Say Hi ! สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ กลับมาพบกันอีกแล้วกับบทความแนะนำสูตรเมนูอาหารอร่อย ๆ ที่เพื่อน ๆ รอคอย หลังจากบทความก่อนหน้าเราได้แนะนำเมนูปลานึ่ง, เมนูหมูทอด และเมนูเด็กหอไปแล้ว วันนี้เราขอมาเพิ่มกากใยให้กับลำไส้ด้วยวัตถุดิบอันทรงคุณค่าอย่าง “กะหล่ำปลี” กันค่ะ พูดถึงกะหล่ำปลีแล้วเพื่อน ๆ บางคนอาจจะคิดไม่ออกว่ากะหล่ำปลีนี่สามารถนำไปทำเมนูอะไรได้บ้างนะ ? ตามมาทางนี้เลยค่ะเพื่อน ๆ เพราะวันนี้เราได้รวบรวม “เมนูอร่อย ๆ จากกะหล่ำปลี” มาฝากเพื่อน ๆ ถึง 10 เมนูจุก ๆ ไปเลย ขอกระซิบบอกว่าบทความนี้มีทั้งเมนูทานเล่น เมนูกับข้าว ไปจนถึงเมนูอาหารญี่ปุ่นเลยนะพวกเธอ แต่ก่อนจะไปพับกบพบกับเมนูที่เรานำมาฝาก เรามาแวะดูประโยชน์ของกะหล่ำปลีกันสักหน่อยค่ะ
ประโยชน์ของกะหล่ำปลี
เพื่อน ๆ คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่ากะหล่ำปลีเป็นพืชหัว มีหน้าตาคล้าย ๆ กับผักกาด เพราะเป็นพี่น้องร่วมตระกูลเดียวกันค่ะ แต่สิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ก็คือกะหล่ำปลีเป็นพืชที่เต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายของเราต้องการมากมายเลย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน, วิตามิน K, วิตามิน C, วิตามิน B6, โฟเลต (folate) หรือแมงกานีส (manganese) เป็นต้น (1,2) ซึ่งร่างกายต้องการสารอาหารเหล่านี้เข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
แค่นี้ยังไม่พอเพราะกะหล่ำปลีเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ สารต้านออกซิเดชัน (antioxidants) ที่มีส่วนช่วยรักษาอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ทำให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น ยังไม่หมด! หากเพื่อน ๆ มีปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่าย กะหล่ำปลีถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดี เพราะไฟเบอร์จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้กะหล่ำปลียังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด, ลดความดัน และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจอีกด้วยค่ะ (1,2)
สูตรเมนูจากกะหล่ำปลี
เห็นประโยชน์เยอะแยะมากมายขนาดนี้แล้วเพื่อน ๆ หลายคนคงจะอยากทานเมนูจากกะหล่ำปลีขึ้นมาบ้างแล้ว อย่ารอช้า เรารีบเลื่อนลงไปดูเมนูจากกะหล่ำปลีที่เรานำมาฝากกันเลยดีกว่าค่ะ รับรองว่าหนึ่งในเมนูเหล่านี้จะต้องกลายมาเป็นอาหารมื้อต่อไปของเพื่อน ๆ แน่นอน
1. สลัดกะหล่ำปลี / โคลสลอว์ (coleslaw)

เริ่มต้นแบบเบา ๆ ด้วยสลัดกะหล่ำปลีหรือโคลสลอว์ เมนูสลัดผักที่ใครหลาย ๆ คนชื่นชอบ ซึ่งเมนูนี้จะเหมาะกับการทานคู่กับของทอด ๆ ที่สุด เพราะรสชาติเปรี้ยวอมหวานของสลัดจะช่วยแก้เลี่ยนได้อย่างดี พระเอกของเมนูนี้ก็คือกะหล่ำปลีทั้งสีขาวและม่วงที่หั่นมาบางกำลังดี แช่เย็นมาจนกรอบและไม่มีกลิ่นคอยกวนใจ มาพร้อมผองเพื่อนแครอทและหอมใหญ่ช่วยเพิ่มสารอาหารและความสวยงาม สลัดกะหล่ำปลีเป็นเมนูง่าย ๆ ที่จะทานตอนไหนก็อร่อยค่ะเพราะทำครั้งเดียวสามารถแช่เย็นเก็บไว้ทานได้ถึง 3 วันเลย
วัตถุดิบสลัดกะหล่ำปลี
วิธีทำสลัดกะหล่ำปลี
ก่อนอื่นเราจะมาจัดการกับกะหล่ำปลีก่อนค่ะ เมนูนี้แนะนำให้เลือกใช้ทั้งกะหล่ำปลีขาวและม่วงนะคะจะได้สลัดสีสวยงาม สำหรับกะหล่ำปลีจะต้องใช้ความพิถีพิถันสักหน่อยเพราะเหม็นเขียวและมีรสขมง่าย ขั้นตอนแรกจะต้องนำกะหล่ำปลีแช่เย็นมาลอกเอาผิวช้ำ ๆ ดำ ๆ ด้านนอกก่อนแล้วหั่นครึ่ง ล้างน้ำเอายางกะหล่ำปลีออก 1 รอบแล้วสะบัดเอาน้ำออกให้มากที่สุด จากนั้นใช้ที่ปอกผลไม้หรือมีดคม ๆ ซอยกะหล่ำปลีให้เป็นเส้นบางแล้วล้างน้ำเย็นอีกประมาณ 2 – 3 รอบด้วยความเบามือ ใช้สลัดสปินเนอร์สลัดเอาน้ำออกจากกะหล่ำปลีให้หมดแล้วนำกลับไปแช่เย็นไว้ก่อน วิธีนี้จะทำให้กะหล่ำปลีกรอบและไม่เหม็นเขียวค่ะ
ต่อมานำแครอทมาปอกเปลือกและซอยเป็นเส้น ส่วนหอมใหญ่เราแนะนำให้เลือกซื้อแบบที่มีเปลือกหุ้มสีขาวเพราะหอมใหญ่ชนิดนี้จะมีรสชาติหวานและไม่มีกลิ่นฉุนเหมือนชนิดเปลือกสีน้ำตาลค่ะ เราจะนำหอมใหญ่มาปอกเปลือกแล้วหั่นเต๋าเล็ก ๆ และต้องใช้มีดที่ค่อนข้างคมเพราะจะทำให้หอมใหญ่ไม่ช้ำและไม่มีกลิ่น หั่นผักเสร็จเรียบร้อยแล้วนำกลับไปแช่เย็นพักไว้ก่อน
กลับมาผสมน้ำสลัดกันต่อค่ะ เราจะนำมายองเนส, นมข้นหวาน, เกลือ และพริกไทยมาผสมกัน ชิมให้มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานเล็กน้อย ถ้าเพื่อน ๆ อยากเน้นรสเปรี้ยวสามารถเติมน้ำมะนาวหรือโยเกิร์ตเพิ่มได้อีก ส่วนใครเน้นรสหวานแต่ชอบทานนมข้นจะเปลี่ยนมาใช้น้ำตาลทรายขาวก็ได้ค่ะแต่อาจจะต้องใช้เวลานานสักหน่อยกว่าน้ำตาลจะละลาย หลังจากเตรียมน้ำสลัดเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็จะนำทั้งกะหล่ำปลี, แครอท และหอมใหญ่มาคลุกเคล้ากับน้ำสลัดแล้วจัดเสิร์ฟแบบเย็น
2. เกี๊ยวซ่าไส้กะหล่ำปลี

มีโคลสลอว์แล้วก็ต้องมีของทอดมาทานคู่กันเพื่อเพิ่มความปัง นอกจากไก่ทอดและหมูทอดแล้วเกี๊ยวซ่าก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เราอยากให้เพื่อน ๆ ลอง ถึงแม้สูตรออริจินอลจะแนะนำให้ทานคู่กับน้ำจิ้มทาเระแต่ลองเปลี่ยนมาทานคู่กับโคลสลอว์ก็ถือว่าเป็นเมนูฟิวส์ชั่นที่สุดแสนจะสร้างสรรค์ หรือจะทานคู่กับกะหล่ำปลีฝอยก็อร่อยเข้ากันมาก ๆ สำหรับเกี๊ยวซ่าสูตรของเราจะเป็นไส้หมูสับผสมกะหล่ำปลี หรือจะเป็นไส้กะหล่ำปลีอย่างเดียวก็ได้ค่ะ ห่อหุ้มด้วยแป้งเกี๊ยวที่ให้ทั้งสัมผัสกรอบและนุ่มในคราเดียวกัน ไส้ด้านในปรุงรสหวานอมเปรี้ยวพร้อมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำมันงา เพื่อน ๆ สามารถดูวัตถุดิบและวิธีทำได้ที่ เมนูอาหารญี่ปุ่น: ยากิเกี๊ยวซ่า
3. กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา

ถัดมาเป็นเมนูกับข้าวยอดฮิตที่ออกจากบ้านเมื่อไหร่ราคาค่าตัวก็จะสูงจนน่าหมั่นไส้ แต่ต่อไปนี้เราไม่ต้องเสียเงินให้กับกะหล่ำปลีทอดน้ำปลาที่ร้านอาหารแล้วค่ะเพราะเราเองก็สามารถทำเมนูนี้ให้อร่อยถูกใจได้ที่บ้าน โดยเราจะเลือกใช้กะหล่ำปลีสดใหม่มาผัดรวมกับกระเทียมเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม คลุกน้ำมันเบา ๆ และราดน้ำปลาลงไปให้หอม นี่แหละคือซิกเนเจอร์ของเมนูนี้ น้ำปลาที่โดนกระทะร้อน ๆ จะไหม้และส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล เมื่อเริ่มผัดอีกครั้งกลิ่นและรสชาติก็จะถูกเคลือบไว้บนกะหล่ำปลีทำให้เราได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ เมื่อทานเข้าไป ช่วยให้เจริญอาหารได้โดยไม่รู้ตัว
วัตถุดิบกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา
- กะหล่ำปลี
- กระเทียม
- น้ำตาลทราย
- น้ำปลา
- น้ำมันพืช
วิธีทำกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา
ก่อนอื่นเราจะนำกะหล่ำปลีมาลอกเอาเปลือกช้ำ ๆ ออกให้หมดก่อนค่ะ จากนั้นผ่าแบ่งกะหล่ำปลีออกเป็น 4 ส่วนแล้วตัดเอาส่วนก้านแข็งด้านในออก นำกะหล่ำปลีมาหั่นเป็นชิ้นอีกครั้งหนึ่งเพื่อความสะดวกตอนผัดและทาน เตรียมกะหล่ำปลีเสร็จเรียบร้อยแล้วหันมาทุบกระเทียมให้พอแตก นำกระทะขึ้นตั้งเตา เปิดไฟแรงแล้วใส่น้ำมันพืชลงไปพอประมาณ รอจนน้ำมันร้อนแล้วนำกระเทียมลงผัดจนหอมตามด้วยกะหล่ำปลี หลังจากนำกะหล่ำปลีลงกระทะแล้วคลุกให้กะหล่ำปลีโดนน้ำมันทั่วถึงกันและเริ่มมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อย
และแล้วช่วงเวลาแห่งความระทึกใจก็มาถึง เราจะเกลี่ยกะหล่ำปลีมากองไว้ตรงกลางก่อน จากนั้นเทน้ำปลาลงไปบนขอบกระทะจนมีเสียงซู่ ๆ ซ่า ๆ ปาทังก้าปาทังกี้ เมื่อน้ำปลาโดนขอบกระทะร้อน ๆ จะไหม้และมีกลิ่นหอม จากนั้นเราค่อยผัดกะหล่ำปลีต่อโดยพยายามนำกะหล่ำปลีขึ้นไปเช็ดคราบไหม้น้ำปลาลงมาด้วย ตัดความเค็มด้วยน้ำตาลอีกเล็กน้อยและผัดจนน้ำตาลละลายดีก็เป็นอันใช้ได้ กะหล่ำปลีทอดน้ำปลาพร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ
4. ไข่ตุ๋นกะหล่ำปลี
ถัดมาเป็นเมนูของโปรดเด็ก ๆ อย่างไข่ตุ๋นที่ทำง่ายและได้ประโยชน์เน้น ๆ เราจะเปลี่ยนจากถ้วยธรรมดา ๆ มาเป็นการรองด้วยกะหล่ำปลี จากนั้นเทไข่ที่ปรุงรสและเพิ่มสีสันด้วยแครอทและเห็ดหอมลงไป ก่อนนำไปนึ่งจนไข่และกะหล่ำปลีค่อย ๆ สุกช้า ๆ เนื้อไข่จะเนียนสวย ขณะเดียวกันกะหล่ำปลีก็จะหวานฉ่ำและมีกลิ่นหอมของไข่แทรกอยู่จาง ๆ ทอปด้วยปูอัดสีส้มสดใสเพื่อหลอกล่อให้เด็กน้อยหลงกลมาทานเมนูแสนอร่อยทีเราตั้งอกตั้งใจทำมาเป็นอย่างดี รับรองว่าเจ้าตัวป่วนจะต้องถูกใจแน่นอนค่ะ
วัตถุดิบไข่ตุ๋นกะหล่ำปลี
- ไข่ไก่
- ปูอัด
- กะหล่ำปลี
- เห็ดหอมสด
- แครอท
- ต้นหอม
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสปรุงรส
- น้ำเปล่า
วิธีทำไข่ตุ๋นกะหล่ำปลี
ขั้นตอนแรกเราจะลอกเอาเปลือกด้านนอกออกประมาณ 2 – 3 ใบแล้วล้างน้ำหลาย ๆ รอบให้สะอาดจากนั้นใช้มีดปลายแหลมเจาะบริเวณขั้วกะหล่ำปลีลงไปครึ่งหนึ่งให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมแล้วดึงเอาไส้ออก คราวนี้กะหล่ำปลีก็จะแปลงร่างเป็นถ้วยสำหรับใส่ไข่ตุ๋นแล้วค่ะ นำกะหล่ำปลีมาล้างน้ำเปล่าอีกรอบแล้วคว่ำพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
หันมาเตรียมในส่วนของไข่ตุ๋นกันบ้าง เริ่มจากเตรียมหม้อนึ่งให้ร้อนก่อน จากนั้นหั่นเห็ดหอมและแครอทให้เป็นเต๋าเล็ก ๆ เตรียมไว้ หยิบไข่ขึ้นมาตอกใส่ภาชนะแล้วตีให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและซอสปรุงรสตามด้วยแครอทและเห็ดหอม ตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้งแล้วเติมน้ำลงไปในปริมาณที่เกือบเท่า ๆ กับไข่ หันมาหยิบกะหล่ำปลีวางบนจานหรือภาชนะทนความร้อนแล้ววางในหม้อนึ่ง จากนั้นเทไข่ที่เราผสมไว้ตามลงไปแล้วปิดฝานึ่งไฟอ่อน ๆ ประมาณ 15 – 20 นาที หรือจนกว่ากะหล่ำปลีและไข่จะสุกดี วิธีเช็กไข่ก็คือเราจะนำไม้เสียบลูกชิ้นจิ้มลงไปตรงกลางค่ะ ถ้าไม่มีไข่เหลว ๆ ติดออกมาก็แปลว่าไข่ด้านในสุกดีแล้ว เราจะฉีกปูอัดเป็นเส้นวางลงไปแล้วปิดฝาอบต่อประมาณ 2 – 3 นาที ก่อนนำลงมาโรยต้นหอมซอยก่อนเสิร์ฟ
5. กะหล่ำปลีผัดวุ้นเส้น

กะหล่ำปลีผัดวุ้นเส้นคงจะเป็นเมนูโปรดในวัยเยาว์ของใครหลาย ๆ คน เมนูแสนอร่อยนี้สามารถทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยค่ะ เพราะมีโปรตีนจากกุ้งและไข่ไก่ เพิ่มความอร่อยปและคุณประโยชน์ด้วยกะหล่ำปลี, แครอท และมะเขือเทศ พร้อมวุ้นเส้นเหนียวนุ่ม นำมาผัดรวมกันและปรุงรสให้มีรสหวานนิดเค็มหน่อย กลมกล่อมครบรส นำมาทานกับข้าวสวยร้อน ๆ และแกงส้มเผ็ด ๆ ขอบอกว่าอร่อยจนลืมอิ่มไปเลยค่ะ แค่คิดก็น้ำลายสอเราไปดูวัตถุดิบและวิธีการทำกันเลยดีกว่า
กะหล่ำปลีวัตถุดิบผัดวุ้นเส้น
- กุ้ง
- ไข่ไก่
- กะหล่ำปลี
- แครอท
- มะเขือเทศ
- กระเทียม
- ต้นหอม
- วุ้นเส้น
- พริกไทยป่น
- น้ำตาล
- ซีอิ๊วขาว
- ซีอิ๊วดำ
- ซอสหอยนางรม
- น้ำมันพืช
กะหล่ำปลีวิธีทำผัดวุ้นเส้น
ก่อนอื่นเราจะนำวุ้นเส้นมาแช่น้ำให้นิ่มก่อนค่ะ แนะนำให้เลือกใช้วุ้นเส้นแบบแห้งนะคะเส้นที่ได้จะเหนียวนุ่มมากกว่าและไม่เปื่อยด้วยค่ะ จากนั้นหันมาหั่นต้นหอมแครอท, มะเขือเทศ และกะหล่ำปลีเสร็จแล้วตอกไข่ใส่ภาชนะเตรียมไว้ ส่วนกระเทียมเราจะนำมาสับให้ละเอียดค่ะ
ตั้งกระทะ เปิดไฟกลางแล้วใส่น้ำมันลงไปพอประมาณ น้ำมันเริ่มร้อนแล้วนำกระเทียมลงไปผัดให้หอมก่อนแล้วตามด้วยกุ้งสด จากนั้นผัดจนกุ้งเริ่มสุกสักเล็กน้อยและแยกกุ้งออกมาตั้งพักไว้ (ป้องกันไม่ให้เนื้อกุ้งสุกจนแข็งเกินไป) หรือจะเกลี่ยพักไว้ขอบกระทะก่อนก็ได้ค่ะ แล้วนำไข่ลงมาผัดจนสุกก่อน นำกุ้งมาผัดรวมกันอีกครั้ง พยายามยีให้ไข่ไม่เกาะตัวกันเป็นก้อนนะคะ
หลังจากไข่และกุ้งแล้วเราจะนำวุ้นเส้น, กะหล่ำปลี และแครอทลงผัดต่อเลยค่ะ ผัด ๆ คลุก ๆ จนผักเริ่มสุกเราจะปรุงรสด้วยน้ำตาล, ซีอิ๊วขาว, ซอสหอยนางรม, พริกไทยป่น และใส่ซีอิ๊วดำลงไปเล็กน้อยเพื่อช่วยให้ผักวุ้นเส้นมีสีเข้มขึ้น จากนั้นผัดจนส่วนผสมในกระทะสุกและมีสีสวยเสมอกันเลยค่ะ ผักสุกแล้วเราจะชิมรสชาติเล็กน้อยแล้วใส่ต้นหอมและมะเขือเทศลงไปผัดเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนตักเสิร์ฟ
6. ต้มจืดกะหล่ำปลี

ถัดมาเป็นอีกหนึ่งเมนูที่จะทานเป็นกับข้าวหรือซดเป็นซุปร้อน ๆ ก็ได้ค่ะ ต้มจืดกะหล่ำปลีเป็นอีกหนึ่งเมนูอร่อยที่ทำตามได้ไม่ยาก เราจะนำกะหล่ำปลีมายัดไส้หมูสับที่ผสมกับวุ้นเส้น, แครอท และหอมใหญ่ไว้ด้านใน จากนั้นนำไปต้มในน้ำซุปผักที่มีรสชาติหวานธรรมชาติของผัก ส่วนกะหล่ำปลียัดไส้จะมีรสชาติเค็มหวานกลมกล่อม เนื้อแน่น เข้ากันได้ดีกับข้าวสวยร้อน ๆ และน้ำพริกเผ็ด ๆ
วัตถุดิบต้มจืดกะหล่ำปลี
- หมูสับ
- แครอท
- กะหล่ำปลี
- หอมใหญ่
- กระเทียม
- เกลือ
- พริกไทยป่น
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำเปล่า
วิธีทำต้มจืดกะหล่ำปลี
มาเริ่มกันที่การเตรียมกะหล่ำปลีกันก่อนเลยค่ะ เราจะเลือกเอากะหล่ำปลีหัวเล็ก ๆ ขนาดกำลังพอเหมาะมาล้างทำความสะอาดแล้วบริเวณขั้วด้านล่างและดึงเอาใบกะหล่ำปลีด้านในออกเพื่อทำเป็นถ้วย จากนั้นล้างให้สะอาดอีกครั้งแล้วพักให้สะเด็ดน้ำ หันมาหั่นแครอทและหอมใหญ่เป็นเต๋า ส่วนวุ้นเส้นเราจะเลือกใช้แบบเส้นสดที่มีความนิ่ม นำมาหั่นให้เป็นท่อนสั้น ๆ แล้วนำมาผสมกับหมูสับ ตามด้วยแครอทและหอมใหญ่ ใส่กระเทียมสับลงไปด้วยเล็กน้อย ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและพริกไทยป่น หมักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
ระหว่างรอหมักหมูสับเราจะมาเตรียมน้ำซุปกันต่อ เริ่มจากเทน้ำใส่หม้อแล้วนำขึ้นตั้งไฟกลางค่อนแรง ใส่เนื้อกะหล่ำปลีที่คว้านออกมาลงไป ถ้ามีแครอทและหอมใหญ่เหลือจะใส่ลงไปด้วยก็ได้ค่ะ เพิ่มรสชาติน้ำซุปด้วยซีอิ๊วขาวและเกลือ จากนั้นต้มจนผักเปื่อยได้ที่เลย หันมานำหมูสับที่หมักไว้ยัดใส่ลงในกะหล่ำปลี ค่อย ๆ ใส่ลงไปทีละนิดแล้วใช้ช้อนคอยกดให้เนื้อหมูแน่นด้วยค่ะตอนต้มจะได้เกาะตัวเป็นก้อน หลังจากนั้นนำกะหล่ำปลีลงต้มในน้ำซุป ใช้เวลาประมาณ 20 นาที หรือจนกว่ากะหล่ำปลีและเนื้อหมูจะสุก ระวังไม่ให้กะหล่ำปลีเปื่อยมากเกินไปนะคะเดี๋ยวจะเละ หลังจากนั้นตักใส่ภาชนะพร้อมเสิร์ฟได้เลยจ้า
7. ซุปกิมจิ

มาต่อกันที่เมนูโกอินเตอร์อย่างซุปกิมจิที่ทำง่ายมาก ๆ ขอเพียงแค่คุณมีกิมจิสำเร็จรูปรสเด็ด ก็สามารถทำเมนูอาหารเกาหลีได้เองจากบ้านแล้วค่ะ ซึ่งกิมจิที่เราจะให้ใช้ในวันนี้จะเป็น “กิมจิกะหล่ำปลี” หรือ “กิมจิผักกาดขาว” ก็ได้ แต่ทีเด็ดของเมนูนี้คือการใส่กะหล่ำปลีสดเพิ่มลงไปเพื่อให้รสชาติหวานมากยิ่งขึ้น แล้วตามด้วยแครอท, เห็ดนานาชนิด, ต้นหอม และเต้าหู้อ่อน หากคุณต้องการเน้นโปรตีนอีกหน่อยก็ใส่หมูสามชั้นหรือเนื้อหมูสไลด์ลงไปได้ตามใจชอบเลยค่ะ จากนั้นปรุงรสด้วยโคชูจัง, งาขาวคั่ว, น้ำมันงา และน้ำเปล่า หากยังไม่หนำใจให้เติมด้วยเส้นรามายอนหรือมาม่าเกาหลีลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยกลมกล่อมยิ่งขึ้น ทอปด้วยไข่ไก่สดหรือไข่ต้มยางมะตูม แค่นี้ก็อร่อยอย่าบอกใครเลยค่ะ คุณสามารถเข้าไปอ่านวิธีการทำซุปกิมจิได้ที่ ซุปกิมจิเต้าหู้ไข่
8. ยำมาม่า / ยำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

เปลี่ยนมาเพิ่มความแซ่บกันด้วยยำเมนูยำสุดจัดจ้านกันบ้าง ไหน ๆ ช่วงนี้ก็มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเต็มบ้านไปหมด จะให้ต้มกินเฉย ๆ ก็คงจะน่าเบื่อไปหน่อย ลองจับมาแปลงโฉมเป็นยำมาม่าเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการทานกันหน่อยดีกว่าค่ะ งานนี้มีอะไรก็ใส่ไม่ยั้ง ไม่ว่าจะเป็นหมูสับ ,ปูอัด ,ไส้กรอก, กะหล่ำปลี, เห็ด หรือแครอท จากนั้นมาปรุงน้ำยำให้แซ่บถึงใจด้วยพริกและน้ำมะนาวสด นำวัตถุดิบทุกอย่างมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน ใช้เวลาไม่นานยำมาม่าก็พร้อมรับประทานแล้วจ้า ตามไปตำวิธีทำอย่างละเอียดได้ที่ เมนูยำรสแซ่บ: ยำมาม่า
9. ยากิโซบะ

เปลี่ยนบรรยากาศมาทานเมนูเส้นจักอดนอาทิตย์อุทัยบ้าง ยากิโซบะเป็นเมนูอาหารญี่ปุ่นที่คนไทยชื่นชอบและนิยมทานกันเมื่อไปเยือนประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเมนูนี้ทานง่ายและมีรสชาติอร่อยถูกปาก แต่ขอบอกว่าตอนนี้ไม่ต้องบินไปไกลแล้วค่ะเพราะเพื่อน ๆ เองก็สามารถทำยากิโซบะทานเองได้ที่บ้าน แค่เพื่อน ๆ มีเส้นยากิโซบะ เนื้อสัตว์ ผัก และซอสยากิโซบะ แค่นี้ก็สามารถเนรมิตอาหารญี่ปุ่นได้เองแล้ว รับรองว่ารสชาติอร่อยไม่แพ้ต้นตำรับแน่นอน
วัตถุดิบยากิโซบะ
- เส้นยากิโซบะ
- หมูสไลซ์
- กะหล่ำปลี
- แครอท
- หอมใหญ่
- เกลือ
- พริกไทยป่น
- น้ำมันพืช
- ซอสยากิโซบะ
- น้ำเปล่า
วิธีทำยากิโซบะ
ขั้นตอนแรกเราจะหั่นผักเตรียมไว้ก่อนเลยค่ะ จากนั้นต้มน้ำให้เดือดแล้วนำเส้นยากิโซบะลงลวกจนเส้นนิ่มก็สามารถตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำรอได้เลย เราจะไม่ต้มจนเส้นสุกนะคะเพราะเดี๋ยวต้องนำมาผัดต่ออีกค่ะ หลังจากเตรียมเส้นเรียบร้อยแล้วเราจะตั้งกระทะ ใช้ไฟกลาง ๆ ใส่น้ำมันลงไปแล้วนำหอมใหญ่ลงผัดจนสุกนิ่ม ตามด้วยเนื้อหมูแล้วผัดจนเกือบสุกค่อยปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย จากนั้นนำแครอทและกะหล่ำปลีลงผัดต่อจนสีเริ่มสดขึ้น ตอนนี้เราจะนำเส้นยากิโซบะลงผัดรวมกันเลยค่ะ ปรุงรสด้วยซอสยากิโซบะสำเร็จรูป ถ้าเครื่องปรุงในกระทะแห้งเกินไปสามารถเติมน้ำได้อีกเล็กน้อย ผัดคลุกเคล้าจนส่วนผสมเข้ากันดีแล้วชิมรสชาติอีกเล็กน้อยก่อนจัดเสิร์ฟ
10. โอโคโนมิยากิ

ขอปิดท้ายด้วยอาหารญี่ปุ่นอีกหนึ่งประเภทที่หลายคนชื่นชอบ โอโคโนมิยากิหรือพิซซ่าญี่ปุ่นเป็นเมนูที่ทำง่ายและสามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมได้ตามชอบ สำหรับเมนูนี้ถือว่าเป็นเมนูยอดนิยมในร้านอาหารญี่ปุ่น ตัวแป้งจะทำมาจากสาลีเอนกประสงค์ที่ผสมกับดาชิทำให้มีรสชาติอร่อยกลมกล่อม จากนั้นจะมีการผสมเนื้อสัตว์และผักตามลงไปแล้วคนให้เข้ากัน นำมาทอดบนกระทะใบใหญ่ให้เป็นแผ่นบางจนแป้งสุกแล้วราดด้วยซอส, ปลาโอแห้ง และสาหร่ายผง สำหรับรสชาติจะมีความเค็มนิด ๆ จากซอส ได้ความมัน ๆ เปรี้ยว ๆ ของมายองเนส และรสหวานของผักและเนื้อสัตว์ค่ะ เพื่อน ๆ สามารถวาร์ปไปดูวัตถุดิบและวิธีการทำแบบละเอียดได้ที่ อาหารญี่ปุ่น: โอโคโนมิยากิ
และนี่ก็คือ 10 เมนูจากกะหล่ำปลีที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ เป็นอย่างไรบ้างคะ? แต่ละเมนูนี่น่าทานทั้งนั้นเลยเนอะ เอาจริง ๆ แล้วเราเองก้คิดไม่ถึงเหมือนกันนะคะว่ากะหล่ำปลีสามารถนำมาทำอาหารอร่อย ๆ ได้เยอะขนาดนี้ เพราะปกติแล้วคิดถึงกะหล่ำปลีเมื่อไหร่ก็มักจะพาลไปนึกถึงลูกชิ้นทอดหรือแหนมด้วยทุกครั้ง แต่หลังจากนี้เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะได้ไอเดียใหม่ ๆ ในการทานกะหล่ำปลีเหมือนเราแน่นอนค่ะ
นอกจากกะหล่ำปลีแล้วเรายังมีบทความแนะนำเมนูอื่น ๆ อีกด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเมนูจากฟักทอง, ผักบุ้ง, ข้าวโพด, เห็ด, มันฝรั่ง, ข้าวโอ๊ต, เต้าหู้, เนื้อไก่, เนื้อวัว, เนื้อหมู, อาหารทะเล, เมนูต้มยำ, เมนูนึ่งมะนาว, เมนูกับแกล้ม, สูตรหมักหมูกระทะ, สูตรน้ำสลัด, สูตรสปาเก็ตตี้, แซนด์วิช หรือบทความรีวิวข้าวกล่อง, เมนูทานเล่น, อาหารช่วยขับถ่าย หรืออาหารเช้าจากร้านสะดวกซื้อก็มีค่ะ
References :