” ใครอยากมีฟันสวย? ฉันหน่ะสิ ฉันหน่ะสิ! ” ถือเป็นเรื่องปกติของมนุษย์เราที่อยากจะดูสวยดูหล่ออย่างสมบูรณ์แบบในสายตาคนอื่น หากพอจะมีหนทางไหนที่สามารถทำให้ตัวเองดีขึ้นได้เพื่อเพิ่มความมั่นใจได้ ใครกันจะไม่อยากทำจริงมั้ยคะ? ซึ่งหนึ่งในปัญหาบนร่างกายของมนุษย์ที่ผู้คนมักให้ความใส่ใจเป็นพิเศษนั่นก็คือใบหน้า หากคุณเป็นคนที่มีใบหน้าสวยงดงามไม่มีข้อบกพร่องตรงไหนให้ต้องแก้ไขก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่หากคุณมีปัญหาเพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่งคุณก็พร้อมที่จะแก้ไขและปกปิดปัญหาเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องสำอางอย่างคอนซีลเลอร์เข้าช่วย, การฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยปรับรูปหน้า, หรือการสักคิ้วสักปาก สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่อง “ฟัน”
เพราะรอยยิ้มนั้นเปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจที่ใครเห็นเป็นต้องมองก่อนเป็นสิ่งแรก “การจัดฟันเอง” จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถเพิ่มความมั่นใจให้คุณได้ แต่คุณจะต้องมีความพร้อมและต้องยอมแลกกับความอดทนที่มีวินัยอย่างสูงด้วย หากมีคนบอกว่าการจัดฟันเป็นเหมือนเรื่องของแฟชั่นและเรื่องที่ไร้สาระที่สุด เราขอบอกเลยว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะจัดฟันได้ เพราะจริง ๆ แล้วการจัดฟันนั้นจะต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ก่อน ซึ่งบุคคลที่สามารถรับการรักษา (จัดฟัน) นั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับฟันจริง ๆ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลยค่ะ
ใครบ้างที่ควรจัดฟัน
เป็นคำถามยอดฮิตว่าแท้จริงแล้วใครกันที่เหมาะสมจะได้รับการจัดฟันมากที่สุด คำตอบก็คือคุณพอใจกับฟันของตัวเองมากน้อยขนาดไหน? เพราะโดยปกติแล้วผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวฟัน ก็จะสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับรูปหน้าที่ผิดเพี้ยน ปัญหาการเคี้ยวข้าว หรือปัญหาฟันขึ้นซ้อนกันจนดูแลรักษายาก ซึ่งปัญหาเหล่านี้ก็สืบเนื่องมาจากฟันบนยื่นออกมามากเกินไป, ฟันล่างยื่นออกมามากเกินไป, ฟันห่าง หรือฟันขึ้นซ้อนทับกันเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวฟันอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งขึ้นอยู่การวินิจฉัยของแพทย์ด้วย
ทั้งนี้คุณสามารถเดินทางไปยังสถานพยาบาลเกี่ยวกับการรักษาฟัน เพื่อรับคำปรึกษาจากแพทย์โดยตรงจะเป็นทางออกดีที่สุดค่ะ ซึ่งโดยปกติแล้วการเข้ารับคำปรึกษานั้นมักจะไม่มีค่าบริการใด ๆ แต่หากใครไม่มั่นใจให้หาเบอร์โทรศัพท์ของคลินิกทันตกรรมก่อนและถามเกี่ยวกับเงื่อนไขการเข้ารับการคำปรึกษาก่อนก็ได้ค่ะ
ประเภทของการจัดฟัน แบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด
1. การจัดฟันด้านนอก
เป็นการจัดฟันที่นิยมที่สุดในหมู่วัยรุ่น เนื่องจากเมื่อเวลาเรายิ้มแล้ว คนอื่นจะมองเห็นเครื่องมือจัดฟันและสียางได้อย่างชัดเจน ซึ่งยางนั้นก็สามารถเลือกสีที่ชอบได้โดยจะต้องไปให้คุณหมอเปลี่ยนให้ประมาณเดือนละครั้งหรือบางคนก็จะเปลี่ยน 2 สัปดาห์ครั้งแล้วแต่คุณหมอที่ดูแลฟันของเราจะเห็นสมควรค่ะ
ในคืนแรกที่จัดจะรู้สึกปวดทรมาณใช้ได้เลยค่ะ เพราะมันเป็นการรัดฟันเราให้เลื่อนเข้ามา ซึ่งจะรู้สึกปวด ๆ ดึง ๆ หากใครกลัวจะเจ็บมาก แนะนำให้ขอยาแก้ปวดจากคุณหมอไว้เลยค่ะ สำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน ในช่วงแรกก็จะทานอาหารแบบเคี้ยวง่าย ๆ ไว้ก่อน ทานอะไรไปก็ต้องคอยตรวจดูว่ามีเศษอาหารติดอุปกรณ์หรือไม่ และจะขยับปากได้ไม่มากเท่าไหร่ เพราะจะรู้สึกดึง ๆ บวกกับความไม่เคยชินด้วย พอพูดมากก็เจ็บอีก เนื่องจากเราไม่อยากให้ฟันมันกระทบกันตรง ๆ ซึ่งจะกลายเป็นคนพูดไม่ชัดไปเลยค่ะ พอจะยิ้มทีก็ต้องยิ้มให้สุดแบบฉีกยิ้มขึ้นไป พอจะหุบยิ้มก็จะลำบากหน่อย ๆ และนี่คือสาเหตุที่คนภายนอกมองว่าคนที่จัดฟันชอบฉีกยิ้มเพราะต้องการโชว์ของรึเปล่า? ที่อันที่จริงแล้วไม่ใช่เลยค่ะ พวกเราแค่ยิ้มแห้ง ๆ ยิ้มเจื่อน ๆ ไม่ได้ เนื่องจากผนังปากทั้งบนและล่างมันจะไปโดนอุปกรณ์จัดฟัน พอไปโดนก็เจ็บตัวอีก จึงต้องยิ้มให้แบบขึ้นให้สุด เพื่อที่ไม่ให้ภายในปากมีส่วนไหนไปสัมผัสโดนอุปกรณ์นั่นเองค่ะ อีกทั้งในบางครั้งยังมีปัญหาเกี่ยวกับลวดเหล็กในสุดชอบทิ่มแทงกระพุ้งแก้มอีกหากคุณหมอตัดลวดไม่ดี ก็จะต้องหาขี้ผึ้งมาอุดลวดที่โผล่ตรงส่วนนั้น และที่สำคัญคุณจะต้องรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนยางใหม่ในรอบเดือน เพราะนั่นหมายความว่าคุณหมอกำลังดึงยางให้ตึงกว่าเดิม
ราคาจัด : อย่างต่ำอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท
ระยะเวลาในการจัด : ขึ้นอยู่กับปัญหาของฟันของคุณ และขึ้นอยู่กับการไปเปลี่ยนยางที่สม่ำเสมอหรือไม่ อย่างตัวผู้เขียนเองไม่ค่อยไปเปลี่ยนยางตามนัดเท่าไหร่ก็จะอยู่ที่ 7 ปีเลยค่ะ 😀
2. การจัดฟันด้านใน
การจัดฟันด้านในจะเป็นนิยมสำหรับคนที่ไม่ต้องให้ใครดูออกว่าจัดฟัน อย่างเช่นเหล่าดารา, นางแบบ, นักร้อง และเน็ตไอดอลต่าง ๆ ที่ต้องใช้ใบหน้าอันงดงามในการทำงาน ซึ่งจะลักษณะในการติดตั้งเครื่องมือก็จะเหมือนแบบด้านนอกทุกอย่าง เพียงกลับด้านให้เครื่องมือต่าง ๆ มาอยู่ข้างในแทน
ซึ่งสิ่งที่สร้างความลำบากลำบนอยู่หน่อย ๆ ก็คือการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากตัวอุปกรณ์จะต้องโดนลิ้นของเราสัมผัสอยู่ตลอดเวลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจะใช้เวลาในการทำความเคยชินนานกว่าการจัดฟันแบบด้านนอกอยู่แล้วค่ะ ทั้งยังต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญจากหมอที่ชำนาญในการจัดแบบนี้โดยเฉพาะ เนื่องจากจะต้องใช้เทคนิคพิเศษมากมาย เพราะการจัดแบบนี้จะมีขั้นตอนรายละเอียดที่ซับซ้อนมากกว่านั่นเองค่ะ หากให้ตอบว่าจัดฟันแบบด้านในหรือด้านนอกแบบไหนดีกว่ากัน? ก็ต้องดูว่าคุณสนใจในรูปลักษณะที่ผู้คนมองเห็นมากน้อยเพียงใด หากคุณไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไรก็เลือกจัดแบบด้านนอกดีกว่าค่ะ เพราะแบบด้านนอกค่อนข้างดูแลรักษาง่ายกว่า แต่หากคุณเป็นกังวลกลัวคนอื่นจะดูออกว่ากำลังจัดฟันอยู่ ก็อาจจะเลือกเป็นจัดฟันด้านในหรือแบบถอดออกได้ (แบบใส) แทนก็ได้ค่ะ
ราคาจัด : ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราคา 100,000 บาทขึ้นไป เนื่องจากกระบวนการที่ซับซ้อน จึงต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ระยะเวลาในการจัด : ขึ้นอยู่กับปัญหาของฟันของคุณ และขึ้นอยู่กับการไปเปลี่ยนยางที่สม่ำเสมอหรือไม่
3. การจัดฟันแบบใส
การจัดฟันแบบใสหรือแบบที่เราสามารถถอดเข้าถอดออกเองได้ แบบนี้ก็จะเป็นที่นิยมในหมู่ ดารา, ศิลปิน และนักร้องไอดอลเช่นกันค่ะ เพราะมันค่อนข้างใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์และความสะดวกของผู้จัดฟัน โดยจะมีลักษณะเป็นแบบที่ครอบฟันใส ๆ น้ำหนักบางเบา มีผิวสัมผัสเรียบเนียนทำให้ไม่รู้สึกติดขัดแต่อย่างใด มีความรู้สึกสบายขณะสวมใส่ ทั้งยังไม่สร้างความระคายเคืองในช่องปาก ไม่มีปัญหาเหล็กเกี่ยวเป็นแผล โดยรวมแล้วจะเจ็บน้อยกว่าแบบอื่น ๆ ทั้งยังให้ระยะเวลาในการรักษาที่รวดเร็วกว่าอีกด้วย
แต่จะต้องถอดที่ครอบออกทุกครั้งที่กินอาหาร และหลังกินเสร็จจะต้องล้างทำความสะอาดฟันทุกครั้งก่อนจะใส่ที่ครอบเข้าไปใหม่ ดังนั้นใครที่มีนิสัยขี้หลงขี้ลืม อารมณ์เดียวกับคนที่ชอบลืมรีเทนเนอร์คือไม่เหมาะสำหรับการจัดแบบนี้นะคะ เพราะคุณจะต้องพกสติไปด้วยตลอดเวลา หรือหากใครที่รู้ตัวว่าชอบกินจุกจิก อยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้เป็นต้องหาอะไรเข้าปากสักหน่อย ก็เปลี่ยนไปจัดฟันแบบด้านนอกหรือด้านในแทนจะดีกว่าค่ะ แต่หากคุณต้องการความรวดเร็วแบบเร่งรัด และไม่ต้องการให้ผู้คนภายนอกเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง แนะนำจัดฟันแบบใสจะดีที่สุดค่ะ
ราคาจัด : อย่างต่ำอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาท (หรืออาจจะมากกว่า) โดยราคาจะสูงขึ้นตามระยะเวลาที่ต้องการจัด ยิ่งใช้เวลาน้อยยิ่งแพงขึ้นค่ะ
ระยะเวลาในการจัด : จะใช้ระยะเวลาน้อยกว่าแบบอื่น ๆ แต่ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหาฟันด้วยค่ะ
ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนจัดฟัน
- คุณจะต้องเตรียมเงินเป็นสิ่งสำคัญเลยค่ะ เพราะการจัดฟันจะต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะมาก แม้ว่าจะผ่อนจ่ายได้ แต่มันก็ยังเป็นค่าใช้จ่ายสูงอยู่ดี
- ไปตรวจสุขภาพฟันและสุขภาพช่องปาก หากพบปัญหาใด ๆ ให้รีบทำการรักษาก่อน อาทิเช่น การอุดฟันผุ, การผ่าฟันคุด, การรักษารากฟัน, ผ่าตัดขากรรไกร และอื่น ๆ
- เมื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณหมอจะให้คุณเข้าเครื่อง X-ray ฟัน เพื่อดูว่าฟันของคุณมีปัญหาลักษณะอย่างไร จะได้ง่ายต่อการรักษาของคุณหมอ
- หากทุกอย่างทันตแพทย์มองแล้วว่าสามารถเริ่มขั้นตอนจัดฟันได้ ก็จะทำการพิมพ์ฟัน เพื่อจะหล่อขึ้นรูปฟันของคุณจากปูนพลาสเตอร์ จะได้ง่ายต่อการวินิจฉัยและประเมินการรักษาค่ะ
- เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ขั้นตอนถอนฟันจะต้องมา โดยส่วนใหญ่แล้วหากจำนวนฟันของคุณมีมากเกินไป คุณจะต้องถอนเขี้ยวออกก่อน ซึ่งจากประสบการณ์ของผู้เขียนนั้นได้ถอนเขี้ยวบน-ล่าง 4 ซี่เลยค่ะ (ค่อย ๆ ถอนอาทิตย์ละซี่ขณะที่เริ่มใส่เครื่องมือไปแล้ว) แต่หากคุณเป็นคนที่ฟันห่างก็รอดตัวไปค่ะ เราต้องขอแสดงความยินด้วยคุณไม่จำเป็นต้องถอนฟันออก 🙂 ซึ่งทั้งนี้และทั้งนั้นแนะนำให้ทันตแพทย์ของคุณเป็นผู้ประเมินด้วยตัวเองจะดีที่สุดค่ะ

ความสำคัญของการใส่รีเทนเนอร์ – ชีวิตหลังจัดฟันที่คุณต้องรู้
ฟันของคุณจะต้องได้รับการป้องกันการล้มหรือการเคลื่อนด้วยการใส่รีเทนเนอร์ตลอดหลังจากถอดเครื่องมือเสร็จเรียบร้อย หากคุณลืมใส่รีเทนเนอร์ติดต่อกันนานเกินไปแบบหลายเดือนหรือหลายปี รับรองว่าฟันของคุณจะล้มไม่เป็นท่า หรืออย่างดีสุดก็อาจจะเคลื่อนตัวทำให้เมื่อกลับไปใส่รีเทนเนอร์ตัวเดิมจะรู้สึกคับและเจ็บปวดทรมานมาก ๆ ซึ่งทางออกก็คือต้องจัดฟันใหม่อีกครั้ง

และอีกข้อที่สำคัญมาก ๆ คือคุณจะต้องมีสติทุกครั้งที่ถอดรีเทนเนอร์ เพราะรีเทนเนอร์ก็เปรียบเสมือนยางลบหรือรีโมททีวีที่ชอบหายบ่อย ๆ อยู่ดี ๆ ก็หาไม่เจอซะงั้น นั้นเป็นเพราะเรามักถอดรีเทนเนอร์เวลาที่ทานอาหาร มันจึงเป็นที่มาของปัญหารีเทนเนอร์หายนั่นเองค่ะ 🙂
อันตรายจากการจัดฟันแฟชั่นที่ไม่ได้มาตรฐาน
กลายเป็นปัญหาสังคมที่แก้ยากของวัยรุ่นที่อยู่ในช่วง 12-18 ปี ที่เริ่มมองว่าการจัดฟันคือแฟชั่นด้านความสวยงาม ซึ่งจากข่าวที่พบเห็นอยู่บ่อย ๆ นั้นก็มักจะเป็นการจัดฟันโดยบุคคลธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับฟันเลย พวกเขาอาศัยแค่การตั้งราคาถูก ๆ และใช้วัสดุเกรดต่ำมาเป็นต้นทุน ก็สามารถดึงดูดลูกค้าที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะได้เป็นจำนวนมาก
แต่ของถูกแล้วดีไม่มีในโลกหรอกนะคะ ไม่เช่นนั้นคุณหมอจะร่ำเรียนมาให้เหนื่อยหลายปีไปเพื่ออะไรหากใครก็สามารถเป็นทันตแพทย์ได้ การติตตั้งเครื่องมือจัดฟันแบบผิด ๆ โดยอาศัยแค่การทากาวและติดเหล็ก ติดพลาสติก ให้เสร็จเป็นเคส ๆ ไปโดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่ตามมา มักจะสร้างปัญหาด้านสุขภาพช่องปากของคุณได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ ผลร้ายที่ตามมาก็จะมีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ฟันล้ม, หน้าฟันเสียหาย, ฟันเน่า, ฟันเรียงตัวผิดรูป, ฟันหัก, เหงือกอักเสบ, ซ้ำร้ายหากไม่มีการฆ่าเชื้อใด ๆ ก็อาจจะทำให้คุณเกิดอาการอักเสบติดเชื้ออย่างรุนแรง จนอาจจะทำให้อันตรายถึงชีวิตได้
เพราะฉะนั้นหากใครที่มีบุตรหลานหรือเด็ก ๆ ในวัยนี้ที่อยู่ในความดูแลของคุณ คุณจะต้องให้พวกเขาเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของการจัดฟันที่ถูกต้อง และผลร้ายของการจัดฟันเถื่อนให้ชัดเจน หากคุณยังไม่พร้อมในเรื่องของงบประมาณที่จะไปจัดฟันจริง ๆ ก็ขอให้รอไปก่อน ไว้พร้อมเมื่อไรค่อยไปจัดฟันอย่างถูกต้องก็ยังไม่เสียหายนะคะ ด้วยรักและหวังดีจาก bestreview.asia