คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 8.6 เต็ม 10
![]() |
|
“กล้อง IP“ หรือที่พวกเรามักจะกันเรียกว่า “กล้องวงจรปิด“ ในทุกวันนี้ได้กลายเป็นอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐานในหลาย ๆ ครัวเรือนไปแล้ว ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ในช่วง 2-3 ปีผ่านมานี้กล้อง IP สามารถทำได้มากกว่าการบันทึกภาพไปไกลเลยค่ะ …

อย่างกล้องวงจรปิดจากแบรนด์ IMOU รุ่น Cue 2 เองก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ยืนยันได้ว่ากล้อง IP มีความอัจฉริยะมากขึ้นแบบก้าวกระโดด มันช่วยอำนวยความสะดวกใหแก่ผู้ใช้งานหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การควบคุมจากสมาร์ทโฟน, รองรับการบันทึกวิดีโอไปยังระบบคลาวด์ที่ปลอดภัยกว่า นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว พร้อมการแจ้งเตือนให้คุณทราบทันทีไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
อ่านถึงจุดนี้หลาย ๆ คนอาจคิดว่ามันก็เป็นสเปกของกล้อง IP พื้นฐานหรือไม่ ? แต่จริงๆแล้ว กล้อง IMOU Cue 2 ยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมายที่เราอยากนำเสนอให้คุณได้ทราบ แน่นอนว่าการรีวิวในวันนี้ก็ยังเป็นการรีวิวที่โนสปอนเซอร์เช่นเคยค่ะ 🤗
คลิปวิดีโอ รีวิว IMOU รุ่น Cue 2 (ลองใช้จริง) กล้องวงจรปิด
แกะกล่อง : กล้องวงจรปิด IMOU รุ่น Cue 2
เริ่มจากกล่องบรรจุภัณฑ์กันก่อนเลยค่ะ แม้ว่าจะเป็นกล่องกระดาษธรรมดาทั่วไป แต่มาในเฉดสีส้มที่สดใส รอบ ๆ กล่องจะมีคุณสมบัติของกล้องรุ่นนี้อธิบายคร่าว ๆ ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง รวมถึงมีภาพประกอบระบุบอกว่าส่วนไหนเป็นอะไร เพื่อให้เราได้เข้าใจหลักการทำงานของกล้องมากขึ้น มาพร้อมกับ QR Code ด้านข้างกล่องเพื่อให้เราสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไว้ก่อน โดยจะรองรับทั้ง Google Play และ App Store เลยค่ะ

เมื่อเปิดกล่องออกมาเราจะพบว่าภายในมีกล่องเล็ก ๆ แยกกัน 2 กล่อง ซึ่งภายในกล่องบรรจุทุกอย่างหนาแน่นมาก กล่องใหญ่สำหรับใส่กล้อง IP ที่มีการออกแบบมาให้ป้องกันการกระทบกระแทกอย่างดี ส่วนกล่องเล็กจะมีอุปกรณ์สำหรับติดตั้งกล้องมาให้พร้อมอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น สาย microUSB (ที่ค่อนข้างยาวพอประมาณ), อะแดปเตอร์ USB (5V 2A), แผ่นโลหะ, กาวสองหน้าหนา, ชุดตัวยึด (สกรู) และเอกสารประกอบหรือคู่มือค่ะ สิ่งที่ประทับใจมากคงเป็นชุดสกรูเพราะว่าจากที่รีวิวกว้องวงจรปิดภายในมา 2 แบรนด์ ไม่มีแบรนด์ไหนให้เลยค่ะ 😌 ที่สำคัญมาก ๆ คือรุ่นนี้เราเลือกซื้อแบบที่มีเมมโมรี่การ์ดขนาด 64GB มาให้ด้วยเลย เพราะหากซื้อแยกกันราคาจะแพงกว่ามากค่ะ แนะนำให้สั่งในชุดเดียวกันไปเลยจ้า
![]() |
ข้อมูลจำเพาะ : กล้องวงจรปิด IMOU รุ่น Cue 2
|
Vandal-Proof* : กล้องที่มีความทนทานมากๆ สามารถทนแรงกระแทก |
รีวิว ดีไซน์การออกแบบ : กล้องวงจรปิด IMOU รุ่น Cue 2
สรุป ดีไซน์ของกล้อง IMOU รุ่น Cue 2
- ขนาดโดยรวมค่อนข้างใหญ่กว่ากล้อง IP ภายในอาคารทั่วไป
- ออกแบบมาติดตั้งได้อเนกประสงค์ ไม่จำเป็นต้องเจาะผนัง
- หมุนกล้องด้วยมือได้ แต่ไม่สามารถสั่งแพนกล้องผ่าน App ได้
- ปุ่มรีเซ็ตใช้งานง่าย เป็นปุ่มแบบกายภาพที่มีขนาดกำลังดี
- ตำแหน่งของพอร์ต microUSB สำหรับเสียบสายไฟใช้งานได้สะดวก
- ส่วนประกอบต่าง ๆ ของกล้องมีความบาลานซ์สมส่วน

IMOU Cue 2 มีดีไซน์เหมือนกล้อง IP ทั่วไป เป็นรูปทรงที่นิยม นั่นคือตัวกล้องขนาดใหญ่ มาในทรงกลม ด้านหน้าจะเป็นกระจกสีดำสนิท ส่วนอื่น ๆ จะเป็นสีขาว โครงสร้างของ IMOU Cue 2 เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นค่อนข้างใหญ่มากค่ะ เปิดออกมาครั้งแรกก็คือเราตกใจนิดหน่อยเพราะไม่คิดว่าใหญ่ขนาดนี้ มาพร้อมขาที่ช่วยยกระดับความสูงของเลนส์กล้องให้มุมมองที่กว้างขึ้น ฐานด้านล่างเป็นวงกลมที่มีกลไกเป็นลูกบอลอยู่ระหว่างฐานกับขากล้อง ทำให้คุณสามารถปรับองศา หันซ้ายขวาหรือก้มเงยกล้องได้ตามต้องการ
โดยรุ่นนี้ออกแบบมาให้ติดตั้งได้หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นแบบตั้งบนพื้นผิวทั่วไป แบบติดกับผนัง หรือจะติดกลับจากเพดานก็ได้ ตัวกล้องและฐานแม้ว่าจะดูใหญ่เทอะทะแต่ทว่าทาง IMOU ออกแบบมาให้มีความสมดุลกันดีมาก มันสามารถกระจายน้ำหนักได้อย่างบาลานซ์ไม่ต้องกลัวว่าตั้งกล้องไปนาน ๆ แล้วกล้องจะล้มเลยค่ะ อีกอย่างคือฐานค่อนข้างมีน้ำหนักพอสมควร ยิ่งติดกับแผ่นเหล็กยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้ฐานมากขึ้นค่ะ ด้านหน้าเป็นเลนส์กล้องไม่สามารถปรับได้ มาพร้อมกับไฟ LED สำหรับบอกสถานการทำงาน และไฟอินฟราเรดสำหรับใช้งานตอนกลางคืน

นอกจากนี้ยังมีไมโครโฟนมาให้ด้วย ด้านข้างจะเป็นช่องสำหรับใส่ microSD การ์ดส่วนด้านหลังจะเป็นลำโพงขนาดใหญ่ และมีปุ่มรีเซ็ตที่ใช้งานง่ายมาให้ด้วยค่ะ ส่วนด้านล่างปุ่มรีเซ็ตจะเป็นพอร์ต microUSB สำหรับเชื่อมต่อสายไฟ ส่วนตัวเราค่อนข้างชอบตำแหน่งของพอร์ต microUSB มากค่ะ เพราะมันไม่ได้เสียบลำบากเกินไปเมื่อเทียบกับอีกแบรนด์ 😂 แน่นอนในกล่องนี้มีอะแดปเตอร์ USB มาให้ด้วยเรียกว่าเปิดกล่องมาก็พร้อมใช้งานทันทีเลยค่ะ
ส่วนแผ่นแม่เหล็กติดตั้งอยู่ที่ใต้ฐานนั้น จะช่วยยึดกล้องเข้ากับแผ่นโลหะที่ทางแบรนด์ให้มา มันสามารถยึดเข้ากับผนังได้โดยไม่ต้องเจาะผนังใด ๆ เพราะเราจะใช้เทปกาวสองหน้าเป็นตัวกลางในการยึดติดค่ะ แต่หากคุณอยากเพิ่มความมั่นใจว่ากล้องจะไม่ตกล้นจริง ๆ ก็สามารถใช้สกรูที่ทางแบรนด์แถมมาให้ในชุดได้เช่นกัน สำหรับคนที่ต้องการติดตั้งกล้องแบบกลับหัว (ติดตั้งจากเพดาน) ก็สามารถติดตั้งได้ค่ะ เพราะมีฟังก์ชันหมุนภาพในกล้อง 180°
รีวิว การเชื่อมต่อ : กล้องวงจรปิด IMOU รุ่น Cue 2
สรุป การเชื่อมต่อของกล้อง IMOU รุ่น Cue 2
- ขั้นตอนการติดตั้งไม่ยุ่งยากซับซ้อน มีภาษาไทยแนะนำตลอดการติดตั้ง
- การเชื่อมต่อกล้อง IP ต้องใช้ Wi-Fi 2.4GHz เท่านั้น
- คุณภาพความเสถียรของภาพ ขึ้นอยู่กับสัญญาณของเครือข่าย Wi-Fi ที่ใช้
- พยายามติดตั้งกล้องให้ใกล้กับเราเตอร์เพื่อให้กล้องทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- กล้อง IMOU จะใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน Imou Life เท่านั้น
- ตัวแอปพลิเคชัน Imou Life ใช้งานง่ายมาก รองรับทั้ง Android และ iOS
กล้องวงจรปิด IMOU Cue 2 มีโมดูล Wi-Fi ในตัว ดังนั้นคุณต้องมีเครือข่าย Wi-Fi เพื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และโปรดทราบว่ากล้องสามารถทำงานร่วมกับ Wi-Fi 2.4GHz เท่านั้น แม้ว่า Wi-Fi ที่คุณใช้จะเป็นเครือข่ายแบบ Hybrid (ที่รองรับทั้ง 2.4 และ 5GHz) เราก็ไม่แนะนำให้เลือก 5GHz นะคะ

การตั้งค่าระหว่างกล้องกับผ่านแอปพลิเคชัน Imou Life นั้นง่ายมาก ๆ เพราะตัวแอปรองรับทั้งระบบ Android และ iOS หากคุณไม่มีบัญชีใน Imou คุณจะต้องสร้างใหม่ หลังจากนั้นคุณจะสามารถเชื่อมต่อกล้องกับบัญชีของคุณ สิ่งคุณจะต้องเตรียมคือ QR Code ที่อยู่ด้านหลังกล้อง และพยายามติดติดตั้งกล้องให้อยู่ใกล้ ๆ เราเตอร์มากที่สุด อย่าลืมว่าเครือข่าย Wi-Fi ที่ใช้จะต้องเป็น 2.4 GHz เท่านั้น โดยขั้นตอนการติดตั้งไม่ยากเลยค่ะ ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ขอเพียงแค่คุณทำตามคำแนะนำบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเท่านั้น แนะนำว่าให้คุณเช็กการอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุดด้วยนะคะ
วิธีติดตั้งกล้องวงจรปิด IMOU Cue 2 อย่างละเอียด
รีวิว ความละเอียดคมชัด : กล้องวงจรปิด IMOU รุ่น Cue 2
สรุป ความละเอียดคมชัดของกล้อง IMOU รุ่น Cue 2 ช่วงกลางวัน
- ภาพวิดีโอมีความคมชัดในระดับ 1080p หรือ Full-HD
- กล้องมุมกว้าง 131° เก็บภาพได้ครอบคลุมทั้งห้อง
- มีโหมด HDR สำหรับปรับปรุงคุณภาพกล้องให้ดีขึ้น
- ซูมกล้องได้ถึง 8x แต่ภาพที่ได้จะแตกมาก ๆ
สรุป ความละเอียดคมชัดของกล้อง IMOU รุ่น Cue 2 ช่วงกลางคืน
- โหมดอินฟราเรดทำงานได้ดี มองเห็นรายละเอียดทั้งระยะไกลและใกล้ ไม่จำเป็นต้องมีไฟแบล็คไลท์
- ไฟอินฟราเรดเป็นแบบล่องหน ไม่ได้รบกวนสายตา
- โหมดอินฟราเรดมีให้เลือกแค่ “อัติโนมัติ” และ “ปิดใช้งาน” ไม่มี “เปิดใช้งานตลอด”
- การเปลี่ยนโหมดอินฟราเรดอัติโนมัติใช้เวลาสักเล็กน้อย
ทดสอบ กล้องวงจรปิด IMOU Cue 2 ช่วงกลางวัน
![]() |
ในด้านการใช้งานหรือการตั้งค่าคุณภาพของกล้องก็ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมากมาย เนื่องจากรุ่นนี้ไม่ได้มีไฟแบล็คไลท์หรือไฟสปอร์ตไลท์ใด ๆ มาให้
ดังนั้นในกรณีที่บริเวณติดตั้งกล้องวงจรปิดในช่วงกลางวันมีแสงไม่เพียงพอ คุณสามารถเข้าไปเปิดใช้งานโหมด HDR หรือจะปิดการใช้งผ่านทางแอปได้เลยค่ะ หากถามว่าโหมด HDR คืออะไร? HDR หรือ High Dynamic Range ก็คือตัวเลือกหนึ่งในแอปที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพในกล้องให้ดีขึ้นในกรณีที่แสงน้อยเกินไป |
เรามาดูตัวอย่างของการใช้โหมด HDR ของกล้องวงจรปิด IMOU Cue 2 ในกรณีที่ต้องการเพิ่มคุณภาพของกล้องจริง ๆ ดีกว่าค่ะ

โดยกล้องวงจรปิด IMOU รุ่น Cue 2 เป็นเมทริกซ์ CMOS แบบโปรเกรสซีฟ 2MP ที่มีขนาด 1/2 7” และรองรับความละเอียด FullHD (1920 x 1080 พิกเซล) เลนส์มี FR แบบคลาสสิกที่ขนาด 2.8 มม. คุณภาพของภาพค่อนข้างเพียงพอสำหรับกล้อง IP ที่ติดตั้งในห้องขนาดเล็ก เหมาะสำหรับตรวจจับภาพในระยะใกล้มากค่ะ
โดยรวมถือว่าคุณภาพของกล้องรุ่นนี้จัดอยู่ในระดับมาตรฐานของกล้อง IP ทั่วไป แม้ว่าปัจจุบันนี้กล้องวงจรปิดจะมีความคมชัดไปไกลถึงระดับ 2K หรือ 4K แล้วก็ตามแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันจะต้องมีราคาจะสูงขึ้นไปด้วยเช่นกันค่ะ สิ่งเราค่อนข้างชอบมากก็คือมุมมองที่กว้างของเลนส์ที่กว้างถึง 131° เลยค่ะ ดังนั้นรุ่นนี้จึงเหมาะสำหรับติดตั้งในพื้นที่กว้างเป็นอย่างมากค่ะ เพราะว่าสามารถเก็บรายละเอียดได้ครอบคลุมในเฟรมเดียว ไม่จำเป็นต้องติดตั้งกล้องหลาย ๆ ตัวก็ได้ค่ะ
ทดสอบ กล้องวงจรปิด IMOU Cue 2 ช่วงกลางคืน
ในส่วนของการทำงานช่วงกลางคืนนั้น ช่วงที่ทดสอบเราเริ่มจากปิดการใช้งานโหมดอินฟราเรดไว้ก่อน พร้อมทั้งปิดไฟสถานะไว้ด้วย ในห้องที่ทดสอบไม่ได้มืดสนิทแต่ถือว่าเป็นห้องที่มืดพอสมควรเพราะเราไม่ได้เปิดไฟใด ๆ ไว้เลย มีเพียงแสงจันทร์จากประตูบานกระจกที่ส่องเข้ามาเท่านั้นค่ะ

อย่างไรก็ตาม…เมื่อเข้ามาดูกล้องผ่านแอปก็ต้องปลื้มใจไม่น้อย เนื่องจากขณะที่เราปิดโหมดอินฟราเรดไว้ก็ยังคงเห็นได้ภาพราง ๆ แม้จะมีนอยซ์อยู่บ้างแต่ก็พอจะรู้ว่าห้องนี้คือห้องอะไร แต่เมื่อเปิดโหมดอินฟราเรดก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าภาพชัดขึ้นมาก ๆ แม้ว่าระยะแสงของอินฟราเรดจะไม่ได้ส่องไปไกลมาก เพราะทางแบรนด์เคลมมาว่าไกลสุด 10 เมตร แต่เราก็ยังพอมองเห็นรายละเอียดไกล ๆ ได้ค่ะ สิ่งที่ต้องขอชมคืออินฟราเรดของรุ่นนี้มีการปรับแสงให้พอดี ดูได้จากวัตถุที่อยู่ใกล้กล้องไม่ได้สว่างจ้า เรายังมองเห็นรายละเอียดใบหน้าของตุ๊กตาที่นำไปตั้งไว้ค่ะ ในส่วนแสงอินฟราเรดจะรบกวนสายตาคุณหรือไม่นั้น ? บอกได้เลยว่าไม่รบกวนสายตาค่ะ เป็นเพียงจุดแดงเล็ก ๆ จุดเดียวเท่านั้น หากมองด้วยตาเปล่าแทบจะไม่มีผลต่อการนอนเลยค่ะ
|
หากให้เทียบกับอีกแบรนด์คุณจะเห็นว่าในกรณีที่ปิดอินฟราเรดห้องนั้นมืดสนิทมาก ๆ แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย แต่เมื่อเปิดอินฟราเรดก็ต้องยอมรับว่าอีกแบรนด์มองเห็นภาพจากระยะไกลได้ชัดและสว่างกว่าจริง ๆ ค่ะ แต่ทว่ารายละเอียดของวัตถุในระยะใกล้กล้องนั้นกลับสว่างจ้าจนมองไม่เห็นรายละเอียดใบหน้าของตัวตุ๊กตาเลยค่ะ
|
รีวิว การตรวจจับความผิดปกติ & แจ้งเตือน : กล้องวงจรปิด IMOU รุ่น Cue 2
สรุป การตรวจจับความผิดปกติและแจ้งเตือนของกล้อง IMOU รุ่น Cue 2
- ไม่สามารถแพนกล้องได้
- สามารถตรวจจับทุกการเคลื่อนไหว, ตรวจจับมนุษย์,
- สามารถตั้งตารางเวลาการตรวจจับได้เอง
- สามารถกำหนดความไวในการตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ 5 ระดับ
- สามารถกำหนดโซนหรือพื้นที่ที่ต้องการตรวจจับได้
- มีฟังก์ชันแจ้งเตือนเป็นเสียงไซเรนที่ตัวกล้องเมื่อพบการเคลื่อนไหว
- ตรวจจับความผิดของเสียงรอบ ๆ โดยกำหนดระดับความดังในการตรวจจับได้ตั้งแต่ 50-90dB
- ทุกการแจ้งเตือนจะส่งไปยังสมาร์ทโฟนทันที
- ทุกการตั้งค่าแจ้งเตือนจะมีการบันทึกคลิปที่ตรวจจับได้เสมอ พร้อมแยกประเภทไว้ให้
- ในกรณีที่การเคลื่อนไหวที่อยู่ไกลจากตัวกล้องมากเกินไป แอปจะไม่แจ้งเตือนไปยังสมาร์ทโฟน แต่จะบันทึกคลิปไว้ให้แทน
ฟังก์ชันแจ้งเตือนและตรวจจับหลัก ๆ ของกล้องวงจรปิด IMOU รุ่น Cue 2 มี 4 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้ค่ะ
1. การแจ้งเตือนไปยังสมาร์ทโฟน
ฟังก์ชันนี้ถือว่าทำงานได้ดีมากทีเลยเดียวค่ะ มีการแจ้งเตือนที่รวดเร็วทันใจ ไม่จำเป็นต้องเปิดใช้งานแอปตลอดเวลาก็สามารถส่งข้อความมาให้เราทราบได้ หรือต่อให้เราล็อกหน้าจอสมาร์ทโฟนมันก็ยังคงทำหน้าที่แจ้งเตือนได้ดีค่ะ โดยเราสามารถเข้าไปตั้งค่าการแจ้งเตือนให้ส่งเป็นข้อความอย่างเดียวหรือจะส่งมาพร้อมรูปประกอบก็ได้ ซึ่งคุณจะเห็นได้ว่าช่วงเวลาที่แจ้งเตือนบนสมาร์ทโฟนกับเวลาที่กล้องตรวจจับได้นั้นเป็นแบบเรียลไทม์เลย โดยคลิปวิดีโอทางแอปบันทึกไว้ให้จะเริ่มตั้งแต่มันตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ในวินาทีแรกและยังคงบันทึกต่อไปอีกประมาณ 1-3 นาทีเลยค่ะ

อย่างไรก็ตาม…จากการทดสอบในบางครั้งเราพบว่าการแจ้งเตือนของแอปทำงานช้าไปบ้าง แต่ทว่าเมื่อเข้าไปดูในคลิปที่บันทึกไว้ ตัวแอปเริ่มบันทึกตั้งแต่ที่มีการเคลื่อนไหวให้เลยค่ะ เพียงแต่การแจ้งเตือนเข้าสมาร์ทค่อนข้างช้าไปหน่อย ในส่วนของสาเหตุนั้นเราไม่แน่ใจ แต่ทว่าจากที่ทดสอบมานั้นมันมักเกิดในกรณีนี้ที่วัตถุหรือบุคคลเคลื่อนไหวอยู่ไกลจากตัวกล้องมาก ๆ อย่างในรูปค่ะ แต่เมื่อการเคลื่อนไหวเริ่มเดินเข้ามาใกล้กล้องมากขึ้นเรื่อย ๆ มันก็ส่งข้อความแจ้งเตือนให้ทันที

เราคิดว่าอัลกอริทึมนี้น่าจะเป็นเพราะต้องการลดจำนวนการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นออก เนื่องจากมีโอกาสบ่อยครั้งที่กล้องอาจตรวจพบบุคคลหรือการเคลื่อนไหวจากระยะไกลได้ แต่ในเมื่อการเคลื่อนไหวเหล่านั้นยังไม่ได้เข้ามาให้ในระยะรัศมีที่สุ่มเสี่ยงต่อตัวกล้อง ดังนั้นมันเลยไม่ได้แจ้งเตือนบนสมาร์ทโฟน แต่ก็ไม่ลืมที่จะบันทึกวิดีโอไว้ให้เผื่อเราต้องการใช้งานจริง ๆ แต่เมื่อกล้องตรวจพบแล้วว่าบุคคลนั้นเคลื่อนไหวเข้ามาใกล้ตัวกล้องมากขึ้นเรื่อย ๆ มันก็ไม่รอช้าที่แจ้งเตือนให้เราทราบทันทีเลยค่ะ
2. ประเภทการตรวจจับ
2.1 ตรวจจับการเคลื่อนไหว
ฟังก์ชันนี้จะบันทึกวิดีโอไว้ให้เราตลอดที่มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม กล้องจะบันทึกวิดีโอให้อัตโนมัติเลยค่ะ แต่ทว่าฟังก์นี้จะทำงานได้ก็ต่อเมื่อคุณกำหนดการตั้งค่าในข้อ 1 (การแจ้งเตือนเมื่อพบการเคลื่อนไหวไปยังสมาร์ทโฟน) ไว้ก่อนค่ะ
2.2 ตรวจจับมนุษย์
ฟังก์ชันนี้สามารถเปิดใช้งานได้โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปตั้งค่าในข้อ 1 หรืออนุญาตให้แจ้งเตือนบนสมาร์ทโฟนก็ได้ค่ะ ในกรณีที่เราเปิดใช้งานฟังก์ชันนี้ ตัวแอปจะคอยตรวจหามนุษย์ เมื่อกล้องตรวจจับได้แล้วก็จะบันทึกคลิปวิดีโอลงในโฟลเดอร์ และแยกประเภทไว้ให้เรา (จัดอยู่ใน Human Detected) เพื่อที่คุณจะได้เข้าไปดูประเภทการเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกมากขึ้นค่ะ

2.3 ตารางเวลาตรวจจับ
กำหนดการระยะเวลาในการตรวจจับ โดยคุณสามารถเข้าไประบุได้ตั้งแต่วันและเวลาเลยค่ะ ฟังก์ชันนี้ค่อนข้างสะดวกและอะลุ้มอล่วยต่อผู้ใช้งานมากเลยทีเดียว เนื่องจากในบางครั้งเราก็ไม่ได้ต้องการให้กล้องทำงานแจ้งเตือนหรือตรวจจับตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เนื่องจากทำให้กล้องทำงานหนักเกินไป แถมมันยังส่งข้อความมายังสมาร์ทโฟนของคุณบ่อย ๆ จนอาจจะทำให้เกิดความรําคาญได้ค่ะ ดังนั้นการกำหนดช่วงเวลาการตรวจจับจึงเป็นฟังก์ชันที่ดีและตอบโจทย์มาก ๆ ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเข้ามาในแอปเพื่อตั้งค่าทุก ๆ วันให้เสียเวลาเลยค่ะ

2.4 ความไวในการตรวจจับการเคลื่อนไหว
สำหรับฟังก์ชันนี้จะทำงานตามความไวที่เราเลือกไว้ค่ะ โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 5 ระดับ
2.5 โซนการตรวจจับ
คุณสมบัติตัวนี้เราค่อนข้างชอบมากค่ะ เพราะนั่นหมายความว่ากล้องจะตรวจจับเฉพาะจุดที่เราต้องการเท่านั้น ช่วยลดจำนวนการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นได้เยอะเลยค่ะ

3. เสียงแจ้งเตือน
ฟังก์ชันนี้เปรียบเสมือนเสียงไซเรนที่ติดตั้งไว้บนตัวกล้อง มันพร้อมที่จะทำงานตลอดเวลาเมื่อตรวจจับการเคลื่อนไหว ซึ่งต้องบอกว่าเสียงค่อนข้างดังมากค่ะ เป็นเสียงเตือนที่เราไม่สามารถเลือกประเภทเสียงหรือระดับความเบาความดังได้เลย ตัวกล้องจะส่งเสียงนานพอสมควรประมาณ 1 นาที เป็นอีกฟังก์ชันที่ช่วยทำให้คนร้ายตกใจได้ดีเลยค่ะ แต่ถ้าคุณไม่ได้ต้องการใช้กล้องมาเพื่อรักษาความปลอดภัย แนะนำให้ปิดฟังก์ชันนี้ดีกว่าค่ะเพราะว่าเสียงดังมากจริง ๆ ดังแบบสร้างความรําคาญให้ประสาทหูได้เลย 🥹
4. ระบบเสียง
ปกติกล้องวงจร IP ในราคาไม่ถึง 1,000 บาท ถือว่ามีน้อยมากที่จะใส่ฟังก์ชันตรวจจับเสียงมาให้ด้วย โดยฟังก์ชันวัดระดับเสียงจะแจ้งเตือนไปยังสมาร์ทโฟนให้คุณทราบเมื่อตรวจจับเสียงได้ แน่นอนว่าซอฟต์แวร์ในตอนนี้คงยังไม่ได้สามารถแยกประเภทเสียงได้ว่าเสียงไหนเป็นสัญญาณอันตราย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเสียงอะไรก็ตามแอปก็แจ้งเตือนให้เราทราบทั้งหมดค่ะ สิ่งที่เราค่อนข้างชอบคือแม้ว่ามันจะเล่นแจ้งเตือนทุกประเภทเสียงที่ดังขึ้น แต่ทว่ายังดีที่แอปยังแยกออกว่าอันไหนเป็นการแจ้งเตือนประเภทใด หากดูจากรูปคุณจะเห็นว่าประเภทการแจ้งเตือนระบุว่าเป็น Abnormal Sound (เสียงผิดปกติ) ทำให้ง่ายต่อการค้นหาคลิปวิดีโอค่ะ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า AI จะไม่สามารถแยกประเภทได้แต่ทว่าคุณสามารถเลือกระดับความดังของเสียงได้นะคะ โดยจะมีให้เลือกตั้งแต่ 50-90 เดซิเบลเลยค่ะ โดยส่วนตัวแล้วฟังก์ชันนี้เราคิดว่าน่าจะเหมาะสำหรับใช้ติดตั้งในห้องที่มีเด็กเล็กหรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ค่ะ
รีวิว โทรคุยแบบเรียลไทม์ : กล้องวงจรปิด IMOU รุ่น Cue 2
สรุป ฟังก์ชันการโทรคุยและแอบฟัง ของกล้อง IMOU รุ่น Cue 2
- ในกรณีที่ไม่ได้ใช้ฟังก์ชันการโทรคุย คุณจะสามารถรับฟังเสียงจากกล้องได้อย่างชัดเจน
- ในกรณีที่ใช้ฟังก์ชันการโทรคุย คุณภาพการโทรค่อนข้างแย่มาก ไม่มีความเสถียร
- การใช้งานโหมดการโทรคุยหรือโหมดแอบฟังเฉย ๆ จำเป็นต้องเข้าไปตั้งค่า “การรวบรวมเสียงของอุปกรณ์” ให้ทำงานก่อน ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
การโทรคุยแบบสองทิศทาง (Two Way Talk) หรือจะเรียกว่าฟังก์ชันโทรคุยแบบเรียลไทม์ก็ได้ค่ะ ฟังก์ชันนี้เป็นคุณสมบัติขั้นฐานที่กล้อง IP ส่วนใหญ่มักจะใส่มาเพื่อดึงดูดใจลูกค้า แต่ต้องบอกก่อนว่ากล้องวงจรปิดของ IMOU Cue 2 รุ่นนี้มีอัลกอริทึมที่ค่อนข้างแปลก !!! เพราะจากเรารีวิวกล้อง IP มาแล้วหลายแบรนด์ก็ทำงานได้ปกติดีค่ะ หลักการทำงานนั้นง่ายมากก็คือกล้องมันจะปล่อยให้เราพูดคุยโต้ตอบกันได้แบบเรียลไทม์ทั้งสองฝั่งเลยค่ะ แต่ทว่า IMOU Cue 2 รุ่นนี้ต่างกันออกไป
อันดับแรกเลยคุณสามารถฟังเสียงจากกล้องได้ตลอดเวลา ซึ่งต้องบอกว่าเสียงที่ได้นั้นคมชัดมากค่ะ ไม่มีดีเลย์ ไม่มีติดขัด ฟังจับใจความได้รู้เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเสียงเบาหรือดังแค่ไหน ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีที่ IMOU ทำออกมาได้ดีกว่าหลายยี่ห้อค่ะ

แต่ทว่าปัญหามันอยู่ที่ฟังก์ชันการโทรคุยค่ะ เพราะว่าเมื่อเรากดโทรหาคนในกล้องเพื่อทดสอบการพูดคุย เหมือนฟังก์ชันนี้จะทำงานบกพร่องไปมาก แม้ว่าจะใช้อินเทอร์เน็ตคนละวง LAN หรือวง LAN เดียวกันเราก็เจอปัญหาที่เหมือนกันทุกครั้ง ซึ่งก็คือ
- บางครั้งคนในกล้องก็จะไม่ได้ยินเสียงคนในแอป แต่บางครั้งคนในกล้องก็ได้ยินเสียงที่คมชัดดีมาก
- บางครั้งคนในแอปก็ไม่ได้ยินเสียงจากคนในกล้อง แต่บางครั้งก็อาจได้ยินเบา ๆ หรือไม่เสียงจะดีเลย์หนักมาก
- ในส่วนของภาพนั้นมีความดีเลย์พอสมควร
ทางเราไม่ทราบว่าสิ่งเกิดนี้มาจากสาเหตุใด อาจเป็นที่ความเสถียรของอินเทอร์เน็ต หรืออาจจะเป็นเพียงเหตุบังเอิญที่เราได้รับสินค้าที่หลุด QC มาก็ได้ค่ะ
รีวิว การจัดเก็บข้อมูล & คลิป : กล้องวงจรปิด IMOU รุ่น Cue 2
รุ่นนี้รองรับการจัดเก็บข้อมูลได้ 3 ช่องทางคือ micro SD การ์ดที่สามารถเลือกขนาดได้สูงสุด 256GB, การเก็บข้อมูลในระบบออนไลน์หรือที่เรียกว่าระบบคลาวด์ ซึ่ง ข้อมูลของคุณจะมีความปลอดภัยมากกว่า วิดีโอจะไม่มีทางสูญหาย สามารถเรียกดูตอนไหนก็ได้ จะแชร์ไปยังบุคคลที่สามหรือดาวน์โหลดลงเครื่องก็ได้ เป็นวิธีเก็บข้อมูลที่ทำงานง่าย ช่วยอำนวยความสะดวกได้เยอะเลยค่ะ แต่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลแบบที่ต้องเสียเงิน ส่วนวิธีสุดท้ายก็คือการใช้เครื่องบันทึกภาพ NVR (Network Video Recorder) ซึ่งเป็นเครื่องบันทึกวีดิโอวงจรปิดลงบนฮาร์ดดิสก์ค่ะ
ความคุ้มค่าในการซื้อ
![]() |
![]() |
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 8.6 เต็ม 10
สรุปข้อดี – ข้อควรพิจารณา
ข้อดี
- ราคาไม่แพง
- คุณภาพระดับ FHD 1080p
- เลนส์มุมกว้าง 131° มองเห็นได้ทั่วห้อง
- มีโหมด HDR สำหรับปรับปรุงคุณภาพกล้องให้ดีขึ้น
- ให้การมองเห็นตอนกลางคืนที่ยอดเยี่ยม
- มีตรวจจับการเคลื่อนไหวหลากหลายพร้อมแจ้งเตือน
- มีตรวจจับการเสียงที่ผิดปกติพร้อมแจ้งเตือน
- อินฟราเรดในตอนกลางคืน ไม่รบกวนสายตา
- ระบบเตือนในโทรศัพท์ที่ทำงานรวดเร็ว
- กำหนดโซนและช่วงเวลาที่ต้องการตรวจจับการเคลื่อนไหวได้
- จัดเก็บข้อมูลแบบ MicroSD, Cloud และ NVR
- เสียงไซเรนที่ตัวกล้องดังมาก
- ปุ่มรีเซ็ตใช้งานง่าย
- มีอะแดปเตอร์มาให้
ข้อควรพิจารณา
- คุณภาพของโหมด Two Way Talk ยังไม่เสถียร
- ไม่สามารถแพนกล้อง
- รองรับ WiFi 2.4 GHz ที่อาจถูกรบกวนได้ง่าย
- ขนาดค่อนข้างใหญ่
ซื้อเลย – ถ้าหาก
- ซื้อเลยถ้าหาก…คุณอยากได้กล้องวงจรปิดราคากลาง ๆ ที่มอบความคมชัดในระดับมาตรฐาน มีฟังก์นชั้นการใช้งานขั้นพื้นฐานที่ครบครัน โดยเฉพาะฟังก์ชันการตรวจจับที่ทำงานได้ดี
- ซื้อเลยถ้าหาก…คุณอยากได้กล้องวงจรปิดมีแอปใช้งานง่าย ๆ
อย่าซื้อ – ถ้าหาก
- อย่าซื้อถ้าหาก…คุณอยากได้กล้องวงจรปิดที่มีคุณภาพการโทรเรียลไทม์ที่ดี ทั้งภาพและเสียง สามารถคุยได้สองทิศทาง เนื่องจากรุ่นนี้โหมด Two Way Talk ยังไม่เสถียร
- อย่าซื้อถ้าหาก…คุณต้องการกล้องวงจรปิดมีความคมชัดระบบ 2K หรือ 4K
- อย่าซื้อถ้าหาก…คุณต้องการกล้องวงจรปิดที่สามารถแพนไปได้รอบทิศทางผ่านการควบคุมจากแอป
- อย่าซื้อถ้าหาก…คุณต้องการกล้องวงจรที่เน้นตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบติดตามตลอด เนื่องจากรุ่นนี้มันหมุนกล้องอัตโนมัติไม่ได้
บทสรุป กล้องวงจรปิด IMOU รุ่น Cue 2
สำหรับ กล้องวงจรปิด IMOU รุ่น Cue 2 นั้น โดยรวมถือว่าดี เพราะว่าคุณสามารถเข้าไปแก้ไขการตั้งค่าต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการดูภาพออนไลน์, การตั้งค่าส่งสัญญาณเสียงแจ้งเตือนในกรณีที่ระดับเสียงรอบ ๆ มีความดังเกินเดซิเบลที่กำหนด, การตั้งค่าเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวพร้อมฟังก์ชันตรวจจับผู้คนโดยคุณ ความสามารถในการบันทึกวิดีโอและภาพถ่าย ซึ่งคุณสามารถบันทึกได้ทั้งในสมาร์ทโฟนและ microSD การ์ด รวมถึงในระบบคลาวด์ด้วย เป็นกล้องวงจรปิดที่เหมาะสำหรับใช้รักษาความปลอดภัย เนื่องจากการแจ้งเตือนจะมาถึงสมาร์ทโฟนรวดเร็วมาก ทั้งยังมีโหมดไซเรนเพื่อไล่แขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกด้วย
วิธีติดตั้ง & เชื่อมต่อกับแอป : กล้องวงจรปิด IMOU รุ่น Cue 2
ขั้นตอนที่ 1 เสียบสาย Micro USB เข้ากับตัวกล้อง ส่วนปลายสายอีกด้านก็เสียบเข้ากับอะแดปเตอร์ จากนั้นก็เสียบอะแดปเตอร์ไปที่ปลั๊กไฟ
(Google Play / App Store)
ขั้นตอนที่ 2 ระหว่างที่รอให้กล้องเริ่มเปิดระบบทำงาน ให้คุณดาวน์โหลดแอป Imou Life ลงในสมาร์ทโฟนของคุณ หลังจากนั้นให้คุณกดเปิดแอป Imou Life และกดยอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัว เสร็จแล้วก็ให้เลือกวิธีเข้าสู่ระบบแบบที่คุณสะดวกได้เลยค่ะ หากคุณมี User ของทาง Imou อยู่แล้วก็สามารถเข้าสู่ระบบได้เลย แต่ถ้าหากคุณยังไม่เคยมีสมัครสมาชิกใด ๆ ให้กดที่ “ลงทะเบียน” ค่ะ จากนั้นเลือกประเทศและภูมิภาค ซึ่งก็คือ “ราชอาณาจักรไทย” และกดลูกศรสีส้มเพื่อลงทะเบียนในขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนที่ 3 โดยจะต้องกรอกหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ และคุณจะต้องกำหนดรหัสผ่านในการเข้าแอปครั้งต่อไปด้วย ซึ่งรหัสนี้จะต้องเป็นรหัสที่คุณจำได้ด้วยนะคะ โดยเงื่อนไขการตั้งรหัสผ่านจะต้องเป็นไปตามที่ทางแอป Imou Life กำหนดไว้ จากนั้นแอปจะให้กดยอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวอีกครั้ง เพื่อไปยังขั้นตอนการยืนยันตัวตนต่อไป โดยแอปจะส่งรหัสไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่คุณกรอกไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้นก็ให้คุณกรอกตัวเลขที่ได้รับ ภายใน 1 นาที

ขั้นตอนที่ 4 เมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้วให้คุณเลือกประเภทการใช้งาน หากคุณซื้อมาเพื่อใช้ติดตั้งในบ้านก็เลือก “บ้าน” หากคุณซื้อมาเพื่อใช้ในกิจการของตัวเองให้เลือก “ร้านค้า” เนื่องจากแอปจะได้แนะนำฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสมกับคุณที่สุด เมื่อเลือกประเภทใช้งานได้แล้วให้คุณกดที่เครื่องหมาย “+” เพื่อเพิ่มอุปกรณ์ อย่าลืมกดอนุญาตการเข้าถึงของแอปเท่าที่คุณอยากให้แอปทำงานด้วยนะคะ โดยในรูปเรากำหนดให้แอปสามารถเข้าถึงได้หมดเลยค่ะ จากนั้นให้คุณเลือกสแกนซึ่งแอปจะเปิดกล้องขึ้นมาเพื่อจะสแกน QR Code แน่นอนว่า QR Code ที่ว่านี้จะอยู่ที่ตัวกล้องค่ะ

ขั้นตอนที่ 5 เมื่อจับคู่เรียบร้อยแล้วให้กด “ถัดไป” เพื่อความมั่นใจคุณจะต้องดูให้ดีว่าตอนนี้กล้องมีไฟเข้าแล้ว หากเป็นไฟสีเขียวกระพริบนั่นหมายความว่าพร้อมเชื่อมต่อแล้วค่ะ ในขั้นตอนต่อไปนี้คุณจะต้องเตรียมรหัส WI-FI ให้พร้อม โดย WI-FI ที่ใช้จะต้องเป็น WI-FI 2.4 นะคะ ในระหว่างที่รอให้กล้องเชื่อมต่อกับ WI-FI ใช้เวลาไม่นานค่ะไม่เกิน 2 นาทีเท่านั้น

ขั้นตอนที่ 6 เสร็จแล้วแอปจะขึ้นหน้าต่างให้คุณเลือกสถานที่ติดตั้งกล้องตามในรูป พร้อมกับให้สิทธิ์ทดลองใช้ Imou Protect Lite ซึ่งเป็นการทดลองเป็นสมาชิกที่จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย

จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้เราได้รีวิวกล้องวงจรปิดภายในแบบที่แพนกล้องไม่ได้ไปแล้วถึงสองแบรนด์ นั่นคือ Xiaomi Mi กับ EZVIZ และเพื่อให้คุณได้มีตัวเลือกในการตัดสินใจมากขึ้น วันนี้เราจึงได้เลือกกล้องวงจรปิดจากแบรนด์ดัง IMOU มาให้พิจารณาเช่นกันค่ะ หลายคนอาจสังสัยว่าทำไมเราไม่หยิบกล้องวงจรปิดแบบที่สามารถแพนกล้องได้ต้องการมารีวิว ? เนื่องจากมันเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า แต่ยิ่งตัวกล้องมีคุณสมบัติมากเท่าไหร่ ราคาก็ยิ่งแพงมากขึ้นเท่านั้น หากเทียบกันแล้วกล้องวงจรปิดแบบที่แพนกล้องไม่ได้ก็ไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียวค่ะ เพราะนอกจากนี้ราคาที่ถูกแล้วมันก็ยังทำงานได้มีประสิทธิไม่ต่างจากวงจรกล้องวงจรปิดที่แพนกล้องไปมาได้ เพียงแต่คุณจะต้องเลือกติดตั้งกล้องในจุดที่เหมาะสมเท่านั้น อย่างเช่น ประตู หน้าต่าง ทางเข้าออก เป็นต้นค่ะ