Harry Potter เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับโลกเวทมนตร์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ส่วนตัวของเราเองนี่จะเรียกว่าโตมาพร้อมกับโลกเวทมนตร์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ก็ว่าได้ และมักจะกลับมาดูซ้ำหลาย ๆ ครั้งเมื่อมีเวลาว่าง นอกจากนี้เรายังเคยเขียนบทความเกี่ยวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ไปบ้างแล้ว มีทั้งเนื้อรื่องย่อแบบครบทุกภาค หรือจะเป็นเวทมนตร์คาถาที่ปรากฏในเรื่องที่ใครหลายคนชื่นชอบค่ะ อะวาดรา เคดาฟรา!
แต่อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจไม่แพ้เนื้อเรื่องหลักคงต้องขอยกให้เมนูอาหารต่าง ๆ โดยเฉพาะซีนงานเลี้ยงในห้องโถงฮอกวอตส์ที่มีอาหารคาวหวานให้เลือกทานเกือบร้อยชนิด แถมยังทานได้แบบไม่อั้นอีกด้วยค่ะ ตอนนั้นเราคิดว่าอาหารเหล่านี้เป้นแค่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาในโลกเวทมนตร์เท่านั้น แต่แล้ววันหนึ่งก็พบว่าจริงๆ แล้วต้นแบบของอาหารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ดัดแปลงมาจากเมนูดั้งเดิมของอังกฤษ ซึ่งก็แปลว่าความฝันของเราน่าจะเป็นจริงได้ไม่ยาก บทความนี้เราเลยหยิบเอา 10 เมนูจากหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์มาฝากเหล่ามักเกิ้ลค่ะ ไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีเมนูไหนบ้าง
สูตรเมนูอาหารจากแฮร์รี่ พอตตอร์
1. เค้กวันเกิดของแฮร์รี่ (Harry Potter Birthday Cake)

เริ่มต้นกันด้วยของขวัญชิ้นแรกในวันเกิดปีที่ 11 ของแฮร์รี่ พอตเตอร์อย่างเค้กวันเกิดจากแฮกริดในภาคศิลาอาถรรพ์ ถึงหน้าตาอาจจะดูบิดเบี้ยวไปหน่อยแต่แฮกริดตั้งใจทำสุดฝีมือเลยค่ะ นอกจากนี้เค้กก้อนนี้ยังถือว่าเป็นของขวัญชิ้นแรกในชีวิตที่แฮร์รี่จะไม่มีทางลืมอย่างแน่นอน แถมยังเป็นเมนูแรกที่นำพาแฮร์รี่เข้าสู่โลกเวทมนตร์อย่างฮอกวอตส์
วัตถุดิบเค้ก
- แป้งเค้กช็อกโกแลตสำเร็จรูป
- ไข่ไก่
- น้ำเปล่า
- น้ำมันพืช
วัตถุดิบบัตเตอร์ครีม
- เนยจืด
- วิปปิ้งครีม
- น้ำตาลไอซิ่ง
- เกลือป่น
- กลิ่นวานิลลา
- สีผสมอาหาร (สีชมพูและเขียว)
วิธีทำเค้กวันเกิดของแฮร์รี่
- ขั้นตอนที่ 1 : วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 165 – 170 ℃ นำแป้งเค้กมาผสมกับไข่ไก่, น้ำเปล่า และน้ำมันพืช จากนั้นตีจนได้เนื้อเนียน บุพิมพ์อบขนมทรงกลมด้วยกระดาษรองอบ เทแป้งเค้กลงไปแล้วอบประมาณ 25 – 30 นาที หรือจนกว่าเค้กจะสุกดีค่ะ ลองใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มไปที่ส่วนหนาสุด ถ้าไม่มีแป้งติดขึ้นมาแปลว่าใช้ได้ ครบเวลาแล้วนำออกมาพักให้หายร้อนสัก 5 นาที จากนั้นลอกกระดาษออกแล้วแบ่งครึ่งสำหรับสอดไส้
- ขั้นตอนที่ 2 : นำเนยที่นิ่มแล้วลงตีด้วยความเร็วปานกลางจนสีอ่อนลงและฟูขึ้น แนะนำให้ใช้เครื่องผสมอาหารจะง่ายกว่านะคะ จากนั้นค่อย ๆ เติมน้ำตาลไอซิ่งและวิปปิ้งครีม (ครีมกล่องยังไม่ตี) ลงไปทีละน้อย ตีต่อจนส่วนผสมเข้ากันดี จากนั้นเติมกลิ่นวานิลลาและเกลืออีกเล็กน้อย ตีอีกครั้งจนเข้ากัน
- ขั้นตอนที่ 3 : แบ่งบัตเตอร์ครีมออกเป็น 2 ส่วนสำหรับตกแต่งเค้กและเขียนบนเค้ก ส่วนตกแต่งจะผสมสีชมพูลงไป แนะนำให้ใช้สีผสมอาหารแบบเจลจะง่ายกว่านะคะ ใช้ไม้พายตะล่อมจนสีเนียนสวยแล้วเราจะตักส่วนหนึ่งปาดบนเค้กชิ้นล่าง ใช้ไม้พายปาดให้เนียน ตรงนี้ใครอยากจะสอดไส้เพิ่มเติมก็จัดไปตามชอบเลยค่ะ เสร็จแล้วนำเค้กอีกชิ้นมาประกอบแล้วปาดครีมให้ทั่วทั้งชิ้น ถ้าอยากให้เหมือนของแท้เป๊ะ ๆ ไม่ต้องปาดจนเนียนสวยมากก็ได้ค่ะ เป็นสไตล์เฉพาะของแฮกริด
- ขั้นตอนที่ 4 : สำหรับครีมอีกส่วนเราจะผสมสีเขียวลงไป ใช้แบบเจลเหมือนกันนะคะ ผสมให้เข้ากันดีแล้วตักใส่ถุงบีบ บีบเป็นคำว่า ‘HAPPEE BIRTHDAE HARRY’ จะตรงกับในหนังเป๊ะ ๆ เสร็จแล้วใช้ไม้จิ้มฟันทำรอยบากอีกนิดนึงให้เหมือนเค้กโดนทับ แช่เย็นให้เซตตัวอีกหน่อยก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
2. น้ำฟักทอง (Pumpkin Juice)

ถัดมาเป็นเครื่องดื่มที่แฮร์รี่ดื่มบ่อยมาก ๆ และดูเหมือนจะเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าพ่อมดแม่มด และสิ่งนั้นก็คือน้ำฟักทองนั่นเองค่ะ เมนูนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูประจำฮอกวอตส์เลยก็ว่าได้เพราะมีปรากฏอยู่ในหนังและหนังสือแทบจะทุกภาค โดยเฉพาะฉากที่แฮร์รี่เขินโช แชงจนน้ำฟักทองไหลออกจากปากนี่เป็นอีกหนึ่งซีนที่ดูแล้วขำมาก ในส่วนของรสชาติของน้ำฟักทองก็จะมีทั้งความหวานของฟักทอง, หอมกลิ่นวานิลลาอ่อน ๆ และมีความเผ็ดร้อนของเครื่องเทศเบา ๆ ค่ะ
วัตถุดิบน้ำฟักทอง
- ฟักทอง
- อบเชย
- จันทน์เทศ
- ขิง
- น้ำตาลทรายแดง
- น้ำแอปเปิ้ล
- น้ำเปล่า
- กลิ่นวานิลลา
วิธีทำน้ำฟักทอง
- ขั้นตอนที่ 1 : สูตรนี้เราจะต้องใช้ฟักทองแก่จัดจะได้ทั้งความหวานและมันค่ะ นำมาปอกเปลือกเอาไส้ออกแล้วหั่นเป็นชิ้นเท่า ๆ กัน นำไปอบจนกว่าจะสุกนิ่ม เสร็จแล้วนำมาปั่นจนได้เนื้อเนียนละเอียด เทลงกระทะแล้วตามด้วยน้ำเปล่าปริมาณเท่ากัน เคี่ยวไฟอ่อนไปเรื่อย ๆ น้ำฟักทองจะต้องเหลว ๆ หน่อยไม่ข้นจนเกินไปนะคะ น้ำฟักทองเริ่มเดือดแล้วเราจะใส่เครื่องเทศทั้งหมดลงไป แนะนำให้ใช้เป็นชิ้นๆ จะดีกว่าแบบผงนะคะ ใส่น้ำตาลเพิ่มอีกเล็กน้อย ใครไม่ชอบหวานตัดออกได้ค่ะ
- ขั้นตอนที่ 2 : ต้มต่อจนเริ่มได้กลิ่นเครื่องเทศก็ปิดไฟยกลงได้เลยค่ะ นำมากรองด้วยกระชอนหรือผ้าขาวบาง ใช้ช้อนคนเบา ๆ จนได้น้ำฟักทองใส ๆ ระวังไม่ให้มีเนื้อปนลงไปนะคะ จากนั้นตักน้ำฟักทองลงในภาชนะที่ต้องการ ใส่น้ำแอปเปิ้ลลงไปประมาณครึ่งหนึ่งของน้ำฟักทอง ปิดท้ายด้วยกลิ่นวานิลลาอีกเล็กน้อย คนให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟจ้า
3. เค้กหินของแฮกริด (Hagrid’s Rock Cake)

มาทำของว่างที่ไม่มีค่อยจะมีใครโปรดอย่างเค้กหินกันบ้างดีกว่าค่ะ จริง ๆ แล้วเค้กหินหรือ Rock Cake เนี่ยเป็นเมนูดั้งเดิมที่ชาวอังกฤษมักจะทานคู่กับน้ำชายามบ่าย ส่วนชื่อก็มาจากลักษณะตะปุ่มตะป่ำคล้ายหินนั่นเองค่ะ แต่ดูเหมือนว่าสูตรของแฮกริดจะมีการเข้าใจผิดนิดหน่อย เพราะเค้กที่ออกมานี่ทั้งคล้ำ, ทั้งแข็ง และมีรสชาติไม่ต่างจากหินก้อนโต ทำเอาแฮร์รี่รู้สึกฟันร้าวแทบจะทันทีที่ได้ทานและไม่เคยคิดจะหยิบมันมาทานอีกเลยค่ะ
วัตถุดิบเค้กหินของแฮกริด
- แป้งอเนกประสงค์
- ไข่ไก่
- ผลไม้อบแห้ง
- น้ำตาลทรายแดง
- เบกกิ้งโซดา
- เกลือ
- มิกซ์สไปซ์
- จันทน์เทศป่น
- นมจืด
วิธีทำเค้กหินของแฮกริด
- ขั้นตอนที่ 1 : ร่อนแป้ง, เกลือ และเบกกิ้งโซดาลงในอ่างผสม จากนั้นตามด้วยน้ำตาลแล้วคนให้เข้ากันก่อน เข้ากันดีแล้วเราจะใส่เนย หรือใครจะใช้เป็นมาการีนก็ได้นะคะ ใช้มือนวดจนส่วนผสมเข้ากันดีและมีลักษณะเป็นทรายร่วน เทผลไม้แห้งลงไปแล้วคนให้เข้ากันอีกครั้ง
- ขั้นตอนที่ 2 : วอร์มเตาอบที่ 200 ℃ หันมาตอกไข่และเครื่องเทศลงในส่วนผสม คนให้เข้ากันดีแล้วตามด้วยนมจืด หลังจากคนเข้ากันดีแล้วแป้งจะเหนียวจนสามารถปั้นก้อนได้ วางกระดาษรองอบลงบนถาดแล้วปั้นแป้งเป็นก้อนขนาดใหญ่กว่าคุกกี้ปกติเล็กน้อยแล้ววางลงไป สำหรับเมนูนี้ไม่ต้องเน้นสวยงามมากนะคะ จากนั้นนำเข้าอบเป็นเวลา 20 นาที นำออกมาพัก 5 นาทีแล้วแกะออกจากถาด วางพักบนตะแกรงจนกว่าจะเย็นสนิท พร้อมทานค่ะ
4. ทาร์ตน้ำตาลข้น (Treacle Tart)

Treacle Tart เป็นขนมหวานดั้งเดิมของอังกฤษ รวมไปถึงเป็นขนมหวานที่แฮร์รี่โปรดปรานเป็นพิเศษ นอกจากนี้ Treacle Tart ยังปรากฏในหนังและวรรณกรรมอังกฤษอีกหลายเล่มเลยค่ะ เมนูนี้จะเป็นทาร์ตกรอบ ๆ ไส้ด้านในจะเป็นน้ำตาลฉ่ำ ๆ ที่ค่อนข้างหวาน ส่วนใหญ่มักจะเสิร์ฟมาพร้อมกับไอศครีม, clotted cream หรือคัสตาร์ดค่ะ จะทานแบบอุ่น ๆ หรือแช่เย็นจนเซตตัวก็อร่อย ส่วนเมนูนี้ปรากฏครั้งแรกในงานเลี้ยงเปิดเทอมของฮอกวอตส์ (นอกจากนี้ยังเป็นที่ชื่นชอบของเจ้าชายแฮร์รี่แห่งเวลส์อีกด้วยค่ะ)
วัตถุดิบแป้งทาร์ต
- แป้งอเนกประสงค์
- ไข่ไก่
- น้ำตาลเบเกอรี่
- เกลือป่น
- เนยจืด
- กลิ่นวานิลลา
- น้ำเปล่า
วัตถุดิบไส้ทาร์ต
- Golden Syrup
- เกล็ดขนมปังป่นละเอียด
- น้ำเลม่อน
วิธีทำทาร์ตน้ำตาลข้น
- ขั้นตอนที่ 1 : เราจะเริ่มจากทำแป้งทาร์ตก่อนค่ะ เทแป้ง, เนย, น้ำตาล และเกลือเล็กน้อยลงในเครื่องบดสับอาหาร จากนั้นบดจนส่วนผสมเข้ากันและไม่มีก้อนเนยหลงเหลืออยู่ จากนั้นเติมไข่ไก่, น้ำเปล่า และกลิ่นวานิลลาตามลงไป บดต่อจนได้ก้อนแป้งเนื้อเนียน จากนั้นโรยแป้งลงบนโต๊ะแล้วนำก้อนแป้งออกมานวดต่อด้วยมือจนมีความเนียนมากขึ้น
- ขั้นตอนที่ 2 : วอร์มเตาอบที่ 175 ℃ หันมากรุก้อนแป้งลงในพิมพ์ทาร์ต พยายามกดให้ชิดขอบและเนียนเสมอกันนะคะ ตัดขอบให้เรียบร้อยแล้วใช้ส้อมจิ้มฐานพายให้ทั่ว ตอนอบจะได้ไม่ฟูขึ้นมาจนเสียทรง เสร็จแล้วตัดกระดาษรองอบกรุทับตัวแป้งพายแล้วใส่หินสำหรับอบหรือถั่วลงไป เกลี่ยให้ทั่วแล้วแช่เย็น 1 ชั่วโมงก่อนนำออกมาอบต่ออีก 10 – 12 นาที เสร็จแล้วนำกระดาษและหินออกแล้วอบต่ออีก 5 นาทีค่ะ
- ขั้นตอนที่ 3 : ระหว่างรออบเราจะมาเตรียมไส้กัน ผสม Golden Syrup, เกล็ดขนมปัง และน้ำเลม่อนให้เข้ากัน จากนั้นเทลงในฐานทาร์ตแล้วเกลี่ยให้ทั่ว ตรงนี้อาจจะนำแป้งมาปิดหน้าทับอีกทีหรือจะไม่ปิดก็ได้ค่ะ ตามชอบเลย นำกลับไปอบต่ออีก 30 นาทีหรือจนกว่าขอบทาร์ตจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง นำออกมาพักให้คลายร้อนเล็กน้อยแล้วจัดเสิร์ฟพร้อมไอศครีมหรือของหวานตามชอบค่ะ
5. น่องไก่อบบาร์บีคิว

ในงานเลี้ยงเปิดเทอมปีแรกของแฮร์รี่ หลายคนคงจะจำซีนที่รอนกัดน่องไก่ชิ้นโตเนื้อฉ่ำ ๆ เต็มปากเต็มมือกันได้ ซึ่งถาดไก่ในซีนนี้ก็เป็นถาดที่นิคหัวเกือบขาดโผล่ขึ้นมานั่นเองค่ะ และท่าทางความฟินของรอนก็ทำเอาเราน้ำลายสออยากทานบ้าง สูตรนี้อาจจะใช้เครื่องเทศเยอะหน่อยแต่รับรองความอร่อยเลยค่ะ ตัวไก่จะมีความนุ่ม ฉ่ำ ล่อนจากกระดูก รสชาติเค็ม หวาน เผ็ด ครบรส
วัตถุดิบหมักน่องไก่
- น่องไก่
- ใบไทม์อบแห้ง
- สโม้คปาปริก้า
- ผงกระเทียม
- พริกไทยดำป่น
- ผงพริกคาเยน
- ผงยี่หร่า
- เกลือ
- น้ำมันมะกอก
วัตถุดิบซอสบาร์บีคิว
- ซอสพริก
- ซอสมะเขือเทศ
- เนยจืด
- พริกปาปริป้าสเปน
- ผงยี่หร่า
- น้ำตาลทรายแดง
- พริกไทยดำ
- เกลือ
วิธีทำน่องไก่อบบาร์บีคิว
- ขั้นตอนที่ 1 : ผสมเครื่องหมัก (ยกเว้นไทม์กับน้ำมันมะกอก) ให้เข้ากันแล้วนำมาหมักกับน่องไก่จนเข้าเนื้อ เติมใบไทม์และน้ำมันมะกอกแล้วนวดให้เข้ากันอีกครั้งก่อนนำไปซูวีหรืออบด้วยอุณหภูมิต่ำ ๆ จนไก่สุก พยายามอย่าให้เนื้อไก่แห้งจนเกินไปนะคะ
- ขั้นตอนที่ 2 : ระหว่างเราไก่เราจะมาทำซอสเตรียมไว้ค่ะ ผสมวัตถุดิบทุกอย่างให้เข้ากันแล้วนำไปเคี่ยวไฟอ่อน ๆ จนเริ่มร้อนและทุกอย่างละลายเข้ากันดี นำมาทาบนน่องไก่ให้ทั่วแบบฉ่ำ ๆ แล้วนำไปอบด้วยอุณหภูมิ 200 ℃ เป็นเวลาประมาณ 10 – 15 นาที นำออกมาเสิร์ฟร้อน ๆ หรือจะทาซอสทับอีกครั้งก็ได้ค่ะ
6. พายฟักทอง (Pumpkin Pasties)

พายพักทองเป็นหนึ่งเมนูยอดฮิตจากร้านฮันนี่ดุกส์และร้านรถเข็นบนรถไฟด่วนฮอกวอตส์ค่ะ จริง ๆ แล้วเมนูนี้ปรากฏตั้งแต่ภาคแรก ตอนที่แฮร์รี่เหมาขนมทั้งร้านให้รอน แต่ซีนที่หลายคนน่าจะจำได้คงเป็นในภาคแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี นั่นก็คือการเจอกันครั้งแรกระหว่างแฮร์รี่กับโช แชง รักแรกของเขานั่นเองค่ะ ตอนนั้นแชงกำลังสั่งพายฟักทอง 2 ชิ้นจากร้านรถเข็นและหันมาสบตากับแฮร์รี่ ทำเอาแฮร์รี่เขินทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
วัตถุดิบแป้งพาย
- แป้งอเนกประสงค์
- น้ำตาล
- เกลือ
- เนยจืด
- น้ำเปล่า
วัตถุดิบไส้พาย
- ฟักทอง
- ไข่ไก่
- น้ำตาล
- วิปปิ้งครีม
- อบเชยป่น
- จันทน์เทศป่น
- กานพลูป่น
- Allspice
- เกลือ
วิธีทำพายฟักทอง
- ขั้นตอนที่ 1 : มาทำแป้งพายกันก่อนค่ะ ผสมแป้ง, น้ำตาล, เนย และเกลือลงในเครื่องบดสับ จากนั้นบดให้ส่วนผสมเข้ากันจนไม่มีก้อนเนยหลงเหลืออยู่ เติมน้ำเปล่าแล้วบดต่อจนได้ก้อนแป้งเนื้อเนียน นำออกมานวดต่อด้วยมือจนนุ่มขึ้น จากนั้นปั้นเป็นก้อนแล้วห่อด้วยพลาสติกหรือใส่กล่องปิดฝา นำไปแช่เย็นอย่างน้อย 2 ชั่วโมงค่ะ
- ขั้นตอนที่ 2 : ระหว่างรอแป้งเรามาทำไส้เตรียมไว้ดีกว่า เริ่มจากปอกเปลือกและเอาไส้ฟักทองออกก่อน จากนั้นนำไปอบจนสุกแล้วนำมาปั่นจนได้เนื้อเนียนละเอียด ใส่ไข่และเพิ่มรสชาติด้วยน้ำตาล, วิปปิ้งครีม (ครีมเหลว), เครื่องเทศ และเกลือเล็กน้อย ปั่นต่อจนส่วนผสมทั้งหมดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ใครอยากให้เข้มข้นขึ้นสามารถนำไปเคี่ยวในกระทะต่อได้นะคะ
- ขั้นตอนที่ 3 : ครบเวลาแล้วโรยแป้งลงบนโต๊ะ จากนั้นนำแป้งออกมานวดด้วยไม้นวดแป้งจนเริ่มนิ่มและกลายเป็นแผ่นกลมและมีความบางพอประมาณ ใช้พิมพ์ทรงกลมตัดแป้งแล้ววางไส้ฟักทองลงไปตรงกลาง ทาขอบแป้งด้านหนึ่งด้วยไข่แดงแล้วนำอีกด้านมาประกบให้กลายเป็นครึ่งวงกลม ใช้ส้อมกดขอบให้แนบสนิทแล้วทาด้วยไข่แดงอีกครั้งจนทั่ว โรยหน้าด้วยน้ำตาลเล็กน้อยก่อนนำไปอบที่อุณหภูมิ 200 ℃ เป็นเวลา 20 – 30 นาทีหรือจนกว่าแป้งจะกลายเป็นสีเหลืองทอง นำออกมาพักให้อุ่นหรือเย็นสนิทก่อนรับประทานค่ะ
7. บัตเตอร์เบียร์ (Butterbeer)

อีกหนึ่งเครื่องดื่มที่โด่งดังทั้งในโลกเวทมนตร์และโลกมักเกิ้ลคงจะหนีไม่พ้นบัตเตอร์เบียร์ เครื่องดื่มสีเหลืองอ่อนพร้อมฟองฟูนุ่ม ๆ ชนิดนี้หาซื้อได้จากร้านไม้กวาดสามอัน, ร้านหม้อใหญ่รั่ว และร้านหัวหมูที่อาจจะไม่ค่อยนิยมสักเท่าไหร่ค่ะ บัตเตอร์เบียร์เป็นเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์เล็กน้อย ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่เมาเว้นแต่คุณจะเป็นเอลฟ์ตัวจิ๋ว ในส่วนของรสชาติจะมีความซ่าคล้ายโซดา หวาน และแอบเลี่ยนเล็กน้อย รวมไปถึงดื่มแล้วจะต้องมีฟองติดริมฝีปากด้วยค่ะ
วัตถุดิบบัตเตอร์เบียร์
- ไข่แดง
- เนยจืด
- น้ำตาลทรายแดง
- ขิง
- ลูกจันท์เทศ
- กานพลู
- จินเจอร์เอล
วิธีทำบัตเตอร์เบียร์
- ขั้นตอนที่ 1 : เราจะเริ่มจากการนำจินเจอร์เอลไปต้มด้วยไฟอ่อน ๆ ก่อนค่ะ จากนั้นเพิ่มความหอมด้วยขิง, ลูกจันทร์เทศ และกานพลู ต้มทิ้งไว้แล้วหันมาผสมไข่แดงกับน้ำตาลให้เข้ากัน จากนั้นตักเอลที่ต้มไว้ผสมลงในไข่แดงเล็กน้อย คนให้เข้ากันแล้วเทกลับลงไปในหม้อเอล ใส่เนยแล้วต้มต่อจนละลายเข้ากันดี จุดนี้จะมีฟองค่อนข้างละเอียดนะคะ เนยละลายดีแล้วนำกลับไปตีอีกประมาณ 1 นาทีแล้วตักใส่แก้วเสิร์ฟได้เลยค่ะ
8. แซนด์วิชเนื้อหมักของคุณนายมอลลี่ (Mrs. Weasley’s Corned Beef Sandwiches)

แซนด์วิชเนื้อหมักเป็นอาหารกลางวันที่คุณนายมอลลี่เตรียมให้เป็นอาหารกลางวันของลูก ๆ ทุกคนค่ะ ถึงรอนจะเกลียดเนื้อหมักเข้าไส้แต่ก็ต้องจำใจพกติดตัวมาด้วย จริง ๆ แล้วเมนูนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูดั้งเดิมของอังกฤษที่ได้รับความนิยมในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เนื่องจากครอบครัววิสลีย์ค่อนข้างจะมีปัญหาเกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ แซนด์วิชเลยออกมาง่าย ๆ และไม่มีการปรุงแต่งใด ๆ อย่างที่เห็น แต่ก็ถือว่าเป็นเมนูที่ทำง่าย เหมาะกับแม่บ้านลูกดก
วัตถุดิบแซนด์วิชเนื้อหมัก
- ขนมปังโฮลวีท
- เนื้อกระป๋อง
- แตงกวาดอง
- มัสตาร์ด
วิธีทำแซนด์วิชเนื้อหมัก
- ขั้นตอนที่ 1 : หั่นขนมปังเป็นแผ่นหนา ส่วนใครจะใช้ขนมปังแผ่นทั่วไปก็ได้ค่ะ จากนั้นทามัสตาร์ดให้ทั่วทั้ง 2 ชิ้น วางเนื้อหมักลงไปแล้วตามด้วยแตงกวาดองสไลซ์ ประกบด้วยขนมปังอีกหนึ่งแผ่น ห่อด้วยกระดาษไขหรือฟิล์มพลาสติกให้แน่น แค่นี้ก็พร้อมทานแล้วค่ะ
9. ลูกอมเชอร์เบทเลม่อน (Sherbet Lemon)

เมนูนี้เนี่ยเป็นขนมของมักเกิ้ลที่ศาสตราจารย์ดัมเบิ้ลดอร์ชอบทานสุด ๆ ตัวลูกอมจะมีสีเหลืองขนาดไม่ใหญ่มากนัก ทานเข้าไปจะได้รสชาติเปรี้ยวอมหวานของน้ำตาลและกรดมะนาวที่เคลือบอยู่ ส่วนรสชาติจริง ๆ ของลูกอมจะมีความหวานอมเปรี้ยวและให้ความรู้สึกกะปรี้กะเปร่า แต่ถ้าถามว่าชอบแค่ไหนก็บอกได้แค่ว่า ถึงขั้นเอาไปตั้งเป็นรหัสผ่านห้องทำงาน รวมถึงมีถ้วยลูกอมติดอยู่บนโต๊ะทำงานเสมอ อย่างที่เราได้เห็นกันในภาคเจ้าชายเลือดผสมนั่นเอง
วัตถุดิบลูกอมเชอร์เบทเลม่อน
- น้ำตาลทรายป่นละเอียด
- กรดซิตริก
- กลูโคสไซรัป
- สารแต่งกลิ่นรสเลม่อน
- น้ำเปล่า
- สีเหลืองสำหรับผสมอาหาร
วิธีทำลูกอมเชอร์เบทเลม่อน
- ขั้นตอนที่ 1 : เทน้ำตาลลงในหม้อ เปิดไฟกลางค่อนอ่อนแล้วตามด้วยน้ำเปล่าและน้ำตาลกลูโคส ต้มไปเรื่อย ๆ จนกว่าอุณหภูมิของน้ำตาลเพิ่มเป็น 154 – 155 ℃ จึงปิดไปแล้วยกลงจากเตาแล้วเทใส่ภาชนะทนความร้อนทันที หากขณะต้มมีน้ำตาลติดกันเป็นก้อนให้ใช้วิธีส่ายหม้อเอานะคะ ห้ามคนเด็ดขาดเพราะจะทำให้น้ำตาลตกผลึกเป็นเกล็ดค่ะ
- ขั้นตอนที่ 2 : เติมกรดซิตริกและกลิ่นเลม่อนลงไป จากนั้นคนให้ส่วนผสมเข้ากันดีแล้วค่อยเติมสีผสมอาหารทีหลัง สำหรับสีผสมอาหารแนะนำให้ใช้แบบเจลและใส่แค่หยดเดียวก็น่าจะพอแล้วค่ะ เสร็จแล้วเทใส่พิมพ์ที่ต้องการแล้วพักทิ้งไว้จนเซตตัว จากนั้นเราจะผสมน้ำตาลกับกรดซิตริกเล็กน้อยแล้วนำลูกอมที่ทำไว้ลงคลุกเคล้าจนทั่ว แค่นี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ
10. พุดดิ้งเค้กของป้าเพ็ตทูเนีย (Aunt Petunia’s Pudding Cake)

ปิดท้ายด้วยเมนูเด็ดของป้าเพ็ตทูเนีย สำหรับพุดดิ้งเค้กสูตรนี้จะไม่มีส่วนผสมของแป้งเลยค่ะ ใช้ครีมและน้ำตาลล้วน ๆ สมกับเป็นแม่บ้านของบ้านเดอร์สลีย์ เค้กชิ้นนี้ปรากฏในภาคห้องแห่งความลับ ป้าเพ็ตทูเนียทำไว้สำหรับต้อนรับคุณนายเมสัน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้ทานเพราะด๊อบบี้เสกให้เค้กหล่นกลางศีรษะของคุณนายเมสันแบบเป๊ะ ๆ ส่งผลให้แฮร์รี่โดนลุงเวอร์นอนขังลืม แต่สุดท้ายสามพี่น้องวิสลีย์ก็สามารถช่วยออกมาได้ทันวันเปิดเทอมค่ะ
วัตถุดิบเมอแรงก์
- ไข่ขาว
- น้ำตาลทราย
- ครีมออฟทาทาร์
- กลิ่นวานิลลา
วัตถุดิบพุดดิ้ง
- เชอร์รี่เชื่อม
- ไข่ไก่
- แป้งข้าวโพด
- น้ำตาลทราย
- เกลือ
- นมจืด
- สีผสมอาหารสีม่วงอ่อน
วัตถุดิบวิปครีมชีส
- ครีมชีส
- วิปปิ้งครีม
- น้ำตาลไอซิ่ง
- เกลือ
- กลิ่นวานิลลา
- สีผสมอาหาร สีเขียวและม่วงอ่อน
วิธีทำพุดดิ้งเค้ก
- ขั้นตอนที่ 1 : วาดวงกลมขนาด 10 นิ้ว 1 ชิ้นและ 8 นิ้ว 3 ชิ้นลงบนกระดาษรองอบ เสร็จแล้ววอร์มเตาอบที่ 107 ℃ แล้วหันมาตีไข่ขาวกับครีมออฟทาทาร์จนเริ่มขึ้นฟอง ใส่น้ำตาลทีละน้อยแล้วตามด้วยกลิ่นวานิลลา ตีด้วยความเร็วกลางค่อนสูงจนเริ่มตั้งยอดแข็ง เทใส่ถุงบีบแล้วบีบให้เป็นวงกลมตามพิมพ์ที่เราวาดไว้ เติมฐานให้เต็มแล้วทำขอบขึ้นมาอีก 1 ชั้นสำหรับใส่พุดดิ้ง ทำเหมือนกันให้ครบทุกชิ้น เว้นขนาด 8 นิ้วไว้หนึ่งชิ้นสำหรับปิดด้านบนสุด ชิ้นนี้ไม่ต้องทำขอบค่ะ นำเข้าอบเป็นเวลา 1.30 – 2 ชั่วโมงแล้วทิ้งไว้ในเตาอบจนกว่าจะเย็นสนิท
- ขั้นตอนที่ 2 : ต้มนม, น้ำตาล และเกลือด้วยไฟกลางจนเริ่มเดือด คอยคนตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้นมไหม้ก้นหม้อ ขณะเดียวกันเราจะผสมน้ำตาลกับไข่ให้เข้ากันจนละลายดี นมร้อนได้ที่แล้วค่อย ๆ เทลงผสมกับไข่ช้า ๆ พร้อมกับคอยคนตลอดเวลา เสร็จแล้วนำขึ้นตั้งไฟอ่อนอีกครั้งจนเริ่มเดือด ผสมนมกับแป้งข้าวโพดให้เข้ากันแล้วเทใส่หม้อ ใส่สีผสมอาหารสีม่วงเล็กน้อย คอยคนตลอดเวลาจนกว่าส่วนผสมจะข้นขึ้น จากนั้นนำมากรองใส่ถาดแบน ๆ ปิดหน้าด้วยฟิล์มพลาสติกแล้วพักให้หายร้อนก่อนนำไปแช่เย็นพักไว้
- ขั้นตอนที่ 3 : ตีครีมชีสจนนุ่มลงและฟูขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเติมน้ำตาลไอซิ่ง, เกลือ และกลิ่นวานิลลา ตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากันดี ค่อย ๆ เติมวิปปิ้งครีมลงไปช้า ๆ แล้วตีต่อจนฟูในระดับเฟิร์มพีคหรือตั้งยอดกลาง ยกลงแบ่งเป็น 2 ส่วนสำหรับสีเขียวและสีม่วง เทใส่ถุงบีบเตรียมไว้สำหรับประกอบตัวเค้ก
- ขั้นตอนที่ 4 : บีบครีมลงบนแป้นเค้กเล็กน้อยแล้ววางเมอแรงก์ 10 นิ้วลงไป วิธีนี้จะช่วยให้เค้กมั่นคงและไม่ไหลลื่นขณะประกอบ จากนั้นบีบวิปครีมสีเขียวลงไปแล้วตามด้วยเมอแรงก์ 8 นิ้ว ตักพุดดิ้งใส่ลงไปจนทั่วแล้วตกแต่งด้วยวิปครีมเขียว หยิบเมอแรงก์อีกชิ้นทับลงไปแล้วทำซ้ำเหมือนเดิม ปิดท้ายด้วยเมอแรงก์ไม่มีขอบแล้วตกแต่งด้วยวิปครีมเขียวสลับม่วงจนทั่ว เพิ่มสีสันด้วยเชอร์รี่เชื่อมบริเวณฐานและด้านบนสุด เสร็จเรียบร้อยพร้อมเสิร์ฟค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะกับ 10 เมนูจากโลกเวทมนตร์ที่เรานำมาฝากในบทความนี้ หวังว่าจะมีเมนูในดวงใจของเพื่อน ๆ นะคะ แต่เรามั่นใจว่าอย่างน้อยก็มีบัตเตอร์เบียร์แล้วหนึ่ง ส่วนทางนี้บอกตรง ๆ ว่าอยากลองทานพุดดิ้งเค้กสูตรของคุณป้าเพ็ตทูเนีย อยากรู้ว่าฝีมือของป้าจะซักแค่ไหนกันเชียว แต่ดูวัตถุดิบและส่วนผสมแล้วน่าจะหวานนำ หวานตาม และหวานปิดท้ายแน่นอนเพราะน้ำตาลฉ่ำมาก ส่วนใครสนใจเมนูไหนก็ลองไปทำตามดูนะคะ ไว้เจอกันใหม่บทความหน้า บ๊ายบายค่าา