างดีเยี่ยม มีฟังก์ชันมากมายคอยช่วยเหลือ
- การบันทึกวิดีโอในระดับ 4K/30p ไม่มีการครอปตัดเลย ช่วยให้คุณได้คุณภาพของ 4K แบบเต็ม ๆ
- มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุดถึง 1,300 ภาพต่อการชาร์จ 1 ครั้ง รองรับการใช้งานทั้งวันได้อย่างสบาย
ข้อควรพิจารณา
- ระดับการลดสัญญาณรบกวนของไฟล์ JPEG เริ่มต้นยังทำได้ไม่ดีพอ
- รูปแบบวิดีโอจำกัดแค่ MP4
เซนเซอร์ | 32.5MP APS-C CMOS |
---|---|
เมาท์เลนส์ | EF/EF-S |
การเชื่อมต่อ | Wifi & Bluetooth |
ภาพ / วิดีโอ | 11fps / 4K 30p,25p |
อายุแบตเตอรี่ | สูงสุด 1,300 ภาพ |
หน้าจอทัชสกรีน | |
น้ำหนัก | 701 g. |
การรับประกัน | 1 ปี |
Nikon D7500 kit 18-140 mm.

ราคา 45,900 บาท*
Nikon D7500 ใช้เซ็นเซอร์ DX (APS-C) ความละเอียด 20.9MP มาพร้อมโปรเซสเซอร์ EXPEED 5 และระบบวัดแสงที่เป็นตัวเดียวกับตัวที่ใช้ในรุ่น D500 ซึ่งจะช่วยให้ได้ภาพที่คมชัดมากขึ้น แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่อาจเกิดอาการ Moiré ก็ตาม และแถมยังใช้เซ็นเซอร์วัดแสง 180K ตัวใหม่ล่าสุดจาก D500 และ D5 ด้วย ซึ่งทำให้การวัดแสงมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ป้องกันการรับแสงมากหรือน้อยเกินไป โดยรวมแล้วถึงแม้ว่า มันจะมีความละเอียดน้อยกว่ารุ่นอื่น ๆ แต่มันก็ยังคงให้ภาพที่คมชัด ในช่วงไดนามิกที่ยอดเยี่ยม และการแสดงสีสันที่แม่นยำ
ด้านหลังมาพร้อมหน้าจอระบบสัมผัส LCD 3.2 นิ้ว มอบภาพที่คมชัด สีสันตรง และยังสามารถพับหน้าจอได้ด้วย มีช่องมองภาพแบบออปติคัล ครอบคลุมพื้นที่ 95% ทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน ส่วนจุดโฟกัสอัตโนมัติ มีการตรวจจับระยะห่าง 51 จุด โดยที่ 15 จุด เปิดใช้งานแบบ cross-type ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโฟกัสอัตโนมัติรอบด้าน ทำให้มันมีทั้งความเร็ว และความสม่ำเสมอกว่ามากขึ้นกว่าเดิม ส่วนด้านการบันทึกวิดีโอรุ่นนี้สามารถรองรับการบันทึกระดับ 4K UHD เลยทีเดียว ฉะนั้นสามารถจะรองรับได้ทั้ง ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว สำหรับรุ่นนี้ถือเป็นกล้องที่มีประสิทธิภาพโดยรวมยอดเยี่ยมมาก ซึ่งในส่วนของอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ และเลนส์ก็มีมากมายให้เลือก ทำให้มันสามารถรองรับทักษะของคุณที่จะเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี
จุดเด่น
- บอดี้แม้จะมีขนาดใหญ่ แต่ก็ถูกออกแบบมาตามหลักสรีรศาสตร์ ใช้งานง่าย
- ตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้มีการควบคุมที่ค่อนข้างง่าย จับถนัดมือ
- ช่วยมอบคุณภาพของภาพถ่ายที่ยอดเยี่ยม
- มีระบบออโต้โฟกัสมีประสิทธิภาพสูง
- หน้าจอสัมผัสมีความคมชัดสูง ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีเยี่ยม
ข้อควรพิจารณา
- ช่องมองภาพครอบคลุมเพียง 95% ของเฟรม
- วิดีโอ 4K ถูกครอบตัดมากพอสมควร
- ไม่มีจุดโฟกัสสำหรับวิดีโอ
- หน้าจอเอียงหมุนได้ไม่เท่าตัวอื่น ๆ
เซนเซอร์ | 20.9MP DX (APS-C) CMOS |
---|---|
เมาท์เลนส์ | Nikon F (DX) |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi & NFC & Bluetooth |
วิดีโอ | 4K UHD |
อายุแบตเตอรี่ | สูงสุด 820 ภาพ |
หน้าจอทัชสกรีน | |
น้ำหนัก | 720 g. |
การรับประกัน | 1 ปี |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ กล้องถ่ายรูป DSLR สำหรับมือใหม่ ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
|
เหตุผลที่เราแนะนำให้คุณอัพเกรดเป็นกล้อง DSLR
สำหรับ การถ่ายภาพ ในปัจจุบันมันมีเทคนิคอยู่มากมายครับ ซึ่งแต่ละเทคนิคก็จะให้ภาพที่มีเอกลักษณ์ต่างกัน และมันแน่นอนครับว่า ไม่ใช่กล้องทุกประเภทจะทำได้ และยิ่งถ้าเป็นกล้องสมาร์ทโฟนยิ่งมีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ นั่นก็เป็นเพราะกล้องส่วนใหญ่มักถูกออกแบบมาให้สำเร็จรูปอยู่แล้ว กล่าวคือ เน้นใช้งานง่าย ๆ แค่เลือกโหมดภาพที่เราต้องการ จากนั้นแค่เล็ง และก็ต่อด้วยการกดชัตเตอร์ เพียงเท่านี้เราก็จะได้ภาพตามที่เราต้องการแล้ว แต่ในบางครั้งโหมดเหล่านั้นมันก็แต่งให้เรามากเกินไปจนทำให้ภาพดูไม่เป็นธรรมชาติ เนื่องจากกล้องถ่ายภาพมันไม่ได้อัจฉริยะขนาดนั้นครับ ตัวกล้องไม่ได้ปรับภาพให้สวยสมจริง แต่สิ่งที่มันทำคือ ปรับภาพให้มีแสงที่เหมาะสมเท่านั้น ฉะนั้นกล้องไม่รู้หรอกว่า ภาพแบบไหนที่สวยและภาพแบบไหนไม่สวย
การที่เราเปลี่ยนมาใช้กล้อง DSLR มันไม่เพียงแต่ให้ภาพที่สวยงามแก่คุณได้เท่านั้น มันยังให้คุณได้เรียนรู้พื้นฐานของภาพถ่ายด้วย ซึ่งในกล้องประเภทอื่น ๆ มันจะเป็นโหมดอัตโนมัติหมดแล้ว คุณไม่ต้องคิดอะไรเลยหยิบขึ้นมาถ่ายก็ได้ภาพแล้วซึ่งข้อเสียของโหมดอัตโนมัติคือ ในมุมบางมุม หรือแสงบางแสงมันไม่สามารถจะถ่ายได้ แต่กล้อง DSLR หากคุณปรับค่าต่าง ๆ ได้ คุณก็สามารถถ่ายภาพทุกอย่างที่ต้องการได้ครับ และนี่ก็คือข้อดี 3 ข้อ ที่คุณจะได้รับเมื่ออัพเกรดเป็นกล้อง DSLR
1. คุณภาพของภาพที่ดีกว่า
แน่นอนครับ เนื่องจากเซ็นเซอร์ภาพในกล้อง DSLR มันมีขนาดใหญ่กว่าเซ็นเซอร์ของกล้องมือถือมาก ซึ่งทำให้มีขนาดพิกเซลของภาพใหญ่ขึ้นด้วย จึงไม่แปลกที่คุณภาพของภาพมันจะดีกว่า หากมองเป็นภาพขนาดเล็กคุณก็อาจจะมองว่ามันชัดเหมือน ๆ กัน แต่ถ้าลองขนาดภาพคุณจะเห็นถึงความแตกต่างครับ ภาพจากกล้องที่มีขนาดเซ็นเซอร์เล็ก ยิ่งขยายภาพใหญ่ขึ้น ภาพมันจะเสียไปเรื่อย ๆ ครับ ซึ่งต่างจากภาพที่ได้จากกล้อง DSLR ซึ่งคุณภาพของภาพที่สูงแบบนี้ มันสามารถช่วยให้คุณตกแต่งภาพได้มากขึ้นโดยที่ภาพยังคงมีความคมชัดอยู่นั่งเอง
2. เข้าใจเรื่องการถ่ายภาพมากยิ่งขึ้น
อย่างที่ได้บอกไปครับ กล้อง DSLR มันเป็นกล้องที่ให้อิสระกับเราสูงมาก เราสามารถที่จะกำหนดค่าทุก ๆ อย่างของภาพได้ ซึ่งแน่นอนครับ ทุก ๆ อย่างในการลงมือทำครั้งแรก มันยากเสมอแต่เมื่อคุณทำได้แล้ว มันจะกลายเป็นเรื่องง่ายทันที สำหรับกล้อง DSLR ก็เหมือนกันครับ หากคุณยังไม่เคยใช้มาก่อน มันดูเป็นสิ่งที่ยากมาก ๆ แต่ถ้าเมือไหร่ที่คุณใช้งานเป็นแล้ว เข้าใจค่าต่าง ๆ ได้หมดแล้ว เมื่อนั้นคุณจะสามารถสร้างสรรค์ภาพที่ไม่เหมือนใครออกมาได้ครับ และไม่ว่าคุณถือกล้องอะไรอยู่ในมือก็ตาม คุณก็จะสามารถถ่ายภาพที่สวยงามออกมาได้เสมอครับ
3. สร้างสรรค์ภาพถ่ายของคุณได้หลากหลายขึ้น
ความสามารถของกล้อง DSLR มีมากมายไร้ข้อจำกัด โดยเฉพาะการเปลี่ยนเลนส์ มันเป็นเหมือนการเปิดโลกแห่งความเป็นไปได้สำหรับช่างภาพมือใหม่ครับ โดยกล้อง DSLR มันสามารถติดตั้งเลนส์คุณภาพสูง ๆ ได้หลากหลายแบบตั้งแต่ เลนส์มาโคร เลนส์มุมกว้าง ไปจนถึงเลนส์ทางยาวโฟกัส ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณต้องการจะถ่าย ซึ่งเลนส์เสริมมันจะช่วยให้คุณถ่ายภาพแบบที่กล้องอื่น ๆ ไม่สามารถถ่ายได้ครับ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ อีกมากมายให้คุณได้ใช้งาน เพื่อสร้างภาพที่สมบูรณ์แบบของคุณเอง