สูตร เมนูพาสต้า เส้นสปาเก็ตตี้ ทั้งผัดรสจัดแบบไทย และราดซอสแบบอิตาลี

สำหรับคนที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารเส้นแล้ว คุณจะต้องรู้จักกับเมนูเส้นที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง “พาสต้า” แน่นอน เพราะอาหารชนิดนี่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์และกลายมาเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศอิตาลี ซึ่งพาสต้าก็เปรียบเสมือนก๋วยเตี๋ยวชนิดหนึ่งของประเทศอิตาลี ที่มีซอสและเส้นให้เลือกเยอะแยะมากมายกว่าร้อยชนิด แต่ละชนิดก็มีรูปร่างหน้าตารวมถึงส่วนผสมที่แตกต่างกัน แต่วัตถุดิบหลักที่นำมาใช้ผลิตเส้นพาสต้าก็คือแป้งสาลีชนิดดูรัมและของเหลวต่าง ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่า, ไข่, หมึกดำของปลาหมึก หรือน้ำผักที่ทำให้พาสต้ามีสีสันหลากหลายมากขึ้นค่ะ (1) เส้นพาสต้ามีให้เลือกรับประทานทั้งแบบเส้นที่นวดขึ้นมาสด ๆ ที่มีรสชาติอร่อยเป็นเลิศ หรือเส้นแห้งที่สามารถเก็บไว้รับประทานได้นานและขนส่งง่ายมากขึ้น และในจำนวนพาสต้ากว่าร้อยชนิด เส้น สปาเก็ตตี้ ถือว่าเป็นเส้นที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักมากที่สุด

เช็กโปรโมชั่น Lazada  ลดราคาสินค้าครึ่งปี วันที่ 6 เดือน 6เช็กโปรโมชั่น Lazada  ลดราคาสินค้าครึ่งปี วันที่ 6 เดือน 6เช็กโปรโมชั่น Lazada  ลดราคาสินค้าครึ่งปี วันที่ 6 เดือน 6

สปาเก็ตตี้หรือเส้นพาสต้าเนี่ยมีรสชาติค่อนข้างจืดเพราะผลิตมาจากแป้ง และด้วยรสจืดนี่แหละที่ทำให้พาสต้าแพร่หลายได้เร็วมากขึ้น เพราะแต่ละประเทศ แต่ละบ้านสามารถปรุงรสชาติของพาสต้าจานนั้น ๆ ให้ออกมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ อย่างที่หลายคนเห็นว่าในประเทศไทยของเราเองก็มีการดัดแปลงนำเส้นพาสต้ามาผสมผสานกับเอกลักษณ์ความเป็นไทย กลายมาเป็นอาหารฟิวส์ชั่นที่สามารถสร้างจุดเด่นขึ้นมาได้ ดังนั้นแต่ละร้าน แต่ละประเทศก็มีสูตรเด็ดเคล็ดลับที่ไม่เหมือนกันค่ะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสนุกของการทานพาสต้าเลยแหละ แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากลิ้มชิมรสของซอสพาสต้าแบบดั้งเดิมก็ต้องบินไปที่ “เมืองเจนัวร์” ประเทศอิตาลีเลยค่ะ เพราะที่นี่เขาโด่งดังในเรื่องของอาหารและเป็นจุดเริ่มต้นของอาหารอิตาลีดัง ๆ หลากหลายชนิด และเหตุผลที่ทำให้อาหารของเมืองนี้อร่อยกว่าชาวบ้านเขาก็คือ น้ำจากเมืองนี้มีความสะอาดและอร่อย เมื่อนำมาประกอบอาหารก็ทำให้อาหารอร่อยตามไปด้วย

Shopeeโปรโมชันลดราคาช้อปปี้ครึ่งปี เดือนมิถุนายน 66Shopeeโปรโมชันลดราคาช้อปปี้ครึ่งปี เดือนมิถุนายน 66Shopeeโปรโมชันลดราคาช้อปปี้ครึ่งปี เดือนมิถุนายน 66

พาสต้า นี้มีที่มา

ตอนมัธยม หลายคนอาจจะเคยได้เรียนเกี่ยวกับเส้นทางสายไหมในวิชาประวัติศาสตร์มาแล้วบ้าง ดังนั้นคุณอาจจะคุ้นเคยกับพ่อค้าหนุ่มชาวอิตาลีนามว่า “มาร์โค โปโล” กันบ้างแล้ว ในประวัติศาสตร์กล่าวว่า ศตวรรษที่ 13 ชายหนุ่มคนนี้เนี่ยเดินตามรอยเส้นทางสายไหมจากอิตาลีผ่านประเทศต่าง ๆ ไปจนถึงประเทศจีน หลังจากใช้เวลาอยู่ที่นั่นสักพักเขาก็ได้นำเอาวิธีการทำบะหมี่จากจีนกลับมาฝากพี่น้องชาวอิตาลี (1,2) แต่ก็มีการแย้งขึ้นมาว่าจริง ๆ แล้วเนี่ยพี่น้องชาวอิตาลีเขามีพาสต้ากันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยยุคโรมันนู่น คือคนในสมัยนั้นเนี่ยเขาทานอาหารชนิดหนึ่งที่มีวิธีการทำคล้าย ๆ กับลาซานญ่าค่ะเพื่อน ๆ คราวนี้ก็งงกันใหญ่เลยว่าตกลงแล้วพาสต้ามีที่มาจากไหนกันแน่ จนตอนนี้ก็ยังหาข้อสรุปที่แน่ชัดไม่ได้ค่ะ แต่ที่รู้แน่ ๆ ก็คือ เมืองเจนัวร์ในประเทศอิตาลีเนี่ยเป็นเมืองแรก ๆ ที่นำเส้นพาสต้ามาต้มและมีการผลิตพาสต้าแบบจริงจังเป็นที่แรก และที่นี่ยังเป็นบ้านเกิดของซอสเพสโตอีกด้วย (3)

ต้มเส้นพาสต้า อย่างไร ให้อร่อยแบบ Al Dente

การต้มเส้นพาสต้าเองก็มีศิลปะสอดแทรกอยู่นะคะเพื่อน ๆ การต้มเส้นพาสต้านี่เขาไม่ต้มเส้นในน้ำร้อนจนเส้นสุกนุ่มเหมือนที่เราต้มบะหมี่กันนะคะเพื่อน ๆ แต่อันดับแรกเลยคือเขาจะดูก่อนว่าเส้นพาสต้าที่ซื้อมาเนี่ยข้างกล่องเขาเขียนไว้ว่าต้องต้มกี่นาทีถึงจะสุก ที่ต้องดูข้างกล่องเพราะเส้นแต่ละชนิดก็จะมีลักษณะและความหนาเป็นเบอร์แยกย่อยลงไปอีกจึงใช้เวลาในการต้มไม่เท่ากันค่ะ หลังจากนั้นเราก็ต้มให้น้อยกว่านั้นประมาณ 1 นาทีสำหรับซอสคลุก หรือ 1.30 นาทีสำหรับซอสผัด เส้นที่ได้ก็จะมีความนุ่ม ๆ แต่ด้านในยังหนึบอยู่ เวลาทานเราก็จะสัมผัสได้เลยว่าเมื่อกัดลงไปถึงแกนกลางเส้นแล้วเนี่ยเส้นก็จะหนึบสู้ฟัน ทำให้อาหารอร่อยและมีเท็กซ์เจอร์มากขึ้น การต้มแบบนี้เป็นที่นิยมในอิตาลีมาก ๆ และพวกเขาก็เรียกว่า Al Dente (อัลดันเด้) พวกเขาก็จะมีกฎง่าย ๆ อยู่ 1 ข้อ คือ

1: 10: 100 คือน้ำ 1 ลิตรและเกลือ 10 กรัม ต่อพาสต้าแห้ง 100 กรัม

เราจะยกตัวอย่างง่าย ๆ เลยก็คือ สมมุติว่าเพื่อน ๆ จะทำสปาเก็ตตี้ซอสอัลเฟรโดและซอสเพสโตอย่างละจาน เพื่อน ๆ ก็ไปเลือกซื้อเส้นมาก่อน จากนั้นก็มาดูว่าข้างกล่องเขียนว่าจะต้องต้มเส้นกี่นาทีถึงจะสุก สมมุติว่าเป็น 10 นาทีนะคะ

จากนั้นเพื่อน ๆ ก็เติมน้ำใส่หม้อเลยค่ะ ใส่เยอะ ๆ เลย แล้วก็นำขึ้นตั้งบนเตา รอจนน้ำเดือดถึงจะใส่เกลือและเส้น น้ำต้องเดือดจัด ๆ เลยนะคะ ถ้าไม่เดือดนี่เส้นอืดไม่น่ารับประทานแน่นอน ส่วนเกลือก็สามารถใส่ได้เยอะ ๆ เลยค่ะ กะให้น้ำมีรสเค็มอ่อน ๆ เพราะเราต้องการให้เส้นมีรสชาติ ไม่จืดมากจนเกินไป และไม่ควรใส่น้ำมันลงในน้ำต้มเส้นนะ มันไม่จำเป็นเลยค่ะ

หลังจากใส่เส้นลงไปแล้วเส้นก็จะเริ่มอ่อนนุ่ม คราวนี้เพื่อน ๆ ก็คอยกดเบา ๆ ให้เส้นจมน้ำจนหมด ตอนนี้แหละเราถึงจะเริ่มจับเวลา ข้างกล่องเขียนไว้ว่าสุกที่ 10 นาทีใช่ไหมคะ สำหรับเส้นที่จะทำซอสอัลเฟรโดเราก็ตั้งเวลาไว้ที่ 8.30 นาที 4 นาทีแรกคอยคนเรื่อย ๆ ไม่ให้เส้นติดก้นหม้อ จากนั้นปล่อยให้เส้นโดนความร้อน ครบเวลาแล้วเพื่อน ๆ ก็ตักเส้นที่จะทำซอสอัลเฟรโดออกมาพักใส่ถาดแบน ๆ คลุกน้ำมันมะกอกสำหรับทำอาหารให้เคลือบเส้น แล้วเกลี่ยให้เส้นกระจายตัว สำหรับเส้นที่เหลือในหม้อก็ต้มต่ออีก 30 วินาทีแล้วตักออกมาทำเหมือนกันค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้เส้นคายความร้อนออกมาได้เท่า ๆ กัน และก็ไม่จำเป็นต้องนำเส้นไปล้างน้ำเย็นเลย

ได้เส้นแล้วเราก็ทำซอสต่อ สำหรับซอสอัลเฟรโดเราก็หยิบเอาเส้นที่ต้มในเวลา 8.30 นาทีลงมาผัดต่อ ความร้อนในกระทะจะทำให้เส้นอยู่ในระดับอัลดันเต้พอดี ส่วนซอสเพสโตก็นำเส้นในถาดที่ 2 มาคลุกได้เลยเพราะเราจะไม่ใช้ความร้อนและเส้นก็อยู่ในระดับอัลดันเต้อยู่แล้วค่ะ



สูตรซอสสปาเก็ตตี้ทั้งแบบดั้งเดิมและไทยฟิวส์ชั่น

1. สปาเก็ตตี้เบคอนคาร์โบนารา

สปาเก็ตตี้เบคอนคาร์โบนารา
สปาเก็ตตี้เบคอนคาร์โบนารา

เริ่มต้นกันด้วยเมนูยอดฮิตที่หลาย ๆ คนทำผิดวิธีมาตลอด! นั่นก็คือสปาเก็ตตี้คาร์โบนารานั่นเองค่ะ จริง ๆ แล้วสูตรดั้งเดิมของเมนูนี้เนี่ยจะไม่มีส่วนผสมของครีมเลยนะคะ รสชาติมัน ๆ หอม ๆ จะได้จากไข่แดงและพาร์เมซานชีสที่เคลือบอยู่บนเส้นสปาเก็ตตี้ที่ต้มแบบอัลดันเต้ ตัวเส้นด้านนอกก็จะนุ่ม ๆ และแกนกลางด้านในยังได้รสสัมผัสหนึบ ๆ มีเบคอนหอม ๆ กรอบ ๆ เพิ่มเท็กซ์เจอร์ โรยหน้าด้วยพาร์สลีย์สับอีกนิดบอกเลยว่าอย่างฟิน

วัตถุดิบสปาเก็ตตี้เบคอนคาร์โบนารา

  • เส้นสปาเก็ตตี้
  • เบคอน
  • ไข่ไก่
  • พาร์เมซานชีสแบบก้อน
  • กระเทียม
  • เกลือ
  • พริกไทย
  • น้ำเปล่า

วิธีทำสปาเก็ตตี้เบคอนคาร์โบนารา

ขั้นตอนแรกเราจะมาเตรียมในส่วนของไข่กันก่อนค่ะ เริ่มจากตอกไข่ใส่ถ้วย ขูดพาร์เมซานชีสด้วยที่ขูดชีส อยากได้แค่ไหนก็ใส่ไม่ยั้งเลยค่ะ ส่วนเราใช้ชีสก้อนเพราะจะให้กลิ่นหอมกว่าชีสผง แต่ถ้าเพื่อน ๆ ไม่สะดวกก็สามารถใช้ชีสผงหรือที่ขูดเป็นเส้นมาแล้วก็ได้นะคะ ไม่ว่ากัน จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยป่น ส่วนพริกไทยแนะนำให้ใช้ที่บดพริกไทยจะหอมมากเลยค่ะ จากนั้นตีให้ส่วนผสมเข้ากันดี

ตั้งหม้อ ใส่น้ำ ใช้ไฟกลางค่อนไปทางแรง หลังจากน้ำเดือดได้ที่แล้วใส่เกลือสักหนึ่งหยิบมือคือ ตามด้วยเส้นสปาเก็ตตี้ 1 กำมือ คราวนี้เส้นจะเริ่มนิ่มลง ให้เพื่อน ๆ กดเบา ๆ จนเส้นจมน้ำหมดแล้ว หลังจากนั้นเราก็จับเวลาตามที่บอกไว้ข้างซองเลยค่ะ ขณะรอเส้นสปาเก็ตตี้เราหยิบกระทะขึ้นมาหนึ่งใบ หั่นเบคอนขนาดตามชอบ จากนั้นเปิดเตาใช้ไฟกลางค่อนไปทางแรงนิดหน่อย ไม่ต้องรอให้กระทะร้อนนำเบคอนลงทอดได้เลยค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ ใช้กระทะเทฟล่อนก็ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำมันนะคะเพราะเดี๋ยวเบคอนจะคายน้ำมันออกมาเอง ปรุงรสด้วยพริกไทยอีกนิด ปอกกระเทียมลงไปหนึ่งกลีบ จากนั้นก็คอยผัดไปเรื่อย ๆ จนเบค่อนสุก ขณะเดียวกันก็คอยคนเส้นสปาเก็ตตี้บ้างกันไม่ให้เส้นติดก้นหม้อ

เมื่อเส้นใกล้ครบเวลาที่กำหนด เบคอนก็จะสุกกรอบพอดี ถ้าน้ำมันเยอะมากไปเพื่อน ๆ สามารถเทออกได้นิดหน่อยนะคะ ตักเอากระเทียมออก จากนั้นหยิบเส้นจากหม้อขึ้นมาลองชิม ถ้าเส้นนุ่มและข้างในยังได้สัมผัสหนึบ ๆ แล้วก็ปิดเตาทั้งในส่วนของกระทะและหม้อ จากนั้นตักเส้นจากหม้อลงในกระทะ คลุกให้เส้นโดนน้ำมันทั่วถึง ตามด้วยซอสไข่แดงที่เราทำไว้ก่อนหน้านี้ คลุกด้วยความรวดเร็ว ความร้อนที่หลงเหลืออยู่ในเส้นจะทำให้ไข่สุกกลายเป็นครีม ถ้าสปาเก็ตตี้ดูแห้งจนเกินไปก็ตักน้ำต้มเส้นเพิ่มลงไปค่ะ แต่ไม่ต้องเยอะมากนะคะ จากนั้นคลุกเคล้าจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันและไข่เคลือบเส้นดีแล้วตักใส่จาน ขูดชีสโรยหน้าอีกนิด สับพาร์สลีย์ลงไปอีกหน่อย รับประทานแบบร้อน ๆ อร่อยสุด ๆ ค่ะ


2. สปาเก็ตตี้เพสโตซอส

สปาเก็ตตี้เพสโตซอส
สปาเก็ตตี้เพสโตซอส

ถัดมาเป็นสปาเก็ตตี้ซอสโหระพาหรือสปาเก็ตตี้ซอสเพสโตนั่นเองค่ะ เมนูนี้บอกเลยว่าทำง่ายและใช้เวลาน้อยสุด ๆ เมนูนี้เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพค่ะ ถึงแม้ว่าไขมันจะไม่ค่อยเป็นมิตรต่อร่างกายของเราสักเท่าไหร่ แต่สำหรับน้ำมันมะกอกนี่เรียกว่ามิตรแท้เลยค่ะ นอกจากน้ำมันมะกอกแล้วส่วนผสมหลักอย่างใบโหระพาก็ยังมีสรรพคุณมากมายและเป็นตัวช่วยให้ทั้งกลิ่นและรสชาติของซอสหอมอร่อยมากขึ้นอีกด้วย ส่วนรสชาติก็จะมัน ๆ หอม ๆ เค็มนิด ๆ เมื่อรวมกับเส้นแล้วเข้ากันได้ดีเลยค่ะ

วัตถุดิบสปาเก็ตตี้เพสโตซอส

  • เส้นสปาเก็ตตี้
  • โหระพา
  • เม็ดมะม่วงหิมพานต์
  • กระเทียม
  • เกลือ
  • พริกไทย
  • พาร์เมซานชีส
  • น้ำมันมะกอก
  • น้ำเปล่า

วิธีทำสปาเก็ตตี้เพสโตซอส

ขั้นตอนแรกทำซอสเพสโตกันก่อน เริ่มจากการเด็ดใบโหระพาใส่โถปั่น ตามด้วยกระเทียมปอกเปลือก เม็ดมะม่วงหิมพานต์ แต่อันนี้ต้องบอกก่อนนะคะว่าเพสโตแท้ ๆ เนี่ยเขาจะใส่เมล็ดสนค่ะ แต่เนื่องจากเมล็ดสนมีราคาแพงไปหน่อยเราเลยเปลี่ยนมาใช้ถั่วชนิดอื่นแทนนะคะ หลังจากนั้นเราก็จะปิดท้ายด้วยน้ำมันมะกอก ปิดฝาแล้วปั่นให้ส่วนผสมพอแหลก เปิดฝาปรุงรสด้วยเกลือพริกไทย จากนั้นปั่นต่อจนซอสเนียนเป็นเนื้อเดียวกันหรือถ้าเพื่อน ๆ อยากได้เท็กซ์เจอร์ก็ปั่นพอหยาบก็ได้ค่ะ ตักใส่ภาชนะเก็บเข้าตู้เย็นทานได้หลายวันเลย

จากนั้นตั้งหม้อ ใส่น้ำ เปิดเตาไฟกลาง น้ำเดือดดีแล้วใส่เกลือและเส้นสปาเก็ตตี้ ต้มเส้นตามเวลาข้างกล่อง เส้นสุกดีแล้วตักขึ้นมาใส่จาน ตักซอสเพสโตใส่ลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ถ้ามันฝืดมากไปหน่อยก็ตักน้ำต้มเส้นใส่ลงไปได้นิดหน่อยค่ะ โรยหน้าด้วยพาร์เมซานชีสขูดให้สวยงาม พร้อมรับประทานจ้า หรือถ้าเพื่อน ๆ อยากเติมเนื้อสัตว์หรือผักเพิ่มลงไปก็ได้นะ


3. สปาเก็ตตี้ซอสโบลองเนส

สปาเก็ตตี้ซอสโบลองเนส
สปาเก็ตตี้ซอสโบลองเนส

ถัดมาเป็นเมนูซอสเอาใจสายเนื้อสักหน่อยกับสปาเก็ตตี้ซอสโบลองเนส เมนูนี้ถูกใจหลายคนเพราะซอสโบลองเนสจะมีความเข้มข้น เนื้อเน้น ๆ รสชาติเปรี้ยวอมหวาน และหอมตบลอบอวลไปด้วยกลิ่นของสมุนไพรทั้งไทยและฝรั่งที่ใส่ลงไปแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นใบไทม์,โรสแมร์รี่, ออริกาโน่, ใบกระวาน หรือใบโหระพาที่เราคุ้นเคย และสูตรนี้เราจะชวนเพื่อน ๆ ทำซอสโบลองเนสแบบโฮมเมด ถึงวัตถุดิบจะดูเยอะอลังการแต่ทำครั้งเดียวสามารถนำไปใช้กับเส้นพาสต้าชนิดอื่น ๆ ได้อีกเยอะแยะมากมายเลยนะคะ

วัตถุดิบสปาเก็ตตี้ซอสโบลองเนส

  • เส้นสปาเก็ตตี้
  • เนื้อหรือหมูบด
  • แครอท
  • หอมใหญ่
  • เซเลอรี
  • มะเขือเทศ
  • โหระพา
  • กระเทียม
  • โรสแมร์รี่แห้ง
  • ใบไทม์แห้ง
  • ออริกาโน่แห้ง
  • ใบกระวานแห้ง (ฺBay leaf)
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์
  • พาร์เมซานชีส
  • เกลือ
  • พริกไทย
  • มะเขือเทศเข้มข้น (tomato paste)
  • ไวน์แดง
  • เนยสด
  • น้ำมันมะกอก
  • น้ำเปล่า

วิธีทำสปาเก็ตตี้ซอสโบลองเนส

ขั้นตอนแรกเราจะมาเตรียมวัตถุดิบกันก่อนเลย เริ่มจากปอกเปลือกหอมใหญ่, แครอท และดึงเอาใยแข็ง ๆ ของเซเลอรี่ออก จากนั้นหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แนะนำเข้าเครื่องปั่น ปั่นรวมกันจนเป็นเนื้อละเอียดแต่ไม่ต้องถึงกับเนียนมากนะคะ นำออกมาพักไว้ก่อน หันมาตั้งหม้อใส่น้ำ เปิดไฟกลางค่อนแรง ระหว่างรอน้ำเดือดหยิบมะเขือเทศออกมาตัดเอาขั้วออกและหั่นตรงก้นเป็นรูปกากบาท น้ำเดือดได้ที่นำมะเขือเทศลงต้มจนรอยที่บากไว้เริ่มหลุดล่อน ตักขึ้นมาน็อกน้ำแข็ง ลอกเปลือกออก, หั่นเป็นสี่ส่วนแล้วคว้านเอาเมล็ดทิ้ง จากนั้นสับเนื้อมะเขือเทศให้ละเอียด

วัตถุดิบพร้อมแล้วเราก็เริ่มทำซอสกันเลย เริ่มจากตั้งกระทะบนเตา เปิดกลาง ใส่น้ำมันมะกอกแล้วนำผักที่เราปั่นไว้ก่อนหน้าลงผัดจนสุก ใส่เกลือและพริกไทยเพิ่มรสชาติอีกนิด ผักส่งกลิ่นหอมแล้วก็ใส่เนื้อสัตว์ลงไปผัดรวมกันเลยค่ะ ผัด ๆ ยี ๆ ให้เนื้อกระจายตัว เนื้อสุกดีแล้วทุบกระเทียมให้แหลกใส่ลงในกระทะ ตามด้วยออริกาโน, โรสแมร์รี และใบไทม์ ผัดให้เข้ากัน

เมื่อเครื่องปรุงเข้ากันดีและน้ำงวดลงแล้วให้เพื่อน ๆ ใส่มะเขือเทศเข้มข้นลงไปผัดเลยค่ะ ผัดให้เข้ากันสีของซอสก็จะเข้มขึ้น จากนั้นใส่แป้งสาลีลงผัดเพื่อทำให้ซอสข้นขึ้นค่ะ ใช้แป้งแบบแห้งได้เลย ผัดต่อจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นก็เพิ่มความอร่อยด้วยไวน์แดง เร่งไฟอีกนิดให้แอลกอฮอล์ระเหยออกไปจนหมด ลดลงเป็นไฟกลางเหมือนเดิม

ซอสส่งกลิ่นหอมดีแล้วเราจะนำเนื้อมะเขือเทศสับใส่ลงในกระทะ ผัดให้เข้ากันอีกนิด เติมน้ำเปล่าหรือน้ำต้มมะเขือเทศให้เท่า ๆ กับซอสในกระทะเพื่อเคี่ยวให้ซอสนุ่มขึ้น ระหว่างนั้นก็ใส่ใบกระวานและก้านโหระพาลงไปเพื่อความหอมค่ะ ปรุงรสด้วยเกลือป่นอีกนิด เคี่ยวจนน้ำงวดและซอสข้นจนพอใจแล้วเลือกเอาใบกระวานและก้านโหระพาออก ใส่เนยสดเพิ่มความหอม ชิมรสชาติให้มีความเปรี้ยวอมหวานและเค็ม ๆ เล็กน้อยเป็นอันใช้ได้ค่ะ ยกลงเก็บไว้เลย

ต่อมาก็ใช้หม้อใบเดิมที่มีน้ำต้มมะเขือเทศอยู่ เปิดเตา รอจนน้ำเดือดใส่เกลือนิดหน่อยแล้วนำเส้นลงไปต้ม หลังจากเส้นจมน้ำทั้งหมดแล้วเริ่มจับเวลาตามที่ข้างห่อระบุไว้ ระหว่างนั้นก็หยิบกระทะขึ้นมาตั้งบนเตาข้าง ๆ เปิดไฟกลางค่อนอ่อน ตักซอสโบลองเนสปริมาณที่ต้องการใส่กระทะ หลังจากเส้นครบเวลาที่กำหนดแล้วตักเส้นใส่กระทะแล้วเริ่มคลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากันดีเลยค่ะ เสร็จแล้วตักใส่จาน โรยหน้าด้วยใบโหระพาสับและชีสขูด เสิร์ฟร้อน ๆ


4. สปาเก็ตตี้ซอสอัลเฟรโด

สปาเก็ตตี้ซอสอัลเฟรโด
สปาเก็ตตี้ซอสอัลเฟรโด

และแล้วก็ถึงคิวของซอสอัลเฟรโดผู้น่าสงสารที่ใครหลาย ๆ คนเข้าใจผิดว่าน้องเขาเป็นซอสคาร์โบนารามาตลอด ซอสอัลเฟรโดมีลักษณะเป็นครีมสีขาวคล้ายซอสคาร์โบนาราค่ะ แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือ ซอสอัลเฟรโดจะมีลักษณะฉ่ำและเป็นครีมเหลวมากกว่า นอกจากนี้ซอสอัลเฟรโดยังมีส่วนผสมหลักเป็นครีมซึ่งต่างจากซอสคาร์โบนาราที่ใช้ไข่ และสุดท้ายซอสอัลเฟรโดจะมีรสชาติเค็ม ๆ มัน ๆ น่าจะถูกใจเด็กอ้วนมากกว่าคาร์โบนาราจ้า

วัตถุดิบสปาเก็ตตี้ซอสอัลเฟรโด

  • เส้นสปาเก็ตตี้
  • เบคอน
  • เห็ดหอมสด
  • หอมใหญ่
  • ครีม
  • เกลือ
  • พริกไทย
  • พาร์เมซานชีส
  • เนย
  • น้ำมันมะกอก
  • น้ำเปล่า

วิธีทำสปาเก็ตตี้ซอสอัลเฟรโด

ขั้นตอนแรกก็ต้องเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก่อนค่ะ เริ่มจากหั่นเบคอนเป็นชิ้นตามต้องการ ตามด้วยซอยหอมใหญ่ และหั่นเห็ดเป็นชิ้นเตรียมไว้ หันมาตั้งหม้อ ใส่น้ำ เปิดไฟกลางค่อนแรง หลังจากน้ำเดือดแล้วใส่เกลือและเส้นสปาเก็ตตี้ กดเบา ๆ ให้เส้นจมน้ำหมดแล้วจับเวลาตามที่ระบุไว้ข้างกล่องได้เลย หลังจากเส้นอยู่ในระดับอัลดันเต้หรือช่วงก่อนครบเวลาข้างกล่องประมาณหนึ่งนาทีครึ่งก็ตักเส้นขึ้นมาพักไว้ เทน้ำมันมะกอกลงไปสักนิด คลุกเคล้าให้น้ำมันเคลือบเส้น เส้นจะได้ไม่ติดกันค่ะ

ตั้งกระทะ เปิดไฟกลาง ใส่น้ำมันมะกอกและเนยลงในกระทะ หลังจากน้ำมันเริ่มร้อนแล้วนำหอมใหญ่ลงไปผัดจนสุกใส ตามด้วยเบคอนและเห็ด ผัดจนเบคอนและเห็ดสุกดีแล้วก็ใส่ครีมลงไปเลยค่ะ ตักน้ำต้มเส้นใส่ลงไปนิดเพื่อไม่ให้ครีมข้นจนเกินไป ต้มต่อจนครีมเดือดและน้ำงวดลงอีกนิดค่ะ

น้ำงวดแล้วนำเส้นลงผัดกับซอส ผัดไปเรื่อย ๆ ให้ซอสเคลือบเส้นได้ดี ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย เคี่ยวต่อจนซอสงวดขึ้น มีความเป็นครีม ๆ มากขึ้น ซอสงวดแล้วขูดพาร์เมซานชีสลงไปเลยค่ะ คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากันดีและซอสข้นเกาะเส้นได้ดี จากนั้นปิดเตาแล้วตักใส่จานเสิร์ฟได้เลย


5. สปาเก็ตตี้กะเพราหมู (หรือกะเพราเนื้อก็ได้)

สปาเก็ตตี้กะเพราหมูสับ
สปาเก็ตตี้กะเพราเนื้อ

ซอสสปาเก็ตตี้แบบอิตาลีอาจจะมีความครีม ๆ มัน ๆ ไม่ค่อยถูกใจเพื่อน ๆ บางคนสักเท่าไหร่ เราจับเอาเส้นมาผสมผสานกับเมนูสไตล์ไทย ๆ บ้านเรากันบ้างดีกว่าค่ะ เริ่มจากเมนูยอดฮิตอย่างผัดกะเพราที่มีความเผ็ดร้อนเบา ๆ มีซอสกำลังดีช่วยให้ซอสเคลือบเส้นได้ดี เราจะปรุงรสชาติของผัดกะเพราให้ไม่จัดมากนัก เมื่อรับประทานพร้อมกับเส้นแล้วจะได้ฟิน ๆ ค่ะ ส่วนเส้นก็ออกรสเค็มนิด ๆ เข้ากันได้อย่างลงตัว

วัตถุดิบสปาเก็ตตี้กะเพราหมูสับ

  • เส้นสปาเก็ตตี้
  • เนื้อหรือหมูสับ
  • ใบกะเพรา
  • กระเทียม
  • พริกขี้หนูสด
  • เกลือ
  • น้ำตาล
  • ซอยหอยนางรม
  • น้ำปลา
  • น้ำมันมะกอก
  • น้ำเปล่า

วิธีทำสปาเก็ตตี้กะเพราหมูสับ

ขั้นตอนแรกเราก็ต้องมาเด็ดใบกะเพราเตรียมไว้ก่อนค่ะ จากนั้นตำพริกและกระเทียมให้พอแหลก พักไว้ก่อน และตั้งหม้อ ใส่น้ำ ใช้ไฟกลาง รอจนน้ำเดือดใส่เกลือและเส้นลงไปเหมือนเดิม รอจนเส้นจมน้ำหมดแล้วเริ่มจับเวลาให้หน่อยกว่าที่ระบุไว้บนกล่องหนึ่งนาที ขณะต้มก็คอยคนเรื่อย ๆ เพื่อกันไม่ให้เส้นติดก้นหม้อ ครบเวลาที่กำหนดแล้วก็ตักขึ้นมาคลุกน้ำมันให้ทั่ว กันเส้นติดกันค่ะ

ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน เปิดไฟกลาง น้ำมันเริ่มเดือดแล้วนำพริกกระเทียมลงไปผัดจนหอม ตามด้วยเนื้อ ผัดจนเนื้อเริ่มสุกแล้วปรุงรสด้วยน้ำตาล, ซอสหอยนางรม และน้ำปลา คลุกเคล้าให้เข้าอีกครั้ง นำเส้นสปาเก็ตตี้ลงคลุกจนซอสเคลือบเส้นจนทั่ว ถ้าน้ำแห้งเกินไปก็ตักน้ำต้มเส้นใส่ลงไปได้นะคะ คลุกเส้นจนเข้ากันดีแล้วก็ใส่ใบกะเพราลงไปเลยค่ะ คลุกสองสามครั้งให้ใบกะเพราสลด ปิดเตาแล้วตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ


6. สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล

สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล

ตามมาติด ๆ กับเมนูอิตาลีหัวใจไทยอย่าง สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาทะเล บอกเลยว่าเมนูนี้รสชาติจัดจ้านถูกใจคนแซ่บแน่นอน สูตรของเรายกมาหมดทะเล ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู หรือปลา มาแบบสด ๆ เนื้อแน่น ๆ คลุกเคล้ากับซอสขี้เมาที่ครบเครื่องทั้งใบมะกรูดหอม ๆ พริกไทยอ่อนเพิ่มความเป็ดร้อน หรือกระชายที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ผัดมาแบบข้น ๆ น้ำขลุกขลิก ซอสรสชาติเผ็ด ๆ เค็ม ๆ หวาน ๆ เคลือบเส้นสปาเก็ตตี้ที่ต้มมาแบบอัลดันเต้ นุ่ม ๆ หนึบ ๆ บอกเลยว่าจานนี้มีเติมแน่นอน

วัตถุดิบสปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล

  • เส้นสปาเก็ตตี้
  • อาหารทะเล
  • กระชาย
  • พริกไทยอ่อน
  • พริกสด
  • ใบโหระพา
  • กระเทียม
  • ใบมะกรูด
  • เกลือ
  • น้ำตาล
  • น้ำปลา
  • น้ำมันมะกอก
  • น้ำเปล่า

วิธีทำสปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล

ขั้นตอนแรกเพื่อน ๆ ต้องเตรียมอาหารทะเลให้เรียบร้อยก่อนค่ะ หลังจากนั้นหันมาซอยใบโหระพา, กระชาย และใบมะกรูดเป็นเส้นเล็ก ๆ จากนั้นตำพริกสดและกระเทียมให้พอแหลกค่ะ หันมาตั้งหม้อ ใส่น้ำ เปิดไฟกลางรอน้ำเดือด จากนั้นใส่เกลือและเส้นสปาเก็ตตี้แล้วตั้งเวลาเมื่อเส้นจมน้ำหมดแล้ว หลังจากครบเวลาที่กำหนดแล้วตักขึ้นมาคลุกน้ำมันให้ทั่วค่ะ

ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน เปิดไฟกลาง น้ำมันเริ่มร้อนแล้วนำกระเทียมและพริกตำลงผัดจนส่งกลิ่นหอม ตามด้วยอาหารทะเลที่เตรียมไว้ค่ะ ผัดต่อจนเนื้อสัตว์สุกกำลังดีแล้วตักขึ้นมาพักไว้ก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อสุกจนแข็ง และคอยนำเส้นสปาเก็ตตี้ที่พักไว้ลงผัด ตามด้วยกระชาย ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลอย่างละนิดหน่อย ผัดให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำอาหารทะเลลงผัดรวมกัน ปิดท้ายด้วยใบโหระพาและใบมะกรูดซอย คลุกอีกหนึ่งยก ปิดเตาแล้วตักใส่จานได้เลยจ้า


7. สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ

สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ
สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ

เปลี่ยนมาทำเมนูเอาใจเด็ก ๆ บ้างดีกว่า รับรองเลยว่าเมนูสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศของเราต้องถูกใจเด็ก ๆ แน่นอนค่ะ เพราะเราใส่ทั้งหมูสับและไส้กรอกมาแบบเน้น ๆ เพิ่มความอร่อยด้วยซอสมะเขือเทศรสเปรี้ยวอมหวาน แอบเติมผักอย่างหอมใหญ่และมะเขือเทศลงไปแบบเนียน ๆ รสชาติของซอสจะมีความเปรี้ยวอมหวาน กลมกล่อม เด็ก ๆ ทานแบบมีความสุขแน่นอน

วัตถุดิบสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ

  • เส้นสปาเก็ตตี้
  • หมูสับ
  • ไส้กรอก
  • หอมใหญ่
  • มะเขือเทศ
  • เกลือ
  • พริกไทย
  • ซอสมะเขือเทศ
  • น้ำมันมะกอก
  • น้ำเปล่า

วิธีทำสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ

ก่อนอื่นเราตั้งหม้อใส่น้ำ เปิดเตาไฟกลาง รอจนน้ำเดือดได้ที่ นำมะเขือเทศมาตัดขั้ว บากตรงส่วนท้ายเป็นรูปกากบาท ต้มจนส่วนที่บากเริ่มเปื่อยแล้วตัดออกมาน็อกน้ำเย็น จากนั้นใส่เกลือและเส้นสปาเก็ตตี้ลงไปต้มต่อในหม้อใบเดิมเลยค่ะ หลังจากเส้นจมหมดแล้วเริ่มจับเวลาตามที่แนะนำไว้ข้างกล่อง

ขณะรอเส้นเราจะมาเตรียมส่วนที่เหลือกันต่อ เริ่มจากสับหอมใหญ่ให้ละเอียด หั่นไส้กรอกเป็นชิ้น จากนั้นนำมะเขือเทศมาลอกเอาผิวออก หั่นเป็นสี่ส่วน ตัดเอาะเมล็ดทิ้งและสับเนื้อให้ละเอียดค่ะ ขณะเดียวกันก็หมั่นเช็กเส้นสปาเก็ตตี้ด้วยนะคะ คนบ่อย ๆ เมื่อครบเวลาแล้วตักออกมาคลุกน้ำมันมะกอกรอไว้

ตั้งกระทะ เปิดไฟกลาง ใส่น้ำมันมะกอก น้ำมันเริ่มร้อนแล้วนำหอมใหญ่ลงผัดจนหอม ตามด้วยหมูสับ ผัดจนหมูสุกใส่ไส้กรอกตามลงไปเลยค่ะ ผัดต่อจนไส้กรอกสุก ใส่เนื้อมะเขือเทศ ผัดให้เข้ากันอีกนิด ใส่ซอสมะเขือเทศ ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ผัดให้เข้ากันแล้วชิมรสชาติให้มีความเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ เมื่อรสชาติลงตัวแล้วตักซอสราดลงบนเส้นสปาเก็ตตี้ได้เลย


8. สปาเก็ตตี้ซอสคั่วกลิ้ง

นอกจากเมนูผัดขี้เมาแล้ว เส้นสปาเก็ตตี้ยังสามารถนำมารวมกับคั่วกลิ้งได้อีกนะคะทุกคน ใครที่ชื่นชอบเมนูอาหารใต้นี้ไม่ควรพลาดเมนูนี้ด้วยประการทั้งปวงเลยค่ะ เราจะปรุงซอสคั่วกลิ้งให้รสจัด เผ็ดจัดจ้านถึงใจ จากนั้นต้มเส้นสปาเก็ตตี้ให้อยู่ในระดับอัลดันเต้ เส้นก็จะนิ่ม ๆ หนึบ ๆ กำลังดี เข้ากับรสชาติเผ็ดร้อนสุด ๆ เพิ่มกลิ่นอายความเป็นไทยมากขึ้นด้วยใบมะกรูดและพริกไทยอ่อนที่มีความเผ็ดร้อนเบา ๆ พอเรียกเหงื่อ

วัตถุดิบสปาเก็ตตี้ซอสคั่วกลิ้ง

  • เส้นสปาเก็ตตี้
  • หมูสับ
  • พริกไทยอ่อน
  • ใบมะกรูด
  • พริกแกงคั่วกลิ้ง
  • น้ำตาล
  • เกลือ
  • น้ำปลา
  • น้ำมันพืช
  • น้ำเปล่า

วิธีทำสปาเก็ตตี้ซอสคั่วกลิ้ง

ขั้นตอนแรกเราต้องต้มเส้นก่อนเลยค่ะ ตั้งหม้อ ใส่น้ำเยอะ ๆ เปิดไฟกลางค่อนไปทางแรง หลังจากน้ำเดือดปุด ๆ แล้วใส่เกลือและเส้นลงไปได้เลย รอจนเส้นจมน้ำหมดแล้วเริ่มจับเวลาให้น้อยกว่าข้างกล่องประมาณ 1 นาที ครบตามที่กำหนดแล้วก็ตักขึ้นมาคลุกน้ำมันให้ทั่ว

ตั้งกระทะ เปิดไฟกลาง ใส่น้ำมัน หลังจากน้ำมันเริ่มร้อนแล้วนำพริกแกงลงไปผัดจนหอม ตามด้วยเนื้อหมู ผัดรวมกันจนหมูสุก ถ้าน้ำแห้งเกินไปสามารถตักน้ำต้มเส้นใส่ลงไปได้นะคะ หมูสุกดีแล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลและน้ำปลาอีกเล็กน้อย ผัดให้เข้ากันอีกครั้งแล้วบิดพริกไทยอ่อนเป็นเมล็ดใส่ลงไป จากนั้นใส่เส้นสปาเก็ตตี้ คลุกให้เข้ากัน ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยใบมะกรูดซอยสวย ๆ


9. สปาเก็ตตี้เบคอนพริกกระเทียม

สปาเก็ตตี้เบคอนพริกกระเทียม
สปาเก็ตตี้เบคอนพริกกระเทียม

สปาเก็ตตี้เบคอนถือเป็นอีกหนึ่งคอมบิเนชั่นที่อร่อยลงตัวสุด ๆ เราจะเพิ่มความเผ็ดร้อนของเมนูนี้ด้วยพริกแห้งที่นำมาผัดรวมกับเส้นและเบคอนรสชาติอร่อยถูกใจ เพิ่มความหอมด้วยกระเทียมและพาร์สลีย์สับ บอกเลยว่ารสชาตินี่ไม่เป็นสองรองใครเพราะมีทั้งรสเค็มอ่อน ๆ จากเส้นและเบคอนและได้ความเผ็ดเบา ๆ ของพริกมาช่วยเพิ่มสีสันและช่วยให้เมนูนี้ไม่เลี่ยนจนเกินไปค่ะ

วัตถุดิบสปาเก็ตตี้เบคอนพริกกระเทียม

  • เส้นปาเก็ตตี้
  • เบคอน
  • กระเทียม
  • พาร์สลีย์สด
  • พริกแห้ง
  • เกลือ
  • พริกไทย
  • น้ำมันมะกอก
  • น้ำเปล่า

วิธีทำสปาเก็ตตี้เบคอนพริกกระเทียม

ตั้งหม้อ ใส่น้ำ เปิดไฟกลาง น้ำเดือดได้ที่แล้วใส่เกลือและเส้นปาเก็ตตี้ หลังจากเส้นสุกตักขึ้นมาพักไว้และคลุกด้วยน้ำมันมะกอกให้ทั่ว หั่นเบคอนเป็นชิ้นตามชอบ ตามด้วยฝานกระเทียม และหั่นพริกแห้งเป็นชิ้น ส่วนพาร์สลีเราจะซอยจนละเอียดเลยค่ะ จากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมันมะกอกให้พอเคลือบกระทะ เปิดไฟกลาง หลังจากน้ำมันเริ่มร้อนแล้วนำเบคอนลงผัดจนสุกและมีสีเข้มขึ้นตามชอบเลยค่ะ ตามด้วยกระเทียม ผัดกระเทียมจนสุกและกรอบขึ้นเล็กน้อย เติมน้ำเปล่าอีกนิด เร่งไฟกลางค่อนแรงแล้วใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงไปค่ะ ผัดรวมกันจนน้ำมันเคลือบเส้นดีแล้วใส่พาร์สลีย์ตามลงไปค่ะ ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย คนเบา ๆ ให้เข้ากัน ปิดเตาและตักใส่จานได้เลยค่ะ


10. สปาเก็ตตี้ฉู่ฉี่แซลมอน

สปาเก็ตตี้ฉู่ฉี่แซลมอน
สปาเก็ตตี้ฉู่ฉี่แซลมอน

ปิดท้ายกันด้วยเมนูไทยโบราณมาตรฐานอินเตอร์ เราจะนำฉู่ฉี่ที่เพื่อน ๆ คุ้นเคยกันดีมารวมกับปลาแซลมอนที่มีความหวานเป็นธรรมชาติ ทานพร้อมกับเส้นสปาเก็ตตี้รสเค็มอ่อน ๆ รสชาติโดยรวมก็จะได้เท็กซ์เจอร์แน่น ๆ จากแซลมอน มีความหนึบของเส้น และซอสแกงฉู่ฉี่จะมีรสชาติเผ็ดอ่อน ๆ เข้ากันได้ดีสุด ๆ เพิ่มความหอมอีกนิดด้วยใบโหระพาค่ะ

วัตถุดิบสปาเก็ตตี้ฉู่ฉี่แซลมอน

  • เส้นสปาเก็ตตี้
  • ปลาแซลมอนหั่นชิ้น
  • พริกแกงฉู่ฉี่
  • ใบโหระพา
  • พริกชี้ฟ้าแดง
  • กะทิ
  • เกลือ
  • พริกไทย
  • น้ำตาล
  • น้ำปลา
  • น้ำมันมะกอก
  • น้ำเปล่า

วิธีทำสปาเก็ตตี้ฉู่ฉี่แซลมอน

ขั้นตอนแรกเหมือนเดิมเลยค่ะ ตั้งหม้อใส่น้ำเยอะ ๆ ตั้งไฟกลางค่อนแรง น้ำเดือดได้ที่แล้วใส่เส้นสปาเก็ตตี้และเกลือ ค่อย ๆ กดจนเส้นจมแล้วจับเวลาให้หน่อยกว่าที่ข้างกล่องระบุไว้ 1 นาที ครบกำหนดแล้วตักขึ้นมาคลุกน้ำมันมะกอก หันมาหั่นพริกชี้ฟ้าเป็นเส้น ๆ เตรียมไว้

ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้พอเคลือบกระทะ เปิดไฟกลาง ระหว่างรอน้ำมันร้อนหันมาปรุงรสแซลมอนด้วยเกลือและพริกไทย ถู ๆ ให้เข้าเนื้อนิดนึงนะคะ น้ำมันร้อนดีแล้วเอาแซลมอนด้านหนังลงย่างในกระทะ ใจเย็น ๆ รอจนกว่าหนังแซลมอนจะกรอบและเนื้อแซลมอนสุกจนเกือบถึงกลางชิ้น จากนั้นพลิกกลับเอาอีกด้านหนึ่งลงไปแทน เนื้อสุกดีแล้วเอาด้านข้าง ๆ ทั้ง 2 ด้านจี่อีกรอบ ตักขึ้นมาพักไว้ก่อน

ใช้กระทะใบเดิม เทน้ำมันออกแล้วใส่กะทิลงไปแทนค่ะ ไม่ต้องใส่เยอะนะคะเพราะเราจะทำเป็นซอสข้น ๆ จากนั้นเคี่ยวจนกะทิแตกมัน ใส่พริกแกงลงไปผัดให้เข้ากัน ส่วนผสมในกระทะสุกดีแล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลและน้ำปลานิดหน่อย ถ้าน้ำแห้งเกินไปสามารถตักน้ำต้มเส้นเติมลงไปได้นิดหน่อยค่ะ ให้พอซอสไม่ไหม้ติดกระทะ เมื่อซอสได้ที่แล้วก็ตักเส้นสปาเก็ตตี้ใส่จาน วางเคียงด้วยแซลมอน ตักซอสฉู่ฉี่ราดลงไปด้านบน ปิดท้ายด้วยพริกชี้ฟ้าซอยและเด็ดใบโหระพาโรยลงไปให้สวยงามค่ะ






โอโห ขอบอกเลยว่าเขียนสูตรอาหารไปกลืนน้ำลายไปเลยค่ะ แต่ละสูตรแต่ละเมนูน่ารับประทานทั้งนั้นเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นซอสสไตล์อิตาลีดั้งเดิมหรือซอสไทย ๆ ที่มีให้คุณเลือกมากมาย บางเมนูนี่คิดไม่ถึงเลยค่ะว่าอาหารบ้าน ๆ ที่เห็นกันจนชินตา เมื่อนำมารวมกับเส้นก๋วยเตี๋ยวของเมืองนอกแล้วมันช่างเข้ากันและดูหรูหราขึ้นมาอีกหลายระดับได้ขนาดนี้ งานนี้เพื่อน ๆ ต้องไปลองทำตามกันแล้วนะคะ หรือเพื่อน ๆ จะลองคิดค้นสปาเก็ตตี้สูตรใหม่ขึ้นมาเองก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะ ลองนำเมนูหมู ๆ , เมนูไก่, ปลากระป๋อง, อาหารเหนือ, อาหารอีสาน หรือนำน้ำพริกไทย ๆ มาคลุกเคล้าผสมผสานกับเส้นพาสต้าแบบต่าง ๆ ก็ดูน่าอร่อยดีนะคะ ทำเสร็จใหม่ ๆ แล้วทานตอนที่ยังร้อน ๆ นี่อร่อยสุด ๆ เลย แต่ถ้ายังไม่เชี่ยวชาญขนาดนั้นก็ลองทำตามสูตรที่เราแนะนำดูก่อนก็ได้ค่ะ รับรองว่าอร่อยเหมือนนั่งกินอยู่บนเรือในเมืองเวนิสเลยแหละ


References 

  1. Pasta
  2. Marco Polo
  3. Genoa
Ningning

Ningning

Hi guys, I'm Ningning. Graduated from NSTRU in Business English Program. I'd like to sing a song even though my voice is ... Nice to meet you :)

Next Post