ต้องยอมรับครับว่าเกมในทุกวันนี้พัฒนาไปไกลมาก ทั้งในเรื่องของภาพ, เสียง และเอฟเฟคต่าง ๆ อีกทั้งแพลตฟอร์มในการเล่นเกมก็หลากหลาย มีให้เราได้เลือกเล่นทั้งใน PC, Mac, Playstation 5, Playstation 4, Nintendo Switch, Xbox, และเครื่องเล่นเกมคอนโซลต่าง ๆ โดยสาเหตุที่เกมพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากเกมสามารถสร้างความผ่อนคลาย ลดความเครียดจากการเรียนและการทำงาน ถือเป็นหนึ่งกิจกรรมซึ่งเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่มวัย
อย่างไรก็ดีการเล่นเกมได้สนุกและเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราก็จะต้องมีอุปกรณ์ซัพพอร์ตดี ๆ หากคุณเล่นเกมผ่าน PC ก็ต้องมี คีย์บอร์ดเกมมิ่ง, เมาส์เกมมิ่ง, การ์ดจอ สำหรับเล่นเกม แรง ๆ หรือหากคุณเล่นเกมด้วยมือถือเกมมิ่ง นอกจากจอยเกมมือถือแล้วก็มีอีกหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่ชาวเกมเมอร์แทบทุกคนควรมีคือ ‘หูฟังเกมมิ่ง’ เนื่องจากประสิทธิภาพและคุณภาพของเสียงจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่หูฟังเป็นหลักเลยครับ โดยหลายคนอาจจะคิดว่าหูฟังทั่วไปอย่าง หูฟังออกกำลังกาย, หูฟังเน้นเบส, หูฟังบลูทูธ หรือหูฟัง True Wireless ทั่วไปก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
ซึ่งก็คงปฏิเสธไม่ได้ครับว่ามันใช้ได้ แต่หูฟังเหล่านี้ไม่ได้ตอบโจทย์สำหรับการเล่นเกม เพราะหูฟังปกติจะเป็นระบบ Stereo ที่จะปล่อยเสียงออกมา 2 ทางเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันเกมส่วนใหญ่มีเอฟเฟคเสียงค่อนข้างหลากหลาย ดังนั้นหูฟังจึงจำเป็นจะต้องปล่อยเสียงได้หลากหลายทิศทาง เพราะเสียงสามารถบอกตำแหน่งของคู่ต่อสู้หรือมอนสเตอร์ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมส่วนใหญ่หูฟังเกมมิ่งถึงเป็นระบบ Virsual Surround ที่มีคุณสมบัติปล่อยเสียงได้รอบทิศ เพื่อตอบโจทย์ชาวเกมเมอร์ให้เล่นเกมสนุกและดียิ่งขึ้น

หูฟังเกมมิ่งแบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด
- หูฟังเกมมิ่งที่ดีที่สุด ,หูฟังเกมมิ่ง โทรศัพท์ : หูฟังเกมมิ่ง STEELSERIES ARCTIS PRO WIRELESS ปี 2022
- หูฟังเกมมิ่ง razer : หูฟังเกมมิ่ง Razer BlackShark V2 Pro Wireless Esports Headset
- หูฟังเกมมิ่ง Hyperx : HyperX Cloud Stinger Gaming Headset รุ่น HX-HSCS-BK/AS
- หูฟังเกมมิ่ง ราคาไม่เกิน 1000 : หูฟังเกมมิ่ง EGA TYPE H8 Gaming Headset 7.1 Virtual Surround
- หูฟังเกมมิ่งไร้สาย: หูฟังเกมมิ่ง CORSAIR Gaming Headset HS70 PRO WIRELESS Gaming Headset
หูฟังเกมมิ่ง vs หูฟังทั่วไป ต่างกันอย่างไร ?
หูฟังเกมมิ่งโดยปกติจะเป็นระบบเสียง Virsual Surround ซึ่งจะปล่อยเสียงออกมาได้รอบทิศทาง ทำให้คนที่เล่นเกมสามารถจะทราบทิศทางของเสียงภายในเกมได้ อีกทั้งเสียงก็จะมีความเคลียร์และค่อนข้างมีเสียง Bass ที่แน่น เพื่อทำให้การเล่นเกมนั้นเร้าใจยิ่งขึ้น
ส่วนหูฟังทั่วไปจะเน้นสำหรับการฟังเพลงหรือดูหนัง ซึ่งแน่นอนว่าระบบหูฟังอาจจะไม่ได้ Surround หรือปล่อยรอบทิศทางขนาดนั้น นอกจากนี้ยังมีจุดหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือหูฟังเกมมิ่งจะมาพร้อมกับไมค์สำหรับการพูดคุย แต่หูฟังทั่วไปจะไม่มีไมโครโฟนติดมาด้วย
วิธีการเลือกหูฟังเกมมิ่ง ที่ดีที่สุด
1. หูฟังสามารถเชื่อมต่อกับอะไรได้บ้าง ?
เหล่าเกมเมอร์หรือคนรักเกมคงจะรู้กันอยู่แล้วครับว่าแพลตฟอร์มหรือเครื่องเล่นเกมในยุคปัจจุบันมีให้เลือกเล่นเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น Playstation, Pc, Mac หรือ Xbox โดยทั่วไปแล้วสายต่อของหูฟังจะเป็น 3.5mm ซึ่งเป็นสายพื้นฐานที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย หรือเรียกว่าเป็นพอร์ตสากลที่อุปกรณ์เล็กทรอนิกส์จะต้องมีอยู่แล้ว แต่ถ้าหากหูฟังรุ่นไหนไม่ได้มาพร้อมกับสายแบบ 3.5mm (อาจจะเป็น USB) ก็แนะนำว่าให้เช็กพอร์ตบนเครื่องเล่นเกมของเราก่อนว่าสามารถรับสัญญาณได้หรือไม่
2. การเชื่อมต่อแบบไร้สาย vs การเชื่อมต่อแบบมีสาย
หูฟังเกมมิ่งไร้สายถือว่ากำลังนิยมสำหรับเกมเมอร์ในยุคนี้ แต่อย่างไรก็ดีหูฟังแบบมีสายเองก็มีคุณสมบัติที่ดีไม่แพ้กัน ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนตัดสินใจง่ายขึ้น ผมจึงอยากเปรียบเทียบข้อดี – ข้อเสียของหูฟังทั้ง 2 ประเภทนี้ให้เห็นภาพมากขึ้น
![]() |
![]() |
หูฟังเกมมิ่งแบบไร้สาย
|
หูฟังเกมมิ่งแบบมีสาย
|
3. การดีไซน์ของหูฟัง
- หูฟังเกมมิ่งแบบไร้สาย หูฟังชนิดนี้จะต้องมีการชาร์จก่อนใช้งาน โดยมันสามารถเชื่อมต่อได้กับ PC และคอนโซลเกมด้วยระบบ Bluetooth หรือสัญญาณ 2.5Ghz
- หูฟังเกมมิ่งแบบมีสาย การเชื่อมต่อจะใช้สาย USB หรือสาย AUX 3.5mm
- ที่คาดหัว นอกจากที่จะต้องมีความทนทานแข็งแรงแล้ว มันควรจะต้องสามารถปรับขนาดให้เข้ากับศีรษะของเราได้ เพื่อป้องกันอาการปวดหูหรือปวดศีรษะเมื่อใช้ในระยะเวลานาน
- ที่ครอบหู ที่ครอบหูจะมีการใช้วัสดุหลากหลายอย่างในการผลิตครับ ไม่ว่าจะเป็น ผ้ากำมะหยี่, หนัง หรือผ้าชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงรูปทรงแบบ Closed หรือ Open ซึ่งไม่ว่ามันจะดีไซน์ออกมาแบบไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือมันควรจะต้องใส่ได้สบาย ไม่กดหูของเราจนทำให้รู้สึกเจ็บ
4. วัสดุ
วัสดุเป็นอีกหนึ่งอย่างซึ่งจะตัดสินได้เลยครับว่าหูฟังเกมมิ่งของเราสามารถใส่ได้สบายหรือไม่ ทั้งนี้ปกติแล้วที่ครอบหูจะผลิตมาจากผ้าหรือไม่ก็หนังเทียม โดยผ้าจะมีข้อดีกว่าในเรื่องของการระบายอากาศ แต่หนังเทียมจะดีกว่าในเรื่องของความทนทาน อย่างไรก็ดีหูฟังคุณภาพหรือหูฟังราคาแพง ๆ ในทุกวันนี้จะนิยมผลิตด้วยเมมรี่โฟม เนื่องจากมันมีความนิ่มและยังเข้ากับรูปหูของเราได้แบบพอดี
5. น้ำหนัก
หูฟังเกมมิ่งในแต่ละแบรนด์มีการใช้วัสดุที่ไม่เหมือนกันครับ โดยเกรดของวัสดุจะมีตั้งแต่พลาสติกทั่วไปไปจนถึงอลูมิเนียมคุณภาพสูง ดังนั้นน้ำหนักของมันจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งโดยปกติแล้วยิ่งหูฟังมีน้ำหนักเบามากเท่าไหร่สินค้าจะแพงมากขึ้นเท่านั้น เพราะหากน้ำหนักเบานั่นหมายความว่าหูฟังก็จะยิ่งใส่ได้สบายมากขึ้น
6. ประเภทของที่ครอบหูฟัง
ที่ครอบหูฟังจะมีอยู่ 2 แบบ นั่นคือแบบ Open และ Closed ซึ่งทั้งคู่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
ที่ครอบหูฟังแบบ Open
|
ที่ครอบหูฟังแบบ Closed
|
7. ระบบของเสียง
- ระบบเสียง Stereo ระบบเสียงชนิดนี้จะปล่อยออกมา 2 ทิศทาง ถือเป็นระบบพื้นฐาน มีการเชื่อมต่อด้วยสาย 3.5mm ซึ่งสามารถต่อเข้าได้กับเครื่องเล่นเกมทุกแพลตฟอร์ม
- ระบบเสียง Virsual Surround เสียงที่ออกมาจะมีความสมจริง เพราะเสียงจะปล่อยออกมาได้รอบทิศทาง (7 ทิศทาง) โดยข้อดีตรงนี้จะส่งผลต่อการเล่นเกมที่ดีขึ้นครับ
ระบบเสียง Stereo
|
ระบบเสียง Virsual Surround
|
8. ฟังก์ชันอื่น ๆ
ในบางครั้งการเล่นเกมอาจจะต้องเล่นเป็นทีม ดังนั้นฟังก์ชันเสริมบางอย่างอาจจำเป็นจะต้องใช้ในการเล่นเกม
- ฟังก์ชันลดเสียงรบกวน การเล่นเป็นทีมจะต้องมีการพูดคุยเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งการที่จะทำให้เสียงพูดมีความใสและเคลียร์ ก็จำเป็นจะต้องมีฟังก์ชันการลดเสียงรบกวนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเสียงแป้นพิมพ์, เสียงเมาส์ และเสียงต่าง ๆ รอบเครื่องเล่นเกม
- ฟังก์ชัน mute เสียง บางสถานการณ์ที่เราจำเป็นต้องทำกิจกรรมส่วนตัวหรือไปทำธุระบางอย่างในระหว่างเล่นเกม เราอาจจะต้องถอดไมค์ออกหรือพับไมค์เก็บไว้ แต่หากมีระบบ mute เสียง เราสามารถจะกดปุ่มได้ทันที โดยที่จะไม่มีเสียงเข้าไปแทรกในระหว่างเล่นเกมกับเพื่อน ๆ
หูฟังเกมมิ่ง EGA TYPE H8 Gaming Headset 7.1 Virtual Surround

ราคา 479 บาท*
สำหรับใครที่มีทุนในการซื้อหูฟังเกมมิ่งไม่เยอะ EGA TYPE H8 น่าจะตอบโจทย์เลยละครับ เนื่องจากหูฟังตัวนี้มาในราคาเพียงหลักสี่ร้อยบาทเพียงเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันเองระบบเสียงของมันถือว่าไม่แย่เลยครับ โดยเสียงจะเป็น 7.1 Virtual Surround สามารถให้เสียงได้ครอบคลุมทั่วทิศทาง และบอกตำแหน่งของเสียงภายในเกมแบบชัดเจน ทั้งนี้ยังเชื่อมต่อกับโปรแกรมเพื่อปรับฟังก์ชันและเสียงให้เหมาะกับการเล่นของตัวเองได้อีกด้วย
ส่วนบริเวณข้างที่ครอบหูจะมีแสงไฟ RGB เพิ่มบรรยากาศการเล่นเกมให้สนุกยิ่งขึ้น สามารถปรับความดังและเบาง่าย ๆ บริเวณข้างที่ครอบหูฟัง สายคาดศีรษะปรับเพิ่มความยาวได้ตามต้องการ รวมไปถึงไมค์ที่มีความยืดหยุ่นสูง หมุนได้แบบ 360 องศา ดังนั้นหากเปรียบเทียบสเปคกับราคาที่ไม่เกิน 500 บาท บอกได้เลยครับว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มแน่นอน
จุดเด่น
- ราคาประหยัด
- เสียงเป็นแบบ Virtual Surround ปล่อยออกมาได้รอบทิศทาง
- ปรับเสียงได้อย่างอิสระผ่านโปรแกรม
- มีไฟ RGB เพิ่มบรรยากาศการเล่นเกมให้ดูสนุกยิ่งขึ้น
- ไมค์พูดสามารถปรับหมุนได้ 360 องศา
ประเภท | หูฟังแบบมีสาย |
---|---|
สี | ดำ |
วัสดุ | พลาสติก และสแตนเลส |
ไดรเวอร์ | 50mm. |
เข้ากับอุปกรณ์ | PS5, PS4, Xbox One, Nintendo Switch, PC และ Mac |
HyperX Cloud Stinger Gaming Headset รุ่น HX-HSCS-BK/AS

ราคา 1,790 บาท*
HyperX รุ่น HX-HSCS-BK/AS มีสเปคที่ใกล้เคียงกับ ‘Logitech G Pro’ ไม่ว่าจะเป็น ไดเวอร์ขนาด 50 มม. ที่จ่ายเสียงและบอกทิศทางภายในเกมได้อย่างแม่นยำ ส่วนการปรับเสียงก็ง่ายมาก สามารถเลื่อนปรับเสียงได้ทันทีบริเวณที่ครอบหู ทั้งนี้ที่ครอบหูจะเป็นเมมรี่โฟมอย่างดี ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของทาง HyperX โดยเฉพาะ เมื่อใส่แล้วจะไม่เกิดอาการเจ็บหูแม้จะใส่ทั้งวัน อีกทั้งน้ำหนักก็เพียงแค่ 275 กรัม และไมค์สามารถเลื่อนขึ้นลงเพื่อเปิดปิดเสียงได้ทันที ไม่จำเป็นต้องตั้งค่าอะไรให้เสียเวลา
จุดเด่น
- น้ำหนักเพียงแค่ 275 กรัม
- ปล่อยเสียงออกมาได้แม่นยำ ทำให้เล่นเกมดีกว่าเดิม
- สามารถปรับเสียงดังเบาได้ทันที ผ่านตัวปรับความดังข้างหูฟัง
- ที่ครอบหูเป็นเมมรี่โฟม ใส่ได้สบายแม้จะใส่ทั้งวันก็ตาม
ประเภท | หูฟังแบบมีสาย |
---|---|
สี | ดำ |
วัสดุ | พลาสติก และสแตนเลส |
ไดรเวอร์ | 50mm. |
เข้ากับอุปกรณ์ | PS5, PS4, Xbox One, Nintendo Switch, PC และ Mac |
หูฟังเกมมิ่ง HyperX Cloud II Pro Gaming Headset

ราคา 2,990 บาท*
HyperX เป็นหนึ่งในแบรนด์หูฟังชื่อดังในวงการเกมมิ่งที่ไม่ว่าใครก็รู้จักกันทั้งหมด โดยความน่าสนของมันคือการควบคุมเสียงด้วยระบบ Surround Sound 7.1 ที่ปล่อยเสียงออกมาได้รอบทิศทาง ไม่ว่าแอฟเฟกต์ของแต่ละฉากจะไกลสักแค่ไหนหรือตำแหน่งของคู่ต่อสู้จะอยู่ตำแหน่งใด รับรองครับว่าหูฟังตัวนี้สามารถระบุ Location ของเสียงได้อย่างแม่นยำ ยิ่งโดยเฉพาะเกมแนว Action หรือยิง หูฟังรุ่นนี้ตอบโจทย์ทำให้การเล่นของเราดีขึ้นไม่มากก็น้อย นอกจากนี้ยังมีระบบการปรับเสียงอัตโนมัติ สามารถตัดเสียงรบกวนข้างได้ดีเยี่ยม
ส่วนใครที่เล่นเกมกันเป็นทีม HyperX Cloud II เองก็ถือว่าตอบโจทย์ครับ เนื่องจากมันรองรับทั้ง Skype และ TeamSpeak ในขณะเดียวกันไดรเวอร์ Hi-Fi ก็เพิ่มคุณภาพทั้งเสียงเบสและความทุ้ม ทำให้การเล่นเกมของคุณสนุกยิ่งขึ้น ทั้งนี้ตัวหูฟังเชื่อมต่อได้ทั้ง PS5, PS4, Xbox One, PC และ Mac หรือพูดง่าย ๆ ว่าเชื่อมต่อได้ทุกแพลตฟอร์มนั่นเอง
จุดเด่น
- เชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเกมได้ทุกแพลตฟอร์ม
- ระบบเสียงเป็น Surround Sound 7.1 ปล่อยเสียงได้อย่างแม่นยำและรอบทิศทาง
- รองรับโปรแกรมคุย TeamSpeak และ Skype
- ปรับเสียงและสัญญาณรบกวนแบบอัตโนมัติ
ประเภท | หูฟังแบบมีสาย |
---|---|
สี | ดำ-แดง |
วัสดุ | อลูมิเนียม |
ไดรเวอร์ | 50mm. |
เข้ากับอุปกรณ์ | PS5, PS4, Xbox One, Nintendo Switch, PC และ Mac |
หูฟังเกมมิ่ง CORSAIR Gaming Headset HS70 PRO WIRELESS Gaming Headset

ราคา 3,090 บาท*
CORSAIR HS70 PRO เป็นอีกหนึ่งตัวที่อยากแนะนำให้ทุกคนครับ เนื่องจากราคาของมันถือว่าสบายกระเป๋า แต่คุณภาพของมันดีไม่แพ้ไปกว่าแบรนด์ชั้นนำอย่าง Logitech G หรือ HyperX โดยระบบเสียงของหูฟังรุ่นนี้จะเป็น Surround 7.1 ดังนั้นเสียงที่ปล่อยออกมาจะกระหึ่มและปล่อยได้แบบรอบทิศทาง ไม่จำเป็นต้องพึ่งโปรแกรมปรับเสียงใด ๆ ส่วนการเชื่อมต่อจะเป็นแบบ Wireless สัญญาณ 2.4 GHz สามารถเชื่อมต่อได้ไกลกว่า 12 เมตร ถ้าหากคุณต้องการลุกไปไหนก็สามารถเดินไปได้ทันที ไม่ต้องเชื่อมต่อใหม่หรือถอดหูฟังออกให้เสียเวลา
ในขณะเดียวกันการดีไซน์ของหูฟังก็เป็นแบบ Closed เมื่อใส่เข้าไปแล้วจะไม่มีเสียงสอดแทรกหรือเสียงรบกวนรอบข้างเข้าไปกวนใจเราในขณะเล่นเกมอย่างแน่นอน นอกจากนี้ไมโครโฟนที่ติดมาก็ดีมาก รองรับโปรแกรมแชทชื่อดังทุกโปรแกรม มีระบบ Crystal Clear Voice ที่ช่วยปรับเสียงของเราให้ใสกริ๊ง พุดคุยสื่อสารกันได้แบบเคลียร์ ดังนั้นใครที่ชอบเล่นเกมแบบเป็นทีม ห้ามพลาดหูฟังรุ่นนี้โดยเด็ดขาด
จุดเด่น
- เชื่อมต่อแบบไร้สายได้ไกลกว่า 12 เมตร
- เสียงมีความกระหึ่มและแม่นยำสูง ปล่อยออกมาได้รอบทิศทาง ทำให้การเล่นเกมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- ลดเสียงรบกวนได้ดีมาก ช่วยให้การเล่นเกมมีสมาธิมากยิ่งขึ้น
- เสียงไมค์มีความเคลียร์และใส พูดคุยกับเพื่อนในทีมได้ชัดเจน
ประเภท | หูฟังแบบไร้สาย |
---|---|
สี | คาร์บอน |
วัสดุ | พลาสติก และ อลูมิเนียม |
ไดรเวอร์ | 50mm. |
เข้ากับอุปกรณ์ | PS5, PS4, Xbox One, Nintendo Switch, PC และ Mac |
หูฟังเกมมิ่ง Razer BlackShark V2 Pro Wireless Esports Headset

ราคา 3,990 บาท*
Razer BlackShark V2 Pro มาพร้อมกับการเชื่อมต่อ Wireless แบบ Hyperspeed คือคุณสามารถ Connect เข้ากับเครื่องเล่นเกมได้อย่างรวดเร็วทันใจ และไม่ต้องกลัวแม้ว่าหูฟังจะอยู่ห่างจากเครื่องเล่มเกมหลายเมตร สามารถขยับตัวหรือเดินได้อย่างอิสระ ส่วนไดรเวอร์ของเสียงมาในขนาด 50 mm. เหมือนกับ ‘Logitech G Pro’ และ ‘HyperX รุ่น HX-HSCS-BK/AS’ โดยเสียงจะมีความใสและเบสค่อนข้างทุ้ม
การเล่นเกมแอคชั่นรวมไปถึงตัวเกมที่เอฟเฟคเสียงดีก็จะสนุกยิ่งขึ้น THX SPATIAL AUDIO ทำให้เหมือนเข้าไปอยู่ในเกมจริง ๆ ในส่วนของตัวไมค์ก็เป็น 9.9mm ซึ่งทำหน้าที่ในการลดสัญญาณรบกวนและตั้งค่าไมค์ได้ตามต้องการผ่าน Razer Synapse 3 ดังนั้นใครที่อยากเป็นนักแคสเกมหรือเล่นเกมเป็นทีมซะส่วนใหญ่ Razer BlackShark V2 Pro เป็นอีกหนึ่งตัวที่น่าลงทุนมาก ๆ ครับ
จุดเด่น
- การเชื่อมต่อเป็น Hyperspeed สามารถ Connect ได้รวดเร็ว
- ไมค์มีระบบตัดเสียงรบกวน และตั้งค่าได้อิสระ ทำให้เสียงชัดเจน
- เสียงมีความใสและเบสแน่น เพิ่มความสนุกในการเล่นเกม
ประเภท | หูฟังแบบไร้สาย |
---|---|
สี | ดำ |
วัสดุ | สแตนเลส |
ไดรเวอร์ | 50mm. |
เข้ากับอุปกรณ์ | PS5, PS4, Xbox One, Nintendo Switch, PC และ Mac |
หูฟังเกมมิ่งพร้อมไมค์ Logitech G Pro X Gaming Headset

ราคา 4,550 บาท*
ถึงแม้ว่าราคาของหูฟังเกมมิ่ง Logitech G Pro ตัวนี้จะไม่ได้แพงมาก แต่ในทางกลับกันฟังก์ชันและเกรดของหูฟังถือว่าเป็นระดับโปร ช่วยเสริมให้การเล่นเกมของเราดีขึ้น ใช้เล่นเกมได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น เกมยิง, วิ่ง หรือเกมทักษะต่าง ๆ เพราะเสียงจะมีความ Surround ทำให้ผู้ใส่ทราบทิศทางหรือตำแหน่งของเสียงภายในเกมได้อย่างชัดเจน ยิ่งไดรเวอร์ Pro-G 50 มม. เองก็เพิ่มเสียง Bass และตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้เกือบ 100% ต่อให้มีการก่อสร้างหรือเปิดทีวีดังแค่ไหน รับรองว่าเสียงเหล่านั้นไม่สามารถหลุดรอดเข้าไปอย่างแน่นอน
นอกจากนี้แถบคาดศีรษะและตัวครอบหูที่ผลิตมาจากเมมรี่โฟมเองก็ช่วยให้สามารถใส่ได้สบาย ไม่รู้สึกอึดอัดแม้ว่าจะใส่ไปนานหลายชั่วโมง รวมไปถึงระบบการปรับแต่งเสียง EQ ก็แต่งเสียงได้ตามต้องการ โดยระบบนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับนักกีฬา E-Sport ระดับโลก ดังนั้นใครอยากสัมผัสหูฟังเกมมิ่งระดับมือโปรที่ราคาไม่แพงมาก ผมแนะนำตัวนี้เลยครับ
จุดเด่น
- ไดรเวอร์ 50 mm. ตัดเสียงรบกวนและเพิ่มเสียงเบสได้เป็นอย่างดี
- ปรับแต่งเสียงผ่าน EQ ได้ตามต้องการคุณภาพเหมือนกับนักกีฬา E-Sport
- ที่ครอบหูฟังเป็นเมมรี่โฟมใส่ได้สบาย ไม่รู้สึกปวดหูอย่างแน่นอน
ประเภท | หูฟังแบบมีสาย |
---|---|
สี | ดำ |
วัสดุ | เหล็ก และ อลูมิเนียม |
ไดรเวอร์ | 50mm. |
เข้ากับอุปกรณ์ | PS5, PS4, Xbox One, Nintendo Switch, PC และ Mac |
Steelseries Arctis 7P+ หูฟังเกมมิ่ง ชนิดไร้สาย

ราคา 7,990 บาท*
Steelseries Arctis 7P+ อาจจะมีราคาแพงกว่าทาง ‘HyperX Cloud II Pro’ หรือ ‘Logitech G Pro’ มากกว่าเท่าตัว แต่หากมองลงไปในดีเทลของสเปคสินค้าแล้วก็คงไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ครับ อย่างแรกเลยคือหูฟังจะเป็น Wireless หรือไร้สาย เชื่อมต่อด้วยสัญญาณ 2.4 GHz ซึ่งมีความเสถียร ไม่ต้องกังวลว่าเสียงจะขาด ๆ หาย ๆ แบตเตอรี่ของมันก็ชาร์จเร็วมากด้วยสาย USB เมื่อชาร์จเต็มแล้วสามารถใช้ต่อเนื่องได้ต่อเนื่องถึง 30 ชั่วโมง
ส่วนระบบเสียงหรือคุณภาพเสียงก็หายห่วงเลยครับ บอกเลยว่ากระหึ่มและชัดในทุกมิติ โดยทางแบรนด์ตั้งชื่อรุ่นว่า Arctis 7P+ เป็นระบบเสียง TEMPEST 3D ที่อัพเกรดให้เหมาะสำหรับเกมยุคใหม่ เหมาะมากกับการเล่น Playstation 5 ที่สำคัญคือรุ่นนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศ Arctis sound ซึ่งเป็นการการันตีถึงคุณภาพของเสียงได้อย่างชัดเจน แต่ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ครับ เพราะหูฟังยังมีระบบ ClearCast Noise ซึ่งเป็นโมโครโฟนอย่างดี ทำให้เสียงที่เสียงพูดที่ส่งไปหาเพื่อน ๆ มีความเคลียร์และเป็นธรรมชาติ เหมือนพูดคุยกันแบบตัวต่อตัวเลยครับ
จุดเด่น
- ใช้ได้กับเครื่องเล่นเกมทุกแพลตฟอร์ม (โดยเฉพาะ Playstation 5)
- ระบบเสียงแบบ TEMPEST 3D ปล่อยเสียงได้ครบทุกมิติ
- ชาร์จเร็วมากและใช้ได้ต่อเนื่องถึง 30 ชั่วโมง
- การเชื่อมต่อค่อนข้างเสถียน เพราะเป็นสัญญาณ 2.4 GHz
ประเภท | หูฟังแบบไร้สาย |
---|---|
สี | ขาว-ดำ-น้ำเงิน |
วัสดุ | อลูมิเนียม |
ไดรเวอร์ | 40mm. |
เข้ากับอุปกรณ์ | S5, PS4, Xbox One, Nintendo Switch, PC และ Mac |
หูฟังเกมมิ่ง STEELSERIES ARCTIS PRO WIRELESS ปี 2022

ราคา 12,900 บาท*
Steelseries Arctis Pro รุ่นนี้เพิ่งปล่อยออกมาสด ๆ ร้อน ๆ ในปี 2022 เลยครับ โดยไฮไลท์สำคัญของมันคือ คุณภาพเสียงในระดับ DTS X 7.1 v2.0 Surround Sound ทำให้เสียงออกมามีความหนักแน่นแต่ยังคงความนุ่มนวล เรียกว่าดีไซน์มาเพื่อสำหรับการเกมโดยเฉพาะ สามารถรองรับความถี่เสียงได้ตั้งแต่ 10 - 40,000 Hz
นอกจากนี้การดีไซน์และส่วนต่าง ๆ ของหูฟังเกมมิ่งเองก็ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น สายคาด Ski Goggle Suspension Band ที่คุณสามารถอดเข้าออกหรือเปลี่ยนได้ตามต้องการ ที่ครอบหูแบบ AirWeave ช่วยให้ระบายอากาศและรู้สึกสบายหูตั้งแต่ครั้งแรกที่ใส่ ส่วนระบบการเชื่อมต่อก็จะเป็น Dual Wireless ซึ่งสามารถเชื่อมต่อได้ไกลกว่าระบบ Wireless ทั่วไป ทั้งนี้ยังมีระบบ Bluetooth และ Share Jack ที่รองรับการเชื่อมต่อกับสายได้ทุกชนิด รวมไปถึง หน้าจอ OLED ซึ่งปรับแต่งเสียงได้ตามต้องการ
จุดเด่น
- รองรับความถี่เสียงได้กว้างมาก
- เชื่อมต่อได้ทั้ง Bluetooth และ สัญญาณ 2.4 GHz
- มี Share Jack ที่รองรับกับเชื่อมต่อกับสายได้ทุกชนิด
- คุณภาพเสียงระดับ DTS X 7.1 v2.0 Surround Sound มีความนุ่มและแน่น ทำให้การเล่นเกมสนุกยิ่งขึ้น
ประเภท | หูฟังแบบไร้สาย |
---|---|
สี | ดำ และ ขาว |
วัสดุ | อลูมิเนียม |
ไดรเวอร์ | 40mm. |
เข้ากับอุปกรณ์ | PS5, PS4, Xbox One, Nintendo Switch, PC และ Mac |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ รีวิว หูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนใช้ดีที่สุด ปี 2023 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
หูฟังเกมมิ่ง EGA TYPE H8 Gaming Headset 7.1 Virtual Surround |
| |||
| ||||
| ||||
หูฟังเกมมิ่ง CORSAIR Gaming Headset HS70 PRO WIRELESS Gaming Headset |
| |||
หูฟังเกมมิ่ง Razer BlackShark V2 Pro Wireless Esports Headset |
| |||
| ||||
| ||||
|
วิธีการทำความสะอาดหูฟังเกมมิ่ง
1. อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมในการทำความสะอาด
- น้ำอุ่นและสบู่เหลวสูตรอ่อนโยน
- แปรงขนนุ่ม
- ผ้าไมโครไฟเบอร์
- สำลีปั่นหู

2. ขั้นตอนในการทำความสะอาด
- หากที่ครอบหูสามารถถอดออกได้ ให้ทำการถอดออกมาจากหูฟังให้เรียบร้อย
- นำสบู่เหลวไปผสมกับน้ำอุ่นเล็กน้อย จากการผสมให้เข้ากัน (ไม่ควรตีให้เกิดฟองมากจนเกินไป)
- นำผ้าไปชุบน้ำที่ผสมเอาไว้ หลังจากนั้นบิดให้หมาดเท่าที่จะทำได้
- นำผ้าไปเช็ดหูฟังอย่างเบามือ โดยให้เช็ดวนเป็นวงกลม
- หากที่คาดศีรษะสามารถถอดได้ คุณสามารถนำไปล้างด้วยมือภายในอ่างหรือจะนำไปซักก็ได้เช่นกัน จากนั้นนำไปตากให้แห้งสนิท
หากที่ครอบหูฟังของใครสามารถถอดได้ ให้ทำความสะอาดตามนี้ครับ
- ที่ครอบหูฟังแบบหนัง : นำผ้าไมโครไฟเบอร์ไปชุบน้ำหมาด ๆ จากนั้นก็เช็ดให้ครบทุกซอกทุกมุมและตั้งทิ้งไว้ให้แห้งสนิท
- ที่ครอบหูฟังแบบผ้ากำมะหยี่ : ผ้ากำมะหยี่ทำความสะอาดได้ค่อนข้างง่าย โดยถ้าหากมีฝุ่นหรืออะไรก็แล้วแต่เกาะอยู่บนที่ครอบหูฟัง ให้คุณนำเทปมาแปะไว้บริเวณนั้นและดึงออกเพื่อจัดการฝุ่นต่าง ๆ ออกไป ทั้งนี้หากมีจุดไหนที่มีความชื้น แนะนำให้นำที่ครอบหูฟังไปจุ่มน้ำที่ผสมกับสบู่ จากนั้นนำไปตากให้แห้งเป็นเสร็จแล้วเรียบร้อยครับ
- ที่ครอบหูฟังแบบ Air Weave หรือ ผ้าตาข่าย : ถอดผ้าแยกออกจากโฟมให้เรียบร้อย หลังจากนั้นนำผ้าไปซักกับน้ำอุ่นที่ผสมกับสบู่สูตรอ่อนโยน เมื่อซักเสร็จแล้วจึงนำไปตากจนแห้ง แล้วนำกลับมาใส่เหมือนเดิม