10 เมนูจากกล้วยหอม ทำง่าย หอมละมุน อร่อยสุด ๆ

ฮัลโหลววววว 🙋 มีใครกำลังคิดถึงบทความแชร์สูตรอาหารบ้างเอ่ยยย? วันนี้เรากลับมาแล้วน้าาาา แต่ไม่ได้มาตัวเปล่าเพราะเรามาพร้อมกับวัตถุดิบหลักสำหรับบทความนี้ซึ่งก็คือ “กล้วยหอม” นั่นเองค่ะ จริง ๆ แล้วกล้วยมีหลายชนิดหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นกล้วยไข่, กล้วยน้ำว้า, กล้วยเล็บมือนาง หรือกล้วยหักมุก แต่ในบทความนี้เราขอเลือกใช้กล้วยหอมเนื่องจากเป็นประเภทที่มีราคาไม่แพงมากนัก มีกลิ่นหอม รสชาติหวานอร่อยไม่อมเปรี้ยวมากนัก และที่สำคัญคือหาซื้อได้ง่ายเพราะมีขายทั้งในตลาด, ซูเปอร์มาเก็ต หรือร้านสะดวกซื้อที่มีอยู่ทุกมุมถนน

ถ้าจะพูดถึงกล้วยหอม เราแทบจะนึกไม่ออกเลยค่ะว่ามันสามารถนำมาทำเมนูอะไรด้บ้างนอกจากการทานสด ๆ หรือทานเป็นเครื่องเมนูของหวานต่าง ๆ อย่างไอศครีมหรือฮันนี่โทสต์ แตกต่างจากกล้วยชนิดอื่น ๆ ที่สามารถนำมาดัดแปลงได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกล้วยกวน, กล้วยอบกรอบ, กล้วยตาก, หรือกล้วยฉาบ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เรารวบรวมเมนูจากกล้วยหอมมาแชร์สูตรวิธีทำในบทความนี้ค่ะ ขอกระซิบนิดนึงว่ากล้วยหอมเนี่ยสามารถนำมาทำเมนูอร่อย ๆ ได้เยอะมาก ถ้าอยากรู้ว่าจะมีเมนูอะไรบ้างรีบเลื่อนลงไปดูได้เลยจ้า อ้อ! ขอแนะนำให้ซื้อกล้วยมาเตรียมพร้อมไว้จะดีมาก ๆ เลยนะคะ



1. กล้วยทอด

แป้งที่ใช้ทำกล้วยแขกคือแป้งสาลี, แป้งข้าวเจ้า และแป้งข้าวโพด
แป้งที่ใช้ทำกล้วยแขกคือแป้งสาลี, แป้งข้าวเจ้า และแป้งข้าวโพด

เริ่มต้นกันด้วยเมนูกล้วยยอดฮิตอย่างกล้วยทอด สำหรับสูตรนี้เราจะใช้กล้วยสุกห่ามที่ไม่เละมากเกินไป ส่วนแป้งก็ใช้แป้งกล้วยทอดสำเร็จรูปเพื่อเพิ่มความสะดวกค่ะ นำมาผสมกันแล้วทอดจนได้สีเหลืองทองน่ารับประทาน ทีเด็ดของสูตรนี้อยู่ที่แป้งกล้วยทอดที่มีความกรอบฟู หอมกลิ่นงาและได้ความหวานมันของกะทิ แป้งค่อนข้างที่จะกรอบนาน กัดเข้าไปจะเจอกับกล้วยที่มีความหนึบนิด ๆ และมีรสหวานธรรมชาติ ทำครั้งเดียวทานกันทั้งบ้านเพลินสุด ๆ เลยค่ะ

อ่านเพิ่มเติม รีวิว แป้งกล้วยทอดสำเร็จรูป ยี่ห้อไหนดี

วัตถุดิบกล้วยทอด

  • กล้วยสุกห่าม
  • มะพร้าวขูด
  • แป้งกล้วยทอดสำเร็จรูป
  • น้ำเปล่า
  • กะทิ
  • น้ำมันพืช

วิธีทำกล้วยทอด

  • ขั้นตอนที่ 1 : เรามาผสมแป้งกล้วยทอดกันก่อนเลยค่ะ ก่อนอื่นต้องสังเกตก่อนว่าแป้งที่ซื้อมาเป็นแป้งประเภทไหน หากเป็นสูตรทั่วไปเราจะต้องนำมาเติมงาและรสชาติด้วยตัวเอง แต่หากใช้แป้งสูตรสำเร็จรูปก็จะสะดวกขึ้นเพราะมีรสชาติอร่อยกลมกล่อมอยู่แล้วค่ะ นำแป้งมาผสมกับกะทิและน้ำเปล่าจนเข้ากันก่อน สำหรับแป้งกล้วยทอดจะต้องไม่เหลวหรือข้นมากจนเกินไปนะคะ แป้งได้ที่แล้วก็นำมะพร้าวขูดลงผสมแล้วคนให้เข้ากัน พักไว้
  • ขั้นตอนที่ 2 : หันมาเตรียมกล้วยกันต่อค่ะ เราแนะนำให้ใช้กล้วยห่ามจะอร่อยกว่ากล้วยที่สุกหรือดิบมากจนเกินไปค่ะ หั่นกล้วยตามความยาวและมีความหนาตามต้องการ หรือจะนำกล้วยทั้งลูกไปทับจนแบนและยาวขึ้นเหมือนกล้วยทับก็จะได้กล้วยทอดพม่าแท่งยาวค่ะ เลือกรูปแบบได้ตามชอบเลย จากนั้นหันมาตั้งกระทะใส่น้ำมันท่วม เปิดไฟกลางรอจนน้ำมันร้อนจัด
  • ขั้นตอนที่ 3 : น้ำมันเดือดดีแล้วน้ำกล้วยลงผสมกับแป้งที่เตรียมไว้ คลุกให้กล้วยโดนแป้งทั่วทั้งชิ้นแล้วนำลงทอด ค่อย ๆ ทะยอยใส่ลงไปเรื่อย ๆ และรอให้แป้งสุกลอย จากนั้นคนเพื่อไม่ให้กล้วยเกาะตัวติดกันมากเกินเกินไปและมีสีสวยเสมอกันทั่วทั้งชิ้น กล้วยสีสวยดีแล้วตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน ใช้กระชอนตักเอาเศษแป้งในกระทะออกให้หมดก่อนนำเซตต่อไปลงทอดค่ะ รอสักพักให้ความร้อนลดลงและแป้งกรอบขึ้นก็สามารถจัดเสิร์ฟได้เลย

2. ซาโมซ่าไส้กล้วย

ซาโมซ่าไส้กล้วย
ซาโมซ่าไส้กล้วย

มาทำเมนูทานเล่นเอาใจเด็ก ๆ กันบ้างค่ะ ซาโมซ่าไส้กล้วยเป็นเมนูกรุบกรอบที่ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ตัวแป้งด้านนอกมีความกรอบกำลังดี ไม่เหนียว ไม่อมน้ำมัน กัดเข้าไปจะเจอกับไส้กล้วยหอมที่มีรสชาติหวานมันนิด ๆ หอมเนยหน่อย ๆ ทานพร้อมซอสช็อกโกแลตเข้มข้นหรือนมข้นหวานก็ฟินจนหยุดไม่อยู่เลยล่ะค่ะ

วัตถุดิบซาโมซ่าไส้กล้วย

วิธีทำซาโมซ่าไส้กล้วย

  • ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมไส้กันก่อนเลยค่ะ เริ่มจากบดกล้วยให้เละก่อนแต่ไม่ต้องถึงกับเนียนละเอียดมากนะคะ ส่วนกล้วยแนะนำให้ใช้กล้วยห่ามค่อนไปทางสุก ไม่ควรใช้กล้วยที่สุกงอมหรือสุกจนนิ่มเพราะนำมาทอดแล้วกลิ่นกล้วยจะแรงมากเกินไปค่ะ กล้วยเละได้ที่แล้วนำมาผสมกับนมและเนยจืด ปรุงรสชาติด้วยน้ำตาลและเกลือเล็กน้อยให้มีรสหวานเบา ๆ จากนั้นนำขึ้นเตาผัดจนส่วนผสมแห้งขึ้น ไม่เละ ยกลงพักให้หายร้อน
  • ขั้นตอนที่ 2 : มาที่ขั้นตอนการเตรียมแป้งห่อซาโมซ่ากันบ้าง สำหรับสูตรนี้เราจะใช้แป้งปอเปี๊ยะแบบแผ่นใหญ่ค่ะ สามารถตัดเป็นแถบตรงความกว้างตามต้องการหรือตัดขวางป็นแนวทแยงก็ได้ สำหรับเส้นตรงเราจะพับปลายเข้ามาทบกันให้เป็นรูปสามเหลี่ยม พับทบ 1 – 2 ครั้งจนได้รูปทรงกรวย ตักไส้ใส่ลงไปแล้วพับทบอีกครั้งจนสุด ใช้น้ำแตะปลายแผ่นแป้งแล้วพับมาประกบกัน กดเบา ๆ ให้เรียบสนิทไม่มีช่องโหว่ก็เสร็จแล้วค่ะ ส่วนแผ่นแป้งสามเหลี่ยมแนวทแยงเราจะจับปลายแป้งเข้ามา 2 ทบจนได้แผ่นสี่เหลี่ยมแล้วทำซ้ำวิธีเดิม
  • ขั้นตอนที่ 3 : ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน เปิดไฟกลางค่อนอ่อนเล็กน้อย รอจนน้ำมันเริ่มร้อนแล้วนำซาโมซ่าลงทอดเลยค่ะ ทอดจนแผ่นแป้งเหลืองกรอบแล้วค่อยกลับด้าน สุกกรอบดีแล้วนำขึ้นพักสะเด็ดน้ำมัน แล้วโรยหน้าด้วยซอสช็อกโกแลตหรือซอสคาราเมลตามชอบก่อนจัดเสิร์ฟ

3. เครปเย็นกล้วยหอม

เครปเย็นกล้วยหอม
เครปเย็นกล้วยหอม

เครปเย็นเป็นอีกหนึ่งเมนูของหวานที่ได้รับความนิยมในปีนี้ค่ะ สำหรับเครปเย็นกล้วยหอมสูตรนี้แป้งเครปค่อนข้างจะมีความนุ่มหนึบ แป้งไม่แห้งแข็งมากเกินไป มีกลิ่นหอมวานิลลาอ่อน ๆ กัดเข้าไปจะเจอกับวิปครีมนุ่ม ๆ ที่มีความหวานมัน เนื้อกล้วยนุ่มหนึบนิด ๆ มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน มีรสชาติหวาน ๆ ตัดด้วยรสขมเบา ๆ ของช็อกโกแลตเข้ากันพอดิบพอดี

วัตถุดิบเครปเย็นกล้วยหอม

  • กล้วยหอม
  • ไข่ไก่
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์
  • เนย
  • น้ำตาลทราย
  • น้ำตาลไอซิ่ง
  • นมจืด
  • กลิ่นวานิลลา
  • วิปปิ้งครีม
  • ซอสช็อกโกแลต
  • น้ำมันพืช

วิธีทำเครปเย็นกล้วยหอม

  • ขั้นตอนที่ 1 : มาทำแป้งเครปก่อนเลย เริ่มจากตีผสมไข่ไก่, น้ำตาบ, เกลือ, กลิ่นวานิลลา และเนยละลายให้เข้ากันก่อนค่ะ จากนั้นร่อนแป้งสาลีลงไปแล้วคนให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน เนื้อแป้งจะต้องเหลวและไม่หนืดมากนะคะ ใครอยากเพิ่มสีสันและความสวยงามก็สามารถทำได้ในขั้นตอนนี้เลย
  • ขั้นตอนที่ 2 : นำแป้งมากรองด้วยกระชอนตาถี่เพื่อกรองเอาก้อนแป้งออก ช่วยให้เนื้อเครปเนียนมากขึ้นค่ะ เสร็จแล้วพักแป้งในตู้เย็นอย่างน้อย 30 นาทีเพื่อให้แป้งเซตตัวและเหนียวขึ้น ครบเวลาแล้วเราจะหยิบกระทะเทฟล่อนขึ้นตั้งไฟกลางค่อนอ่อนจนกระทะร้อน ทาน้ำมันบาง ๆ หยอดแป้งลงไปตรงกลางแล้วเอียงกระทะให้แป้งแผ่กระจายเป็นวงกลม ทอดไปเรื่อย ๆ จนแผ่นแป้งสุกร่อนออกจากกระทะแล้วกลับด้าน นำขึ้นพักไว้แล้วทำซ้ำจนหมดค่ะ ใช้ผ้าขาวบางคลุมแผ่นแป้งไว้เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งแห้ง
  • ขั้นตอนที่ 3 : ผสมวิปปิ้งครีมกับน้ำตาลไอซิ่งแล้วตีผสมจนวิปครีมตั้งยอด จากนั้นตักวิปครีมปาดให้ทั่วแผ่นแป้ง แนะนำให้ปาดหนาหน่อยนะคะตอนทานจะได้ฟิน วางชิ้นกล้วยให้ชิดขอบเล็กน้อยแล้วห่อแผ่นแป้งม้วนให้เป็นทรงสวย นำไปแช่เย็นให้เซตตัวก่อนนำออกมาหั่นเป็นชิ้นและราดซอสช็อกโกแลตก่อนเสิร์ฟค่ะ

4. เค้กกล้วยหอมคาราเมล

เค้กกล้วยหอมคาราเมล
เค้กกล้วยหอมคาราเมล

ถัดมาเป็นเมนูเค้กที่น่าจะถูกใจผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก ๆ สำหรับเค้กกล้วยหอมสูตรนี้จะเป็นเค้กแบบ upside down บนสุดจะเป็นกล้วยคาราเมลที่มีทั้งความหอมหวานและความชุ่มฉ่ำ เนื้อสปันจ์เค้กมีความเนียนและนุ่มฟู มีกลิ่นหอมคาราเมล รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ทานตอนอุ่น ๆ นี่ฟินสุด ๆ ไปเลยค่ะ

วัตถุดิบกล้วยหอมคาราเมล

วัตถุดิบสปันจ์เค้ก

  • ไข่ไก่
  • แป้งเค้ก
  • น้ำตาลเม็ดละเอียด
  • เกลือ
  • ผงฟู
  • กลิ่นวานิลลา
  • นมจืด
  • น้ำมันพืช

วิธีทำเค้กกล้วยหอมคาราเมล

  • ขั้นตอนที่ 1 : สำหรับเมนูนี้เราจะเริ่มที่กล้วยคาราเมลกันก่อนค่ะ เทน้ำตาลใส่ลงในภาชนะแล้วนำขึ้นตั้งไฟอ่อนแล้วรอจนน้ำตาลละลายดี ตอนนี้ห้ามคนน้ำตาลเด็ดขาดเลยนะคะเพราะจะทำให้น้ำตาลตกผลึกเป็นเกล็ด แนะนำให้เอียงภาชนะไปเรื่อย ๆ จนน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง จากนั้นเติมน้ำเปล่าและเกลือลงไปเล็กน้อยเพื่อช่วยให้คาราเมลไม่ข้นเกินไปและมีรสชาติกลมกล่อมขึ้น คนให้เข้ากันแล้วเติมเนยลงไป คนอีกครั้งจนเนยละลายดีแล้วเทใส่พิมพ์เค้ก หั่นกล้วยตามแนวยาวแล้ววางทับคาราเมลจนเต็มฐานพิมพ์เค้ก พักไว้ก่อน
  • ขั้นตอนที่ 2 : ตอกไข่ใส่ภาชนะแล้วใช้ตะกร้อไฟฟ้าตีจนกลายเป็นฟองหยาบ ผสมน้ำตาลและผงฟูให้เข้ากันแล้วทะยอยเทใส่ลงไป ขณะเดียวกันก็คอยตีไปเรื่อย ๆ จนได้ฟองเนื้อเนียนละเอียด จากนั้นร่อนแป้งเค้กลงไปแล้วใช้พายซิลิโคนตะล่อมช้า ๆ จนแป้งและไข่ไก่เข้ากันดี ผสมนม, น้ำมันพืช, กลิ่นวานิลลา และเกลือเล็กน้อยให้เข้ากัน ตักแป้งเล็กน้อยลงผสมจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันแล้วเทกลับลงภาชนะใส่แป้ง ใช้พายคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้งจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
  • ขั้นตอนที่ 3 : วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 165 ℃ ประมาณ 15 นาที จากนั้นเทแป้งเค้กลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ก่อนหน้า กระแทกแรง ๆ เพื่อไล่ฟองอากาศ นำเข้าอบที่อุณภูมิ 165 ℃ เป็นเวลา 20 นาทีหรือขึ้นอยู่กับขนาดของเค้ก เมื่อสุกดีแล้วนำออกมาแซะขอบเค้กแล้วนำออกจากพิมพ์ขณะที่ยังร้อน ๆ พักให้เซตตัวแล้วจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ

5. แพนเค้กข้าวโอ๊ต

แพนเค้กข้าวโอ๊ต
แพนเค้กข้าวโอ๊ต

เปลี่ยนแพนเค้กธรรมดาให้เฮลตี้ขึ้นด้วยเมนูแพนเค้กข้าวโอ๊ต วัตถุดิบหลักของเมนูนี้คือข้าวโอ๊ต, กล้วยหอม และไข่ไก่ ผสมให้เข้ากันแล้วปรุงรสเพิ่มตามชอบ นำไปทอดในกระทะจนสุกเหลืองทั้งสองด้านแล้วนำขึ้นมาราดเมเปิ้ลไซรัป, น้ำผึ้ง หรือเติมผลไม้เพิ่มความสดชื่นก็สามารถทำได้ตามต้องการ ใครสนใจเมนูนี้สามารถตามไปจดวัตถุดิบและวิธีทำได้ที่ เมนูข้าวโอ๊ต : แพนเค้กข้าวโอ๊ต เลยจ้า


6. บานอฟฟี่

บานอฟฟี่
บานอฟฟี่

มาต่อกันที่เมนูขนมสัญชาติอังกฤษอย่างบานอฟฟี่ เมนูนี้น่าจะถูกใจสายขนมหวานนะคะเพราะในหนึ่งชิ้นนี่เนี่ยมีเท็กซ์เจอร์ที่หลากหลายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นชั้นวิปครีมนุ่ม ๆ มัน ๆ ถัดมาเป็นซอสคาราเมลและกล้วยที่มีความหอมหวาน และล้างสุดจะเป็นชั้นครัมเบิลที่มีความหอมเนยและได้ความกรุบนิด ๆ ยิ่งได้แช่เย็นก่อนทานก็ยิ่งฟินเพราะขนมจะหอมและอร่อยขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลยล่ะค่ะ ใครสนใจเมนูนี้สามารถตามไปดูสูตรได้ที่ เมนูขนมไม่ง้อเตาอบ : บานอฟฟี่


7. ขนมปังกล้วยหอม

ขนมปังกล้วยหอม
ขนมปังกล้วยหอม

มาทำขนมปังทานกันบ้างดีกว่าค่ะ สำหรับสูตรนี้จะเป็นขนมปังกล้วยหอมที่มีความนุ่มฟู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของกล้วยหอมเบา ๆ และรสชาติหวานกำลังดี ไม่แข็งและไม่ฝืดคอมากนัก ทำครั้งเดียวทานได้หลายวันเลยค่ะ ใครจะใส่แค่กล้วยหอมอย่างเดียวหรือช็อกโกแลตชิพ, เบอร์รี่อบแห้ง หรือธัญพืชอื่น ๆ ก็สามารถเลือกได้ตามความชอบเลยค่ะ

สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้

วัตถุดิบขนมปังกล้วยหอม

  • ไข่ไก่
  • กล้วยหอม
  • แป้งขนมปัง
  • น้ำตาล
  • เกลือ
  • ยีสต์
  • เนย
  • นมจืด

วิธีทำขนมปังกล้วยหอม

  • ขั้นตอนที่ 1 : บดกล้วยหอมให้ละเอียดก่อนเลยค่ะ จากนั้นอุ่นนมแล้วนำยีสต์ลงพรูฟเตรียมไว้ แต่หากใช้ instant yeast ไม่ต้องทำนะคะข้ามไปได้เลย เสร็จแล้วหันมาผสมแป้งขนมปัง, น้ำตาล และเกลือให้เข้ากันต่อเลยค่ะ ตามด้วยไข่ไก่และกล้วยบด คนผสมจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันแล้วเทนมผสมยีสต์ลงไป คนและนวดจนส่วนผสมทั้งหมดเริ่มเหนียว นำเนยที่พักในอุณหภูมิห้องจนนิ่มใส่ตามลงไป นวดต่อจนส่วนผสมทั้งหมดเหนียวและเนื้อเนียนไม่ติดขอบภาชนะ ใช้ผ้าขาวคลุมแล้วพักแป้งไว้ 40 – 90 นาทีจนกว่าแป้งจะมีขนาดใหญ่ขึ้น 2 เท่า
  • ขั้นตอนที่ 2 : วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 170 ℃ แล้วหันมานวดไล่อากาศออกจากแป้วโดว์ ตัดแบ่งเป็นชิ้นขนาดตามต้องการแล้วนวดต่อจนเนื้อเนียน ทาเนยให้ทั่วพิมพ์ที่เตรียมไว้แล้ววางก้อนโดว์ลงไป ปิดฝาพักให้โดว์ขยายขึ้นเป็น 2 เท่า จากนั้นผสมไข่ไก่และนมสดให้เข้ากันแล้วทาบาง ๆ บนก้อนโดว์ นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 170 ℃ ประมาณ 25 – 30 นาทีขึ้นอยู่กับขนาดของขนมปัง ขนมสุกดีแล้วนำออกมาพักให้คลายร้อนลงนิดหน่อยแล้วนำออกจากพิมพ์ พักทิ้งไว้จนขนมปังเย็นสนิทก่อนหั่นแบ่งเป็นแผ่นรับประทานค่ะ

8. เค้กกล้วยหอมครีมชีส

เค้กกล้วยหอมครีมชีส
เค้กกล้วยหอมครีมชีส

เค้กกล้วยหอมครีมชีสเป็นอีกหนึ่งสูตรที่เราอยากแนะนำสุด ๆ ค่ะ เมนูนี้จะได้กลิ่นกล้วยไม่เยอะมากนักเพราะได้ความหอมอร่อยของครีมชีสเพิ่มเข้ามา ตัวเค้กจะมีความฟู นุ่ม รสชาติหวานละมุนกำลังพอดี ได้กลิ่นหอมของครีมชีสเพิ่มเข้ามาช่วยให้ฟินมากขึ้น เมนูนี้จะทานเล่นหรือทานพร้อมจิบชากาแฟก็อร่อยเพลินเลยค่ะ

วัตถุดิบเค้กกล้วยหอม

  • ไข่ไก่
  • กล้วยหอม
  • แป้งเค้ก
  • ผงฟู
  • น้ำตาล
  • เกลือ
  • ครีมออฟทาทาร์
  • น้ำมันรำข้าว
  • กลิ่นวานิลลา

วัตถุดิบหน้าครีมชีส

  • ไข่ไก่
  • แป้งเค้ก
  • ครีมชีส
  • น้ำตาลไอซิ่ง
  • กลิ่นวานิลลา

วิธีทำเค้กกล้วยหอมครีมชีส

  • ขั้นตอนที่ 1 : มาทำหน้าครีมชีสกันก่อนค่ะ ตีครีมชีสและน้ำตาลไอซิ่งให้เข้ากันและครีมชีสอ่อนนุ่มลง จากนั้นตามด้วยแป้งเค้ก ตีให้เข้ากันอีกครั้งแล้วใส่ไข่ไก่ทั้งฟองและกลิ่นวานิลลาลงไปค่ะ คนจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดีแล้วพักไว้ก่อน
  • ขั้นตอนที่ 2 : มาต่อกันที่ตัวเค้กกล้วย นำกล้วยสุกงอมมาบดให้ได้เนื้อเนียนละเอียด จากนั้นแยกไข่แดงและไข่ขาวออกจากกัน นำไข่แดงมาตีผสมกับกล้วยหอม, กลิ่นวานิลลา, น้ำมันรำข้าว และเกลือจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ร่อนแป้งเค้กและผงฟูตามลงไป คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีแล้วพักไว้
  • ขั้นตอนที่ 3 : ตีไข่ขาวด้วยตะกร้อไฟฟ้าจนขึ้นฟองหยาบ ใส่ครีมออฟทาทาร์แล้วตีต่อจนฟองละเอียดขึ้น ค่อย ๆ ทะยอยใส่น้ำตาลลงไปทีละน้อยแล้วตีต่อจนไข่ขาวกลายเป็นครีมนุ่มฟูและมีเนื้อเนียนสวย แบ่งตักมาผสมกับกล้วยที่ทำไว้ก่อนหน้า ค่อย ๆ ตะล่อมพับไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
  • ขั้นตอนที่ 4 : วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 170 ℃ จากนั้นเทเนื้อเค้กลงในพิมพ์ บีบครีมชีสลงไปด้านบนสุด สามารถตกแต่งลวดลายได้ตามต้องการ กระแทกพิมพ์แรง ๆ เพื่อไล่ฟองอากาศแล้วนำเข้าอบที่อุณหภูมิ 170 ℃ ประมาณ 30 นาทีหรือจนกว่าเค้กจะสุกฟูและมีสีสันสวยงาม นำออกมาพักให้หายร้อนเล็กน้อยแล้วแซะออกจากพิมพ์ พักให้เย็นสนิทก่อนจัดเสิร์ฟ

9. ไอศครีมสูตรคลีน

ไอศครีมสูตรคลีน
ไอศครีมสูตรคลีน

ทานของหวานมาเยอะแล้วลองเปลี่ยนมาทานอาหารเพื่อสุขภาพกันบ้างดีกว่า สำหรับไอศครีมสูตรนี้ของเราบอกเลยว่าต้องถูกใจเพื่อน ๆ สายสุขภาพแน่นอนค่ะ เนื่องจากไอศครีมของเราจะไม่มีส่วนผสมของนมวัวและไขมันใด ๆ มีแคลอรีต่ำ วัตถุดิบหลัก ๆ จะมีแค่กล้วยและเนยถั่ว หรือจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็สามารถทำได้ตามต้องการ สูตรนี้เนื้อไอศครีมจะมีความเนียนนุ่ม หอมกลิ่นเนยถั่วอ่อนๆ ได้ความกรุบและรสชาติมันจากเมล็ดถั่ว เพิ่มความขมเบา ๆ ด้วยดาร์กช็อกโกแลตชิ้นโต นี่มันสวรรค์ชัด ๆ

วัตถุดิบไอศครีมสูตรคลีน

วิธีทำไอศครีมสูตรคลีน

  • ขั้นตอนที่ 1 : หั่นกล้วยเป็นชิ้นขนาดไม่ใหญ่มากนักแล้วนำไปแช่ฟรีซจนกล้วยแข็งก่อนค่ะ ระหว่างนั้นเราจะอบและหั่นถั่วเป็นชิ้นหยาบ ในส่วนของถั่วสามารถเลือกได้ตามชอบเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นอัลมอนด์, พิสตาชิโอ, เม็ดมะม่วงหิมพานต์, แมคคาเดเมีย หรืออื่น ๆ เสร็จแล้วนำดาร์กช็อกโกแลตมาหั่นเป็นชิ้นใหญ่ ๆ เพื่อให้ได้สัมผัสกรุบ ๆ ขณะทานค่ะ
  • ขั้นตอนที่ 2 : กล้วยแข็งดีแล้วนำมาเทใส่โถปั่นเลยค่ะ จากนั้นตามด้วยเนยถั่วปริมาณตามต้องการ เติมนมเพิ่มลงไปเล็กน้อยเพื่อช่วยให้สามารถปั่นได้ง่ายขึ้น ตามด้วยผงโปรตีนรสชาติที่ชอบ ผงโปรตีนจะช่วยให้ไอศครีมของเราออกมาอร่อยและมีปริมาณโปรตีนเพิ่มขึ้น ปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วเทใส่ภาชนะที่ต้องการ ใส่เมล็ดถั่วและช็อกโกแลตตามลงไป คนให้พอเข้ากันแล้วนำไปแช่ฟรีซอีกครั้งจนเซตตัวก่อนนำออกมารับประทานค่ะ

10. สมูทตี้เวย์โปรตีน

สมูทตี้เวย์โปรตีน
สมูทตี้เวย์โปรตีน

ปิดท้ายกันด้วยเมนูสมูทตี้สำหรับคนรักสุขภาพ สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทานเวย์โปรตีนหรือโปรตีนถั่วเหลืองค่ะ เราจะนำโปรตีนมาปั่นรวมกับผลไม้สดเพื่อเพิ่มความอร่อยและเพิ่มสารอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยกลบกลิ่นโปรตีนได้เป็นอย่างดีเลย แค่นั้นยังไม่พอเพราะเราจะเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการด้วยผงผักและผลไม้ สำหรับสมูทตี้สูตรนี้จะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเบา ๆ ทานแล้วจะรู้สึกสดชื่น เหมาะสำหรับการทานหลังออกกำลังกายหรือตอนเช้าค่ะ

วัตถุดิบสมูทตี้เวย์โปรตีน

วิธีทำสมูทตี้เวย์โปรตีน

  • ขั้นตอนที่ 1 : เราจะนำผลไม้สดทั้งหมดไปแช่เย็นก่อนเลยค่ะ จากนั้นนำมาหั่นใส่โถปั่น บีบน้ำมะนาวตามไปเล็กน้อย เพิ่มความหวานด้วยน้ำตาลหญ้าหวานหรือไม่ใส่ก็ได้นะคะ ตามด้วยผงโปรตีนและผงผักเพื่อเพิ่มวิตามินและแร่ธาตุ สำหรับผงผักสามารถใส่ชนิดที่ชอบได้เลยค่ะ แต่แนะนำให้เลือกชนิดที่อยู่ในโทนสีเดียวกันจะทำให้สมูทตี้ออกมาสวยงามน่ารับประทาน ปิดท้ายด้วยนมจากพืช ปั่นให้เนียนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันแล้วเทใส่แก้วดื่มได้เลยจ้า

และทั้งหมดนี้ก็คือเมนูจากกล้วยหอมที่เรานำมาฝากในบทความนี้ค่ะ โห พอมาดูจริง ๆ กล้วยหอมก็สามารถนำมาทำอาหารได้หลายเมนูเหมือนนะคะถึงแม้จะเป็นเค้กซะเป็นส่วนใหญ่แต่ก็ถือว่าน่าสนใจมาก ๆ โดยเฉพาะคนที่รักสุขภาพและทานโปรตีนเนี่ยควรมีกล้วยติดบ้านเลย เพราะนอกจากกล้วยจะกลบกลิ่นโปรตีนได้ดีเยี่ยมแล้วยังอุดมไปด้วยสารอาหารอีกหลายชนิดรวมไปถึงไฟเบอร์ที่จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น อิ่มท้องมากขึ้น แถมกล้วยยังมีความหวานจากธรรมชาติช่วยให้เราไม่ต้องเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานอื่น ๆ ลงในอาหารเลยล่ะค่ะ



วิธีเก็บกล้วยหอมให้อยู่ได้นาน

  • วิธีที่ 1 : เริ่มจากขั้นตอนการเลือกซื้อกล้วยเลยค่ะ ส่วนใหญ่แล้วในกล้วยหนึ่งหวีจะมีระดับความสุกไม่เท่ากัน ดังนั้นเราแนะนำให้เลือกซื้อกล้วยหวีที่ยังไม่สุกมากนัก ยังมีสีเขียวในปริมาณที่เยอะ แยกเอาส่วนที่สุกมากแล้วออกมาทานก่อน ส่วนที่เหลือจะค่อย ๆ สุกตามมาเป็นระยะ วิธีนี้ช่วยให้คุณสามารถทานกล้วยที่มีความสุกในระดับพอดี ๆ อยู่เสมอ และไม่ควรเก็บกล้วยที่ยังไม่สุกในตู้เย็นเพราะจะหยุดความสุกของกล้วยและทำให้กล้วยเน่าเสียค่ะ
  • วิธีที่ 2 : หากกล้วยเริ่มสุกและมีพื้นที่สีเขียวเหลือน้อย ให้ตัดกล้วยออกจากหวีโดยเหลือขั้วให้เยอะมากที่สุด ห่อขั้วกล้วยด้วยฟอยล์ถนอมอาหารหรือฟิล์มพลาสติก วิธีนี้จะช่วยให้ขั้วกล้วยสัมผัสอากาศน้อยลงและทำให้เก็บได้นานขึ้น
  • วิธีที่ 3 : ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 แล้วใส่กล้วยลงในถุงกระดาษพร้อมแอปเปิ้ลเขียว, อะโวคาโด้ หรือผลไม้ดิบอื่น ๆ ผลไม้เหล่านี้จะช่วยให้กล้วยสุกช้าลง ขณะเดียวกันสารที่ถูกปล่อยออกมาจากกล้วยก็จะช่วยให้ผลไม้ชนิดอื่น ๆ สุกเร็วขึ้นด้วยค่ะ ส่วนถุงกระดาษจะช่วยให้กล้วยไม่โดนอากาศเยอะมากจนเกินไปทำให้ผิวไม่ดำคล้ำมากนัก
  • วิธีที่ 4 : หากมีกล้วยเยอะและทานไม่ทัน แราแนะนำให้ปอกเปลือกเอาเฉพาะเนื้อกล้วยมาหั่นให้เป็นชิ้นขนาดเล็กลง เก็บใส่ถุงซิปล็อคหรือกล่องเก็บอาหาร จากนั้นเก็บกล้วยในช่องแช่แข็งตลอดเวลา สีของกล้วยอาจจะเข้มขึ้นแต่สามารถเก็บได้นานหลายเดือนโดยไม่เน่าเสีย สามารถนำออกมาทำแพนเค้กกล้วยหอม ,เค้กกล้วยหอม, สมูทตี้ หรือทำเป็นไอศครีมกล้วยหอมได้ค่ะ
  • วิธีที่ 5 : หาก 4 วิธีด้านบนยังไม่สามารถหยุดยั้งการสุกของกล้วยได้ เราแนะนำให้นำกล้วยมาแปรรูปเป็นกล้วยอบด้วยเครื่องอบอาหาร, กล้วยหนึบที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน หรือจะนำมาผสมน้ำผึ้งแล้วนำไปตากเพื่อทำเป็นกล้วยตากแทนค่ะ รับรองว่าสามารถเก็บกล้วยได้นานและไม่ต้องกังวลเรื่องของการเน่าเสียแน่นอนหากคุณเก็บกล้วยในตู้เย็นตลอดเวลา
Ningning

Ningning

Hi guys, I'm Ningning. Graduated from NSTRU in Business English Program. I'd like to sing a song even though my voice is ... Nice to meet you :)

Next Post