ไม่ว่าคุณจะเป็นตากล้องหรือไม่ก็ตาม แต่เราเชื่อว่า ทุก ๆ คนน่าจะพอคุ้นหูคุ้นตากันอยู่บ้างกับแบรนด์ดังระดับตำนานอย่าง “Leica (ไลก้า)” ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี ทำให้มันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง และมีความโดดเด่นในด้านต่าง ๆ มากมาย ดังนั้นกล้องไลก้าจึงเปรียบเสมือนเป็นของแบรนด์เนมในวงการถ่ายภาพเลยก็ว่าได้ครับ มันจึงไม่แปลกเลยที่มีช่างภาพจำนานมาก อยากจะได้กล้องไลก้าสักรุ่นนึงมาไว้มาครอบครอง และถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีกล้องถ่ายภาพหลายประเภท วางจำหน่ายอยู่ อาทิเช่น กล้องมิลเลอร์เลส, กล้อง DSLR, กล้องใต้น้ำ, กล้องแอคชั่น, กล้องคอมแพคและอื่น ๆ อีกมากมาย ต่างก็ต้องมีกล้องจากแบรนด์ Leica อยู่ในลิสต์อันดับต้น ๆ ของกล้องประเภทดังกล่าวอยู่เสมอ
“Leica (ไลก้า)” เป็นแบรนด์จากสัญชาติเยอรมันที่มีประวัติที่ยิ่งใหญ่ มีการสั่งสมประสบการณ์มาอย่างต่อเนื่องหลายยุค หลายสมัย มีกล้องถ่ายภาพหลาย ๆ รุ่น ที่มีราคาหลักแสน และในบางรุ่นก็มีราคาขึ้นไปถึงหลักล้านเลยทีเดียว เนื่องจากไลก้าได้ใช้ตัวเลนส์ที่เป็นงานแฮนด์เมด ซึ่งเป็นการผลิตด้วยมืออย่างประณีตโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ภาพตรงตามที่พวกเขาต้องการให้มากที่สุด มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานของแบรนด์ ทำให้ช่างภาพทั่วโลกต่างหลงใหลในเสน่ห์ของภาพที่ออกมา นอกจากนั้นตัวบอดี้กีมีการดีไซน์มาเป็นอย่างดี ซึ่งยังคงมีความเป็นไลก้าอย่างชัดเจน ให้อารมณ์คลาสสิกหน่อย ๆ ไม่ได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย อีกทั้งยังมีการเลือกใช้วัสดุอย่างดี ทำใหมันยังคงมีความแข็งแรง และทนทาน
สำหรับกล้องไลก้านั้นบางคนอาจจะนึกถึงกล้องฟิล์ม แต่ปัจจุบันนอกจากกล้องฟิล์มแล้ว Leica ยังมีกล้องดิจิทัลประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งถูกแยกออกเป็นหลายซีรีส์ให้เลือกครับ ซึ่งแต่ละซีรี่ส์ก็ได้แยกกันอย่างชัดเจน และแต่ละซีรีส์ก็มีประสิทธิภาพแตกต่างกันไป ตามขนาดของเซ็นเซอร์และเลนส์ที่เลือกใช้ แต่พอมีตัวเลือกเยอะแบบนี้แล้ว หลายคนอาจจะสับสนว่าควรจะเลือกซื้อกล้องตัวไหนดี บทความนี้มีคำตอบให้คุณอย่างแน่นอนค่ะ
ทำไม กล้อง Leica ถึงมีราคาแพง ?
กล้องของ Leica ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการการถ่ายภาพ ด้วยเหตุผลหลายประการ แน่นอนครับ สิ่งแรกที่คุณจะได้ทันที เมื่อคุณซื้อกล้องไลกก้าคือ ภาพลักษณ์ที่ดูดีมีระดับ ตัวกล้องส่วนประกอบต่าง ๆ และวัสดุที่ใช้ อุปกรณ์เสริมแต่ละชิ้นโดยเฉพาะเลนส์ที่มีการทำขึ้นมาด้วยมืออย่างประณีตโดยผู้เชี่ยวชาญ นี่เป็นเพียงแค่สาเหตุส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ส่งผลทำให้กล้องของไลก้ามีราคาแพงมาก ๆ ครับ และเราได้ทำการสรุปข้อดีต่าง ๆ มาแล้ว ดังนี้
- เลนส์ : สำหรับเลนส์ของกล้องไลก้าได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นงานแฮนด์เมด ผลิตด้วยมืออย่างประณีตโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ มีวิธีการขัดเงาเลนส์ในแบบเฉพาะของไลก้าเอง อีกทั้งยังมีการเคลือบขอบเลนส์เล็กน้อยเพื่อเป็นการลดแสงสะท้อน สิ่งนี้สามารถช่วยให้ภาพที่ออกมาจากกล้องไลก้ามีรูปลักษณ์เฉพาะตัว เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใครครับ
- การดีไซน์ของตัวกล้อง : ในด้านดีไซน์ของกล้องไลก้านั้น แม้จะดูเรียบ ๆ แต่มันกลับโดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งไลก้ายังคงคอนเซ็ปต์แบบย้อนยุคแนววินเทจ มีกลิ่นอายที่สามารถชวนให้นึกถึงสไตล์แบบเก่า ๆ
- วัสดุที่ใช้ในการผลิต : กล้องของไลก้าส่วนใหญ่นั้น มักจะเลือกใช้แต่วัสดุที่มีคุณภาพเท่านั้น เน้นความแข็งแรง ทนทาน และช่วยลดน้ำหนัก เมื่อบวกกับกระบวนการการผลิตที่ประณีตและพิถีพิถัน มันจึงส่งผลให้กล้องไลก้ามีความทนทานมากเป็นพิเศษ ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้การขายต่อได้ราคาอีกด้วย
- มีการพัฒนาอยู่ตลอด : แน่นอนครับไลก้ายังคงมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นไลก้ายังสามารถที่จะสร้างตำนานได้อีกยาวนาน และด้วยความประณีตและพิถีพิถันในขั้นตอนการผลิตทำให้กล้องไลก้าหลาย ๆ รุ่นมีการผลิตได้จำนวนที่น้อยมาก ๆ ฉะนั้นมันมีแนวโน้มว่า ในอนาคตข้างหน้ากล้อง Leica อาจจะมีราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
กล้อง Leica ซีรีส์ใดเหมาะกับคุณ ?
ในช่วงหลังมานี้ Leica ได้เอาใจผู้ใช้ในระดับเริ่มต้นมากขึ้น ด้วยการเปิดตัวกล้องถ่ายภาพรุ่นเล็กออกมา โดยไลก้าได้มีการแบ่งซีรีส์เอาไว้อย่างชัดเจน เพื่อลดความสับสนของมือใหม่ที่กำลังจะซื้อ สำหรับมือใหม่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกซื้อกล้อง Leica สักตัวนึง คุณจะต้องทราบก่อนว่า กล้องแต่ละซีรีส์ของไลก้านั้น มันจะมีไฮไลท์เป็นอย่างไร ? มีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ? และเหมาะกับการใช้งานในด้านไหนบ้าง ? เพื่อที่คุณสามารถเลือกซื้อได้ถูกต้อง และนี้ก็คือข้อมูลในเบื่องต้นของซีรีส์ต่าง ๆ ครับ
Leica M-System :
หมายถึง ความคลาสสิก ฉะนั้นกล้อง ซีรีส์ M จะมีดีไซน์แบบดั่งเดิม ดูเรียบง่ายย้อนยุค ซึ่งผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างลงตัว โดย Leica M-System ได้ชื่อว่า เป็นระบบกล้องฟูลเฟรมที่มีขนาดกะทัดรัดมากที่สุดด้วย นอกจากนี้เรายังสามารถที่จะเลือกใช้เลนส์ได้อย่างหลากหลาย สามารถปรับชัดลึก-ชัดตื้น หรือค่า F ได้อย่างอิสระ พร้อมกับเลือกช่วงเลนส์ที่เหมาะสมกับความต้องการได้ ช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์ภาพออกมาได้ตามความต้องการ
Leica Q-System :
จะเป็นกล้องฟูลเฟรมขนาดเล็ก กะทัดรัด และน้ำหนักเบา ณ ปัจจุบันจะมีอยู่ 2 รุ่นหลัก ๆ ก็คือ Leica Q และ Leica Q2 โดย Q2 เป็นรุ่นที่ได้รับการปรับปรุงขึ้นมาใหม่ ซึ่งใช้เซ็นเซอร์ Full frame CMOS ความละเอียด 47.3 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับเลนส์ Fast Summilux 28 มม. f / 1.7 ASPH ช่วยให้สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นมันยังมีช่องมองภาพ OLED ที่มีความละเอียดสูง ซึ่งเป็นการพัฒนาขึ้นใหม่เช่นกัน เป็นกล้องประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับช่างภาพมืออาชีพ
Leica SL-System :
เป็นกล้องมิเรอร์เลสระบบฟูลฟอร์แมตเพียงตัวเดียว ใช้เซ็นเซอร์ CMOS-BSI ใหม่ มีความละเอียด 24 ล้านพิกเซล คู่กับโปรเซสเซอร์ Maestro III ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้มันสามารถใช้ถ่ายภาพความละเอียดสูง ๆ ได้และยังมีคุณสมบัติด้านวิดีโอระดับมืออาชีพอีกด้วย ตัวกล้องทำงานอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับ M-series แต่แตกต่างกันตรงที่ SL-System สามารถโฟกัสอัตโนมัติได้ ซึ่งช่วยให้การถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวทำได้ง่ายขึ้น Leica SL-System ถือเป็นซีรี่ส์ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมเหมาะสำหรับมืออาชีพ จุดเด่นคือภาพสวยงามเป็นธรรมชาติ ตอบโจทย์ทั้งการถ่ายภาพและการถ่ายวิดีโอ
Leica S-System :
เป็นกล้อง Medium Format DSLR หรือกล้อง DSLR ขนาดกลาง น้ำหนักเบา ซึ่งเหมาะสำหรับช่างภาพมืออาชีพ สามารถมอบคุณภาพของภาพสูงสุดที่เชื่อถือได้ ตัวกล้องมาในขนาดเล็ก และกะทัดรัด มีระบบชัตเตอร์คู่ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล และสามารถบันทึกวิดีโอ Cine 4K ได้ มีระบบความแม่นยำสูงสามารถตอบสนองทุกความต้องการ และความคาดหวังของคุณได้เป็นอย่างดี
Leica CL และ TL :
ทั้งสองจะเป็นกล้อง L-Mount ซึ่งเป็นกล้องถ่ายภาพขนาดเล็กกะทัดรัด และมีน้ำหนักเบา ได้รับการออกแบบโดยเน้นไปที่การใช้งานแบบง่าย ๆ แต่ได้คุณภาพของภาพที่สูง ขนาดกะทัดรัด เน้นพกพาสะดวก ใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ล้ำสมัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นระบบอัตโนมัติ ดังนั้นในซีรีส์ Leica CL และ TL มันจึงเหมาะสำหรับมือใหม่และคนที่เน้นความสะดวกสบายมาก ๆ ครับ
Leica Sofort :
เป็นกล้องอินสแตนท์หรือกล้องโพลาลอยด์อเนกประสงค์ถือเป็นกล้องอินสแตนท์ตัวแรกของ Leica ที่ได้รับการออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด เน้นการพกพาที่สะดวกสบายขึ้น ใช้งานง่าย ภาพออกมามีคุณภาพ เพื่อช่วยจัดกรอบช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ ทำให้การบันทึกความทรงจำของคุณกลายเป็นเรื่องง่าย
Leica Lux :
จะประกอบไปด้วย V-Lux, D-Lux และ C-Lux โดยทั้ง 3 ซีรี่ส์นี้ เป็นกล้องดิจิทัลคอมแพคหรือกล้องเล็งแล้วถ่ายครับ โดยการแบ่งซีรี่ส์ของ Leica Lux ก็จะเป็นเช่นเดียวกับ Leica S, M, และ Q ด้านบนครับ แต่ Leica Lux จะมีราคาที่ไม่สูงมากจนเกินไป แต่ยังคงให้คุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยม ทั้ง 3 ซีรีส์ เปรียบเสมือนกล้องคอมแพคระดับต่าง ๆ มีขนาดเล็กกะทัดรัด และน้ำหนักเบา เน้นการพกพาที่สะดวกสบาย สำหรับ Leica Lux ถือเป็นกลุ่มของกล้องที่สามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ที่สุดของ Leica มาพร้อมเลนส์ซูมที่สามารถครอบคลุมระยะและวัตถุได้เกือบทั้งหมด ทำให้การการใช้งานของคุณง่ายขึ้นโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเลนส์อะไรทั้งสิ้ง พกกล้องไปตัวเดียวก็สามารถหยิบขึ้นมาถ่ายภาพสวย ๆ ได้ง่าย ๆ ครับ
จากข้อมูลเหล่านี้ คุณสามารถนำมาใช้พิจารณา เพื่อเลือกซีรี่ส์ที่เหมาะสมกับคุณได้ง่าย ๆ ครับ แน่นอนครับ อย่างใน Leica M-System, Leica Q-System หรือ Leica S-System มันไม่เหมาะสำหรับมือใหม่แน่ ๆ ครับ เนื่องจากมันมีจะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ คนที่ใช้จะต้องมีประสบการณ์การถ่ายภาพมามากพอสมควรเลย ถ้าหากคุณเป็นมือใหม่เราขอแนะนำพวก Leica CL, Leica TL, Leica V-Lux, Leica D-Lux และ Leica C-Lux เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ใช้งานง่ายขึ้นมาหน่อยครับ และที่สำคัญมันมีราคาไม่สูงมากจนเกินไปด้วย นอกจากนี้คุณก็ควรจะศึกษาวิธีการเลือกกล้องถ่ายรูปให้เข้าใจเสียก่อน เพื่อที่จะได้ทราบความหมายของสเปคต่าง ๆ ของกล้อง เพื่อที่คุณสามารถเลือกรุ่นที่ตรงกับความต้องการของคุณได้มากที่สุด
กล้องไลก้า : Leica C-Lux Version E Compact Camera

ราคา 39,200 บาท*
มาต่อกันที่ Leica C-Lux กล้องคอมแพคที่มาในรูปร่างที่บางเบา ขนาดกะทัดรัด ช่วยให้การพกพากลายเป็นเรื่องที่ง่าย เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับคนที่รักการถ่ายภาพ ด้านหลังมีหน้าจอแสดงผลสัมผัส ขนาด 3 นิ้ว EVF 2.3 ล้านจุด มีช่องมองภาพดิจิตอลในตัว ความละเอียด 2.33 ล้านพิกเซล ช่วยให้ภาพมีความชัดเจน ครอบคลุมพื้นที่ภาพถึง 100% ช่วยให้การจัดกรอบวัตถุต่าง ๆ ทำได้อย่างแม่นยำ และคุณสามารถควบคุมองค์ประกอบของภาพได้ง่าย
ส่วนภายในมาพร้อมเซ็นเซอร์ขนาด 1 นิ้ว ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล สามารถบันทึกได้ทั้งภาพนิ่งที่มีความละเอียดสูง และวิดีโอระดับ 4K 30p ได้ มีความไวแสงสูงสุด ISO 25600 ช่วยให้ใช้งานได้ทั้งในที่ที่มีแสง และที่ที่มีแสงน้อย และมีอัตราการถ่ายภาพสูงสุด 10 fps ช่วยให้คุณเก็บภาพวัตถุที่เคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น ในส่วนของเลนส์รุ่นนี้มาพร้อมกับเลนส์ Leica DC Vario-Elmar เลนส์ซูมออปติคอล 15 เท่า ซึ่งครอบคลุมในช่วงทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 24-360 มม. ซึ่งสามารถใช้ถ่ายภาพในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี ตอบโจทย์ทุกสภาพแสง มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล ซึ่งช่วยลดการสั่นไหวของกล้อง ทำให้ภาพที่มีความคมชัดยิ่งขึ้น Leica C-Lux ก็เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจมาก ๆ เนื่องจากเป็นกล้องที่พกพาสะดวก ใช้งานง่าย และยังสามารถใช้ถ่ายภาพได้หลากหลายอีกด้วย
เซนเซอร์ | 1“ MOS sensor 20MP |
---|---|
เลนส์กล้อง | Leica DC Vario-Elmar 3.3 - 6.4 / 8.8 - 132mm ASPH |
หน้าจอ | หน้าจอสัมผัส ขนาด 3.0 นิ้ว |
ถ่ายต่อเนื่อง | 10fps |
วิดีโอ | 4K 30p |
การเชื่อมต่อ | WIFI & Bluetooth 4.2 |
อายุแบตเตอรี่ | สูงสุด 370 ภาพ (การวัดจาก CIPA) |
น้ำหนัก | 340 ก. |
กล้องไลก้า : Leica D-LUX 7 Compact Camera

ราคา 43,500 บาท*
Leica D-LUX 7 เป็นกล้องสายคอมแพค ที่มาพร้อมเอกลักษณ์อันโดดเด่น ดีไซน์สุดคลาสสิค สวยงาม ดูเรียบหรูมาก มีขนาดเล็ก กะทัดรัด ช่วยให้คุณพกพาได้สะดวกยิ่งขึ้น สำหรับกล้องตัวนี้มาพร้อมเซ็นเซอร์ 4/3 นิ้ว Micro Four Thirds MOS ความละเอียด 17 ล้านพิกเซล ซึ่งใหญ่กว่าเซ็นเซอร์ 1 นิ้ว ถึง 1.6 เท่า ช่วยให้คุณได้ภาพที่คมชัด และมีสีสันที่สวยงามกว่า ทำงานคู่กับเลนส์ Leica DC Vario-Summilux ซึ่งมีรูรับแสงอยู่ที่ F1.7 ~ F2.8 ASPH. หรือเทียบเท่าระยะ 24-75 มม. ของฟลูเฟรม 35 มม. ซึ่งให้ภาพมีแสงสว่างอย่างน่าประทับใจ
ทั้งนี้ก็ยังมีแป้นหมุนสำหรับความเร็วชัตเตอร์และการชดเชยแสง พร้อมกับวงแหวนที่เลนส์สำหรับปรับรูรับแสง ช่วยให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพมากยิ่งขึ้น และมอบภาพที่สวยงาม สมบูรณ์แบบได้ง่าย ๆ ในด้านการบันทึกวิดีโอกล้องตัวนี้ก็สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี โดยมันสามารถบันทึกภาพวิดีโอในระดับ UHD 4K ได้ และสามารถใช้คุณสมบัติ 4K Photo, Post Focus และ Sequence Composition ได้อีกด้วย
ด้านหลังมาพร้อมกับช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ EVF ซึ่งมีความละเอียด 2.76 ล้านพิกเซล ช่วยให้คุณใช้งานกลางแจ้งได้ง่ายยิ่งขึ้น หน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้ว ซึ่งรองรับการทัชสกรีน ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และยังถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายกว่าเดิมอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถพลิกหน้าจอได้สำหรับรุ่นนี้ถือเป็นกล้องประสิทธิภาพสูง ตอบโจทย์การใช้งานทั้งภาพถ่ายและวิดีโอ เน้นใช้งานง่าย พกพาสะดวก และด้วยชื่อเสียงของแบรนด์นี้คุณสามารถมั่นใจในคุณภาพของมันได้ครับ
เซนเซอร์ | 17MP 4/3 นิ้ว Micro Four Thirds MOS |
---|---|
เลนส์กล้อง | Leica DC Vario-Summilux 10.9-34, F1.7 ~ F2.8 ASPH. (24-75 มม. เทียบเท่า 35 มม.) |
หน้าจอ | หน้าจอสัมผัส ขนาด 3.0 นิ้ว |
ถ่ายต่อเนื่อง | 7fps |
วิดีโอ | 4K 30p |
การเชื่อมต่อ | WIFI & Bluetooth |
อายุแบตเตอรี่ | สูงสุด 340 ภาพ (การวัดจาก CIPA) |
น้ำหนัก | 392 ก. |
กล้องไลก้า Mirrorless : Leica TL2 with Vario-Elmar-TL 18-56 mm f/3.5-5.6 ASPH Lens

ราคา 59,900 บาท*
กล้อง Mirrorless ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูเรียบง่าย เพรียวบาง กะทัดรัดและน้ำหนักเบา ช่วยให้คุณถ่ายภาพได้อย่างคล่องตัว ตัวบอดี้ผลิตด้วยการขึ้นรูปจากอะลูมิเนียมบล็อกเดียว ทำให้มันมีความแข็งแรงและทนทานมากยิ่งขึ้น ในขณะที่หน้าจอแสดงผลรุ่นนี้ใช้เป็นจอสัมผัสขนาดใหญ่ 3.7 นิ้ว เกือบเต็มพื้นที่ด้านหลัง แต่จะไม่มีช่องมองภาพมาให้ ซึ่งก็ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานแบบทั่วไป เหมาะสำหรับมือใหม่มาก ๆ ครับ
ภายในมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ APS-C ขนาดใหญ่ มีความละเอียด 24.3 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ 18-56 มม. f/3.5-5.6 ASPH โดยทำงานร่วมกับโปรเซสเซอร์ Leica's Maestro II TL2 ที่มีความรวดเร็ว มาพร้อมระบบโฟกัสอัตโนมัติ (AF) 49 จุดใหม่ และช่วง ISO 100-50,000 ใช่ให้การถ่ายภาพของคุณง่ายมากยิ่งขึ้น ในส่วนการบันทึกวิดีโอ รุ่นนี้สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ระดับ 4K แต่น่าเสียดายที่ไม่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัว
ส่วนระบบสมดุลสีขาวอัตโนมัติทำงานได้ดี ระบบวัดแสงให้ค่าแสงที่เชื่อถือได้ นอกจากนั้นยังสามารถถ่ายภาพนิ่งได้สูงสุดถึง 20fps ด้วยชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับ Leica TL2 ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เหมาะมาก ๆ สำหรับมือใหม่ครับ ด้วยตัวกล้องที่บางเฉียบ น้ำหนักเบา มีการใช้งานที่ไม่ซับซ้อนมากจนเกินไป และระบบต่าง ๆ ก็ทำงานได้ดี
เซนเซอร์ | 24.3MP APS-C sensor |
---|---|
เลนส์กล้อง | Vario-Elmar-TL 18-56 mm f/3.5-5.6 ASPH Lens |
หน้าจอ | หน้าจอสัมผัส ขนาด 3.7 นิ้ว |
ถ่ายต่อเนื่อง | 20fps ด้วยชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ |
วิดีโอ | 4K 30p |
การเชื่อมต่อ | WIFI |
อายุแบตเตอรี่ | Leica BP-DC13 สูงสุด 250 ภาพ (การวัดจาก CIPA) |
น้ำหนัก | 399 ก. |
กล้องมิลเลอร์เลสไลก้า : Leica CL Edition Paul Smith Mirrorless Digital Camera

ราคา 118,000 บาท*
มาต่อกันที่กล้องดิจิทัลมิลเลอร์เลสไลก้า Leica CL เป็นรุ่น "Edition Paul Smith" ซึ่งมันเป็นรุ่นที่ได้ร่วมมือกับ Paul Smith นักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียง มาในดีที่ไซรที่เรียบหรู และเพียวบาง ในส่วนของฝาปิดทั้งบนและล่าง ผลิตจากอลูมิเนียมอัลลอยด์และอะโนไดซ์ในขณะที่บอดี้ด้านหน้าและด้านหลังเป็นแมกนีเซียมอัลลอยด์ ช่วยทำให้โครงสร้างโดยรวมมีความแข็งแรง แต่มีน้ำหนักเบา และเนื่องจากเป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นก็จะมีการเติมสีสันที่สดใส ใส่เอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีสายรัดเชือกหลากสีมาให้ด้วย ทำให้มันเป็นรุ่นที่มีจำนวนจำกัด Leica CL เป็นกล้องดิจิตอลมิเรอร์ที่มีการออกแบบมาเป็นอย่างดี ตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ ใช้งานง่าย
ด้านหลังมีช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ ความละเอียด 2.36 ล้านจุด และกำลังขยาย 0.74x มอบภาพที่สดใส และชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีไดออปเตอร์แบบแมนนวล +/- 4 ม. ด้านหลังหน้าจอมีขนาด 3.0 นิ้ว 1.04 ล้านจุด เป็น LCD แบบสัมผัส และรองรับการควบคุมด้วยท่าทางต่าง ๆ และมีจอ LCD คอบบอกสถานะอยู่ที่ด้านบนตัวเครื่องเพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบการตั้งค่าต่าง ๆ ได้สะดวกและง่ายขึ้น ในส่วนภายในใช้เซนเซอร์ APS-C CMOS ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล ทำงานคู่กับตัวประมวลผลภาพ Maestro II ช่วยให้รุ่นนี้สามารถสร้างภาพนิ่งที่มีความละเอียดสูงได้สูงสุด
และยังสามารถบันทึกวิดีโอได้ในระดับ UHD 4K / 30p พร้อมด้วยช่วงความไวแสง ISO 100-50000 ช่วยให้มันสามารถทำงานในทุก ๆ สภาพแสง มีชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว และออโต้โฟกัสตรวจจับคอนทราสต์ 49 จุด ให้ประสิทธิภาพที่รวดเร็วและแม่นยำ สำหรับกล้องตัวนี้คุณจะซื้อไปใช้งานถ่ายภาพงานต่าง ๆ ได้ หรือซื้อเก็บไว้ก็ไม่มีปัญหาครับ
เซนเซอร์ | APS-C CMOS sensor 24.2MP |
---|---|
เลนส์กล้อง | Elmarit-TL 18 mm f/2.8 ASPH. Lens |
หน้าจอ | หน้าจอสัมผัส ขนาด 3.0 นิ้ว |
ถ่ายต่อเนื่อง | 10fps |
วิดีโอ | 4K 30p |
การเชื่อมต่อ | WIFI |
อายุแบตเตอรี่ | สูงสุด 220 ภาพ (การวัดจาก CIPA) |
น้ำหนัก | 483 ก. |
กล้องดิจิทัลไลก้า : Leica Q2 Leica Summilux 28 f/1.7 ASPH. Compact Camera

ราคา 158,500 บาท*
Leica Q2 เป็นกล้องดิจิทัลคอมแพคฟลูเฟรมที่ได้รับการพัฒนามาจาก Leica Q รุ่นก่อนหน้า แม้มันจะมีราคาแพงมาก แต่ถ้าคุณกำลังหาความสมบูรณ์แบบกล้องรุ่นนี้มีให้ครับ มันมาพร้อมกับดีไซน์แบบเรียบง่าย แต่ดูหรูหรา ตัวบอดี้ผลิตด้วยแมกนีเซียมอัลลอยด์ที่เน้นความแข็งแรง และช่วยลดน้ำหนัก มีการหุ่มด้วยหนังในบางส่วน ช่วยเพิ่มสัมผัสที่พรีเมี่ยม
ในส่วนของหน้าจอที่ด้านหลัง ใช้หน้าจอสัมผัส ขนาด 3 นิ้ว ที่ไวต่อการสัมผัส มีช่องมองภาพ OLED ความละเอียด 3.68 ล้านพิกเซล ช่วยให้มุมมองที่ดีเยี่ยม มีคอนทราสต์และความลึกของสีที่ดีขึ้น ช่วยให้การจัดกรอบวัตถุต่าง ๆ ทำได้อย่างแม่นยำ และคุณสามารถจัดวางองค์ประกอบของภาพได้ง่ายขึ้น สำหรับภายในมันมาพร้อมเซ็นเซอร์ฟูลเฟรมขนาดใหญ่ ความละเอียด 47.3 ล้านพิกเซล มีความไวแสงสูงถึง ISO 50,000 มาคู่กับเลนส์มุมกว้าง Summilux 28 mm f / 1.7 Asph ที่มีรูรับแสงกว้าง ทำให้คุณสามารถถ่ายภาพออกมาได้สมบูรณ์แบบในทุก ๆ สถานการณ์
มีฟังก์ชั่นซูมดิจิตอลช่วยให้คุณสามารถครอปภาพที่สอดคล้องกับทางยาวโฟกัส 28, 35, 50 และ 75 มม. ได้ โดยภาพที่ออกมาจะยังคงรักษาภาพที่มีความละเอียดสูงไว้ดั้งเดิม ส่วนการโฟกัสก็มีทั้งแบบ AF หรือ MF ซึ่งใน AF ยังมีตัวเลือกต่าง ๆ อีกมากมาย รวมถึงโหมดตรวจจับใบหน้าที่มีประโยชน์มากด้วย พร้อมกับสเกลระยะทางและโหมดมาโครแบบพิเศษ และความพิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ Leica Q2 สามารถป้องกันฝุ่นและน้ำได้ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน IP52 ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
เซนเซอร์ | Full frame CMOS sensor 47.3MP |
---|---|
เลนส์กล้อง | Leica Summilux 28 mm f/1.7 ASPH. |
หน้าจอ | หน้าจอสัมผัส ขนาด 3.0 นิ้ว |
ถ่ายต่อเนื่อง | เลือกได้ 10/5/3 fps (H / M / L) |
วิดีโอ | 4K 30p |
การเชื่อมต่อ | WIFI & Bluetooth |
อายุแบตเตอรี่ | Leica BP-SCL4 สูงสุด 350 ภาพ (การวัดจาก CIPA) |
น้ำหนัก | 734 ก. |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ แนะนำ กล้องดิจิตอลไลก้า (Leica) รุ่นไหนดี ปี 2023 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
| ||||
กล้องไลก้า Mirrorless : Leica TL2 with Vario-Elmar-TL 18-56 mm f/3.5-5.6 ASPH Lens |
| |||
กล้องมิลเลอร์เลสไลก้า : Leica CL Edition Paul Smith Mirrorless Digital Camera |
| |||
กล้องดิจิทัลไลก้า : Leica Q2 Leica Summilux 28 f/1.7 ASPH. Compact Camera |
|
กล้อง Leica คุ้มกับราคาหรือไม่?
แม้ว่ากล้อง Leica จะมีราคาที่สูงกว่าแบรนด์อื่น ๆ มาก แต่ถ้าเรามองไปในระยะยาวมันก็จะดูคุ้มค่ากว่ามากครับ เพราะอย่างที่ได้บอกไปครับ ด้วยความที่ Leica มีกำลังการผลิตที่ค่อนข้างน้อยมาก หากเราเทียบกับแบรนด์กล้องชั้นนำอื่น ๆ และด้วยชื่อเสียงของ Leica เองทำให้ตลาดมีความต้องการสูงมากเช่นกัน ดังนั้นการที่คุณจะซื้อกล้อง Leica คุณสามารถที่จะมั่นใจได้เลยว่าเงินที่ได้จ่ายไป มันจะไม่หายไปไหน และในอีกหลายปีข้างหน้า ไม่แน่ว่า กล้อง Leica ที่คุณถืออยู่ในมืออาจจะมีมูลค่าสูงกว่าเดิมก็เป็นได้ครับ และนี่ก็คือ กล้อง Leica รุ่นต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ที่เราได้ทำการรวบรวมมารีวิว เพื่อให้คุณได้เห็นถึงความแตกต่างในแต่ละรุ่นครับ ซึ่งมันจะมีรุ่นอะไร? และราคาเท่าไหร่บ้าง? ตามไปดูเลยครับ
บทส่งท้าย
การถ่ายภาพออกมาให้สวยงามอย่างที่เราต้องการนั้น มันจำเป็นจะต้องมีองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างครับ ทั้งเวลาที่คุณถ่ายภาพ แสงในขณะนั้น ตัวแบบ การตั้งค่ากล้อง และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพต่าง ๆ เหล่านี้ได้ แต่ถ้าคุณต้องการถ่ายภาพออกมาให้สวยเหมือนกับกล้องรุ่นใดรุ่นนึงนั้น อาจจะทำไม่ได้ครับ เพราะต่อให้คุณตั้งค่าทุกอย่างเหมือนกัน มีองค์ประกอบภาพเหมือนกัน มีแสงเหมือนกัน แต่กล้องทั้งสองรุ่นจะให้ภาพต่างกัน ฉะนั้นเหตุผลที่กล้อง Leica เป็นตำนานมาถึงทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็ต้องบอกว่า มันมาจากภาพที่กล้องของไลก้าสามารถถ่ายออกมาได้ครับ ซึ่งมันเป็นภาพที่มีเสน่ห์มาก ๆ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แบรนด์อื่น ๆ ไม่สามารถให้อย่างที่ไลก้าให้ได้ จึงไม่แปลกที่ไลก้าคือความฝันของช่างภาพส่วนใหญ่
สุดท้ายนี้ หากได้กล้องถ่ายภาพมาแล้วก็อย่าลืมหาซื้ออุปกรณ์เสริมต่าง ๆ มาใช้ร่วมกับกล้องของคุณด้วย เพื่อความสนุกในการถ่ายภาพและภาพที่สมบูรณ์แบบ อาทิเช่น ขาตั้งกล้อง, สายคล้องกล้อง, ไม้ถ่ายเซลฟี่, เครื่องปริ้นรูป, SD Card ฯลฯ และนอกจากนั้นก็อย่าลืมอุปกรณ์ดูแลกล้องอย่างกระเป๋าใส่กล้อง อุปกรณ์ทำความสะอาด และแปรงปัดฝุ่นต่าง ๆ ด้วยนะครับ เพื่อเอาไว้สำหรับทำความสะอาดตัวกล้องและเลนส์