สำหรับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่แล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของลูก และหากคุณต้องนำลูก ๆ เดินทางด้วยรถยนต์ครอบครัว แน่นอนคุณไม่สามารถอุ้มลูกไว้ได้ตลอดเวลาเพราะผลที่ตามมานั้นคุณอาจจะเกิดอาการปวดเมื่อย และเสี่ยงต่อความปลอดภัยของลูก ๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน อีกทั้งยังทำให้การเดินทางนั้นเต็มไปด้วยความกังวล
คาร์ซีท คืออะไร ?
คาร์ซีท (Car Seat) คือ ที่นั่ง/เบาะรองนั่งในรถยนต์สำหรับเด็กซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสำหรับเด็กเนื่องจากเด็กจะมีความสูงไม่เพียงพอสำหรับใช้งานเข็มขัดนิรภัยที่ติดมากับรถยนต์ โดยคาร์ซีทส่วนใหญ่จะมีเข็มขัดนิรภัยมาให้ปรับใช้ตามขนาดตัวและความสูงของเด็ก และจะต้องได้รับการติดตั้งบนที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังด้วยการผูกยึดด้วยเข็มขัดนิรภัยรถยนต์(Seat Belt) หรือระบบ ISOFIX
หาก Seat Belt เข็มขัดนิรภัย จำเป็นสำหรับผู้ใหญ่อย่างเราแล้ว คาร์ซีท (Car Seat) ก็จำเป็นสำหรับเด็กเล็ก เช่นกันค่ะ
ความสำคัญของคาร์ซีท
อย่างที่เรารู้ค่ะจะให้เด็กนั่งนิ่ง ๆ นาน ๆ คงเป็นไปไม่ได้เลย (ยกเว้นตอนพวกเขากำลังนอนหลับ) แม้ว่าคุณจะหยิบยืนสมาร์ทโฟน หรือ iPad ให้เค้ากดเล่นแต่ก็ไม่นานเขาก็เริ่มรู้สึกเบื่ออยากเคลื่อนไหว ย้ายที่นั่งบ้าง นอนบ้าง หรือแม้กระทั่งกระโดดในรถขณะที่เราขับทำให้เราต้องขับรถไปกังวลไป และหากจำเป็นต้องเหยียบเบรคแรง ๆ ในขณะที่ลูกกำลังยืนอยู่อาจส่งผลให้ลูกล้มลงบาดเจ็บได้ แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างอุบัติเหตุล่ะ ? ขอไม่คิดต่อแล้วกันนะคะ
แม้ว่าเราจะใส่เข็มขัดนิรภัยที่มากับรถยนต์ (Seat Belt) ให้ลูกเราแล้วก็ตามแต่วิธีนี้นี่ถือว่าอันตรายมากเลยนะคะหากเด็ก ๆ ยังมีความสูงไม่เพียงพอ เพราะเข็มขัดนิรภัยจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมันถูกคาดไว้ที่ตำแหน่งหน้าอกไปจนถึงหัวไหล่ค่ะ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดจึงทำให้คาร์ซีทกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก มากขนาดที่ต้องกำหนดเป็นข้อกฎหมายในประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ว่าจะเป็น อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย เป็นต้น โดยเด็ก ๆ ที่นั่นต้องเริ่มนั่งคาร์ซีทตั้งแต่วันแรกที่นั่งรถออกจากโรงพยาบาลกันเลยค่ะ
นอกจากประโยชน์ในแง่ของความปลอดภัยกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น อุบัติเหตุที่คาร์ซีทจะสามารถลดระดับความรุนแรงของอุบัติเหตุได้แล้ว คาร์ซีท (Car seat) ที่ดีจะทำให้เด็กนั่งหรือนอนบนรถได้อย่างสบายด้วยอีกด้วย เค้าก็จะนั่งอย่างชิว ๆ สามารถมองวิวทิวทัศน์รอบ ๆ ขณะที่รถขับผ่านได้อย่างสะดวก หากจะนอนหลับก็หลับสบายเพราะส่วนใหญ่จะมีที่รองคอไว้ให้เด็ก ๆ จะแอบหนีไปเที่ยว ไปช้อปปิ้งกับลูกสองต่อสองก็ทำได้อย่างง่ายดาย หากเค้าอารมณ์หงุดหงิดจะร้องหรืออาละวาดเราก็ไม่ต้องกังวลว่าเค้าจากเผลอกระโดดมาที่นั่งของเราขณะกำลังขับรถหรือเปิดประตูออกจากรถ แต่ก่อนเดินทางเราต้องเช็กเข็มขัดนิรภัยของคาร์ซีทให้ดี ๆ รวมไปถึงประตูรถในตำแหน่งที่ติดตั้งคาร์ซีทควรเปลี่ยนเป็นระบบ Child Lock (เปิดได้จากด้านนอกอย่างเดียวเท่านั้น) ก่อนนะคะ
เลือกซื้อคาร์ซีท (Car Seat) แบบไหนดี
นี่น่าจะเป็นคำถามยอดฮิตสำหรับคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ทุก ๆ คนเพราะเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเข้าเว็บหรือแอปฯ ซื้อของออนไลน์หรือไปเดินดูคาร์ซีทในห้างร้านกันมาบ้างแล้ว มันมีคาร์ซีทหลายแบบให้เลือกเลยใช่ไหมละคะ? วันนี้อิชั้นจะมาเล่าให้ฟังจากประสบการณ์ลูก 3 คนว่าเราควรเลือกแบบไหนดีค่ะ ก่อนอื่นไปทำความเข้าใจในเรื่องประเภทของคาร์ซีทกันก่อนค่ะ
คาร์ซีท มีกี่ประเภท ?(1)
ประเภทของคาร์ซีทจะถูกแบ่งตามช่วงอายุของเด็ก ๆ ที่ใช้งานค่ะ โดยหลัก ๆ จะมี 3 ประเภท ดังนี้
คาร์ซีทแบบกระเช้า สำหรับเด็กทารก (Group 0+)
คาร์ซีทประเภทนี้จะมีลักษณะเหมือนตะกร้าหรือกระเช้า โดยจะเหมาะสำหรับเด็กทารกแรกเกิดแบบเพิ่งร้อง อุแว้ อุแว้ ออกมาจากโรงพยาบาลจนถึงน้ำหนักตัวประมาณ 15 กิโลกรัม จะมีการติดตั้งโดยการหันหน้าเข้าเบาะค่ะ และควรจะเป็นเบาะที่นั่งผู้โดยสาร(ด้านหลัง)
ข้อดีของคาร์ซีทแบบกระเช้าคือ เราจะสามารถเคลื่อนย้ายเด็กได้ง่าย โดยเฉพาะทารกที่เค้าจะใช้เวลานอนใหญ่ในการนอนอยู่แล้วด้วยยิ่งสบายเลยค่ะ ด้วยการออกแบบแบบกระเช้าจะทำให้เด็กนอนสบายแถมยังสามารถถอดออกมาโยกในเด็ก ๆ หลับต่อนอกรถได้อีกด้วยค่ะ

อิชั้นเองก็เคยใช้แบบนี้ค่ะเวลาจะไปร้านอาหารก็หิ้วกระเช้าพร้อมลูกน้อยเข้าไปได้เลยกินอิ่มแล้วก็หิ้วขึ้นรถกลับบ้าน สะดวกสบายและปลอดภัยดี แต่ต้องหลบสายตาคนมองให้ได้นะคะเพราะถือว่าค่อนข้างแปลกใหม่ในบ้านเรา อิอิ
บางยี่ห้อขายคาร์ซีทแบบกระเช้าคู่กับรถเข็นเด็กเลยนะคะทำให้ถอดคาร์ซีทนอกจากรถแล้วเอาลงรถเข็นได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

แม้ว่าคาร์ซีทแบบนี้จะสามารถชั้นได้จนเด็กน้ำหนักตัวประมาณ 15 กิโลกรัม แต่ความจริงแล้วเมื่อเด็กเริ่มนั่งได้และเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วจากประสบการณ์ก็ประมาณ 7 – 9 เดือน น้ำหนักตัวประมาณ 9 กิโลกรัมขึ้นไป พวกเค้าก็เริ่มรู้สึกอึดอัด เบื่อและไม่อยากนอนเฉย ๆ แล้วละค่ะ คราวนี้คุณพ่อคุณแม่ก็จะเริ่มได้ยินเสียงกรีดร้อง ก็ถือว่าเป็นฤกษ์ดีที่เรากำลังจะได้เสียเงินเปลี่ยนคาร์ซีทตัวใหม่เป็นคาร์ซีทแบบนั่งให้พวกเขาแล้วค่ะ
คาร์ซีทแบบนั่ง สำหรับเด็กที่มีอายุไม่เกิน 4 ขวบ (Group 0+ , Group 1)
คาร์ซีทแบบนี้ในตลาดก็จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ
- สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงน้ำหนัก 18 กิโลกรัม หรือประมาณ 4 ขวบ (Group 0+ , Group 1)คาร์ซีทแบบนี้จะมีความสามารถในการติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะและติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะได้ด้วย ส่วนใหญ่จะสามารถปรับระดับการนอนให้ลูกเราได้ ราคาแอบแรงอยู่นะคะ แต่ซื้อแล้วใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดถึงเข้าอนุบาลเลย แนะนำสำหรับใครที่ไม่อยากซื้อแบบกระเช้าซื้อแบบนี้ทีเดียวไปเลยก็ถือว่าเป็นความคิดที่ดีค่ะ หลังลูก 4 ขวบ หรือเริ่มตัวโตเกินคาร์ซีทก็เปลี่ยนไปใช้บูทเตอร์ซีทค่ะ
- สำหรับเด็กแรกน้ำหนัก 9 กิโลกรัมจนถึงน้ำหนัก 18 กิโลกรัม หรือประมาณ 4 ขวบ (Group 1) คาร์ซีทแบบนนี้จะติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะรถได้เพียงอย่างเดียวค่ะ ใครที่ซื้อคาร์ซีทแบบกระเช้ามาก่อนแนะนำซื้อให้ตัวนี้ต่อเลยค่ะ

บูทเตอร์ซีท (Booster Seats) หรือ คาร์ซีทสำหรับเด็กโต
บูทเตอร์ซีทจะเหมาะสำหรับเด็กที่มีน้ำหนัก 15 – 36 กิโลกรัม หรือมีอายุประมาณ 3 ขวบครึ่ง ถึง 11 ขวบ จุดประสงค์หลัก ๆ ก็เพื่อยกระดับความสูงของเด็กให้สามารถคาดเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ทั่วไปถึง เพราะเข็มขัดนิรภัยควรพาดผ่านกระดูกบริเวณหน้าอกและเชิงกรานซึ่งเป็นส่วนที่แข็งแรงกว่าช่วงท้องและลำคอซึ่งอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุค่ะ
โดยบูทเตอร์ซีทจะมีให้เลือกซื้อ 2 ประเภท
บูสเตอร์ซีทหลังสูง (High-back boosters)
บูสเตอร์ซีทหลังสูง เด็ก ๆ จะนั่งสบายเพราะออกแบบมาให้เข้ากับสรีระของเด็ก

บูสเตอร์แบบไม่มีหลัง (Backless Boosters)
บูสเตอร์แบบไม่มีหลัง จะมีลักษณะเหมือนฐานรองนั่งเพื่อยกระดับความสูงของเด็กให้สามารถคาดเข็มขัดนิรภัยในรถได้อย่างปลอดภัย

สิ่งสำหรับที่สุดในการเลือกซื้อคาร์ซีทแต่ละประเภทคือ เราควรเลือกคาร์ซีทที่มีฉลากระบุว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากลด้วยนะคะ
กฏเหล็กของการฝึกลูกให้นั่งคาร์ซีท (Car Seat) และการใช้งาน
-
- หากเป็นไปได้ต้องให้ลูกเริ่มนั่งตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล
- ไม่อนุญาติให้เด็กนั่งรถโดยไม่มีคาร์ซีทโดยเด็ดขาด! ข้อนี้สำคัญมาก ๆๆๆ แบบไม้ยมกล้านตัวเลยค่ะ เพราะหากเราเผลออนุญาติครั้งเดียวเค้าก็จะคิดว่าสามารถทำได้อีกครั้งต่อไป คุณพ่อคุณแม่ต้องอดทนและอธิบายความจำเป็นให้คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายให้เข้าใจนะคะ แม้ว่าพวกเขาจะพูดว่าสมัยที่เขาเลี้ยงเรายังไม่จับเราใส่คาร์ซีทเลยก็ต้องต้องหนักแน่นไว้ให้ได้นะคะ (เป็นกำลังใจให้ค่ะ)
- เตรียมกระเป๋าคุณแม่ที่บรรจุนม ขวดนม จุกหลอก ยางกัดสำหรับเด็ก ไว้ให้พร้อม รวมทั้งหาของเล่นไว้หลอกล่อเด็ก ๆ ใส่ไว้ในรถเสมอ ไม่ว่าจะเป็น Soft Toy หนังสือผ้า ของเล่นหลากสี หรือกระจกแขวนไว้เลือกแบบที่ปลอดภัยสำหรับเด็กให้เค้านั่งเล่นนั่งคุยกันตัวเอง (ใช่ค่ะตลกดี แต่พวกเค้าชอบจริง ๆ นะคะ) แนะนำให้หาของเล่นที่สามารถผูกไว้กับตัวคาร์ซีสได้นะคะเพราะเมื่อถึงช่วงวัยนึงเค้าจะชอบแกล้งทำของเล่นห่นให้เราเก็บค่ะ (แสบใช่มั้ยละคะ ?)
- ก่อนออกเดินทางเราต้องเช็กความปลอดภัยของเด็ก เข็มขัดนิรภัยของคาร์ซีทให้รอบคอบทุกครั้ง
- ประตูรถในตำแหน่งที่ติดตั้งคาร์ซีทควรเปลี่ยนเป็นระบบ Child Lock (เปิดได้จากด้านนอกอย่างเดียวเท่านั้น)
- ควรติดตั้งคาร์ซีทตรงตำแหน่งที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังติดประตูด้านใดด้านหนึ่ง(ขวาหรือซ้าย)ของรถยนต์ ที่ไม่ใช่เบาะกลาง
- สำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 15 กิโลกรัมควรติดตั้งคาร์ซีทหันหน้าเข้าเบาะหลังของรถยนต์(ให้เด็กหันหน้าเข้าเบาะ)

ISOFIX สำคัญอย่างไรต่อคาร์ซีท ?
ISOFIX เป็นระบบการติดตั้งคาร์ซีทแบบใหม่ที่ได้รับมาตรฐานจากสากล และมีใช้อยู่ทั่วโลกทั้งในเอเชียและยุโรปซึ่งเป็นระบบการติดตั้งคาร์ซีทสำหรับเด็กที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกน้อยได้อย่างมาก โดยไม่ต้องใช้เข็มขัดนิรภัย เพราะระบบการติดตั้ง ISOFIX นั้นเป็นการยึดติดคาร์ซีทด้วยตัวยึดที่มีความแข็งแรง แน่นหนาตามมาตรฐานสากล ระบบ ISOFIX ยังช่วยเพิ่มความสะดวกในการติดตั้งคาร์ซีทให้กับคุณพ่อคุณแม่อีกด้วย เนื่องจากปกติแล้วการติดตั้งคาร์ซีทจะมี 2 ระบบด้วยกัน คือ ระบบติดตั้งแบบเข็มขัดนิรภัย ซึ่งจะใช้เวลาในการติดตั้งคาร์ซีทประมาณ 2–3 นาที แต่ระบบ ISOFIX จะช่วยย่นระยะเวลาในการติดตั้งคาร์ซีทให้เหลือเพียงไม่ถึงนาที
ฉะนั้นก่อนเลือกซื้อคาร์ซีทที่ติดตั้งด้วยระบบ ISOFIX แนะนำให้เช็กรถของเราก่อนนะคะ
วิธีเลือกซื้อคาร์ซีท เพื่อความปลอดภัยของลูก
หากคุณกำลังเลือกซื้อคาร์ซีท หรือเบาะติดรถยนต์สำหรับลูกน้อย เราอยากแนะนำวิธีการเลือกซื้อคุณ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและคุ้มค่าในการใช้งานมากที่สุด
- เข็มขัดนิรภัย ควรพิจารณายี่ห้อที่ได้รองมาตรฐาน ที่สามารถล็อคได้มากกว่าสะเอว
- ความคุ้มค่า ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ใครหลายคนให้ความสำคัญ เพราะมันจะอยู่ไปนานหลายปี หรือแม้กระทั่งคุณคลอดลูกคนที่สองเลยทีเดียว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงคือความนิ่มของเบาะ และการระบายความร้อน เพราะเขาต้องอยู่บนคาร์ซีทอีกนาน
- มาตรฐานความปลอดภัย คาร์ซีทที่ดีควรมาตรฐานความปลอดภัยสากลค่ะ
- ราคา ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่คุณเลือกซื้อ แม้ราคาจะถูกหรือจะแพงก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินค้าที่คุณต้องลงทุนเพื่อลูกๆ ของคุณ หากคุณมีงบจำกัดลองมองหาพวกยี่ห้อ Camera, Fico นะคะ สินค้าทนทานแข็งแรงดี
- ความง่ายในการทำความสะอาด แนะนำให้เลือกซื้อคาร์ซีสที่สามารถถอดชิ้นส่วนที่เป็นตัวผ้าออกมาทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าเด็ก ๆ หยิบจับอะไรได้ก็มักจะเอาเข้าปากก่อนเสมอ ฉะนั้นความสะอาดจริงเป็นสิ่งจำเป็น คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นทำความสะอาดคาร์ซีทอยู่เสมอ

ซื้อ คาร์ซีท แบบไหน ยี่ห้อไหนดี
เรามาดูกันว่าคาร์ซีทยี่ห้อไหนที่สามารถให้ความปลอดภัยสูงสุด และเหมาะกับลูกน้อยของคุณในขณะที่ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ โดยคุณสามารถพิจารณาได้โดยข้อมูลต่าง ๆ ดังนี้
แนะนำ คาร์ซีทแบบกระเช้า/ตะกร้า สำหรับเด็กแรกเกิด
รีวิว Chuchob คาร์ซีทกระเช้าหิ้ว

ราคา 1,090 บาท*
น้ำหนัก | 2.75 kg |
---|---|
เหมาะสำหรับ | เด็กแรกเกิด - 13 kg (Group 0+) |
การติดตั้ง | ติดตั้งหันหน้าเข้าเบาะรถยนต์ |
รองรับระบบ ISOFIX | ✘ |
รีวิว JOIE ตะกร้าหิ้วเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก รุ่น Gemm

ราคา 3,743 บาท*
ขนาด | 66 x 43.5 x 58.5 cm |
---|---|
น้ำหนัก | 4.62 kg |
เหมาะสำหรับ | เด็กแรกเกิด - 13 kg (Group 0+) |
การติดตั้ง | ติดตั้งหันหน้าเข้าเบาะรถยนต์ |
รองรับระบบ ISOFIX | ✔ (ด้วยฐานเสริม Car Seat รุ่น I Base ขายแยก) |
รีวิว GOOD BABY คาร์ซีท Artio แบบกระเช้า สีฟ้า

ราคา 7,290 บาท*
ขนาด | 32 cm. x 20 cm. x 38 cm |
---|---|
เหมาะสำหรับ | เด็กแรกเกิด - 13 kg (Group 0+) |
การติดตั้ง | ติดตั้งหันหน้าเข้าเบาะรถยนต์ |
รองรับระบบ ISOFIX | ✔ |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ คาร์ซีทแบบกระเช้า | ||||
---|---|---|---|---|
รูปภาพ | ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ข้อมูลเพิ่มเติม | |
| ||||
| ||||
|
แนะนำ คาร์ซีทแบบนั่ง
รีวิว Lucky Team Carmind รุ่น BA81

ราคา 1,850 บาท*
ขนาด | 69 x 42 x 47 cm |
---|---|
เหมาะสำหรับ | เด็กอายุตั้งแต่ 9 เดือนถึง 12 ปี (หนัก 9-36 kg.) |
การติดตั้ง | ติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะ |
รองรับระบบ ISOFIX | ✘ |
รีวิว Fico คาร์ซีท รุ่น HB902 Plus

ราคา 1,990 บาท*
ขนาด | 50 × 50 x 67 cm |
---|---|
น้ำหนักคาร์ซีท | 5.8 kg |
เหมาะสำหรับ | เด็กแรกเกิด ถึง 4 ขวบ (0-18 kg) |
การติดตั้ง | ติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะ และ ติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะ |
รองรับระบบ ISOFIX | ✘ |
รีวิว FIN BABIESPLUS รุ่น CAR-JM06

ราคา 5,350 บาท*
ขนาด | 44 x 41x 72 cm |
---|---|
น้ำหนักคาร์ซีท | 6.5 kg |
เหมาะสำหรับ | แรกเกิด-12 ขวบ (0-36 kg) |
การติดตั้ง | ติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะ และ ติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะ |
รองรับระบบ ISOFIX | ✔ |
รีวิว คาร์ซีท Maxi-Cosi AxissFix Plus

ราคา 42,800 บาท*
ขนาด | 44.5 x 55x 65 cm |
---|---|
เหมาะสำหรับ | แรกเกิด ถึง 4 ขวบ (0 - 19 kg) |
การติดตั้ง | ติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะ และ ติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะ |
รองรับระบบ ISOFIX | ✔ |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ คาร์ซีทแบบนั่ง | ||||
---|---|---|---|---|
รูปภาพ | ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ข้อมูลเพิ่มเติม | |
| ||||
| ||||
| ||||
|
แนะนำ บูทเตอร์ซีท / คาร์ซีทสำหรับเด็กโต
รีวิว B.Duck รุ่น BD-LM214A

ราคา 599 บาท*
จุดเด่นของสินค้า
- สีสันสวยงาม น้ำหนักเบา
- เหมาะสำหรับเด็กโต
- ใช้ผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ทำให้ไม่มีกลิ่นอับหรือเชื้อรา
- ราคาถูก
ข้อควรพิจารณา
- ไม่มีระบบการล็อดแบบ ISOFIX
- ขณะนั่งหากล็อคไม่แน่นทำให้เคลื่อนที่ได้ง่าย
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ บูทเตอร์ซีท | ||||
---|---|---|---|---|
รูปภาพ | ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ข้อมูลเพิ่มเติม | |
|
ข้อควรรู้สำหรับคาร์ซีท
เมื่อคุณทราบคุณสมบัติและประโยชน์ความคุ้มค่าของคาร์ซีทแต่ละยี่ห้อไปแล้ว จำเป็นอย่างที่คุณจะต้องคำนึงให้มากๆ ในการใช้งานแต่ละครั้ง เพราะมันจะช่วยคุ้มครองชีวิตของลูกน้อยไปจนเขาเติบโต
- ปลอดภัยต่อลูกอุ่นใจกับแม่ เพราะความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องปกป้องลูกๆ ของคุณขณะขับรถเพราะหากคุณเลือกซื้อคาร์ซีทที่มีคุณสมบัติความปลอดภัยต่ำ บอกได้เลยว่าคุณประมาทเป็นอย่างมาก
- ระบบติดตั้งที่ปลอดภัย ก็เป็นอีกประการหนึ่งที่คุณควรพิจารณาในการเลือกซื้อ หากเป็นไปได้เราอยากแนะนำให้คุณเลือกระบบล็อคแบบ IOSFIX เพราะมันจะปลอดภัยมากกว่าการใช้เข็มขัดนิรภัยเพียงอย่างเดียว
- การออกแบบที่ดี/วัสดุที่ใช้ ที่คุณต้องคำนึงอย่างแน่นอนเพราะบางยี่ห้อไม่เข้ากับสรีระของลูกๆ อาจทำให้เสียเงินเปล่า เช่นเดียวกับเนื้อผ้าและวัสดุที่ใช้ต้องอ่อนโยนกับผิวและสามารถซักทำความสะอาดได้ง่าย
- การติดตั้ง/พกพา ก็เป็นปัญหาใหญ่ถ้าคาร์ซีทของลูกๆ หนักเกินไปจนต้องออกแรงเยอะ หรือคาร์ซีทที่เบาเกินไปจนทำให้รู้สึกว่าตัวเบาะไม่แข็งแรง
คาร์ซีทเป็นอุปกรณ์เสริมที่สำคัญมากสำหรับเด็ก เพราะหากไม่มีคาร์ซีทการเดินทางไปไหนมาไหนก็จะมีแต่ความกังวลตลอดเส้นทาง สิ่งที่ผู้ปกครองควรคำนึงเป็นอย่างแรกในการซื้อคาร์ซีท คือระบบความปลอดภัยของตัวสินค้าและควรจะเลือกวัสดุให้เหมาะสมกับสรีระของลูก เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขอยืนยันค่ะว่าการลงทุนเพื่อลูกครั้งนี้ของคุณจำเป็นมาก ลองเลือกคาร์ซีทหาซื้อที่ถูกใจกันนะคะ