ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยต่าง ๆ ในปัจจุบัน มันได้เข้ามาทำลายข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เคยมีอยู่ออกไป ส่งผลให้ค่ายรถยนต์ชั้นนำต่าง ๆ สามารถที่จะพัฒนารถของพวกเขาให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น และที่สำคัญมันยังมีความคุ้มค่ามากขึ้นด้วย โดยกระแสความนิยมของรถยนต์ในช่วงหลัง ๆ มานี้ก็ต้องยกให้กับ “รถอเนกประสงค์” ที่ได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รถอเนกประสงค์ในยุคนี้ มีการแบ่งแยกออกมาหลายกลุ่มทั้ง SUV, Crossover, PPV และ MPV ซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ดังนี้
- รถ SUV (Sport Utility Vehicle) ชื่อนี้น่าจะคุ้น ๆ หูอยู่นะครับ เนื่องจากเป็นคำที่ใช้กันมาหลายปีแล้ว โดยจะเรียกรวม ๆ ในกลุ่มของรถทรง 5 ประตู คันใหญ่ ที่มีความสารพัดประโยชน์มากกว่ารถยนต์ทั่วไป จะไปใช้ทำกิจกรรมกลางแจ้งก็ได้ หรือจะนำไปใช้งานในเมืองก็ไม่มีปัญหา ซึ่งดีไซน์ของรถในกลุ่มนี้จะยังคงมีความสปอร์ต มีความสะดวกสบายอยู่ ซึ่งก็คือมีพื้นฐานแบบรถยนต์นั่งทั่ว ๆ ไปอยู่นั่นเอง ซึ่งก็จะมีแยกลงมาอีก คือ
- รถ Crossover หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า Crossover Utility Vehicle ซึ่งเป็นรถที่ต่อยอดมาจากรถ SUV แต่จะเล็กกว่า จะมีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับรถเก๋งยกสูง ยังคงมีความสปอร์ต สารพัดประโยชน์ และที่สำคัญขนาดตัวรถ ไม่ใหญ่มากนัก ทำให้ขับง่าย คล่องตัวกว่ารถ SUV
- รถ PPV (Pick-Up Passenger Vehicle) เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่มีพื้นฐานมาจากรถกระบะ ซึ่งจะเป็นรถขนาดใหญ่ จะมีความสมบุกสมบัน ดูแข็งแกร่งกว่ารถ SUV ตามสไตล์ของรถกระบะ แต่ PPV จะมีการปรับปรุงระบบช่วงล่างเพื่อให้มีความนุ่มนวลมากขึ้น เพิ่มความสะดวกสบาย แต่ยังคงสามารถพาไปลุยบุกป่าฝ่าดงได้อยู่ ไม่ต่างจากรถกระบะ
- รถ MPV (Multi Purpose Vehicle) เป็นรถยนต์ที่เน้นความหรูหรา สะดวกสบาย โดย MPV มันจะเป็นรถที่อยู่กึ่งกลางระหว่างรถอเนกประสงค์ กับรถตู้ กล่าวคือ มันสามารถรองรับผู้โดยสารได้หลายที่นั่งเช่นเดียวกับรถตู้ แต่ภายในยังคงเต็มไปด้วยฟังก์ชันมากมาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และช่วงล่างนุ่มนวลไม่ต่างจากรถยนต์นั่งหรู และยังคงมีความเป็นรถอเนกประสงค์อยู่
สำหรับในวันนี้เราขอพาทุกคนไปสำรวจตลาดของ “รถยนต์อเนกประสงค์ PPV (Pick-Up Passenger Vehicle)” ว่าปี 2020 นี้ มันจะมีรถ PPV รุ่นไหนบ้างที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ ? แต่ละรุ่นมีความน่าสนใจอย่างไร ? มีฟังก์ชั่นอะไรที่เด็ด ๆ ให้มาบ้าง ? ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้น ตามไปดูกันเลยครับ
1. Toyota Fortuner เริ่มต้น 1,349,000 บาท
มากับที่รุ่นแรกที่เราหยิบยกมาครับ กับ Toyota Fortuner ซึ่งแน่นอน ทุกคนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี เนื่องจากมันเป็น เจ้าตลาดของกลุ่ม รถอเนกประสงค์ PPV ที่สามารถทำยอดขายได้สูงสุด ณ ปัจจุบัน ตอกย้ำความสำเร็จด้วยรุ่นใหม่ที่เปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ด้วยผลทดสอบที่ไปในทิศทางบวก โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตหรู ที่ดูลงตัวในทุกมุมมอง ด้วยเส้นสายของตัวรถที่สอดรับกันหมดทุกส่วน มันจึงไม่แปลกเลยครับ ที่จะสามารถครองตำแหน่งได้ยาวนานจนถึงปัจจุบัน โดย Toyota Fortuner จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น ดังนี้
|
รุ่นปกติ | ราคา |
---|---|---|
2.4G | 1,349,000 บาท | |
2.4V | 1,454,000 บาท | |
2.4V 4WD | 1,524,000 บาท | |
|
รุ่นพิเศษ | ราคา |
2.4 Legender | 1,557,000 บาท | |
2.4 Legender 4WD | 1,627,000 บาท | |
2.8 Legender | 1,769,000 บาท | |
2.8 Legender 4WD | 1,839,000 บาท |
ในรุ่น Toyota Fortuner จะมาพร้อมกับ เครื่องยนต์ ดีเซล 2.4 ลิตร รหัส 2GD-FTV 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler ให้พละกำลังสูงสุดที่ 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที ทำแรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที ส่วนในรุ่น Fortuner Legender จะมีเครื่องยนต์ให้เลือกอีกตัวนึงคือ เครื่องยนต์ ดีเซล 2.8 ลิตร รหัส 1GD-FTV 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler ให้พละกำลังสูงสุดที่ 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที ทำแรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที โดยทั้งคู่จะส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีให้เลือกทั้งขับ 2 และขับ 4 ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบสไตล์ไหน จะเอาแบบแรง ๆ หรือเอาแบบธรรมดา ๆ ประหยัด ๆ ก็เลือกกันได้เต็มที่ ตามความต้องการเลยครับ
2. Mitsubishi Pajero Sport เริ่มต้น 1,299,000 บาท
มากันที่รุ่นที่ทำยอดขายตามมาติด ๆ นั่นก็คือ Mitsubishi Pajero Sport ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ โฉบเฉี่ยว โดดเด่นสไตล์ Sport ได้รับการออกแบบด้านหน้าใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Advanced Dynamic Shield Design” ที่สามารถสะกดทุกสายตา ทุกมุมมอง ให้อารมณ์สปอร์ตกว่าเดิม ภายในห้องโดยสารที่มาพร้อมกับความหรูหรา กว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงฟังก์ชันการใช้งานที่ใส่มาให้แบบจัดเต็ม จัดวางตำแหน่ง ผสมผสานการออกแบบอย่างประณีต ทำให้ดูลงตัว ช่วยให้ผ่อนคลายทุกการเดินทาง หากยังสปอร์ตไม่พอก็ยังมีรุ่นตกแต่งพิเศษ Pajero Sport Elite Edition ใหม่ ที่มาพร้อมกระจังหน้าสีดำ เพิ่มความดุดัน สัญลักษณ์ Pajero Sport ที่ด้านหน้า และสัญลักษณ์ Elite Edition ที่ประตูท้าย ล้ออัลลอยสีดำ 18 นิ้ว และของตกแต่งอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จะเข้ามาช่วยเสริมลุคให้รถดูสปอร์ต ดุดัน มากยิ่งขึ้น
|
รุ่นปกติ | ราคา |
---|---|---|
Pajero Sport 2.4D GT 2WD | 1,299,000 บาท | |
Pajero Sport 2.4D GT Plus | 1,349,000 บาท | |
Pajero Sport 2.4D GT Premium 2WD | 1,469,000 บาท | |
Pajero Sport 2.4D GT Premium 4WD | 1,599,000 บาท | |
|
รุ่นพิเศษ | ราคา |
Pajero Sport Elite Edition 2.4D GT-Premium 2WD | 1,524,000 บาท | |
Pajero Sport Elite Edition 2.4D GT-Premium 4WD | 1,629,000 บาท | |
*** สี White Diamond จะต้องบวกเพิ่ม |
ในด้านของขุมพลัง Pajero Sport ใช้เครื่องยนต์ ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง ขนาด 2.4 ลิตร DOHC 16 วาล์ว พร้อมวาล์วไอดีแปรผัน เทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์ สามารถให้พละกำลังสูงสุดที่ 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที ทำแรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัจฉริยะ 8 สปีด เป็นเกียร์อัตโนมัติ ระบบขับเคลื่อนมีทั้งขับ 2 และขับ 4 พร้อมทั้งยังมี Sport Mode และระบบ INC อีกด้วย ความหรูหราเหนือระดับ ความปลอดภัยที่ไว้ใจได้ ในราคาที่คุ้มค่า
3. Isuzu Mu-X เริ่มต้น 1,109,000 บาท
สำหรับ All-New Isuzu MU-X 2020 โฉมใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้ ต้องบอกเลยว่า Isuzu ต้องการลงต่อสู้อย่างจริงจัง ด้วยดีไซน์ที่ดูสปอร์ต ผสมผสานความหนักแน่น และพลิ้วไหว ออกแบบเส้นสายอย่างลงตัว โดดเด่นด้วย กระจังหน้าใหม่ แบบ World Cross Flow ที่ดูดุดันมากขึ้น สอดรับกับเส้นจากตัวถังที่ผสานกับเส้นโครเมียมบริเวณขอบล่างของกระจก ช่วยให้ตัวรถดูโฉบเฉี่ยว มากยิ่งขึ้น พร้อมกับภายในที่หรูหรา ระดับพรีเมี่ยม มีการการออกแบบมาอย่างประณีต ให้คุณได้สัมผัสถึงความหรูหราสะดวกสบาย ที่สามารถเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์มาไว้ด้วยดันได้อย่างลงตัว ครบครันด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ สิ่งอำนวยความสะดวกสุดล้ำมากมายตลอดทั้งคัน พร้อมให้คุณสนุกทุกการขับขี่ ตอบโจทย์ทุก ๆ การใช้งาน
|
รุ่น | ราคา |
---|---|---|
4×2 1.9 Ddi Active A/T | 1,109,000 บาท | |
4×2 1.9 Ddi Luxury | 1,254,000 บาท | |
4×2 1.9 Ddi Luxury A/T | 1,304,000 บาท | |
4×2 1.9 Ddi Elegant A/T | 1,349,000 บาท | |
4×2 1.9 Ddi Ultimate A/T | 1,434,000 บาท | |
4×2 3.0 Ddi Ultimate A/T | 1,479,000 บาท | |
4×4 3.0 Ddi Ultimate A/T | 1,579,000 บาท |
ในด้านขุมพลังของ Isuzu MU-X นั้น มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด ดังนี้
- เครื่องยนต์ ดีเซล (RZ4E-TC) ความจุ 1.9 ลิตร Ddi Blue Power Gen 2 แบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC คอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่น VGS เทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์ พละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที ขับเคลื่อนเคลื่อน 2 ล้อ (จะอยู่ในรุ่น Active, Luxury และ Elegant)
- เครื่องยนต์ ดีเซล (4JJ3-TCX) ความจุ 3.0 ลิตร Ddi Blue Power แบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC คอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่น VGS เทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์ พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ระบบขับเคลื่อนมีทั้ง ขับ 2 และขับ 4 (จะอยู่ในรุ่น Ultimate)
4. Ford Everest เริ่มต้น 1,299,000 บาท
มากันที่ค่ายยักษ์ใหญ่อีกค่าย กับ Ford Everest รถที่ได้รับการออกแบบมาให้พร้อมลุยทุกสถานการณ์ ผ่านทุกอุปสรรค์ ให้คุณท้าทายทุกการผจญภัย มาพร้อมกับความพิถีพิถันทั้งภายใน และภายนอก ซึ่งมาพร้อมกับรูปลักษณ์การดีไซน์ภายนอกที่มีความสปอร์ต ผสมผสานความบึกบึน สมบุกสมบัน ดูแข็งแกร่งอย่างลงตัว มีความเรียบหรู ในส่วนของภายใน ก็ได้รับการออกแบบมาอย่างปราณีต มีความกว้างขวาง ดูพรีเมี่ยม มีระดับ พร้อมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และรวมถึง ด้านความปลอดภัยก็จัดเต็มมาให้ ให้คุณขับขี่ได้อย่างสนุก มั่นใจ สัมผัสได้ถึงความพรีเมี่ยมในทุกการเดินทาง พร้อมกับสมรรถนะที่พร้อมลุยทุกสภาพถนน
|
รุ่น | ราคา |
---|---|---|
2.0L Turbo Trend 4×2 10AT | 1,299,000 บาท | |
2.0L Turbo Titanium 4×2 10AT | 1,399,000 บาท | |
2.0L Turbo Titanium 4×2 10AT – SPORT | 1,429,000 บาท | |
2.0L Turbo Titanium+ 4×2 10AT | 1,599,000 บาท | |
2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4×4 10AT | 1,799,000 บาท |
ในด้านสมรรถนะของ Ford Everest นั้น มาพร้อมกับ เครื่องยนต์ ดีเซล 2 ลิตร แบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC รุ่นปกติจะใช้มาพร้อมเทอร์โบเดี่ยว ที่สามารถทำพละกำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ ส่วนในรุ่นท๊อปสุดจะมาพร้อมกับเทอร์โบคู่แบบใหม่ ทำงานอิสระจากกัน ทำให้มันสามารถรีดพละกำลังได้สูงสุดถึง 213 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตัน-เมตร เลยทีเดียว ขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ช่วยให้คุณใช้ความเร็วได้ดั่งใจคุณต้องการ Ford Everest สามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งานของคุณได้ พร้อมที่จะพาคุณลุยไปทุกสภาพถนน
5. Nissan Terra
มากันที่รุ่นสุดท้ายแล้วครับ กับ Nissan TERRA รถยนต์อเนกประสงค์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ในราคาที่คุ้มค่า มาพร้อมกับการออกแบบดีไซน์ภายนอกที่ดูเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่ง ดุดัน ดูเป็นรถผู้ใหญ่ เหมาะมากที่จะใช้เป็นรถครอบครัว มีความสปอร์ตนิด ๆ บวกกับเส้นสายที่เฉียบคม ผสานกันได้อย่างลงตัวในทุกมุมมอง ในส่วนของห้องโดยสารก็ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ปราณีตทุกรายละเอียด กว้างขวาง เรียบหรู มีความพรีเมี่ยม นั่งสบาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมไปถึงด้านความปลอดภัยที่ใส่มาให้แบบไม่ยั้ง อัดแน่นเต็มเปี่ยม ช่วยให้คุณมั่นใจในทุกการขับขี่ รองรับการใช้งานทุกไลฟ์สไตล์ พาครอบครัวสู่ประสบการณ์ใหม่ ทุกจุดหมายที่คุณต้องการ
|
รุ่น | ราคา |
---|---|---|
2.3 V 2WD 7AT | 1,316,000 บาท | |
2.3 VL 2WD 7AT | 1,349,000 บาท | |
2.3 VL 4WD 7AT | 1,457,000 บาท |
ในด้านของขุมพลัง Nissan TERRA เครื่องยนต์ ดีเซล (YS23DDTT) ความจุ 2.3 ลิตร แบบ 4 สูบ แถวเรียง เทอร์โบคู่ DIRECT INJECTIONS ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล สามารถรีดพละกำลังได้สูงสุดถึง 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที ทำแรงบิดได้สูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที รุ่นนี้มีทั้งระบบขับ 2 และขับ 4 ด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ที่สูง มันจึงสามารถตอบสนองทุกการขับขี่ของคุณได้เป็นอย่างดี เร่งแซงได้ตามใจคิด ไปได้ทุกจุดหมายโดยไม่มีข้อจำกัด พร้อมระบบต่าง ๆ อีกมากมายในราคาคุ้ม ๆ
บทส่งท้าย
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลเพียงคร่าว ๆ เท่านั้นนะครับ ยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่คุณจะต้องใช้ในการตัดสินใจ และอีกอย่าง อันดับต่าง ๆ ในที่นี้ ก็ไม่ได้หมายความว่ารุ่นไหนดีกว่ากัน แต่เป็นการเรียงลำดับตามความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งรุ่นไหนจะดีหรือไม่ดี จะมีความคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหนนั้น ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่คุณจะพิจารณาครับ โดยจุดประสงค์ของเราที่ได้ทำการเรียบเรียงข้อมูลมา เพื่อที่จะให้คุณใช้เป็นแนวทาง ช่วยให้คุณมีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น และอย่างที่เราได้บอกไปในหลาย ๆ ครั้งครับหากเป็นไปได้เราอยากให้คุณได้เดินทางไปศูนย์บริการของรุ่นรถยนต์ทุกรุ่น ที่คุณสนใจอยู่ เพื่อดูรถคันจริง ๆ ได้สัมผัส และที่สำคัญคือได้ทดลองขับขี่ ซึ่งถ้าหากคุณไปลองมาแล้วทุกรุ่น แน่นอนครับคุณจะเห็นถึงความแตกต่างในแต่ละรุ่น รวมถึงความแตกต่างกับรถรุ่นที่คุณขับอยู่ประจำด้วย และคุณก็จะเจอกับคำตอบว่ารุ่นไหนกันแน่ ที่เหมาะกับคุณมากที่สุด
สุดท้ายนี้ไม่ว่าคุณจะซื้อรถคันใหม่หรือใช้รถคันเก่าไปก่อน ก็อย่าลืมดูแลรถกันด้วยนะครับ หาซื้อพวก ผ้าไมโครไฟเบอ, น้ำยาล้างรถยนต์, แว็กเคลือบสีรถยนต์, เครื่องฉีดน้ำ และเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ มาใช้ทำความสะอาดเวลาไปนำรถไปใช้งานหนัก ๆ มา และก็หาซื้ออุปกรณ์เสริมมาใช้ เช่น กล้องติดรถยนต์, กล่องใส่ทิชชู่, กล่องเก็บของรถยนต์, ชุดหุ้มพวงมาลัย, ชุดหุ้มเบาะรถยนต์, ชุดปะยาง หรือปั๊มลมไฟฟ้า เป็นต้น มาไว้ใช้งานกันด้วยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :