ปัจจุบัน “รถกระบะ” ถือเป็นรถยนต์ประเภทหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมสูงมาก ๆ เพราะด้วยความที่มันเป็นรถอเนกประสงค์ สารพัดประโยชน์ สามารถรองรับการใช้งานในด้านต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น การใช้งานภายในเมือง หรือจะพาบุกตะลุยเข้าสวน เข้าป่ามันก็พร้อมที่จะพาเราไปทุก ๆ ที่ครับ
และเหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ส่งผลให้รถกระบะได้รับความนิยมมากขึ้นก็คือ ภายในห้องโดยสารของรถกระบะที่มีการพัฒนาไปมาก หากใครเคยนั่งรถกระบะรุ่นเก่า ๆ จะทราบดีว่า มันนั่งได้ไม่สบายสักเท่าไหร่นัก แต่ในรถกระบะรุ่นใหม่ ๆ ภายในมีการออกแบบมาเป็นอย่างดี แทบไม่ต่างจากรถเก๋งในคลาส B-Segment, C-Segment หรือรถเก๋งหรู ๆ เลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งทำให้นั่งได้สบายทั้งเบาะหน้า และเบาะหลัง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้นให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนรถเก๋งเลยก็ว่าได้ครับ แถมราคาก็ไม่ได้ห่างกันมากจนเกินไป แต่มีความสารพัดประโยชน์กว่า ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ยอดขายของรถกระบะจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับในวันนี้เราได้ทำการรวบรวมเอา “รถกระบะ 4 ประตู” หลาย ๆ รุ่น ของหลาย ๆ ค่ายมาแนะนำ โดยทุก ๆ รุ่น กำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะมีรายละเอียดเป็นอย่างไร ? ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่ ? ตามไปดูกันได้เลยครับ
1. Toyota Hilux Revo
สำหรับ Toyota Hilux Revo 2021 – 2022 ยังคงใช้ดีไซน์ตามคอนเซ็ปต์เดิมที่เพิ่งมีการไมเนอร์เชนจ์ใหม่ไป ซึ่งได้มีการปรับโฉมครั้งใหญ่ ใหม่หมด ภายใต้ คอนเซ็ปต์ “พลังแกร่ง….เหนือนิยาม” ปรับเปลี่ยนหน้าตาภายนอกให้ดูแข็งแกร่งและดูสมบุกสมบันมากยิ่งขึ้นครับ โดย Hilux Revo มีตัวถังให้เลือก 4 ตัวถัง ได้แก่ Standard Cab, Z Edition, Prerunner & 4×4, Rocco และตัวถังใหม่อย่าง GR Sport และมีให้เลือกมากถึง 36 รุ่นย่อย เลยทีเดียว โดย รถกระบะ 4 ประตู (Double Cab) รุ่นเริ่มต้นจะอยู่ในตัวถังของ Hilux Revo Z Edition ครับ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นเพียง 682,000 เท่านั้น
ราคา Toyota Hilux Revo Double Cab (4 ประตู) ทั้งหมด
Hilux Revo Z Edition Double Cab | ||
|
รุ่น | ราคา (บาท) |
Double Cab Z Edition 4×2 2.4 Entry | 699,000 ฿ | |
Double Cab Z Edition 4×2 2.4 Entry AT | 739,000 ฿ | |
Double Cab Z Edition 4×2 2.4 Mid | 765,000 ฿ | |
Double Cab Z Edition 4×2 2.4 Mid AT | 805,000 ฿ | |
Hilux Revo Prerunner & 4×4 | ||
|
รุ่น | ราคา (บาท) |
Double Cab Prerunner 2×4 2.4 Entry | 824,000 ฿ | |
Double Cab Prerunner 2×4 2.4 Entry AT | 874,000 ฿ | |
Double Cab Prerunner 2×4 2.4 Mid | 885,000 ฿ | |
Double Cab Prerunner 2×4 2.4 Mid AT | 935,000 ฿ | |
Double Cab Prerunner 2×4 2.4 High | 976,000 ฿ | |
Double Cab Prerunner 2×4 2.4 High AT | 1,026,000 ฿ | |
Double Cab 4×4 2.4 Mid | 974,000 ฿ | |
Double Cab 4×4 2.8 High | 1,126,000 ฿ | |
Double Cab 4×4 2.8 High AT | 1,176,000 ฿ | |
Hilux Revo GR Sport | ||
|
รุ่น | ราคา (บาท) |
Double Cab 4×2 2.8 GR Sport AT | 889,000 ฿ | |
Double Cab 4×4 2.8 GR Sport AT | 1,266,900 ฿ | |
Hilux Revo Z Edition Double Cab | ||
|
รุ่น | ราคา (บาท) |
Double Cab Prerunner 2×4 2.4 Rocco AT | 1,067,500 ฿ | |
Double Cab 4×4 2.8 Rocco AT | 1,227,500 ฿ |
โดยในรุ่นเริ่มต้นอย่าง Hilux Revo Z Edition จะเป็นกระบะตัวเตี้ย มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่ว่า “หน้าหล่อแต่งซิ่ง กระบะตัวจริงที่ใครก็มอง” รูปทรงตัวรถที่มีหน้าตาดุดัน ดูแข็งแกร่ง บึกบึน พร้อมลุยทุกสถานการณ์ ส่วนภายในก็มีความสปอร์ตพรีเมี่ยม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันครับ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอสัมผัส 8 นิ้วรองรับ Apple CarPlay, หน้าปัดเรือนไมล์แบบ TFT, ช่องเก็บของที่มีระบบรักษาความเย็น, กุญแจรีโมทดีไซน์แบบพับได้, กระจกไฟฟ้าป้องกันการหนีบ และสวิตช์โหมดการขับขี่ 2 โหมด ได้แก่ โหมดประหยัด (ECO Mode) และโหมดสมรรถนะสูง (Power Mode) ครับ
ในส่วนของขุมพลังรุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.4 ลิตร บล็อกเดียวเท่านั้น ซึ่งมีทั้งเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา มอบกำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที ในเกียร์อัตโนมัติจะมีแรงบิดสูงสุดที่ 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,000 รอบ/นาที ส่วนเกียร์ธรรมดามีแรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-2,800 รอบ/นาที ในด้านของความปลอดภัยก็มีให้ทั้ง ระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ถุงลมเสริมความปลอดภัย 3 ตำแหน่ง และโครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA เป็นต้น
![]() |
![]() |
ใครกำลังมองหารถกระบะเน้นใช้งานทั่วไป มีความแข็งแกร่งดูสมบุกสมบัน ทนทาน ราคาคุ้มค่าก็ต้องรุ่นนี้เท่านั้นครับ นอกจากนี้หากใครที่เป็นสายซิ่ง คุณก็สามารถเข้าไปทดลองปรับแต่งตัวรถดูได้ครับ โดยคุณสามารถทดลองตกแต่งได้ทั้งล้อแม็กซ์ กระจังหน้า ฝากระโปรง สีรถ รวมไปถึงลวดลายครับ ช่วยให้คุณได้เห็นภาพตัวอย่างการแต่งรถที่คุณต้องการ ซึ่งเราขอบอกเลยว่า ทางโตโยต้าทำเอาไว้ดีมาก ๆ ครับ
2. New Isuzu D-Max 2022

เมื่อพูดถึง D-Max เราเชื่อว่า ทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีครับ เนื่องจากรุ่นแรกได้เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งผ่านมาแล้วกว่า 20 ปี โดยปัจจุบันทาง Isuzu ได้ทำการยกระดับเจ้า Isuzu D-Max ใหม่ โดยใช้สโลแกนที่ว่า “พลานุภาพ ไร้ขีดจำกัด” ยอดยนตรกรรมที่เหนือกว่าคำว่า “ปิกอัพ” ซึ่งในปี 2022 นี้ Isuzu มาพร้อมกับ New! Isuzu D-Max รุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ใช้ดีไซน์ภายนอกแบบใหม่ ทำให้ดูมีกล้ามเนื้อมากขึ้น รู้สึกถึงได้ถึงพลัง และความแข็งแกร่ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีการเดินเส้นสายรอบคัน ช่วยให้ตัวรถมีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ภายในมีการตกแต่งด้วยสีทูโทน เพิ่มความสปอร์ตแบบเรียบหรู สำหรับ New! Isuzu D-Max 2022 มีตัวถังทั้งหมด 5 ตัวถัง ให้เลือกครับ คือ เอ็กซ์-ซีรี่ส์, วี-ครอส 4×4, ปิกอัพ 4 ประตู, ปิกอัพ 2 ประตู และสปาร์ค สำหรับกระบะ 4 ประตู ที่มีราคาเริ่มต้นถูกที่สุดจะอยู่ในรุ่น ปิกอัพ 4 ประตู (Cab4) ซึ่งมีราคาเริ่มต้น เพียง 686,000 บาท เท่านั้น
ราคา New! Isuzu D-Max 2022 (4 ประตู) ทุกรุ่น
D-Max 4-Door CAB4 | ||
|
รุ่น | ราคา (บาท) |
Cab4 1.9 Ddi S | 691,000 ฿ | |
Cab4 1.9 Ddi S A/T | 726,000 ฿ | |
Cab4 1.9 Ddi L DA | 784,000 ฿ | |
Cab4 1.9 Ddi L DA A/T | 819,000 ฿ | |
Cab4 1.9 Ddi Z | 852,000 ฿ | |
D-Max 4-Door Hi-Lander | ||
|
รุ่น | ราคา (บาท) |
Hi-Lander 1.9 Ddi L DA | 837,000 ฿ | |
Hi-Lander 1.9 Ddi L DA A/T | 872,000 ฿ | |
Hi-Lander 1.9 Ddi Z | 899,000 ฿ | |
Hi-Lander 1.9 Ddi Z A/T | 934,000 ฿ | |
Hi-Lander 1.9 Ddi ZP | 972,000 ฿ | |
Hi-Lander 3.0 Ddi ZP | 1,003,000 ฿ | |
Hi-Lander 1.9 Ddi ZP A/T | 1,007,000 ฿ | |
Hi-Lander 1.9 Ddi M A/T | 1,040,000 ฿ | |
Hi-Lander 3.0 Ddi M A/T | 1,064,000 ฿ | |
D-Max X-Series | ||
|
รุ่น | ราคา (บาท) |
Speed 4-door | 826,000 ฿ | |
Hi-Lander 4-door | 949,000 ฿ | |
Hi-Lander 4-door A/T | 984,000 ฿ | |
D-Max V-Cross | ||
|
รุ่น | ราคา (บาท) |
3.0 Ddi Z 4-door | 989,000 ฿ | |
3.0 Ddi ZP 4-door | 1,104,000 ฿ | |
3.0 Ddi M A/T 4-door | 1,172,000 ฿ |
โดยกระบะ 4 ประตูตัวเริ่มต้นของ Isuzu D-Max จะอยู่ในซีรีส์ 4-Door ซึ่งมันจะมีให้เลือกทั้งตัวเตี้ย (CAB4) และตัวยกสูง (Hi-Lander) ครับ ถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแกร่ง ดูดุดัน โฉบเฉี่ยว มีอารมณ์สปอร์ตหน่อย ๆ พร้อมมอบสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้นตามหลักอากาศพลศาสตร์ ไฟหน้ามาพร้อมกับ ISUZU Vision Bi-LED และไฟ Multi functional Daylight ส่องตอนกลางวันแบบ Built-in และไฟท้าย Dual-Sonic LED ในส่วน ภายใน ก็มาพร้อมกับความหรูหราเต็มขั้น เริ่มต้นด้วยหน้าปัดเรือนไมล์ เป็นหน้าจอ Smart MID ขนาด 4.2 นิ้ว, ISUZU Ultimate Entertainment หน้าจอระบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว, ช่องแอร์ตอนหลัง ช่วยเพิ่มความสบายให้ผู้โดยสาร, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบ Dual Zone และ Multi-Purpose Space มีช่องอเนกประสงค์รอบคัน สะดวกสบายทุกครั้งที่ขึ้นไปนั่ง
ในส่วนของเครื่องยนต์ Isuzu D-Max มีสองเครื่องยนต์ให้เลือกครับ โดยตัวแรกจะเป็นเครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ Gen 2 สามารถให้กำลังแรงสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำแรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที และเครื่องยนต์ และเครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีทั้ง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด สามารถที่จะออกตัวได้รวดเร็วขึ้น เร่งเเซงได้อย่างคล่องตัว สามารถตอบสนองการใช้งานได้ทุกรูปแบบ
![]() |
![]() |
ในด้านความปลอดภัยก็ใส่มาให้ครบครัน อาทิเช่น ระบบเตือนจุดอับสายตา, เซ็นเซอร์กะระยะ 8 จุดรอบคัน, ESS (Emergency Stop Signal), ระบบเบรค ABS/EBD/BA เป็นต้น และยังมีนวัตกรรมอีกมากมายที่ทาง Isuzu ได้ใส่มาให้ สำหรับ New Isuzu D-Max 2022 ถือว่าออกแบบมาได้อย่างยอดเยี่ยมดูลงตัวทุกมิติ เรียกได้ว่าไม่ต้องแต่งก็สวยแล้ว เมื่อบวกกับออฟชั่นที่ใส่มาให้ก็ยิ่งคุ้มค่ากับราคามากครับ
3. Nissan Navara Double Cab
Nissan Navara มาพร้อมสโลแกนที่ว่า “กล้า…เผชิญหน้ากับทุกความท้าทาย” พร้อมให้คุณก้าวข้ามไปกับความท้าทายได้อย่างมั่นใจ สะท้อนความแกร่งด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสมบุกสมบันในแบบกระบะที่พร้อมลุยในทุกพื้นที่ มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่ดูล้ำสมัย กับกระจังหน้าแบบใหม่ที่สปอร์ต ดุดันยิ่งขึ้น ไฟหน้า LED ผสานความแกร่งเพื่อนำคุณไปถึงได้ทุก ๆ จุดหมาย ส่วนภายในก็มีการออกแบบมาเป็นอย่างดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบครัน รวมไปถึงระบบความปลอดภัย ก็มีมาให้ครบถ้วน โดย Nissan Navara Double Cab รุ่น 4 ประตู จะมีราคาเริ่มต้นที่ 849,000 บาท
ราคา Nissan Navara Double Cab (4 ประตู) ทุกรุ่น
Nissan Navara Double Cab | ||
![]() |
รุ่น | ราคา (บาท) |
DC Calibre E 6MT | 849,000 ฿ | |
DC Calibre E 7AT | 899,000 ฿ | |
DC Calibre V 6MT | 915,000 ฿ | |
DC Calibre V 7AT | 965,000 ฿ | |
DC PRO-2X 7AT | 999,000 ฿ | |
DC Calibre VL 7AT 4WD | 1,129,000 ฿ | |
DC PRO-4X 7AT | 1,149,000 ฿ |
สำหรับ Nissan Navara Double Cab ได้รับการออกแบบมาให้มีความแข็งแกร่งมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม เป็นที่สุดของรถปิคอัพ สำหรับใช้งานบรรทุกหนัก พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานให้คุณมั่งใจในความแข็งแกร่ง ด้วยตัวรถที่มีแชสซีส์เหล็กกล้าชิ้นเดียวตลอดคันสมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่มีดีไซน์แกร่ง แต่ยังคงไว้ซึ่งเส้นสายตามหลักอากาศพลศาสตร์ ช่วยให้การขับขี่ดีมากยิ่งขึ้น มีความโดดเด่นด้วยไฟหน้าถึง 8 ดวง พร้อมกับไฟ Daytime Running Light ส่องสว่างตอนกลางวัน และไฟท้าย LED แบบใหม่ สอดรับกับเส้นสายรอบ ๆ ตัวรถ ส่วนภายในก็มาพร้อมกับความหรูหราเต็มระบบ มีพื้นที่กว้างขวางสะดวกสบาย ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยผสานกับฟังก์ชันที่ให้มาอย่างลงตัว อีกทั้งระบบความปลอดภัยที่ช่วยให้คุณมั่นใจได้ในทุกสถานการณ์
ในด้านของขุมพลัง Nissan Navara มาพร้อมกับพลังขับเคลื่อน 2 แบบ ครับ ได้แก่ เครื่องยนต์ ดีเซล 2.3 ลิตร เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ทำพละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 403 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที และเครื่องยนต์ ดีเซล 2.3 ลิตร แบบเทอร์โบคู่ อินเตอร์คูลเลอร์ ทำพละกำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ระบบส่งส่งกำลังมีทั้ง เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เสริมด้วยโครงสร้างแชสซีส์เหล็กกล้า พร้อมให้คุณบุกตะลุยไปในทุกเส้นทาง เร่งเเซงได้อย่างฉับไว และคล่องตัว ตอบสนองการใช้งานได้ทุกรูปแบบ ถ้าใครที่กำลังต้องการกระบะที่แข็งแกร่ง อึด ถึก ทนทาน ต้องตัวนี้เลยครับ
4. Ford Ranger
สำหรับ Ford Ranger เป็นรถกระบะอเนกประสงค์สายพันธุ์อึด ถึก ทน สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบ มีดีไซน์หน้ารถที่โดดเด่น รูปลักษณ์ภายนอกที่ถูกออกแบบให้สะดุดตา ดูดุดัน แข็งแกร่ง ส่วนของดีไซน์ภายในก็มีการปรับปรุงมาใหม่ ซึ่งมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน สามารถช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จัดวางได้อย่างลงตัว มีความหรูหรา บวกกับความกว้างขวางของห้องโดยสาร และเหล็กแชสซีส์ที่แข็งแกร่งพิเศษ เสริมด้วยระบบกันสะเทือนแบบใหม่ ทำให้นั่งสบายมากขึ้นไม่ว่าจะเดินทางไปไหน จะขับลุยน้ำ บรรทุกของหนัก ๆ หรือขับบนพื้นทรายสูง ๆ ก็ไม่หวั่น สำหรับ Ford Ranger โดยในรุ่น Double Cab มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 692,000 บาท ครับ
ราคา Ford Ranger Double Cab (4 ประตู) ทุกรุ่น
Ford Ranger Double Cab | ||
![]() |
รุ่น | ราคา (บาท) |
2.2L XL 6MT | 692,000 ฿ | |
2.2L XL+ Hi-Rider 6MT | 752,000 ฿ | |
2.2L XLT Hi-Rider 6MT | 857,000 ฿ | |
2.2L XLT Hi-Rider 6AT | 902,000 ฿ | |
2.0L Turbo FX4 MAX Hi-Rider 10AT | 1,189,000 ฿ | |
2.0L Turbo Limited 4×4 Hi-Rider 10AT | 1,042,000 ฿ | |
Ford Ranger Double Cab Wildtrak | ||
![]() |
รุ่น | ราคา (บาท) |
2.0L Turbo Wildtrak Hi-Rider 6MT | 982,000 ฿ | |
2.0L Turbo Wildtrak Hi-Rider 10AT | 1,032,000 ฿ | |
2.0L Turbo Wildtrak (Roller) Hi-Rider 10AT | 1,062,000 ฿ | |
2.0L Bi-Turbo Wildtrak 4×4 Hi-Rider 10AT | 1,268,000 ฿ | |
2.0L Bi-Turbo Wildtrak (Roller) 4×4 Hi-Rider 10AT | 1,298,000 ฿ | |
Ford Ranger Double Cab Raptor | ||
![]() |
รุ่น | ราคา (บาท) |
2.0L Bi-Turbo Raptor 4×4 Hi-Rider 10AT | 1,729,000 ฿ |
โดย Ford Ranger ถูกออกแบบมาให้มีหน้าตาแข็งแกร่ง ดูดุดัน พร้อมกับศักยภาพในการบรรทุก และความสามารถในการลากจูง ช่วยให้คุณสามารถจัดการงานหนัก ๆ ได้อย่างง่ายดาย ใช้เหล็กแชสซีส์ที่แข็งแกร่งพิเศษ เสริมด้วยระบบกันสะเทือนตัวใหม่ ช่วยให้การขับขี่ของคุณทำได้นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ให้การขับขี่ที่สนุก ยอดเยี่ยม ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางก็เรียบหรู มีการใส่ฟังก์ชันต่าง ๆ มาให้ครบครัน ในส่วนของระบบความปลอดภัยพื้นฐานก็ครบถ้วนทั้ง ระบบถุงลมนิรภัย, ระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer, จุดยึดเบาะสำหรับเด็ก ISOFIX และอื่น ๆ แล้วแต่รุ่นครับ ส่งผลให้คุณมั่นใจในทุก ๆ การเดินทาง พร้อมรับมือกับทุก ๆ สภาพถนน
ในด้านขุมพลังของ Ford Ranger จะมีเครื่องยนต์ทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้
- เครื่องยนต์ ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง ความจุ 2.2 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบชาร์จเจอร์พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขับเคลื่อน 2 ล้อ สามารถทำกำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบ/นาที ทำแรงบิดสูงสุด 385 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด มีทั้งเกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ
- เครื่องยนต์ ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง ความจุ 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว VG เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ระบบขับเคลื่อนมีทั้ง 2 และ 4 ล้อ พร้อม VG Turbo Intercooler ซึ่งสามารถทำกำลังสูงสุดได้ 180 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที และทำแรงบิดสูงสุดที่ 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที ระบบส่งกำลัง มีทั้ง เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
- เครื่องยนต์ดีเซล ความจุ 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว พร้อม Bi-Turbo เทอร์โบชาร์จเจอร์คู่อินเตอร์คูลเลอร์ ทำให้มอบกำลังสูงสุดได้ถึง 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที และทำแรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,000 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
นอกจากนี้ในด้านเทคโนโลยีก็มีมาให้แบบจัดเต็มครับ อาทิเช่น ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบช่วยการทรงตัวขณะลากจูง, ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ และอื่น ๆ ถือเป็นรุ่นที่สามารถตอบโจทย์ทุก ๆ การใช้งานได้อย่างแท้จริง มีตัวเลือกให้เลือกหลากหลายรุ่น หลายราคา หากคุณต้องการสมรรถนะเครื่องยนต์ที่มีกำลังสูง ๆ ไว้สำหรับลุยงานหนักก็มีให้เลือก หรือถ้าหากคุณต้องการแบบราคาเบา ๆ ประหยัด ๆ ก็มีเช่นกันครับ
5. All-New Mazda BT-50
มากันที่ All-New Mazda BT-50 โฉมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ครับ ซึ่งมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย เนื่องจากโฉมนี้มีการปรับมาใหม่หมดทั้งคัน โดยได้ร่วมมือกับค่ายรถกระบะชั้นนำอย่าง Isuzu เพื่อแชร์เทคโนโลยีร่วมกัน ซึ่ง BT-50 รุ่นใหม่นี้ได้ใช้เทคโนโลยีในด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ของ Isuzu ในส่วนการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอก ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมาสด้า ในแนวทาง “โคโดะ ดีไซน์” (Kodo Design) เน้นความสปอร์ต เรียบหรู พรีเมี่ยม ตามคอนเซ็ปต์ Built for Dress & Jeans ให้คุณใช้งานได้ทุกโอกาส พร้อมเน้นย้ำจุดเด่นว่าเป็น “ปิคอัพที่สง่างามที่สุดในโลก” ที่สะท้อนภาพลักษณ์ที่ดูลุ่มลึก มีมิติ ผสมผสานอย่างลงตัวกับความดุดัน ทรงพลัง และแข็งแกร่ง
พร้อมท้าทายไปกับทุกเส้นทางในสไตล์รถปิกอัพสไตล์เอสยูวี โดย All-New Mazda BT-50 จะมีด้วยกัน 3 ตัวถัง 14 รุ่นย่อยครับ ได้แก่ Standard Cab, Freestyle Cab และ Double Cab ซึ่งรุ่น 4 ประตู จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 771,000 บาท ครับ
ราคา All-New Mazda BT-50 Double Cab (4 ประตู) ทุกรุ่น
Mazda BT-50 Double Cab | ||
|
รุ่น | ราคา (บาท) |
1.9 C | 771,000 ฿ | |
1.9 S | 847,000 ฿ | |
Mazda BT-50 Double Cab Hi-Racer | ||
|
รุ่น | ราคา (บาท) |
1.9 S Hi-Racer | 891,000 ฿ | |
1.9 S Hi-Racer 6AT | 936,000 ฿ | |
1.9 SP Hi-Racer | 1,012,000 ฿ | |
1.9 SP Hi-Racer 6AT | 1,070,000 ฿ | |
Mazda BT-50 Double Cab Hi-Racer 4×4 | ||
|
รุ่น | ราคา (บาท) |
3.0 SP | 1,118,000 ฿ | |
3.0 SP 6AT | 1,153,000 ฿ |
All-New Mazda BT-50 ได้มีการปรับโฉมให้รูปลักษณ์แตกต่างไปจากกระบะแบบเดิม ๆ บ่งบอกถึงความแกร่งในนิยามที่แตกต่าง ดุดันและสปอร์ตขึ้นในทุกมุมมอง ภายใต้มิติตัวรถขนาดใหญ่กว่าปิกอัพทั่ว ๆ ไป สะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ใช้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนั้น ยังเป็นหนึ่งในปิกอัพที่มีความปลอดภัยสูงตามสไตล์รถยนต์นั่งมาสด้าทุกรุ่น สำหรับภายในก็สะดวกสบายครับ ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี สัมผัสได้ถึงความพรีเมี่ยมลงตัว พร้อมเบาะนั่งที่กว้างโอบรับสรีระ และนุ่มสบาย ส่วนเบาะนั่งด้านหลังก็กว้างขวาง มีความลาดเอียงในองศาที่เหมาะสม พร้อมทั้งออพชั่นที่ครบครัน และมีเทคโนโลยีเชื่อมต่อที่ล้ำสมัย ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายครับ
ในส่วนของสมรรถนะ All-New Mazda BT-50 มีเครื่องยนต์ 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 1.9 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 จังหวะ และมีให้เลือกเฉพาะระบบขับเคลื่อนล้อหลัง โดยรองรับเชื้อเพลิง E20 ได้ มอบกำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที ส่วนเครื่องยนต์อีกตัว จะเป็นเครื่องยนต์บล๊อกใหญ่กว่า ที่สุดแห่งพลังแรง คือ เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 20 วาล์ว จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดน้ำมันแรงดันสูง 250MPa ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 6 จังกวะ เช่นเดียวกัน สามารถทำกำลังได้สูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที โดยทั้ง 2 ตัว มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ
6. New MG Extender
เรามาปิดท้ายกันที่ปิกอัพน้องใหม่ อย่าง New MG Extender กันครับ ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ที่ดุดันขึ้นกว่าเดิม ดูสปอร์ต แข็งแกร่ง และทรงพลัง โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ช่วยเพิ่มความดุดัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ MG พร้อมตอกย้ำความล้ำสมัย ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ i-SMART เช่นเคย และมีระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ให้มาแบบครบครัน อันแน่นถึง 9 ระบบ และแถมยังให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น ด้วยการรับประกันคุณภาพ ยาวนานถึง 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) สำหรับ New MG Extender โฉมล่าสุดนี้ ในรุ่น 4 ประตู มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 769,000 บาท ครับ
New MG Extender | ||
![]() |
รุ่น | ราคา (บาท) |
2.0 GRAND D 6MT | 769,000 ฿ | |
2.0 GRAND X 6AT | 889,000 ฿ | |
2.0 GRAND 4WD X 6AT | 1,039,000 ฿ |
New MG Extender ออกแบบตามแนวคิด กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง ซึ่งมาพร้อมกับมิติตัวถังที่มีขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ทำให้มันกว้างขวาง นั่งสบาย และพื้นที่กระบะตอนท้ายก็สามารถบรรทุกสัมภาระได้มาก โดยรูปลักษณ์ภายนอกใช้ไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน สอดรับกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ได้อย่างลงตัว ไฟท้ายแบบ LED ส่วนไฟเบรกดวงที่ 3 ก็เป็น LED เช่นกัน ในส่วนของภายในอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครันโดยเฉพาะระบบอัจฉริยะ i-SMART ที่ขึ้นชื่อของ MG ทำให้รุ่นนี้ถูกยกให้เป็นกระบะอัจฉริยะ หรือ Smart Pickup คันแรกครับ
ในส่วนของสมรรถนะ MG Extender ได้จากเครื่องยนต์ ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 Valve Turbo Intercooler มีกำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที ปรชชแรงบิดสูงสุง 375 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,400 รอบ/นาที ระบบขับเคลื่อน 2 และ 4 ล้อ พร้อมระบบส่งกำลัง 6 สปีด ที่มีให้เลือกทั้ง เกียร์ธรรมดา และเกียร์แัตโนมัติ ซึ่งถือว่ามันให้พละกำลังที่โดดเด่นเลยทีเดียวครับ เน้นประหยัดน้ำมัน แถมยังมีค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะอย่างความปลอดภัยที่มาพร้อมระบบดิสก์เบรก ทั้ง 4 ล้อ ในเกือบทุกรุ่นย่อย พร้อมออปชั่นอีกมากมายที่ให้มามากกว่า เมื่อเทียบกับรถในระดับราคาเดียวกัน
บทส่งท้าย
รถยนต์ในปัจจุบัน มีอยู่มากมายหลากหลายกลุ่ม หลากหลายประเภท แค่แยกเป็นประเภทอย่าง รถเก๋ง, รถครอบครัว, รถกระบะ, รถตู้ และอื่น ๆ ก็ว่าเยอะแล้ว แต่มันยังมีการแยกย่อยลงไปอีก อย่างรถเก๋งก็จะมี รถเก๋งเล็ก, รถเก๋งกลาง, รถเก๋งใหญ่ และอื่น ๆ หรือถ้าหากเป็นรถกระบะก็จะมีทั้ง กระบะตัวเตี้ย, กระบะตัวสูง, ขับสอง, ขับสี่, 2 ประตู, 4 ประตู และอีกเยอะแยะเต็มไปหมด ซึ่งแน่นอนครับมันเป็นผลดีสำหรับผู้บริโภคอย่างเรา ๆ เพราะเราสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม เลือกได้ตามความต้องการที่จะนำไปใช้งาน หรือได้ตามงบประมาณที่เราตั้งเอาไว้ ซึ่งการที่มีตัวเลือกเยอะ ๆ มันจะช่วยให้เราประหยัดไปได้เยอะเลยทีเดียว เพราะออฟชั่นบางอย่างมันมีไว้ให้ดูเท่ ๆ เท่านั้น
สุดท้ายนี้เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับ รถกระบะ ดับเบิ้ลแค็บ ทั้ง 4 รุ่น ที่เราได้เลือกมา มีโดนใจรุ่นไหนกันบ้างครับ หากชอบแล้วก็อย่ารอช้า สามารถเข้าไปดู ไปลองขับได้ที่ศูนย์บริการของค่ายนั้น ๆ ได้เลยครับ หากไปถูกจังหวะ คุณอาจจะได้รับโปรโมชั่นดี ๆ จากทางศูนย์บริการ อย่างเช่น ส่วนลด, บัตรเติมน้ำมัน หรือประกันภัยรถยนต์ ก็ได้ หรือไม่ก็อาจได้รับเป็นของแถมต่าง ๆ แทน อาทิเช่น กล้องติดรถยนต์, กล่องใส่ทิชชู่, กล่องเก็บของรถยนต์, เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์, แก้วน้ำ, ชุดหุ้มพวงมาลัย, ผ้าไมโครไฟเบอร์, น้ำยาล้างรถยนต์, แว็กเคลือบสีรถยนต์ เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูล และรูปภาพ จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ :
- Toyota : www.toyota.co.th
- Isuzu : www.isuzu-tis.com
- Nissan : www.nissan.co.th
- Ford : www.ford.co.th
- Mazda : www.mazda.co.th
- MG : www.mgcars.com