เดี๋ยวนี้กระแสการดูแลรักษาสุขภาพกำลังมาแรงแซงทางโค้งเลยนะคะเพื่อน ๆ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งสูง และโควิด 19 ที่กำลังระบาดหนักแบบนี้แล้ว ยิ่งเรียกว่าเป็นภัยร้ายใกล้ตัวมาก ๆ ดังนั้นพวกเราจึงต้องหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายกันสักหน่อยแล้วนะคะ ซึ่งอย่างที่หลายคนเห็นว่าผู้คนบนโลกอินเทอร์เน็ตหรือเพื่อน ๆ ของเรานี่กำลังหันมาให้ความสนใจกับการออกกำลังกายและการลดน้ำหนักรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิค (Ketogenic diet), การลดน้ำหนักแบบแอทคิน (Atkins diet), การลดน้ำหนักแบบเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean diet), การลดน้ำหนักแบบนับแคล, การลดน้ำหนักแบบพาเลโอ (Paleo diet), การลดน้ำหนักแบบเน้นเนื้อสัตว์ (Carnivore diet) หรือการลดน้ำหนักแบบ IF (Intermittent Fasting diet) ที่มีวิธีให้คุณเลือกสรรมากมายจนไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับการลดน้ำหนักแบบไหนดี และด้วยความที่มันมีวิธีการให้เลือกเยอะนี่แหละค่ะ ที่ทำให้หลายคนเลือกวิธีลดน้ำหนักมาหลายเดือนแล้วก็ยังตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะเลือกแบบไหน ยิ่งเป็นสาวออฟฟิศยิ่งแล้วใหญ่เพราะคุณอาจจะไม่มีเวลามากพอที่จะมานั่งนับแคลหรือทานอาหารเป็นเวลาตามรูปแบบของการลดแต่ละประเภท ดังนั้นวิธีการดูแลสุขภาพแบบง่ายที่สุดที่คุณสามารถทำได้ก็คือการทานผักค่ะ แต่จะให้ทานผักสดอย่างเดียวมันก็แอบน่าเบื่ออยู่นะคะ เราอยากแนะนำให้คุณทานเป็น “สลัดผัก” ดีกว่าค่ะ
เราเชื่อว่าหลายคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการรับประทานสลัดผักนั้นส่งผลดีอย่างมากต่อร่างกายของคุณ เพราะในสลัดนั้นอัดแน่นไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของผักและเนื้อสัตว์ที่คุณเลือกใส่ลงไปในจาน โดยส่วนใหญ่แล้วทุกคนมักจะเลือกทานผักใบเขียวที่เป็นแหล่งโภชนาการที่ดีที่อัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย ซึ่งจะช่วยให้ผิวพรรณของคุณเปล่งปลั่งมากขึ้น แถมกากใยของผักนั้นยังเต็มไปด้วยไฟเบอร์ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายของคุณทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย
แน่นอนว่าผักเป็นอาหารที่มีคอเลสเตอรอลน้อยมาก การบริโภคผักเป็นอาหารหลักจะส่งผลให้น้ำหนักของคุณลดลงได้เช่นกันค่ะ (1) แต่คงจะไม่มีใครนำผักสลัดมาทานเปล่า ๆ กันหรอกใช่ไหมคะ? ผู้คนส่วนใหญ่มักจะทานสลัดผักคู่กับ “น้ำสลัด” ที่จะช่วยให้สลัดจานโปรดมีทั้งกลิ่นและรสชาติที่ดีขึ้น ช่วยให้คุณทานง่ายและทานผักได้เยอะกว่าเดิม แถมน้ำสลัดยังมีให้คุณเลือกมากมายหลายสูตรหลายรสชาติจนปวดหัว โดยเฉพาะเจ้า “สลัดน้ำข้น-สลัดน้ำใส” ที่ทำให้หลาย ๆ คนตั้งคำถามขึ้นมาเสมอว่าแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เราจะมาบอกถึงความแตกต่างและวิธีทำน้ำสลัดสูตรที่นิยม ๆ ทำด้วยตัวเองง่าย ๆ จากที่บ้านกันค่ะ
สลัดน้ำข้น vs สลัดน้ำใส
ปัญหาหลัก ๆ ของคนที่เพิ่งเริ่มทานสลัดเลยก็คือการเลือกน้ำสลัดค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้มีน้ำสลัดหลากหลายรูปแบบให้คุณได้เลือกสรร มีทั้งน้ำสลัดแบบไทย ๆ , น้ำสลัดญี่ปุ่น หรือน้ำสลัดแบบฝรั่งเองก็มีให้เลือกเยอะไม่แพ้กัน ไหนจะมีทั้งแบบน้ำข้นและนำใส ที่บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่ามันแตกต่างกันยังไง
สลัดน้ำข้น – ให้พลังงานสูง
โดยส่วนใหญ่แล้วสลัดน้ำข้นเนี่ยจะมีความมัน ๆ หวาน ๆ หน่อย เหมาะสำหรับคนที่ไม่ซีเรียสในเรื่องของการดูแลรักษารูปร่างสักท่าไหร่ เพราะน้ำสลัดเหล่านี้มักจะมีส่วนผสมของมายองเนสเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมายองเนสก็มีส่วนผสมของน้ำมันพืชค่อนข้างเยอะค่ะ ดังนั้นสลัดน้ำข้นจึงค่อนข้างที่จะให้พลังงานสูง แต่มีรสชาติอร่อยถูกปากมาก ๆ ซึ่งคุณอาจจะต้องออกกำลังกายหนักกว่าเดิมเพื่อเบิร์นเอาไขมันเหล่านั้นออกไปให้หมด
สลัดน้ำใส – เหมาะสำหรับคนที่ลดน้ำหนัก
ในขณะเดียวกันสลัดน้ำใสจะมีส่วนผสมของสมุนไพรต่าง ๆ รวมถึงน้ำส้มสายชู และน้ำมัน ซึ่งน้ำมันส่วนใหญ่ที่ใช้ก็จะเป็นน้ำมันมะกอกและน้ำมันรำข้าวซะเป็นส่วนใหญ่ และน้ำมันเหล่านี้ก็ค่อนข้างที่จะส่งผลดีต่อร่างกายค่ะ ยิ่งน้ำส้มสายชูมีความเป็นกรดก็จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ดังนั้นสายสุขภาพส่วนใหญ่จึงเลือกรับประทานน้ำสลัดแบบน้ำใสมากกว่านั้นเองค่ะ
แต่โดยส่วนใหญ่แล้วน้ำสลัดสำเร็จรูป แต่มักจะเต็มไปด้วยรสชาติเทียมและสารกันบูด ทั้งยังอุดมด้วยโซเดียมในปริมาณที่สูง อีกทั้งบางสูตรก็เป็นไขมันทรานส์ที่ไม่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงประเภทของสารให้ความหวานที่ส่วนใหญ่จะใช้เป็นน้ำเชื่อมฟรุกโตสที่จะส่งผลต่อปัญหาด้านสุขภาพได้ในที่สุด (2) แม้ว่าน้ำสลัดสำเร็จรูปจะทั้งสะดวกและง่าย เพราะไม่จำเป็นต้องมาเตรียมวัตถุดิบให้ยุ่งยากวุ่นวาย แต่ถึงอย่างนั้นเราก็อยากชวนเพื่อน ๆ หาเวลาว่างมาลองทำน้ำสลัดทานเองดูบ้างค่ะ เพราะไหน ๆ คุณก็รับประทานผักสด ๆ แล้ว ได้ทำน้ำสลัดทานเองด้วยก็จะยิ่งช่วยให้เราสนุกและทานอาหารได้อร่อยขึ้น อีกทั้งคุณจะได้กำหนดปริมาณสัดส่วนของส่วนผสมได้ตามที่คุณต้องการได้อย่างง่าย ๆ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่ามีน้ำสลัดสูตรไหนบ้างที่น่าสนใจและเพื่อน ๆ สามารถทำตามได้ง่าย ๆ หรือจะเอาไปปรับเปลี่ยนสูตรก็ได้ตามความต้องการ
9 สูตรสลัดน้ำข้น ที่อร่อยและเป็นที่นิยมที่สุด
1. น้ำสลัดครีม

1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี
เริ่มต้นกันที่น้ำสลัดยอดนิยมอย่างน้ำสลัดครีมกันก่อนค่ะ น้ำสลัดครีมนี่ถือว่าเป็นเบสหรือส่วนผสมพื้นฐานของสลัดน้ำข้นทุกชนิดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากตัวน้ำสลัดจะมีลักษณะเป็นครีมข้น ๆ รสชาติหวานมันอมเปรี้ยวนิด ๆ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ วิธีการทำก็ง่ายมาก ๆ เลยค่ะ เพียงแค่เพื่อน ๆ ผสม ไข่แดงดิบ, ไข่ต้ม, น้ำมะนาว, มายองเนส, มัสตาร์ด, นมข้นหวาน และน้ำมันมะกอก ลงในโถปั่น
![]() | Carnation นมข้นหวานปราศจากไขมัน สูตรลดน้ำตาล 25% | |
![]() | LE CUISSON เครื่องคั้นน้ำผลไม้ 4 in1 Food Processor เครื่องปั่นอเนกประสงค์ สีดำ |
จากนั้นปั่นส่วนผสมทุกอย่างให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วนำมาเทใส่ภาชนะ นำไปแช่เย็นอย่างน้อย 10 นาที ให้ครีมเซตตัวและช่วยให้รสชาติกลมกล่อมากขึ้น จากนั้นนำมาราดลงบนสลัดที่เตรียมไว้ หรือหากทานไม่หมดสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 15-20 วันเลยค่ะ และเนื่องจากน้ำสลัดครีมเนี่ยเป็นเบสของสลัดน้ำข้นชนิดอื่น ๆ ดังนั้นเจ้าน้ำสลัดชนิดนี้จึงเหมาะกับผัก, ผลไม้ และเนื้อสัตว์ได้ทุกประเภทเลยค่ะ แต่ช้าก่อนสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักควรหลีกเลี่ยงน้ำสลัดครีมเพราะมันให้พลังงานค่อนข้างสูง ดังนั้นสาว ๆ ควรจะมีสติในการรับประทานนิดนึง หรือไม่ก็เน้นทานคู่กับผักใบเขียวที่ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายเยอะ ๆ และลดปริมาณของน้ำสลัดลงจะดีกว่านะคะ
2. น้ำสลัดครีมวาซาบิ

1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 90 กิโลแคลอรี
น้ำสลัดวาซาบิรสชาติจี๊ดจ๊าดขึ้นจมูก หลายคนอาจจะเคยชินกับการทานวาซาบิคู่กับอาหารญี่ปุ่นอย่างซูชิหรือโอนิกิริไส้ต่าง ๆ ซึ่งค่อนข้างจะไม่เป็นมิตรกับคนที่ต้องควบคุมน้ำหนักแบบลดคาร์บสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเพื่อน ๆ คิดถึงรสชาติของวาซาบิจนอดใจไม่ไหวแทบหลุดไปซื้อซูชิทานแล้วล่ะก็ ลองกันมาทำน้ำสลัดครีมวาซาบิแทนดีกว่าค่ะ วิธีการทำง่ายมาก ๆ เพียงแค่เพื่อน ๆ นำ มายองเนส, น้ำมันมะกอก, วาซาบิ, ผักชี, น้ำมะนาว, พริกไทยป่น และเกลือ เพียงเล็กน้อยมาปั่นจนส่วนผสมเนียนเป็นเนื้อเดียวกันและผักชีแหลกดีแล้วก็เทออกมาใส่จาน
จากนั้นนำน้ำสลัดมาราดลงบนผักสลัดที่เตรียมไว้ แค่นี้สลัดครีมวาซาบิก็พร้อมรับประทานแล้วค่ะ ขอบอกเลยว่าสูตรนี้ค่อนข้างจะมีความเป็นครีม ๆ รสชาติมันนิด ๆ หวานหน่อย ๆ เปรี้ยวนิดนึง และมีกลิ่นวาซาบิอ่อน ๆ ไม่ถึงกับแสบขึ้นจมูกเท่าการทานวาซาบิล้วน เรียกว่าอยู่ในปริมาณที่พอดี ๆ เพื่อน ๆ สามารถลดหรือเพิ่มปริมาณวาซาบิได้ตามใจชอบเลยค่ะ แต่อย่าลืมว่าถ้าใส่วาซาบิมากจนเกินไปอาจจะทำให้กลิ่นวาซาบิกลบกลิ่นอื่น ๆ และอาจจะทำให้มีความลำบากในการทานผักสักหน่อยนะคะ
3. น้ำสลัดแอปเปิ้ลไซเดอร์วีนีการ์

1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 81 กิโลแคลอรี
น้ำสลัดสไตล์ฝรั่งที่มีกลิ่นและรสชาติค่อนข้างจะเป็นเอกลักษณ์ มีส่วนผสมของ น้ำมันมะกอก, น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล, ดิจองมัสตาร์ด, กระเทียมสับ, เกลือ และพริกไทยป่น เพียงแค่เพื่อน ๆ นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมรวมกันในขวดแก้วหรือขวดโหล
![]() | น้ำมันมะกอก Ybarra Extra Virgin Olive Oil | |
![]() | น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล Organic Apple Cider Vinegar - Unfiltered Spectrum |
จากนั้นออกแรงเขย่าอีกนิดจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีแล้วก็สามารถราดลงบนผักสลัดจานโปรดได้เลยค่ะ เนื่องจากน้ำสลัดชนิดนี้มีรสเปรี้ยวเค็มกำลังดีและความเผ็ดร้อนเบา ๆ ของพริกไทยจึงเหมาะกับการทานคู่กับผักสดที่มีความกรอบและฉ่ำอย่างแตงกวาสด, ผักคอส หรือผักกาดแก้วสุด ๆ ขอบอกเลยว่าคุณจะต้องติดใจความอร่อยและประโยชน์ของน้ำสลัดแอปเปิ้ลไซเดอร์วีนีการ์แน่นอน หรือเพื่อน ๆ จะนำน้ำสลัดไปทานคู่กับไก่ย่างก็อร่อยเข้ากันนะคะ
4. น้ำสลัดซีซาร์

1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี
ถัดมาเป็นน้ำสลัดซีซาร์ที่ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะน้ำสลัดชนิดนี้มีส่วนผสมของชีสรสชาติมัน ๆ มีลักษณะเป็นสีขาวข้น ๆ คล้าย ๆ กับน้ำสลัดครีมค่ะ ซึ่งที่มาของน้ำสลัดซีซาร์นี่มีมายาวนานมาก ๆ เลยนะคะ ว่ากันว่าเมื่อก่อนเนี่ยมีเจ้าของร้านอาหารที่ชื่อว่า ‘ซีซาร์’ มีอยู่วันหนึ่งร้านอาหารของเขามีลูกค้าเยอะมาก ๆ จนวัตถุดิบในครัวหมดเกลี้ยงทุกอย่าง นายซีซาร์ไม่รู้จะทำยังไงดีเลยเอาผักมาผสมกับน้ำซอสแล้วคลุก ๆ โรยหน้าด้วยขนมปังกรอบ จากนั้นก็เอามาเสิร์ฟลูกค้า ปรากฏว่าลูกค้าติดใจมาก ๆ เลยกลายมาเป็นสลัดซีซาร์อย่างที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ค่ะ (3)
ส่วนผสมหลัก ๆ ของน้ำสลัดซีซาร์ก็คือ กระเทียมสับ, ไข่ไก่, วูสเตอร์ซอส, น้ำมันมะกอก, น้ำมะนาว, ดิจองมัสตาร์ด, ปลาแองโชวีหมัก และพาร์เมซานชีส จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดมาปั่นรวมกันจนได้เนื้อเนียนละเอียด ตักราดบนจานสลัดที่มีส่วนผสมของผักกาดหอมโรเมน, ผักกาดแก้ว, ผักกาดคอส และโรยหน้าด้วยขนมปังกรอบหรือที่เรียกกันว่า ‘ครูตองซ์’ สลัดชนิดนี้มีรสชาติอร่อยกลมกล่อมด้วยชีส เหมาะสำหรับเด็ก ๆ และคนที่เพิ่งเริ่มรับประทานผักค่ะ
5. น้ำสลัดครีมซีฟู้ด

1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 75 กิโลแคลอรี
เปลี่ยนทำทานน้ำสลัดสัญชาติไทยกันบ้างค่ะ น้ำสลัดครีมซีฟู้ดถือว่าเป็นน้ำสลัดที่นิยมทานคู่กับสลัดโรลสุด ๆ เนื่องจากน้ำสลัดมีรสเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด และมีรสมัน ๆ ของมายองเนสช่วยเพิ่มความข้นและเท็กซ์เจอร์ครีมมี ๆ ซึ่งน้ำสลัดครีมก็ทำง่ายสุด ๆ เพียงแค่เพื่อน ๆ นำ พริกขี้หนู, ผักชี, กระเทียม, น้ำมะนาว, น้ำตาล, น้ำปลา และมายองเนส มาปั่นผสมรวมกันด้วยเครื่องปั่น
จากนั้นก็นำมาราดลงบนผักสลัดหรือทานเป็นซอสดิปคู่กับสลัดโรลแบบไทย ๆ ก็เข้ากันสุด ๆ ยิ่งเป็นผักกรีนโอ๊คและต้นอ่อนผักต่าง ๆ ที่นำมาม้วนรวมกับอาหารทะเลยิ่งอร่อยมากขึ้น เพราะรสชาติหวาน ๆ ของผักเข้ากับรสเข้มข้นของน้ำสลัดได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นเมนูสลัดโรลยังเป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่อีกด้วยค่ะ
6. น้ำสลัดเทาซันด์ไอแลนด์

1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 58 กิโลแคลอรี
น้ำสลัดสีชมพูอมส้มอ่อน ๆ ดูน่ารักน่ารับประทาน ซึ่งสีชมพูที่ได้มาจากส่วนผสมสำคัญอย่าง มะเขือเทศบด ที่นำมาผสมกับ มายองเนส, น้ำมันมะกอก, น้ำมะนาว, วูสเตอร์ไชร์ซอส, น้ำส้มสายชู, มัสตาร์ด, ปาปริก้า และแตงกวาดองหรือพริกหยวก
![]() | พริกปาปริก้าป่น พริกป่นปาปริก้า แม็กกาแรต | |
![]() | น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล Organic Apple Cider Vinegar - Unfiltered Spectrum |
จากนั้นนำส่วนผสมมาปั่นรวมกันให้ละเอียดแล้วราดลงบนผักสลัด ซึ่งน้ำสลัดเทาซันด์ไอแลนด์เหมาะกับสลัดที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศ, ผักกาดแก้ว และอาหารซีฟู้ดต่าง ๆ เนื่องจากมีรสชาติเปรี้ยวนำและอมหวานนิด ๆ เข้ากับเนื้อสัตว์หรือผักที่มีรสหวานมาก ๆ เลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีการนำน้ำสลัดเทาซันด์ไอแลนด์ไปใช้กับอาหารประเภทอื่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำเป็นซอสดิป, ทาเป็นซอสแซนด์วิช, แฮมเบอร์เกอร์ หรือพิซซ่าก็มีค่ะ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนค่ะ
7. น้ำสลัดอะโวคาโด

1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 40 กิโลแคลอรี
น้ำสลัดน้ำข้นไม่ได้แปลว่าจะต้องพลังงานสูงเสมอไปนะคะเพื่อน ๆ น้ำสลัดอะโวคาโดเป็นน้ำสลัดอีกหนึ่งชนิดที่มีรสชาติอร่อย ได้เนื้อสัมผัสครีมมี่และมีความเข้มข้นสูง เพราะอย่างที่เพื่อน ๆ ทราบกันดีอยู่แล้วว่าอะโวคาโดเป็นวัตถุดิบที่มีเนื้อเยอะและมีรสชาติมัน ๆ หวานนิด ๆ สามารถนำมาดัดแปลงเป็นอาหารได้หลากหลายประเภท ซึ่งน้ำสลัดอะโวคาโดสูตรนี้เป็นสูตรวีแกน วัตถุดิบประกอบไปด้วย เนื้ออะโวคาโด, นมอัลมอนด์สูตรไม่หวาน, น้ำมะนาว, น้ำมันมะกอก extra virgin, กระเทียมสับ, ผงหอมใหญ่, พาร์สลีย์แห้ง, ผักชีลาวแห้ง, ดิจองมัสตาร์ด, เมเปิ้ลไซรัป, ใบโหระพาสด, เกลือ และพริกไทย
เพียงแค่เพื่อน ๆ นำส่วนผสมทั้งหมดใส่เครื่องปั่นแล้วปั่นจนได้น้ำสลัดเนื้อเนียน แต่ถ้าน้ำสลัดข้นมากเกินไปสามารถเติมนมลงไปเพิ่มได้นะคะ เติมได้จนน้ำสลัดมีความเหลว – ข้นตามชอบเลย จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยตามชอบ จะนำมาราดลงบนผักสลัดสด, ผักย่าง หรือน้ำผักมาดิปก็อร่อยค่ะ
8. น้ำสลัดฟักทอง

1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 34 กิโลแคลอรี
น้ำสลัดฟักทองสีเหลืองน่ารักสดใสที่เข้ากับทุกเมนูได้เป็นอย่างดี น้ำสลัดฟักทองจะมีรสชาติออกเปรี้ยวนิด ๆ และมีความหวานธรรมชาติ เป็นการนำ เนื้อฟักทองนึ่ง, น้ำมันมะกอกแบบ Extra virgin, น้ำส้มสายชู, ดิจองมัสตาร์ด และกระเทียมสับ
มาปั่นรวมกันจนเนื้อฟักทองกลายเป็นครีมข้น ๆ จากนั้นเทใส่ภาชนะแล้วเพิ่มรสชาติด้วย พริกไทยป่นและเกลือ ชิมรสชาติตามต้องการแล้วจากนั้นให้เพื่อน ๆ นำน้ำสลัดแช่ในตู้เย็นสักครู่ ประมาณ 15 – 20 นาที เพื่อให้น้ำสลัดมีรสชาติที่ดีขึ้นขึ้นก่อนนำมาราดลงบนผักสลัดค่ะ บอกเลยว่าสูตรนี้เพื่อน ๆ หลายคนต้องติดใจความหอมและความเป็นครีมมีของน้ำสลัดฟักทองแน่นอน ยิ่งทานกับผักสลัดกรอบ ๆ อย่างผักคอส, ผักกาดแก้ว หรือแตงกวาแช่เย็นยิ่งฟินจนหยุดทานไม่ได้
9. น้ำสลัดโยเกิร์ต

1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 30 กิโลแคลอรี
น้ำสลัดโยเกิร์ตเป็นน้ำสลัดยอดนิยมสำหรับสาว ๆ ที่อยู่ในช่วงดูแลสุขภาพสุด ๆ ไปเลยค่ะ เพราะเมนูนี้แคลค่อนข้างต่ำ (ถ้าใส่น้ำสลัดน้อย) แถมยังมีรสชาติเปรี้ยวอมหวานให้ความรู้สึกสดชื่น วิธีทำน้ำสลัดชนิดนี้ง่ายนิดเดียวค่ะ เพียงแค่เพื่อน ๆ นำ โยเกิร์ตไขมันต่ำ, น้ำผึ้ง, น้ำมะนาว, น้ำมันรำข้าว และเกลือ
มาผสมรวมกันและคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ชิมรสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ตามชอบ จากนั้นนำมาราดลงบนสลัดผักหรือสลัดผลไม้ก็อร่อยสุด ๆ ค่ะ ยิ่งถ้าเพื่อน ๆ ลองบดสตรอว์เบอร์รีหรือมัลเบอร์รีลงไปผสมก็จะได้น้ำสลัดสีสันสวยงามน่ารับประทานและเป็นการเพิ่มสารอาหารให้กับน้ำสลัดมากขึ้นอีกด้วย หรือจะนำผักลวกหรือผักสดมาดิปกับน้ำสลัดโยเกิร์ตก็อร่อยและน่าสนใจอีกด้วยนะคะ ทานเป็นของว่างได้เลย
4 สูตรสลัดน้ำใส (น้ำสลัด สำหรับคนลดน้ำหนัก)
1. น้ำสลัดงาญี่ปุ่นน้ำใส

1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 65 กิโลแคลอรี
น้ำสลัดงาญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งสลัดน้ำใส่ที่หลายคนชอบรับประทาน เนื่องจากน้ำสลัดงามีจุดเด่นอยู่ที่กลิ่นหอม ๆ ของงาคั่วพร้อมกับรสชาติเปรี้ยวอมหวานที่ทานแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น ชวนนึกถึงบรรยากาศหน้าร้อนในญี่ปุ่น ซึ่งเพื่อน ๆ เองก็สามารถทำน้ำสลัดงาน้ำใสได้ง่าย ๆ ที่บ้านค่ะ เพียงแค่คั่วและบดงาขาวให้พอแหลก จากนั้นนำมาผสมกับโชยุ, น้ำตาลทราย, เกลือ, น้ำมันงา และน้ำส้มสายชู
![]() | น้ำมันงาดำสกัดเย็น 100% ตรากล้วยไม้ | |
![]() | น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล Organic Apple Cider Vinegar - Unfiltered Spectrum |
คนให้เกลือและน้ำตาลละลายเข้ากันดีก็เป็นอันใช้ได้แล้วค่ะ ซึ่งน้ำสลัดงาน้ำใสเหมาะกับการรับประทานคู่กับสลัดอะโวคาโด้ที่มีผักกาดแก้วและแตงกวาญี่ปุ่นสุด ๆ เพราะเนื้อนุ่ม ๆ ของอะโวคาโด้เข้ากับน้ำสลัดได้ดีเลยทีเดียว แถมยังมีความกรอบของผักกาดและแตงกวาเข้ามาเพิ่มมิติ ช่วยให้เมนูนี้ไม่น่าเบื่อหรือเลี่ยนจนเกินไปค่ะ
2. น้ำสลัดอิตาเลียน

1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 60 กิโลแคลอรี
ถัดมาเป็นน้ำสลัดที่มีกลิ่นและรสชาติเป็นเอกลักษณ์อีกหนึ่งประเภทค่ะ นั่นก็คือน้ำสลัดอิตาเลี่ยนนั่นเอง ถ้าพูดถึงอิตาเลียนแล้วหลายคนต้องนึกถึงเครื่องเทศที่มีความเป็นเอกลักษณ์อย่างออริกาโนและใบไทม์ใช่ไหมล่ะคะ แน่นอนว่าน้ำสลัดอิตาเลียนก็มีกลิ่นอายของความเป็นอิตาเลียนอย่างครบครันด้วยการนำเครื่องเทศอย่าง หอมใหญ่สับ, กระเทียมสับ, พาร์สลีย์อบแห้ง, ออริกาโนอบแห้ง, ใบไทม์อบแห้ง, ใบโหระพาอบแห้ง, เกลือ, พริกไทยป่น, น้ำผึ้ง, น้ำมะนาว, น้ำส้มสายชู, น้ำมันมะกอก และน้ำเปล่าอีกเล็กน้อยมาใส่ลงในขวดโหล
จากนั้นปิดปากขวดให้แน่นแล้วเขย่าให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี เครื่องเทศต่าง ๆ ก็จะส่งกลิ่นหอมชวนรับประทาน นำมาราดลงบนผักสลัดที่มีผักร็อกเก็ต, ผักกาดโรเมน, ผักชีฝรั่ง หรือมะเขือเทศที่เข้ากันดีและช่วยชูให้รสชาติของน้ำสลัดอร่อยยิ่งขึ้น ถ้าใครไม่เคร่งครัดเรื่องน้ำหนักจะเติมชีสลงไปอีกนิดก็ไม่ว่ากันจ้า ส่วนเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบและอยากทำน้ำสลัดอิตาลีทานบ่อย ๆ ก็สามารถซื้อผงหอมใหญ่และกระเทียมแห้งมาใช้แทนแบบสดก็ได้ค่ะ เพียงแค่เพื่อน ๆ ผสมส่วนผสมที่เป็นของแห้งเตรียมไว้ เมื่อจะทานก็แค่ตักส่วนผสมแห้งมารวมกับส่วนผสมที่เป็นน้ำ คนให้เข้ากันก็สามารถรับประทานได้เลย ง่ายและสะดวกมากขึ้นอีกด้วย
3. น้ำสลัดผักชี

1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 43 กิโลแคลอรี
พูดถึงน้ำสลัดผักชีบางคนอาจจะถึงกับทำหน้ายี้เพราะแค่พูดกลิ่นเขียว ๆ ของผักชีก็ลอยเข้าจมูกแล้ว เราขอบอกว่าน้ำสลัดสูตรนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เพื่อน ๆ คิดเลยค่ะ เพราะน้ำสลัดผักชีมีส่วนผสมของ น้ำมันมะกอก, ผักชี, กระเทียมสับ, น้ำเชื่อม, เกลือ, พริกไทยป่น และน้ำมะนาว
วิธีการทำก็ง่าย ๆ เลยค่ะ เพียงแค่เพื่อน ๆ นำส่วนผสมทั้งหมดมาปั่นรวมกันจนได้ความเนียนที่ต้องการแล้วนำมาเทลงบนผักสลัดที่ชอบ หรือถ้าเพื่อน ๆ อยากได้เท็กซ์เจอร์มากขึ้นก็สามารถนำผักชีและกระเทียมมาสับให้ละเอียดจากนั้นนำมารวมกับวัตถุดิบที่เหลือแล้วคนให้เข้ากัน วิธีนี้จะช่วยให้กระเทียม, ผักชี และมะนาวส่งกลิ่นหอมได้มากขึ้น เราแนะนำให้ทานกับสลัดผักดรีนโอ๊ค, เรดโอ๊ค, ต้นอ่อนผัก, ผักกาดแก้ว หรือแตงกวาค่ะ เพราะความเปรี้ยว ๆ เค็ม ๆ ของน้ำสลัดและกลิ่นหอมพริกไทยจะเข้ากับความกรอบของผักได้ดี ช่วยให้เพื่อน ๆ รู้สึกสดชื่นมากขึ้น
4. น้ำสลัดบัลซามิก

1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 15 กิโลแคลอรี
ในบรรดาน้ำสลัดทั้งหมด น้ำสลักบัลซามิกถือเป็นน้ำสลัดที่ให้พลังงานต่ำที่สุดแล้วค่ะ ดังนั้นน้ำสลัดชนิดนี้จึงเป็นมิตรกับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงของการลดนำหนักหรือต้องการรักษาหุ่นมาก ๆ เลยค่ะ น้ำสลัดบัลซามิกมีส่วนผสมแค่ไม่กี่อย่าง นั่นก็คือ กระเทียมสับหยาบ, เกลือ, พริกไทยป่น, ดิจองมัสตาร์ด, น้ำผึ้ง, น้ำมันมะกอกแบบ extra virgin และน้ำส้มสายชูบัลซามิก เพียงแค่เพื่อน ๆ นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ขวดแก้ว หรือภาชนะผสม จากนั้นคนให้ทุกอย่างเข้ากัน ชิมรสชาติให้ออกเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ แค่นี้น้ำสลัดบัลซามิกก็พร้อมรับประทานแล้วค่ะ นำมาราดลงบนสลัดผักย่างหรือธัญพืชและผลไม้อบแห้งเข้ากันสุด ๆ เลย
และนี่ก็คือสูตรน้ำสลัดทั้งแบบน้ำข้นและน้ำใสที่เรารวบรวมมาแนะนำเพื่อน ๆ ในบทความนี้ค่ะ เป็นยังไงบ้างคะหลังจากอ่านจบแล้ว เพื่อน ๆ รู้สึกว่ามันน่าสนใจและสามารถทำได้ที่บ้านไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ ซึ่งน้ำสลัดเหล่านี้เนี่ยเพื่อน ๆ สามารถปรับปรุงรสชาติให้ถูกปากของเพื่อน ๆ ได้เลยค่ะ และส่วนผสมต่าง ๆ ก็สามารถลดหรือเพิ่มได้ตามความชอบ เราคิดว่าการได้ลองทำอาหารทานเองที่บ้านก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีทั้งความสนุกและความท้าทายมาก ๆ เลยนะคะ เพราะนอกจากจะได้ลุ้นรสชาติของอาหารแล้วเรายังได้ปรับนู่นเติมนี่เป็นสูตรของเราเอง แถมยังได้ตกแต่งหน้าตาของอาหารตามความชอบอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นเสน่ห์และความสุขของการทำอาหารเลยค่ะ
นอกจากสูตรน้ำสลัดแล้วเรายังมีบทความเมนูจากผักและน้ำพริกให้เพื่อน ๆ ได้ลองอ่านเพื่อเป็นไอเดียและเพิ่มความหลากหลายในการรับประทานผักอีกด้วยนะคะ หวังว่าข้อมูลที่เรานำมาฝากจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อยนะคะ ไว้เจอกันใหม่บทความหน้าน้าาา สวัสดีค่ะ
References
- Dark Green Leafy Vegetables – Agricultural Research Service : U.S. DEPARTMENT OF AGRICULTURE
- Is your salad dressing hurting your healthy diet? – Harvard University
- Caesar salad – Wikipedea