หลายบ้านที่ชอบรับประทานเมนูต้ม ๆ ตุ๋น ๆ โดยเฉพาะเมนูหมูหรือเนื้อตุ๋นนี่อาจจะเคยเจอปัญหาตุ๋นไปนานแล้วเนื้อยังไม่นิ่มบ้าง, ตุ๋นเนื้อทิ้งไว้พอกลับมาดูอีกทีน้ำก็แห้งหมดแล้ว หรือบางครั้งตอนที่รีบ ๆ ไม่มีเวลามานั่งตุ๋นเนื้อสัตว์เป็นชั่วโมง ๆ ที่ต้องเสียทั้งเวลาและเสียค่าแก๊ส บางคนอาจจะเคยชินกับการตุ๋นเนื้อในหม้อตุ๋น, กระทะ, หม้อหุงข้าว, หรือหม้อธรรมดา ๆ แน่นอนว่าเครื่องครัวเหล่านี้ทำให้คุณต้องเสียเวลาไปมากพอสมควร นอกจากเวลาแล้วคุณยังต้องคอยติมน้ำและอาหารที่ได้ก็อาจจะสูญเสียคุณค่าทางโภนาการไปค่อนข้างเยอะ แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปถ้าคุณเปลี่ยนมาใช้ “หม้ออัดแรงดัน”
หม้ออัดแรงดันคืออุปกรณ์ที่ถูกผลิตมาเพื่อช่วยให้การทำอาหารเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น หลายคนที่คิดว่าการทำเนื้อเหนียว ๆ ให้อ่อนนุ่มนั้นจะต้องเสียเวลาไปหลายชั่วโมง แต่หม้ออัดแรงดันจะทำให้คุณต้องเปลี่ยนความคิดเพราะน้องคนนี้เขาสามารถทำให้เนื้ออ่อนนุ่มได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงและยังคงคุณค่าทางสารอาหารไว้ได้อย่างครบถ้วนอีกด้วย ซึ่งหม้ออัดแรงดันก็มีให้คุณเลือกซื้อทั้งแบบวางบนเตาธรรมดาและแบบใช้ไฟฟ้า แบบวางบนเตาก็จะใช้ความร้อนจากเตาแก๊สเป็นแหล่งพลังงาน ในขณะที่แบบใช้ไฟฟ้าก็จะใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำให้อาหารสุกและค่อนข้างจะมีฟังก์ชันให้เลือกใช้งานได้หลากหลายกว่า
การทำงานของหม้ออัดแรงดัน
การทำงานหลัก ๆ ของหม้ออัดแรงดันก็คือ ผนังของตัวหม้อจะมีการออกแบบมาค่อนข้างหนาเพื่อความปลอดภัย ภายในมีช่องสำหรับใส่อาหาร บริเวณฝาหม้อจะมีช่องสำหรับระบายไอน้ำและวาล์วล็อกที่จะล็อกฝาและด้ามจับเอาไว้เพื่อลดอุบัติเหตุ โดยขณะทำอาหารหม้อจะทำให้น้ำมีจุดเดือดที่สูงมากกว่าปกติทำให้เกิดแรงดันสูงขึ้นภายในหม้อ แรงดันเหล่านี้จะเป็นตัวทำให้เนื้อสัตว์ที่อยู่ภายในสุกและเปื่อยเร็วกว่าปกติ ขณะเดียวกันไอน้ำส่วนหนึ่งก็จะถูกปล่อยออกมาทางช่องระบายไอน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้แรงดันภายในหม้อสูงมากจนเกินไป หลังจากที่คุณคิดว่าอาหารข้างในเปื่อยุ่มจนพอใจแล้ว เพียงแค่ปิดเตาหรือกดปุ่มหยุดการทำงานไอน้ำที่เหลืออยู่ด้านในก็จะถูกระบายออกมาเพื่อลดแรงดันภายในหม้อให้เทียบเท่ากับแรงดันภายนอก หลังจากนั้นวาล์วล็อกจะคลายออกคุณถึงจะสามารถเปิดฝาเพื่อนำอาหารข้างในออกมาได้
เมนูจากหม้ออัดแรงดัน
1. ขาหมูตุ๋นยาจีน

ขาหมูตุ๋นยาจีนที่หลายคนบ่นว่าทำยากและใช้เวลาครึ่งค่อนวันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะหม้ออัดแรงดันจะเสกขาหมูนุ่ม ๆ ให้พร้อมทานภายในเวลาไม่ถึง 50 นาที ขาหมูตุ๋นยาจีนเนื้อนุ่มละลายในปาก เส้นเอ็นยังกรุบ ๆ เด้งสู้ฟัน ในส่วนของน้ำซุปก็เด็ดไม่แพ้เนื้อเพราะคอลลาเจนที่ละลายอยู่ในน้ำทำให้ได้รสชาติหวานปนเค็มอ่อน ๆ จากเครื่องปรุงผสานด้วยกลิ่นหอมสมุนไพรตลบอบอวลอยู่ในปากยิ่งสัมผัสได้ถึงความสุขภาพดีที่ออกมาจากภายใน
วัตถุดิบขาหมูตุ๋นยาจีน
- ขาหมู (ขาหลัง)
- เครื่องตุ๋นยาจีนสำร็จรูป
- กระเทียม
- รากผักชี
- พริกไทย
- เห็ดหอมแห้ง
- เกลือ
- ซีอิ๊วขาว
- ซีอิ๊วดำ
- ซอสปรุงรส
- น้ำมันพืช
วิธีทำขาหมูตุ๋นยาจีน
ขั้นตอนแรกล้างทำความสะอาดขาหมูให้เรียบร้อยก่อน นำเห็ดหอมแช่น้ำให้นิ่ม จากนั้นตั้งกระทะหรือถ้ามีหม้ออัดแรงดันแบบตั้งเตาก็นำหม้อตั้งบนเตาได้เลยค่ะ จากนั้นใส่น้ำมันลงไปนิดหน่อย เปิดเตา น้ำมันร้อนแล้วบุบรากผักชี, กระเทียม และพริกไทยลงไปผัดให้หอม ตามด้วยนำขาหมูลงจี่จนผิวตึงและติดเกรียมหน่อย ๆ ต่อมาใส่น้ำให้ท่วมขาหมู ใส่เครื่องตุ๋นยาจีนและเห็ดหอมตามลงไป ปรุงรสด้วยเกลือ, ซีอิ๊วขาว, ซีอิ๊วดำ และซอสปรุงรส คนให้เข้ากันแล้วต้มจนเดือด ตักฟองออกให้หมด
จากนั้นปิดเตาเพื่อลดความร้อน จากนั้นปิดฝาแล้วตั้งค่าการทำงานของหม้ออัดแรงดันตามคู่มือ ทิ้งให้เครื่องทำงานต่อ หลังจากแรงดันในหม้อได้ที่แล้วจะมีไอน้ำพุ่งออกมาหรือมีเสียงเตือน หลังจากนั้นจับเวลาประมาณ 30 – 40 นาทีขึ้นอยู่กับขนาดของขาหมู ครบเวลาแล้วปิดเตา เปิดช่องปล่อยไอน้ำเพื่อลดความดัน หลังจากหม้ออยู่ในสถานะปลอดภัยแล้วก็เปิดฝาแล้วตักขาหมูใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ
2. ต้มซุปเปอร์ตีนไก่

ตามมาติด ๆ กับเมนูแซ่บซี๊ดถูกใครสายตั้งวง ต้มตีนไก่สูตรหม้ออัดแรงดันของเราใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็พร้อมรับประทานแล้วค่ะ เพียงแค่เตรียมวัตถุดิบให้พร้อม ลวกตีนไก่สักหน่อยแล้วเอาเข้าหม้ออัดแรงดัน พริบตาเดียวตีนไก่ของเราก็จะเปื่อย นุ่ม เนื้อหลุดจากกระดูกจนแทบไม่ต้องออกแรงแต่ไม่ถึงกับเละจนทานลำบาก เรียกว่าตุ๋นมาแบบพอดี ๆ ยิ่งปรุงรสเพิ่มด้วยพริกขี้หนูและน้ำมะนาวหอม ๆ แล้วยิ่งแซ่บ เหมาะสำหรับวันที่อยากโดนเท้ากระแทกปากแบบด่วน ๆ
วัตถุดิบต้มซุปเปอร์ตีนไก่
- ตีนไก่
- รากผักชี
- กระทียม
- ผักชีฝรั่ง
- พริกขี้หนู
- มะนาว
- พริกไทย
- เกลือ
- ผงปรุงรสไก่
- น้ำตาล
- น้ำส้มสายชู
- ซอสปรุงรส
- ซีอิ๊วดำ
- น้ำเปล่า
วิธีทำต้มซุปเปอร์ตีนไก่
ล้างทำความสะอาดและตัดเล็บไก่ออกให้เรียบร้อย ขยำตีนไก่ด้วยน้ำส้มสายชูเพื่อขจัดกลิ่นคาว จากนั้นล้างน้ำเปล่าจนหมดกลิ่นน้ำส้มสายชู ให้ตั้งหม้อ ใส่น้ำเปล่า ปรุงรสด้วยเกลือและเปิดเตา รอน้ำเดือดนำตีนไก่ลงไปต้มจนสุก จากนั้นช้อนฟองออก ตักตืนไก่ออกมาพักไว้เราจะต้องลวกหรือต้มตีนไก่ก่อนนะคะเพราะอาจจะมีคราบเลือดหรือสิ่งสกปรกค้างอยู่ ถ้าเรานำตีนไก่ดิบ ๆ ใส่หม้ออัดแรงดันเลยเนี่ยน้ำซุปจะไม่หอม ไม่อร่อย และกลิ่นก็จะไม่หอมด้วย
เติมน้ำใส่หม้ออัดแรงดัน กะให้พอท่วมตีนไก่ก็พอแล้วค่ะ จากนั้นบุบกระเทียม, รากผักชี และพริกไทยใส่ลงไป นำขึ้นตั้งไฟ ปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อย, ผงปรุงรสไก่, น้ำตาล, ซอสปรุงรส และซีอิ๊วดำ คนให้เข้ากันและเปิดเตารอจนน้ำเดือด ใส่ตีนไก่ลงไปแล้วปิดฝา ต้มประมาณ 20 – 40 นาที ครบเวลาแล้วปิดเตา เปิดช่องระบายไอน้ำจนหม้ออยู่ในสถานะปลอดภัย จากนั้นเปิดฝาและตักตีนไก่เปื่อยนุ่มใส่ถ้วย ปรุงรสด้วยพริกขี้หนูบุบ, ผักชีฝรั่งซอย และน้ำมะนาว คนให้เข้ากันแล้วจัดเสิร์ฟ
3. เมนูหมูสามชั้นต้มซีอิ๊ว

เมนูหมูเนื้อนุ่มพร้อมเสิร์ฟภายในเวลา 40 นาทีด้วยหม้ออัดแรงดัน หมูสามชั้นเนื้อนุ่มละลายในปาก หนังนิ่มจนแทบจะไม่ต้องเคี้ยวพร้อมมันแทรกแบบพอดี ๆ กัดลงไปจะได้ความหวานของเนื้อหมู หยิบอีกชิ้นจิ้มน้ำจิ้มรสเปรี้ยว ๆ เผ็ด ๆ อีกหน่อยเพื่อตัดเลี่ยน ซดน้ำซุปรสเค็มอ่อน ๆ ตามไปอีกนิดเพื่อความชุ่มคอ ปิดท้ายด้วยข้าวสวยร้อน ๆ และผักลวกสีสด แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้ว
วัตถุดิบหมูสามชั้นต้มซีอิ๊ว
- หมูสามชั้น
- กระเทียม
- รากผักชี
- พริกไทย
- น้ำตาล
- ซีอิ๊วดำ
- ซอสปรุงรส
- น้ำเปล่า
วิธีทำหมูสามชั้นต้มซีอิ๊ว
ล้างทำความสะอาดแล้วหั่นหมูเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมหนา ๆ เพื่อความฟิน หลังจากนั้นบุบกระเทียม, รากผักชี และพริกไทยรอไว้ ตั้งหม้ออัดแรงดัน ใส่น้ำเปล่า ตามด้วยรากผักชี, กระเทียม และพริกไทยที่บุบรอไว้แล้ว ปรุงรสด้วยน้ำตาล, ซีอิ๊วดำ และซอสปรุงรส คนให้เข้ากันและเปิไฟ รอจนน้ำเดือดได้ที่ใส่เนื้อหมูลงไป ต้มจนน้ำเดือดช้อนฟองออกให้หมดแล้วปิดฝา ตั้งเวลาตุ๋นประมาณ 40 นาที เมื่อครบเวลา 40 นาทีแล้วเปิดช่องปล่อยแรงดัน หลังจากหม้ออยู่ในสถานะปลอดภัยแล้วเปิดฝาและตักหมูใส่จาน เสิร์ฟพร้อมผักชีฝรั่งหรือคะน้าลวก ราดน้ำซุปเพิ่มลงไปอีกนิดหน่อย
4. หมูชาชู

ใครชอบทานอาหารญี่ปุ่นจะต้องรู้จักหมูชาชูและต้องถูกใจสูตรนี้ของเราแน่นอนค่ะ เราจะใช้หมูส่วนท้องที่มีทั้งมันและเนื้อแทรกในสัดส่วนที่พอดี มีหนังนุ่ม ๆ ให้ทานแบบไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ได้หมูแล้วก็ม้วนและมัดให้แน่น นำไปต้มจนสุกนิ่ม จากนั้นหั่นเป็นแผ่นหนา ๆ พร้อมวางลงบนข้าวสวยหอม ๆ ราดน้ำซุปรสหวานกลมกล่อมลงไปอีกนิดบอกเลยว่าฟินเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ นอกจากนี้ยังนำน้ำซุปมาต้มกับบะหมี่หรือเคี่ยวไว้ราดหน้าหมูชาบูได้อีกด้วย
วัตถุดิบหมูชาชู
- หมูสามชั้น (ส่วนท้อง)
- ขิงแก่
- เกลือ
- น้ำตาล
- ซอสหอยนางรม
- ซีอิ๊วขาว
- ซีอิ๊วดำ
- น้ำเปล่า
- น้ำมันพืช
วิธีทำหมูชาชู
ล้างทำความสะอาดเนื้อหมู จากนั้นม้วนหมูให้กลมโดยเอาด้านหนังออกนะคะ ม้วนหมูให้แน่นและมัดด้วยเชีอกตลอดความยาวของแนวหมู ดึงและเชือกให้แน่นจนมั่นใจว่าเชือกไม่หลุดระหว่างต้มแน่ ๆ หลังจากนั้นบุบกระเทียมพอแตกและหั่นขิงเป็นชิ้นหนา ๆ รอไว้ ต่อมาให้ตั้งหม้ออัดแรงดันบนเตา ใส่น้ำมันลงในหม้อเล็กน้อย เปิดไฟแล้วนำหมูลงจี่จนเหลืองหอม จากนั้นใส่น้ำเปล่าจนท่วมเนื้อหมู ตามด้วยกระเทียบบุบและขิง ปรุงรสด้วยเกลือ, น้ำตาล, ซอสหอยนางรม และซีอิ๊วดำ คนให้เข้ากันแล้วต้มจนน้ำเดือด ตักฟองออกแล้วปิดฝา ตั้งเวลาตุ๋นประมาณ 40 นาที
ครบเวลาแล้วปล่อยแรงดันออกและเปิดฝาหม้อ นำเนื้อหมูออกมาพักให้หายร้อนก่อน จากนั้นเลาะเอาเชือกออกให้หมด สไลซ์เนื้อหมูเป็นแผ่นหนาตามต้องการจากนั้นสามารถนำไปทอปบนข้าวหรือราเมนได้ค่ะ ส่วนน้ำต้มและหมูส่วนที่เหลือสามารถฟรีซเก็บไว้ในตู้แช่แข็งได้ประมาณ 1 เดือน
5. พะโล้ขาหมู

พะโล้ขาหมูมาเสิร์ฟแล้วจ้า สูตรนี้ต้มในหม้ออัดแรงดันแค่ 40 นาทีเราก็จะได้ขาหมูนุ่ม ชุ่มฉ่ำ มาครอบครองแล้ว หนังด้านนอกสีเข้ม ๆ นุ่มนิ่มราวเยลลี่ ส่วนเนื้อด้านในก็เปื่อยนุ่มกำลังดี หลุดออกจากกระดูกง่ายจนแทบจะไม่ต้องออกแรงเลยค่ะ ในส่วนของน้ำซุปบอกเลยว่าครบรสแบบเค็ม ๆ หวาน ๆ ทานเพลิน ตักขาหมู 1 คำพร้อมคะน้าและไข่ต้ม จากนั้นซดน้ำซุปตามลงไปอีกหนึ่งคำใหญ่ ๆ บอกเลยว่าเพลิน
วัตถุดิบพะโล้ขาหมู
- ขาหมู (ขาหน้า)
- คะน้า
- ไข่ไก่
- รากผักชี
- กระเทียม
- พริกไทย
- เครื่องพะโล้สำเร็จรูป
- เกลือ
- น้ำตาล
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสหอยนางรม
- ซีอิ๊วดำ
- ซอสปรุงรส
- น้ำเปล่า
วิธีทำพะโล้ขาหมู
ล้างทำความสะอาดหนังหมูกันก่อนค่ะ จากนั้นตั้งหม้ออัดแรงดันลงบนเตาแล้วนำขาหมูลงจี่จนหนังเริ่มกรอบ ติดไหม้เล็กน้อย เติมน้ำเปล่าให้ท่วมหมู ตามด้วยเครื่องพะโล้สำเร็จรูป ทุบกระเทียม, รากผักชี และพริกไทยใส่ลงไป ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย, น้ำตาล, ซีอิ๊วขาว, ซอสหอยนางรม, ซีอ๊วดำ และซอสปรุงรส คนให้เข้ากันแล้วต้มจนเดือด ช้อนฟองออก ปิดฝา ตั้งเวลา 40 นาที
ระหว่างรอขาหมูเราจะหันมาล้างคะน้าให้สะอาด จากนั้นตั้งหม้อธรรมดา ใส่น้ำ เติมเกลือเล็กน้อย น้ำเดือดแล้วนำไข่ลงต้ม เลือกเวลาตามชอบเลยค่ะว่าอยากได้สุกประมาณไหน ไข่สุกดีแล้วตักขึ้นน็อกน้ำเย็นแล้วนำคะน้าลงต้มต่อ คะน้าสุกน็อกน้ำเย็นเช่นกัน หั่นคะน้าเป็นท่อนเพิ่มความสะดวกเวลารับประทาน จากนั้นปอกไข่และคลุกเคล้ากับซีอิ๊วดำรอไว้ หลังจากขาหมูสุกได้ที่แล้วปล่อยแรงดันออกให่หมด เปิดฝา ใส่ไข่หมักซีอิ๊วดำ ปิดฝาต่อประมาณ 5 นาที จากนั้นตักเสิร์ฟได้เลยจ้า สำหรับใครที่อยากลองทำขาหมูพะโล้โบราณสามารถเข้าไปอ่านได้จากลิงก์ที่เราใส่ได้เลยค่ะ
6. แกงคั่วซี่โครง

เปลี่ยนมาทำกับข้าวรสจัดจ้านกันบ้าง เมนูแกงคั่วซี่โครงหมูที่หลายคนเคยทานอาจจะสัมผัสได้ความเหนียวที่เคี้ยวแต่ละครั้งไม่ต่างจากเข้าคอร์สบริหารกรามสักเท่าไหร่ แต่แกงคั่วครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเพราะซี่โครงที่ว่าเหนียวก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับความดุดันของหม้ออัดแรงดัน ซี่โครงที่พ่ายแพ้ก็จะเปื่อยนุ่ม เนื้อหลุดล่อนออกจากกระดูกได้อย่างง่ายดายแถมยังนุ่มละมุน ยิ่งนำมาผสานกับพริกแกงคั่วรสร้อนแรงแล้วยิ่งหอมอร่อยไปกันใหญ่ เตรียมหุงข้าวไว้ให้พร้อมแล้วไปเข้าครัวกันเลย
วัตถุดิบแกงคั่วซี่โครงหมู
- กระดูกหมู
- ใบมะกรูด
- พริกแกงคั่ว
- กะปิ
- น้ำปลา
- น้ำมันพืช
- น้ำเปล่า
วิธีทำแกงคั่วซี่โครงหมู
ล้างทำความสะอาดซี่โครงหมูให้เรียบร้อย ตัดแบ่งให้ซี่โครงมีขนาดพอดีคำ ไม่ยาวเกินไปจนทานลำบาก หลังจากนั้นตั้งหม้ออัดแรงดันบนเตา ใส่น้ำมันเล็กน้อยและเปิดเตา หลังจากน้ำมันร้อนแล้วนำพริกแกงและกะปิลงผัดให้หอม ตามด้วยซี่โครงหมู หลังจากซี่โครงเริ่มสุกแล้วชิมรสชาติก่อนเล็กน้อย ถ้าพริกแกงที่ซื้อมาไม่ค่อยเค็มก็เติมน้ำปลาเพิ่มได้ค่ะ เมื่อได้รสชาติที่ชอบแล้วใส่น้ำเปล่าลงไปจนเกือบท่วมหมู คนให้เข้ากันและปิดฝาตุ๋นประมาณ 20 นาที หลังจากครบเวลาแล้วปล่อยแรงดันออกจนหมดและเปิดฝาออก เคี่ยวต่ออีกนิดจนน้ำงวดตามต้องการ ฉีกใบมะกรูดใส่ลงไปและตักเสิร์ฟได้เลยจ้า
7. ไก่ต้มน้ำปลา

นอกจากเนื้อสัตว์เหนียว ๆ อย่างหมูและเนื้อวัวแล้วหม้อต้มแรงดันยังสามารตุ๋นเนื้อไก่ได้ด้วยนะทุกคน วันนี้เราเลยขอนำเสนอเมนูไก่ต้มน้ำปลาที่ต้มด้วยหม้ออัดแรงดัน หม้อจะเสกให้เนื้อไก่ดิบ ๆ กลายเป็นไก่เนื้อนุ่มเปื่อยภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที!! เมนูจัดว่าเด็ดเพราะไก่จะซึมซับความเค็มอ่อน ๆ และความกลมกล่อมของน้ำซุปไว้ในเนื้อ เนื้อไก่จะนุ่มชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มเผ็ดเปรี้ยวรสแซ่บ
วัตถุดิบไก่ต้มน้ำปลา
- น่องไก่ติดสะโพก
- ตะไคร้
- ข่า
- ใบมะกรูด
- ผักชี
- พริกขี้หนู
- กระเทียม
- มะนาว
- ผงขมิ้น
- ผงปรุงรสไก่
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- น้ำเปล่า
วิธีทำไก่ต้มน้ำปลา
ล้างทำความสะอาดเนื้อไก่และหมักผงขมิ้น หลังจากนั้นทุบหรือหั่นตะไคร้เป็นแว่น, หันข่าเป็นแว่น และฉีกใบมะกรูดเตรียมไว้ หันมาตั้งหม้ออัดแรงดันบนเตา เติมน้ำเปล่ากะให้พอท่วมไก่ ปรุงรสด้วยผงปรุงรสไก่, น้ำตาล และน้ำปลา จากนั้นใส่เนื้อไก่และสมุนไพรที่เตรียมไก่ก่อนหน้าลงไป เปิดเตาต้มจนน้ำเดือด ตักฟองออกและปิดฝา ตุ๋น 15 นาที เมื่อไก่พร้อมแล้วมาเตรียมน้ำจิ้มกันต่อเลยค่ะ โขลกพริก น้ำตาล และกระเทียมให้เข้ากัน เพิ่มรสเปรี้ยวด้วยน้ำมะนาว ตักน้ำต้มไก่ใส่ลงไปสักนิด ชิมรสชาติให้อร่อยกลมกล่อม ถ้ายังเค็มไม่พอสามารถเพิ่มเกลือได้นะคะ น้ำจิ้มเสร็จแล้วก็ตักไก่ต้มน้ำปลาใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแซ่บ ๆ
8. ซุปเนื้อ

ถ้าพูดถึงเมนูต้ม ๆ ตุ๋น ๆ ยอดฮิตยืนหนึ่งก็คงหนีไม่พ้นซุปเนื้อรสชาติจัดจ้านถึงใจแน่นอน เราจะนำเนื้อที่ว่าเหนียวมาตุ๋นด้วยหม้ออัดแรงดันจนเนื้อเปื่อยจนแทบจะละลายในปาก พร้อมน้ำซุปหวานอมเปรี้ยวจากหอมใหญ่และมะเขือเทศฉ่ำ ๆ หลังจากนั้นมาปรุงรสด้วยพริกแห้ง, พริกขี้หนู, ผักชีฝรั่ง และหอมแดงเจียวเพิ่มความหอม ซดร้อน ๆ คล่องคอสุด ๆ
วัตถุดิบซุปเนื้อ
- เนื้อวัว
- หอมใหญ่
- มะเขือเทศ
- ข่า
- ตะไคร้
- ใบมะกรูด
- คึ่นฉ่าย
- หอมแดง
- มะนาว
- พริกขี้หนูสด
- ผักชีฝรั่ง
- พริกแห้ง
- พริกไทยเม็ด
- โปยกั๊ก
- อบเชย
- เกลือ
- น้ำตาล
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสหอยนางรม
- น้ำมันพืช
- น้ำเปล่า
วิธีทำซุปเนื้อ
ล้างทำความสะอาดและหั่นเนื้อเป็นชิ้นขนาดกลาง ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป พักไว้ หลังจากนั้นหันมาหั่นหอมใหญ่และมะเขือเทศเป็นชิ้น, หั่นข่าเป็นแว่น, หั่นตะไคร้เป็นท่อน, ฉีกใบมะกรูด, ซอยหอมแดง แล้วคั้นน้ำมะนาวรอไว้ นำหม้ออัดแรงดันตั้งบนเตา เติมน้ำพอประมาณ ใส่เนื้อวัว, ข่า, ตะไคร้, โปยกั๊ก, พริกไทยเม็ด และอบเชยลงในหม้อ เปิดไฟรอจนน้ำเดือดช้อนฟองออกให้หมด ปรุงรสด้วยเกลือ, น้ำตาล, ซีอิ๊วขาว และซอสหอยนางรม ปิดฝาตุ๋นประมาณ 60 นาที
หลังจากครบ 60 นาทีแล้วปิดไฟ ปล่อยไอน้ำออกแล้วเปิดฝา เช็กให้เนื้อเปื่อยดีแล้วก็ใส่มะเขือเทศ, หอมใหญ่ และใบมะรูดเพิ่มลงไป ปิดฝาตุ๋นต่ออีก 5 นาที ระหว่างรอเนื้อหันมาตั้งกระทะบนเตา ใส่น้ำมัน รอน้ำมันร้อนนำหอมแดงลงไปเจียวให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นมาพักไว้แล้วนำพริกแห้งลงทอดต่อ พริกสีเข้มขึ้นตักออกมาพักไว้ จากนั้นซอยผักชีฝรั่งและคึ่นฉ่าย ปิดท้ายด้วยการบุบพริกขี้หนูพอแตก เมื่อครบ 5 นาทีแล้วปล่อยแรงดันออกแล้วตักซุปเนื้อใส่ถ้วย ปรุงรสเพิ่มเติมด้วยพริกขี้หนูบุบและน้ำมะนาว โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่ง, คึ่นฉ่าย, หอมเจียว และพริกทอด
9. เนื้อน่องลายตุ๋นน้ำแดง
ตามมาติด ๆ กับเนื้อน่องลายตุ๋นน้ำแดงร้อน ๆ เนื้อมีความหนึบแทรกให้ได้เคี้ยว มีเนื้อเปื่อย ๆ ให้ได้ฟิน มาพร้อมกับน้ำซุปที่หอมกลิ่นเครื่องสมุนไพรตลบอบอวลเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึงเพราะอร่อยกลมกล่อมสุด ๆ จะทานเปล่า, ทานเป็นกลับข้าว หรือทานเป็นกลับแกล้มก็แล้วแต่ความชอบแต่รับรองว่าคุณจะสัมผัสได้ถึงความฟินของเนื้อแน่นอนค่ะ
วัตถุดิบเนื้อน่องลายตุ๋นน้ำแดง
- เนื้อน่องลาย
- เครื่อตุ๋นเนื้อ
- ใบเตย
- หอมแขก
- ขิง
- กระเทียม
- พริกไทยป่น
- โคนคึ่นฉ่าย
- โคนต้นหอม
- รากผักชี
- น้ำตาล
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสปรุงรส
- ซอสหอยนางรม
- เหล้าจีน
- น้ำเปล่า
- น้ำมันพืช
วิธีทำเนื้อน่องลายตุ๋นน้ำแดง
ขั้นตอนแรกเราแนะนำให้เพื่อน ๆ ซื้อเนื้อน่องลายมาทั้งก้อนเลยนะคะ หลังจากนั้นนำมาล้างทำความสะอาด หั่นขิง กระเทียม ตัดโคนขึ้นฉ่าย, รากผักชี และโคนต้นหอมเตรียมไว้ หันมาตั้งหม้ออัดแรงดันบนเตา เทน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อยแล้วนำเนื้อลงไปจี่จนผิวด้านนอกเหลืองสวยทั่วทั้งก้อนเลยค่ะ
ตักเนื้อออกแล้วนำสมุนไพรทั้งหมดยกเว้นเครื่องยาจีนลงไปผัดต่อจนหอมและผักติดเกรียมเหลือง ๆ เล็กน้อย ใส่เหล้าจีน ผัดให้เข้ากัน ใส่เนื้อกลับลงไปและเติมน้ำเปล่าจนท่วมชิ้นเนื้อ ใส่เครื่องยาจีนและใบเตย ปรุงรสด้วยน้ำตาล, ซีอิ๊วขาว และซอสปรุงรส ต้มจนน้ำเดือดได้ที่ ตักฟองออกแล้วปิดฝาตุ๋นประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อครบ 1 ชั่วโมงแล้วปล่อยความดัน เปิดฝาแล้วเอาเนื้อออกมาพัก ตักเอาผักสมุนไพรต่าง ๆ ออกให้หมด เปิเตาเคี่ยวน้ำซุปไปเรื่อย ๆ จนน้ำงวดลงประมาณครึ่งหนึ่ง หลังจากนั้นหั่นเนื้อเป็นชิ้นใส่ถ้วย ตักน้ำซุปราดแล้วโรยหน้าด้วยคึ่นฉ่าย พร้อมเสิร์ฟ
10. ธัญพืชต้ม

ปิดท้ายกันด้วยเมนูเอาใจสายรักสุขภาพกันสักหน่อย น้ำธัญพืชสูตรหม้ออัดแรงดันบอกเลยว่าทำง่ายและใช้เวลาน้อยเพราะคุณไม่จำเป็นต้องนำธัญพืชไปแช่น้ำแบบข้ามวันข้ามคืน เพียยงแค่ล้างและนำใส่หม้อ ปิดฝาต้มไม่นานก็ได้ทานธัญพืชเนื้อเปื่อยนุ่มแล้วค่ะ เพื่อน ๆ สามารถทำธัญพืชต้มน้ำตาลรสหวานสดชื่นหรือต้มกับน้ำเปล่าเก็บไว้ทานพร้อมกับนมหรือน้ำถั่วเหลืองได้นะคะ ง่ายและสะดวกมาก ๆ
วัตถุดิบธัญพืชต้ม
- ธัญพืชตามชอบ (ลูดเดือย ถั่วแดง ถั่วดำ)
- น้ำตาลทราย
- น้ำเปล่า
วิธีทำธัญพืชต้ม
ล้างธัญพืชที่เพื่อน ๆ ซื้อมาให้สะอาดก่อนค่ะ ไม่ต้องแช่น้ำนะคะ แค่ล้างเฉย ๆ หลังจากนั้นตั้งหม้ออัดแรงดันบนเตา ใส่น้ำ ต้มจนน้ำเดือดใส่ธัญพืชลงไปแล้วปิดฝาต้ม รอจนมีไอน้ำพุ่งออกมาจับเวลาประมาณ 20 – 30 นาที ครบเวลาแล้วปล่อยไอน้ำออกแล้วเปิดฝา ใส่น้ำตาลลงไปตามความหวานที่ชอบ ต้มแบบเปิดฝาจนน้ำตาลละลายแล้วปิดเตาตักเสิร์ฟได้เลยค่ะ
วิธีทำความสะอาดหม้ออัดแรงดัน
1. ก่อนการทำอาหารทุกครั้งให้ตรวจสอบสภาพของหม้ออัดแรงดันก่อน โดยเฉพาะซีลที่ติดตั้งอยู่บริเวณฝาหม้อ ถ้าซีลเริ่มหลุดหรือเสื่อมสภาพแล้วควรจะเปลี่ยนทันทีเพราะถ้าหากซีลไม่มีคุณภาพมากพออาจจะทำให้มีไอน้ำรั่วไหลออกมาทางฝาซึ่งอาจจะทำให้วาล์วล็อกคลายได้ นอกจากนี้ช่องระบายไอน้ำก็ไม่ควรมีเศษอาหารหรือคราบสกปรกอุดตันเพราะถ้าหากไอน้ำระบายได้ไม่ดีอาจจะส่งผลให้เกิดความเสียหายได้
2. หลังการใช้งานทุกให้นำอาหารออกทันทีและและไม่ควรเก็บอาหารไว้ในหม้ออัดแรงดันเพราะอาจจะทำให้หม้อเสื่อมสภาพเร็วขึ้น นอกจากนี้อาหารต่าง ๆ อาจจะทำให้หม้อมีกลิ่นซึ่งจะส่งผลเสียต่อการทำอาหารครั้งต่อไป
3. คุณสามารถล้างทำความสะอาดหม้อได้ด้วยน้ำยาล้างจานได้ตามปกติ แต่ควรจะใช้ร่วมกับฟองน้ำที่มีความนุ่มและเช็ดล้างอย่างเบามือเพื่อรักษาสภาพภายในของหม้อและลดรอยขีดข่วน และห้ามนำฝอยขัดหม้อมาล้างทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายในหม้อเด็ดขาด
4. ในส่วนของหม้ออัดแรงดันไฟฟ้าควรหลีกเลี้ยงการทำความสะอาดบริเวณแผงปุ่มกดหรือช่องเสียบสายไฟ คุณสามารถเปลี่ยนมาใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นแล้วนำมาเช็ดคราบสกปรกออกแทนเพื่อหลีกเลี่ยงความชื้นที่อาจจะทำให้แผงวงจรเสียหาย
5. หลังจากล้างทำความสะอาดแล้วควรจะเช็ดหม้อให้แห้งสนิททั้งภายนอกและภายในและเก็บในบริเวณที่ปลอดภัย ปราศจากมดหรือแมลง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเมนูจากหม้ออัดแรงดันที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ แต่ละเมนูนี่น่าสนใจมากเลยใช่ไหมล่ะคะ โดยเฉพาะเมนูเนื้อตุ๋นที่ใครต่อใครต่างก็บอกว่าทำยากและต้องใช้เวลานานข้ามวันกว่าจะเคี่ยวเนื้อเหนียว ๆ ให้อ่อนนุ่มละลายในปากได้ แต่เครื่องอัดแรงดันกลับสามารถเสกให้เนื้อเหล่านี้นุ่มละมุนได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมงเท่านั้น ถือว่าช่วยให้เราประหยัดเวลาได้เยอะเลยค่ะ นอกจากนี้ทางเรายังมีบทความแนะนำเมนูอาหารอีกเยอะแยะมากมายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น เมนูจากกระดูกหมู, เมนูอาหารเกาหลี, เมนูจากอกไก่ หรือเมนูปีกไก่ที่เพื่อน ๆ สามารถนำมาดัดแปลงใช้กับหม้ออัดแรงดันเพื่อช่วยร่นระยะเวลาในการประกอบอาหารให้น้อยลงได้ อย่าลืมไปลองทำดูนะคะ