สวัสดีค่าทุกคนกลับมาเจออีกแล้วแบบรวดเร็วทันใจ เป็นอย่างไรบ้างคะกับอาหารทะเลอย่างเมนูปลา, เมนูปลาแซลมอนและเมนูจากกุ้ง ที่เราแนะนำเพื่อน ๆ ไปในบทความที่แล้ว ลองทำตามกันหรือยัง? ตอนนี้เรามูฟออนไปยังวัตถุดิบใหม่ของเราดีกว่า นั่นก็คือ “เมนูจากปลาหมึก” นั่นเองค่ะ เป็นคอนเทนท์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเอาใจคนชอบทานปลาหมึกโดยเฉพาะเลยนะคะเนี่ย ส่วนสาเหตุที่เราเลือกทำเมนูจากหมึกก็เพราะเรามีความคิดอยากไปเที่ยวเกาะมากเลยค่ะ อยากไปดำน้ำชมปะการัง เดินเล่นรับลมทะเล แล้วพอตกกลางคืนก็นั่งเรือออกไปตกหมึก กินซาซิมิหมึกสด ๆ บนเรือพร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดแซ่บ ๆ แต่จากสถานการณ์โควิด 19 ทำให้ต้องพับเก็บแผนการทุกอย่างเอาไว้ก่อนค่ะ ตอนที่ทำได้แค่จินตนาการว่าหลังจากออกทะเลตกหมึกมาแล้วเนี่ยจะเอาหมึกที่ได้มาทำเมนูอะไรดี แล้วก็ออกมาเป็นเมนูด้านล่างนี้เลยค่ะ ซ้อมไว้ตอนได้ไปจริงจะได้กะถูกว่าต้องตกหมึกกลับมากี่ตัวถึงจะพอ อิอิ
1. หมึกไข่ต้มหวาน

เมนูนี้เป็นอาหารขึ้นชื่อของภาคใต้เลยนะคะ หมึกไข่ต้มหวานแต่ไม่ได้ออกมาเป็นน้ำซุปและไม่ได้หวานเหมือนชื่อ เพราะมันคือการนำหมึกไปผัดกับเครื่องปรุงต่าง ๆ จนสุกและมีน้ำซอสเคลือบผิว รสชาติเค็ม ๆ หวาน ๆ กลมกล่อม กัดตรงไหนก็เจอไข่หมึกแน่น ๆ ตรงนั้น ยิ่งทานร้อน ๆ กลิ่นหอมตลบอบอวลมากเลยค่ะ
วัตถุดิบหมึกไข่ต้มหวาน
- หมึกไข่
- กระเทียม
- รากผักชี
- พริกไทย
- น้ำตาลปึก
- เกลือ
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำมันพืช
วิธีทำหมึกไข่ต้มหวาน
ขั้นตอนแรกนำหมึกมาล้างทำความสะอาด ดึงดี, ตา และปากหมึกออก บั้งข้างลำตัวตามชอบเลยค่ะ หลังจากนั้นตำพริกไทย, กระเทียม และรากผักชีเข้าด้วยกันให้ละเอียด เรียกสิ่งนี้ว่าสามเกลอ

ตั้งกระทะ เปิดไฟกลางใส่น้ำมันพืช น้ำมันร้อนแล้วใส่สามเกลอลงไปผัดให้หอม ตามด้วยหมึก พอหมึกเริ่มเปลี่ยนสีใส่น้ำตาลปึก, เกลือ, และซีอิ๊วขาว คนให้เข้ากันสักพักน้ำในหมึกจะออกมาค่ะ คนให้น้ำตาลละลายและทิ้งไว้จนน้ำงวด ใช้เวลาประมาณ 20 นาที หลังจากนั้นผัดต่อจนแห้งตามต้องการและตักใส่จานเสิร์ฟตอนร้อน ๆ เลยค่ะ
2. หมึกผัดไข่เค็ม

เมนูนี้ก็เป็นเมนูยอดฮิตประจำร้านอาหารทะเล เพราะเนื้อหมึกหนุบหนับเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับความมัน ๆ นัว ๆ ของไข่แดงเค็ม นำทั้งสองอย่างนี้มาผัดเข้าด้วยกันแล้วปรุงรสให้อร่อยกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ใส่คึ่นฉ่ายเพิ่มความหอมอีกนิด รสชาติและซอสไข่เค็มสุดเข้มข้นจะแทรกซึมอยู่ในทุกอณูของหมึก ทานพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมซดน้ำต้มยำอีกคำใหญ่ ๆ คือฟินนนน
วัตถุดิบหมึกผัดไข่เค็ม
- หมึกสด
- กระเทียมสับ
- พริกชี้ฟ้า
- ต้นหอม
- คึ่นฉ่าย
- ไข่แดงเค็มสุก
- ไข่เค็มสุกเต็มฟอง
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสหอยนางรม
- น้ำพริกเผา
- น้ำตาลทราย
- น้ำอุ่น
- น้ำมันพืช
วิธีทำหมึกผัดไข่เค็ม
ล้างทำความสะอาด เอาดี, ตา, กระดอง และปากหมึกออก หลังจากนั้นจะหั่นเป็นแว่นหรือหั่นชิ้นแล้วบั้งลายก็เลือกได้ตามความชอบเลยค่ะ หันมาสับกระเทียม, หั่นแฉลบพริกชี้ฟ้า, ส่วนต้นหอมและคึ่นฉ่ายหั่นเป็นท่อน
ผสมไข่แดงเค็มกับน้ำอุ่นและบดให้ละลาย ปรุงรสด้วยน้ำพริกเผา, ซีอิ๊วขาว, ซอสหอยนางรม และน้ำตาลทราย ผสมให้เข้ากัน ส่วนไข่เค็มเต็มฟองจะหั่นเป็นชิ้น ๆ
ตั้งกระทะ เปิดไฟกลาง ใส่น้ำมันพอร้อนก็นำกระเทียมลงไปผัดให้หอม ตามด้วยไข่แดงบด, หมึก และไข่เค็มชิ้น ผัด ๆ คลุก ๆ จนหมึกสุกและไข่เค็มเริ่มเกาะบนเนื้อหมึก หมึกสุกดีแล้วใส่คึ่นฉ่าย, ต้นหอม และพริกชี้ฟ้า ผัดให้ส่วนผสมเข้ากันก็ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟแล้ว
3. หมึกทอดกระเทียม

เป็นใครก็ต้องน้ำลายสอกับเมนูหมึกทอดกระเทียมของเรา เพราะหมึกทอดกรอบ ๆ เนื้อเด้งฉ่ำ คลุกเคล้ากระเทียมเจียวปรุงรสที่มีความกลมกล่อม จิ้มซอสพริกนิดหน่อย เคี้ยวกรุบ ๆ พร้อมหอมกลิ่นกระเทียมพริกไทยอบอวลอยู่ในปากหอม ๆ อย่ารอช้าไปดูวิธีทำกันเลย
วัตถุดิบหมึกทอดกระเทียม
- หมึกสด
- กระเทียมไทย
- พริกไทยป่น
- แป้งทอดกรอบ
- เกลือ
- น้ำมันพืช
- น้ำเปล่า
วิธีทำหมึกทอดกระเทียม
ล้างทำความสะอาดและดึงเมือกหมึกออกให้หมด หลังจากนั้นตั้งหม้อใส่น้ำและนำหมึกลงไปลวกให้พอสุก ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำและเย็นลง เสร็จแล้วมาตำกระเทียมทั้งเปลือกให้แหลกค่ะ แนะนำหากคุณไม่ต้องการใช้มือของคุณเหม็นกลิ่นกระเทียมให้ใช้ที่บดกระเทียมที่ออกแบบมาให้ใช้งานด้านนี้โดยเฉพาะจะสะดวกกว่าเยอะเลยค่ะ
นำหมึกลวกมาคลุกเคล้ากับแป้งทอดกรอบและพริกไทยป่น หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน เปิดไฟกลางค่อนอ่อน หลังจากนั้นนำกระเทียมลงไปเจียวจนหอมและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ตักออกจากน้ำมันจนหมด คลุกเกลือนิดหน่อยและผึ่งลมให้กรอบ หลังจากนั้นปรับเป็นไฟกลางและนำหมึกลงทอดต่อค่ะ ทอดไปเรื่อย ๆ หมั่นคนไม่ให้หมึกติดกัน จนเหลืองกรอบดีแล้วตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดหมึกทอดใส่จาน โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว เสิร์ฟพร้อมซอสพริก
4. ยำหนวดหมึก

เปลี่ยนมาทำยำหนวดหมึกแซ่บ ๆ นัว ๆ กันบ้าง เราจะเลือกเอาหนวดหมึกกระดองชิ้นใหญ่ ๆ เนื้อแน่น ๆ มาลวกให้สุกและผสมคลุกเคล้ากับน้ำยำรสจัดจ้าน เผ็ด เปรี้ยว ครบรส หนวดหมึกนี่เด้งกรอบกรุบ ๆ ทานพร้อมผักสดและแตงกวาแช่เย็น
วัตถุดิบยำหนวดหมึก
- หนวดหมึกกระดอง
- พริกจินดา
- กระเทียม
- ตะไคร้
- ใบมะกรูด
- หอมแขก
- มะนาว
- ต้นหอม
- คึ่นฉ่าย
- เกลือ
- น้ำตาลปี๊บ
- น้ำปลา
- น้ำส้มสายชู
วิธีทำยำหนวดหมึก
นำหนวดหมึกมาขยำเกลือและน้ำส้มสายชูให้สะอาด ดึงเอาปากหมึกออก ล้างน้ำหลาย ๆ รอบ นำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ หลังจากนั้นตั้งหม้อใส่น้ำ รอเดือดทุบตะไคร้และฉีกใบมะกรูดใส่ลงไป นำหนวดหมึกลงไปลวกให้สุกและตั้งขึ้นน็อคน้ำเย็นทันทีค่ะ
หั่นหอมแขก, ต้นหอม และคึ่นฉ่าย ซอยกระเทียม, ฝานและคั้นน้ำมะนาว, ตำพริกจินดาให้แหลก หลังจากนั้นำมาผสมกันและปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา สุดท้ายใส่หยวดหมึกลวกและคลุกเคล้าให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ
5. ต้มยำปลาหมึก

หุงช้าวสวยรอเลยค่ะเพื่อน ๆ เพราะต้มยำปลาหมึกหม้อนี้ของเราเนี่ยรับรองว่าแซ่บ อร่อย จัดจ้าน น้ำต้มยำหอมตะไคร้ใบมะกรูดและกลิ่นมะนาวสด ใส่นมจืดช่วยให้น้ำข้นถึงใจ ปรุงรสให้เปรี้ยวเค็มหวานเผ็ดครบรส ส่วนหมึกไม่ต้องพูดถึงค่ะเพราะนุ่มหนึบสุด ๆ
วัตถุดิบต้มยำปลาหมึก
- หมึกสด
- คึ่นฉ่าย
- ข่า
- ตะไคร้
- ใบมะกรูด
- หอมแดง
- พริกจินดาแดง
- มะเขือเทศ
- มะนาว
- เกลือ
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- น้ำพริกเผา
- นมข้นจืด
- น้ำเปล่า
วิธีทำต้มยำปลาหมึก
ขั้นตอนแรกทำเหมือนเดิมค่ะ ล้าง, ดึงดี, ดึงตา, ดึงกระดอง และเอาปากหมึกออก หลังจากนั้นเพื่อน ๆ จะใช้ทั้งตัว, หั่นแว่น, หั่นชิ้นแล้วบั้งก็ได้ค่ะ เลือกตามชอบ จากนั้นหั่นแฉลบตะไคร้, ดึงก้านใบมะกรูด, ทุบหอมแดงและพริกจินดา, หั่นมะเขือเทศและขึ้นฉ่าย และฝานมะนาวคั้นน้ำรอไว้ให้เรียบร้อยเลยค่ะ แนะนำให้ใช้ที่คั้นมะนาวเฉพาะ จะได้ไม่ต้องแสบมือระหว่างคั้นนะคะ
ตอนนี้เราจะมาเริ่มทำต้มยำแล้วนะคะ เริ่มจากตั้งหม้อใส่น้ำเปล่า เปิดไฟแรงจนน้ำเดือด หลังจากนั้นใส่ตะไคร้, ข่า, ใบมะกรูด และมะเขือเทศ ทิ้งให้น้ำเดือดและส่งกลิ่นหอม ปรับไฟกลางและใส่นมข้นจืด น้ำเดือดอีกครั้งใส่หมึกลงไปเลยค่ะ ปรุงรสด้วยเกลือ, น้ำตาล, น้ำปลา, น้ำพริกเผา, และพริกจินดา ปล่อยให้หมึกสุกโดยไม่ต้องคนนะคะ หลังจากหมึกสุกดีแล้วใส่คึ่นฉ่าย คนนิดหน่อยให้เข้ากันแล้วปิดเตา รอประมาณ 2-3 นาทีค่อยใส่น้ำมะนาว ชิมรสชาติตามชอบและตักเสิร์ฟค่ะ ส่วนการที่เรารอสามนาทีหลังปิดเตาเพราะมันจะช่วยให้กลิ่นมะนาวชัดและหอมขึ้นนั่นเอง
6. หมึกผัดผงกะหรี่

หมึกผัดผงกะหรี่หอม ๆ มาเสิร์ฟแล้วจ้า จานนี้จัดเต็มด้วยหมึกชิ้นโต ๆ เนื้อเด้ง นุ่ม หนึบ คลุกเคล้าซอสกะหรี่หอม ๆ รสชาติมัน ๆ หวาน ๆ นัวกลมกล่อม มีเผ็ดปลายลิ้นนิด ๆ เพื่อตัดรส ส่วนวิธีการทำก็ง่ายแสนง่าย จะใช้วัตถุดิบและมีวิธีทำอย่างไรไปดูกันเลยค่ะ
วัตถุดิบหมึกผัดผงกะหรี่
- หมึกสด
- ไข่ไก่
- กระเทียม
- พริกชี้ฟ้าแดง
- หอมหัวใหญ่
- ต้นหอม
- คึ่นฉ่าย
- ผงกะหรี่
- ซอสหอยนางรม
- ซอสปรุงรส
- น้ำพริกเผา
- น้ำตาล
- นมข้นจืด
- น้ำเปล่า
- น้ำมัน
วิธีทำหมึกผัดผงกะหรี่
เตรียมหมึก หั่นให้เรียบร้อย หลังจากนั้นตั้งหม้อใส่น้ำ น้ำเดือดนำหมึกลงไปลวกให้สุก หันมาหั่นแฉลบพริกชี้ฟ้า, หั่นหอมหัวใหญ่, ต้นหอม และคึ่นฉ่าย, สับกระเทียม หลังจากนั้นเตรียมซอสด้วยการตอกไข่ ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม, ซอสปรุงรส, น้ำพริกเผา, น้ำตาล และนมข้นจืด ตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน พักไว้ก่อน
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเปิดไฟกลาง หลังจากน้ำมันร้อนแล้วใส่กระเทียมลงไปผัดให้หอม ตามด้วยผงกะหรี่ ผัดจนผงกะหรี่หอมตามด้วยหอมหัวใหญ่ หลังจากหอมใหญ่เริ่มสุกใสแล้วนำซอสลงไปผัดจนไข่เริ่มข้นขึ้นใส่หมึกลงไปเลยค่ะ รีบคลุกให้ส่วนผสมเข้ากัน หลังจากนั้นใส่พริกชี้ฟ้า, ต้นหอม และคึ่นฉ่าย ผัดให้ผักสลดอีกนิดหน่อยก็ตักใส่จานเสิร์ฟได้เลย
7. แกงเหลืองหมึกผักรวม
ทานต้ม ๆ ผัด ๆ มาเยอะแล้ว เปลี่ยนมาทำเมนูแกงกันบ้างดีกว่า กับแกงเหลืองหมึกผักรวม ขอบอกเลยว่าสูตรนี้เนี่ยเปรี้ยวเผ็ดกลมกล่อมลงตัวมาก ๆ หมึกทั้งตัวเนื้อเน้น ๆ ส่วนผักเราก็เลือกได้ตามความชอบ ยิ่งเป็นถั่วงอกหัวโตขอบอกว่าอร่อยและเข้ากันมาก ๆ ค่ะ เพราะถั่วงอกจะมีความมัน ๆ ตัดกับน้ำแกงได้ดี
วัตถุดิบแกงเหลืองหมึกผักรวม
- หมึกสด
- ผักสดตามชอบ
- มะนาว
- พริกแกงเหลือง
- กะปิ
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- น้ำเปล่า
วิธีทำแกงเหลืองหมึกผักรวม
เตรียมหมึก บั้งตามลำตัว หลังจากนั้นล้างทำความสะอาดและเตรียมผักที่เราจะใส่ในแกงเหลืองต่อค่ะ ส่วนมะนาวฝานคั้นน้ำรอไว้
ตั้งหม้อใส่น้ำ เปิดไฟรอเดือดและใส่พริกแกงกับกะปิลงไป แนะนำให้ใส่กะปิในปริมาณ ¼ ของพริกแกงก็พอนะคะ ละลายพริกแกงและรอน้ำเดือดอีกครั้งใส่ผักของเราลงไปเลย ทิ้งไว้จนผักเริ่มสุกปรุงรสด้วยน้ำตาลและน้ำปลา หลังจากนั้นใส่หมึก ปิดผารอน้ำเดือดอีกครั้ง ถ้าหมึกสุกแล้วก็ปิดเตาและใส่น้ำมะนาวตามลงไปได้เลย แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
8. หมึกแดดเดียวพร้อมจิ้มรสแซ่บ

หันมาลองทำหมึกแดดเดียวทานกันบ้าง ขอบอกเลยว่าทำง่ายแต่ใช้เวลานานนิดหน่อย เลือกหมึกสดตัวใหญ่ ๆ มาล้างทำความสะอาด หมักน้ำปลานิดหน่อยและนำไปตากแดดจนหนังแห้ง นำมาทอดจนสุก หมึกของเราจะเนื้อเหนียว แต่ด้านในนุ่ม เคี้ยวคำแรกไม่เท่าไหร่ แต่คำต่อไปความหวานจากเนื้อหมึกจะออกมาเต็ม ๆ ทานกันฟิน ๆ เลยค่ะ ยิ่งมาพร้อมกับน้ำจิ้มน้ำส้มสายชูที่ขอบอกว่าอร่อยมาก รสชาติอาจจะแปลก ๆ นิดหน่อยตอนทานครั้งแรก แต่ครั้งต่อ ๆ ไปจะต้องติดใจแน่นอน
วัตถุดิบหมึกแดดเดียวพร้อมจิ้มรสแซ่บ
- หมึกสด
- น้ำตาลโตนด
- หัวน้ำปลา
- น้ำเปล่า
- น้ำมันพืช
- ส่วนผสมน้ำจิ้ม
- ผักชี
- พริกขี้หนู
- กระเทียม
- น้ำส้มสายชู
- น้ำตาลปี๊บ
- น้ำต้มสุก
วิธีทำหมึกแดดเดียวพร้อมจิ้มรสแซ่บ
ผ่าหมึกตามแนวยาว ดึงไส้, ผ่าตา, ตัดปาก และขูดเอาเมือกออกให้หมดค่ะ หลังจากนั้นผสมหัวน้ำปลาและน้ำตาลโตนดละลายน้ำเข้าด้วยกัน แช่หมึกประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วนำไปตากแดดจัด ๆ สังเกตเมื่อหนังด้านที่โดนแดดเริ่มแห้งก็พลิกกลับด้านได้แล้วค่ะ
ครบหนึ่งวันแล้วเก็บหมึกได้เลยค่ะ นำมาหั่นขอบเป็นริ้ว ๆ หรือจะหั่นเป็นเส้นก็ได้นะคะ หลังจากนั้นตั้งกระทะ ใช้ไฟกลาง น้ำมันร้อนแล้วใส่หมึกลงไปทอดเลย คนไปเรื่อย ๆ จนกว่าหมึกจะสีเข้มขึ้นและขอบเริ่มกรอบก็ตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันแล้วจัดใส่จาน
หันมาทำน้ำจิ้มกันบ้าง เริ่มจากโขลกพริกกระเทียมให้แหลก หลังจากนั้นเติมน้ำตาลปี๊บ, น้ำส้มสายชู และเกลือ ผสมให้น้ำตาลปี๊บและเกลือละลายจนหมด โรยหน้าด้วยผักชี ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ
9. กะเพราปลาหมึก

ข้าวกะเพราคงเป็นเมนูกันตายของใครหลาย ๆ คน และในเมื่อวัตถุดิบหลักของวันนี้เป็นปลาหมึก ดังนั้นเราก็จะนำปลาหมึกหั่นชิ้นโต ๆ มาผัดกะเพรารสชาติเข้มข้น เค็ม ๆ หวาน ๆ กลมกล่อม ราดข้าวสวยร้อน ๆ ทานตอนหิวนี่สุขใจสุด ๆ
วัตถุดิบกะเพราปลาหมึก
- หมึกสด
- ใบกะเพรา
- พริกสด
- กระเทียม
- ซอสหอยนางรม
- น้ำปลา
- น้ำตาล
- น้ำมันพืช
วิธีทำกะเพราปลาหมึก
ล้างทำความสะอาดและเตรียมหมึกไว้ หันมาตำพริกกระเทียมให้เข้ากัน หลังจากนั้นเด็ดใบกะเพราแช่น้ำรอไว้ ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน เปิดไฟกลาง น้ำมันร้อนแล้วใส่พริกกระเทียมลงไปผัดให้หอม ตามด้วยปลาหมึกชิ้นโต ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม, น้ำตาล และน้ำปลา คลุกเคล้าให้เข้ากันด้วยความว่องไว ใส่ใบกะเพราะลงไปปิดท้าย คลุกเคล้าให้หอมอีกหน่อย ตักขึ้นราดบนข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมรับประทาน
10. หมึกย่าง น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด

ปิดท้ายกันด้วยหมึกย่างส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั้งหมู่บ้าน เวลาไปซื้อหมึกย่างเหลือง ๆ ตามตลาดนัดทีไรถ้าไม่ได้เนื้อน้อยก็มีราคาแพงกระเป๋าฉีกทุกครั้ง ดังนั้นวันนี้เราเลยมาทำหมึกย่างตลาดนัดทานที่บ้านดีกว่า ขอบอกเลยว่าเป็นอะไรที่ง่ายม๊ากกกกก เนื้อหมึกจะเด้ง ๆ แน่น ๆ เหนียวหนึบ ย่างมาหอม ๆ จิ้มน้ำจิ้มเปรี้ยว ๆ แซ่บ ๆ ให้ทาน 100 ไม้ก็ไหว
วัตถุดิบหมึกย่าง
- หมึกกระดอง
- ซีอิ๊วดำ
- ผงขมิ้น
- น้ำปูนใส
- ส่วนผสม
- กระเทียม
- พริกขี้หนูสด
- รากผักชี
- น้ำตาล
- เกลือ
- น้ำปลา
- น้ำมะนาว
วิธีทำหมึกย่าง
ผสมซีอิ๊วดำและขมิ้นผงเข้าด้วยกัน เติมน้ำเปล่าเพื่อละลายไม่ให้เข้มจนเกินไปค่ะ เทใส่ภาชนะทรงสูงพักไว้ หลังจากนั้นนำไม้เสียบลูกชิ้นที่เราจะเสียบหมึกไปแช่น้ำเปล่า เวลาปิ้งจะได้ไม่ไหม้
ล้างทำความสะอาดหมึกโดยขยำหมึกกับเกลือและล้างหลาย ๆ ครั้งจนฟองเหลือน้อยที่สุด หลังจากนั้นแช่น้ำปูนใสให้ท่วม ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีค่ะ ครบเวลาแล้วเทน้ำปูนใสออกแล้วล้างน้ำเปล่าอีกสักรอบค่ะ เสร็จแล้วนำไปแช่น้ำขมิ้นที่เราทำไว้ในขั้นตอนแรก
เตรียมหมึกเสร็จแล้วมาทำน้ำจิ้มกันต่อค่ะ นำพริก, กระเทียม, รากผักชี, น้ำตาล, เกลือ, น้ำปลา และน้ำมะนาวเข้าเครื่องปั่น ปั่นผสมกันเอาแบบพริกกระเทียมไม่ต้องละเอียดมากนะคะ หลังจากนั้นเทใส่ถ้วยพักไว้ โรยหน้าด้วยกระเทียมซอยและมะนาวฝานเพื่อความสวยงาม
![]() | กะทะปิ้งย่าง พร้อมหม้อสุกี้บาร์บีคิว เตาย่างบาบีคิวไฟฟ้า กระทะสุกี้ กะทะเคลือบ | |
![]() | กระทะปิ้งย่างไฟฟ้า พร้อมหม้อชาบู 2 ช่อง ครบครันใน 1 เดียว |
นำหมึกมาย่างไฟกลางค่อนไปทางแรง ยิ่งเป็นเตาถ่านจะยิ่งหอม แต่ถ้าไม่มีอนุโลมให้ใช้เตาย่างไฟฟ้าได้ค่ะ หลังจากหนังหมึกเริ่มแห้งแล้วเราก็จัดการบั้งเล็กน้อยเพื่อให้หมึกด้านในโดนความร้อนง่ายขึ้น พลิกไปพลิกมา ใช้เวลาไม่นานหมึกย่างหอม ๆ ก็พร้อมเสิร์ฟ

หมึก กับ ปลาหมึก แตกต่างกันอย่างไร?
เพื่อน ๆ เคยสงสัยไหมคะว่าจริง ๆ แล้วเราควรเรียกเจ้าสิ่งมีชีวิตแปดหนวดว่า “หมึก” หรือ “ปลาหมึก” ดี? จากที่เราได้ไปค้นคว้าหาข้อมูลมาก็พบว่า ตามหลักพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 และเว็บไซต์ทางการต่าง ๆ ได้ระบุไว้ว่า หมึกเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง จัดเป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มเดียวกับหอย! และหมึกไม่ใช่ปลา! (1)

ดังนั้น ถ้าแปลตรง ๆ ตัวคือเราควรเรียกเจ้าแปดหนวดว่า “หมึก” แต่เนื่องจากคำว่าหมึกเนี่ยดันไปพ้องเสียงตรงกับน้ำหมึกที่ใช้ขีดเขียน ถ้าใช้คำเดียวกันก็อาจจะสับสนได้ง่าย และหมึกก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำ ดังนั้นคำว่า “ปลาหมึก” ดูจะเป็นคำที่บ่งบอกถึงเจ้าแปดหนวดได้ดีกว่าและคำนี้ก็กลายเป็นภาษาทางการของหมึก (2) เพราะปกติส่วนใหญ่เราก็เรียกสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำว่าปลาอยู่แล้ว จะเพิ่มคำว่าปลานำหน้าหมึกก็คงจะไม่แปลกสักเท่าไหร่ อีกทั้งยังทำให้ความหมายของหมึกตรงตัวมากขึ้นไปอีกค่ะ เวลาโดนไหว้วานให้ไปซื้อหมึกจะได้ไม่สับสนว่าเขาหมายถึงสิ่งมีชีวิตหรืออุปกรณ์เครื่องเขียน
ปลาหมึกแต่ละชนิดแตกต่างกันยังไง?
ก่อนจะไปดูเมนูจากปลาหมึกเราแวะมาทำความรู้จักหมึกให้มากขึ้นอีกสักหน่อยดีกว่าค่ะ เพื่อน ๆ ทราบไหมคะว่าหมึกเนี่ยเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีมาตั้งแต่เมื่อ 500 ล้านปีที่แล้วเลยนะ (1) เรียกว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับไดโนเสาร์เลยแหละ นอกจากนี้หมึกยังเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของบ้านเราเป็นอันดับสองรองจากกุ้งเลยนะ แต่ถึงอย่างนั้นหมึกก็ยังเป็นสัตว์น้ำที่เพาะเลี้ยงยากมากอีกด้วยค่ะ ซึ่งปลาหมึกเองก็สามารถแบ่งออกเป็นสี่ชนิดใหญ่ ๆ ดังนี้ค่ะ
1. หมึกกระดอง

หมึกชนิดนี้มีลักษณะรีค่อนไปทางกลม ดูอวบอ้วน มีหนวด 10 เส้นที่ค่อนข้างจะหน้าและใหญ่ ลักษณะเด่นก็คือหมึกกระดองจะมีกระดองแข็งสีขาวขุ่นกลางหลัง ซึ่งชาวประมงมักจะเรียกว่า ลิ้นทะเล หมึกกระดองมักจะใช้ชีวิตอยู่ตัวเดียวหรือเป็นคู่ ๆ เนื้อหมึกมีสัมผัสหนึบ เหนียว รสชาติค่อนข้างหวาน นิยมนำมาย่างด้วยเตาถ่าน
2. หมึกหอม
มีลักษณะคล้ายหมึกกระดองมาก ๆ แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ กระดองของหมึกหอมจะเป็นแผ่นใส ตาจะโตและลำตัวเรียวกว่า ลำตัวมีจุดสีน้ำตาลกระจายอยู่ทั่ว และมักจะอยู่รวมกันเป็นฝูง ชาวจะมงมักจะจับหมึกชนิดนี้ในเวลากลางคืนโดยการใช้แสงไฟนีออนล่อให้หมึกออกมาเล่นไฟ
3. หมึกกล้วย

หลายคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากับหมึกชนิดนี้กันอยู่แล้ว หมึกกล้วยมีลักษณะลำตัวรียาว มีรยางค์รูปสามเหลี่ยมตรงส่วนปลายของลำตัว ส่วนใหญ่มักจะอยู่รวมกันเป็นฝูง สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง ทอด หรือย่าง เพราะเนื้อหมึกกล้วยมีความกรอบและนุ่ม
4. หมึกสาย

หรือหมึกยักษ์ที่เราเคยเห็นตัวใหญ่ ๆ นั่นแหละค่ะ หมึกชนิดนี้ชอบอยู่แถว ๆ พื้นทรายเหมือนกันแต่ส่วนใหญ่จะปลีกวิเวกอยู่ตัวเดียวตามโพรงต่าง ๆ เนื้อค่อนข้างเหนียวแต่ไม่เท่าหมึกกระดอง ไม่มีระยางค์และกระดอง ส่วนลพตัวเล็กคล้ายลูกโป่ง หนวดยาวและเหนียว นิยมนำมาลวกจิ้มหรือทานสด ๆ เป็น ๆ เหมือนที่เราเห็นบ่อย ๆ ในรายการเกาหลี แต่หมึกสายที่เพื่อน ๆ ต้องระวังมาก ๆ เวลาไปที่ตลาดก็คือหมึกบลูริงนะคะ ลักษณะของหมึกบลูริง (blue-ringed) จะเป็นตัวเล็ก ๆ และมีจุดสีน้ำเงินแต้มอยู่ทั่วลำตัว ถ้าเพื่อน ๆ พลาดไปทานนี่อันตรายถึงชีวิตเลยเพราะหมึกบลูริงตัวเดียวมีพิษพอ ๆ กับงูเห่า 20 ตัวเลย ต้องระวังเป็นพิเศษเลยค่ะ (3)
ซื้อปลาหมึกอย่างไรให้อร่อยฟิน เนื้อหวานกรอบ
หลังจากมีความรู้เรื่องประเภทของปลาหมึกแล้วเรามาดูวิธีเลือกซื้อปลาหมึกกันอีกสักนิด เวลาไปซื้อจะได้เลือกถูกและได้ทานปลาหมึกแบบอร่อยฟิน ไม่ต้องมาเสียเวลานั่งเจ็บใจเพราะได้ปลาหมึกไม่สดกลับบ้าน!
- ส่วนหัวกับตัวหมึกจะต้องอยู่ติดกัน ไม่ขาด หนวดควรจะอยู่ครบเส้นและไม่เปื่อยยุ่ย
- ตัวหมึกจะต้องแข็ง กดแล้วไม่มีรอยบุ๋ม ไม่มีรอยฉีกขาด เนื้อแน่น ถ้าบีบดูตรงท้องแข็งและป่องแปลว่าหมึกตัวนั้นมีไข่ค่ะ ส่วนผิวหมึกจะต้องเห็นเม็ดสีชัดเจน ตัวใส ไม่เขียวคล้ำ
- ตาหมึกจะต้องออกสีเขียว ไม่ขุ่น ไม่ช้ำ เห็นตาดำได้ชัดเจน
- หมึกสดจะต้องไม่มีกลิ่นเน่าฉุนจมูกหรือเมือกเหนียว ถุงน้ำหมึกไม่แตก แต่ถ้ามีเมือกลื่น ๆ แปลว่าหมึกสดมาก ๆ เพราะหมึกปกติจะมีเมือกใส ๆ บาง ๆ หุ้มตัวอยู่แล้วค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะกับเมนูจากหมึกที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ ในบทความนี้ แต่ละเมนูนี่ขอบอกว่าแค่คิดก็น้ำลายสออยากจัดทริปตกหมึกเร็ว ๆ แล้ว แต่ตอนนี้คงจะทำได้แค่นั่งฝันไปก่อน เพาะฉะนั้นเราอยากให้เพื่อน ๆ ร่วมมือร่วมใจกันป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคและปฏิบัติตามคำแนะนำของห้างร้านต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด เราจะได้กลับมาใช้ชีวิตแบบปกติเร็วขึ้นค่ะ ส่วนช่วงนี้ทำอะไรมากไม่ได้ อยู่บ้านเบื่อ ๆ ก็ลองเข้าครัวทำอาหารทานเองกันไปก่อนเพื่อเซฟความปลอดภัยของตัวเองเนอะ และแน่นอนว่าเราก็มีบทความเมนูอาหารมาแนะนำเพื่อน ๆ มากมายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น เมนูจากหมูสับ, เมนูจากขาหมู, เมนูจากไข่, เมนูจากปลากระป๋อง, เมนูจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, เมนูจากหมูสามชั้น หรือเมนูอาหารใต้เด็ด ๆ ก็มีนะ ลองทำตามดูนะคะ ส่วนตอนนี้ต้องขอตัวไปตกหมึกที่ตลาดก่อน ไว้เจอกันใหม่บทความหน้า รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
References