Garmin vívosmart 5 ใหม่ ผู้ช่วยติดตามสุขภาพขั้นสูง ที่ครบเครื่อง เรื่องการดูแลสุขภาพ เหมาะมาก ๆ สำหรับผู้ที่อยากจะเริ่มต้นดูแลสุขภาพ
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.4 เต็ม 10
|
|
สมาร์ทแบนด์ หรือ Fitness Tracker กำลังเป็นอุปกรณ์เพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ครับ เพราะด้วยขนาดที่เล็ก น้ำหนักเบา ช่วยให้ใส่สบาย แถมยังมีคุณสมบัติที่ครบครัน ไม่ต่างจากสมาร์ทวอชท์มากนัก แต่กลับมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่ามาก ทำให้ผู้เริ่มต้นส่วนใหญ่เลือกใช้ ซึ่งเมื่อพูดถึง อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ หนึ่งแบรนด์ที่นักกีฬาทั่วโลกให้การยอมรับมากที่สุด ก็คือ Garmin แบรนด์ระดับโลกที่เป็นผู้นำในวงการนี้มายาวนาน ซึ่งด้วยประสบการณ์ขนาดนี้ ทำให้เซ็นเซอร์ และฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ใช้ มีประสิทธิภาพสูงมาก ทำให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือ หลายรุ่นมีราคาที่สูงจนกลายเป็นภาพจำไปแล้วว่า แบรนด์นี้จะต้องแพง !
ดังนั้นเมื่อมีการเปิดตัว Garmin vivosmart 4 สมาร์ทแบนด์ราคาประหยัด ที่มีคุณสมบัติ การติดตามสุขภาพที่ครบเครื่อง มันจึงเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงมาก ๆ ครับ ซึ่งก็เป็นเวลานานถึง 4 ปีแล้วที่ซีรี่ส์ vivosmart ไม่มีการปล่อยรุ่นใหม่ออกมาเลย แต่ในที่สุดปี 2022 ก็ได้มีการเปิดตัว Garmin vivosmart 5 ออกมา โดยการกลับมาครั้งนี้ ขอบอกเลยครับว่ามันมาพร้อมเทคโนโลยีด้านสุขภาพขั้นสูงที่ครบครัน และก็ถูกอัพเกรดมาให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น ฉะนั้นในวันนี้เราจะไปดูกันว่า 4 ปี ที่หายไป มีการพัฒนาจุดไหน ? และใส่ฟังก์ชันอะไรเพิ่มเข้ามาใหม่บ้าง ? ตามไปหาคำตอบกันครับ
จุดเด่นของ Garmin vívosmart 5 Smart Fitness Tracker

สำหรับ Garmin vívosmart 5 รุ่นใหม่ ถือว่าเป็นอุปกรณ์ติดตามการติดตามสุขภาพขั้นสูงครับ เพราะมันมาพร้อมฟังก์ชันวัดค่าสุขภาพขั้นสูงที่ครบครันเลย แถมแต่ละค่ายังสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างละเอียด แม่นยำ ช่วยให้เป็นสมาร์ทแบรนด์ที่ตอบโจทย์ของคนรักสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง และต่อไปนี้คือ สรุปไฮไลท์ทั้งหมด ที่มีอยู่ในเจ้ารุ่นนี้ครับ
- ตัวเรือนมีขนาดเล็ก และน้ำหนักเบา ช่วยให้สวมใส่สบาย มีความคล่องตัวมากขึ้น
- มีการติดตามสุขภาพขั้นสูง และสามารถรองรับกิจกรรมการออกกำลังกายพื้นฐานต่าง ๆ ได้
- หน้าจอ Touch Screen (แบบขาว-ดำ) ที่ถึงแม้จะเล็ก แต่ก็แสดงผลข้อมูลสำคัญ ๆ ได้
- ปุ่มควบคุมหลัก ถูกเปลี่ยนเป็นปุ่มกด ช่วยให้มันยังคงใช้งานได้ แม้ว่า เราจะใส่ถุงมือ หรืออยู่ใต้น้ำ
- สามารถเปลี่ยนสายซิลิโคนได้ง่าย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ เลย (รุ่นเก่าเปลี่ยนไม่ได้)
- เซ็นเซอร์การติดตามอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชม. และมีการแจ้งเตือนหาดพบค่าที่ผิดปกติ
- เซ็นเซอร์วัดค่าความอิ่มตัวออกซิเจนในเลือด (SpO2) หรือ เซ็นเซอร์ Pulse Ox ที่แม่นยำ เชื่อถือได้
- มีการวิเคราะห์อายุสุขภาพ (Fitness Age) พร้อมคำแนะนำในการลดอายุสุขภาพ
- คะแนนพลังงานร่างกาย (Body Battery) ช่วยให้คุณวางแผนการทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
- ติดตามการนอนหลับเชิงลึก พร้อมการให้คะแนนการนอน ส่งรายงานในทุก ๆ เช้า และมีคำแนะนำการปรับปรุงการนอน
- มีการแจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ, วัดระดับความเครียด พร้อมโหมดฝึกการหายใจ, เตือนนั่งนานเกินไป และการติดตามรอบเดือน
- ติดตามกิจกรรมและกีฬาได้ 14 ชนิด เพิ่มใน vívosmart 5 ได้สูงสุด 10 ชนิด
- ระบบความปลอดภัย และขอความช่วยเหลือไปยังผู้ติดต่อฉุกเฉิน รองรับ 3 รายชื่อ
- รองรับเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยระบบ Bluetooth และ ANT+
- แอปพลิเคชัน Garmin Connect มีการเก็บข้อมูลอย่างละเอียด แถมยังถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย
- รองรับระดับการกันน้ำได้ที่ 5 ATM ซึ่งสามารถใส่ว่ายน้ำได้
- มีอายุการใช้งานต่อเนื่องนานสูงสุด 7 วัน (ในโหมดปกติ)
ข้อมูลทางเทคนิคของ Garmin vívosmart 5
|
|
วีดีโอ รีวิว Garmin vívosmart 5 ใส่ติดตามสุขภาพ
อุปกรณ์ภายในกล่อง
|
|
ดีไซน์การออกแบบที่ดี กะทัดรัด และเบา สวมใส่สบาย
Garmin vivosmart 5 ได้รับการดีไซน์ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันครับ ซึ่งถึงแม้ว่า ถ้าเรามองผ่าน ๆ มันอาจจะเหมือนรุ่นเดิมอยู่บ้าง แต่ถ้าเรามองลึกลงไปในรายละเอียด เพื่อน ๆ จะเห็นเลยว่า ดีไซน์ของรุ่นนี้ ถูกปรับมาให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีขึ้น และเน้นการสวมใส่ที่สะดวกสบาย และมอบความคล่องตัวที่มากขึ้น เดี๋ยวเราจะไปดูดีไซน์ในส่วนต่าง ๆ ของรุ่นนี้กันครับ
1. การออกแบบตัวเรือนที่เรียบง่าย

เรามาเริ่มกันที่การดีไซน์ตัวเรือนกันก่อนเลยครับ โดยรุ่นนี้จะมาในดีไซน์แบบเรียบง่าย ออกแบบโดยเน้นความโค้งมน ขนาดเล็ก ผลิตจากวัสดุโพลีคาร์บอเนต ที่มีความแข็งแรง แต่น้ำหนักเบา ช่วยให้ใส่สบาย มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น แถมยังมีระดับการกันน้ำ 5ATM ด้วย ทำให้สวมใส่ว่ายน้ำได้ ส่วนจอแสดงผล ก็ยังคงใช้จอสัมผัสแบบขาวดำเหมือนรุ่นแรกครับ แต่จะปรับขนาดจอให้ใหญ่ขึ้นถึง 66% เพื่อทำให้ใช้งานง่ายขึ้นมากครับ โดยเจ้ารุ่นนี้ vivosmart 5 จะแบ่งเป็น 2 รุ่น มีขนาด และน้ำหนักต่างกันดังนี้
- Small/ Medium : ขนาด 19.5×10.7×217 มม. และน้ำหนัก 24.5 ก. (รวมสาย) เหมาะกับขนาดเส้นรอบวง 122-188 มม. (เป็นขนาดที่เราเอามารีวิว)
- Large : ขนาด 19.5×10.7×255 มม. และน้ำหนัก 26.5 ก. (รวมสาย) เหมาะกับขนาดเส้นรอบวง 148-228 มม.
นอกจากนี้ก็ได้ตัดกรอบอะลูมิเนียมที่ขอบจอจากรุ่นเดิมแล้ว เนื่องจากรุ่นใหม่ถูกออกแบบให้สายสามารถถอดเปลี่ยนได้ ส่วนปุ่มควบคุมหลัก จากปุ่มสัมผัส ขนาดเล็กของรุ่นเดิม รุ่นใหม่ก็เปลี่ยนมาเป็นปุ่มกดจริง ๆ และปรับให้ใหญ่ขึ้น เกือบ 2 เท่า ช่วยให้มันใช้งานง่ายขึ้นมาก ๆ ครับ ซึ่งถึงแม้หน้าตา อาจจะดูตกยุคไปหน่อย แต่สิ่งที่ได้คือ เวลาที่เรามือเปียกน้ำ อยู่ใต้น้ำ หรือเวลาที่เราใส่ถุงมือหนา ๆ เราก็ยังคงใช้งานปุ่มนี้ได้ตามปกตินั่นเองครับ
2. หน้าจอใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้นกว่าเดิม

ส่วนหน้าจอ รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอทัชสกรีน OLED ขนาด 10.5 × 18.5 มม. ที่ใหญ่กว่ารุ่นเดิมถึง 66% และมีความละเอียดสูงขึ้นด้วย แต่ยังคงเป็นจอขาวดำเหมือนเดิมนะครับ ซึ่งอาจเป็นจุดที่หลายคนไม่ชอบ แต่ข้อดีคือ มันจะสู้แสงได้ดี และจะประหยัดแบตฯ ได้มากกว่า และยังมีเซ็นเซอร์ปรับแสงอัตโนมัติมาให้ด้วย และเรายังสามารถปรับความสว่างเองได้อีก 7 ระดับ ซึ่งในการใช้งานของเรา ไม่เจอปัญหาในส่วนนี้เลย สามารถอ่านได้ง่ายทั้งในที่ร่ม และกลางแจ้ง และเราก็ยอมรับเลยว่า Garmin ใช้พื้นที่ในจอได้ดีมากครับ ทำให้มันสามารถแสดงผลข้อมูลในจอเล็ก ๆ นี้ได้สูงถึง 3 ค่า พร้อมกัน
ในด้านการปลุกหน้าจอ vivosmart 5 จะไม่มีตัวเลือกเปิดหน้าจอตลอดเวลานะครับ แต่เราสามารถกำหนดระยะเวลาก่อนที่หน้าจอจะดับลงได้ (สั้น กลาง หรือยาว) สำหรับการปลุกหน้าจอเราก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ครับ โดยการยกข้อมือเข้าหาตัว ซึ่งใช้งานง่ายมาก ๆ และทำงานได้ดีตลอดเวลาครับ และเรายังสามารถกดปุ่มควบคุม หรือแตะหน้าจอ 2 ครั้ง เพื่อปลุกหน้าจอได้เช่นกัน
3. ตำแหน่งของเซ็นเซอร์ต่าง ๆ และพอร์ตชาร์จ

เมื่อพลิกมาด้านหลังเราจะพบกับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจแบบออปติคอล และเซ็นเซอร์ Pulse Ox หรือเซ็นเซอร์ตรวจวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) ซึ่งเดียวเราจะลงรายเอียดให้หัวข้ออื่น ๆ ต่อไป และส่วนที่เป็น แท่ง ๆ มีทองแดงสามจุด ที่อยู่ข้าง ๆ กับเซ็นเซอร์ก็คือ พอร์ตชาร์จ ครับ ซึ่งรุ่นนี้จะเปลี่ยนไปใช้สายชาร์จ Garmin proprietary plug charger ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับอุปกรณ์ Garmin รุ่นใหม่ ๆ นั่นเอง
ซึ่งพอร์ตชาร์จนี้จะมีความทนทานสูงมาก โดยทาง Garmin ได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อป้องกันสิ่งสกปรก ที่มักจะเข้าไปอุดตันในพอร์ตชาร์จ ทำให้ลักษณะพอร์ตชาร์จของรุ่นนี้จะเป็นแบบเสียบ แทนที่จะเป็นช่องชาร์จเหมือนปกติ หรือเป็นแบบหนีบ เหมือนรุ่นก่อน ทำให้มันรองรับการใช้งานแบบลุย ๆ ได้สบาย ๆ ครับ นอกจากนั้นยังดีไซน์มาให้เสียบชาร์จได้ 2 ฝั่งเหมือนกับสายชาร์จ type-C และสายชาร์จ Lightning ของ iPhone ทำให้ใช้งานง่ายยิ่งขึ้นครับ แต่ปัญหาพอร์ตชาร์จแบบนี้คือ ด้วยความที่เป็นพอร์ตชาร์จเฉพาะ ดังนั้นถ้าเราลืมพกสายชาร์จไปด้วย การจะไปหายืม หรือไปหาซื้อ มันจะค่อนข้างยากครับ
4. ดีไซน์ตัวสายรัดข้อมือ ที่ถอดได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์

สำหรับ Vivosmart 5 จะมีโครงสร้างที่เล็ก กะทัดรัด หุ่มด้วยสายซิลิโคน น้ำหนักเบา ซึ่งความพิเศษของรุ่นใหม่คือ เราสามารถเปลี่ยนสายรัดนี้ได้แล้วครับ ซึ่งเราเชื่อว่าอีกไม่นานต่อจากนี้จะมีสายแบบต่าง ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ทำให้เราไม่รู้สึกจำเจ เหมือนกับรุ่นก่อนที่เปลี่ยนสายไม่ได้ ส่วนวิธีการถอดสายก็ง่าย ๆ ครับ แค่เราพับสายซิลิโคนขึ้นไปทางหน้าจอ เท่านี้มันก็จะหลุดออกจากกันครับ ส่วนวิธีใส่สายกลับไป เราก็แค่เล็งตัวเรือนให้ตรงกับสายจากทางด้านหลังของสาย จากนั้นก็ให้ดันเข้าไป โดยให้ขอบ ๆ เรือนกับสายแนบสนิทกัน เท่านี้เป็นอันเรียบร้อย โดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือใด ๆ ทั้งสิ้น
การจับคู่ที่ทำได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดาย

1. เปิดเครื่อง vívosmart 5
ก่อนอื่นเพื่อน ๆ จะต้องเปิดเครื่อง vívosmart 5 ขึ้นมา โดยกดปุ่มบนหน้าจอค้างไว้ประมาณ 5 วินาที เพื่อตรวจสอบสถานะของแบตเตอรี่ว่ามีเพียงพอหรือไม่ ? หากในกรณีที่แบตเตอรี่หมดให้เสียบสายชาร์จไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นเครื่องจะเริ่มเปิดระบบการทำงานเองอัตโนมัติครับ โดยในครั้งแรกมันจะให้เราเลือกภาษาที่ต้องการใช้ (ซึ่งจะมีภาษาไทยด้วยครับ) เมื่อเราเลือกภาษาเรียบร้อยแล้ว หน้าจอจะแสดงผลเป็นตัวเลข 6 หลัก เอาไว้ให้เราใช้ป้อนรหัสผ่านบนแอปพลิเคชัน Garmin Connect อีกที
|
2. ติดตั้งแอป Garmin Connectขั้นตอนต่อมาให้เพื่อน ๆ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “Garmin Connect” จากนั้นก็ให้ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบบนแอปพลิเคชันให้เรียบร้อย และอย่าลืมกดอนุญาตให้แอปฯ เข้าถึงการใช้งาน Bluetooth ด้วยนะครับ เพราะตัว vívosmart 5 จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของเราผ่านระบบ Bluetooth เท่านั้น แอปฯ Garmin Connect ดาวน์โหลด ผ่าน App Store / ผ่าน Google Play |
3. เชื่อมต่อ Garmin vívosmart 5 กับแอปฯ

ต่อมาเมื่อทำตามคำแนะนำของแอปฯ เรียบร้อยแล้ว ให้กด ‘เพิ่มอุปกรณ์’ บนจอสมาร์ทโฟน จากนั้นแอปฯ จะเริ่มค้นหาอุปกรณ์ Garmin ที่เปิดใช้งานอยู่และจะต้องเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้กับสมาร์ทโฟนของเรามากที่สุด ซึ่งก็คือเจ้า vívosmart 5 ที่เราเปิดรอไว้ เมื่ออุปกรณ์ทั้งสองเจอกัน ให้คุณกด ‘เชื่อมต่อ’ จากนั้นแอปฯ จะขอรหัสในการจับคู่ Bluetooth โดยให้คุณกรอกรหัสผ่าน 6 หลัก ที่แสดงขึ้นมาบนจอ vívosmart 5 ได้เลยครับ (หมายเหตุการใส่รหัส 0000 หรือ 1234 ตามคำแนะนำบนแอปฯ จะใช้ไม่ได้ผล) และให้กด ‘จับคู่’ รอประมาณ 1-2 นาที การจับคู่ vívosmart 5 กับสมาร์ทโฟนของคุณก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ
เมื่อเชื่อมต่อสำเร็จแล้ว ให้เราเรียนรู้วิธีใช้งานต่าง ๆ ตามที่แอปฯ Garmin Connect แนะนำอย่างคร่าว ๆ ครับ เมื่อคุณเรียนรู้การใช้งาน vívosmart 5 ขั้นพื้นฐานเรียบร้อยแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนการตั้งค่า 8 ขั้นตอน ดังนี้
|
แนะนำ ให้คุณกดเข้าไปตั้งค่าทีละขั้นตอน โดยทั่วไปแล้วในแต่ละขั้นตอน จะมีการตั้งค่าที่ไม่ยากครับ ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที เท่านั้น |
การใช้งาน Garmin vívosmart 5 (พื้นฐานเบื้องต้น)

- การแตะ :
- แตะหน้าจอสัมผัส 2 ครั้ง เพื่อเป็นการปลุกหน้าจอ
- การแตะบนหน้าจอสัมผัส 1 ครั้ง เป็นเข้าถึงเมนูนั้น ๆ ที่เราต้องการเรียกดูข้อมูลอย่างละเอียด
- การปัด :
- สามารถสไลด์ขึ้น-ลงเพื่อเลือกดูวิดเจ็ตและตัวเลือกเมนูต่าง ๆ ได้
- การปัดไปทางขวาเป็นการเรียกดูเมนูควบคุมด่วน ซึ่งเราสามารถกำหนดเมนูตรงนี้ได้เอง
- การกดปุ่ม :
- ในกรณีที่หน้าจอดับ การกดปุ่มบนหน้าจอ 1 ครั้ง จะเป็นการปลุกหน้าจอ
- การกดปุ่มบนหน้าจอ 1 ครั้งในขณะอยู่ที่หน้าเมนูต่าง ๆ เป็นการออกจากหน้าเมนูปัจจุบัน แล้วกลับไปยังหน้าเมนูก่อนหน้านี้
- ในกรณีที่กดปุ่มบนหน้าจอขณะที่อยู่ในหน้าหลัก จะเป็นการเข้าถึงการตั้งค่าเมนูหลัก ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรม, อัตราการเต้นของหัวใจ, หน้าปัดนาฬิกา, การตั้งนาฬิกา และการตั้งค่าอื่น ๆ
ตัวเลือกเมนูต่าง ๆ บน Garmin vívosmart 5 - กดปุ่มบนหน้าจอค้างไว้ จนมีการสั่น 3 ครั้งเป็นการส่งข้อความขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน
- การยกข้อมือเปิด-ปิดหน้าปัดนาฬิกา :
- การยกข้อมือเข้าหาตัวเป็นการเปิดหน้าจอให้ติด
- การหมุนข้อมือออกห่างจากตัวเป็นการปิดหน้าจอ
- คุณจะไม่สามารถปลุกนาฬิกาด้วยการยกข้อมือได้ หากโหมดห้ามรบกวนถูกเปิดใช้งานอยู่
ฟีเจอร์การติดตามสุขภาพขั้นสูง ครอบคลุมสุขภาพของเรา

Garmin vívosmart 5 มาพร้อมกับความสามารถในการตรวจวัดสุขภาพที่อัดแน่นเกินราคามาก ๆ ครับ ทำให้เป็นรุ่นที่เหมาะกับผู้ที่อยากจะเริ่มต้นดูแลสุขภาพจริง ๆ โดยในปัจจุบันมีการวิจัยหลากหลายที่ค้นพบหลักฐานแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่เด่นชัดระหว่างพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวัน ทั้งการนอน ความเข้มข้นของกิจกรรมทางกาย/การเคลื่อนไหวร่างกายในแต่ละวัน รวมไปถึงสุขภาพจิต(จากชีรพรและการหายใจ) ซึ่งหากรู้ผลลัพธ์แล้วจะช่วยให้เราดูแลและพัฒนาสมรรถภาพร่างกายได้ง่ายขึ้น แน่นอนครับว่ามันสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
และก็แน่นอนครับว่า คุณสมบัติการติดตามสุขภาพ ที่สามารถช่วยให้เรามีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น เราสามารถที่จะพบได้ในสมาร์ทวอทช์ Garmin ทุก ๆ รุ่นครับ ซึ่ง vívosmart 5 ที่เป็นรุ่นเริ่มต้น ราคาประหยัด ก็มีให้ครบครันไม่ต่างจากรุ่นพี่ ๆ ที่มีราคาเป็นหมื่นเลย โดยคุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้จะสามารถช่วยดูแลสุขภาพของเราให้ดีขึ้นได้ครับ แม้ว่าข้อมูลบางอย่างจะไม่สามารถใช้ในทางการแพทย์ได้ แต่เราก็สามารถใช้วางแผนในการดำเนินชีวิต เพื่อให้มีที่มีสุขภาพดีขึ้นได้ครับ ดังนั้นใครที่กำลังมองหา สมาร์ทแบนด์ไปใช้ในการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง รุ่นนี้เหมาะมาก ๆ ครับ โดยคุณสมบัติด้านสุขภาพที่รุ่นนี้มีมาให้ มีดังนี้

- การวัดอัตราการเต้นหัวใจตลอดทั้งวัน พร้อมการแจ้งเตือน เมื่อเจอมีค่าที่ผิดปกติ และยังสามารถบอกได้ว่า หัวใจเราทำงานหนักมาแค่ไหน ในขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ
- การตรวจสอบพลังงาน Body Battery มีการวัดระดับพลังงานของร่างกายคุณตลอดทั้งวัน เพื่อคอยแนะนำคุณว่า ช่วงเวลานี้ เหมาะจะทำกิจกรรมแบบไหน ?
- การติดตามความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) หรือที่ Garmin ใช้เรียกว่า Pulse Ox ใช้ประเมินเปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนที่มีในเลือด ซึ่งเราเลือกได้ว่าจะให้วัดค่าระหว่างวัน (เปลืองแบตฯ) หรือขณะนอนหลับ เพื่อจะใช้วิเคราะห์ร่างกายว่า มีการดูดซึมออกซิเจนดีแค่ไหน ? (ซึ่งปกติค่านี้ควรเป็น 95% หรือสูงกว่า)
- การติดตามการนอนหลับขั้นสูง และคะแนนการนอนหลับ วิเคราะห์คุณภาพการนอนหลับเชิงลึกเพื่อทำให้คุณเข้าใจการนอนหลับมากขึ้น และมีคำแนะนำเพื่อใช้ในการปรับปรุงการนอนให้ดียิ่งขึ้นผ่านแอปฯ Garmin Connect (คุณสามารถดูเวลาที่คุณตื่น, เวลาที่หลับในช่วงการนอนต่าง ๆ, การติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ, การติดตามความเครียด, การวัดค่า Pulse Ox และการติดตามการหายใจ) แต่การติดตามการนอนหลับของ Garmin ไม่ได้คำครอบคลุมไปถึงการงีบหลับ
- การติดตามความเครียดตลอดทั้งวัน วิเคราะห์ และประเมินความเครียด ระดับ (0-100) โดย Firstbeat Analytics ด้วยข้อมูลที่บันทึกมาจากเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ โดยสามารถบอกได้ว่า วันนี้คุณรู้สึกอย่างไร ? ถ้าหากพบว่าคุณเครียดมันจะแจ้งเตือนให้คุณผ่อนคลาย และทำกิจกรรมการหายใจสั้น ๆ เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น
- อัตราการหายใจ จะมีติดตามการหายใจของคุณ ตลอดเวลา เพื่อวิเคราะห์ว่า คุณหายใจแบบไหน ทั้งตอนนอน ตอนฝึกหายใจ หรือตอนทำกิจกรรมต่าง ๆ
- การฝึกการหายใจ หากคุณต้องการลดความเครียด ต้องการทำสมาธิ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หรือเตรียมตัวเข้านอน การฝึกการหายใจสามารถช่วยคุณได้
- การติดตามระดับน้ำในร่างกาย (Hydration) คุณสามารถกำหนดเป้าหมายในการดื่มน้ำ หรือให้มันเตือนอัตโนมัติก็ได้ เพื่อคอยบอกคุณว่า ควรดื่มน้ำตอนไหน ประมาณเท่าไร ซึ่งจะปรับเปลี่ยนปริมาณน้ำไปตามปริมาณเหงื่อที่คุณเสียไป
- การติดตามสุขภาพของผู้หญิง มีการติดตามรอบประจำเดือน หรือการตั้งครรภ์ของคุณ พร้อมกับมีการช่วยแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกาย และโภชนาการต่าง ๆ ที่เหมาะสม
- อายุสุขภาพ จะนำ อายุจริง กิจกรรมที่ทำทั้งสัปดาห์ อัตราการเต้นของหัวใจ และค่าไขมัน BMI มาประเมินว่าร่างกายคุณฟิตแค่ไหนเมื่อเทียบกับอายุจริง จะอ่อนกว่า หรือแก่กว่าอายุจริง พร้อมมีคำแนะนำเกี่ยวกับการลดอายุสุขภาพของคุณลง
การติดตามการออกกำลังกาย ที่ละเอียด และมีความแม่นยำสูง

ถ้าคุณจะซื้อ vivosmart 5 เพื่อใช้ในการวิ่งอย่างจริงจัง แนะนำให้คุณเพิ่มเงินอีกนิดแล้วไปซื้อ Forerunner 55 ครับ เนื่องจากรุ่นนี้ถูกออกแบบมาสำหรับการติดตามสุขภาพ และการติดตามกิจกรรมพื้นฐานทั่วไป ซึ่งมันจะทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมก็ต่อเมื่อคุณใช้มันนับก้าว เก็บระยะทาง ติดตามว่าวันนี้ออกกำลังกายอะไรไป เล่นไปทั้งหมดกี่นาทีแล้ว และเผาผลาญแคลอรีไปมากแค่ไหน ? แต่มันจะไม่เหมาะเลยถ้าหากคุณต้องการออกกำลังกายที่จริงจังมาก ๆ
ส่วนข้อมูลที่ลึกกว่านี้ คุณสามารถจะไปดูได้ผ่าน Garmin Connect ครับ ไม่ว่าจะเป็น จำนวนก้าวที่คุณเดิน เทียบกับฝีเท้าเฉลี่ย ระยะทางที่เดินทางผ่านมา แคลอรีที่เผาผลาญ หรือเหงื่อที่คุณเสียไป เป็นต้น ข้อมูลในแอปฯ ถือว่าทำได้ละเอียด และมีความแม่นยำสูงเลย

โดย vivosmart 5 จะมีโหมดกีฬาพื้นฐานในตัวครบครันครับ ส่วนใหญ่เป็นกิจกรรม หรือกีฬาเบา ๆ โดยจะมีทั้งหมด 14 ชนิด ก็คือ การปั่นจักรยาน, ฝึกลมหายใจ, คาร์ดิโอ, เดินวงรี, HIIT, พิลาทิส, ว่ายน้ำในสระ, พายเรือในร่ม, วิ่ง, สเต็ปเปอร์, การฝึกกล้ามเนื้อ, วิ่งลู่วิ่ง และโยคะ แต่ในสมาร์ทแบนด์จะแสดงผลเมนูได้สูงสุด 10 ชนิด เท่านั้น ดังนั้นถ้าคุณต้องการจะเล่นกีฬาชนิดไหน ? ก็ให้เข้าไปตั้งค่า เพิ่ม-ลบภายในแอปฯ ให้เรียบร้อย ก่อนออกไปทำกิจกรรม นอกจากนี้ในแอปฯ ยังสามารถทำการปรับแต่งการแสดงผลข้อมูลต่าง ๆ ของโหมดกีฬาในแต่ละโหมดด้วย ทั้ง การเพิ่มการแจ้งเตือน และเปิด-ปิดฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ อย่าง การนับรอบ การแจ้งเตือน และอื่น ๆ เพียงเท่านี้ สมาร์ทแบนด์ก็จะมีแต่ค่าที่เราต้องการจะดูแล้วครับ
และแน่นอนครับว่าข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของ vivosmart 5 ก็คือ การไม่รองรับ GPS ในตัว ครับ แต่มันจะรองรับการเชื่อมต่อกับ GPS บนสมาร์ทโฟนแทน ทำให้เราจำเป็นต้องนำมือถือติดตัวไปด้วยทุกครั้ง หากต้องการใช้ GPS ในการติดตาม ระยะทาง, ระบุตำแหน่ง, นับก้าว, เก็บความเร็ว และอื่น ๆ ซึ่งในการทดสอบ เราพบว่า การจับคู่กับมือถือ ทำได้รวดเร็วมาก ๆ ครับ อีกทั้งมันยังมีความคลาดเคลื่อนน้อยด้วย ดังนั้นมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นครับ ถ้าคุณใช้แค่การติดตามพื้นฐานทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าคุณต้องการที่จะฝึกกิจกรรม และกีฬาที่จริง ๆ จัง ๆ เพื่อลงแข่งขัน เราขอแนะนำให้ไปใช้รุ่นที่รองรับ GPS ในตัว มันจะได้ค่าที่แม่นยำ และใช้สะดวกกว่าครับ
การติดตามพลังงาน Body Battery

Body Battery เป็นอัลกอริทึมที่มีเฉพาะใน Garmin ครับ ใช้บอกคะแนนแบตเตอรี่ของร่างกายในแต่ละวัน โดยจะวิเคราะห์จากอัตราการผันแปรของการเต้นของหัวใจ (HRV), ความเครียด, คุณภาพการนอนหลับ และรวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่คุณได้ทำในแต่ละวันครับ ดังนั้นค่า Body Battery จะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ เมื่อสิ้นสุดวัน แต่อย่างไรก็ตามการทานอาหารและเครื่องดื่มจะไม่มีผลต่อคำนวณนะครับ ดังนั้นการดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มชูกำลัง ก็ไม่สามารถเพิ่มค่าพลังงานสำรองในร่างกายได้

โดยฟีเจอร์นี้จะเหมาะเป็นอย่างมาก สำหรับการใช้วางแผนในการดูแลสุขภาพ หรือวางแผนทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวัน เพราะบางครั้งที่เรานอนดึก หรือนอนหลับไม่สนิท ติดต่อกันหลาย ๆ วัน แต่เรากลับคิดว่า ร่างกายของเราแข็งแรง และมีพลังงานเหลือมากพอที่จะออกกำลังกายหนัก ๆ ได้ ซึ่งการทำเช่นนี้จะเป็นการทำร้ายร่างกายทางอ้อมครับ
ดังนั้นการที่คุณมี Body Battery มาคอยประเมินพลังงานร่างกายให้ทุก ๆ วัน มันก็จะช่วยให้คุณ จัดการกับกิจกรรมต่าง ๆ ประจำวันได้ง่ายขึ้นครับ ทั้งยังช่วยให้คุณปรับปรุงความยืดหยุ่นของร่างกาย ในระยะยาวได้อีกด้วย ซึ่งในการใช้งานเราขอแนะนำให้สวมอุปกรณ์ vívosmart 5 อย่างต่อเนื่องนะครับ เพื่อให้การคำนวณ Body Battery มีความแม่นยำมากที่สุดครับ
คุณสมบัติความปลอดภัยใน Garmin vívosmart 5

สำหรับ ‘คุณสมบัติความปลอดภัย’ นั้นคุณสามารถเลือกเพิ่มจากรายชื่อผู้ติดต่อได้จากแอปฯ แต่เบอร์โทรเหล่านั้นจะต้องเซฟในรูปแบบรหัสประเทศไทยที่ขึ้นต้นด้วย +66 ไม่เช่นนั้นจะตั้งค่าไม่ได้ ในขั้นตอนนี้ แนะนำให้ตั้งค่าผู้ติดต่อเป็นคนที่ใกล้ชิดมากที่สุดนะครับ เพราะทาง Garmin จะส่งข้อความฉุกเฉินไปยังบุคคลเหล่านั้น ซึ่งอาจจะมีค่าบริการ SMS ส่วนเกิน โดยจะเรียกเก็บค่าบริการจากเบอร์ของเราครับ ทั้งนี้คุณสามารถเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อได้สูงสุด 3 คน เมื่อเพิ่มเบอร์โทรศัพท์เสร็จแล้วให้กด ‘ส่งคำขอ’ เพื่อให้อีกฝ่ายยินยอมเป็นผู้ติดต่อฉุกเฉินของคุณ เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ

ทั้งนี้ การส่งข้อความขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจะไม่ได้ส่งในนามของคุณนะครับ แต่ตัวข้อความจะถูกส่งไปพร้อมชื่อที่คุณตั้งไว้ในแอปฯ Garmin Connect, ลิ้งก์ LiveTime และตำแหน่ง GPS ที่คุณอยู่ ณ ขณะนั้น โดยการส่งข้อความอัตโนมัตินี้จะเกิดขึ้นเมื่อ vívosmart 5 ตรวจพบเหตุการณ์ฉุกเฉินในระหว่างที่คุณทำกิจกรรมครับ
ส่วนการขอความช่วยเหลือแบบ Manual สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการกดปุ่มที่หน้าจอ vívosmart 5 ค้างไว้ จนมีการสั่นเตือน 3 ครั้ง จากนั้นให้ปล่อยปุ่ม เพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ครับ ซึ่งหน้าจอ vívosmart 5 มันจะเริ่มนับถอยหลัง 10 วินาที ก่อนจะส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปยังรายชื่อที่คุณตั้งค่าเอาไว้ อย่างไรก็ตามคุณสามารถเลือกการส่งข้อความเป็น E-mail แทนได้นะครับ หากไม่ต้องการเสียค่าบริการแบบ SMS

ทดสอบแบตเตอรี่ และอายุการใช้งาน

ทาง Garmin ได้เครมเอาไว้ว่า Vivosmart 5 จะมีอายุการใช้งานสูงสุดประมาณ 7 วัน ซึ่งในการทดสอบของเรา ถ้าเป็นการใช้งานติดตามสุขภาพ เก็บข้อมูลการออกกำลังกาย และตรวจจับค่าต่าง ๆ ทั่วไป เราพบว่า มันจะมีอายุการใช้งาน ประมาณ 6-7 วัน จริง ๆ ครับ แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำการเปิดฟีเจอร์การวัดออกซิเจนในเลือดตลอดทั้งวัน เมื่อนั้นอายุการใช้งานจะลดลงเร็วมาก ๆ ครับ ซึ่งจะสามารถใช้งานได้สูงสุดประมาณ 3 วัน เท่านั้น
ซึ่งการตรวจสอบออกซิเจนในเลือดนั้น จะมีประโยชน์มากขึ้น ก็ต่อเมื่อเราตรวจวัดในขณะนอนหลับ ดังนั้นคุณก็ไม่จำเป็นจะต้องเปิดทิ้งไว้ตลอด 24 ชั่วโมง ให้เปลืองแบตฯ เลย และไม่ต้องยุ่งยากด้วย เพราะมีตัวเลือกมาให้คุณไว้แล้ว โดยคุณสามารถเลือกได้ครับว่า จะให้มันทำงานตอนไหนบ้าง ซึ่งในการทดสอบของเรา ถ้าหากเราเปิดใช้การตรวจวัดออกซิเจนในเลือดตอนกลางคืน และใช้บันทึกการออกกำลังกายอย่างน้อย 1 ชม./วัน เราพบว่ามันสามารถจะใช้งานได้ประมาณ 3-4 วัน ครับ ส่วนการชาร์จแบตจนเต็ม 100% ใช้เวลาประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง เท่านั้น
สรุป Garmin vivosmart 5 Fitness Tracker คุ้มไหมที่จะซื้อ ?
ถ้าหากคุณเป็นคนนึงที่ใส่ใจสุขภาพของตัวเองมาก ๆ ต้องการการติดตามสุขภาพที่แม่นยำในทุก ๆ ส่วน วิเคราะห์ได้หลากหลายอย่าง และยังทำให้คุณสามารถการวางแผนออกกำลังกายด้วยกิจกรรมที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย ณ วันนั้นที่สุดได้ ซึ่งแน่นอนครับว่า ข้อมูลนี้เราแทบจะไม่ทราบเลย ฉะนั้นต้องขอบอกเลยว่าเจ้า Garmin vivosmart 5 สามารถตอบโจทย์คนที่รักสุขภาพได้เป็นอย่างดีแน่นอนครับ
แต่ถ้าคุณต้องการจะซื้อไปใช้ออกกำลังกายโดยเฉพาะ รุ่นนี้อาจจะไม่เหมาะครับ เพราะด้วยดีไซน์ และหน้าจอที่มีขนาดเล็ก ส่งผลให้มันมีการแสดงผลเฉพาะข้อมูลที่สำคัญ ๆ เท่านั้น ข้อมูลที่ไม่จำเป็นอย่างข้อมูลพื้นฐานของนาฬิกาก็ถูกนำไปซ่อนไว้หมด ทำให้การใช้งานทั่ว ๆ ไป มันไม่ค่อยสะดวกครับ
ความคุ้มค่าในการซื้อ Garmin Vivosmart 5
|
|
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.4 เต็ม 10
ซื้อเลย-ถ้าหาก
- ซื้อเลย-ถ้าหาก คุณเป็นมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นดูแลสุขภาพ : เพราะมันสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างละเอียดทั้ง ในด้านสุขภาพ และด้านกีฬา กิจกรรมต่าง ๆ เลย อีกทั้งอินเทอร์เฟซของ vívosmart 5 ก็ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน สามารถจัดการข้อมูลจำนวนมาก มาแสดงผลบนหน้าจอขนาดเล็กได้
- ซื้อเลย-ถ้าหาก คุณเป็นคนรักสุขภาพ และต้องการออกกำลังกายเบา ๆ : ถ้าหากคุณต้องการจะรู้ข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เพื่อนำมาวิเคราะห์ และพัฒนาร่างกายให้ดียิ่งขึ้น รุ่นนี้จะตอบโจทย์มาก ๆ
- ซื้อเลย-ถ้าหาก คุณไม่ชอบสมาร์ทวอทช์สุขภาพเรือนใหญ่ ๆ ที่ใส่แล้วเกะกะ : สำหรับ vívosmart 5 จะมีขนาดเล็ก และเบามาก ๆ ช่วยให้ใส่สบาย และมันไม่เกะกะการเคลื่อนไหวร่างกายของคุณเลย แถมเห็นเล็ก ๆ แบบนี้มันสามารถจะเก็บรวบรวมสถิติต่าง ๆ ในระหว่างวันได้เยอะมาก ๆ
อย่าซื้อ-ถ้าหาก
- อย่าซื้อ-ถ้าหาก คุณให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ : ด้วยดีไซน์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการดูแลสุขภาพโดยเฉพาะ ทำให้รูปร่างหน้าตามันจึงดูธรรมดามาก ๆ อีกทั้งหน้าจอที่เล็ก การแสดงผลจึงมีข้อจำกัดอยู่พอสมควร ดังนั้นเนี่ย หากคุณต้องการจะสวมใส่ทั้งวัน เช่น ใส่ไปทำงาน หรือใส่ไปเที่ยวด้วย มันก็อาจจะดูไม่ค่อยเรียบร้อยใช้งานไม่สะดวกสักเท่าไหร่
- อย่าซื้อ-ถ้าหาก คุณต้องการใช้ออกกำลังกายอย่างจริงจัง : ถึงแม้มันจะรองรับกีฬาพื้นฐานต่าง ๆ ได้ครบครัน เก็บข้อมูลได้ละเอียดไม่แพ้รุ่นพี่ ๆ แต่การไม่รองรับ GPS ในตัว แถมจอขนาดเล็ก ที่ไม่สามารถแสดงข้อมูลหลายตัว ในเวลาเดียวกันได้ ทำให้เราต้องใช้คู่กับสมาร์ทโฟนตลอดเวลา ดังนั้นรุ่นนี้จึงเหมาะกับมือใหม่มากกว่า
สรุป ข้อดี-ข้อด้อย Garmin Vivosmart 5 Fitness Tracker
→ ข้อดี
- ตัวเรือนมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ช่วยให้เวลาสวมใส่ทำกิจกรรมต่าง ๆ มันไม่เกะกะ
- ตัวสายรัด สามารถเปลี่ยนได้เองง่าย ๆ
- อินเทอร์เฟซ เมนูการใช้งานต่าง ๆ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
- มีการจัดวางการแสดงผลได้ดี เห็นหน้าจอจะเล็ก ๆ แบบนี้ แต่สามารถแสดงข้อมูลสำคัญได้ครบถ้วน
- หน้าจอสู้แสงได้ดี แถมมีเซ็นเซอร์ปรับแสงหน้าจออัตโนมัติ และปรับความสว่างได้ 7 ระดับ
- Garmin มีการอัปเดทตัวแอปฯ อยู่ตลอด ทำให้มันมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
- เซ็นเซอร์ Pulse Ox วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดของคุณระหว่างวัน หรือขณะหลับ ที่มีความแม่นยำ
- ติดตามการก้าวเดิน อัตราการเต้นของหัวใจ และความเครียดของคุณได้ทั้งวัน
- มีการตรวจจับการนอนขั้นสูงที่มีประสิทธิภาพ
- มีการรายงานสุขภาพของคุณทุกเช้า พร้อมแจ้งเตือนปฏิทิน พยากรณ์อากาศ และรอบประจำเดือน
- มีการวิเคราะห์อายุสุขภาพ (Fitness Age)
- มีการคะแนนพลังงานร่างกาย (Body Battery)
- โหมดกีฬาและกิจกรรม สามารถเก็บข้อมูลได้ละเอียดมาก ๆ
- มีฟีเจอร์ที่คำนวนและวิเคราะห์ได้ว่า เราออกกำลังกายไปด้วยกล้ามเนื้อมัดไหนไปบ้าง ?
- คุณสมบัติความปลอดภัยที่ดี
- อายุแบตเตอรี่อยู่ได้นาน 7 วัน
- ใช้สายชาร์จเฉพาะ Garmin ที่ทนมาก และสามารถเสียบแบบสลับด้านได้
→ ข้อที่ควรพิจารณา
- ดีไซน์ธรรมดา ไม่ได้เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก
- ไม่มีระบบ GPS ในตัว ทำให้ต้องใช้ GPS จากสมาร์ทโฟน
- หน้าจอแสดงผลเป็นจอขาวดำ
- จอ Touch Screen ขนาดเล็ก ทำให้สัมผัสค่อนข้างยาก
- รองรับโหมดกีฬาและกิจกรรมทั้งหมด 14 กิจกรรม และแสดงผลบนหน้าจอได้เพียง 10 กิจกรรม
- ไม่สามารถตอบกลับข้อความแบบเรียลไทม์ได้
- การตอบข้อความ และการปฏิเสธสายเรียกเข้า ด้วยข้อความที่ตั้วไว้ล่วงหน้า รองรับเฉพาะ Android เท่านั้น
- ใช้สายชาร์จเฉพาะของมันเท่านั้น
บทส่งท้าย
|
หลังจากห่างหายจากการอัปเดตไปนานประมาณ 4 ปี ล่าสุด Garmin ก็ได้เปิดตัว Garmin Fitness Tracker รุ่น Vivosmart 5 ออกมาสักที ซึ่งออกแบบมาเพื่อคนที่รักสุขภาพทุกคนครับ ไม่ว่าจะเป็นวัยไหนก็สามารถสวมใส่เจ้ารุ่นนี้ได้ เพราะด้วยดีไซน์เล็ก แถมเบามาก ๆ และเหมาะกับการใช้ดูแลสุขภาพเป็นหลัก
ซึ่งความพิเศษของรุ่นนี้คือ เซนเซอร์ ที่ทรงพลัง ครอบคลุมทุก ๆ ด้านสุขภาพ โดยสามารถตรวจจับได้ทั้ง ในระหว่างวัน และตอนนอนเลย ส่วนการออกกำลังกายรุ่นนี้ก็มีโหมดกีฬาพื้นฐานให้เล่นครบครัน ดังนั้นใครกำลังมองหาสมาร์ทแบนด์ ราคาประหยัดเน้นการดูแลสุขภาพ และออกกำลังกายพื้นฐานเบา ๆ รุ่นนี้เหมาะมาก ๆ |
และหากคุณใช้ Vivosmart 3 หรือ 4 อยู่ แล้วยังลังเลว่า จะอัปเกรดเป็นรุ่นใหม่ดีรึเปล่า ? ไม่ต้องลังเลเลยครับ Vivosmart 5 นับเป็นการอัปเกรดที่ดีมาก ถึงแม้หน้าตาจะไม่ได้เปลี่ยนมากนัก แต่มันถูกพัฒนาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ดีขึ้น แถมเทคโนโลยีที่ใช้ยังมีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วย ดังนั้นมันคุ้มค่าที่จะลงทุนครับ