ฮัลโหลววววว สวัสดีค่าเพื่อน ๆ ~ กลับมาเจอกับบทความแนะนำสูตรอาหารอร่อย ๆ กันอีกแล้วนะคะ แต่วันนี้เราขอมูฟออนจากของคาวมาทำของหวานทานกันบ้างดีกว่าค่ะ เพราะก่อนหน้านี้เนี่นเราทำของคาวกันไปเยอะม๊ากกก ไม่ว่าจะเป็นเมนูจากกุ้ง, เมนูปลาดอลลี่ หรือจะเป็นเมนูจากไส้กรอกก็มีไปแล้วค่ะ หันไปหันมาหันไปป๊ะกับกอใบเตยข้างบ้านก็เลยนึกอยากจะทำขนมจากใบเตยขึ้นมา เราเลยรวบรวมเอาสูตรขนมจากใบเตยมาแชร์กับเพื่อน ๆ ในบทความนี้ซะเลยค่ะ
จริง ๆ แล้วใบเตยเนี่ยเป็นสมุนไพรไทย ๆ ที่มีประโยชน์เยอะมากเลยนะคะ จะขยี้เอาแต่น้ำมาใช้เป็นสีผสมอาหารจากธรรมชาติก็สวยและปลอดภัย จะเอาใบมาพับมาดัดให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ ก็ใช้ตกแต่งได้ หรือจะนำมาแปรรูปเป็นขนมไทยก็ทำได้หลากหลายเมนูเลยค่ะ ยิ่งเดี๋ยวนี้มีใบเตยผงให้เลือกซื้อก็ยิ่งทำอาหารง่ายขึ้นไปอีกเพราะไม่ต้องมาเสียเวลาคั้นหรือล้างให้ยุ่งยากวุ่นวาย เอาละค่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่าเมนูจากใบเตยในบทความนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปกันเล้ยยย
1. อินทนิล

เริ่มต้นกันด้วยความสดใสอย่างอินทนิลค่ะ เมนูนี้จะเป็นการเอาแป้งมันมากวนกับน้ำใบเตยจนได้สีเขียวใสคล้ายมรกต ปั้นเป็นก้อนกลมขนาดพอดีคำทำให้ทานง่าย เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำกะทิสีขาวนวลตัดกันสวยงามลงตัวพอดีค่ะ ตัวน้ำกะทิจะมีความหวานเค็มและหอมกลิ่นควันเทียนอ่อน ๆ เข้ากันกับอินทนิลรสชาติหวานนุ่ม
วัตถุดิบอินทนิล
- แป้งมันสำปะหลัง
- เทียนอบขนม
- น้ำตาลทราย
- เกลือ
- น้ำใบเตย
- หัวกะทิ
- น้ำลอยดอกมะลิ
วิธีทำอินทนิล
- ขั้นตอนที่ 1 : ผสมแป้งมันกับน้ำใบเตยให้เข้ากันค่ะ สำหรับน้ำใบเตยเราจะใช้แบบเข้มข้นเลยนะคะ จากนั้นเติมน้ำตาลทรายกับน้ำลอยดอกมะลิลงไปแล้วคนให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟอ่อนแล้วกวนจนแป้งสุก แป้งจะมีสีใสและเข้มขึ้น ลองตักขึ้นมาชิมรสชาติดูค่ะ ถ้ายังหวานไม่พอสามารถเติมน้ำตาลเพิ่มได้อีกแล้วกวนให้เข้ากันจนได้เนื้อเนียน พักให้หายร้อน
- ขั้นตอนที่ 2 : หันมาผสมหัวกะทิ, น้ำตาล และเกลือให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟอ่อนคนจนทุกอย่างละลายเข้ากันดีแล้วยกลง นำมาอบควันเทียนประมาณ 20 – 30 นาทีค่ะ สำหรับการอบควันเทียนให้นำถ้วยเล็ก ๆ วางลงไปในหม้อกะทิ จุดไฟที่เทียนแล้วดับให้ได้ควัน วางเทียนลงในถ้วยแล้วปิดฝาให้สนิทค่ะ ควันเทียนจะเข้าไปผสมกับน้ำกะทิทำให้มีกลิ่นหอม
- ขั้นตอนที่ 3 : สำหรับการจัดเสิร์ฟเราจะใช้ช้อนจุ่มน้ำแล้วตักแป้งอินทนิลให้ได้เป็นก้อนขนาดพอดีคำวางลงในถ้วยเสิร์ฟ ราดด้วยกะทิอบควันเทียนให้ท่วม หากเสิร์ฟแบบอุ่น ๆ ตัวอินทนิลจะมีความนุ่ม ๆ หนุ่น ๆ ทานเพลิน แต่หากเติมน้ำแข็งแล้วเสิร์ฟแบบเย็นอินทนิลจะหนุบหนับสู้ฟันมากขึ้นค่ะ
2. ขนมชั้น

ขนมช้ันเป็นหนึ่งในขนมไทยมงคลที่มีความหมายลึกซึ้งค่ะ สูตรนี้บอกเลยว่าทำง่ายมาก ๆ แค่นำทุกอย่างมาผสมกันแล้วบรรจงนึ่งให้เป็นชั้นสวยงาม ตัวขนมจะมีความนุ่มหนึบ ได้กลิ่นหอมใบเตยและหวานมันกะทิอ่อน ๆ บอกเลยว่าสายขนมไทยต้องเลิฟแน่นอน
วัตถุดิบขนมชั้น
- แป้งข้าวโพด
- แป้งข้าวเจ้า
- แป้งท้าวยายม่อม
- แป้งมัน
- น้ำตาลทราย
- หัวกะทิ
- น้ำลอยดอกมะลิ
- น้ำใบเตย
วิธีทำขนมชั้น
- ขั้นตอนที่ 1 : ผสมแป้งทั้ง 4 ชนิดให้เข้ากัน เสร็จแล้วหันมาผสมน้ำลอยดอกมะลิและน้ำตาลให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟอ่อนจนน้ำตาลละลายดี จากนั้นยกลงพักให้เย็นสนิทแล้วนำหัวกะทิมาผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
- ขั้นตอนที่ 2 : แบ่งแป้งที่เตรียมไว้ก่อนหน้าเป็น 2 ส่วน จากนั้นเติมกะทิน้ำเชื่อมที่ทำไว้ลงไปทั้ง 2 ส่วน ผสมให้ได้เนื้อเดียวกัน หยิบหนึ่งส่วนมาผสมกับน้ำใบเตยเข้มข้น คนจนได้เนื้อเนียนและสีสวยเสมอกัน
- ขั้นตอนที่ 3 : เตรียมซึ้งหรือหม้อนึ่งให้พร้อม น้ำเดือดดีแล้ววางถาดลงไปแล้วหยอดแป้งลงไป เอียงถาดให้แป้งมีความหนาเท่า ๆ กัน จากนั้นปิดฝาอบประมาณ 8 นาทีหรือจนกว่าแป้งจะสุกใส
- ขั้นตอนที่ 4 : ครบเวลาแล้วลองเปิดฝาแล้วลองใช้มือแตะดูค่ะ ถ้าแป้งตึงดีแล้วให้หยอดชั้นต่อไปได้เลย เช็ดไอน้ำบนฝาให้หมดแล้วอบต่ออีก 8 นาที ทำสลับสีกันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้จำนวนชั้นตามต้องการ เสร็จแล้วยกลงพักให้หายร้อนแล้วตัดเป็นชิ้นเสิร์ฟ
3. หยกมณี

หยกมณีเป็นขนมไทยโบราณที่ไม่ค่อยจะมีคนรู้จักกันสักเท่าไหร่ค่ะ ตัวขนมจะเป็นสาคูปั้นก้อนขนาดพอดีคำคลุกมากับมะพร้าวขูดฝอย แอบให้ความรู้สึกเหมือนขนมโคนิดหน่อยแต่ความอร่อยต่างกันค่ะ เพราะตัวสาคูจะมีความนุ่ม ๆ หนึบ ๆ รสชาติหวานตัดกับความมันเค็มของมะพร้าว บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทานเพลินมาก
วัตถุดิบหยกมณี
- สาคู
- มะพร้าวขูดฝอย
- น้ำตาลทราย
- เกลือป่น
- น้ำใบเตย
- น้ำเปล่า
วิธีทำหยกมณี
- ขั้นตอนที่ 1 : ก่อนอื่นเราจะล้างเอาแป้งที่ติดอยู่บนตัวสาคูออกก่อนค่ะ เสร็จแล้วพักให้สะเด็ดน้ำไว้เลย หันมานึ่งมะพร้าวขูดให้พอร้อนแล้วนำลงมาคลุกเกลือเล็กน้อยให้มีรสเค็มอ่อน ๆ แนะนำให้ใช้มะพร้าวทึนทึกนะคะจะทำให้ขนมออกมาอร่อย
- ขั้นตอนที่ 2 : ต้มสาคูที่พักไว้ก่อนหน้าจนเริ่มสุกใส เพิ่มความหวานด้วยน้ำตาลทราย คอยเคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนสาคูเริ่มได้ที่แล้วเราจะใส่น้ำใบเตยเข้มข้นลงไปค่ะ เคี่ยวต่อจนสาคูแห้งขึ้นและไม่เหลวเกินไป ปิดเตาพักให้หายร้อน
- ขั้นตอนที่ 3 : ก่อนทานเราจะตักสาคูให้เป็นก้อนขนาดพอดีคำแล้วนำไปคลุกกับมะพร้าวขูดที่นึ่งไว้ก่อนหน้าจนทั่ว ตักใส่ภาชนะเสิร์ฟได้เลยค่ะ
4. เปียกปูนใบเตย
เปียกปูนเป็นขนมไทย ๆ ที่ค่อนข้างจะหาทานได้ยากแล้วเช่นเดียวกันค่ะ แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่าจริง ๆ แล้วเปียกปูนเป็นอะไรที่ทำง่ายมาก ๆ เพียงแค่ผสมทุกอย่างให้เข้ากันแล้วนำไปกวนจนสุก จากนั้นก็พักให้เย็นก็ทานได้แล้วค่ะ ตัวขนมจะมีความนุ่ม ๆ หยุ่น ๆ หน่อย รสชาติหวานมันนิด ๆ หอมกลิ่นใบเตย เข้ากันดีกับมะพร้าวขูดที่มีความมันเค็ม
วัตถุดิบเปียกปูนใบเตย
- มะพร้าวขูดฝอย
- แป้งท้าวยายม่อม
- แป้งข้าวเจ้า
- น้ำตาลมะพร้าว
- เกลือ
- กะทิ
- น้ำปูนใส
วิธีทำเปียกปูนใบเตย
- ขั้นตอนที่ 1 : ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งเท้ายายม่อมเข้าด้วยกัน เติมน้ำปูนใสแล้วคนให้ได้เนื้อเนียน ไม่มีเม็ดแป้งเกาะตัวเป็นก้อน จากนั้นเติมน้ำใบเตยเข้มข้น, เกลือ, น้ำตาล และกะทิตามลงไป คนให้ส่วนผสมเข้ากันและน้ำตาลละลายดี นำมากรองผ่านกระชอนตาถี่ลงกระทะสำหรับกวนแป้ง
- ขั้นตอนที่ 2 : เปิดไฟอ่อนแล้วคอยกวนไปทิศทางเดียวกัน คอยกวนไปเรื่อย ๆ อย่าปล่อยทิ้งไว้เพราะจะทำให้แป้งไหม้ก้นหม้อได้ค่ะ ใช้เวลาสักพักใหญ่ ๆ จนกว่าแป้งจะสุก สังเกตุได้จากสีของแป้งที่เข้มขึ้นและดูขึ้นเงาสวยงาม หรือจะตักมาลองชิมดูก็ได้ค่ะ ถ้าไม่มีกลิ่นแป้งก็แปลว่าใช้ได้แล้ว
- ขั้นตอนที่ 3 : ปิดเตาแล้วเทขนมใส่พิมพ์ที่ต้องการ พักให้หายร้อนสนิทแล้วตัดแบ่งเป็นชิ้นขนาดตามชอบ ก่อนเสิร์ฟให้ปรุงรสมะพร้าวขูดด้วยเกลือป่นเล็กน้อยให้มีรสชาติเค็มมัน เสิร์ฟพร้อมกันได้เลยค่ะ
5. วุ้นกะทิใบเตย

วุ้นกะทิใบเตยเป็นอะไรที่ทำง๊ายยยยยม๊ากกกกกกกค่ะ เมนูนี้ใช้วัตถุดิบไม่เยอะและใช้เวลาทำไม่นาน เหมาะกับการทำติดบ้านติดตู้เย็นไว้ทานเป็นของว่างรองท้องหรือจะใช้เป็นของว่างสำหรับรับแขกก็เริ่ดนะคะ ตัววุ้นจะมีความกรอบ ๆ เด้ง ๆ หน่อย รสชาติหวานมันกลมกล่อมลงตัวเลย ใครสนใจสามารถตามไปจดสูตรกันได้ที่ เมนูจากผงวุ้น : วุ้นกะทิใบเตย
6. ขนมฝักบัว
มาทำขนมฝักบัวทานกันดีกว่าค่ะ เมนูก็เป็นอีกหนึ่งขนมไทยโบราณที่หาทายาก ตัวขนมจะเป็นแป้งผสมกะทิและใบเตย นำไปทอดจนฟูกรอบ ขอบขนมจะมีความกรอบ ๆ กรุบ ๆ หน่อยค่ะ ส่วนแป้งด้านในจะเหนียวนุ่ม รสชาติหวาน ๆ มัน ๆ และหอมกลิ่นใบเตยชัดเจน แต่เสียดายที่อมน้ำมันเยอะไปหน่อย ตอนทานอาจจะต้องคอยซับออกบ้างค่ะ
วัตถุดิบขนมฝักบัว
- แป้งอเนกประสงค์
- แป้งข้าวเจ้า
- แป้งข้าวเหนียว
- น้ำตาลมะพร้าว
- เกลือป่น
- กะทิ
- น้ำใบเตย
- น้ำมันพืช
วิธีทำขนมฝักบัว
- ขั้นตอนที่ 1 : เราจะผสมแป้งทั้งสามชนิดให้เข้ากันก่อนค่ะ จากนั้นตามด้วยน้ำใบเตยและกะทิ ผสมให้ได้เนื้อเนียนแล้วตามด้วยน้ำตาลและเกลือป่นเล็กน้อย เสร็จแล้วผสมให้น้ำตาลและเกลือละลายดีเลยค่ะ
- ขั้นตอนที่ 2 : ตั้งกระทะไฟกลางแล้วรอจนน้ำมันร้อนได้ที่ เราแนะนำให้ใช้กระทะก้นลึก ๆ แคบ ๆ หน่อยนะคะขนมจะออกมามีสีสวยน่าทาน มันร้อนได้ที่แล้วเทแป้งลงไปตรงกลางเลยค่ะ หยอดลงไปประมาณ 1 ทัพพีหรือตามชอบ
- ขั้นตอนที่ 3 : ทอดขนมไปเรื่อย ๆ คอยตักน้ำมันราดตรงกลางแผ่นเป็นระยะจนขนมสุกกรอบดีแล้วไม่ต้องกลับด้านนะคะ ยกขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมันแล้วจัดเสิร์ฟได้เลย
7. วาฟเฟิลตาข่ายใบเตย

วาฟเฟิลตาข่ายเป็นเมนูที่ฮิตอยู่ช่วงหนึ่งเลยค่ะ สำหรับสูตรนี้จะเป็นสูตรที่ทำง่าย ใช้เวลาไม่นาน อบเสร็จแล้วแป้งจะมีความหอมและสีสวยน่าทาน ส่วนรสชาติจะมีความหวานมัน หอมใบเตยและกะทิอ่อน ๆ เนื้อสัมผัสกรอบนอกนุ่มหนึบด้านในเคี้ยวเพลินสุด ๆ
วัตถุดิบวาฟเฟิลตาข่ายใบเตย
- แป้งอเนกประสงค์
- แป้งมันสำปะหลัง
- ไข่ไก่
- น้ำตาลทราย
- เกลือ
- ผงฟู
- กะทิ
- น้ำใบเตย
วิธีทำวาฟเฟิลตาข่ายใบเตย
- ขั้นตอนที่ 1 : ร่อนแป้งทั้งสองชนิดลงในอ่างผสมก่อนค่ะ จากนั้นตามด้วยผงฟู, เกลือ และน้ำตาล ผสมให้เข้ากันแล้วหันมาผสมกะทิ, ไข่ไก่ และน้ำใบเตยเข้มข้นให้เข้ากัน พยายามตีให้ไข่เนียนไปกับน้ำกะทิเลยนะคะ
- ขั้นตอนที่ 2 : ส่วนผสมเนียนดีแล้วกรองด้วยกระชอนตาถี่แล้วเทลงในอ่างผสมแป้งที่เตรียมไว้ก่อนหน้า คนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดีเลยค่ะ ตัวแป้งจะต้องมีความเหลวเป็นน้ำแต่ก็ต้องเข้มข้นกำลังดี พักแป้งทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที
- ขั้นตอนที่ 3 : ครบเวลาแล้วนำแป้งออกมาผสมให้เข้ากันอีกครั้งแล้วกรอกใส่ขวดบีบหรือขวดสำหรับใส่ซอสเพื่อช่วยให้เราเทแป้งได้สวยและง่ายขึ้นค่ะ จากนั้นหันมาเตรียมเตาวาฟเฟิลให้ร้อน อาจจะทาน้ำมันลงไปบาง ๆ แล้วบีบแป้งที่ทำไว้ลงไปตามร่อง พยายามอย่าให้ล้นร่องนะคะ ปิดฝาอบจนสุกดีแล้วแซะออกมาพักให้ทรงตัว รับประทานได้แล้วค่ะ
8. เค้กใบเตยมะพร้าวอ่อน

เค้กใบเตยเป็นของหวานที่ใครก็ชื่นชอบค่ะ สูตรนี้จะเป็นชิฟฟ่อนใบเตยมะพร้าวอ่อน ตัวเค้กจะมีความนุ่มฟู สีสวย ตอนอบใกล้เสร็จนี่บอกเลยว่ากลิ่นใบเตยหอมฟุ้งไปทั่วทั้งบ้าน ตัวเค้กจะนุ่ม ๆ หน่อย รสชาติหวานกำลังดี มีเนื้อมะพร้าวอ่อนรสชาติหวานมันให้ได้เคี้ยว ทานพร้อมกาแฟตอนเช้าบอกเลยว่าเข้ากันมาก ๆ ค่ะ
วัตถุดิบเค้กใบเตยมะพร้าวอ่อน
- ไข่ไก่
- เนื้อมะพร้าวอ่อน
- แป้งเค้ก
- น้ำตาลทรายป่น
- ผงฟู
- ครีมออฟทาร์ทาร์
- น้ำใบเตยเข้มข้น
- กะทิ
- น้ำมันรำข้าว
วิธีทำเค้กใบเตยมะพร้าวอ่อน
- ขั้นตอนที่ 1 : แบ่งน้ำตาลเป็น 2 ส่วนก่อนเลยค่ะ จากนั้นแยกไข่แดงและไข่ขาวให้เรียบร้อย หยิบไข่แดงมาผสมกับน้ำตาลทราย, น้ำใบเตย, กะทิ และน้ำมัน คนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายดี หันมาร่อนแป้งเค้กและผงฟูลงในอ่างไข่แดง ผสมให้ทุกอย่างเข้ากันจนได้เนื้อเนียนดี พักไว้ก่อนค่ะ
- ขั้นตอนที่ 2 : หยิบไข่ขาวมาตีจนเริ่มขึ้นฟองหยาบ จากนั้นปาดครีมออฟทาร์ทาร์ลงบนตะกร้อแล้วตีต่อจนฟองเริ่มละเอียดขึ้น ใส่น้ำตาลอีกส่วนที่แบ่งไว้แล้วตีต่อจนกลายเป็นครีมเนื้อละเอียดและตั้งยอด หันมาวอร์มเตาอบที่อุณหภูมิประมาณ 170 องศาเซลเซียส
- ขั้นตอนที่ 3 : ระหว่างรอเตาเราจะนำไข่ขาวที่ตีไว้มาผสมกับแป้ง ค่อย ๆ ตักแบ่งไข่ขาวมาผสมกันทีละน้อยและใช้พายพับไปมาอย่างเบามือ ทำไปเรื่อย ๆ จนได้เนื้อเนียนสวย ตักใส่พิมพ์หรือถ้วยคัพเค้ก วางเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปแล้วนำเข้าอบเป็นเวลา 25 นาทีหรืจนกว่าเค้กจะสุก นำออกมาพักให้หายร้อนแล้วเสิร์ฟได้เลยค่ะ
9. สังขยาใบเตย

มาทำสังขยาทานกันบ้างดีกว่าค่ะ สูตรนี้จะใช้จิ้มขนมอบไอน้ำ, ทาบนขนมปังปิ้ง หรือนำไปใช้เป็นไส้สังขยาก็อร่อยค่ะ ตัวสังขยาจะมีเนื้อเนียน หอมกลิ่นใบเตยชัดเจน รสชาติหวานกำลังดีไม่จัดจ้านจนเกินไปและไม่มีกลิ่นคาวของไข่ ทำครั้งเดียวนอกจากจะใช้ได้หลากหลายแล้วยังเก็บในตู้เย็นได้อีกสองสามวันอีกด้วย
วัตถุดิบสังขยาใบเตย
- ไข่แดง
- แป้งข้าวโพด
- น้ำตาลมะพร้าว
- เกลือ
- นมข้นจืด
- กะทิ
- น้ำใบเตย
วิธีทำสังขยาใบเตย
- ขั้นตอนที่ 1 : ผสมไข่แดงกับน้ำตาลมะพร้าว, เกลือ, กะทิ, นมข้นจืด และน้ำใบเตยให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกันก่อนเลยค่ะ จากนั้นเติมแป้งงข้าวโพดลงไปแล้วคนต่อจนเข้ากันดี นำขึ้นตั้งไฟอ่อนแล้วคอยกวนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมสุกข้นได้ที่หรือตัวสังขยาเป็นริ้วตามรอยไม้พาย ยกลงพักให้หายร้อน ก่อนทานให้ราดนมข้นจืดหรือกะทิเพิ่มความมันลงไปอีกหน่อย พร้อมเสิร์ฟค่ะ
10. น้ำใบเตยมะนาว

ปิดท้ายด้วยน้ำใบเตยเย็นชื่นใจที่เหมาะกับอากาศร้อน ๆ อย่างบ้านเรามาก ๆ ค่ะ สูตนี้เราจะแอบเติมน้ำมะนาวเข้าไปอีกหน่อยเพิ่มความความเปรี้ยวและให้ความรู้สึกเฟรชมากขึ้น ตัวน้ำใบเตยก็จะมีทั้งกลิ่นหอม ๆ ของใบเตยและมะนาว รสชาติเปรี้ยวหวานเบา ๆ ดื่มได้เพลิน ๆ เลยค่ะ
วัตถุดิบน้ำใบเตยมะนาว
- ใบเตยหอม
- มะนาว
- น้ำตาลทราย
- เกลือป่น
- น้ำแข็ง
- น้ำเปล่า
วิธีทำน้ำใบเตยมะนาว
- ขั้นตอนที่ 1 : ล้างใบเตยให้สะอาดก่อนเลยค่ะ ใบเตยหอมใบจะใหญ่และสีอ่อนกว่าใบเตยสำหรับทำขนมนะคะ จากนั้นหั่นใบเตยเป็นท่อนความยาวตามชอบ เสร็จแล้วฝามะนาวเป็นแว่น แบ่งเอาส่วนหนึ่งมาบีบน้ำเตรียมไว้
- ขั้นตอนที่ 2 : ต้มน้ำให้เดือด ปรับเป็นไฟอ่อนแล้วนำใบเตยลงต้มจนน้ำเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อน ๆ หรือเริ่มมีกลิ่นหอม ยกลงพักให้หายร้อน เทน้ำแข็งใส่แก้วแล้วตามด้วยมะนาวหั่นแว่น ใส่น้ำมะนาวลงไปก่อนแล้วตักน้ำใบเตยเทลงแก้ว พร้อมดื่มค่ะ
และทั้งหมดนี้ก็คือ 10 เมนูจากใบเตยที่เรานำมาฝากในบทความนี้ค่ะ เป็นอย่างไรบ้างคะ มีเมนูไหนถูกใจเพื่อน ๆ บ้างเอ่ย? ส่วนทางนี้บอกตรง ๆ ว่าเลือกไม่ถูกเลยค่ะเพราะมันอร่อยน่าทานไปหมด นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเองนะคะ จริง ๆ แล้วใบเตยยังนำมาทำอาหารได้อีกเพียบทั้งในส่วนของการเอาเฉพาะสีหรือกลิ่นมาปรุงแต่งอาหาร นี่ยังไม่รวมการนำมาตกแต่งอีกนะคะเนี่ย ประโยชน์เยอะขนาดนี้ต้องปลูกติดบ้านไว้สักกอสอกอแล้วน้าาา~