“รถกระบะ” กับ “ประเทศไทย” ถือเป็นประเภทรถที่ดูเหมาะสมกันมาก ๆ ครับ โดยประเทศไทยของเรานั้น ถือเป็นประเทศที่มีการใช้รถกระบะมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ โลก อาจเป็นเพราะไลฟ์สไตล์การทำงานของคนไหทยส่วนใหญ่ที่มีอาชีพเป็นเกษตรกร เนื่องจากในอดีตรถกระบะคือรถที่เน้นใช้งานหนัก ๆ ส่วนรถเก๋งก็คือรถที่ใช้สำหรับนั่งโดยสาร ซึ่งแน่นอนว่าการใช้งานมันต่างกันมาก ๆ แต่ในปัจจุบันรถกระบะได้เปลี่ยนไปจากเดิมที่สร้างขึ้นมาเป็นรถใช้งานแบบสมบุกสมบัน เพราะในตอนนี้มันมาพร้อมเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ทั้งเร็วทั้งแรง ให้การขับเคลื่อนเต็มสมรรถนะ ออพชั่นอัดแน่น มีความแกร่ง สามารถบุกตะลุยได้ทุกสภาพเส้นทาง ทั้งยังมีความนุ่มสบาย และมีความใช้งานได้อเนกประสงค์ด้วย ทั้งหมดทั้งมวลนี้มันถูกรวมไว้ใน รถกระบะของยุคสมัยใหม่ ครับ
แม้ว่าในปัจจุบันตลาดรถยนต์ในบ้านเราจะมีความหลากหลายมากขึ้น มีทั้ง รถยนต์นั่งขนาดเล็ก, อีโค่คาร์, รถอเนกประสงค์ Crossover SUVs, รถครอบครัวขนาดเล็ก, รถตู้ครอบครัว (MPV), รถอเนกประสงค์ (PPV) และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งถ้าเรามองที่ความคุ้มค่า คุณก็จะเห็นว่า “รถกระบะ” สามารถตอบโจทย์ทั้งการเดินทาง, การบรรทุกข้าวของ, การบุกตะลุยในเส้นทางวิบากทั้งขึ้นเขาลงเขาหรือเส้นทางเรียบ ๆ รถกระบะสามารถผ่านไปได้หมด ดังนั้นด้วยความที่คนไทยชอบอะไรที่คุ้มค่ามากที่สุด มันจึงไม่แปลกที่รถกระบะจะได้ใจคนไทยไปเต็ม ๆ และเป็นที่นิยมมากขนาดนี้ ซึ่งในปัจจุบันรถบระจึงมีตัวเลือกมากมาย จนทำให้หลาย ๆ คนไม่รู้ว่าจะเลือกรุ่นไหนดี ?
สำหรับวันนี้ เราขอพาทุกคนมาส่อง “รถกระบะ ในปี 2021” กันครับ ซึ่งเป็นรถที่มีความอเนกประสงค์ สารพัดประโยชน์ รองรับการใช้งานด้านต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี มีความอึด ถึก ทน ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานภายในเมือง และการบุกตะลุย เข้าสวน, เข้าป่า, ลุยทางวิบาก หรือลุยน้ำ มันก็พร้อมที่จะพาคุณไปทุก ๆ ที่ครับ หากคุณยังไม่รู้ว่าจะเลือกรถกระบะรุ่นไหนดี ? บทความนี้อาจช่วยคุณได้ครับ
เลือก รถกระบะ รุ่นไหนดี ?
นี่น่าจะเป็นคำถามที่อยู่ในหัวของทุก ๆ คนที่กำลังมองหารถกระบะสักคันนึงมาใช้งาน เนื่องจากในปัจจุบันค่ายรถยนต์ในบ้านเราหลายๆ ค่าย ไม่ว่าจะเป็น Mazda, Toyota, Isuzu, Nissan, Ford หรือ MG ได้มีโมเดลรถกระบะเปิดตัวออกมากันหมดแล้ว ในส่วน Honda ก็มีข่าวโมเดลรถกระบะเช่นกัน แต่ยังไม่ได้มาไทย ดังนั้นถ้าจะถามว่า เลือกรถกระบะค่ายไหนดี ? อันดับแรกคุณต้องกำหนดให้ได้ก่อนว่า คุณต้องการรถกระบะประเภทไหน? และต้องการนำไปใช้งานอย่างไร? ซึ่งปัจจุบันรถกระบะก็มีให้เลือกอยู่ 3 รูปแบบ หลัก ๆ ได้แก่
1. กระบะตอนเดียว
เป็นรถกระบะที่เน้นการใช้งานหนักโดยเฉพาะ ซึ่งตัวถังจะมีแต่หัวเดี่ยว 2 ประตู มีพื้นที่ให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านข้างเท่านั้น ซึ่งการที่ตัวถังมีหัวเดี่ยวนั้นก็ทำให้มันมีพื้นที่กระบะที่กว้างขึ้น จึงเหมาะสำหรับใช้งานในเชิงพาณิชย์มากกว่า โดยเน้นการบรรทุกในปริมาณมาก ๆ ส่วนใหญ่มักนำไปติดตู้ทึบ หรือคอก (โครงเหล็ก) ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในห้องโดยสารก็จะถูกตัดออกไปทั้งหมดเหลือไว้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ทำให้ รถกระบะตอนเดียว มีราคาประหยัดที่สุด
2. กระบะตอนครึ่ง หรือกระบะแค็บ
เป็นรถกระบะที่มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารเพิ่มขึ้น ซึ่งตัวถังยังคงมี 2 ประตูอยู่ แต่จะมีการเพิ่มที่นั่งผู้โดยสารแถวที่สองขึ้นมา โดยในรุ่นเก่า ๆ อาจจะใช้การพับเบาะ เพื่อเข้าไปแถวสอง แต่ปัจจุบันมีการทำประตูลับเอาไว้ โดยต้องเปิดประตูคู่หน้าก่อน จึงจะสามารถเปิดประตูส่วนที่เหลือได้ และด้วยความที่พื้นที่ห้องโดยสารมันเพิ่มขึ้น ทำให้พื้นที่กระบะท้ายลดลงเล็กน้อย ในส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในห้องโดยสารก็จะมีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นรถกระบะตอนครึ่ง หรือกระบะแค็บ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความอเนกประสงค์ ใช้งานบรรทุกได้ทั้งผู้โดยสาร และข้าวของ ถือเป็นตัวถังสารพัดประโยชน์ ทำให้ รถกระบะแค็บ มีราคากลาง ๆ
3. กระบะดับเบิ้ลแค็บ หรือกระบะสองตอน
กระบะดับเบิ้ลแค็บ หรือกระบะสี่ประตู ถือเป็นรถกระบะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากมันเป็นรถที่เน้นพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง มีทั้งหมด 4 ประตู ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารก็มีครบครัน ไม่ต่างไปจากรถเก๋งเลย แต่แน่นอนเมื่อพื้นที่ห้องโดยสารเพิ่มขึ้น พื้นที่กระบะท้ายก็จะลดลงด้วย ทำให้มันมีพื้นที่ขนของน้อยลง และในส่วนภาษีรถยนต์ก็จะมีความแตกต่างกันด้วย เนื่องจากมันได้รับการออกแบบมาให้เป็นรถยนต์นั่งมากกว่ารถยนต์บรรทุก ทำให้ กระบะดับเบิ้ลแค็บ มีราคาสูงที่สุด ครับ
นอกจากนี้ก็ยังมีการแยกในรูปแบบอื่น ๆ ให้เลือกอีกทั้งตัวยกสูง และตัวเตี้ย หรือระบบขับเคลื่อนที่มีทั้ง ขับ 2WD และขับ 4WD ซึ่งคุณสามารถเลือกรูปแบบของรถกระบะที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้ง่ายๆ ได้ตามรูปแบบที่เราได้กล่าวไปครับ โดยเลือกจากการใช้งานจะคุ้มค่าที่สุดครับ
ซึ่งหากคุณกำลังมองหารถกระบะที่มีราคาไม่สูงมาก เน้นความอึด ถึก และทน มีความสารพัดประโยชน์ ตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าคุณจะนำไปใช้ในด้านไหนก็ตามครับ สำหรับในวันนี้เราได้รวบรวม รถกระบะแค็บ รุ่นต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ มาแนะนำ เพื่อที่คุณจะได้เห็นถึงความแตกต่างในแต่ละรุ่น ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้นครับ ซึ่งในวันนี้เราจะหยิบยกรถกระบะแค็บรุ่นอะไรมาบ้าง ? ตามไปดูกันเลยครับ
1. Isuzu D-Max

แน่นอนครับครับ หากเราจะพูดถึงรถกระบะ หลาย ๆ คนต้องนึกถึง Isuzu D-max ก่อนเสมอ เนื่องจากมันเป็นรถกระบะขวัญใจที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งในครั้งนี้ D-max ก็มาพร้อมการปรับโฉมครั้งใหญ่ภายใต้แนวคิด “Bold but Emotional บึกบึน ปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว สะกดทุกสายตา” โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Vision Bi-LED พร้อมด้วยไฟเดย์ไลท์ในตัว ซึ่งดูเฉียบคม สอดรับกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ เพิ่มความสปอร์ตและดุดัน ส่วนไฟท้ายเป็น Dual-Sonic LCD แบบ Clear Lens ที่ดูโดดเด่นไม่แพ้กัน โดยกระบะแค็บของ Isuzu จะมีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่นยกสูง Isuzu D-Max Hi-Lander และรุ่นตัวเตี้ย Isuzu D-MAX Space Cab ครับ
Isuzu D-Max Hi-Lander (ยกสูง) | ||
|
รุ่น | ราคา |
---|---|---|
1.9 L DA | 723,000 บาท | |
1.9 Z | 788,000 บาท | |
1.9 Z AT | 816,000 บาท | |
1.9 Z-Prestige | 848,000 บาท | |
3.0 Z-Prestige | 885,000 บาท | |
1.9 Z-Prestige AT | 883,000 บาท | |
Isuzu D-MAX Space Cab (ตัวเตี้ย) | ||
|
รุ่น | ราคา |
1.9 S | 605,000 บาท | |
3.0 S | 635,000 บาท | |
1.9 S AT | 640,000 บาท | |
1.9 L DA | 688,000 บาท | |
1.9 Z | 742,000 บาท |
สำหรับภายใน Isuzu D-max ใช้หน้าปัดเรือนไมล์ Smart MID ที่สวยงาม ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน ในส่วนของคอนโซลกลางได้ใช้ระบบ Ultimate Entertainment มีหน้าจอสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว มาพร้อมกับฟังก์ชันมากมาย ระบบเสียงรอบทิศทาง Dynamic Surround Sound ด้วยลำโพงทั้งหมด 8 ตำแหน่ง ให้เสียงกระหึ่มหนักแน่น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์สปอร์ต ซึ่งใช้งานง่าย เบาะนั่งคู่หน้าใช้เทคโนโลยี AVEC สามารถช่วยซับแรงสั่นสะเทือน ซึ่งเป็นการลดอาการเมื่อยล้า ช่วยให้คุณนั่งสบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีระบบปรับอากาศอัตโนมัติใหม่แบบแยกซ้ายขวา พร้อมช่องอเนกประสงค์ทั่วทั้งห้องโดยสาร

ในด้านขุมพลัง Isuzu D-max จะมีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ประกอบด้วย
- เครื่องยนต์ 3.0L Ddi Blue Power ซึ่งให้กำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที
- เครื่องยนต์ 1.9L Ddi Blue Power Gen 2 ให้กำลังสูงสุดที่ 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที
ในส่วนของระบบส่งกำลังมี 2 แบบ เช่นกัน ประกอบด้วย เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่สามารถการเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล และราบรื่น มาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นเกียร์ธรรมดาได้ โดยเกียร์จะมีความแม่นยําและก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจ และ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่สามารถถ่ายทอดพลังได้เต็มสมรรถนะด้วยช่วงชักที่สั้น เข้าเกียร์ง่าย มีความแม่นยํายิ่งขึ้น ช่วยให้คุณขับสนุก ด้วยสมรรถนะที่ดีเยี่ยม
2. Toyota Hilux Revo

มี D-max แล้วก็ต้องมี Toyota ครับ มาต่อกันที่ Toyota Hilux Revo ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรุ่นยอดนิยมของสังเวียนกระบะเมืองไทย และเป็นรถกระบะอีกรุ่นหนึ่ง ที่เป็นขวัญใจของคนไทย โดยในรุ่นกระบะแค็บ ทาง Toyota มีตัวเลือกให้มากถึง 3 รุ่น เลยทีเดียว ประกอบด้วย Z-Edition Smart Cab, Pre-Runner Smart Cab และ Rocco Smart Cab มีครบทั้ง ตัวเตี้ย, ตัวยกสูง และตัวแต่ง (ตามลำดับ) ถือเป็นกระบะพันธุ์แกร่ง โดดเด่นเรื่องความอึด ถึก และทน ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน มาในดีไซน์ที่สปอร์ตที่ดูดุดัน ด้วยกระจังหน้าแบบใหม่ที่ใหญ่ขึ้น ไฟหน้าขนาดใหญ่แบบ Bi-LED มีไฟเดย์ไลท์ในตัว พร้อมไฟท้าย LED นอกจากนี้มีการตีโป่งล้อรอบคัน ทำให้ดูบึกบึนมากยิ่งขึ้น พร้อมลุยทุกอุปสรรค จะขับเดิม ๆ ก็สวย หรือจะนำไปแต่งก็เท่
Toyota Hilux Revo Z-Edition Smart Cab (ตัวเตี้ย) | ||
|
รุ่น | ราคา |
---|---|---|
2.4 Entry MT | 612,000 บาท | |
2.4 Entry AT | 662,000 บาท | |
2.4 MID MT | 686,000 บาท | |
2.4 MID AT | 736,000 บาท | |
Toyota Hilux Revo Pre-Runner Smart Cab (ตัวสูง) | ||
|
รุ่น | ราคา |
2.4 Entry MT | 707,000 บาท | |
2.4 Entry AT | 757,000 บาท | |
2.4 MID MT | 787,000 บาท | |
2.4 MID AT | 837,000 บาท | |
2.4 HIGH MT | 864,000 บาท | |
2.4 HIGH AT | 914,000 บาท | |
2.4 MID MT 4WD | 862,000 บาท | |
2.8 HIGH MT 4WD | 959,000 บาท | |
Toyota Hilux Revo Rocco Smart Cab (ตัวแต่ง) | ||
|
รุ่น | ราคา |
2.4 AT | 1,079,000 บาท | |
2.8 AT 4WD | 1,239,000 บาท |
สำหรับภายในห้องโดยสารของ Toyota Hilux Revo มาพร้อมกับความกว้างขวางและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ภายในมีความพรีเมี่ยม หรูหรา ตกแต่งด้วยโทนสีดำ เพิ่มความดุดันมากยิ่งขึ้น มีการใช้หน้าปัดเรือนไมล์แบบ TFT ที่คมชัดสวยงามและสามารถแสดงข้อมูลการขับขี่ได้อย่างครบครัน ในส่วนระบบเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple car play มีสวิตช์ปรับรูปแบบการขับขี่ มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน แบบปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมกับปุ่มการใช้ที่งานครบครัน และฟังก์ชันอื่น ๆ อีกมากมาย

สำหรับขุมพลังของ Toyota Hilux Revo ก็จะมีอยู่ 2 เครื่องยนต์ หลัก ๆ ครับ โดยจะประกอบด้วย เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร และเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น เราขอแยกเป็นรุ่น ดังนี้
→ Z-Edition Smart Cab (ตัวเตี้ย) จะมีเครื่องยนต์เพียงตัวเดียว นั่นก็คือ เครื่องยนต์ ดีเซล ความจุ 2.4 ลิตร แต่จะมีระบบส่งกำลังให้เลือก 2 แบบ ซึ่งสามารถมอบพละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที เท่ากัน แต่มีแรงบิดต่างกัน ดังนี้
- เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีแรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที
- เกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีแรงบิด 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-2,800 รอบ/นาที
→ Pre-Runner Smart Cab (ตัวสูง) จะมีเครื่องยนต์ 3 แบบ ให้เลือก ดังนี้
- 2.8L เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที
- 2.8L เกียร์ธรรมดา iMT 6 สปีด ให้พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ-นาที มีแรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,400 รอบ/นาที
- 2.4L เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้พละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที
→ Revo Rocco Smart Cab (ตัวแต่ง) จะมีเครื่องยนต์ 2 ขนาด ทั้งคู่ส่งกำลังด้วย เกี่ยร์อัตโนมัติ 6 สปีด ดังนี้
- 2.8L ให้พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที
- 2.4L ให้พละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที
3. Mitsubishi Triton

มาต่อกันที่กระบะสายลุยอย่าง Mitsubishi Triton ที่มาพร้อมกับหน้าตาที่ดูล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น มีความแข็งแกร่ง บึกบึน แต่ก็ยังคงมีกลิ่นอายของอารมณ์สปอร์ตเอาไว้ และยังคงใช้การออกแบบด้านหน้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Advanced Dynamic Shield Design” ซึ่งก็คือคอนเซ็ปต์การออกแบบในส่วนหน้ารถทั้งหมด ทำให้กระบะไทรทันมีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดมาก ดูไม่เหมือนใคร สำหรับ Mitsubishi Triton มีรถกระบะแค็บให้เลือกอยู่ 2 รุ่น ด้วยกัน ได้แก่ Mitsubishi Triton Mega Cab 2WD (ตัวเตี้ย) และ Mitsubishi Triton Mega Cab Plus (ตัวสูง) ครับ
Mitsubishi Triton Mega Cab 2WD (ตัวเตี้ย) | ||
|
รุ่น | ราคา |
---|---|---|
2.5 GL 5MT | 602,000 บาท | |
2.5 GLX 5MT | 637,000 บาท | |
2.5 GLX LIMITED EDITION | 647,000 บาท | |
2WD GLX RUKKIT Edition | 647,000 บาท | |
Mitsubishi Triton Mega Cab Plus (ตัวสูง) | ||
|
รุ่น | ราคา |
2.4 GLX 6MT | 694,000 บาท | |
2.4 GLS 6MT | 734,000 บาท | |
2.4 GT 6MT | 748,000 บาท | |
2.4 GT 6AT | 834,000 บาท |
สำหรับดีไซน์ภายใน Mitsubishi Triton ก็มาพร้อมกับพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน ซึ่งมีการออกแบบห้องโดยสารโดยใช้โทนสีเข้ม ช่วยเพิ่มความดุดัน และพรีเมี่ยม ตัวเบาะนั่งมีการโอบกระชับรับกับทุก ๆ สรีระ ช่วยให้นั่งสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมกับมีระบบหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสารตอนหลัง นอกจากนี้ภายในยังมีการใช้วัสดุเก็บเสียง รวมไปถึงวัสดุกันสะเทือนอีกด้วย ช่วยให้การเดินทางของคุณสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

ขุมพลังของ Mitsubishi Triton จะมีเครื่องยนต์ 2 แบบให้เลือก ได้แก่
- ในรุ่น Mega Cab 2WD จะใช้ เครื่องยนต์ ดีเซล 2.5L 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และทำแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-3,500 รอบ/นาที มีการส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
- ในรุ่น Mega Cab Plus จะใช้ เครื่องยนต์ ดีเซล 2.4L 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว MIVEC เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ มอบกำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที ส่วนระบบส่งกำลังก็มีทั้ง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่มาพร้อมกับพร้อม Sport Mode และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้เลือกครับ
4. Ford Ranger Open Cab

หากคุณชอบความใหญ่ หรือชอบรถที่เหมือนมีกล้าม ก็ต้อง Ford Ranger กระบะออฟโรด ที่มาพร้อมกับความบึกบึน แข็งแกร่ง และดูทนทาน พร้อมลุยไปกันคุณได้ทุกที่ โดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความพิเศษ ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่มีช่องดักลมซ้ายขวาเหมือนรูจมูก มีดวงตาที่เฉียบคมและเมื่อรวมกับกล้ามเนื้อรอบคันแล้ว ทำให้เรานึกถึงสัตว์ป่าที่ดุร้าย สำหรับ Ford Ranger ก็ยังคงเป็นกระบะที่มีสมรรถนะอยู่ในอันดับต้น ๆ ของบ้านเรา ตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นในเชิงพาณิชย์ เกษตรกรรม หรือการใช้งานทั่วไป
Ford Ranger Open Cab | ||
|
รุ่น | ราคา |
---|---|---|
2.2L XL 6MT | 632,000 บาท | |
2.2L XL+ Hi-Rider 6MT | 663,000 บาท | |
2.2L XLS 6MT | 659,000 บาท | |
2.2L XLS Hi-Rider 6MT | 699,000 บาท | |
2.2L XLS Hi-Rider 6AT | 739,000 บาท | |
2.2L XLT Hi-Rider 6MT | 757,000 บาท | |
2.2L XLT Hi-Rider 6AT | 797,000 บาท | |
2.2L XLT 4×4 6MT | 807,000 บาท | |
2.0L Turbo Limited 4×4 6MT | 889,000 บาท |
มาต่อกันที่ภายในห้องโดยสารของ Ford Ranger ซึ่งมาในสไตล์ดิบ ๆ ตกแต่งแบบทูโทน เพิ่มความสปอร์ต เหมาะมากสำหรับสายลุย ๆ มีการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาให้มากมาย เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุอย่างดี โดยฝั่งผู้ขับขี่สามารถปรับระดับด้วยมือ 6 ทิศทาง ส่วนฝั่งผู้โดยสารสามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น แบบ 4 ก้าน ที่มีปุ่มควบควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้ พร้อมปุ่มควบคุมระบบ Cruise Control ในส่วนของหน้าปัดเรือนไมล์ก็ยังคงใช้ดีไซน์จากรุ่นเดิมที่เป็นหน้าจอ MID แสดงผลด้วยสี ขนาด 4.2 นิ้ว ที่บอกรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน คมชัด แถมมีความสวยงามอีกด้วย

สำหรับขุมพลังของ Ford Ranger Open Cab ส่วนใหญ่ใช้ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2L 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว มีระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ พร้อมกับอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบ/นาที แรงบิด 385 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้เลือกครับ
ส่วนในรุ่น 2.0L Turbo Limited 4×4 6MT จะใช้ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0L 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว VG ใช้เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มอบกำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที และแรงบิด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที
5. Nissan Navara King Cab

มาต่อกันที่ Nissan Navara King Cab กระบะดีไซน์เรียบง่าย ดูแข็งแกร่ง บึกบึน กระบะที่มีราคาคุ้มค่ามาก ๆ แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร ด้านหน้ามาพร้อมกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ ตัดด้วยโครเมี่ยม ช่วยเพิ่มความปอร์ตมากยิ่งขึ้น ไฟหน้า LED 8 ดวง พร้อมไฟเดย์ไลท์ในตัว ส่วนไฟท้ายเป็น LED ช่วยส่องสว่างได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ช่วงล่างมีการปรับแต่งให้พร้อมลุยทุกสภาพเส้นทาง ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์อบบไหน Navara ก็สามารถพาคุณผ่านไปได้
Nissan Navara King Cab | ||
|
รุ่น | ราคา |
---|---|---|
KC S 6MT | 599,000 บาท | |
KC SL 6MT | 609,000 บาท | |
KC E 6MT | 689,000 บาท | |
KC CALIBRE E 6MT | 765,000 บาท | |
KC CALIBRE V 6MT | 809,000 บาท | |
KC CALIBRE E 7AT | 815,000 บาท | |
KC CALIBRE V 7AT | 859,000 บาท |
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อให้มันตอบโจทย์ทุก ๆ การใช้งาน มีการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว ทำให้คุณได้ห้องโดยสารที่กว้างมากยิ่งขึ้น มีการจัดสรรพื้นที่เก็บของให้คุณอีกหลายจุด อาทิเช่น ช่องเก็บของหน้ารถ, ช่องเก็บของใต้ช่องแอร์, ช่องเก็บของคอนโซลกลาง และอื่น ๆ มีช่องชาร์จ USB ที่ซ่อนไว้เป็นอย่างดี หน้าปัดเรือนไมล์ใช้หน้าจออัจฉริยะ TFT ที่แสดงผลได้อย่างคมชัด มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง NissanConnect ส่งตรงมาจากนิสสัน ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับ Apple CarPlay และ Android Auto ได้ และยังมีระบบอื่น ๆ อีกมากมาย ถือเป็นรถกระบะที่ให้ฟังก์ชันมาเยอะมาก ๆ ในราคาที่คุ้มค่าเช่นกัน

Nissan Navara มาพร้อมเครื่องยนต์ 2 รูปแบบ ให้เลือก ดังนี้
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.3L เทอร์โบคู่ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.3L เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ให้แรงม้าสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 403 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที
6. All-New Mazda BT-50 Freestyle Cab

ปิดท้ายกันที่กระบะน้องใหม่อย่าง All-New Mazda BT-50 กระบะที่เน้นความเรียบหรูและพรีเมี่ยม มิติใหม่ของปิกอัพในสไตล์เอสยูวี โดยที่ BT-50 ได้ใส่เอกลักษณ์เฉพาะตัวของมาสด้าลงไปด้วย ตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ (KODO Design) ส่งผลให้ เป็นการถ่ายทอดผ่านเส้นสายที่มีความเรียบง่าย แต่งดงาม หรูหรา ทั้งภายนอกไปจนถึงภายในห้องโดยสาร เช่นเดียวกับรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ของมาสด้า ฉีกแนวระกระบะแบบเดิมๆ สร้างความแตกต่างในตลาดกระบะบ้านเราได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ ตามสไตล์มาสด้า ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED และไฟเดย์ไลท์ แบบ LED Signature สอดรับกับเส้นสายต่าง ๆ รอบตัวรถ ทำให้หน้าตามันดูสปอร์ตมากกว่าดุดันครับ
All-New Mazda BT-50 Freestyle Cab | ||
|
รุ่น | ราคา |
---|---|---|
1.9 C | 679,000 บาท | |
1.9 C Hi-Racer | 714,000 บาท | |
1.9 C Hi-Racer 6AT | 768,000 บาท | |
1.9 S Hi-Racer | 787,000 บาท | |
1.9 S Hi-Racer 6AT | 832,000 บาท |
แน่นอนว่ามาสด้านั้นขึ้นชื่อเรื่องการเลือกใช้วัสดุอยู่แล้ว แม้ว่าภายในห้องโดยสารจะไม่ได้เน้นพื้นทีที่กว้างขวาง แต่มาสด้าจงใจเน้นไปที่ ความเรียบหรู ความพรีเมี่ยม และมอบสัมผัสที่น่าประทับใจ ภายในห้องโดยสารคุมโทนสีดำ ถูกดีไซน์มาเพื่อประโยชน์สูงสุด โดยเน้นไปที่ผู้ขับขี่เป็นสำคัญ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน พร้อมพื้นที่เก็บของต่าง ๆ ซึ่งก็มีอยู่หลายตำแหน่ง เพลิดเพลินด้วยหน้าจอแบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อให้คุณเติมเต็มความสุขตลอดเส้นทาง

สำหรับ Mazda BT-50 Freestyle Cab มีเครื่องยนต์เพียงตัวเดียวเท่านั้น คือ เครื่องยนต์ดีเซล 1.9L 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VGS Turbo พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ มอบแรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที ส่วนระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และก็มีเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้เลือกด้วย หากคุณอยากแตกต่าง All-New Mazda BT-50 อาจเป็นคำตอบของคุณครับ
บทส่งท้าย
สำหรับ รถกระบะแค็บ ถือเป็นรถยนต์ที่อเนกประสงค์มาก ๆ ครับ มีทั้ง เครื่องยนต์สมรรถนะสูง ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย ฟังก์ชันต่าง ๆ ครบ ไม่ต่างไปจากรถเก๋งเลย กระบะท้ายสามารถบรรทุกของได้อีก อีกทั้งรถกระบะมันก็ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ฉะนั้นคุณสามารถขับขี่ไปได้ทุกสภาพถนน ไม่ว่าถนนนั่นจะย่ำแย่ขนาดไหน เว้นแต่ว่าคุณได้เปลี่ยนล้อไปเป็นขอบ 17 นิ้ว ดังนั้นคุณก็สามารถใช้รถกระบะในชีวิตประจำวันได้ ในปัจจุบันกระบะมีทางเลือกมากมาย ซึ่ง กระบะแค็บ ถือเป็นตัวเลือกที่อยู่กลาง ๆ โดยมีราคาไม่สูงมาก เหมาะสำหรับการใช้งานทั่ว ๆ ไป หรือจะใช้เป็นรถครอบครัวก็ยังได้
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลของ รถกระบะแค็บ รุ่นยอดนิยม ที่เราได้รวบรวมมาในวันนี้ ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ที่เราได้พูดถึงไป บางอย่างอาจจะมีอยู่ในรถบางรุ่นเท่านั้นนะครับ เนื่องจากสเปคบางอย่างก็จะถูกลดหลั่นกันลงไปตามราคา ฉะนั้นหากคุณสนใจกระบะแค็บรุ่นไหนเป็นพิเศษจริงๆ เราก็ขอแนะนำให้คุณเดินทางไปดูรถด้วยตนเองที่ศูนย์บริการจะเป็นการดีที่สุดครับ เพื่อให้คุณได้เห็นรายละเอียดต่าง ๆ ของรถแต่ละรุ่นได้มากขึ้นครับ ซึ่งแน่นอนครับว่ามันดีกว่าการเห็นแต่ในภาพหรือวิดีโอรีวิวต่าง ๆ
นอกจากนี้การไปดูรถที่ศูนย์บริการคุณอาจจะโชคดีได้รับโปรโมชั่นดี ๆ จากทางศูนย์บริการก็ได้ เช่น บัตรส่วนลด, บัตรเติมน้ำมัน การเช็คระยะฟรี หรือประกันภัยรถยนต์ หรือไม่คุณก็อาจได้รับเป็นของแถมต่าง ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็น กล้องหน้ารถ, เครื่องดูดฝุ่นในรถ, ชุดปะยาง, ปั๊มลมไฟฟ้า, ผ้าคลุมรถ, ผ้าไมโครไฟเบอร์, น้ำยาล้างรถ, แว็กเคลือบสี, กล่องทิชชู่, ที่เก็บของรถยนต์, ชุดหุ้มพวงมาลัย และอื่น ๆ อีกมากมาย
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ Mazda : www.mazda.co.th
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ Toyota : www.toyota.co.th
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ Isuzu : www.isuzu-tis.com
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ Nissan : www.nissan.co.th
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ Ford : www.ford.co.th
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ Mitsubishi : www.mitsubishi-motors.co.th