ถึงแม้นักร้องในยุคปัจจุบันจะออกผลงานจำนวนมากมาให้ฟังกัน ไม่ว่าจะเป็น จัสติน บีเบอร์, อารีอานา กรานเด หรือ เทย์เลอร์ สวิฟต์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านักร้องในอดีตตั้งแต่ยุค 70 ยังคงมีอิทธิพลและสร้างแรงบันดาลใจให้นักร้องชื่อดังหลายคน เสมือนกับปูทางเดินให้ศิลปินรุ่นใหม่ ทั้งนี้หากพูดถึงนักร้องระดับตำนานระดับโลกในฝ่ายหญิง หลายคนก็อาจจะนึกถึง Whitney Huston หรือ Aretha Franklin กันใช่ไหมครับ

แต่สำหรับฝ่ายชายนั้นผมเชื่อว่าคงหนีไม่พ้น ‘Michael Jackson (ไมเคิล แจ็กสัน)’ อย่างแน่นอน เพราะเขาได้ฝากผลงานเพลงคุณภาพเอาไว้ในอุตสาหกรรมเพลงเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้วกว่า 12 ปี แต่เสียงร้องอันไพเราะของเขายังตราตรึงอยู่ในหัวใจของใครหลายคน ดังนั้นวันนี้เราจึงได้มาเปิดประวัติ และผลงานเพลงของ Michael Jackson มาฝากกันครับ

ประวัติของ Michael Jackson (ไมเคิล แจ็กสัน)

ไมเคิลเกิดและเติบโตในรัฐอินเดียน่า ซึ่งครอบครัวของไมเคิลในอดีตนั้นไม่ได้เป็นเศรษฐีแต่อย่างใด จะเรียกว่าชนชั้นแรงงานก็ว่าได้ โดยคุณแม่ของเขาชื่อ ‘Katherine Esther Jackson’ เป็นนักดนตรีที่สามารถเล่นคลาริเน็ตและเปียโนได้ ส่วนคุณพ่อของเขาชื่อ ‘Joseph Walter “Joe” Jackson’ เป็นอดีตนักมวยและคนขับเครน อีกทั้งยังมีวงดนตรีเป็นของตัวเองอีกด้วย เพราะคุณพ่อสามารถเล่นกีตาร์ได้

ทั้งนี้ด้วยความที่ครอบครัวของเขามีแพชชั่นรักในด้านดนตรี ดังนั้นครอบครัวจึงจัดตั้งวงเป็นของตัวเองที่ชื่อ ‘Jackson Brother’ ซึ่งเหตุผลนี้ทำให้ไมเคิลต้องฝึกฝนการร้องตั้งแต่เด็กเพื่อที่จะพัฒนาทักษะให้สามารถเข้าวงได้ จนในที่สุดด้วยพรสวรรค์ที่ติดตัวมาบวกกับการฝึกซ้อมที่หนักหน่วงโดยคุณพ่อ ทำให้ไมเคิลกลายเป็นนักร้องนำของวงในช่วงอายุยังน้อย จากนั้นวงก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘The Jackson 5’ และไม่นานนักก็ได้ไปชนะรางวัลในรายการโชว์แสดงความสามารถ และก็ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงอย่างเป็นทางการ จนประสบความสำเร็จสามารถคว้าเพลงอันดับ 1 Billboard Hot 100 ได้หลายเพลง

ถึงแม้ว่าวง The Jackson 5 จะไปได้ค่อนข้างดี แต่ด้วยความสามารถที่ฉายแสงของไมเคิล ทำให้เขาได้ลองทำอัลบั้มเดี่ยว และแน่นอนว่ามันเวิร์คสุด ๆ เพราะทั้งยอดขายอัลบั้มและซิงเกิ้ลนั้นขายได้แบบเทน้ำเทท่า เหมือนไมเคิลเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริง ๆ ความโด่งดังของเขาเติบโตไปตามอายุ ชนิดที่กราฟมีแต่ขึ้นไม่มีลงแต่อย่างใด ซึ่งเรียกได้ว่าในช่วงที่ไมเคิล แจ็กสันอยู่ในวงการนั้นมีแต่ผู้คนชื่นชมในความสามารถและมีแฟนคลับทั่วโลก ถึงแม้เขาจะเสียชีวิตไปในปี 2009 แต่ผลงานเพลงของเขายังคงประจักษ์และถูกบันทึกว่าเขาคือศิลปินในตำนานที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลก

1. Billie Jean

ด้วยยอดขายทั่วโลกที่มากกว่า 10 ล้านก็อปปี้และได้รับการรับรองจาก RIAA ว่าเป็นเพลงที่ทำยอดขายได้ในระดับ 6x Platinum ในสหรัฐ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นหนึ่งในเพลงขายดีที่สุดตลอดกาล และเป็นการการันตีถึงคุณภาพของเพลงได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้เบื้องลึกเบื้องหลังของเพลงนี้มาจากการที่ไมเคิลได้นำเอาประสบการณ์ในชีวิตเกี่ยวกับพี่ชายและน้องชายในอดีตมาแต่งเรื่องราว เพื่อย้อนความหลังของเขาในสมัยวัยเด็ก ดังนั้นทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้คุณจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดี ๆ มากมายที่ถ่ายทอดออกมา อีกทั้งด้วยความที่เพลงมีความเป็น Disco สูงมาก จึงทำให้เพลงนี้เติมเต็มความสนุกสนานได้ดีเลยทีเดียว ถ้ามีใครถามว่าเพลงอะไรที่เป็นซิกเนเจอร์ของไมเคิล เพลงนี้ถือเป็นลิสต์แรก ๆ ของคำตอบเลยก็ว่าได้ครับ

2. You Are Not Alone

เพลงนี้สามารถเปิดตัวได้ด้วยอันดับ 1 และยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในทางบวกจากหลากหลายสำนัก ซึ่งแน่นอนว่าผลจากกระแสและคำชื่นชมทำให้เพลงนี้สามารถเข้าชิง Grammy ในสาขา Best Male Pop Vocal Performance โดยสิ่งที่ทำให้เพลงนี้ประสบความสำเร็จได้นั่นคือ Robert Kelly เบื้องหลังทีมเขียนเพลงและโปรดิวเซอร์คนเก่ง ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักและการสูญเสียคนที่รักซึ่งกลั่นกรองมาจากหัวใจ

ดังนั้นเสน่ห์ของเพลงที่เราสัมผัสได้จากเพลงได้คือความจริงใจและจิตวิญญาณที่ถึงแม้ว่า Robert จะไม่ได้เป็นคนร้องเอง แต่คนฟังสามารถสัมผัสได้ ยิ่งด้วยสตอรี่ที่เชื่อมโยงกับชีวิตของไมเคิล ยิ่งทำให้เพลงนี้พิเศษมากขึ้นไปอีกระดับ นอกจากนี้แนวดนตรีที่เป็น Pop และ R&B ในจังหวะช้า ๆ ก็ยิ่งทำให้เราเข้าถึงมากได้มากขึ้น หากใครอยากฟังเพลงโชว์เสียงและจังหวะช้า ๆ เพลงนี้น่าจะเหมาะกับคุณ

3. Smooth Criminal

Smooth Criminal เป็นเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม Bad โดยเพลงนี้ได้ปล่อยออกสู่สาธารณะเมื่อเดือนพฤศจิกายนในปี 1988 ซึ่งเพลงนี้เป็นการผสมผสานระหว่างระหว่าง R&B และ Rock มีกลิ่นอายของดนตรีในยุค 80’s มาก ใครที่ชอบเพลงคลาสสิกในยุคนี้น่าจะชอบเพลงแบบนี้มาก ๆ ครับ

ทั้งนี้ถึงแม้ว่า Smooth Criminal จะไม่ใช่เพลงที่มียอดขายมากที่สุดหรือทำอันดับสูงสุดในบนชาร์ต Billboard Hot 100 แต่บอกได้เลยว่าเพลงนี้คือหนึ่งในเพลงคุณภาพที่สุดของไมเคิล ซึ่งเป็นแนวแดนซ์สร้างความสนุกสนานให้กับคนฟังได้เป็นอย่างดี

4. Thriller

Thriller ถือเป็นเพลงคู่บุญของไมเคิลเลยก็ว่าได้ครับ เพราะเพลงนี้ทำให้เขามีชื่อเสียงมากกว่าเดิม อีกทั้งเพลงยังสามารถขายได้เรื่อย ๆ ในทุกปี ยิ่งโดยเฉพาะช่วงฮัลโลวีนแล้วเพลงนี้จะกลับเข้ามาใน Itunes อยู่เสมอ เนื่องจากตัวเพลงเกี่ยวกับเรื่องสยองขวัญ และ MV ของเพลงทำออกมาในคอนเซ็ปต์ซอมบี้นั่นเอง

นอกจากนี้ท่าเต้นของเพลงก็เป็นที่เลื่องชื่อลือชาของคนในสมัยนั้นมาก เพราะมันดูแปลกใหม่และเท่ห์แบบไม่เหมือนใคร ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพลงนี้จึงประสบความสำเร็จและถูกกล่าวถึงอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะผ่านไปกว่า 37 ปีแล้วก็ตาม อีกทั้งเพลงนี้ยังสนุกตามแบบฉบับยุค 80’s ที่มีความเป็น Disco และ Funk ฉะนั้นใครที่อยากจัดงานปาร์ตี้ยุคคลาสสิก เพลงนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมากเลยครับ

5. Beat It

ความพิเศษของเพลงนี้คือการใช้แนวดนตรีที่ผสมกับความเป็น Rock and Roll ดังนั้นแน่นอนว่าเพลงนี้จะมีความดุดันและสนุกมาก ซึ่งในช่วงนั้นเพลงนี้ถือว่าดังและฮิตในหมู่วัยรุ่นเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าความดังของเพลงเทียบเคียงมากับเพลง ‘Billie Jean’ เลยก็ว่าได้ครับ เพราะเพลงนี้สามารถขึ้นไปแตะอันดับ 1 บน Billboard Chart ได้นานถึง 3 สัปดาห์ อีกทั้งยอดขายทั่วโลกยังสูงถึง 7 ล้านก็อปปี้

นอกจากนี้ Rollong Stone ยังได้จัดอันดับให้ติดอันดับที่ 344 ใน 500 อันดับเพลงยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลเลยทีเดียว ดังนั้นใครที่ไม่เคยฟังเพลงนี้ ผมแนะนำให้ฟังเลยครับ แล้วรับรองว่าคุณจะมีเพลงใหม่เพิ่มในลิสต์โปรดอย่างแน่นอน

6. Remember The Time

Remember The Time คือเพลงสไตล์ R&B ที่เกี่ยวกับความรักของไมเคิล แจ็กสัน โดยมีหลายคนได้บอกว่าไมเคิลต้องการจะสื่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขาและไดอานา รอสส์ นักร้องหญิงที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในวงการฮอลลีวูด ซึ่งในช่วงนี้มีข่าวลือออกมาว่าทั้งคู่ได้เดทกันในระยะเวลาหนึ่ง

ทั้งนี้ใครที่อยากฟังเพลงโรแมนซ์ที่มีจังหวะแดนซ์ ๆ ต้องลองฟังเพลงนี้ครับแล้วคุณจะชอบอย่างแน่นอน อย่างไรดีแม้ว่าจะถูกปล่อยมาแล้ว แต่ความคลาสสิกของตัวเพลงก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเพลงนี้เก่าเลยแม้แต่น้อย เพราะถึงแม้ว่าจะเปิดในปี 2021 เพลงนี้ก็ยังคงให้ความรู้สึกสดใหม่อยู่เสมอ

7. Black Or White

เพลงนี้เปรียบเสมือนเพลงที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อไมเคิลเลยครับ เพราะแนวเพลงแบบ Dance ผสมผสานกับ Hip hop และ Hard Rock ซึ่งดนตรีและเนื้อเพลงถูกแต่งให้เข้ากับสไตล์การร้องของไมเคิลเป็นอย่างมาก ดังนั้นทั้งดนตรีและเสียงร้องภายในเพลงนี้ถือว่าลงตัวและกลมกล่อมทุกอย่าง

แน่นอนว่าความเพอร์เฟคของเพลงทำให้ไมเคิลกลายเป็นศิลปินคนแรกที่มีเพลงอันดับ 1 ถึง 3 ยคุนั่นคือ ยุค 70’s, 80’s และ 90’ อีกทั้ง RIAA สมาคมเพลงในอเมริกาคือเพลงนี้ได้รับยอดขายในระดับ 2x Platinum หรือขายได้ถึง 2 ล้านก็อปปี้ในอเมริกา

8. Bad

Bad เป็นเพลงที่เขาเขียนและโปรดิวเซอร์เอง เพราะเขาได้แรงบันดาลใจจากการอ่านนิตยสารและนักสื่อพิมพ์เกี่ยวกับเรื่องราวอันน่าสยองในนิวยอร์ก โดยในตอนแรกเพลงนี้มีแพลนที่จะเป็นการร่วมงานระหว่างเขาและศิลปินชื่อดังอย่าง Prince แต่น่าเสียดายที่ทาง Prince ได้ปฏิเสธไป

อย่างไรก็ดีด้วยแพชชั่นอันแรงกล้าของเขาที่สร้างสรรค์ผลงานเพลงนี้กับมือ ก็ทำให้เขายังคงดำเนินการอัดเสียงต่อไปเป็นเพลงเดี่ยว และแน่นอนว่ามันประสบความสำเร็จดังใจหวังของเขา เพราะเพลงนี้สามารถขึ้นอันดับ 1 ได้ อีกทั้งยังขึ้นชาร์ตในประเทศยุโรปได้อีกด้วย

9. Don’t Stop ‘Til You Get Enough’

อีกหนึ่งเพลงอันดับ 1 ของไมเคิลที่ต้องพูดถึงคือเพลง Don’t Stop ‘Til You Get Enough’ เพราะถึงแม้ว่าความยาวของเพลงในอัลบั้มจะยาวถึง 6 นาที แต่ในระหว่างที่ฟังแทบจะไม่มีความรู้สึกเบื่อแต่อย่างใด เพราะความเป็น Funk และ Disco นั้นมาพร้อมกับความสนุกสนานตามแบบฉบับของไมเคิลอยู่แล้ว

ยิ่งการได้ฟังเสียงและเทคนิคการร้องเสียงหลบของไมเคิลเข้าไป ก็ยิ่งทำให้เพลงอยากเปิดเพลงนี้ซ้ำวนแบบไม่มีวันหยุด ทั้งนี้เพลงนี้ยังได้ดูยกให้เพลง Iconic ของเพลงในสาขา Disco เลยก็ว่าได้ หากใครกำลังหาเพลงสนุก ๆ ในช่วงวันหยุด เพลงนี้ถือว่าตอบโจทย์มากเลยครับ รับรองว่าวันหยุดของคุณจะพิเศษไปทั้งวัน

10. Rock With You

Rock With You เป็นซิงเกิ้ลที่ 2 ในอัลบั้ม Off the Wall โดยเพลงนี้สามารถขึ้นชาร์ตได้ทั้งในสาขา Pop และ R&B ทั้งนี้เพลงนี้ถือว่าเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จในช่วงปี 1980 ซึ่งว่าเป็นยุคความรุ่งเรืองยุคสุดท้ายของเพลงแนว Disco ทั้งนี้เพลง Rock With You เป็นเพลงที่ค่อนข้าง Easy Lestening สามารถฟังได้ยาว ๆ เหมาะกับการฟังช่วงพักผ่อนมาก หากใครอยากหาเพลงเบาสมอง ไม่คิดอะไรมากในช่วงว่าง ๆ ผมแนะนำเลยครับว่าเพลงนี้น่าสนใจเลยทีเดียว