ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าของผู้ชายนั้นมีอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ไนท์ครีม, โทนเนอร์, เซรั่มบำรุงผิวหน้า, มาส์กหน้า, เจลล้างหน้า, โฟมล้างหน้า รวมไปเครื่องสำอางและการบำรุงในส่วนอื่น เช่น แป้งพัฟ หรือ ลิปบาล์มสำหรับผู้ชาย ทั้งนี้ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้เลย นั่นคือ “ครีมกันแดด” สำหรับผิวหน้า แต่อย่างไรก็ดีผู้ชายหลายคนอาจไม่ชอบทาครีมกันแดด เนื่องจากมองว่าการทาครีมกันแดดนั้นเสียเวลาและมีความเหนียวหนะที่ทำให้รู้สึกไม่สบายหน้า

แต่จริง ๆ แล้วการทาครีมกันแดดเป็นสิ่งที่ทุกคนนั้นควรจะต้องทำเป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะแสงแดดจากพระอาทิตย์จะมีรังสี UVA และ UVB ซึ่งรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้จะทำให้ผิวของเราหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยก่อนวัย ยิ่งถ้าเราไม่ป้องกันและตากแดดไปเรื่อย ๆ อาจทำให้เราเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้เลยครับ อีกทั้งในปัจจุบันได้มีการผลิต “ครีมกันแดดผู้ชาย” ออกมาโดยเฉพาะ ซึ่งช่วยในเรื่องของการควบคุมความมันได้ดี และยังมีเนื้อที่เบาบางมาก สามารถซาบซึมเข้าสู่ผิวได้รวดเร็ว ทำให้คุณผู้ชายรู้สึกสบายผิว ไม่รู้สึกเหนียวแต่อย่างใด ดังนั้นผู้ชายทุกคนต้องเปลี่ยนความคิดว่าการทาครีมกันแดดเป็นเพียงแค่เรื่องของความสวยความงาม เพราะครีมกันแดดนั้นสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งบนผิวหนังได้อีกด้วยครับ
ครีมกันแดดสำหรับผู้ชาย แบบไหนดี เหมาะกับคุณมากที่สุด
![]() Nike Air Zoom Structure 22 | ![]() Nike Free RN 5.0 รองเท้าวิ่งสำหรับผู้หญิง | ![]() Nike Air Zoom Winflo 6 | ![]() Nike Zoom Fly 3 รองเท้าวิ่งสำหรับผู้หญิง | ![]() Nike Zoom Gravity รองเท้าวิ่งสำหรับผู้หญิง |
วิธีเลือกครีมกันแดดสำหรับผู้ชาย
1. ดูค่า SPF (Sun Protection Factor)
คุณผู้ชายหลายคนอาจไม่ทราบและคำนึงถึงค่า SPF เท่าไหร่นักในการเลือกครีมกันแดด เนื่องจากคิดว่าผลิตภัณฑ์กันแดดส่วนใหญ่มีการป้องกันแดดที่เหมือนกัน แต่ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นครับ เพราะสินค้าครีมกันแดดแต่ละยี่ห้อมีค่า SPF ที่ต่างกัน ซึ่งค่า SPF ในที่นี้จะหมายถึงระดับการปกป้องผิวของเราจากแสงแดด โดยระดับค่า SPF จะสามารถป้องกันแสงแดดได้ ดังนี้ (7)
- SPF 15 : สามารถป้องกันผิวจากแสงได้ประมาณ 93 %
- SPF 30 : สามารถป้องกันผิวจากแสงได้ประมาณ 97 %
- SPF 50 : สามารถป้องกันผิวจากแสงได้ประมาณ 98 %
- SPF 100 : สามารถป้องกันผิวจากแสงได้ประมาณ 99 %
ทั้งนี้ระดับค่าครีมกันแดดที่คุณควรซื้อคือผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป เพราะค่าระดับนี้นอกจากจะป้องกันการโดนแดดเผาแล้ว ยังสามารถป้องกันโรคมะเร็งผิวหนังและการแก่ก่อนวัยได้ครับ (8)
2. ป้องกันน้ำ (Water Proof)
ครีมกันแดดควรที่จะสามารถป้องกันน้ำได้ครับ เนื่องจากในช่วงระหว่างวันเราอาจมีเหงื่อออกหรือมีกิจกรรมทางน้ำ ซึ่งอาจทำให้ครีมกันแดดหลุดออกจากหน้าของเราได้ ดังนั้นครีมกันแดดควรที่จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำ

อย่างไรก็ดีการทำครีมกันแดดนั้นควรที่จะทาทุก ๆ 20 นาที (ถ้าเป็นไปได้) เนื่องจากผลวิจัยพบว่าการทาครีมกันแดดซ้ำลงไปทุก 20 นาทีจะเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันแดดจาก 65 % เป็น 85 % ซึ่งการทาครีมกันแดดที่แชร์ข้อมูลกันทั่วไปว่าควรทาทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมงนั้น อาจทำให้แสงแดดสามารถเข้าไปทำลายผิวของเราได้ แต่ถ้าคุณทำกิจกรรมในร่มมากกว่ากิจกรรมกลางแจ้ง การทาทุก 2 – 3 ชั่วโมงก็สามารถทำได้ครับ ทั้งนี้การทาครีมกันดัดที่ถูกต้องก็ควรทาก่อนโดนแสงแดดหรือไปในที่โล่งแจ้งก่อน 15 – 30 นาที (9,11)
3. เลือกผลิตภัณฑ์ที่เขียนว่า Broad Spectrum (10,11)
ผลิตภัณฑ์ที่เขียนบนหน้าสินค้าว่า “Broad Spectrum” หมายว่าสินค้าตัวนั้นสามารถป้องกันรังสีได้แบบครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นรังสี UVA และ UVB ซึ่งรังสีทั้งสองชนิดนี้สามารถทำลายชั้นผิวของเราได้ ไม่ว่าจะเป็น ผิวไหม้, ผิวแก่ก่อนวัย หรือ เกิดมะเร็งผิวหนังครับ ฉะนั้นผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดควรจะครอบคลุมการป้องกันรังสีทั้งสองชนิดนี้

4. เหมาะกับผิวหน้า
ในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์จะเขียนรายละเอียดอย่างชัดเจนครับว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ จะเหมาะกับผิวหน้าแบบไหน ฉะนั้นเราควรที่จะต้องอ่านรายละเอียดของสินค้าให้อย่างถี่ถ้วน ทั้งนี้ผิวหน้าของคนเรานั้นมีอยู่หลายประเภท (12) ดังนี้
- ผิวมัน : ผิวลักษณะนี้จะเกิดความมันได้ง่ายบนผิวหน้า ซึ่งครีมกันแดดสำหรับมันที่เหมาะสมกับผิวชนิดนี้ควรจะใช้ครีมกันแดดที่สามารถซึมได้อย่างรวดเร็วและเนื้อครีมจะต้องเข้มข้นจนเกินไป
- ผิวแห้ง : ผิวหน้าแห้งควรที่จะเลือกครีมกันแดดที่เนื้อมีความเข้มข้นหรือเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ ทั้งนี้พยายามหลีกเลี่ยงครีมกันแดดที่เป็นสเปรย์ เพราะมันจะทำให้หน้าของเรายิ่งแห้งขึ้น
- ผิวแพ้ง่าย : สำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย คุณควรที่จะเลือกครีมกันแดดที่ไม่มีสารเคมี อย่าง แอลกอฮอล์หรือน้ำหอม หรือจะใช้เป็นครีมกันแดดสำหรับเด็ก ก็ได้ครับ
- ผิวเป็นสิว : พยายามหลีกเลี่ยงเนื้อครีมที่หนักหรือสามารถเข้าไปอุดตันในรูขุมขน แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดสำหรับคนเป็นสิว โดยเฉพาะ
5. หลีกเลี่ยงครีมกันแดดที่ทำร้ายผิว
ในผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดบางสินค้ามีส่วนประกอบที่อาจทำร้ายผิวหรือทำให้ผิวของเราเกิดอาการแพ้ได้ อย่าง พาราเบน (13) ซึ่งถ้าให้ดีและปลอดภัยที่สุดคุณอาจจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นออแกนิคหรือผลิตภัณฑ์ที่ติดตลาดซึ่งมีคนจำนวนมากเลือกใช้ครับ
ครีมกันแดดผู้ชาย Kiehl's Ultra Light Daily UV Defense Aqua Gel SPF 50 PA++++

ราคา 1,880 บาท*
จุดเด่น
- มีประสิทธิภาพในการกันรังสี UVA/UVB ได้ถึง 98%
- มาพร้อมกับวิตามินอีที่ช่วยเพิ่มชุ่มชื้นกับผิวหน้า ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับคนผิวหน้าแห้ง

ปริมาณ | 30 มิลลิลิตร |
---|---|
ค่า SPF | PF50+ PA++++ |
เหมาะกับ | ทุกสภาพผิว |
กันน้ำ | ✔ |
ออกฤทธิ์ครอบคลุม (Broad Spectrum) | ✔ |
ปราศจากพาราเบน | ✔ |
ครีมกันแดดผู้ชาย La Roche Posay Anthelios Invisible Fluid SPF50+

ราคา 1,380 บาท*
จุดเด่น
- ไม่ทำให้หน้าเทาหรือเกิดคราบมันอย่างแน่นอน
- ผ่านการทดสอบมาแล้วว่าปลอดภัย
- มีคุณสมบัติในการป้องกันแดดได้ในระดับ SPF50+
ปริมาณ | 50 มิลลิลิตร |
---|---|
ค่า SPF | SPF50+ PA++++ |
เหมาะกับ | ผิวแพ้ง่ายและไวต่อแสง |
กันน้ำ | ✔ |
ออกฤทธิ์ครอบคลุม (Broad Spectrum) | ✔ |
ปราศจากพาราเบน | ✔ |
ครีมกันแดดผู้ชาย P.O CARE Sun Men Face SPF50+ PA++++

ราคา 299 บาท*
จุดเด่น
- ป้องกันแสงแดดได้นานกว่า 12 ชั่วโมง
- สามารถป้องกันรังสี UVA/UVB ที่ส่งผลต่อผิวหนังของเราได้ทุกชนิด
- การซึมซาบค่อนข้างรวดเร็ว
ปริมาณ | 45 มิลลิลิตร |
---|---|
ค่า SPF | SPF50+ PA++++ |
เหมาะกับ | ทุกสภาพผิว |
กันน้ำ | ✔ |
ออกฤทธิ์ครอบคลุม (Broad Spectrum) | ✔ |
ปราศจากพาราเบน | ✔ |
ครีมกันแดดผู้ชาย Cetaphil Sun SPF 50+ PA++++ Light GEL

ราคา 798 บาท*
จุดเด่น
- เนื้อบางเบา ไม่รู้สึกเหนียวเมื่อทาลงบนผิวหน้า
- ใช้ได้ทุกส่วนของร่างกาย เพราะปราศจากสารก่ออันตราย
- มีคุณสมบัติในการกันน้ำ เหมาะสำหรับคนที่ชอบออกกำลังกายหรือเล่นน้ำบ่อย ๆ
ปริมาณ | 50 มิลลิลิตร |
---|---|
ค่า SPF | SPF50+ PA++++ |
เหมาะกับ | ทุกสภาพผิว |
กันน้ำ | ✔ |
ออกฤทธิ์ครอบคลุม (Broad Spectrum) | ✔ |
ราศจากพาราเบน | ✔ |
ครีมกันแดดผู้ชาย CLINIQUE Even Better Dark Spot Defense SPF50

ราคา 1,369 บาท*
จุดเด่น
- ปราศจากน้ำมัน ที่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ
- มีเทคโลยีอย่าง Invisible Screen™ เมื่อทาแล้วจะเกลี่ยง่าย และซึมเข้าสู่ผิวรวดเร็ว
- มีความอ่อนโยน ใช้ได้กับทุกเพศและทุกวัย
- มีคุณสมบัติที่ป้องกันไม่ให้เกิดจุดด่างดำ
ปริมาณ | 30 มิลลิลิตร |
---|---|
ค่า SPF | SPF50+ PA++++ |
เหมาะกับ | ทุกสภาพผิว |
กันน้ำ | ✔ |
ออกฤทธิ์ครอบคลุม (Broad Spectrum) | ✔ |
ปราศจากพาราเบน | ✔ |
ครีมกันแดดผู้ชาย นีเวีย ซัน โพรเท็ค แอนด์ เซนส์ซิทีฟ ออยล์ คอนโทรล เซรั่ม SPF50+

ราคา 260 บาท*
จุดเด่น
- เนื้อครีมบางบาง ซึมเข้าผิวได้รวดเร็ม
- เมื่อทาไปแล้วสามารถคุมความมันบนผิวหน้าได้ด้วย เหมาะมากสำหรับผู้ชายหน้ามัน
- ไม่ทำให้รูขมขนเกิดการอุดตัน
- ไม่มีส่วนผสมของสารก่อการแพ้
ปริมาณ | 50 มิลลิลิตร |
---|---|
ค่า SPF | SPF50+ PA++++ |
เหมาะกับ | ทุกสภาพผิว |
กันน้ำ | ✔ |
ออกฤทธิ์ครอบคลุม (Broad Spectrum) | ✔ |
ปราศจากพาราเบน | ✔ |
ครีมกันแดดผู้ชาย Biotherm Homme Uv Defense City+ Ultra Light Texture SPF 50 PA+++

ราคา 1,329 บาท*
Biotherm ถือว่าเป็นแบรนด์เค้าน์เตอร์ชั้นนำที่หลายคนเลือกใช้อยู่แล้ว ซึ่งบอกได้เลยว่าครีมกันแดดผู้ชาย Uv Defense City+ Ultra Light Texture ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะมันปกป้องผิวของเราได้ในระดับ SPF 50 PA+++ หรือเรียกว่าเป็นการป้องกันถึงในระดับ 3 แน่นอนว่าการป้องกันถึงขนาดนี้ มันจะช่วยลดการเกิดจุดด่างดำ รวมไปถึงริ้วรอยที่จะมาก่อนวัยอันควร ในขณะเดียวกันยังทำให้ผิวกระจ่างใสได้ไปในตัวอีกด้วย และอีกอย่างหนึ่งที่ผู้ชายหลายคนน่าจะชอบคือการซึมเข้าสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะอย่างแน่นอน
จุดเด่น
- ป้องกันผิวได้ถึง 3 ชั้น ดังนั้นจึงช่วยลดโอกาสการเกิดจุดด่างดำบนผิวหน้าอีกด้วย
- ซึมซาบผิวเร็วมาก จึงค่อนข้างเหมาะกับผู้ชายที่ไม่ชอบความมันหรืออึดอัดบนผิวหน้า
ปริมาณ | 30 มิลลิลิตร |
---|---|
ค่า SPF | PF50 PA++++ |
เหมาะกับ | ทุกสภาพผิว |
กันน้ำ | ไม่ระบุ |
ออกฤทธิ์ครอบคลุม (Broad Spectrum) | |
ปราศจากพาราเบน |
ดอกเตอร์พงศ์ กันแดด Dr. Pong Hyaluronic Ultra Light Sunscreen with Aquatide SPF50 PA+++

ราคา 299 บาท*
Dr. Pong Hyaluronic Ultra Light Sunscreen with Aquatide จะเหมาะสำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาในเรื่องของผิวแพ้ง่ายหรือมีสิว เนื่องจากสูตรที่มีความอ่อนโยน จะไม่เข้าไปกระตุ้นให้ปัญหาที่เป็นอยู่หนักขึ้น ส่วนประสิทธิภาพในการป้องกันก็ดีมากเช่นกัน เพราะระยะเวลาที่สามารถป้องกันได้จะอยู่ที่ 6 ชั่วโมง นอกจากนี้ตัว filer sunscreen ก็กันได้ทั้ง UVB และ UVA ส่วนเนื้อของครีมก็เบาบางมาก ไม่ทำให้รู้สึกเหนียวแต่อย่างใด
จุดเด่น
- เนื้อครีมบางเบามาก ๆ แทบจะไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ
- คนที่ผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้ เพราะเป็นสูตรอ่อนโยน
- ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB
ปริมาณ | 25 มิลลิลิตร |
---|---|
ค่า SPF | PF50 PA++++ |
เหมาะกับ | ทุกสภาพผิว |
กันน้ำ | ไม่ระบุ |
ออกฤทธิ์ครอบคลุม (Broad Spectrum) | |
ปราศจากพาราเบน |
Garnier Light Complete UV Matte SPF50+ PA+++ ครีมกันแดด

ราคา 499 บาท*
Garnier Light Complete UV Matte SPF50+ PA+++ ครีมกันแดดในตำนานที่คุณต้องใช้ ด้วยค่ากันแดดอยู่ที่ SPF 50 สามารถป้องกันแสดงแดดได้อย่างดีเยี่ยม ผ่านการผสมผสานกับวิตามินซีทำให้ครีมกันแดดสามารถช่วยปกป้องผิวจากอันตรายของรังสียูวีได้ถึง 2 เท่า

จุดเด่นของครีมกันแดดคือสามารถช่วยป้องกันการปรากฏตัวของจุดด่างดำบนใบหน้าที่เกิดจากการสัมผัสกับแสงแดด ครีมกันแดดสามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัยและด้วยสูตรผิวแมตต์ทำให้เหมาะสำหรับผิวมันมาก ๆ ด้วย เมื่อใช้ครีมกันแดดตัวนี้ผิวหน้าก็จะปราศจากความมัน แม้ว่าคุณจะทำกิจกรรมมากมายในแต่ละวัน
ข้อดี
- ช่วยปรับสีผิวได้ 1 ระดับโดยไม่ทำให้หน้าเทา
- หากใช้งานเป็นประจำจะช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
- ควบคุมความมันและช่วยให้ผิวแมตต์ได้ทันที
ข้อควรพิจารณา
- มีกลิ่นของน้ำหอมค่อนข้างแรงและไม่กันน้ำ

อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ รีวิว ครีมกันแดด Garnier Bright Complete Vitamun C Super UV
รูปแบบของครีมกันแดด | ครีมกันแดดชนิดกายภาพ + ครีมกันแดดชนิดเคมี |
---|---|
ปริมาณ | 30 มล. |
ส่วนผสมหลัก | ไททาเนียมไดออกไซด์, วิตามินซี, วิตามินอีและสารสกัดจากมะนาว |
SPF/PA | SPF 50+ PA +++ |
สภาพผิวที่แนะนำ | ผิวมัน |
Anessa Whitening UV Sunscreen Gel A SPF 50+ PA++++ ครีมกันแดดเนื้อเจล

ราคา 699 บาท*
Anessa Whitening UV Sunscreen Gel เจลกันแดดที่ใช้เทคโนโลยี Aqua Booster ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้กับรังสียูวีเมื่อผิวของคุณสัมผัสกับน้ำหรือเหงื่อ นอกจากนี้ยังผ่านการผสมด้วย m-Tranexamic acid ซึ่งเป็นส่วนผสมที่สามารถรักษาจุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกรดไฮยาลูโรนิก คอลลาเจนจากทะเล โรสฮิปและชาเขียวจะช่วยให้ความชุ่มชื้นยาวนานและต่อต้านอนุมูลอิสระ เนื้อสัมผัสของครีมกันแดดมีความบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมลงบนผิวได้ง่ายมาก อีกทั้งยังมีกลิ่นส้มอ่อน ๆ ที่ทาแล้วจะให้ความสดชื่นและสบายผิว
ข้อดี
- หลังจากลงน้ำหรือเปียกน้ำสามารถกันน้ำได้ประมาณ 40 นาที
- ใช้เป็นเมคอัพเบสก่อนการแต่งหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ปราศจากพาราเบน ซัลเฟตและพาทาเลตใช้งานได้อย่างปลอดภัย
ข้อควรพิจารณา
- มีกลิ่นและมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
รูปแบบของครีมกันแดด | ครีมกันแดดชนิดกายภาพ |
---|---|
ปริมาณ | 90 มล. |
ส่วนผสมหลัก | กรดไฮยาลูโรนิก คอลลาเจนจากทะเล โรสฮิปและชาเขียว |
SPF/PA | SPF 50+ PA ++++ |
สภาพผิวที่แนะนำ | ทุกสภาพผิว |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
วิธีทาครีมกันแดด
- ขั้นตอนที่ 1 : เขย่าขวดครีมกันแดดก่อนทุกครั้งที่จะเทครีมกันแดดออกมา
- ขั้นตอนที่ 2 : เทครีมกันแดดออกมาประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับทาหน้า) และ 1 ออนซ์ (สำหรับทาทั้งตัว)
- ขั้นตอนที่ 3 : ทาครีมกันแดดให้ทั่วหน้า รวมไปถึงบริเวณใบหูและคอ
- ขั้นตอนที่ 4 : ทาครีมกันแดดจนเนื้อครีมซึมลงผิวหน้าจนไม่เหลือคราบของเนื้อครีม
คำเตือน : ห้ามให้ครีมกันแดดโดนตาเด็ดขาด หากเนื้อครีมเข้าตาให้รีบล้างออกด้วยน้ำเปล่าทันที
ข้อดีของการทาครีมกันแดด
1. ป้องกันผิวจากแสงแดด (1)
ในแสงแดดจะมีรังสี UV ซึ่งรังสีตัวนี้จะสามารถทำร้ายผิวของเราได้ โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทย ก็จะยิ่งมีโอกาสที่จะโดนแสงแดดทำร้ายมากกว่าประเทศเขตหนาว ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวของเราครับ

2. ลดโอกาสการเกิดมะเร็งผิวหนัง (2)
การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 จะช่วยลดการเกิดโอกาสที่จะเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิด Squamous Cell Carcinoma ประมาณ 40% และ โรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา ซึ่งเป็นโรคมะเร็งผิวหนังที่พบได้เจอได้บ่อยในประเทศไทย (3) ประมาณ 50 % เลยทีเดียวครับ
3. ป้องกันการเปลี่ยนของสีผิว
ครีมกันแดดสามารถช่วยป้องการผิวหมองคล้ำ และ จุดด่างดำ (4) จากการโดนแดดทำร้ายผิว ทั้งยังช่วยให้ผิวสมูทขึ้น, ให้ความชุ่มชื้น และให้สีผิวที่สม่ำเสมอเท่ากัน
4. ป้องกันผิวแก่ก่อนวัย (5)
แสงแดดจะทำให้คอลลาเจนในผิวของเราโดนทำลาย และเมื่อคอลลาเจนในผิวของเราลดลง แน่นอนว่าผลที่ตามมาคือผลของเราจะมี ริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น (6) ดังนั้นการทาครีมกันแดดจะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวของเราแก่ก่อนวัยครับ
สำหรับใครที่เริ่มมีอายุมากแล้ว ทั้งยังต้องตากแดดบ่อย ๆ เป็นเวลานั้น การใช้ครีมกันแดดอาจจะไม่เพียงสำหรับการป้องกันไม่ให้ร่างกายของคุณสูญเสียคอลลาเจน เราขอแนะนำให้คุณหาอาหารเสริมคอลลาเจนมาทานหรือจะเป็นเครื่องดื่มคอลลาเจน ก็เป็นการช่วยให้ร่างกายของคุณได้รับคอลลาเจอเพียงพอต่อวันแล้วครับ
5. อยู่ในที่ร่มจำเป็นต้องทาครีมกันแดดหรือไม่ ?
หลายคนอาจคิดว่าการทำงานอยู่ในออฟฟิศหรืออยู่ในบ้าน โดยไม่ได้ออกจากอาคารเลย ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทาครีมกันแดด ซึ่งนั่นเป็นความที่คิดผิดครับ เพราะอย่าลืมว่าแสงแดดสามารถทะลุเข้ามาทางกระจกได้เสมอ ซึ่งแน่นอนว่าผิวของคุณอาจได้รับรังสี UVA ถึงแม้ว่าจะอยู่ภายในอาคารก็ตาม ดังนั้นคุณควรทาครีมกันแดดไม่ว่าจะอยู่ในที่ร่มหรือกลางแจ้งครับ
References :
- Sunscreening Agents
- Sun protection for preventing basal cell and squamous cell skin cancers
- Malignant melanoma จาก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นพ.นันท์อัครวิบูลย์ขวัญ อาจารย์ที่ปรึกษา รศ.นพ.วิชาจรูญรัตน
- The Role of Sunscreen in Melasma and Postinflammatory Hyperpigmentation
- Anti-aging and Sunscreens: Paradigm Shift in Cosmetics
- Sun-Damaged Skin
- Comprehensive Review of Ultraviolet Radiation and the Current Status on Sunscreens
- Sunscreens in melanoma and skin cancer prevention
- When should sunscreen be reapplied?
- Questions and Answers: FDA announces new requirements for over-the-counter (OTC) sunscreen products marketed in the U.S.
- Skin Care and Aging
- Understanding and treating various skin types: the Baumann Skin Type Indicator
- Parabens in Cosmetics