9 สูตรน้ำยาขนมจีน อร่อย รสชาติเข้มข้น | ทำกินเองง่าย ๆ

ขนมจีน คงจะเป็นเมนูโปรดของใครหลาย ๆ คนใช่มั้ยล่ะค่ะ ส่วนเรานี่ต้องบอกเลยว่าชอบม๊ากกกกกก ก.ไก่ล้านตัว เราชอบทานขนมจีนถึงขั้นที่สามารถทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ ปกติทานข้าวไม่เคยเติมแต่ถ้าเป็นขนมจีนเมื่อไหร่นี่เติมไม่ต่ำกว่าสามรอบเลยค่ะ อิอิ ส่วนเหตุผลที่เราชอบทานขนมจีนก็เพราะเราชอบทานอาหารเส้นอยู่แล้ว และการทานขนมจีนก็ทำให้เราทานผักได้เยอะขึ้นและยังมีผักแปลก ๆ ให้ได้ลองทานบ่อย ๆ อีกด้วยค่ะ

นอกจากจะทานขนมจีนเส้นสดแล้วเรายังมีเส้นขนมจีนอบแห้งติดบ้านไว้อีกด้วยค่ะ เอาจริง ๆ แล้วสะดวกมากนะคะเพราะจะเอามาทานคู่กับส้มตำก็อร่อย จะทำเป็นยำขนมจีนก็สะดวก หรือวันไหนอยากทานขนมจีนแต่ขี้เกียจจะออกจากบ้านก็แค่ทำน้ำยาง่าย ๆ แค่นั้นเองค่ะ ไหน ๆ ก็พูดถึงน้ำยาขนมจีนแล้วบทความนี้เราเลยรวบรวมเอาสูตรวิธีทำน้ำยาขนมจีนมาฝากค่ะ ใครชอบทานขนมจีนเหมือนเรานี่ห้ามพลาดเลยน้าาา เพราะเหนือ ใต้ ออก ตก มีมาให้ครบจบในบทความเดียวเลยค่ะ

สูตรน้ำยาขนมจีน

1. น้ำยาแกงเผ็ดใต้

น้ำยาแกงเผ็ดใต้
น้ำยาแกงเผ็ดใต้

ขออนุญาตเริ่มต้นด้วยน้ำยาสุดโปรดอย่างแกงเผ็ดใต้ค่ะ ใครชอบความเผ็ดร้อนต้องถูกใจสูตรนี้แน่นอน ตัวน้ำจะมีส่วนผสมของเนื้อปลาที่โขลกรวมกับพริกแกงจนละเอียด มีความเข้มข้น หอมกลิ่นพริกแกงและใบมะกรูดอ่อน ๆ สามารถทานได้ 2 วิธีคือคนน้ำแกงให้เนื้อปลากระจายตัวจนทั่วก่อนตักราด ส่วนเราจะชอบทานอีกแบบคือรอจนเนื้อปลาตกตะกอนแล้วตักเอาเฉพาะน้ำใส ๆ มาราดขนมจีนค่ะ ถึงจะดูใส ๆ แต่รสชาติเผ็ดร้อนถึงใจมาก ๆ

วัตถุดิบน้ำยาแกงเผ็ดใต้

  • ปลาทู​
  • ใบมะกรูด
  • พริกแกงเผ็ดละเอียด
  • พริกไทยป่น
  • น้ำปลา
  • น้ำตาล
  • กะปิ
  • น้ำเปล่า

วิธีทำน้ำยาแกงเผ็ดใต้

  • ขั้นตอนที่ 1 : ต้มหรือนึ่งปลาให้สุกก่อนเลยค่ะ สำหรับปลาเราจะเลือกใช้แบบไหนก็ได้แต่แนะนำเป็นปลาเนื้ออ่อนจะดีกว่าปลาเนื้อแข็ง ปลาสุกดีแล้วนำมาแกะเอาเฉพาะเนื้อเตรียมไว้ ลอกหนังและเอาก้างออกให้หมดเลยนะคะ
  • ขั้นตอนที่ 2 : โขลกเนื้อปลาจนขึ้นฟูพอประมาณแล้วนำพริกแกงและกะปิลงโขลกรวมกันจนได้เนื้อเนียนเข้ากันดีเลยค่ะ ตักใส่หม้อ เติมน้ำเปล่า น้ำขึ้นตั้งไฟกลางจนเดือด ฉีกใบมะกรูดและพริกไทยป่นลงไปเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลเล็กน้อย รอจนเดือดอีกครั้งถึงจะปิดเตาแล้วจัดเสิร์ฟ

2. น้ำยากะทิสูตรทางใต้

น้ำยากะทิ
น้ำยากะทิแบบใต้

น้ำากะทิเป็นน้ำยาขนมจีนยอดนิยมเลยก็ว่าได้ค่ะ จริง ๆ แล้ววิธีทำน้ำยากะทิกับน้ำแกงเผ็ดนี่จะคล้ายกันมาก ๆ ต่างกันตรงที่น้ำยากะทิจะมีรสชาติเผ็ดละมุนกว่าเนื่องจากได้ความมันของกะทิเข้ามาตัดรสพริกแกง น้ำแกงจะมีความเข้มข้นและไม่เป็นตะกอนก้นหม้อ ส่วนรสชาติควรจะมีความเผ็ดเค็มแล้วตามด้วยรสหวานอ่อน ๆ จะช่วยให้น้ำแกงมีความกลมกล่อมมากขึ้นและไม่มีรสโดดหรือจัดจ้านจนเกินไปค่ะ

วัตถุดิบน้ำยากะทิ

วิธีทำน้ำยากะทิ

  • ขั้นตอนที่ 1 : ต้มปลาให้สุกแล้วแกะเอาเฉพาะเนื้อมาโขลกรวมกับพริกแกงและกะปิจนได้เนื้อเนียนแล้วพักไว้ก่อนค่ะ หันมาต้มหางกะทิให้เดือดแล้วนำพริกแกงที่โขลกไว้ก่อนหน้าลงละลายให้เข้ากันดี จากนั้นตามด้วยตะไคร้และใบ้มะกรูด
  • ขั้นตอนที่ 2 : น้ำแกงเดือดดีแล้วเราจะตามด้วยหัวกะทิ ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลเล็กน้อย ต้มต่อจนน้ำแกงเดือดและมีความเข้มข้นตามชอบ ยกลงจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ

3. น้ำยาป่าตีนไก่

น้ำยาป่าตีนไก่

มีขนมจีนแต่ไม่มีน้ำยาป่ามันก็ยังไง ๆ อยู่ใช่ไหมคะ โดยเฉพาะน้ำยาป่าตีนไก่นี่เป็นอะไรที่แซ่บม๊ากกกกกก น้ำแกงจะมีความเข้มข้นของเนื้อปลา มีผักหวาน ๆ นิ่ม ๆ ให้ทาน ส่วนตีนไก่นี่ต้มมาแบบเปื่อยจนแทบจะไม่ต้องออกแรงเคี้ยวเลยค่ะ เมนูนี้แนะนำให้ปรุงรสแบบเผ็ดเค็มนำจะอร่อยมาก ยิ่งใส่ปลาร้าก็ยิ่งหอมและอร่อยกลมกล่อม ใครสนใจสามารถตามไปกดสูตรกันได้ที่บทความ เมนูจากตีนไก่ : น้ำยาป่า


4. แกงไตปลา

แกงไตปลา

นอกจากจะทานกับข้าวสวยแล้วคนใต้ยังชอบทานแกงไตปลากับขนมจีนอีกด้วยค่ะ ใครยังไม่เคยลองนี่ต้องรีบจัดแบบด่วนจี๋ ตัวน้ำแกงไตปลาจะมีความเข้มข้นจัดจ้านค่ะ รสชาติเผ็ดเค็มและหอมกลิ่นไตปลาแบบจัดจ้าน นำมาทานกับเส้นขนมจีนที่มีความนุ่มหนึบพร้อมเหนาะผักสดนี่เข้ากันมาก ๆ เมนูนี้ต้องทานคู่กับผักต้มกะทิจะช่วยลดความเผ็ดของแกงไตปลาได้ดีเลยค่ะ

สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้

วัตถุดิบแกงไตปลา

  • ปลาซาบะ
  • ตะไคร้
  • ใบมะกรูด
  • หน่อไม้
  • ฟักทอง
  • มะเขือพวง
  • พริกแกงไตปลา
  • กะปิ
  • ไตปลา
  • น้ำตาล
  • น้ำเปล่า

วิธีทำแกงไตปลา

  • ขั้นตอนที่ 1 : เราจะมาเตรียมวัตถุดิบกันก่อนค่ะ เริ่มจากหั่นฟักทอง, หน่อไม้ และเด็ดมะเขือพวงแช่น้ำเกลือเตรียมไว้ จากนั้นแกะเอาเฉพาะเนื้อปลามาฉีกเป็นชิ้นพอดีทาน เสร็จแล้วต้มไตปลากับตะไคร้และใบมะกรูดจนเดือดได้ที่ วิธีนี้จะเป็นการลดกลิ่นคาวของไตปลาค่ะ กรองเอาเฉพาะน้ำไตปลาเก็บไว้
  • ขั้นตอนที่ 2 : นำน้ำไตปลาที่ได้มาตั้งไฟกลาง เติมน้ำเปล่าปริมาณตามชอบแล้วตามด้วยพริกแกงและกะปิ ต้มต่อจนเดือดแล้วนำผักแข็งอย่างฟักทองและหน่อไม้ลงต้มจนสุกดี จากนั้นค่อยตามด้วยมะเขือพวงและปลาซาบะ ใส่ใบมะกรูดเพิ่มลงไปอีกหน่อยเพื่อดับคาวปลา ปรุงรสด้วยน้ำตาลเล็กน้อย ทุกอย่างสุกดีแล้วปิดเตาตักเสิร์ฟได้เลยค่ะ

5. แกงเขียวหวาน

แกงเขียวหวาน

กับข้าวอีกหนึ่งเมนูที่เข้ากับขนมจีนก็คือแกงเขียวหวานค่ะ เมนูนี้น่าจะเป็นเมนูโปรดของใครหลาย ๆ คนเลย แกงเขียวหวานแบบข้น ๆ ใส่ไก่และเลือดชิ้นใหญ่ ๆ พร้อมมะเขือเปราะและใบโหระพาหอม ๆ แค่คิดก็อยากทานขึ้นมาแล้วใช่มั้ยคะ ยิ่งถ้าปรุงให้มีความเค็มหวานนำนี่บอกเลยว่าต้องมีเติมแน่นอน ใครอยากทำเมนูนี้สามารถจดสูตรได้ที่บทความ เมนูแกงกะทิ : แกงเขียวหวาน ได้เลยค่ะแค่เปลี่ยนจากเนื้อวัวมาเป็นเนื้อไก่เท่านั้นเอง


6. น้ำยาถั่ว

น้ำยาถั่วหรือน้ำแกงหวานเป็นเมนูที่เด็กทานได้ผู้ใหญ่ทานดีค่ะ ถึงจะเป็นน้ำแกงแต่เมนูนี้กลับมีรสชาติหวานนำ ได้ความมัน ๆ กรุบ ๆ จากถั่วลิสงและกะทิ ได้ความเปรี้ยวอ่อน ๆ พอสดชื่น ส่วนรสเผ็ดนี่แทบจะไม่มีเลยค่ะถึงสีของน้ำแกงจะดูจัดจ้านมากก็ตาม ใครชอบทานขนมจีนแต่ไม่ชอบทานรสเผ็ดต้องลองน้ำแกงสูตรนี้เลยน๊าาาา

วัตถุดิบน้ำยาถั่ว

วิธีทำน้ำยาถั่ว

  • ขั้นตอนที่ 1 : เราจะซอยหอมแดงก่อนค่ะ จากนั้นคั่วพริกแห้งจนหอมแล้วนำไปโขลกให้ได้เนื้อละเอียด ส่วนหอมแดงเราจะนำมาเจียวจนมีสีเหลืองทอง เทน้ำมันออกเล็กน้อยแล้วนำหัวกะทิลงเคี่ยวกับหอมเจียวจนแตกมัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลและส้มแขก จากนั้นเติมหางกะทิลงไปแล้วเคี่ยวต่อจนเข้ากัน
  • ขั้นตอนที่ 2 : ระหว่างรอน้ำแกงเดือดเราจะนำถั่วลิสงไปบดหยาบให้พอแตก จากนั้นเทลงในหม้อน้ำแกงตามด้วยพริกที่โขลกไว้ ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำมะขามเปียกอีกเล็กน้อย เคี่ยวต่อจนน้ำแกงข้นเป็นที่พอใจแล้วปิดเตาตักเสิร์ฟได้เลยค่ะ

7. แกงปูใบชะพลู

แกงปูใบชะพลู

แกงปูใบชะพลูก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ใครเลยค่ะ จุดเด่นของเมนูนี้จะอยู่น้ำแกงหอมมันและเนื้อปูชิ้นใหญ่ ๆ หวาน ๆ ได้กลิ่นหอมใบชะพูเข้ามาช่วยเพิ่มความอยากอาหาร ยิ่งได้เป็นปูม้าสดนี่ยิ่งฟินค่ะ นอกจากจะอร่อยแล้วเมนูนี้ยังทำง่ายอีกด้วยนะคะเพราะมีวิธีการทำคล้ายกับน้ำยากะทิเลย เพื่อน ๆ สามารดูวิธทำเมนูนี้ได้ที่บทความ เมนูแกงกะทิ : แกงปูใบชะพลู


8. แกงป่าปลากระป๋อง

อยากกินน้ำยาป่าแต่หาเนื้อปลาสดไม่ได้เราขอแนะนำสูตรนี้เลยค่ะ แกงป่าปลากระป๋องเป็นเมนูที่ทำง่ายมาก ๆ ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็ได้ทานแล้ว น้ำแกงจะมีความเข้มข้นของเนื้อและน้ำปลากระป๋อง เราจะปรุงให้มีกลิ่นหอมของกระชายและผักเพื่อไม่ให้กลิ่นปลากระป๋องเด่นจนเกินไป ส่วนรสชาติปรุงให้มีรสเผ็ดเค็มเป็นหลักค่ะ

วัตถุดิบแกงป่าปลากระป๋อง

วิธีทำแกงป่าปลากระป๋อง

ขั้นตอนที่ 1 : เราจะแยกเอาเฉพาะเนื้อปลากระป๋องออกมาก่อนค่ะ จากนั้นนำเนื้อปลามาโขลกรวมกับพริกแกงและกระชายให้เข้ากัน เทใส่หม้อแล้วตามด้วยน้ำเปล่า, น้ำปลากระป๋อง และน้ำปลาร้า นำขึ้นตั้งเตาจนเดือดใส่ลูกชิ้นปลา จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลเล็กน้อย ปิดท้ายด้วยการหั่นต้นหอมและผักชีลาว กดให้จมแล้วปิดเตาตักเสิร์ฟได้เลยจ้า


9. น้ำเงี้ยว

น้ำเงี้ยว

ปิดท้ายกันด้วยน้ำแกงขนมจีนแบบภาคเหนืออย่างน้ำเงี้ยวค่ะ ใครไปถึงภาคเหนือแล้วไม่ได้ทานเมนูนี้นี่ถือว่าพลาดมากเลยน้าาา น้ำเงี้ยวจะต่างจากน้ำยาสูตรอื่น ๆ ตรงที่ตัวน้ำแกงจะมีความเข้มข้น ได้หมูมาเป็นชิ้น ๆ รสชาติเผ็ด เปรี้ยว หวาน ส่วนใหญ่แล้วคนภาคเหนือมักจะทานคู่กับผักกาดดองและถั่วงอกค่ะ ใครอยากลองทำจดสูตรกันได้ที่บทความ สูตรอาหารเหนือ : ขนมจีนน้ำเงี้ยว


ทั้งหมดนี้ก็คือน้ำยาขนมจีนทั้ง 9 สูตรที่เรานำมาฝากในบทความนี้ค่ะ เป็นอย่างไรบ้างคะ มีน้ำแกงสูตรไหนถูกใจเพื่อน ๆ บ้างเอ่ยย?​ เอาจริง ๆ แล้วขนมจีนเองก็เป็นเมนูที่มีความหลากหลายและมีน้ำแกงให้เลือกทานเยอะเหมือนกันนะคะเนี่ย เพื่อน ๆ คนไหนกำลังเบื่อการทานขนมจีนแบบเดิม ๆ ก็สามารถลองเลือกเมนูที่เราแนะนำไปในบทความนี้มาลองทำดูได้น้าาา รับรองว่าจะต้องอร่อยถูกใจและกลายเป็นเมนูโปรดเมนูใหม่ของเพื่อน ๆ แน่นอนค่ะ


ใส่โค้ด BSET2311 นี้เพื่อรับส่วนลด ในแอปช้อปปี้

  • ลดสูงสุด 300 บาท
  • เริ่ม 11/11/2023 เวลา 0:00:00
  • หมดเขต 11/30/2023 เวลา 23:59:59

หมายเหตุ : โค้ดส่วนลดมีจำนวนจำกัดการใช้ 1 คน/ครั้ง/เครื่อง และใช้ผ่านแอป

Ningning

Ningning

Hi guys, I'm Ningning. Graduated from NSTRU in Business English Program. I'd like to sing a song even though my voice is ... Nice to meet you :)

Next Post