คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.0 เต็ม 10
![]() |
|
หากใครที่เป็นสายปาร์ตี้ ชื่นชอบการร้องคาราโอเกะเป็นชีวิตจิตใจ แต่เบื่อที่จะร้องเพลงอยู่แต่ในห้องแคบ ๆ และไม่อยากจะต่อสาย ต่ออุปกรณ์ ออกมานอกบ้านให้วุ่นวาย เราขอแนะนำ Tronsmart Halo 200 ลำโพงคาราโอเกะไร้สายแบบพกพา ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่องานปาร์ตี้โดยเฉพาะครับ
ซึ่งไม่ว่าจะคุณ จะอยู่ที่ไหนก็ตาม ในร่ม หรือกลางแจ้ง เช่น สวนหลังบ้าน, สระว่ายน้ำ, ชายหาด หรือลำธาร จะมี หรือไม่มีไฟฟ้าก็แล้วแต่ คุณก็สามารถร้องคาราโกเกะสนุกกับเพื่อน ๆ ได้ง่าย ๆ ครับ เพียงแค่คุณหยิบ Tronsmart Halo 200 แค่ตัวเดียวติดรถไปด้วย ปาร์ตี้ของคุณก็จะครบรส มันส์สุด ๆ แล้ว
งานปาร์ตี้ ถือเป็นความสุข ความสนุกที่หาได้ง่าย ๆ ครับ ยิ่งถ้าเป็นปาร์ตี้กลางแจ้ง ไม่ได้เป็นห้องส่วนตัว มันก็จะยิ่งสนุกมากขึ้น เพราะนอกจากเราจะได้สนุกกับเพื่อน ๆ ของเราแล้ว เรายังมีโอกาสได้พบปะกับเพื่อนใหม่ ๆ ด้วย แต่เหตุผลที่ปาร์ตี้ส่วนใหญ่ จะต้องจัดแต่ในห้องส่วนตัวเท่านั้น ก็เพราะว่า เครื่องเสียงดี ๆ มันเคลื่อนย้ายยากมาก ๆ จะเอาออกมาเปิด ริมสระว่ายน้ำ หรือที่สวนหลังบ้าน มันก็ไม่ง่ายเลย แต่ทุกวันนี้เปลี่ยนไปแล้วครับ ลำโพงบลูทูธรุ่นใหม่ ๆ สามารถขับเสียงที่ดีขึ้น ดังขึ้นได้ แต่มีขนาดเล็กลง บางรุ่นต่อไมค์ร้องคาราโอเกะได้ด้วย แถมยังเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ด้วย แค่นำมือถือ / แท็บเล็ต มาเชื่อมต่อเพื่อเปิดแอปฯ ฟังเพลง เท่านี้เราก็สนุกกันได้แล้ว ดังนั้นจะเต้นอัดกันอยู่ในห้องทำไมล่ะครับ ? ในเมื่อคุณจะปาร์ตี้ที่ไหนก็ได้แล้ว
สำหรับวันนี้เราได้ ลำโพงปาร์ตี้ไร้สาย แบบพกพา (Portable party speaker) มาตัวนึงครับ โดยเป็นลำโพงสัญชาติจีน ที่มีจุดเด่นด้านคุณภาพที่ดีเกินราคา แบรนด์นี้จึงได้รับความนิยมเร็วมาก ๆ ครับ ซึ่งคนที่ช้อปปิ้งออนไลน์บ่อย ๆ น่าจะเห็นผ่านตามาบ้างแล้ว นั่นก็คือ Tronsmart นั่นเอง โดยรุ่นที่เราได้มาเป็น Halo 200 ซึ่งเป็นลำโพงปาร์ตไร้สาย แบบพกพา รุ่นใหม่เลน ที่ให้ไมค์มา 2 ตัว สำหรับร้องคาราโอเกะ และพลังเสียง 120W ซึ่งช่วยขับเสียงที่มีคุณภาพ ดึงโทนเสียงได้ครบทุกมิติ ทุกย่านเสียงแถมตัวบอดี้ยังกันน้ำ และมีไฟ LED ในตัวด้วย เดี่ยวเรามาทดสอบกันดูว่า โทนเสียงมันเป็นอย่างไร ? และเหมาะกับใครที่สุด ?
คุณสมบัติเด่นของ Tronsmart Halo 200
ต้องขอบอกเลยครับว่า หลังจากที่เราได้ลอง Tronsmart Halo 200 ส่วนตัวรู้สึกประทับใจมากครับ ทั้ง ด้านวัสดุ, งานประกอบ, การขับเสียง รวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานที่เยอะกว่าลำโพงบลูทูธทั่ว ๆ ไป แต่กลับมีราคาที่สมเหตุสมผล จับต้องได้ ซึ่งก่อนที่เราจะไปลงรายละเอียดกัน เราขอมาสรุปฟังก์ชันเด่น ๆ ของเจ้ารุ่นนี้กันก่อนครับ
- ดีไซน์เป็นตู้สี่เหลี่ยมที่เรียบง่าย ผลิตด้วยวัสดุที่ดี ดูทนทาน
- หูหิ้วหล่อมากับตัวลำโพงเลย ช่วยให้รับน้ำหนักประมาณ 6 กิโลกรัม ได้สบาย
- มีไมโครโฟนไร้สายมาให้ 2 ตัว (รองรับไมโครโฟนได้ทั้ง แบบไร้สาย และแบบมีสาย)
- กำลังขับ 120W พร้อมระบบเสียง 3 ทาง ขับเวทีเสียงที่ดี มีความกว้างเป็นพิเศษ มอบเสียงที่มีมิติ
- โทนเสียงที่ใสสะอาด กลางคมชัด และแหลมเคลียร์ใส
- มีเทคโนโลยี SoundPulse ช่วยปรับเสียงเบสให้หนักแน่น แต่นุ่มละมุน ขับออกมาเป็นลูก ๆพอดีคำ
- มีแอปฯ Tronsmart สำหรับใช้ปรับอีควอไลเซอร์ (EQ) เพื่อให้ได้เสียงที่ต้องการ และใช้ปรับค่าอื่น ๆ
- กันน้ำได้ระดับ IPX4 (ขอแนะนำว่า พยายามอย่าโดนน้ำจะดีที่สุดครับ)
- แผงควบคุม มีปุ่มให้ถึง 11 ปุ่ม ครบครัน ควบคุมได้ทุกอย่าง
- เชื่อมต่อได้หลายวิธี ทั้ง แบบมีสาย และไร้สาย
- เชื่อมต่ออุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านสายได้ เช่น ไมโครโฟน และกีตาร์ไฟฟ้า
- มีพอร์ตเชื่อมต่อให้ 3 พอร์ต (Aux-in 2 พอร์ต และ Flash Drive 1 พอร์ต)
- Bluetooth 5.3 ให้คุณภาพเสียงดี สัญญาณเสถียร
- Stereo Pairing จับคู่กับลำโพงอีกตัวได้ เพื่อขับเสียงสเตอริโอ
- Splendid Light เอฟเฟกต์ไฟ LED 5 แบบ เล่นแสงไฟตามจังหวะ
ข้อมูลจำเพาะของ Tronsmart Halo 200 (คลิก)
สำหรับพลังเสียงของลำโพงบลูทูธ Tronsmart Halo 200 จะมาพร้อมกำลังขับสูงถึง 120 วัตต์ ด้วยดอกลำโพง 4 ตัว ประกอบด้วยดอกวูฟเฟอร์ (70 วัตต์), ช่วงทวีตเตอร์กลาง 2 ตัว (ตัวละ 20 วัตต์) และทวีตเตอร์ความถี่สูงอีก 1 ตัว (10 วัตต์) ที่อยู่ด้านล่าง โดยค่าความต้านทานก็มาตามที่ระบุไว้เลยครับคือ 4.5, 4.2 และ 7.7 โอห์ม ซึ่งมีช่วงความถี่ระหว่าง 50Hz – 20KHz โดยการเปิดเสียงสูงสุด รุ่นนี้สามารถขับเสียงออกมาได้ดังสูงสุดถึง 100dB เลยทีเดียวครับ
Tronsmart Halo 200 | |||||
---|---|---|---|---|---|
กำลังขับสูงสุด | 120W | ช่วงความถี่ | 50Hz – 20KHz | ||
IP Rating | IPX4 | Bluetooth | Bluetooth 5.3 (ระยะ 15 เมตร พื้นที่โล่ง) | ||
ไมโครโฟน | ไมค์ไร้สาย 2 ตัว | การเชื่อมต่อ | มีสาย / ไร้สาย | ||
โหมดการเล่น |
|
ฟังก์ชันเสริม |
|
||
อายุการใช้งาน | ฟังเพลง : สูงสุด 18 ชม. (เสียง 50%) คาราโอเกะ : สูงสุด 10 ชม. (เสียง 60%) |
เวลาในการชาร์จ | 3.5 ชม. | ||
ขนาด | 266 × 282 × 386 mm. | น้ำหนัก | 6.1 kg. |
อุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่อง
ก่อนอื่นเรามาแกะกล่อง Tronsmart Halo-200 กันก่อนเลย โดยตัวกล่องมาในขนาดที่ใหญ่และหนักพอสมควรเลย ซึ่งเมื่อเราเปิดกล่องออกมา เราก็จะเห็นไมโครโฟน 2 ตัว และสายไฟต่าง ๆ อยู่บนสุด ส่วนตัวลำโพงจะอยู่ด้านใต้ครับ ซึ่งทั้งหมดได้มีการแพคมาเป็นอย่างดีเลย โดยอุปกรณ์ที่มีให้มาในกล่องทั้งหมดมีดังต่อไปนี้ครับ

อุปกรณ์ภายในกล่อง
|
สำหรับอุปกรณ์ในกล่อง เริ่มต้นจะให้ สายชาร์จ ซึ่งรุ่นนี้ใช้เป็นสายไฟ AC ยาวประมาณ 1 เมตร ช่วยให้ระยะเวลาในการชาร์จเร็วมาก แค่ 3 ชม.นิด ๆ มันก็เต็มแล้ว ใช้งานได้ 15-18 ชม., คู่มือ, ใบรับประกัน, สาย Aux 3.5 mm. และยังให้ SoundPulse Card ด้วย ซึ่งถือว่า ครบถ้วนดีมากครับ
นอกจากนี้ยังมีไมโครโฟนไร้สาย ให้มาในกล่องอีก 2 ตัว เลยทีเดียวครับ ซึ่งในส่วนนี้เป็นออฟชันเสริมครับ โดยจะมีตัวเลือกให้เรา 3 รุ่น คือ รุ่น Standard ที่ไม่มีไมค์มาให้, รุ่น Mono Mic มีไมค์มาให้ 1 ตัว และรุ่นที่เราได้มารีวิวคือ รุ่น Dual Mics ที่จะมีไมค์มาให้ 2 ตัว เพื่อให้คุณสนุกกับเพื่อน ๆ ได้เต็มที่ |
ดีไซน์การออกแบบ

ด้านดีไซน์มาในทรงตู้ลำโพงขนาดใหญ่ครับ ความสูงประมาณ 47 ซม. และด้านกว้าง กับด้านลึกประมาณ 32 ซม. ส่วนน้ำหนักก็ประมาณ 6 กิโลกรัม ซึ่งก็ถือว่าหนักเอาเรื่องเลย แต่บนตัวลำโพงก็มีการทำช่อง สำหรับสอดมือเข้าไป เพื่อหิ้วได้ครับ ทำให้ย้ายง่ายขึ้นมาก หิ้วไปใกล้ ๆ ได้สบายเลย ส่วนความแข็งแรงก็ไม่ต้องห่วงเลยครับ เพราะงานประกอบดูแน่นหนาดี วัสดุก็ดูมีคุณภาพมาก ความรู้สึกที่จับเหมือนจะเป็นพลาสติกแข็งครับ ตะแกรงด้านหน้าก็ใช้เป็นโลหะ ในด้านการป้องกันน้ำรองรับมาตรฐาน IPX4 เท่านั้นครับ ซึ่งสามารถโดนละอองน้ำเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ แต่พยายามอย่าให้โดนน้ำ หรือละอองน้ำ จะดีที่สุดครับ

ส่วนแผงควบคุมทั้งหมด จะเป็นปุ่มแบบมีแสงลอดมาได้ครับ มีให้ทั้งหมด 10 ปุ่ม และมีปุ่ม Volume แบบหมุน ขนาดใหญ่ ที่ตรงกลาง ถัดลงมาเล็กน้อยจะมีไฟสถานะ LED 4 จุด สำหรับบอกปริมาณแบตฯ คงเหลือครับ โดยทั้งหมดจะถูกจัดวางไว้บริเวณด้านบนของตัวลำโพงเลย ช่วยให้กดได้ง่ายมาก ๆ ครับ แต่สิ่งที่น่าจะเป็นข้อเสียคือ วัสดุปุ่มที่เป็นยาง นี่แหละครับ เพราะจากที่เราใช้อุปกรณ์อื่น ๆ มา ดูเหมือนมันจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าจุดอื่น แต่ส่วนนี้เรายังยืนยันไม่ได้นะครับ ก็คงต้องลองใช้ไปเรื่อย ๆ แต่ที่ชอบมาก ๆ คือ ปุ่ม Volume แบบหมุน เพราะนอกจากมันจะทนกว่าแล้ว ยังปรับได้ง่ายกว่าอีกด้วยครับ

อีกส่วนนึงก็คือ แผงการเชื่อมต่อ ซึ่งรุ่นนี้จะติดตั้งอยู่หลังตู้ลำโพง บริเวณตรงกลางครับ โดยออกแบบมาเป็นช่อง พร้อมฝาปิดในตัว โดยใช้วัสดุเป็นยางอย่างดี เพื่อป้องกันน้ำ ซึ่งภายในจะมีทั้งหมด 4 พอร์ต ได้แก่ พอร์ต USB-A (รองรับทั้ง การชาร์จอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือเปิดเพลงผ่าน Flash Drive), พอร์ตชาร์จแบบ AC สำหรับชาร์จลำโพง และพอร์ต AUX 3.5 มม. ที่มีให้มา 2 พอร์ต ซึ่งพอร์ตแรก จะรองรับได้ทั้ง กีต้าร์, ไมค์ และอุปกรณ์อื่น ๆ แบบมีสาย ส่วนอีกพอร์ตจะรองรับได้แค่ไมค์เท่านั้นครับ
แต่ข้อเสียของมันคือ ถ้าเราเสียบใช้งานพอร์ตใดพอร์ตนึงอยู่ มันจะปิดฝายางไม่ได้ครับ ดังนั้นก็ควรระวังเรื่องน้ำให้ดีครับ เพราะถึงแม้รุ่นนี้จะมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำ IPX4 แต่ทางที่ดี ระวังอย่าให้โดนน้ำเลยจะดีที่สุดครับ
แอปพลิเคชัน Tronsmart App
ความคิดเห็นส่วนตัว เราขอยกให้ Tronsmart App เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของรุ่นนี้เลยครับ เพราะนอกจากตัวแอปฯ จะมีการออกแบบที่ดีแล้ว มันยังถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ง่ายมาก ๆ ครับ แค่เปิดลำโพงแล้วเปิดแอปฯ จากนั้นกดค้นหา เท่านี้มันก็เชื่อมต่อกันได้แล้ว แถมแอปฯ ยังมาพร้อมฟังก์ชันให้เล่นอีกเยอะเลยครับ อาทิเช่น โหมดการใช้งาน โหมดแสงไฟ LED หรือการปรับ EQ เป็นต้น จนเราสั่งงานต่าง ๆ จากระยะไกลผ่านแอปฯ นี้ได้ง่าย ๆ เลย ซึ่งมันก็ทำได้แทบทุกอย่างจริง ๆ ครับ ไม่เว้นแม้กระทั่งสั่งปิดลำโพงครับ (สั่งเปิดตัวลำโพงผ่านแอปฯ ไม่ได้)

สำหรับลําโพงรุ่นนี้มาพร้อมกับแอปพลิเคชันบนมือถือ ชื่อว่า Tronsmart App ครับ ซึ่งรองรับได้ทั้ง iOS และ Andriod เลย โดยในแอปฯ นี้ เราสามารถเชื่อมต่อใช้งานได้ง่ายมาก ๆ ครับ เพียงแค่เปิดลำโพง จากนั้นเปิดแอปฯ ขึ้นมา แล้วเลือกรุ่นลำโพงที่เราใช้งานอยู่ ซึ่งในภาพก็คือ Halo 200 รอให้แอปฯ ค้นหา และจับคู่สักครู่ครับ เมื่อเชื่อมต่อสำเร็จ ปริมาณแบตฯ คงเหลือตัวลำโพงก็จะแสดงผลขึ้นมาครับ ซึ่งแอปฯ ตัวนี้เราสามารถปรับค่าได้หลายอย่างเลยครับ อย่างในหน้าแรกนี้เราก็สามารถกดหยุด ข้าม ย้อนกลับ และเพิ่ม-ลดเสียงได้ ส่วน 3 ปุ่ม ด้านล้างก็เป็นเมนู หน้าแรก, ตั้งค่า EQ และตั้งค่าอื่น ๆ ครับ

สำหรับการปรับอีควอไลเซอร์ (EQ) ผ่าน Tronsmart App สามารถเข้าไปปรับได้ง่าย ๆ เพียงกดที่เมนูตรงกลางจากหน้าแรกครับ ซึ่งเมื่อเข้ามาเราก็จะเจอโหมด EQ ที่ถูกตั้งมาให้ล่วงหน้า 5 โหมด ครับ แต่ถ้าเรายังไม่ถูกใจเสียงจากโหมดเหล่านี้ เราก็สามารถเลือกโหมด Customize เพื่อเข้าไปปรับเองได้ครับ แต่อีควอไลเซอร์ (EQ) ของรุ่นนี้ จะไม่ค่อยละเอียดเหมือนพวกลำโพงแพง ๆ นะครับ โดยจะปรับได้แค่ตามภาพเลย ซึ่งภายในเมนู EQ ของแอปฯ Tronsmart มันจะมีโหมดเสียงให้เลือก 6 โหมด และแต่ละโหมดจะให้เสียงคร่าว ๆ ดังต่อไปนี้ครับ
- โหมด Default : เป็นโหมดเสียงกลางธรรมดา ไม่มีย่านเสียงที่โดดเด่น
- โหมด SoundPulse : เป็นเทคโนโลยีของ Tronsmart เอง ที่ถูกพัฒนามาเพื่อช่วยเพิ่มเสียงเบสให้หนักแน่นขึ้น แต่นุ่ม มีความละมุ่นกว่า และเสียงแหลมที่คมชัด เคลีร์ยใสขึ้น
- โหมด Deep Bass : เป็นโหมดเพิ่มเสียงเบสให้หนักแน่น ลงลึกขึ้น และเสียงอู้อี้เล็กน้อย สำหรับฟังเพลงมันส์ ๆ
- โหมด Classical : เป็นโหมดที่จะไม่ได้เน้นเสียงแหลมมากนัก แต่จะเน้นเสียงกลาง และเสียงเบส ให้สูงขึ้นกว่ามาตรฐาน
- โหมด Rock : เป็นโหมดที่จะเน้นเสียงเบส และเสียงแหลมให้สูงขึ้น พร้อม ๆ กับลดเสียงกลางเล็กน้อย ช่วยให้ได้เสียงที่ชัดเจนกว่าโหมด SoundPulse แต่มีรายละเอียดเสียงน้อยกว่า
- โหมด Customize : เป็นโหมดที่ให้ผู้ใช้เข้ามาปรับอีควอไลเซอร์ได้ง่าย ๆ ด้วยตนเองเพื่อให้ได้เสียงตามต้องการ แต่ค่าเสียงของรุ่นนี้จะยังไม่ค่อยละเอียดเหมือนพวกลำโพงแพง ๆ นะครับ

ส่วนเมนูสุดท้ายที่เป็นรูปหกเหลี่ยม หรือรูปเฟือง จะเป็นการตั้งค่าอื่น ๆ ครับ ซึ่งถึงแม้จะเป็นภาษาอังกฤษ แต่ด้วยความง่ายและไม่ซับซ้อน บวกกับมีการใส่รูปไอคอนมาให้ด้วย ทำให้เราสามารถที่จะเดาได้ง่าย ๆ เลยล่ะครับ ซึ่งในหน้านี้เราสามารถเลือกได้ตั้งแต่โหมดการเชื่อมต่อ (อุปกรณ์ที่เปิดเพลง) การจับคู่สเตอริโอ การเปิดบอร์ดแคช และการปรับโหมดแสงไฟ LED เมื่อเข้าไปที่เมนูแสง LED มันจะมีให้เลือกถึง 5 แบบ หรือถ้าใครต้องการประหยัดแบตฯ ก็สามารถปิดไฟได้ง่าย ๆ ที่มุมบนขวา นอกจากนั้นเรายังสามารถสั่งปิดลำโพงจากแอปฯ ได้อีกด้วยครับ
ทดสอบพลังเสียงของ Tronsmart Halo 200
การทดสอบพลังเสียงของ Tronsmart Halo 200 เราต้องขอบอกก่อนนะครับว่า ด้วยสภาพแวดล้อมที่เราอยู่เป็นหมู่บ้าน ทำให้เราไม่สามารถทดสอบโดยการ เปิดเสียงดัง ๆ ได้ต่อเนื่อง (เพราะต้องเกรงใจคนอื่น ๆ) แต่จากการทดสอบเปิดเสียงดัง ๆ ในช่วงสั้น ๆ ระดับเสียงที่ดังและให้เสียงดีที่สุด ส่วนตัวเรารู้สึกว่า อยู่ที่ระดับประมาณ 70-80% หรือดังประมาณ 80-92dB ครับ ซึ่งนี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ สำหรับใครที่ต้องการลำโพงไปเปิดเพลงดัง ๆ รุ่นนี้จะทำได้ประมาณนี้ครับ แต่ถ้าใครเน้นเบา ๆ ฟังสบาย ๆ ก็ไม่ต้องห่วงเลยครับ มันทำได้ดีอยู่แล้ว

ซึ่งผลการทดสอบในด้านพลังเสียงก็ต้องบอกว่า มันจัดว่าดีเลยทีเดียวครับ ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้ดีเท่ากับ พวกลำโพงระดับไฮเอนด์ ราคาเป็นหมื่น ๆ แต่ส่วนตัวคิดว่าเสียงที่ขับออกมา มันไม่ได้แตกต่างกันจนน่าตกใจสักเท่าไหร่ ดังนั้นในราคาประมาณ 5,000+- บาท แต่ได้เสียงระดับนี้ ถือว่าโอเคและคุ้มค่ามาก ๆ แล้วครับ
แถมรุ่นนี้ยังรองรับการปรับอีควอไลเซอร์ได้ตามต้องการเลย หรือจะใช้โหมดที่ทาง Tronsmart ได้ปรับจูนมาให้ก็ได้ครับ อย่างเทคโนโลยี SoundPulse ที่เราค่อนข้างประทับใจมาก ๆ ครับ เพราะมันให้เสียงที่แตกต่างและค่อนข้างดีเลยทีเดียว ยิ่งใครชอบเสียงกลาง ๆ และเบสแน่น ๆ ขับออกเป็นลูก ๆ แค่ใช้โหมดนี้ก็เหลือเฟือแล้วครับ นอกจากนี้ด้วยความที่รุ่นนี้ รองรับการเชื่อมต่อกับพวกเครื่องดนตรีอย่างกีต้าร์ และต่อกับไมโครโฟนได้ทั้งมีสาย และไร้สายเลย ทำให้มันเป็นเหมือนตู้แอมป์เครื่องนึงนั่นเองครับ โดยที่ทั้งหมดสามารถเล่นไปพร้อม ๆ กับการเปิดเพลงไปด้วยได้ สิ่งนี้จะช่วยให้ปาร์ตี้สนุกขึ้น
สรุปจุดที่ Tronsmart Halo 200 ทำได้ดีมาก ๆ คือ ความดัง และโทนเสียงในโหมดต่าง ๆ ที่เรารู้สึกว่า สมดุลกันดี แทบไม่ต้องปรับเลยก็ยังได้ ขอแค่เบิร์นลำโพงสักนิดนึงก็เพียงพอแล้ว เพราะส่วนตัวเรารู้สึกว่า ทาง Tronsmart มีการปรับจูนเสียงมาดีมากอยู่แล้วครับ โดยจะปรับให้เป็นโทนเสียงที่คนส่วนใหญ่น่าจะรู้สึกชอบที่สุดครับ ดังนั้นถ้าหากไม่ได้เน้นฟังดนตรีเฉพาะทางต่าง ๆ เดิม ๆ ก็ถือว่าดีมาก ๆ อยู่แล้วครับ
การเชื่อมต่อแบบต่าง ๆ
หากใครต้องการเชื่อมต่อที่หลากหลาย บอกเลยว่า เจ้ารุ่นนี้ตอบโจทย์มาก ๆ ครับ เพราะมันรองรับได้หมดเลย ไม่ว่าจะใช้สาย หรือไม่ใช่สาย อีกทั้งมันยังรองรับการเชื่อมต่อกับไมโครโฟน กีต้าร์ หรือแม้แต่เครื่องดนตรีอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน โดยในช่องพอร์ตก็ได้มีปุ่ม Volume แยกแต่ละพอร์ตด้วย ดังนั้นคุณสามารถเสียบไมค์ และกีต้าร์ เล่นพร้อม ๆ กันได้ และยังปรับระดับเสียงไมค์ เสียงกีต้าร์ และเสียงเพลงได้อย่างอิสระด้วย ดังนั้นลำโพง Halo 200 จึงมีความอเนกประสงค์มาก ๆ ครับ
จริงอยู่ครับว่า Tronsmart Halo 200 ถูกออกแบบมาให้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้เป็นลําโพงบลูทูธ แต่มันก็สามารถรองรับการเชื่อมต่อประเภทอื่น ๆ ได้ โดยไม่ต้องใช้ Bluetooth ทั้ง การเชื่อมต่อด้วยสาย AUX 3.5 mm. ที่ให้มา สำหรับใช้เชื่อมต่อเข้ากับ Desktop PC หรือเครื่องเล่นอื่น ๆ เช่น เครื่องเล่น DVD, เครื่องเล่นเกมคอนโซล หรือว่าอะไรก็ตาม ที่มีพอร์ต AUX 3.5 mm. นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อกับ USB Flash Drive ได้ด้วย
ปุ่มต่าง ๆ บนแผงควบคุมที่ใช้เรียกคำสั่ง และฟังก์ชันต่าง ๆ
Halo 200 มาพร้อมแผงควบคุมขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านบนของตัวลำโพง โดยมาพร้อมปุ่มให้ใช้งานถึง 10 ปุ่มกด และ 1 ปุ่มหมุน ดังนั้นเราสามารถควบคุมทุก ๆ อย่าง ทุก ๆ ฟังก์ชันได้ง่าย ๆ จากแผงตรงส่วนนี้เลย ซึ่งจุดที่ส่วนตัวรู้สึกชอบมากคือ การจัดวางปุ่ม ครับ โดยเราจะเห็นชัดเลยว่า มันมีการแยกปุ่มเป็นสัดเป็นส่วนไว้ชัดเจนเลย
อย่างปุ่มที่มีการใช้งานน้อยสุดก็จะแยกไว้ที่มุม ส่วนปุ่มควบคุมพวกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อจะถูกรวมไว้ 3 ปุ่มด้านซ้าย หรือปุ่มที่ใช้ควบคุมเพลงก็ถูกรวมไว้ฝั่งทางขวา โดยการแยกแบบนี้ทำให้เมื่อเราสัมผัส เราจะรู้ได้ทันทีครับว่าปุ่มที่เราจับอยู่นี้คือปุ่มอะไรโดยไม่จำเป็นต้องมองเลย อีกทั้งเรายังชอบปุ่มเพิ่มลดเสียงของรุ่นนี้ด้วย ที่นอกจากจะใหญ่แล้ว ยังช่วยให้เราใช้งานสะดวกขึ้นด้วย เช่น ถ้าจะเบาเสียง หรือปิดเสียง เราก็แค่หมุนปืดเดียวก็เรียบร้อยครับ
แผงควบคุมทั้งหมดของ Tronsmart Halo 200 อยู่บริเวณด้านบนของลำโพงซึ่งแผงควบคุมรุ่นนี้มีให้ถึง 11 ปุ่ม เลยทีเดียว โดยจะแยกปุ่มที่ใช้งานน้อย ๆ ไว้ที่มุม คือ ปุ่มพาวเวอร์ (มุมซ้ายล่าง) ใช้เปิด-ปิดลำโพง, ปุ่ม SoundPulse EQ (มุมซ้ายบน) ใช้ปรับโหมดอีควอไลเซอร์ ที่ตั้งจากเทคโนโลยี Soundpulse, ปุ่ม TuneConn (มุมขวาบน) ใช้ซิงค์ลำโพงตัวอื่นได้สูงสุดกว่า 100 ตัว และปุ่มโหมดไฟ LED (มุมขวาล้าง) ใช้ปรับโหมดแสงไฟที่มี 5 แบบ ส่วนปุ่มใหญ่ ๆ ตรงกลาง เป็นปุ่ม Volume ใช้เพิ่มลดระดับเสียงด้วยการหมุน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้เราเพิ่ม-ลดเสียงได้ง่ายและเร็วขึ้นมาก ต่างจากลำโพงทั่วไปที่จะต้องกดค้างไว้ หรือกดย้ำ ๆ
สำหรับแถบที่รวมไว้ 3 ปุ่ม ทางฝั่งซ้าย จะเป็นปุ่มที่เกี่ยวกับการเชื่อมต่อและจับคู่กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ครับ โดยจะมีปุ่ม M ที่จะใช้ก็ต่อเมื่อเราต้องการเปลี่ยนโหมดการเชื่อมต่อ เช่น เรากำลังเปิดเพลงผ่าน Bluetooth อยู่ แต่เราต้องการจะสลับไปเปิดเพลงจาก Flash drive หรือสาย Aux แทน เราแค่กดปุ่ม M 1 ครั้ง มันจะสลับ 3 อุปกรณ์วนไปเรื่อย ๆ ครับ ถัดมาจะเป็น ปุ่ม ECHO ใช้ในการเปิดเอฟเฟ็กต์เอ็กโค่ของไมค์ และปุ่ม Stereo Pairing ใช้จับคู่กับลำโพงรุ่นเดียวกัน ส่วน 3 ปุ่มฝั่งขวา ทุกคนคงรู้จักอยู่แล้ว โดยวิธีการกดก็ง่าย ๆ ครับ ไม่อะไรซับซ้อนเลย
ฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ
- Dual Audio Modes : เป็นโหมดการจับคู่ลำโพง เข้ากับมือถือ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ พร้อม ๆ กัน 2 เครื่อง สลับเปิดเพลงจากเครื่องไหนก็ได้
- USB-A Power Bank : เป็นฟังก์ชันการชาร์จผ่านสาย USB เพียงแต่เราเอาสายชาร์จมือถือมาเสียบที่ช่อง USB บนตัวลำโพง ในขณะที่ลำโพงเปิดอยู่ มันจะตรวจจับอุปกรณ์ของเราโดยอัตโนมัติ และเริ่มชาร์จทันที
- Aux-in Mode : ตัวลำโพงสามารถรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ไม่มีบลูทูธได้ด้วย โดยผ่านสายแจ็คเสียง 3.5 มม. ที่มีให้ในกล่อง (หลังจากเสียบสายแจ็คเสียงแล้ว ลำโพงจะเปลี่ยนเป็นโหมด Aux-in โดยอัตโนมัติ)
- USB Flash Drive Mode : ตัวลำโพงรองรับการเล่นเพลงจาก U-disk หรือ Flash Drive ของเราได้ด้วย เพียงแค่เรานำไดรฟ์มาเสียบเข้ากับช่อง USB บนตัวลำโพง มันก็จะเล่นเพลงอัตโนมัติ
- Karaoke Mode : รุ่นนี้มาพร้อม Aux 3.5mm 2 ช่อง และ Bluetooth ในตัว ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อกับไมโครโฟน ได้ทั้ง แบบมีสาย และไร้สายเลย โดยลำโพงจะเปลี่ยนเป็นโหมดไมโครโฟนโดยอัตโนมัติ ทันทีที่มีการเชื่อมต่อไมค์เข้ามา และที่พอร์ต Aux แต่ละช่อง ก็มีปุ่มหมุนมาให้ด้วย ซึ่งใช้สำหรับปรับระดับเสียงของไมค์แบบแยกกันได้
- Guitar Mode : โดยมันจะมีพอร์ต Aux อยู่ 1 ช่อง ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่อกับกีต้าร์ หรือเครื่องดนตรีอื่น ๆ แบบมีสายได้ (ต้องใช้หัวแปลง) และสามารถจะเล่นไปพร้อม ๆ กับการเปิดเพลงจาก Bluetooth, U-Disk หรือ Aux-in ได้ครับ
- Auto Power Off : เป็นระบบปิดอัตโนมัติ เมื่อไม่มีการเชื่อมต่อ หรือไม่มีการใช้งานใด ๆ เลยภายใน 30 นาที ตัวลำโพงจะปิดอัตโนมัติครับ นอกจากนี้ถ้าแบตเตอรี่ต่ำมาก ๆ ลำโพงก็จะปิดโดยอัตโนมัติเช่นกันครับ
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
อายุการใช้งานของลำโพง Tronsmart Halo 200 อาจจะเป็นสิ่งเดียวในลำโพงตัวนี้ที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก เมื่อเทียบกับน้ำหนัก ซึ่งทาง Tronsmart ได้เครมอายุการใช้งานของรุ่นนี้ไว้ โดยสามารถใช้เปิดเพลงได้นานถึง 18 ชม. (โดยปิดไฟ และเปิดเสียงแค่ 50%) แต่จากการทดสอบของเราที่ใช้งาน 2-3 ชม./วัน โดยเปิดระดับเสียงประมาณ 40-50% พร้อมเปิดไฟ LED พบว่าเราสามารถใช้ได้นาน 4-5 วัน เลย นั่นก็หมายความว่า มันสามารถใช้งานได้นานประมาณ 12-14 ชม. เลยทีเดียวครับ ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอครับ สามารถเปิดปาร์ตี้ทั้งคืนได้สบาย ๆ เลย ส่วนการใช้ร้องคาราโอเกะ ทางแบรนด์เครมไว้ที่ 10 ชม. (โดยเปิดเสียงที่ 60%) ซึ่งในส่วนนี้เราไม่ได้ทำการทดสอบครับ แต่น่าจะใช้ได้ประมาณ 5-7 ชม. ครับ ซึ่งก็คงไม่มีใครร้องเพลงนานขนาดนี้แน่ ๆ
ส่วนการชาร์จ จากรุ่นก่อนหน้า Halo 100 หลายคนบ่นว่าใช้เวลาชาร์จนานมาก โดยจะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 5-6 ชม. เลยทีเดียวครับ รุ่นนี้จึงได้รับการแก้ไข จากเดิมที่ใช้สายชาร์จ USB รุ่นนี้ก็ถูกเปลี่ยนมาใช้เป็นสายชาร์จ AC ทำให้ลดระยะเวลาในการชาร์จลงได้เกือบครึ่งนึง เหลือแค่ประมาณ 3 ชม. เท่านั้นครับ ส่วนการใช้ลำโพงตัวนี้ จ่ายไฟ เพื่อชาร์จมือถือ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ มันก็ทำได้ดีเลย จ่ายไฟได้เสถียรครับ โดยจะจ่ายไฟผ่านสาย USB-A ได้ประมาณ 5V กระแสไฟชาร์จ 1.3A ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ แต่แนะนำให้เก็บเอาไว้ชาร์จตอนจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
Tronsmart Halo 200 เหมาะกับใครที่สุด ?

Tronsmart Halo 200 นับเป็นลําโพงปาร์ตี้แบบพกพา ที่น่าสนใจมาก ๆ อีกหนึ่งรุ่นครับ ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ก็คือ พลังเสียงที่ขับออกมา พร้อมคุณสมบัติด้านเสียงที่มีความชัด เคลีร์ยใส และมีเบสที่นุ่มมาก ๆ ครับ ทำให้เสียงมีมิติมากขึ้น แถมมีไมโครโฟนไร้สาย ให้มาอีก 2 ตัว สำหรับใช้ร้องคาราโอเกะ มันจึงเป็นลำโพงพกพาที่ครบเครื่องมาก ๆ ครับ
นอกจากนี้ตัวลำโพงยังมีไฟ LED ที่สวยงาม ปรับได้ 5 แบบ และป้องกันน้ำได้ ถึงแม้จะได้แค่เล็กน้อย แต่ก็ช่วยให้พกพาสะดวกยิ่งขึ้น ส่วนแผงควบคุมที่ลำโพง ฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ รวมถึงตัวแอปฯ Tronsmart ที่เราปรับ EQ และค่าอื่น ๆ ได้ ซึ่งเราทดสอบไปหมดแล้ว สามารถยกระดับการใช้งานของลำโพงตัวนี้ได้ดีขึ้นไปอีกขั้นครับ และที่สำคัญอีกอย่างนึงคือ อายุการใช้งาน ซึ่งรุ่นนี้ก็ทำได้ดีมาก ๆ ครับ ใช้เปิดในปาร์ตี้ได้ต่อเนื่อง 5-6 ชม. ได้สบาย ๆ เลย ดังนั้นด้วยคุณสมบัติทั้งหมดของ Tronsmart รุ่น Halo 200 มันเหมาะสำหรับปาร์ตี้จริง ๆ ใครอยากร้องเพลงในสวน ริมสระน้ำ หรือชายหาด บรรยากาศดี ๆ รุ่นนี้มันตอบโจทย์แน่นอน
คะแนนความพึงพอใจต่อ Tronsmart Halo 200
![]() |
![]() |
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.0 เต็ม 10
ความคิดเห็นของเราต่อ Tronsmart Halo-200
ซื้อเลย ถ้าหาก :
- ซื้อเลยถ้าคุณกำลังลำโพงไร้สายที่เหมาะสำหรับปาร์ตี้กลางแจ้ง : ลำโพงรุ่นนี้ออกแบบมาให้ใช้ในปาร์ตี้โดยเฉพาะ ดังนั้นทั้งเรื่องเสียง และความทนทาน เราจึงไม่ต้องห่วงเลย ทั้งยังมีแสงไฟที่ช่วยเสริมบรรยากาศ แถมยังรองรับการเชื่อมต่อได้หลากหลายมาก ๆ ทั้ง มีสาย และไร้สาย
- ซื้อเลยหากคุณต้องการตู้คาราโอเกะเคลื่อนที่ : นี่ถือเป็นลำโพงที่ตอบโจทย์ การร้องเพลง ร้องคาราโอเกะสุด ๆ ครับ เพราะนอกจากมีเสียงที่ดีแล้ว ด้านหลังก็ให้ช่อง Aux มา 2 ช่อง พร้อมกับมีปุ่ม Volume แยกแต่ละช่องด้วย ไว้ใช้สำหรับปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียง ของไมค์ กีต้าร์ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่เชื่อมต่อผ่านช่องนั้น
- ซื้อเลยหากคุณต้องการลำโพงที่ฟังเพลงได้หลากหลายแนว : ลำโพงตัวนี้มาพร้อมฟังก์ชันที่เยอะมาก ๆ ครับ ซึ่งจุดที่หลายคนชอบก็คือ การปรับอีควอไลเซอร์ (EQ) โดยรุ่นมีทั้ง โหมด EQ ที่ทาง Tronsmart ปรับจูนมาให้ หรือคุณจะเลือกไปปรับเองก็ได้
- ซื้อเลยถ้าคุณต้องการลำโพงที่ควบคุมจากระยะไกล : อีกหนึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ แอปพลิเคชัน Tronsmart ที่เรียบง่าย แต่มีฟังก์ชันเยอะสุด ๆ ครับทั้ง ควบคุมเพลง, เพิ่มลดระดับเสียง, ปรับแสงไฟ, ปรับอีควอไลเซอร์, เลือกโหมดที่เชื่อมต่อ หรือแม้แต่การจะปิดตัวลำโพง เราก็สั่งได้ผ่านแอปฯ นี้ครับ
อย่าซื้อ ถ้าหาก :
- อย่าซื้อหากคุณกำลังหาลำโพงที่ทนทาน ลุยได้ทุกสถานการณ์ : ด้วยขนาดที่ใหญ่ และหนักถึง 6 กิโลฯ รุ่นนี้จึงไม่เหมาะเลยกับการหิ้วเดินในระยะทางไกล ๆ แถมยังได้รับมาตรฐานกันน้ำระดับ IPX4 มันจึงกันน้ำได้ไม่ 100% ครับ ถ้าเจอฝนตกหนัก ๆ มันก็มีโอกาสเสียหายได้
- อย่าซื้อถ้าหากคุณมีงบประมาณจำกัด : ถ้าใครมีงบจำกัด แนะนำให้เลือก Tronsmart Halo-100 ก็พอครับ เพราะมีสเปก และฟังก์ชันที่คล้ายคลึงกัน เพียงแต่ด้วยขนาดที่เล็กกว่า คุณภาพเสียง และความดัง ก็อาจจะลดลงเล็กน้อย
ความคิดเห็นของเบสท์รีวิว เอเชีย สำหรับลำโพงปาร์ตี้พกพา Tronsmart Halo-200
สำหรับ Tronsmart Halo-200 นับเป็นลำโพงไร้สายที่เกิดมาเพื่องานปาร์ตี้จริง ๆ ครับ เพราะด้วยความดังที่มันสามารถขับออกมาได้ พร้อมกับคุณภาพเสียงที่ยังดีมาก ๆ อยู่ แม้ว่าจะเปิดระดับเสียง 80-90% และที่สำคัญคือ มีฟังก์ชันเยอะมาก ๆ ครับ ปาร์ตี้ไหนอยากร้องคาราโอเกะก็ต่อไมค์ได้เลย แต่ถ้าปาร์ตี้ไหนมีนักร้อง คุณก็ต่อกีต้าร์ พร้อมไมค์ เล่นสด ๆ ได้ทันที ฟังก์ชันต่าง ๆ นี้ถูกรวมอยู่ในลำโพงตัวนี้หมดแล้วครับ คุณสามารถพกใส่รถไว้ เมื่อเจอที่เหมาะ ๆ ก็หยิบออกมาสนุกกันได้เลย ส่วนคุณภาพเสียงก็ไม่ต้องห่วงเลย แค่เสียงเดิม ๆ ก็มีคุณภาพที่น่าประทับใจแล้ว ไม่ต้องประจูนเลยก็ได้ครับ แต่ถ้าใครชอบโทนไหนเป็นพิเศษ ก็เข้าไปปรับจูนผ่านแอปฯ ได้ง่าย ๆ เลยครับ
สุดท้ายนี้หากใครซื้อ Tronsmart Halo-200 ไปแล้ว ขอแนะนำให้ลองทำการ Burn-In ดูนะครับ วิธีนี้จะช่วยให้ลำโพงของคุณ มีเสียงที่ดีขึ้นได้ เนื่องจากลำโพงใหม่ ๆ มันยังไม่เข้าที่เข้าทาง ส่วนวิธีทำก็ง่าย ๆ ครับ แค่นำลำโพงมา เปิดแนวเพลงที่คุณชอบฟังทิ้งไว้ระยะนึง โดยเปิดเสียงให้ดังกว่าที่คุณฟังปกติเล็กน้อย เพื่อให้ดอกลำโพง, ไดอะเฟรม, ตัวส่งสัญญาณ และส่วนประกอบอื่น ๆ ของตัวลำโพงมีการขยับขยาย พร้อมกับเซ็ทตัวอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม