เมื่อถึงช่วงวันหยุดยาวเพื่อน ๆ มีแพลนเที่ยวกันหรือยังคะ? หลาย ๆ คนอาจจะวางแผนออกไปเที่ยวต่างจังหวัดให้สาแก่ใจ บางคนอาจจะใช้เวลาอยู่กับเพื่อน, ครอบครัว หรือคนรัก และบางคนที่ชอบสังสรรค์สนุกสนานหน่อยก็อาจจะอยากออกไปปาร์ตี้ให้หลุดโลก เต้นจนเป็นตำนานเต้นให้โลกรู้ว่าเราคือนักสู้ 🙂 แต่ก็อย่างที่ทราบค่ะว่าสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าหรือโรคโควิด 19 ที่แพร่ระบาดอยู่ในตอนนี้ก็ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทางที่ดีอยู่บ้านแล้วจัดปาร์ตี้มันส์ ๆ กันดีกว่า และแน่นอนว่าปาร์ตี้สนุก ๆ จะขาดเครื่องดื่มซู่ซ่าและกับแกล้มอร่อย ๆ ไม่ได้ วันนี้เราจึงมัดรวมกับแกล้มอร่อยและทำง่ายมาฝากเพื่อน ๆ เผื่อใครกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเอายังไงดีกับวันหยุดยาวที่ใกล้เข้ามาจะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะคะ โดยคุณจะสามารถนำเมนูที่เรานำมาฝากไปเป็นไอเดียในการทำกับแกล้มทานกับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน เพิ่มความสนุกให้กับปาร์ตี้ได้มากยิ่งขึ้นค่ะ มัวรอช้าช้าอยู่ไย เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าเมนูที่เรานำมาฝากในบทความนี้จะมีอะไรบ้าง
1. กุ้งแช่น้ำปลา

เริ่มต้นกันด้วยเมนูเบสิกสุดอร่อยที่หลาย ๆ คนชื่นชอบกันก่อนเลยค่ะ กุ้งแช่น้ำปลาเป็นเมนูยอดฮิตที่นอกจากความสดของกุ้งแล้วความเด็ดของเมนูนี้ยังอยู่ที่น้ำจิ้มค่ะ น้ำจิ้มจะต้องเด็ด ต้องมีรสเปรี้ยวเผ็ดเค็มครบรสจะได้เข้ากับความหวานของเนื้อกุ้งได้เป็นอย่างดี เพิ่มหอมด้วยใบสะระแหน่และมะระขมอ่อน ๆ เพิ่มความอร่อยและทำให้เมนูนี้มีรสชาติที่หลากหลายแต่ก็ยังไปด้วยกันได้ รับรองว่าเข้ากับเครื่องดื่มซ่า ๆ ได้ดีเลยค่ะ
วัตถุดิบกุ้งแช่น้ำปลา
วิธีทำกุ้งแช่น้ำปลา
ขั้นตอนแรกให้เพื่อน ๆ นำกุ้งออกมาก่อนค่ะ ดึงหัวกุ้งออก แกะเปลือกเว้นหางแล้วผ่ากลางหลัง ดึงเส้นดำออก จากนั้นขยำด้วยเกลือจนสะอาด ล้างน้ำเปล่า ๆ หลาย ๆ รอบแล้วฉีดน้ำโซดาเย็นจัดลงไป ตามด้วยน้ำปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน โปะด้วยน้ำแข็งเนื้อกุ้งจะได้กรอบ ๆ เด้ง ๆ
จัดการกุ้งเรียบร้อยแล้วมาเตรียมน้ำจิ้มและเครื่องเคียงกันต่อค่ะ เริ่มจากนำกระเทียมมาปอกเปลือกแบ่งส่วนหนึ่งออกมาฝานบาง ๆ จากนั้นเด็ดใบสะระแหน่ล้างน้ำให้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำ ส่วนมะระเลือกลูกที่ใหญ่ ๆ ผิวสีเขียวอ่อน ๆ จะไม่ขมค่ะ นำมาผ่าครึ่ง ขูดเอาไส้ออก จากนั้นฝานบาง ๆ แล้วลวกน้ำร้อนนิดหน่อยเพื่อล้างเอารสขมออก จัดการน็อกน้ำเย็นทันทีมะระจะได้สีเขียวสดใส ส่วนกะหล่ำปลีล้างน้ำแล้วซอยเป็นฝอย ๆ แช่เย็นไว้ค่ะ
ถัดมาเป็นน้ำจิ้มรสแซ่บซี๊ดค่ะ เราจะนำพริกขี้หนูและกระเทียมมาโขลกให้ละเอียด จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำตาล, น้ำปลา และน้ำมะนาว ชิมรสตามชอบเลยค่ะ จากนั้นนำกะหล่ำปลีรองบนจาน ตามด้วยมะระ แล้วเรียงเนื้อกุ้งลงไปให้สวยงาม โปะด้วยกระเทียมและใบสะระแหน่ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแซ่บซี๊ดค่ะ สำหรับใครที่อยากได้เมนูจากกุ้งอื่น ๆ เพิ่มเติมเราก็มีมาให้อ่านตามลิงก์ที่ใส่ไปด้วยนะคะ
2. เอ็นไก่ทอด

ถัดมาเป็นของทอดกรุบกรอบกันบ้างค่ะ เอ็นไก่ทอดเป็นเมนูที่ทานง่ายและทำง่ายสุด ๆ เพื่อน ๆ จะเลือกใช้เอ็นข้อไก่กรุบ ๆ หรือเอ็นแก้วไก้ที่มีหนังกรอบ ๆ ติดมาให้ทานก็ได้เลยค่ะ เราจะนำเอ็นไก่มาคลุกเคล้าปรุงรสให้มีรสเค็มอ่อน ๆ จากนั้นนำมาคลุกแป้งทอดกรอบแล้วทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมันแล้วทานพร้อมกับซอสพริกเด็ดมาก ๆ เลยค่ะ ทานเพลินจนลืมเครื่องดื่มแน่นอน
วัตถุดิบเอ็นไก่ทอด
- เอ็นไก่
- เกลือ
- พริกไทยป่น
- งาขาว
- แป้งทอดกรอบ
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำมันพืช
วิธีทำเอ็นไก่ทอด
ขั้นตอนการทำง่ายมาก ๆ เลย เราจะนำมาเอ็นไก่มาล้างทำความสะอาด ซับน้ำให้แห้ง จากนั้นนำมาหมักด้วยเกลือ, ซีอิ๊วขาว, งาขาว, แป้งทอดกรอบ และพริกไทยป่น หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีเลยค่ะ ครบเวลาแล้วให้เพื่อน ๆ ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน เปิดไฟกลาง รอจนน้ำมันร้อนแล้วนำเอ็นไก่ลงทอดได้เลย พยายามใช้ตะหลิวเขี่ยให้ตัวเอ็นไก่กระจายรอบ ๆ ไม่ติดกันเป็นก้อนนะคะ ทอดไปเรื่อยจนเอ็นไก่เหลืองและกรอบขึ้น จากนั้นปรับไฟลงนิดหน่อยแล้วคนไปเรื่อย ๆ จนเอ็นไก่เหลืองกรอบดี ตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมันและจัดเสิร์ฟร้อน ๆ ได้เลยค่ะ
หรือใครจะทานเป็นสายสุขภาพหน่อยก็ใช้เป็นหม้อทอดไร้น้ำมันแทนก็ได้ค่ะ รับรองว่าอร่อยไม่ต่างกันมากหรอกค่ะ นอกจากนี้คุณยังสามารถเข้าไปอ่านเมนูจากไก่หรือเมนูอกไก่ที่เราเขียนไว้เพื่อเป็นแนวทางสำหรับมื้ออื่น ๆ ได้ด้วยนะคะ
3. หมูมะนาว

ถัดมาเป็นอีกเมนูเปรี้ยว ๆ แซ่บ ๆ อย่างหมูมะนาวค่ะ งานนี้ทั้งอร่อยและเฮลตี้เพราะนอกจากเราจะใช้เนื้อหมูส่วนสันในที่ขึ้นชื่อเรื่องไขมันน้อยมาเป็นวัตถุดิบหลักแล้วเรายังมีคะน้ากรอบ ๆ ให้ทานเพิ่มไฟเบอร์เร่งระบบขับถ่ายอีกด้วย ทั้งวัตถุดิบและวิธีการทำบอกเลยว่าง่ายและไม่ยุ่งยากค่ะ ได้รับประทานรวดเร็วทันใจแน่นอน ส่วนเพื่อน ๆ คนไหนที่กังวลว่าคะน้ามันจะขมมากเกินไปหรือเปล่าก็วางใจได้เลยเพราะสูตรนี้ของเราคะน้าจะกรอบและมีรสหวานอ่อน ๆ ทานง่ายแน่นอน
วัตถุดิบหมูมะนาว
- หมูสันใน
- คะน้า
- กระเทียม
- พริกขี้หนู
- มะนาว
- น้ำตาล
- น้ำปลา
วิธีทำหมูมะนาว
เราจะเริ่มจากการหั่นหมูกันก่อนนะคะ ให้เพื่อน ๆ สังเกตแนวกล้ามเนื้อของเนื้อหมูก่อนค่ะ จากนั้นหั่นสไลซ์เนื้อหมูบาง ๆ ขวางแนวกล้ามเนื้อ หมูของเราจะนุ่มและไม่เหนียวค่ะ เสร็จแล้วพักไว้ก่อน หันมาล้างทำความสะอาดคะน้า ลอกเอาเปลือกแข็งตรงก้านออก เหลือไว้เฉพาะเนื้อสีเขียวใส ๆ ด้านใน จากนั้นหั่นแฉลบคะน้าบาง ๆ แช่น้ำแข็งไว้จะได้กรอบ ๆ
ตั้งหม้อใส่น้ำ ต้มน้ำจนเดือดจัด ๆ เลยนะคะ จากนั้นนำเนื้อหมูลงไปลวกจนสุก ลวกแค่ประมาณ 10 – 15 วินาที ก็เอาขึ้นได้แล้วค่ะ ถ้าลวกนานจนเกินไปเนื้อหมูจะเหนียว จากนั้นพักหมูไว้ก่อนเลย หันมาทำน้ำราดโดยการนำพริกขี้หนู, กระเทียม, น้ำมะนาว, น้ำตาล และน้ำปลาลงโถปั่น จากนั้นปั่นจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันและได้เนื้อเนียนตามต้องการ เราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ ปั่นแบบหยาบ ๆ ยังมีเท็กซ์เจอร์ของพริกกระเทียมให้ได้เคี้ยวจะอร่อยกว่าค่ะ ถึงเวลาจัดจานแล้ว เริ่มจากเรียงคะน้าลงไปเป็นฐานก่อนค่ะ จากนั้นวางเนื้อหมูลงไปแล้วราดน้ำยำตาม เสิร์ฟพร้อมผักสดเยอะ ๆ หรือโรยหน้าด้วยสะระแหน่จะเพิ่มความหอมขึ้นไปอีก สำหรับใครที่อยากอ่านเมนูจากหมูต่าง ๆ เราก็มีทั้งเมนูจากหมูกรอบ, เมนูหมูสามชั้น และเมนูจากหมูสับ มาฝากด้วยนะคะ
4. ไส้ย่าง

ตามมาติด ๆ กับเมนูไส้ย่างร้อน ๆ หอมกรุ่นจากเตา พูดถึงของย่างก็ต้องมีไส้ย่างเป็นหนึ่งในลิสต์ของหลาย ๆ คนแน่นอน แค่นึกถึงไส้ย่างที่นำไปต้มจนเปื่อยและหมดกลิ่นคาว จากนั้นนำมาหมักด้วยเครื่องเทศจนเข้าเนื้อและเข้มข้น จากนั้นนำมาย่างจนไส้สุกกรอบหอม ๆ เนื้อนุ่ม ๆ ทานร้อน ๆ จิ้มน้ำจิ้มแจ่วแซ่บ ๆ หรือซอสพริกรสเผ็ดร้อนเข้ากันได้ดีค่ะ แหมพูดมาขนาดนี้ต้องรีบเข้าครัวไปหมักไส้ย่างแล้วแหละ
วัตถุดิบไส้ย่าง
- ไส้อ่อนหมู
- ตะไคร้
- ใบมะกรูด
- กระเทียม
- รากผักชี
- พริกไทย
- เกลือ
- น้ำตาล
- ซอสหอยนางรม
- ซอสปรุงรส
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำส้มสายชู
- น้ำเปล่า
วิธีทำไส้ย่าง
ขั้นตอนแรกต้องจัดการเจ้าไส้กันก่อนค่ะ เราจะเริ่มจากการล้างไส้ให้สะอาด จากนั้นขยำด้วยเกลือให้ทั่วหรือจนกว่ากลิ่นไว้จะอ่อนลงค่ะ จากนั้นล้างน้ำเปล่าแล้วกรอกน้ำลงในไส้เพื่อล่างเอาสิ่งสกปรกออกมาให้หมด กรอกน้ำไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำที่ไหลออกมาจะใสเลยนะคะ หลังจากล้างจนน้ำใสดีแล้วก็ให้เพื่อน ๆ ตัดเอาขั้วหรือพังผืดที่ยึดไส้ออกแล้วล้างด้วยน้ำส้มสายชูอีกครั้ง ขยำหลาย ๆ ครั้งเพื่อล้างเอากลิ่นออกให้หมด เสร็จแล้วใช้ส้อมจิ้มให้ทั่วแล้วพักให้สะเด็ดน้ำ
ทำเครื่องหมักด้วยการตำกระเทียม, รากผักชี และพริกไทยเข้าด้วยกันจนละเอียด จากนั้นตักใส่ภาชนะ เพิ่มรสชาติด้วยซอสหอยนางรม, ซอสปรุงรส, ซีอิ๊วขาว และน้ำตาล ผสมให้เข้ากันและน้ำตาลละลายดีแล้ว นำไส้ลงมาคลุกให้ทั่ว หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 2 ชั่วโมงค่ะ หลังจากครบเวลาแล้วนำไส้ออกมาย่างหรือจี่ในกระทะ แต่ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนไม่สะดวกสามารถนำใส่หม้ออบลมร้อนหรือหม้อทอดน้ำมันได้เลยค่ะ อร่อยไม่แพ้กัน
5. เสือร้องไห้

ถัดมาอีกหนึ่งเมนูย่างที่ขอบอกว่าหอมอร่อยไม่แพ้กันเลยค่ะ เสือร้องไห้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ขึ้นชื่อในด้านของความอร่อยอยู่แล้วค่ะ เมนูนี้เราจะนำเนื้อวัวส่วนเสือร้องไห้มาหมักกับเครื่องปรุงจนกลิ่นหอมและรสชาติความอร่อยแทรกซึมเข้าเนื้อ จากนั้นนำไปย่างบนไฟแรง ๆ จนมันเนื้อดังซู่ ๆ ส่งเสียงชวนหิว หลังจากย่างบนไฟแรง ๆ จนเนื้อสุกได้ที่แล้วก็นำมาหั่น ส่วนมันเนื้อที่โดนความร้อนแรง ๆ ก็จะกรอบเกรียมและเนื้อด้านในฉ่ำ ๆ จุ่มจิ้มแจ่วอีกนิดขอบอกว่าแซ่บบบบ
วัตถุดิบเสือร้องไห้
- เนื้อวัวส่วนหน้าอก
- ต้นหอม
- หอมแดง
- เกลือ
- พริกป่น
- ข้าวคั่ว
- น้ำตาล
- ซอสหอยรางรม
- ซอสปรุงรส
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำปลา
- น้ำมันพืช
วิธีทำเสือร้องไห้
เริ่มจากล้างเนื้อให้สะอาดก่อนค่ะ จากนั้นตัดเอามันและเส้นเอ็นส่วนเกินออกก่อนค่ะ ใส่ส้อมหรืออุปกรณ์จิ้มเนื้อจิ้มให้ทั่ว พักไว้ก่อนค่ะ หันมาทำน้ำหมักกันต่อ เริ่มจากนำน้ำจาล, ซอสหอยนางรม, ซอสปรุงรส, น้ำปลา และน้ำมันพืชมาผสมเข้าด้วยกัน คนจนน้ำตาลละลายดีแล้วนำเนื้อวัวลงไปหมักเลยค่ะ หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมงจนน้ำหมักเข้าเนื้อเลยค่ะ
![]() | เตาปิ้งย่างอเนกประสงค์ พร้อมทำสุกี้ บาร์บีคิวและชาบู | |
![]() | Mitsumaru Electric เตาปิ้งย่างอเนกประสงค์ พร้อมหม้อสุกี้ชาบู รุ่น AP-MC14 |
เนื้อใกล้จะครบเวลาแล้วทำน้ำจิ้มรอเลยค่ะ เริ่มจากซอยต้นหอมและหอมแดง จากนั้นนำมาผสมรวมกับน้ำตาล, น้ำปลา, น้ำมะขามเปียก และเกลือเล็กน้อย คนผสมจนน้ำตาลละลายดีแล้วใส่พริกป่นและข้าวคั่ว หันมาเตรียมเตาย่าง ใช้ไฟกลางค่อนไปทางแรงนิดหน่อย เตาร้อนได้ที่แล้วนำเนื้อลงไปย่างเลยค่ะ ย่างจนผิวด้านนอกสุกเกรียม ส่วนมันจะกรอบ ๆ เกรียม ๆ นิด ๆ ย่างไปเรื่อย ๆ จนแน่ใจว่าสุกดีแล้วให้นำเนื้อลงจากเตา พักไว้ประมาณ 5 นาทีเพื่อให้เนื้อดูดความชุ่มฉ่ำกลับเข้าไปในเนื้อ จากนั้นค่อย ๆ หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่วแซ่บ ๆ ที่ทำไว้ก่อนหน้า และเมื่อมีเสือร้องไห้แล้วก็ต้องมีอาหารอีสานเมนูอื่น ๆ ตามมาสักหน่อยเนอะ โดยเพื่อน ๆ สามารถเข้าไปอ่านเมนูอาหารอีสานที่เราได้เขียนแนะนำไว้แล้วได้จากลิงก์ที่ใส่เลยจ้า มีหมดทั้ง ซุบหน่อไม้, ตับหวาน, อ่อมไก่, แจ่วปลาร้า หรือแม้แต่ไส้กรอกอีสานกินเพลิน ๆ ไม่มีเบื่อ
6. ปีกไก่ทอดเกลือ

ต่อไปถึงคิวกับแกล้มยืนหนึ่งกันแล้ว เรียกว่าทุกงาน ทุกปาร์ตี้จะขาดเมนูนี้ไปไม่ได้ นั่นก็คือเมนูปีกไก่ทอดเกลือนั่นเองค่ะ สาเหตุที่ปีกไก่ทอดเกลือกลายมาเป็นเมนูฮิตก็เพราะเมนูนี้เนี่ยทำง่ายและใช้วัตถุดิบเพียงแต่ไม่กี่อย่างเท่านั้น แต่คนชิค ๆ แบบเราแล้วจะให้มานั่งทอดไก่น้ำมันเยิ้มก็คงจะไม่ใช่ วันนี้เราจะเพิ่มความกิ๊บเก๋และความอร่อยด้วยการนำปีกไก่อวบ ๆ ไปทอดในหม้อทอดไร้น้ำมันค่ะ บอกเลยว่านอกจากความอร่อยแล้วหม้อทอดยังรีดเอาน้ำมันที่อยู่ในเนื้อและหนังไก่ออกไปด้วย ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจปีกไก่ทอดกรอบ ๆ ร้อน ๆ หอม ๆ ก็พร้อมรับประทานแล้วค่ะ อย่ารอช้าไปดูขั้นตอนและวิธีการทำได้ที่ เมนูปีกไก่ทอดเกลือและสามารถเข้าไปอ่านเมนูจากปีกไก่เพิ่มเต็มได้ด้วยนะคะ มีทั้งปีกไก่วิงส์แซ่บ, ซุปเปอร์ปีกบนไก่, ไก่ทอดหาดใหญ่ หรือไก่ต้มน้ำปลาก็มีค่ะ
7. ยำวุ้นเส้น

คนแซ่บแบบเราขาดยำก็เหมือนจะขาดใจ ดังนั้นปาร์ตี้ครั้งนี้จะไม่มียำไม่ได้เด็ดขาด แต่เนื่องจากยำก็มีมากมายหลากหลายเสียเหลือเกิน ดังนั้นวันนี้เราหยิบเอายำวุ้นเส้นสุดเบสิกมาเป็นส่วนหนึ่งของงาน บอกเลยว่าสูตรนี้แซ่บซี๊ดไม่แพ้ใคร มีเครื่องอะไรก็จัดมาโลด ชอบหมูใส่หมู ชอบอาหารทะเลใส่ซีฟู้ด จากนั้นจัดวุ้นเส้นลงไปเน้น ๆ ปรุงน้ำยำให้เผ็ดเปรี้ยวถึงใจ คลุกเคล้าให้เข้ากันดีแล้วก็จัดเสิร์ฟกันแบบจุก ๆ ไปเลยจ้า
วัตถุดิบยำวุ้นเส้น
- หมูสับ
- กุ้งสด
- หมูยอ
- วุ้นเส้นสด
- พริกจินดาแดง
- กระเทียม
- มะเขือเทศ
- หอมแขก
- ต้นหอม
- คึ่นฉ่าย
- มะนาว
- น้ำตาล
- น้ำปลา
วิธีทำยำวุ้นเส้น
เริ่มจากเตรียมเนื้อสัตว์ให้พร้อมก่อนค่ะ รวนหมูสับให้สุก ตัดหัว, ปอกเปลือก ผ่าหลัง และดึงเส้นดำกุ้งออก จากนั้นหั่นหมูยอเป็นชิ้น ๆ นำหมูยอ, กุ้ง และวุ้นเส้นไปลวกให้สุก พักไว้ก่อน หันมาเตรียมส่วนผสมอื่น ๆ กันต่อค่ะ ผ่าครึ่งแล้วหั่นมะเขือเทศเป็นแว่น จากนั้นหั่นหัวหอมและคึ่นฉ่ายเป็นท่อน ตามด้วยซอยหอมแขกและตำพริกให้แหลก ทำน้ำยำด้วยการผสมน้ำปลา, น้ำตาล และน้ำมะนาวเข้าด้วยกัน คนจนน้ำตาลละลายดีแล้วใส่พริก, หอมแขก และมะเขือเทศ ตามด้วยหมูสับ, กุ้ง, หมูยอ และวุ้นเส้น คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันดีแล้วโรยหน้าด้วยต้นหอมและคึ่นฉ่าย พร้อมรับประทาน แนะนำเมนูจากวุ้นเส้นอื่น ๆ ที่คุณอาจจะชอบมีทั้ง ลาบวุ้นเส้น, ปีกไก่ยัดไส้วุ้นเส้น, กุ้งอบวุ้นเส้น, แกงเส้น และอื่น ๆ อีกมากมาย
8. ซี่โครงหมูทอดกระเทียม

จัดมาอีกหนึ่งเมนูทอดที่หลายคนต้องยกนิ้วให้กับความอร่อย เราจะเลือกส่วนซี่โครงหมูที่มีกระดูกอ่อนติดมาหน่อย ๆ จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแล้วคลุกเคล้ากับเครื่องหมักจนได้รสชาติที่ลงตัว นำมาทอดจนสุกเหลือง เนื้อล่อนออกจากกระดูกจนแทบจะไม่ต้องใช้แรงเลยค่ะ ในส่วนของรสชาติบอกเลยว่าเค็มนิด ๆ มีกลิ่นหอมของกระเทียมเตะจมูก จิ้มน้ำจิ้มไก่หรือซอสพริกอีกนิดอร่อยเหาะ แทะไปจิบไปรับรองว่าเพลิน เพื่อน ๆ สามารถดูวัตถุดิบและวิธีการทำเมนูนี้ได้ที่ เมนูจากกระดูกหมู: ซี่โครงหมูทอดกระเทียม
9. หม่าล่า

ตามมาติด ๆ ด้วยหม่าล่า อาหารจีนยอดฮิตที่หลายคนชื่นชอบ เนื่องจากอาหารชนิดนี้มีทั้งรสเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอม และยังให้ความรู้สึกชา ๆ ลิ้น ถือว่าถูกอกถูกใจคนไทยเป็นอย่างดี อีกทั้งเรายังสามารถเลือกใช้เนื้อสัตว์หรือผักได้ตามความชอบ ชอบทานอะไรก็นำไปย่าง จากนั้นนำมาทาซอสและโรยผงหม่าล่าเพิ่มความเข้มข้นเข้าไปอีก แต่จะให้ไปต่อแถวยืนรอนาน ๆ มันก็ไม่รวดเร็วทันใจ ปาร์ตี้ครั้งนี้เราเลยจัดหม่าล่ากันเองที่บ้านไปเลย รับรองว่าทั้งอร่อยและสนุกแน่นอน
วัตถุดิบหม่าล่า
- เนื้อสัตว์ตามต้องการ
- ผักตามชอบ
- ผงหม่าล่าสำเร็จรูป
- ซอสหอยนางรม
- น้ำมันพืช
วิธีทำหม่าล่า
ล้างทำความสะอาดเนื้อสัตว์และหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้ค่ะ ตามด้วยหันมาจัดการผักเช่นเดียวกัน จากนั้นให้เพื่อน ๆ นำผักและเนื้อสัตว์มาเสียบไม้เสียบลูกชิ้น แนะนำให้นำไม้เสียบลูกชิ้นแช่น้ำก่อนประมาณ 10 นาทีนะคะ เวลาปิ้งไม้จะได้ไม่ไหม้ ต่อมาเตรียมเตาย่างให้พร้อม ระหว่างรอหันมาผสมพริกหม่าล่า, น้ำมันพืช และซอสหอยนางรมเข้าด้วยกัน คนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีเลยค่ะ ชิมรสชาติเพิ่มความเผ็ดร้อนตามชอบได้เลย หลังจากได้ซอสรสชาติที่ชอบแล้วเราจะนำเนื้อและผักต่าง ๆ มาย่างจนสุกหอม จากนั้นทาซอสหม่าล่าและนำขึ้นไปย่างอีกครั้งจนซอสแห้งติดไปกับวัตถุดิบและส่งกลิ่นหอม ยกลงมาแล้วโรยผงหม่าล่าเพิ่มความอร่อยเข้าไปอีก รับประทานตอนร้อน ๆ ฟินสุด ๆ
10. ต้มแซ่บกระดูกอ่อน

ทำเมนูทอด ๆ ย่าง ๆ กันไปเยอะแล้วหลายคนคงจะเริ่มรู้สึกฝืด ๆ คอ เราขอปิดท้ายด้วยเมนูต้มยำกระดูกอ่อนแซ่บ ๆ ก็แล้วกันค่ะ เมนูคงจะถูกใจหลาย ๆ คนโดยเฉพาะคนที่ชอบทานอาหารรสจัด ๆ หน่อย สูตรนี้เราจะต้มกระดูกอ่อนจนเปื่อย กัดผ่านเนื้อนุ่ม ๆ ไปก็จะเจอกับกระดูกอ่อนกรุ๊บ ๆ ให้ได้เคี้ยวเล่น ๆ เสร็จแล้วก็ซดน้ำซุปเผ็ด ๆ เปรี้ยว ๆ ครบรสล้างคอพร้อมสูดกลิ่นหอมตลบอบอวลของเครื่องสมุนไพรอย่างตะไคร้และใบมะกรูด ยังไม่พอ เรายังเพิ่มความเข้มข้นของน้ำซุปด้วยข้าวคั่วใหม่ ๆ ที่หอมกลิ่นคั่วจนแทบจะทนไม่ไหวอยากตักข้าวสักจานมานั่งทานให้สาแก่ใจ!
วัตถุดิบต้มแซ่บกระดูกอ่อน
- กระดูกอ่อนหมู
- ตะไคร้
- ใบมะกรูด
- หอมแดง
- มะนาว
- ผักชีฝรั่ง
- พริกจินดาแดง
- พริกป่น
- ข้าวคั่ว
- เกลือ
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- น้ำเปล่า
วิธีทำต้มแซ่บกระดูกอ่อน
ขั้นตอนแรกเราจะนำกระดูกอ่อนมาล้างและขยำเกลือก่อนค่ะ จากนั้นล้างน้ำสะอาดอีกรอบแล้วหั่นชิ้นพักไว้ หันมาหั่นแฉลบตะไคร้ ฉีกใบมะกรูด ตำหอมแดงให้พอแตก ซอยผักชีฝรั่งรอไว้ ส่วนพริกแดงก็นำมาตำให้พอแตกเลยจ้า ตั้งหม้อใส่น้ำ นำขึ้นตั้งบนเตาแล้วรอน้ำเดือด หลังจากน้ำเดือดได้ที่เราจะใส่เกลือ, น้ำมะขามเปียกเล็กน้อย และตะไคร้ลงไปก่อนค่ะ คนให้เข้ากันแล้วใส่กระดูกอ่อนลง ต้มกระดูกอ่อนประมาณ 30 นาทีจนกว่ากระดูกจะสุกเปื่อยตามชอบเลยค่ะ
หรือถ้าใครต้องการความรวดเร็วทันใจก็จับโยนใส่หม้ออัดแรงดันโลด หลังจากเนื้อเปื่อยดีแล้วใส่หอมแดงและขยำใบมะกรูดลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาล, น้ำปลา และน้ำมะขามเปียก แนะนำให้ใส่น้ำมะขามเปียกทีละนิดนะคะเพราะรสเปรี้ยวของน้ำมะขามเปียกจะควบคุมได้ยากกว่ามะนาวค่ะ ชิมรสชาติตามชอบ ได้รสชาติที่ตามหาแล้วปิดเตา ใส่พริกแดง, พริกป่น และข้าวคั่วลงไปค่ะ คนให้เข้ากันแล้วเพิ่มกลิ่นหอมด้วยน้ำมะนาวสดอีกนิด ตักใส่ถ้วยพร้อมรับประทาน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเมนูที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ แต่ละเมนูนี่เราคัดเลือกมาแล้วว่าเป็นตัวท็อปประจำปาร์ตี้ทั้งนั้นเลยค่ะ รับรองว่าเพื่อน ๆ จะทั้งสนุกและอร่อยแน่นอน นอกจากกับแกล้มอร่อยแล้วปาร์ตี้ที่ไม่มีเพลงสนุก ๆ มันจะเป็นปาร์ตี้ได้ยังไงล่ะ แน่นอนว่า bestreview.asia ของเราเปรียบเสมือนจินนี่ในตะเกียงวิเศษที่มีทุกอย่างที่คุณปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นเพลงแดนซ์สากล, เพลงสากลแนว R&B, เพลงไทยยุค 90’s, เพลงสากลยุค 90’s หรือเพลงฮิตจากศิลปินต่างชาติตัวท็อปอย่างเลดี้ กาก้า, บียอนเซ่, เทย์เลอร์ สวิฟต์ หรืออาริอาน่า กรานเด เราก็มีให้คุณได้เลือกสรรค์ค่ะ รับรองว่างานนี้แดนซ์กระจายจนปวดขาปวดแข้งแน่นอน