เราได้เขียนถึงอาหารและสินค้าประเทศญี่ปุ่นไปแล้วในหลาย ๆ บทความ ไม่ว่าจะเป็นบทความเกี่ยวกับของกินอย่าง อาหารญี่ปุ่นยอดนิยม, สูตรเมนูอาหารญี่ปุ่นทำเองง่าย ๆ, เครื่องปรุงญี่ปุ่น, ขนมญี่ปุ่น, เครื่องแกงกะหรี่ หรือจะเป็นพวกของใช้ด้านความงามอย่างพวก สกินแคร์ ไม่ว่าจะเป็น คลีนซิ่งออยล์, ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า, เซรั่มบำรุงผิว, ครีมกันแดด, โทนเนอร์, มอยส์เจอร์ไรเซอร์, แผ่นมาสก์หน้า นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ หนังสือการ์ตูนมังงะ, อนิเมะชื่อดัง แม้กระทั่งซีรีส์ญี่ปุ่น โห! นี่เราเป็นแฟนพันธ์ุแท้ประเทศญี่ปุ่นไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย? แต่ก็ต้องยอมรับนะคะว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่น่าสนใจและเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งหลายเพราะประเทศญี่ปุ่นทั้งน่าสนใจและมีความลงตัวในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทั้งอาหารหรือวิถีชีวิตของประเทศนี้
นอกจากเทคโนโลยีที่แสนตื่นตาตื่นใจแล้ววิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นเองก็น่าสนใจไม่แพ้กัน หากไปเยือนประเทศญี่ปุ่นคุณจะสังเกตได้เลยว่าวิถีชีวิตของคนเมืองและชนบทต่างกันลิบลับ เพราะชีวิตของคนในเมืองหลวงเต็มไปด้วยความเร่งรีบและมีเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เห็นแล้วต้องร้องว้าว ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูง, การซื้อของแบบเซลฟ์เซอร์วิส หรือ GPS ที่มีความแม่นยำสูง ขณะที่ชีวิตแถบชนบทจะให้อารมณ์สโลว์ไลฟ์ ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายใจ และที่ทำให้เรารู้สึกชื่นชมก็คือแม้แต่ผู้สูงอายุก็สามารถใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว
ขณะเดียวกันก็ยังรักษาวัฒนธรรมอันดีงามของญี่ปุ่นเอาไว้ได้เป็นอย่างดีเลย และเมื่อพูดถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่น สิ่งแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงคงจะหนีไม่พ้นซาชิมิและซูชิที่นับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นและเป็นสิ่งที่หลายคนอยากลิ้มลอง ดังนั้นในบทความนี้เราเลยมาทำความรู้จักกับซูชิให้ลึกซึ้งมากขึ้นไปพร้อม ๆ กันรวมไปถึงอุปกรณ์ในการทำซูชิเผื่อเพื่อน ๆ กำลังสนใจอยากทำซูชิให้หายคิดถึงประเทศญี่ปุ่นกันค่ะ
ทำความรู้จักประเภทของซูชิ
![]() |
1. นิกิริซูชินิกิริซูชิเป็นประเภทที่เราพบเจอได้บ่อยและอาจจะทานบ่อยมากที่สุดค่ะ นิกิริซูชิจะมีลักษณะเป็นข้าวปั้นก้อนเล็ก ๆ แล้วมีเนื้อสัตว์หรือไข่หวานวางโปะลงไปด้านบนจนมิดข้าว บางครั้งอาจจะมีวาซาบิก้อนเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ระหว่างชั้นของข้าวและเนื้อสัตว์เพื่อเพิ่มรสชาติค่ะ สำหรับซูชิประเภทนี้อาจจะดูทำง่ายแต่การที่จะทำให้ออกมาอร่อยกลมกล่อมได้นั้นต้องอาศัยการฝึกฝนและประสบการณ์เพราะจะต้องกะปริมาณข้าวและเนื้อให้สมดุลจึงจะสามารถดึงรสชาติของวัตถุดิบทั้งหมดออกมาได้มากที่สุดค่ะ |
![]() |
2. กุงกังซูชิใครชอบทานซูชิหน้าไข่กุ้งหรืออูนิบ้างคะ? เจ้าซูชิที่ห่อด้วยสาหร่ายและโปะด้วยหน้าต่าง ๆ นี้มีชื่อเรียกว่ากุงกังซูชิ ซึ่งที่มาของชื่อก็เพราะหน้าตาของซูชิประเภทนี้มีลักษณะคล้ายเรือนั่นเองค่ะ ส่วนไส้ที่โปะด้านหน้าส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุดิบที่เป็นเศษ ๆ ไม่สามารถหั่นชิ้นหรือไม่เกาะติดกันเป็นก้อนเลยต้องเอาสาหร่ายมาพันไว้และเหลือพื้นที่สำหรับใส่ไส้ด้านบนค่ะ |
![]() |
3. มากิซูชิมากิซูชิเป็นประเภทที่ทำง่ายมากที่สุดค่ะ สำหรับซูชิชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นสาหร่ายห่อข้าวสอดไส้ต่าง ๆ เป็นก้อนกลมหรือเหลี่ยมแล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ ข้อดีของซูชิประเภทนี้คือมีวิธีการทำไม่ยุ่งยากและทานง่ายเพราะข้าวจะไม่เหนียวติดนิ้ว นอกจากสาหร่ายห่อข้าวแล้วยังมีประเภทข้าวห่อสาหร่ายที่เรียกว่าแคลิฟอร์เนียโรล ซึ่งซูชิประเภทนี้จะทำยากขึ้นมาอีกหนึ่งระดับและเป็นอาหารฟิว์ชั่นจากฝั่งตะวันตกเพื่อดัดแปลงวิธีปั้นซูชิให้ง่ายขึ้นค่ะ |
![]() |
4. เทมากิซูชิชื่อคล้าย ๆ กับประเภทก่อนหน้าแต่หน้าตาค่อนข้างจะแตกต่างกันเลยค่ะ สำหรับเทมากิซูชิจะเป็นการนำสาหร่ายมาห่อเป็นกรวยแล้วยัดไส้และข้าวไว้ด้านใน สามารถเดินรับประทานได้สะดวก เป็นการฟิวส์ชั่นมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับซูชิประเภทนี้จะทานง่ายและทำง่ายเช่นเดียวกับมากิซูชิ |
![]() |
5. ชิราชิซูชิชิราชิซูชิจะเป็นการนำอาหารทะเลหรือหน้าต่าง ๆ ที่ต้องการมาหั่นเป็นลูกเต๋าหรือแล่เป็นชิ้น ๆ แล้วโปะลงบนข้าวจนมิดซึ่งแตกต่างจากซูชิประเภทอื่นที่มักจะทานเป็นคำ ๆ ส่วนใหญ่เราจะเรียกซูชิประเภทนี้ว่าข้าวหน้าปลาดิบหรือซูชิคัพ จุดเด่นของซูชิประเภทนี้คือการใช้วัตถุดิบที่สามารถหาได้ในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นการชูวัตถุดิบและเอกลักษณ์ของภูมิภาคนั้น ๆ ในญี่ปุ่นค่ะ ส่วนเราเองก็สามารถเลือกเนื้อสัตว์หรือวัตถุดิบที่เราชอบมาใช้ได้ตามชอบเลยค่ะ |
![]() |
6. โอชิซูชิเราอาจจะไม่คุ้นเคยกับซูชิประเภทนี้สักเท่าไหร่แต่สามารถหาทานได้ที่ภูมิภาคคันไซในประเทศญี่ปุ่นค่ะ วิธีการทำซูชิประเภทนี้คือการนำข้าวไปอัดในกล่องทรงสี่เหลี่ยมแล้วตามด้วยไส้ที่ต้องการแล้วกดทับให้แน่นที่สุด จากนั้นจึงนำออกมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ ซึ่งวิธีการทำจะคล้าย ๆ กับการเอามากิซูชิและนิกิริซูชิมารวมกันเลยค่ะ เป็นซูชิอีกหนึ่งประเภทที่หาทานยากและมีวิธีการทำค่อนข้างง่าย |
![]() |
7. อินาริซูชิถ้าเอาเต้าหู้มาห่อแทนสาหร่ายซูชิประเภทนี้จะถูกเรียกว่าอินาริซูชิค่ะ วิธีการทำไม่ยากเลยเพราะเพียงแค่นำเต้าหู้หวานมาทอดแล้วหั่นครึ่ง จากนั้นนำข้าวปรุงรสและไส้ยัดลงไปด้านใน สำหรับซูชิประเภทนี้จะมีชื่อเหมือนกับเทพเจ้าองค์หนึ่งในตำนานของประเทศญี่ปุ่นและมีความเชื่อว่าเทพเจ้าอินาริชอบทานเต้าหู้อีกด้วยค่ะ |
![]() |
8. นาเระชูชิอินาเระซูชิเป็นต้นกำเนิดของซูชิทุกประเภทที่เรากล่าวมาก่อนหน้า จุดเริ่มต้นของอินาเระซูชิคือคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนมักจะเอาข้าวญี่ปุ่น, ปลา และเกลือมาหมักด้วยกันเป็นเวลานานจนเกิดรสชาติเปรี้ยว (เหมือนวิธีทำปลาส้มในบ้านเราเลยค่ะ) แต่ในสมัยก่อนจะทานกันแค่เนื้อปลาเท่านั้นเนื่องจากข้าวมีกลิ่นค่อนข้างแรง แต่ในสมัยต่อมาการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นมีการรีบเร่งมากขึ้นจึงต้องลดเวลาในการทำให้น้อยลงจนกลายมาเป็นซูชิประเภทต่าง ๆ อย่างที่เราคุ้นเคยกัน และนาเระซูชิก็กลายเป็นเมนูหายากและมีราคาแพงมากในปัจจุบัน |
เครื่องปรุงซูชิมีอะไรบ้าง ?
1. ข้าวญี่ปุ่น
ข้าวเป็นส่วนประกอบที่สคัญสำหรับการทำซูชิ ซึ่งข้าวที่ใช้จะต้องมีความเหมาะสมและแน่นอนว่าข้าวญี่ปุ่นจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากข้าวญี่ปุ่นมีลักษณะเป็นเมล็ดสั้นกลม มียางมากกว่าข้าวหอมมะลิของไทยแต่ไม่เยอะเหมือนข้าวเหนียว สำหรับข้าวญี่ปุ่นเองก็มีหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือกแต่สายพันธุ์ที่เหมาะกับซูชิมากที่สุดต้องยกให้สายพันธุ์ อะกิตะโกมาชิ และ ซาซานิชึกิ ที่มีความเหนียวนุ่มกำลังดีและไม่เสียรสชาติเมื่อเย็นตัวลงแล้ว ซึ่งความพิเศษเหล่านี้จะช่วยชูรสชาติซูชิให้อร่อยขึ้นและเข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ ได้ดีค่ะ
2. น้ำปรุงรสข้าว
น้ำปรุงรสจะเป็นตัวช่วยทำให้ข้าวธรรมดา ๆ มีรสชาติและเข้ากับหน้าซูชิได้ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะหน้าที่เป็นเนื้อปลาสดค่ะ เนื่องจากรสชาติเปรี้ยว ๆ หอม ๆ ของข้าวจะเข้ากันได้ดีกับความหวานธรรมชาติของเนื้อปลาและซอสจิ้ม ซึ่งน้ำปรุงรสจะมีส่วนประกอบของมิริน, น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว, น้ำตาล และเกลือเล็กน้อย นำมาคนผสมให้น้ำตาลและเกลือละลายแล้วนำขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ จนน้ำปรุงมีลักษณะเหนียวข้นขึ้น จากนั้นจึงนำมาผสมกับข้าวญี่ปุ่นทีละน้อยจนได้รสชาติตามต้องการ สำหรับน้ำปรุงจะมีรสชาติเปรี้ยวอมหวานและมีกลิ่นน้ำส้มสายชูค่อนข้างจะรุนแรงแต่เมื่อนำมาผสมกับข้าวแล้วจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ช่วยให้เมล็ดข้าวมันวาวและเกาะติดกันได้ดี ส่วนใครที่ไม่อยากจำสัดส่วนของวัตถุดิบเดี๋ยวนี้แบรนด์เครื่องปรุงญี่ปุ่นหลายแบรนด์ก็มีการผลิตน้ำปรุงรสออกมาจำหน่ายเพื่อเพิ่มความสะดวก สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องตั้งเตาและเก็บไว้ได้นานอีกด้วยค่ะ
3. สาหร่าย
สาหร่ายถือว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับฟูโตมากิซูชิหรือกุงกังซูชิค่ะ สาหร่ายสำหรับซูชิจะมีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ และมีหลายขนาดให้เลือกหลากหลาย ด้านหนึ่งมีลักษณะเรียบมันและอีกด้านจะขรุขระเล็กน้อย ซึ่งวิธีการใช้ก็จะเอาด้านเรียบลงแล้ววางข้าวและไส้บนด้านเรียบ เมื่อม้วนเสร็จแล้วซูชิก็จะออกมาสวยงามดูน่ารับประทาน ส่วนใครอยากทานสาหร่ายหอม ๆ เราขอแนะนำให้เอาไปย่างไฟอ่อน ๆ สาหร่ายจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มและกรอบมากขึ้นพร้อมกับมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ทำให้อร่อยมากขึ้นค่ะ
4. โชยุ
คนที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นจะต้องรู้จักโชยุอย่างแน่นอนเพราะนอกจากจิ้มซูชิและซาชิมิแล้วโชยุยังสามารถนำมาปรุงหรือทานคู่กับอาหารญี่ปุ่นได้อีกหลายเมนู นอกจากนี้โชยุยังเป็นเครื่องปรุงติดบ้านญี่ปุ่นไม่ต่างจากน้ำปลาในบ้านเราเลยค่ะ สำหรับโชยุจะเป็นซอสถั่วเหลืองหมักของญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นน้ำสีดำเหมือนซีอิ๊วขาว (เพราะมีวิธีการทำคล้ายกัน) มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ และมีรสชาติเค็มอมหวานปลายลิ้นเล็กน้อย เข้ากันได้ดีกับซูชิหรือซาชิมิเพราะความเค็ม ๆ หวาน ๆ จะเข้ากับเนื้อปลาสดได้เป็นอย่างดีค่ะ ถือว่าเป็นเครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเมนูซูชิ
5. วาซาบิ
มีซูชิที่ไหนต้องมีวาซาบิที่นั่น วาซาบิเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นรสค่อนข้างจะเผ็ดร้อนขึ้นจมูกตัดกับสีเขียวสดใสชวนรับประทาน นอกจากรสชาติที่โดดเด่นแล้ววาซาบิยังถือว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงไม่แพ้อนิเมะหรือซาชิมิเลยค่ะ หากคุณเคยเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นอาจจะเคยเห็นและลองลิ้มรสชาติของวาซาบิสดกันบ้างแล้ว ซึ่งวาซาบิสดมีลักษณะคล้าย ๆ กับหัวไชเท้าขนาดเล็ก มีสีเขียว มีรสชาติเผ็ดสดชื่นอมหวานเล็กน้อย ส่วนในบ้านเราส่วนใหญ่วาซาบิจะมีลักษณะเป็นซอสเหลวที่มีการผสมฮอสแรดิชที่มีลักษณะและรสชาติคล้ายกันลงไปเพื่อลดต้นทุน หรือจะเป็นผงที่สามารถนำมาละลายน้ำให้กลายเป็นครีมซึ่งสามารถเก็บรักษาได้นานกว่าและมีราคาไม่แพงมากค่ะ
อุปกรณ์ปั้นซูชิ
1. ชามผสมข้าว
หลังจากหุงข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วคนญี่ปุ่นมักจะนำข้าวมาพักในถังหรือชาม จากนั้นจึงทำการเกลี่ยให้ข้าวกระจายตัวเพื่อระบายความร้อนและช่วยให้เมล็ดข้าวไม่ติดกันค่ะ ส่วนวัสดุของชามส่วนใหญ่จะใช้เป็นชามไม้เนื่องจากไม้จะช่วยดูดซับความร้อนในเมล็ดข้าวได้ดีกว่าวัสดุชนิดอื่น ๆ นอกจากนี้ความร้อนที่ถูกดูดออกไปจะระอุอยู่ในเนื้อไม้ช่วยให้ข้าวไม่แห้งหรือแฉะมากจนเกินไปอีกด้วยค่ะ ส่วนวิธีการใช้งานแนะนำให้นำชามมาแช่น้ำจนชุ่มก่อนแล้วเช็ดด้วยผ้าจนแห้งและเหลือความชื้นเพียงเล็กน้อย วิธีนี้จะทำให้ข้าวไม่ติดชามและไม่ดูดความชื้นของเมล็ดข้าวมากจนเกินไป หลังจากใช้งานแล้วให้ล้างจนสะอาดแล้วผึ่งให้แห้งเพื่อหลีกเลี่ยงเชื้อรา
2. ทัพพีผสมข้าว
มีชามแล้วก็ต้องมีทัพพีมาคู่กัน สำหรับทัพพีผสมข้าวก็แนะนำให้เลือกใช้ทัพพีไม้เช่นเดียวกับชามผสมข้าว ส่วนวิธีการใช้ก็ให้นำมาแช่น้ำก่อนและเช็ดให้แห้ง จากนั้นให้นำทัพพีมาเกลี่ยข้าวเบา ๆ ให้กระจายตัวออกจากกันจนเต็มชามไม่จับเป็นก้อน ใช้พัดมือหรือเปิดพัดลมเบา ๆ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิข้าว และหลังจากผสมน้ำปรุงซูชิแล้วแนะนำให้ใช้ทัพพีสับข้าวไปเรื่อย ๆ จนน้ำปรุงกระจายตัวทั่วเมล็ดข้าวจนครบ ห้ามใช้ทัพพีกวาดและบี้เพราะจะทำให้ข้าวเละและไม่สวยค่ะ หลังจากพักข้าวจนดูดน้ำปรุงเข้าไปจนหมดแล้วใช้พัพพีกลับด้านข้าวจากล่างขึ้นบนอีกครั้งก่อนเริ่มทำซูชิ
3. เสื่อซูซิ
เสื่อซูชิเป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับมากิซูชิหรือแคลิฟอร์เนียโรลเนื่องจากอุปกรณ์ชนิดนี้จะช่วยให้ซูชิของเราออกมาเป็นรูปทรงสวยงามและแน่นสวยค่ะ สำหรับเสื่อซูชิจะมีขนาดให้เลือกหลากหลายตามขนาดของซูชิที่เราต้องการ ทั่วไปแล้วเสื่อซูชิจะผลิตจากไม้ไผ่ที่นำมาเหลาเป็นแท่งเล็ก ๆ แต่แข็งแรงและถูกมัดด้วยเชือกป่านเพื่อสร้างร่องเล็ก ๆ ให้สามารถม้วนเสื่อได้ ส่วนวิธีการใช้ก็เพียงแค่นำมาวางรองแล้วทับด้วยแผ่นสาหร่ายก็สามารถใช้งานได้แล้วค่ะ ปัจจุบันมีเสื่อที่ผลิตจากพลาสติกเพื่อความสะดวกในการเก็บรักษาและลดต้นทุนอีกด้วยซึ่งใช้งานง่ายเหมือนกันแต่อาจจะไม่ได้ฟีลญี่ปุ่นเท่าไหร่นัก
4. บล็อคทำข้าวปั้น
บล็อคข้าวปั้นเป็นอุปกรณ์เสริมที่สร้างขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำซูชิและเหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทำซูชิหรือยังทำไม่ถนัดค่ะ ซึ่งบล็อคข้าวปั้นเองก็มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้และส่วนใหญ่มีกจะทำมาจากพลาสติกหรือซิลิโคน ไม่ว่าจะเป็นโอนิกิริ, ฟูโตมากิซูชิ, นิกิริซูชิ หรือกุงกังซูชิ เรียกว่าแค่มีพิมพ์ซิลิโคนเหล่านี้คุณก็สามารถเป็นเชฟซูชิมือฉมังได้ไม่ยากเลยค่ะ
5. ถาดวางซูชิ
เชฟสายอุปกรณ์อย่างเราจะพลาดของตกแต่งสวย ๆ ไปได้ยังไงใช่ไหมล่ะคะ จริง ๆ แล้วการมีจานสวย ๆ หรือของตกแต่งสวย ๆ นี่ถือว่าเป็นหัวใจหลักของอาหารญี่ปุ่นเลยค่ะเพราะคนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าอาหารที่ดีนอกจากอิ่มท้องแล้วยังต้องช่วยให้อิ่มใจด้วย สำหรับถาดหรือจานอาหารญี่ปุ่นมักจะไม่ค่อยมีลวดลายสักเท่าไหร่นัก นิยมสีเอิร์ธโทนหรือสีพื้นสำหรับอาหารประเภทเส้นต่าง ๆ ส่วนซูชิส่วนใหญ่จะเลือกใช้จานสีดำแดงหรือสีขาวเพื่อช่วยชูความสดและสีของเนื้อปลา ทำให้อาหารดูน่าอร่อยขึ้นค่ะ
6. ตะเกียบ
ตะเกียบถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับอาหารญี่ปุ่น ถ้าเพื่อน ๆ เคยสังเกตจะเห็นว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะทานอาหารด้วยตะเกียบ ไม่ค่อยจะใช้ช้อนส้อมกันสักเท่าไหร่ทำให้ตะเกียบของญี่ปุ่นมีรูปทรงและสีสันที่หลากหลาย รวมไปถึงที่วางตะเกียบก็มีให้เลือกมากมายทั้งแบบธรรมดาไปจนถึงราคาแพงหูฉี่ ในส่วนของซูชิคนญี่ปุ่นจะทานอยู่สองแบบค่ะ แบบแรกคือผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุมักจะทานด้วยมือ ซึ่งความสะอาดไม่ต้องห่วงเพราะร้านซูชิส่วนใหญ่จะมีผ้าร้อนหรือเย็นสำหรับเช็ดมือไว้คอยบริการอยู่แล้ว และการทานด้วยมือจะช่วยให้เราสามารถสัมผัสได้ว่าปลาสดมั้ยหรือข้าวหุงมาพอดีหรือเปล่า อีกทั้งยังช่วยเสริมอรรถรสในการทานอีกด้วย และแบบที่สองคือการใช้ตะเกียบ เป็นการทานแบบสมัยใหม่ที่เป็นที่นิยมของวัยรุ่นและคนทั่วไปเนื่องจากวิธีนี้จะช่วยเพิ่มความสะอาดและรักษาภาพลักษณ์ให้ดูสุภาพมากขึ้น ดังนั้นตะเกียบจึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ
เรียนรู้ประเภทและอุปกรณ์ในการทำซูชิแล้วรู้สึกคันไม้คันมืออยากรับบทเชฟทำซูชิทานบ้าง ยิ่งในสมัยนี้มีแอปชอปปิ้งออนไลน์มากมายให้เราได้เลือกซื้อแบบง่าย ๆ เพียงแค่เลือกสินค้าที่ต้องการ จ่ายเงิน แล้วนั่งรอรับสินค้าที่บ้านโดยไม่ต้องออกไปเลือกซื้อของให้เสี่ยงเชื้อโรคและเสียเวลา ทำให้การทำอาหารในสมัยนี้เป็นเรื่องง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปากทั้งอาหารไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพริกแกง, น้ำพริก, แจ่วบอง, แกงไตปลา, ก๋วยเตี๋ยวสำเร็จรูป, ต๊อกบกกี, โคชูจัง, กิมจิ, ขนมเกาหลี, ขนมจากจีน หรือขนมอินเดียยอดนิยมอย่าง ปานีปูรี ก็สามารถหาทานได้ง่าย ๆ หวังว่าเพื่อน ๆ จะสนุกและเอนจอยกับการทำอาหารนะคะ ไว้เจอกันใหม่บทความหน้า สวัสดีค่ะ